Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๘. อริยวํสสุตฺตวณฺณนา
8. Ariyavaṃsasuttavaṇṇanā
๒๘. อฎฺฐมสฺส อชฺฌาสยิโก นิเกฺขโปฯ อิมํ กิร มหาอริยวํสสุตฺตนฺตํ ภควา เชตวนมหาวิหาเร ธมฺมสภายํ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน อตฺตโนปิ ปรปุคฺคลานมฺปิ อชฺฌาสยวเสน ปริวาเรตฺวา นิสินฺนานิ จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ, ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อามเนฺตตฺวา จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสาติ อารภิฯ ตตฺถ อริยวํสาติ อริยานํ วํสาฯ ยถา หิ ขตฺติยวํโส พฺราหฺมณวํโส เวสฺสวํโส สุทฺทวํโส สมณวํโส กุลวํโส ราชวํโส, เอวํ อยมฺปิ อฎฺฐโม อริยวํโส อริยตนฺติ อริยปเวณี นาม โหติฯ โส โข ปนายํ อริยวํโส อิเมสํ วํสานํ มูลคนฺธาทีนํ กาฬานุสาริคนฺธาทโย วิย อคฺคมกฺขายติฯ
28. Aṭṭhamassa ajjhāsayiko nikkhepo. Imaṃ kira mahāariyavaṃsasuttantaṃ bhagavā jetavanamahāvihāre dhammasabhāyaṃ paññattavarabuddhāsane nisinno attanopi parapuggalānampi ajjhāsayavasena parivāretvā nisinnāni cattālīsa bhikkhusahassāni, ‘‘bhikkhave’’ti āmantetvā cattārome, bhikkhave, ariyavaṃsāti ārabhi. Tattha ariyavaṃsāti ariyānaṃ vaṃsā. Yathā hi khattiyavaṃso brāhmaṇavaṃso vessavaṃso suddavaṃso samaṇavaṃso kulavaṃso rājavaṃso, evaṃ ayampi aṭṭhamo ariyavaṃso ariyatanti ariyapaveṇī nāma hoti. So kho panāyaṃ ariyavaṃso imesaṃ vaṃsānaṃ mūlagandhādīnaṃ kāḷānusārigandhādayo viya aggamakkhāyati.
เก ปน เต อริยา, เยสํ เอเต วํสาติ? อริยา วุจฺจนฺติ พุทฺธา จ ปเจฺจกพุทฺธา จ ตถาคตสาวกา จ, เอเตสํ อริยานํ วํสาติ อริยวํสาฯ อิโต ปุเพฺพ หิ สตสหสฺสกปฺปาธิกานํ จตุนฺนํ อสเงฺขฺยยฺยานํ มตฺถเก ตณฺหงฺกโร, เมธงฺกโร , สรณงฺกโร, ทีปงฺกโรติ จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปนฺนา, เต อริยา, เตสํ อริยานํ วํสาติ อริยวํสาฯ เตสํ พุทฺธานํ ปรินิพฺพานโต อปรภาเค อสเงฺขฺยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โกณฺฑโญฺญ นาม พุโทฺธ อุปฺปโนฺน…เป.… อิมสฺมิํ กเปฺป กกุสโนฺธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, อมฺหากํ ภควา โคตโมติ จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปนฺนา, เตสํ อริยานํ วํสาติ อริยวํสาฯ อปิจ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ สพฺพพุทฺธ-ปเจฺจกพุทฺธ-พุทฺธสาวกานํ อริยานํ วํสาติ อริยวํสาฯ
Ke pana te ariyā, yesaṃ ete vaṃsāti? Ariyā vuccanti buddhā ca paccekabuddhā ca tathāgatasāvakā ca, etesaṃ ariyānaṃ vaṃsāti ariyavaṃsā. Ito pubbe hi satasahassakappādhikānaṃ catunnaṃ asaṅkhyeyyānaṃ matthake taṇhaṅkaro, medhaṅkaro , saraṇaṅkaro, dīpaṅkaroti cattāro buddhā uppannā, te ariyā, tesaṃ ariyānaṃ vaṃsāti ariyavaṃsā. Tesaṃ buddhānaṃ parinibbānato aparabhāge asaṅkhyeyyaṃ atikkamitvā koṇḍañño nāma buddho uppanno…pe… imasmiṃ kappe kakusandho, koṇāgamano, kassapo, amhākaṃ bhagavā gotamoti cattāro buddhā uppannā, tesaṃ ariyānaṃ vaṃsāti ariyavaṃsā. Apica atītānāgatapaccuppannānaṃ sabbabuddha-paccekabuddha-buddhasāvakānaṃ ariyānaṃ vaṃsāti ariyavaṃsā.
เต โข ปเนเต อคฺคญฺญา อคฺคาติ ชานิตพฺพา, รตฺตญฺญา ทีฆรตฺตํ ปวตฺตาติ ชานิตพฺพา, วํสญฺญา วํสาติ ชานิตพฺพาฯ โปราณา น อธุนุปฺปตฺติกาฯ อสํกิณฺณา อวิกิณฺณา อนปนีตาฯ อสํกิณฺณปุพฺพา อตีตพุเทฺธหิปิ น สํกิณฺณปุพฺพา, ‘‘กิ อิเมหี’’ติ น อปนีตปุพฺพาฯ น สํกียนฺตีติ อิทานิปิ น อปนียนฺติฯ น สํกียิสฺสนฺตีติ อนาคตพุเทฺธหิปิ น อปนียิสฺสนฺติฯ เย โลเก วิญฺญู สมณพฺราหฺมณา, เตหิ อปฺปฎิกุฎฺฐา, สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหิ อนินฺทิตา อครหิตาฯ
Te kho panete aggaññā aggāti jānitabbā, rattaññā dīgharattaṃ pavattāti jānitabbā, vaṃsaññā vaṃsāti jānitabbā. Porāṇā na adhunuppattikā. Asaṃkiṇṇā avikiṇṇā anapanītā. Asaṃkiṇṇapubbā atītabuddhehipi na saṃkiṇṇapubbā, ‘‘ki imehī’’ti na apanītapubbā. Na saṃkīyantīti idānipi na apanīyanti. Na saṃkīyissantīti anāgatabuddhehipi na apanīyissanti. Ye loke viññū samaṇabrāhmaṇā, tehi appaṭikuṭṭhā, samaṇehi brāhmaṇehi viññūhi aninditā agarahitā.
สนฺตุโฎฺฐ โหตีติ ปจฺจยสโนฺตสวเสน สนฺตุโฎฺฐ โหติฯ อิตรีตเรนาติ น ถูลสุขุมลูขปณีตถิรชิณฺณานํ เยน เกนจิ, อถ โข ยถาลทฺธาทีนํ อิตรีตเรน เยน เกนจิ สนฺตุโฎฺฐ โหตีติ อโตฺถฯ จีวรสฺมิญฺหิ ตโย สโนฺตสา ยถาลาภสโนฺตโส ยถาพลสโนฺตโส ยถาสารุปฺปสโนฺตโสติฯ ปิณฺฑปาตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เตสํ วิตฺถารกถา ‘‘สนฺตุฎฺฐสฺส, ภิกฺขเว, อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อิมสฺมิํ สุเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ อิติ อิเม ตโย สโนฺตเส สนฺธาย ‘‘สนฺตุโฎฺฐ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, ยถาลทฺธาทีสุ เยน เกนจิ จีวเรน สนฺตุโฎฺฐ โหตี’’ติ วุตฺตํฯ
Santuṭṭho hotīti paccayasantosavasena santuṭṭho hoti. Itarītarenāti na thūlasukhumalūkhapaṇītathirajiṇṇānaṃ yena kenaci, atha kho yathāladdhādīnaṃ itarītarena yena kenaci santuṭṭho hotīti attho. Cīvarasmiñhi tayo santosā yathālābhasantoso yathābalasantoso yathāsāruppasantosoti. Piṇḍapātādīsupi eseva nayo. Tesaṃ vitthārakathā ‘‘santuṭṭhassa, bhikkhave, anuppannā ceva kusalā dhammā uppajjantī’’ti imasmiṃ sutte vuttanayeneva veditabbā. Iti ime tayo santose sandhāya ‘‘santuṭṭho hoti itarītarena cīvarena, yathāladdhādīsu yena kenaci cīvarena santuṭṭho hotī’’ti vuttaṃ.
เอตฺถ จ จีวรํ ชานิตพฺพํ, จีวรเกฺขตฺตํ ชานิตพฺพํ, ปํสุกูลํ ชานิตพฺพํ, จีวรสโนฺตโส ชานิตโพฺพ, จีวรปฺปฎิสํยุตฺตานิ ธุตงฺคานิ ชานิตพฺพานิฯ ตตฺถ จีวรํ ชานิตพฺพนฺติ โขมาทีนิ ฉ จีวรานิ ทุกูลาทีนิ ฉ อนุโลมจีวรานิ ชานิตพฺพานิฯ อิมานิ ทฺวาทส กปฺปิยจีวรานิฯ กุสจีรํ, วากจีรํ, ผลกจีรํ, เกสกมฺพลํ, วาฬกมฺพลํ, โปตฺถโก, จมฺมํ, อุลูกปกฺขํ, รุกฺขทุสฺสํ, ลตาทุสฺสํ, เอรกทุสฺสํ, กทลิทุสฺสํ, เวฬุทุสฺสนฺติ เอวมาทีนิ ปน อกปฺปิยจีวรานิฯ
Ettha ca cīvaraṃ jānitabbaṃ, cīvarakkhettaṃ jānitabbaṃ, paṃsukūlaṃ jānitabbaṃ, cīvarasantoso jānitabbo, cīvarappaṭisaṃyuttāni dhutaṅgāni jānitabbāni. Tattha cīvaraṃ jānitabbanti khomādīni cha cīvarāni dukūlādīni cha anulomacīvarāni jānitabbāni. Imāni dvādasa kappiyacīvarāni. Kusacīraṃ, vākacīraṃ, phalakacīraṃ, kesakambalaṃ, vāḷakambalaṃ, potthako, cammaṃ, ulūkapakkhaṃ, rukkhadussaṃ, latādussaṃ, erakadussaṃ, kadalidussaṃ, veḷudussanti evamādīni pana akappiyacīvarāni.
จีวรเกฺขตฺตนฺติ ‘‘สงฺฆโต วา คณโต วา ญาติโต วา มิตฺตโต วา อตฺตโน วา ธเนน, ปํสุกูลํ วา’’ติ เอวํ อุปฺปชฺชนโต ฉ เขตฺตานิ, อฎฺฐนฺนญฺจ มาติกานํ วเสน อฎฺฐ เขตฺตานิ ชานิตพฺพานิฯ
Cīvarakkhettanti ‘‘saṅghato vā gaṇato vā ñātito vā mittato vā attano vā dhanena, paṃsukūlaṃ vā’’ti evaṃ uppajjanato cha khettāni, aṭṭhannañca mātikānaṃ vasena aṭṭha khettāni jānitabbāni.
ปํสุกูลนฺติ โสสานิกํ, ปาปณิกํ, รถิยํ, สงฺการกูฎกํ, โสตฺถิยํ, สินานํ, ติตฺถํ, คตปจฺจาคตํ, อคฺคิทฑฺฒํ, โคขายิตํ, อุปจิกขายิตํ, อุนฺทูรขายิตํ , อนฺตจฺฉินฺนํ, ทสจฺฉินฺนํ, ธชาหฎํ, ถูปํ, สมณจีวรํ, สามุทฺทิยํ, อาภิเสกิยํ, ปนฺถิกํ, วาตาหฎํ, อิทฺธิมยํ, เทวทตฺติยนฺติ เตวีสติ ปํสุกูลานิ เวทิตพฺพานิฯ เอตฺถ จ โสตฺถิยนฺติ คพฺภมลหรณํฯ คตปจฺจาคตนฺติ มตกสรีรํ ปารุปิตฺวา สุสานํ เนตฺวา อานีตจีวรํฯ ธชาหฎนฺติ ธชํ อุสฺสาเปตฺวา ตโต อานีตํฯ ถูปนฺติ วมฺมิเก ปูชิตจีวรํฯ สามุทฺทิยนฺติ สมุทฺทวีจีหิ ถลํ ปาปิตํฯ ปนฺถิกนฺติ ปนฺถํ คจฺฉเนฺตหิ โจรภเยน ปาสาเณหิ โกเฎฺฎตฺวา ปารุตจีวรํฯ อิทฺธิมยนฺติ เอหิภิกฺขุจีวรํฯ เสสํ ปากฎเมวาติฯ
Paṃsukūlanti sosānikaṃ, pāpaṇikaṃ, rathiyaṃ, saṅkārakūṭakaṃ, sotthiyaṃ, sinānaṃ, titthaṃ, gatapaccāgataṃ, aggidaḍḍhaṃ, gokhāyitaṃ, upacikakhāyitaṃ, undūrakhāyitaṃ , antacchinnaṃ, dasacchinnaṃ, dhajāhaṭaṃ, thūpaṃ, samaṇacīvaraṃ, sāmuddiyaṃ, ābhisekiyaṃ, panthikaṃ, vātāhaṭaṃ, iddhimayaṃ, devadattiyanti tevīsati paṃsukūlāni veditabbāni. Ettha ca sotthiyanti gabbhamalaharaṇaṃ. Gatapaccāgatanti matakasarīraṃ pārupitvā susānaṃ netvā ānītacīvaraṃ. Dhajāhaṭanti dhajaṃ ussāpetvā tato ānītaṃ. Thūpanti vammike pūjitacīvaraṃ. Sāmuddiyanti samuddavīcīhi thalaṃ pāpitaṃ. Panthikanti panthaṃ gacchantehi corabhayena pāsāṇehi koṭṭetvā pārutacīvaraṃ. Iddhimayanti ehibhikkhucīvaraṃ. Sesaṃ pākaṭamevāti.
จีวรสโนฺตโสติ วีสติ จีวรสโนฺตสา – จีวเร วิตกฺกสโนฺตโส, คมนสโนฺตโส, ปริเยสนสโนฺตโส, ปฎิลาภสโนฺตโส, มตฺตปฎิคฺคหณสโนฺตโส, โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโส, ยถาลาภสโนฺตโส, ยถาพลสโนฺตโส, ยถาสารุปฺปสโนฺตโส, อุทกสโนฺตโส, โธวนสโนฺตโส, กรณสโนฺตโส, ปริมาณสโนฺตโส, สุตฺตสโนฺตโส, สิพฺพนสโนฺตโส, รชนสโนฺตโส, กปฺปสโนฺตโส, ปริโภคสโนฺตโส, สนฺนิธิปริวชฺชนสโนฺตโส, วิสฺสชฺชนสโนฺตโสติฯ
Cīvarasantosoti vīsati cīvarasantosā – cīvare vitakkasantoso, gamanasantoso, pariyesanasantoso, paṭilābhasantoso, mattapaṭiggahaṇasantoso, loluppavivajjanasantoso, yathālābhasantoso, yathābalasantoso, yathāsāruppasantoso, udakasantoso, dhovanasantoso, karaṇasantoso, parimāṇasantoso, suttasantoso, sibbanasantoso, rajanasantoso, kappasantoso, paribhogasantoso, sannidhiparivajjanasantoso, vissajjanasantosoti.
ตตฺถ สาทกภิกฺขุนา เตมาสํ นิพทฺธวาสํ วสิตฺวา เอกมาสมตฺตํ วิตเกฺกตุํ วฎฺฎติฯ โส หิ ปวาเรตฺวา จีวรมาเส จีวรํ กโรติ, ปํสุกูลิโก อฑฺฒมาเสเนว กโรติฯ อิทํ มาสฑฺฒมาสมตฺตํ วิตกฺกนํ วิตกฺกสโนฺตโส นามฯ วิตกฺกสโนฺตเสน ปน สนฺตุเฎฺฐน ภิกฺขุนา ปาจีนขณฺฑราชิวาสิกปํสุกูลิกเตฺถรสทิเสน ภวิตพฺพํฯ
Tattha sādakabhikkhunā temāsaṃ nibaddhavāsaṃ vasitvā ekamāsamattaṃ vitakketuṃ vaṭṭati. So hi pavāretvā cīvaramāse cīvaraṃ karoti, paṃsukūliko aḍḍhamāseneva karoti. Idaṃ māsaḍḍhamāsamattaṃ vitakkanaṃ vitakkasantoso nāma. Vitakkasantosena pana santuṭṭhena bhikkhunā pācīnakhaṇḍarājivāsikapaṃsukūlikattherasadisena bhavitabbaṃ.
เถโร กิร ‘‘เจติยปพฺพตวิหาเร เจติยํ วนฺทิสฺสามี’’ติ อาคโต เจติยํ วนฺทิตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘มยฺหํ จีวรํ ชิณฺณํ, พหูนํ วสนฎฺฐาเน ลภิสฺสามี’’ติฯ โส มหาวิหารํ คนฺตฺวา สงฺฆเตฺถรํ ทิสฺวา วสนฎฺฐานํ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ วุโตฺถ ปุนทิวเส จีวรํ อาทาย อาคนฺตฺวา เถรํ วนฺทิฯ เถโร ‘‘กิํ , อาวุโส’’ติ อาหฯ คามทฺวารํ, ภเนฺต, คมิสฺสามีติฯ อหมฺปาวุโส, คมิสฺสามีติ ฯ สาธุ, ภเนฺตติ คจฺฉโนฺต มหาโพธิทฺวารโกฎฺฐเก ฐตฺวา ‘‘ปุญฺญวนฺตานํ วสนฎฺฐาเน มนาปํ ลภิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘อปริสุโทฺธ เม วิตโกฺก’’ติ ตโตว ปฎินิวตฺติฯ ปุนทิวเส อมฺพงฺคณสมีปโต, ปุนทิวเส มหาเจติยสฺส อุตฺตรทฺวารโต ตเตฺถว ปฎินิวตฺติตฺวา จตุตฺถทิวเส เถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ เถโร ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน วิตโกฺก น ปริสุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ จีวรํ คเหตฺวา เตน สทฺธิํเยว ปญฺหํ ปุจฺฉมาโน คามํ ปาวิสิฯ ตญฺจ รตฺติํ เอโก มนุโสฺส อุจฺจารปลิพุโทฺธ สาฎเกเยว วจฺจํ กตฺวา ตํ สงฺการฎฺฐาเน ฉเฑฺฑสิฯ ปํสุกูลิกเตฺถโร ตํ นีลมกฺขิกาหิ สมฺปริกิณฺณํ ทิสฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหสิฯ มหาเถโร ‘‘กิํ, อาวุโส, สงฺการฎฺฐานสฺส อญฺชลิํ ปคฺคณฺหาสี’’ติฯ นาหํ, ภเนฺต, สงฺการฎฺฐานสฺส อญฺชลิํ ปคฺคณฺหามิ, มยฺหํ ปิตุ ทสพลสฺส ปคฺคณฺหามิ, ปุณฺณทาสิยา สรีรํ ปารุปิตฺวา ฉฑฺฑิตํ ปํสุกูลํ ตุมฺพมเตฺต ปาณเก วิธุนิตฺวา สุสานโต คณฺหเนฺตน ทุกฺกรตรํ กตํ , ภเนฺตติฯ มหาเถโร ‘‘ปริสุโทฺธ วิตโกฺก ปํสุกูลิกสฺสา’’ติ จิเนฺตสิฯ ปํสุกูลิกเตฺถโรปิ ตสฺมิํเยว ฐาเน ฐิโต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ตีณิ ผลานิ ปโตฺต ตํ สาฎกํ คเหตฺวา จีวรํ กตฺวา ปารุปิตฺวา ปาจีนขณฺฑราชิํ คนฺตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ
Thero kira ‘‘cetiyapabbatavihāre cetiyaṃ vandissāmī’’ti āgato cetiyaṃ vanditvā cintesi – ‘‘mayhaṃ cīvaraṃ jiṇṇaṃ, bahūnaṃ vasanaṭṭhāne labhissāmī’’ti. So mahāvihāraṃ gantvā saṅghattheraṃ disvā vasanaṭṭhānaṃ pucchitvā tattha vuttho punadivase cīvaraṃ ādāya āgantvā theraṃ vandi. Thero ‘‘kiṃ , āvuso’’ti āha. Gāmadvāraṃ, bhante, gamissāmīti. Ahampāvuso, gamissāmīti . Sādhu, bhanteti gacchanto mahābodhidvārakoṭṭhake ṭhatvā ‘‘puññavantānaṃ vasanaṭṭhāne manāpaṃ labhissāmī’’ti cintetvā ‘‘aparisuddho me vitakko’’ti tatova paṭinivatti. Punadivase ambaṅgaṇasamīpato, punadivase mahācetiyassa uttaradvārato tattheva paṭinivattitvā catutthadivase therassa santikaṃ agamāsi. Thero ‘‘imassa bhikkhuno vitakko na parisuddho bhavissatī’’ti cīvaraṃ gahetvā tena saddhiṃyeva pañhaṃ pucchamāno gāmaṃ pāvisi. Tañca rattiṃ eko manusso uccārapalibuddho sāṭakeyeva vaccaṃ katvā taṃ saṅkāraṭṭhāne chaḍḍesi. Paṃsukūlikatthero taṃ nīlamakkhikāhi samparikiṇṇaṃ disvā añjaliṃ paggahesi. Mahāthero ‘‘kiṃ, āvuso, saṅkāraṭṭhānassa añjaliṃ paggaṇhāsī’’ti. Nāhaṃ, bhante, saṅkāraṭṭhānassa añjaliṃ paggaṇhāmi, mayhaṃ pitu dasabalassa paggaṇhāmi, puṇṇadāsiyā sarīraṃ pārupitvā chaḍḍitaṃ paṃsukūlaṃ tumbamatte pāṇake vidhunitvā susānato gaṇhantena dukkarataraṃ kataṃ , bhanteti. Mahāthero ‘‘parisuddho vitakko paṃsukūlikassā’’ti cintesi. Paṃsukūlikattheropi tasmiṃyeva ṭhāne ṭhito vipassanaṃ vaḍḍhetvā tīṇi phalāni patto taṃ sāṭakaṃ gahetvā cīvaraṃ katvā pārupitvā pācīnakhaṇḍarājiṃ gantvā aggaphalaṃ arahattaṃ pāpuṇi.
จีวรตฺถาย คจฺฉนฺตสฺส ปน ‘‘กตฺถ ลภิสฺสามี’’ติ อจิเนฺตตฺวา กมฺมฎฺฐานสีเสเนว คมนํ คมนสโนฺตโส นามฯ ปริเยสนฺตสฺส ปน เยน วา เตน วา สทฺธิํ อปริเยสิตฺวา ลชฺชิํ เปสลํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา ปริเยสนํ ปริเยสนสโนฺตโส นามฯ เอวํ ปริเยสนฺตสฺส อาหริยมานํ จีวรํ ทูรโต ทิสฺวา ‘‘เอตํ มนาปํ ภวิสฺสติ, เอตํ อมนาป’’นฺติ เอวํ อวิตเกฺกตฺวา ถูลสุขุมาทีสุ ยถาลเทฺธเนว สนฺตุสฺสนํ ปฎิลาภสโนฺตโส นามฯ เอวํ ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺสาปิ ‘‘เอตฺตกํ ทุปฎฺฎสฺส ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ เอกปฎฺฎสฺสา’’ติ อตฺตโน ปโหนกมเตฺตเนว สนฺตุสฺสนํ มตฺตปฎิคฺคหณสโนฺตโส นามฯ จีวรํ ปริเยสนฺตสฺส ปน ‘‘อสุกสฺส ฆรทฺวาเร มนาปํ ลภิสฺสามี’’ติ อจิเนฺตตฺวา ทฺวารปฎิปาฎิยา จรณํ โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโส นามฯ
Cīvaratthāya gacchantassa pana ‘‘kattha labhissāmī’’ti acintetvā kammaṭṭhānasīseneva gamanaṃ gamanasantoso nāma. Pariyesantassa pana yena vā tena vā saddhiṃ apariyesitvā lajjiṃ pesalaṃ bhikkhuṃ gahetvā pariyesanaṃ pariyesanasantoso nāma. Evaṃ pariyesantassa āhariyamānaṃ cīvaraṃ dūrato disvā ‘‘etaṃ manāpaṃ bhavissati, etaṃ amanāpa’’nti evaṃ avitakketvā thūlasukhumādīsu yathāladdheneva santussanaṃ paṭilābhasantoso nāma. Evaṃ laddhaṃ gaṇhantassāpi ‘‘ettakaṃ dupaṭṭassa bhavissati, ettakaṃ ekapaṭṭassā’’ti attano pahonakamatteneva santussanaṃ mattapaṭiggahaṇasantoso nāma. Cīvaraṃ pariyesantassa pana ‘‘asukassa gharadvāre manāpaṃ labhissāmī’’ti acintetvā dvārapaṭipāṭiyā caraṇaṃ loluppavivajjanasantoso nāma.
ลูขปณีเตสุ เยน เกนจิ ยาเปตุํ สโกฺกนฺตสฺส ยถาลเทฺธเนว ยาปนํ ยถาลาภสโนฺตโส นามฯ อตฺตโน ถามํ ชานิตฺวา เยน ยาเปตุํ สโกฺกติ, เตน ยาปนํ ยถาพลสโนฺตโส นามฯ มนาปํ อญฺญสฺส ทตฺวา อตฺตนา เยน เกนจิ ยาปนํ ยถาสารุปฺปสโนฺตโส นามฯ
Lūkhapaṇītesu yena kenaci yāpetuṃ sakkontassa yathāladdheneva yāpanaṃ yathālābhasantoso nāma. Attano thāmaṃ jānitvā yena yāpetuṃ sakkoti, tena yāpanaṃ yathābalasantoso nāma. Manāpaṃ aññassa datvā attanā yena kenaci yāpanaṃ yathāsāruppasantoso nāma.
‘‘กตฺถ อุทกํ มนาปํ, กตฺถ อมนาป’’นฺติ อวิจาเรตฺวา เยน เกนจิ โธวนูปเคน อุทเกน โธวนํ อุทกสโนฺตโส นามฯ ปณฺฑุมตฺติกเครุกปูติปณฺณรสกิลิฎฺฐานิ ปน อุทกานิ วเชฺชตุํ วฎฺฎติฯ โธวนฺตสฺส ปน มุคฺคราทีหิ อปหริตฺวา หเตฺถหิ มทฺทิตฺวา โธวนํ โธวนสโนฺตโส นามฯ ตถา อสุชฺฌนฺตํ ปณฺณานิ ปกฺขิปิตฺวา ตาปิตอุทเกนาปิ โธวิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ โธวิตฺวา กโรนฺตสฺส ‘‘อิทํ ถูลํ, อิทํ สุขุม’’นฺติ อโกเปตฺวา ปโหนกนีหาเรเนว กรณํ กรณสโนฺตโส นามฯ ติมณฺฑลปติจฺฉาทนมตฺตเสฺสว กรณํ ปริมาณสโนฺตโส นามฯ จีวรกรณตฺถาย ปน มนาปํ สุตฺตํ ปริเยสิสฺสามีติ อวิจาเรตฺวา รถิกาทีสุ วา เทวฎฺฐาเน วา อาหริตฺวา ปาทมูเล วา ฐปิตํ ยํกิญฺจิเทว สุตฺตํ คเหตฺวา กรณํ สุตฺตสโนฺตโส นามฯ
‘‘Kattha udakaṃ manāpaṃ, kattha amanāpa’’nti avicāretvā yena kenaci dhovanūpagena udakena dhovanaṃ udakasantoso nāma. Paṇḍumattikagerukapūtipaṇṇarasakiliṭṭhāni pana udakāni vajjetuṃ vaṭṭati. Dhovantassa pana muggarādīhi apaharitvā hatthehi madditvā dhovanaṃ dhovanasantoso nāma. Tathā asujjhantaṃ paṇṇāni pakkhipitvā tāpitaudakenāpi dhovituṃ vaṭṭati. Evaṃ dhovitvā karontassa ‘‘idaṃ thūlaṃ, idaṃ sukhuma’’nti akopetvā pahonakanīhāreneva karaṇaṃ karaṇasantoso nāma. Timaṇḍalapaticchādanamattasseva karaṇaṃ parimāṇasantoso nāma. Cīvarakaraṇatthāya pana manāpaṃ suttaṃ pariyesissāmīti avicāretvā rathikādīsu vā devaṭṭhāne vā āharitvā pādamūle vā ṭhapitaṃ yaṃkiñcideva suttaṃ gahetvā karaṇaṃ suttasantoso nāma.
กุสิพนฺธนกาเล ปน องฺคุลมเตฺต สตฺต วาเร น วิชฺฌิตพฺพํฯ เอวํ กโรนฺตสฺส หิ โย ภิกฺขุ สหาโย น โหติ, ตสฺส วตฺตเภโทปิ นตฺถิฯ ติวงฺคุลมเตฺต ปน สตฺต วาเร วิชฺฌิตพฺพํฯ เอวํ กโรนฺตสฺส มคฺคปฺปฎิปเนฺนนาปิ สหาเยน ภวิตพฺพํฯ โย น โหติ, ตสฺส วตฺตเภโทฯ อยํ สิพฺพนสโนฺตโส นามฯ รชเนฺตน ปน กาฬกจฺฉกาทีนิ ปริเยสเนฺตน น จริตพฺพํ, โสมวกฺกลาทีสุ ยํ ลภติ, เตน รชิตพฺพํฯ อลภเนฺตน ปน มนุเสฺสหิ อรเญฺญ วากํ คเหตฺวา ฉฑฺฑิตรชนํ วา ภิกฺขูหิ ปจิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฎํ วา คเหตฺวา รชิตพฺพํฯ อยํ รชนสโนฺตโส นามฯ นีลกทฺทมกาฬสาเมสุ ยํกิญฺจิ คเหตฺวา หตฺถิปิเฎฺฐ นิสินฺนสฺส ปญฺญายมานกปฺปกรณํ กปฺปสโนฺตโส นามฯ
Kusibandhanakāle pana aṅgulamatte satta vāre na vijjhitabbaṃ. Evaṃ karontassa hi yo bhikkhu sahāyo na hoti, tassa vattabhedopi natthi. Tivaṅgulamatte pana satta vāre vijjhitabbaṃ. Evaṃ karontassa maggappaṭipannenāpi sahāyena bhavitabbaṃ. Yo na hoti, tassa vattabhedo. Ayaṃ sibbanasantoso nāma. Rajantena pana kāḷakacchakādīni pariyesantena na caritabbaṃ, somavakkalādīsu yaṃ labhati, tena rajitabbaṃ. Alabhantena pana manussehi araññe vākaṃ gahetvā chaḍḍitarajanaṃ vā bhikkhūhi pacitvā chaḍḍitakasaṭaṃ vā gahetvā rajitabbaṃ. Ayaṃ rajanasantoso nāma. Nīlakaddamakāḷasāmesu yaṃkiñci gahetvā hatthipiṭṭhe nisinnassa paññāyamānakappakaraṇaṃ kappasantoso nāma.
หิริโกปีนปฺปฎิจฺฉาทนมตฺตวเสน ปริภุญฺชนํ ปริโภคสโนฺตโส นามฯ ทุสฺสํ ปน ลภิตฺวา สุตฺตํ วา สูจิํ วา การกํ วา อลภเนฺตน ฐเปตุํ วฎฺฎติ, ลภเนฺตน น วฎฺฎติฯ กตมฺปิ สเจ อเนฺตวาสิกาทีนํ ทาตุกาโม โหติ, เต จ อสนฺนิหิตา, ยาว อาคมนา ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ อาคตมเตฺตสุ ทาตพฺพํฯ ทาตุํ อสโกฺกเนฺตน อธิฎฺฐาตพฺพํฯ อญฺญสฺมิํ จีวเร สติ ปจฺจตฺถรณมฺปิ อธิฎฺฐาตุํ วฎฺฎติฯ อนธิฎฺฐิตเมว หิ สนฺนิธิ โหติ, อธิฎฺฐิตํ น โหตีติ มหาสีวเตฺถโร อาหฯ อยํ สนฺนิธิปริวชฺชนสโนฺตโส นามฯ วิสฺสเชฺชเนฺตน ปน น มุขํ โอโลเกตฺวา ทาตพฺพํ, สารณียธเมฺม ฐตฺวา วิสฺสเชฺชตพฺพนฺติ อยํ วิสฺสชฺชนสโนฺตโส นามฯ
Hirikopīnappaṭicchādanamattavasena paribhuñjanaṃ paribhogasantoso nāma. Dussaṃ pana labhitvā suttaṃ vā sūciṃ vā kārakaṃ vā alabhantena ṭhapetuṃ vaṭṭati, labhantena na vaṭṭati. Katampi sace antevāsikādīnaṃ dātukāmo hoti, te ca asannihitā, yāva āgamanā ṭhapetuṃ vaṭṭati. Āgatamattesu dātabbaṃ. Dātuṃ asakkontena adhiṭṭhātabbaṃ. Aññasmiṃ cīvare sati paccattharaṇampi adhiṭṭhātuṃ vaṭṭati. Anadhiṭṭhitameva hi sannidhi hoti, adhiṭṭhitaṃ na hotīti mahāsīvatthero āha. Ayaṃ sannidhiparivajjanasantoso nāma. Vissajjentena pana na mukhaṃ oloketvā dātabbaṃ, sāraṇīyadhamme ṭhatvā vissajjetabbanti ayaṃ vissajjanasantoso nāma.
จีวรปฺปฎิสํยุตฺตานิ ธุตงฺคานิ นาม ปํสุกูลิกงฺคเญฺจว เตจีวริกงฺคญฺจฯ เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๔-๒๕) เวทิตพฺพาฯ อิติ จีวรสโนฺตสมหาอริยวํสํ ปูรยมาโน ภิกฺขุ อิมานิ เทฺว ธุตงฺคานิ โคเปติฯ อิมานิ โคเปโนฺต จีวรสโนฺตสมหาอริยวํสวเสน สนฺตุโฎฺฐ โหตีติฯ
Cīvarappaṭisaṃyuttāni dhutaṅgāni nāma paṃsukūlikaṅgañceva tecīvarikaṅgañca. Tesaṃ vitthārakathā visuddhimagge (visuddhi. 1.24-25) veditabbā. Iti cīvarasantosamahāariyavaṃsaṃ pūrayamāno bhikkhu imāni dve dhutaṅgāni gopeti. Imāni gopento cīvarasantosamahāariyavaṃsavasena santuṭṭho hotīti.
วณฺณวาทีติ เอโก สนฺตุโฎฺฐ โหติ, สโนฺตสสฺส วณฺณํ น กเถติฯ เอโก น สนฺตุโฎฺฐ โหติ, สโนฺตสสฺส วณฺณํ กเถติฯ เอโก เนว สนฺตุโฎฺฐ โหติ, น สโนฺตสสฺส วณฺณํ กเถติฯ เอโก สนฺตุโฎฺฐ เจว โหติ, สโนฺตสสฺส จ วณฺณํ กเถติฯ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิตรีตรจีวรสนฺตุฎฺฐิยา จ วณฺณวาที’’ติ วุตฺตํฯ
Vaṇṇavādīti eko santuṭṭho hoti, santosassa vaṇṇaṃ na katheti. Eko na santuṭṭho hoti, santosassa vaṇṇaṃ katheti. Eko neva santuṭṭho hoti, na santosassa vaṇṇaṃ katheti. Eko santuṭṭho ceva hoti, santosassa ca vaṇṇaṃ katheti. Taṃ dassetuṃ ‘‘itarītaracīvarasantuṭṭhiyā ca vaṇṇavādī’’ti vuttaṃ.
อเนสนนฺติ ทูเตยฺยปหินคมนานุโยคปเภทํ นานปฺปการํ อเนสนํฯ อปฺปติรูปนฺติ อยุตฺตํฯ อลทฺธา จาติ อลภิตฺวาฯ ยถา เอกโจฺจ ‘‘กถํ นุ โข จีวรํ ลภิสฺสามี’’ติ ปุญฺญวเนฺตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา โกหญฺญํ กโรโนฺต อุตฺตสติ ปริตสฺสติ, สนฺตุโฎฺฐ ภิกฺขุ เอวํ อลทฺธา จีวรํ น ปริตสฺสติฯ ลทฺธา จาติ ธเมฺมน สเมน ลภิตฺวาฯ อคธิโตติ วิคตโลภคิโทฺธฯ อมุจฺฉิโตติ อธิมตฺตตณฺหาย มุจฺฉํ อนาปโนฺนฯ อนโชฺฌปโนฺนติ ตณฺหาย อโนตฺถโต อปริโยนโทฺธฯ อาทีนวทสฺสาวีติ อเนสนาปตฺติยญฺจ เคธิตปริโภเค จ อาทีนวํ ปสฺสมาโนฯ นิสฺสรณปโญฺญติ ‘‘ยาวเทว สีตสฺส ปฎิฆาตายา’’ติ วุตฺตํ นิสฺสรณเมว ปชานโนฺตฯ
Anesananti dūteyyapahinagamanānuyogapabhedaṃ nānappakāraṃ anesanaṃ. Appatirūpanti ayuttaṃ. Aladdhācāti alabhitvā. Yathā ekacco ‘‘kathaṃ nu kho cīvaraṃ labhissāmī’’ti puññavantehi bhikkhūhi saddhiṃ ekato hutvā kohaññaṃ karonto uttasati paritassati, santuṭṭho bhikkhu evaṃ aladdhā cīvaraṃ na paritassati. Laddhā cāti dhammena samena labhitvā. Agadhitoti vigatalobhagiddho. Amucchitoti adhimattataṇhāya mucchaṃ anāpanno. Anajjhopannoti taṇhāya anotthato apariyonaddho. Ādīnavadassāvīti anesanāpattiyañca gedhitaparibhoge ca ādīnavaṃ passamāno. Nissaraṇapaññoti ‘‘yāvadeva sītassa paṭighātāyā’’ti vuttaṃ nissaraṇameva pajānanto.
อิตรีตรจีวรสนฺตุฎฺฐิยาติ เยน เกนจิ จีวเรน สนฺตุฎฺฐิยาฯ เนวตฺตานุกฺกํเสตีติ ‘‘อหํ ปํสุกูลิโก, มยา อุปสมฺปทมาเฬเยว ปํสุกูลิกงฺคํ คหิตํ, โก มยา สทิโส อตฺถี’’ติ อตฺตุกฺกํสนํ น กโรติฯ โน ปรํ วเมฺภตีติ ‘‘อิเม ปนเญฺญ ภิกฺขู น ปํสุกูลิกา’’ติ วา, ‘‘ปํสุกูลิกงฺคมตฺตมฺปิ เอเตสํ นตฺถี’’ติ วา เอวํ ปรํ น วเมฺภติฯ โย หิ ตตฺถ ทโกฺขติ โย ตสฺมิํ จีวรสโนฺตเส วณฺณวาทาทีสุ วา ทโกฺข เฉโก พฺยโตฺตฯ อนลโสติ สาตจฺจกิริยาย อาลสิยวิรหิโตฯ สมฺปชาโน ปฎิสฺสโตติ สมฺปชานปญฺญาย เจว สติยา จ ยุโตฺตฯ อริยวํเส ฐิโตติ อริยวํเส ปติฎฺฐิโตฯ
Itarītaracīvarasantuṭṭhiyāti yena kenaci cīvarena santuṭṭhiyā. Nevattānukkaṃsetīti ‘‘ahaṃ paṃsukūliko, mayā upasampadamāḷeyeva paṃsukūlikaṅgaṃ gahitaṃ, ko mayā sadiso atthī’’ti attukkaṃsanaṃ na karoti. No paraṃ vambhetīti ‘‘ime panaññe bhikkhū na paṃsukūlikā’’ti vā, ‘‘paṃsukūlikaṅgamattampi etesaṃ natthī’’ti vā evaṃ paraṃ na vambheti. Yo hi tattha dakkhoti yo tasmiṃ cīvarasantose vaṇṇavādādīsu vā dakkho cheko byatto. Analasoti sātaccakiriyāya ālasiyavirahito. Sampajāno paṭissatoti sampajānapaññāya ceva satiyā ca yutto. Ariyavaṃse ṭhitoti ariyavaṃse patiṭṭhito.
อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตนาติ เยน เกนจิ ปิณฺฑปาเตนฯ เอตฺถาปิ ปิณฺฑปาโต ชานิตโพฺพ, ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตํ ชานิตพฺพํ, ปิณฺฑปาตสโนฺตโส ชานิตโพฺพ, ปิณฺฑปาตปฺปฎิสํยุตฺตํ ธุตงฺคํ ชานิตพฺพํ ฯ ตตฺถ ปิณฺฑปาโตติ โอทโน กุมฺมาโส สตฺตุ มโจฺฉ มํสํ ขีรํ ทธิ สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ ยาคุ ขาทนียํ สายนียํ เลหนียนฺติ โสฬส ปิณฺฑปาตาฯ
Itarītarenapiṇḍapātenāti yena kenaci piṇḍapātena. Etthāpi piṇḍapāto jānitabbo, piṇḍapātakkhettaṃ jānitabbaṃ, piṇḍapātasantoso jānitabbo, piṇḍapātappaṭisaṃyuttaṃ dhutaṅgaṃ jānitabbaṃ . Tattha piṇḍapātoti odano kummāso sattu maccho maṃsaṃ khīraṃ dadhi sappi navanītaṃ telaṃ madhu phāṇitaṃ yāgu khādanīyaṃ sāyanīyaṃ lehanīyanti soḷasa piṇḍapātā.
ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตนฺติ สงฺฆภตฺตํ อุเทฺทสภตฺตํ นิมนฺตนํ สลากภตฺตํ ปกฺขิกํ อุโปสถิกํ ปาฎิปทิกภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํ คมิกภตฺตํ คิลานภตฺตํ คิลานุปฎฺฐากภตฺตํ ธุรภตฺตํ กุฎิภตฺตํ วารภตฺตํ วิหารภตฺตนฺติ ปนฺนรส ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตานิฯ
Piṇḍapātakkhettanti saṅghabhattaṃ uddesabhattaṃ nimantanaṃ salākabhattaṃ pakkhikaṃ uposathikaṃ pāṭipadikabhattaṃ āgantukabhattaṃ gamikabhattaṃ gilānabhattaṃ gilānupaṭṭhākabhattaṃ dhurabhattaṃ kuṭibhattaṃ vārabhattaṃ vihārabhattanti pannarasa piṇḍapātakkhettāni.
ปิณฺฑปาตสโนฺตโสติ ปิณฺฑปาเต วิตกฺกสโนฺตโส คมนสโนฺตโส ปริเยสนสโนฺตโส ปฎิลาภสโนฺตโส ปฎิคฺคหณสโนฺตโส มตฺตปฎิคฺคหณสโนฺตโส โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโส ยถาลาภสโนฺตโส ยถาพลสโนฺตโส ยถาสารุปฺปสโนฺตโส อุปการสโนฺตโส ปริมาณสโนฺตโส ปริโภคสโนฺตโส สนฺนิธิปริวชฺชนสโนฺตโส วิสฺสชฺชนสโนฺตโสติ ปนฺนรส สโนฺตสาฯ
Piṇḍapātasantosoti piṇḍapāte vitakkasantoso gamanasantoso pariyesanasantoso paṭilābhasantoso paṭiggahaṇasantoso mattapaṭiggahaṇasantoso loluppavivajjanasantoso yathālābhasantoso yathābalasantoso yathāsāruppasantoso upakārasantoso parimāṇasantoso paribhogasantoso sannidhiparivajjanasantoso vissajjanasantosoti pannarasa santosā.
ตตฺถ สาทโก ภิกฺขุ มุขํ โธวิตฺวา วิตเกฺกติฯ ปิณฺฑปาติเกน ปน คเณน สทฺธิํ จรตา สายํ เถรูปฎฺฐานกาเล ‘‘เสฺว กตฺถ ปิณฺฑาย จริสฺสามาติ? อสุกคาเม, ภเนฺต’’ติ เอตฺตกํ จิเนฺตตฺวา ตโต ปฎฺฐาย น วิตเกฺกตพฺพํฯ เอกจาริเกน วิตกฺกมาฬเก ฐตฺวา วิตเกฺกตพฺพํฯ ตโต ปฎฺฐาย วิตเกฺกโนฺต อริยวํสา จุโต โหติ ปริพาหิโรฯ อยํ วิตกฺกสโนฺตโส นามฯ
Tattha sādako bhikkhu mukhaṃ dhovitvā vitakketi. Piṇḍapātikena pana gaṇena saddhiṃ caratā sāyaṃ therūpaṭṭhānakāle ‘‘sve kattha piṇḍāya carissāmāti? Asukagāme, bhante’’ti ettakaṃ cintetvā tato paṭṭhāya na vitakketabbaṃ. Ekacārikena vitakkamāḷake ṭhatvā vitakketabbaṃ. Tato paṭṭhāya vitakkento ariyavaṃsā cuto hoti paribāhiro. Ayaṃ vitakkasantoso nāma.
ปิณฺฑาย ปวิสเนฺตน ‘‘กุหิํ ลภิสฺสามี’’ติ อจิเนฺตตฺวา กมฺมฎฺฐานสีเสน คนฺตพฺพํฯ อยํ คมนสโนฺตโส นามฯ ปริเยสเนฺตน ยํ วา ตํ วา อคฺคเหตฺวา ลชฺชิํ เปสลเมว คเหตฺวา ปริเยสิตพฺพํฯ อยํ ปริเยสนสโนฺตโส นามฯ ทูรโตว อาหริยมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มนาปํ , เอตํ อมนาป’’นฺติ จิตฺตํ น อุปฺปาเทตพฺพํฯ อยํ ปฎิลาภสโนฺตโส นามฯ ‘‘อิมํ มนาปํ คณฺหิสฺสามิ, อิมํ อมนาปํ น คณฺหิสฺสามี’’ติ อจิเนฺตตฺวา ยํกิญฺจิ ยาปนมตฺตํ คเหตพฺพเมวฯ อยํ ปฎิคฺคหณสโนฺตโส นามฯ
Piṇḍāya pavisantena ‘‘kuhiṃ labhissāmī’’ti acintetvā kammaṭṭhānasīsena gantabbaṃ. Ayaṃ gamanasantoso nāma. Pariyesantena yaṃ vā taṃ vā aggahetvā lajjiṃ pesalameva gahetvā pariyesitabbaṃ. Ayaṃ pariyesanasantoso nāma. Dūratova āhariyamānaṃ disvā ‘‘etaṃ manāpaṃ , etaṃ amanāpa’’nti cittaṃ na uppādetabbaṃ. Ayaṃ paṭilābhasantoso nāma. ‘‘Imaṃ manāpaṃ gaṇhissāmi, imaṃ amanāpaṃ na gaṇhissāmī’’ti acintetvā yaṃkiñci yāpanamattaṃ gahetabbameva. Ayaṃ paṭiggahaṇasantoso nāma.
เอตฺถ ปน เทยฺยธโมฺม พหุ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, อปฺปํ คเหตพฺพํฯ เทยฺยธโมฺมปิ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, ปมาเณเนว คเหตพฺพํฯ เทยฺยธโมฺม น พหุ, ทายโกปิ อปฺปํ ทาตุกาโม, อปฺปํ คเหตพฺพํฯ เทยฺยธโมฺม น พหุ, ทายโก ปน พหุํ ทาตุกาโม, ปมาเณน คเหตพฺพํ ฯ ปฎิคฺคหณสฺมิญฺหิ มตฺตํ อชานโนฺต มนุสฺสานํ ปสาทํ มเกฺขติ, สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ, สาสนํ น กโรติ, วิชาตมาตุยาปิ จิตฺตํ คเหตุํ น สโกฺกติฯ อิติ มตฺตํ ชานิตฺวาว ปฎิคฺคเหตพฺพนฺติ อยํ มตฺตปฎิคฺคหณสโนฺตโส นามฯ อฑฺฒกุลานิเยว อคนฺตฺวา ทฺวารปฎิปาฎิยา คนฺตพฺพํฯ อยํ โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโส นามฯ ยถาลาภสโนฺตสาทโย จีวเร วุตฺตนยา เอวฯ
Ettha pana deyyadhammo bahu, dāyako appaṃ dātukāmo, appaṃ gahetabbaṃ. Deyyadhammopi bahu, dāyakopi bahuṃ dātukāmo, pamāṇeneva gahetabbaṃ. Deyyadhammo na bahu, dāyakopi appaṃ dātukāmo, appaṃ gahetabbaṃ. Deyyadhammo na bahu, dāyako pana bahuṃ dātukāmo, pamāṇena gahetabbaṃ . Paṭiggahaṇasmiñhi mattaṃ ajānanto manussānaṃ pasādaṃ makkheti, saddhādeyyaṃ vinipāteti, sāsanaṃ na karoti, vijātamātuyāpi cittaṃ gahetuṃ na sakkoti. Iti mattaṃ jānitvāva paṭiggahetabbanti ayaṃ mattapaṭiggahaṇasantoso nāma. Aḍḍhakulāniyeva agantvā dvārapaṭipāṭiyā gantabbaṃ. Ayaṃ loluppavivajjanasantoso nāma. Yathālābhasantosādayo cīvare vuttanayā eva.
ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ‘‘สมณธมฺมํ อนุปาเลสฺสามี’’ติ เอวํ อุปการํ ญตฺวา ปริภุญฺชนํ อุปการสโนฺตโส นามฯ ปตฺตํ ปูเรตฺวา อานีตํ น ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ อนุปสมฺปเนฺน สติ เตน คาหาเปตพฺพํ, อสติ หราเปตฺวา ปฎิคฺคหณมตฺตํ คเหตพฺพํฯ อยํ ปริมาณสโนฺตโส นามฯ ‘‘ชิฆจฺฉาย ปฎิวิโนทนํ อิทเมตฺถ นิสฺสรณ’’นฺติ เอวํ ปริภุญฺชนํ ปริโภคสโนฺตโส นามฯ นิทหิตฺวา น ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ อยํ สนฺนิธิปริวชฺชนสโนฺตโส นามฯ มุขํ อโนโลเกตฺวา สารณียธเมฺม ฐิเตน วิสฺสเชฺชตพฺพํฯ อยํ วิสฺสชฺชนสโนฺตโส นามฯ
Piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā ‘‘samaṇadhammaṃ anupālessāmī’’ti evaṃ upakāraṃ ñatvā paribhuñjanaṃ upakārasantoso nāma. Pattaṃ pūretvā ānītaṃ na paṭiggahetabbaṃ. Anupasampanne sati tena gāhāpetabbaṃ, asati harāpetvā paṭiggahaṇamattaṃ gahetabbaṃ. Ayaṃ parimāṇasantoso nāma. ‘‘Jighacchāya paṭivinodanaṃ idamettha nissaraṇa’’nti evaṃ paribhuñjanaṃ paribhogasantoso nāma. Nidahitvā na paribhuñjitabbanti ayaṃ sannidhiparivajjanasantoso nāma. Mukhaṃ anoloketvā sāraṇīyadhamme ṭhitena vissajjetabbaṃ. Ayaṃ vissajjanasantoso nāma.
ปิณฺฑปาตปฺปฎิสํยุตฺตานิ ปน ปญฺจ ธุตงฺคานิ ปิณฺฑปาติกงฺคํ สปทานจาริกงฺคํ เอกาสนิกงฺคํ ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคนฺติฯ เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖-๓๐) วุตฺตาฯ อิติ ปิณฺฑปาตสโนฺตสมหาอริยวํสํ ปูรยมาโน ภิกฺขุ อิมานิ ปญฺจ ธุตงฺคานิ โคเปติ, อิมานิ โคเปโนฺต ปิณฺฑปาตสโนฺตสมหาอริยวํเสน สนฺตุโฎฺฐ โหติฯ วณฺณวาทีติอาทีนิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ
Piṇḍapātappaṭisaṃyuttāni pana pañca dhutaṅgāni piṇḍapātikaṅgaṃ sapadānacārikaṅgaṃ ekāsanikaṅgaṃ pattapiṇḍikaṅgaṃ khalupacchābhattikaṅganti. Tesaṃ vitthārakathā visuddhimagge (visuddhi. 1.26-30) vuttā. Iti piṇḍapātasantosamahāariyavaṃsaṃ pūrayamāno bhikkhu imāni pañca dhutaṅgāni gopeti, imāni gopento piṇḍapātasantosamahāariyavaṃsena santuṭṭho hoti. Vaṇṇavādītiādīni vuttanayeneva veditabbāni.
เสนาสเนนาติ อิธ เสนาสนํ ชานิตพฺพํ, เสนาสนเกฺขตฺตํ ชานิตพฺพํ, เสนาสนสโนฺตโส ชานิตโพฺพ, เสนาสนปฺปฎิสํยุตฺตํ ธุตงฺคํ ชานิตพฺพํฯ ตตฺถ เสนาสนนฺติ มโญฺจ ปีฐํ ภิสิ พิโมฺพหนํ วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหา เลณํ อโฎฺฎ มาโฬ เวฬุคุโมฺพ รุกฺขมูลํ ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺตีติ อิมานิ ปนฺนรส เสนาสนานิฯ
Senāsanenāti idha senāsanaṃ jānitabbaṃ, senāsanakkhettaṃ jānitabbaṃ, senāsanasantoso jānitabbo, senāsanappaṭisaṃyuttaṃ dhutaṅgaṃ jānitabbaṃ. Tattha senāsananti mañco pīṭhaṃ bhisi bimbohanaṃ vihāro aḍḍhayogo pāsādo hammiyaṃ guhā leṇaṃ aṭṭo māḷo veḷugumbo rukkhamūlaṃ yattha vā pana bhikkhū paṭikkamantīti imāni pannarasa senāsanāni.
เสนาสนเกฺขตฺตนฺติ สงฺฆโต วา คณโต วา ญาติโต วา มิตฺตโต วา อตฺตโน วา ธเนน ปํสุกูลํ วาติ ฉ เขตฺตานิฯ
Senāsanakkhettanti saṅghato vā gaṇato vā ñātito vā mittato vā attano vā dhanena paṃsukūlaṃ vāti cha khettāni.
เสนาสนสโนฺตโสติ เสนาสเน วิตกฺกสโนฺตสาทโย ปนฺนรส สโนฺตสาฯ เต ปิณฺฑปาเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เสนาสนปฺปฎิสํยุตฺตานิ ปน ปญฺจ ธุตงฺคานิ อารญฺญิกงฺคํ รุกฺขมูลิกงฺคํ อโพฺภกาสิกงฺคํ โสสานิกงฺคํ ยถาสนฺถติกงฺคนฺติฯ เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑-๓๕) วุตฺตาฯ อิติ เสนาสนสโนฺตสมหาอริยวํสํ ปูรยมาโน ภิกฺขุ อิมานิ ปญฺจ ธุตงฺคานิ โคเปติฯ อิมานิ โคเปโนฺต เสนาสนสโนฺตสมหาอริยวํเสน สนฺตุโฎฺฐ โหติฯ
Senāsanasantosoti senāsane vitakkasantosādayo pannarasa santosā. Te piṇḍapāte vuttanayeneva veditabbā. Senāsanappaṭisaṃyuttāni pana pañca dhutaṅgāni āraññikaṅgaṃ rukkhamūlikaṅgaṃ abbhokāsikaṅgaṃ sosānikaṅgaṃ yathāsanthatikaṅganti. Tesaṃ vitthārakathā visuddhimagge (visuddhi. 1.31-35) vuttā. Iti senāsanasantosamahāariyavaṃsaṃ pūrayamāno bhikkhu imāni pañca dhutaṅgāni gopeti. Imāni gopento senāsanasantosamahāariyavaṃsena santuṭṭho hoti.
คิลานปจฺจโย ปน ปิณฺฑปาเตเยว ปวิโฎฺฐฯ ตตฺถ ยถาลาภยถาพลยถาสารุปฺปสโนฺตเสเนว สนฺตุสฺสิตพฺพํฯ เนสชฺชิกงฺคํ ภาวนารามอริยวํสํ ภชติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Gilānapaccayo pana piṇḍapāteyeva paviṭṭho. Tattha yathālābhayathābalayathāsāruppasantoseneva santussitabbaṃ. Nesajjikaṅgaṃ bhāvanārāmaariyavaṃsaṃ bhajati. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ปญฺจ เสนาสเน วุตฺตา, ปญฺจ อาหารนิสฺสิตา;
‘‘Pañca senāsane vuttā, pañca āhāranissitā;
เอโก วีริยสํยุโตฺต, เทฺว จ จีวรนิสฺสิตา’’ติฯ
Eko vīriyasaṃyutto, dve ca cīvaranissitā’’ti.
อิติ ภควา ปถวิํ ปตฺถรมาโน วิย สาครกุจฺฉิํ ปูรยมาโน วิย อากาสํ วิตฺถารยมาโน วิย จ ปฐมํ จีวรสโนฺตสํ อริยวํสํ กเถตฺวา จนฺทํ อุฎฺฐาเปโนฺต วิย สูริยํ อุลฺลเงฺฆโนฺต วิย จ ทุติยํ ปิณฺฑปาตสโนฺตสํ กเถตฺวา สิเนรุํ อุกฺขิปโนฺต วิย ตติยํ เสนาสนสโนฺตสํ อริยวํสํ กเถตฺวา อิทานิ สหสฺสนยปฎิมณฺฑิตํ จตุตฺถํ ภาวนารามํ อริยวํสํ กเถตุํ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตีติ เทสนํ อารภิฯ
Iti bhagavā pathaviṃ pattharamāno viya sāgarakucchiṃ pūrayamāno viya ākāsaṃ vitthārayamāno viya ca paṭhamaṃ cīvarasantosaṃ ariyavaṃsaṃ kathetvā candaṃ uṭṭhāpento viya sūriyaṃ ullaṅghento viya ca dutiyaṃ piṇḍapātasantosaṃ kathetvā sineruṃ ukkhipanto viya tatiyaṃ senāsanasantosaṃ ariyavaṃsaṃ kathetvā idāni sahassanayapaṭimaṇḍitaṃ catutthaṃ bhāvanārāmaṃ ariyavaṃsaṃ kathetuṃ puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hotīti desanaṃ ārabhi.
ตตฺถ อารมณํ อาราโม, อภิรตีติ อโตฺถฯ ภาวนาย อาราโม อสฺสาติ ภาวนาราโมฯ ภาวนาย รโตติ ภาวนารโตฯ ปญฺจวิเธ ปหาเน อาราโม อสฺสาติ ปหานาราโมฯ อปิจ ภาเวโนฺต รมตีติ ภาวนาราโมฯ ปชหโนฺต รมตีติ ปหานาราโมติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อยญฺหิ จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน ภาเวโนฺต รมติ, รติํ วินฺทตีติ อโตฺถฯ ตถา จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเนฯ จตฺตาโร อิทฺธิปาเท, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌเงฺค, สตฺต อนุปสฺสนา, อฎฺฐารส มหาวิปสฺสนา, สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธเมฺม, อฎฺฐติํส อารมฺมณวิภตฺติโย ภาเวโนฺต รมติ, รติํ วินฺทติฯ กามจฺฉนฺทาทโย ปน กิเลเส ปชหโนฺต รมติ, รติํ วินฺทติฯ
Tattha āramaṇaṃ ārāmo, abhiratīti attho. Bhāvanāya ārāmo assāti bhāvanārāmo. Bhāvanāya ratoti bhāvanārato. Pañcavidhe pahāne ārāmo assāti pahānārāmo. Apica bhāvento ramatīti bhāvanārāmo. Pajahanto ramatīti pahānārāmoti evamettha attho daṭṭhabbo. Ayañhi cattāro satipaṭṭhāne bhāvento ramati, ratiṃ vindatīti attho. Tathā cattāro sammappadhāne. Cattāro iddhipāde, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅge, satta anupassanā, aṭṭhārasa mahāvipassanā, sattatiṃsa bodhipakkhiyadhamme, aṭṭhatiṃsa ārammaṇavibhattiyo bhāvento ramati, ratiṃ vindati. Kāmacchandādayo pana kilese pajahanto ramati, ratiṃ vindati.
อิเมสุ ปน จตูสุ อริยวํเสสุ ปุริเมหิ ตีหิ เตรสนฺนํ ธุตงฺคานํ จตุปจฺจยสโนฺตสสฺส จ วเสน สกลํ วินยปิฎกํ กถิตํ โหติ, ภาวนาราเมน อวเสสํ ปิฎกทฺวยํฯ อิมํ ปน ภาวนารามํ อริยวํสํ กเถเนฺตน ภิกฺขุนา ปฎิสมฺภิทามเคฺค เนกฺขมฺมปาฬิยา กเถตโพฺพ, ทีฆนิกาเย ทสุตฺตรสุตฺตนฺตปริยาเยน กเถตโพฺพ, มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานสุตฺตนฺตปริยาเยน กเถตโพฺพ, อภิธเมฺม นิเทฺทสปริยาเยน กเถตโพฺพฯ
Imesu pana catūsu ariyavaṃsesu purimehi tīhi terasannaṃ dhutaṅgānaṃ catupaccayasantosassa ca vasena sakalaṃ vinayapiṭakaṃ kathitaṃ hoti, bhāvanārāmena avasesaṃ piṭakadvayaṃ. Imaṃ pana bhāvanārāmaṃ ariyavaṃsaṃ kathentena bhikkhunā paṭisambhidāmagge nekkhammapāḷiyā kathetabbo, dīghanikāye dasuttarasuttantapariyāyena kathetabbo, majjhimanikāye satipaṭṭhānasuttantapariyāyena kathetabbo, abhidhamme niddesapariyāyena kathetabbo.
ตตฺถ ปฎิสมฺภิทามเคฺค เนกฺขมฺมปาฬิยาติ –
Tattha paṭisambhidāmagge nekkhammapāḷiyāti –
‘‘เนกฺขมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, กามจฺฉนฺทํ ปชหโนฺต รมติฯ อพฺยาปาทํ, พฺยาปาทํ… อาโลกสญฺญํ… ถินมิทฺธํ… อวิเกฺขปํ, อุทฺธจฺจํ… ธมฺมววตฺถานํ… วิจิกิจฺฉํ… ญาณํ… อวิชฺชํ… ปาโมชฺชํ… อรติํ… ปฐมชฺฌานํ, ปญฺจ นีวรเณ… ทุติยชฺฌานํ… วิตกฺกวิจาเร… ตติยชฺฌานํ… ปีติํ… จตุตฺถชฺฌานํ… สุขทุเกฺข… อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติํ ภาเวโนฺต รมติ, รูปสญฺญํ ปฎิฆสญฺญํ นานตฺตสญฺญํ ปชหโนฺต รมติฯ วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติํ…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติํ ภาเวโนฺต รมติ, อากิญฺจญฺญายตนสญฺญํ ปชหโนฺต รมติฯ
‘‘Nekkhammaṃ bhāvento ramati, kāmacchandaṃ pajahanto ramati. Abyāpādaṃ, byāpādaṃ… ālokasaññaṃ… thinamiddhaṃ… avikkhepaṃ, uddhaccaṃ… dhammavavatthānaṃ… vicikicchaṃ… ñāṇaṃ… avijjaṃ… pāmojjaṃ… aratiṃ… paṭhamajjhānaṃ, pañca nīvaraṇe… dutiyajjhānaṃ… vitakkavicāre… tatiyajjhānaṃ… pītiṃ… catutthajjhānaṃ… sukhadukkhe… ākāsānañcāyatanasamāpattiṃ bhāvento ramati, rūpasaññaṃ paṭighasaññaṃ nānattasaññaṃ pajahanto ramati. Viññāṇañcāyatanasamāpattiṃ…pe… nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiṃ bhāvento ramati, ākiñcaññāyatanasaññaṃ pajahanto ramati.
‘‘อนิจฺจานุปสฺสนํ ภาเวโนฺต รมติ, นิจฺจสญฺญํ ปชหโนฺต รมติฯ ทุกฺขานุปสฺสนํ… สุขสญฺญํ… อนตฺตานุปสฺสนํ… อตฺตสญฺญํ… นิพฺพิทานุปสฺสนํ… นนฺทิํ… วิราคานุปสฺสนํ… ราคํ… นิโรธานุปสฺสนํ… สมุทยํ… ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนํ… อาทานํ… ขยานุปสฺสนํ … ฆนสญฺญํ… วยานุปสฺสนํ… อายูหนํ… วิปริณามานุปสฺสนํ… ธุวสญฺญํ… อนิมิตฺตานุปสฺสนํ … นิมิตฺตํ… อปฺปณิหิตานุปสฺสนํ… ปณิธิํ… สุญฺญตานุปสฺสนํ… อภินิเวสํ… อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนํ… สาราทานาภินิเวสํ… ยถาภูตญาณทสฺสนํ… สโมฺมหาภินิเวสํ… อาทีนวานุปสฺสนํ… อาลยาภินิเวสํ… ปฎิสงฺขานุปสฺสนํ… อปฺปฎิสงฺขํ… วิวฎฺฎานุปสฺสนํ… สํโยคาภินิเวสํ… โสตาปตฺติมคฺคํ… ทิเฎฺฐกเฎฺฐ กิเลเส… สกทาคามิมคฺคํ… โอฬาริเก กิเลเส… อนาคามิมคฺคํ… อนุสหคเต กิเลเส… อรหตฺตมคฺคํ ภาเวโนฺต รมติ, สพฺพกิเลเส ปชหโนฺต รมตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๔๑,๙๕)ฯ
‘‘Aniccānupassanaṃ bhāvento ramati, niccasaññaṃ pajahanto ramati. Dukkhānupassanaṃ… sukhasaññaṃ… anattānupassanaṃ… attasaññaṃ… nibbidānupassanaṃ… nandiṃ… virāgānupassanaṃ… rāgaṃ… nirodhānupassanaṃ… samudayaṃ… paṭinissaggānupassanaṃ… ādānaṃ… khayānupassanaṃ … ghanasaññaṃ… vayānupassanaṃ… āyūhanaṃ… vipariṇāmānupassanaṃ… dhuvasaññaṃ… animittānupassanaṃ … nimittaṃ… appaṇihitānupassanaṃ… paṇidhiṃ… suññatānupassanaṃ… abhinivesaṃ… adhipaññādhammavipassanaṃ… sārādānābhinivesaṃ… yathābhūtañāṇadassanaṃ… sammohābhinivesaṃ… ādīnavānupassanaṃ… ālayābhinivesaṃ… paṭisaṅkhānupassanaṃ… appaṭisaṅkhaṃ… vivaṭṭānupassanaṃ… saṃyogābhinivesaṃ… sotāpattimaggaṃ… diṭṭhekaṭṭhe kilese… sakadāgāmimaggaṃ… oḷārike kilese… anāgāmimaggaṃ… anusahagate kilese… arahattamaggaṃ bhāvento ramati, sabbakilese pajahanto ramatī’’ti (paṭi. ma. 1.41,95).
เอวํ ปฎิสมฺภิทามเคฺค เนกฺขมฺมปาฬิยา กเถตโพฺพฯ
Evaṃ paṭisambhidāmagge nekkhammapāḷiyā kathetabbo.
ทีฆนิกาเย ทสุตฺตรสุตฺตนฺตปริยาเยนาติ –
Dīghanikāyedasuttarasuttantapariyāyenāti –
‘‘เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมติ…เป.… ทส ธเมฺม ภาเวโนฺต รมติ, ทส ธเมฺม ปชหโนฺต รมติฯ กตมํ เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ? กายคตาสติํ สาตสหคตํ, อิมํ เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติฯ กตมํ เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมติ? อสฺมิมานํ, อิมํ เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมติฯ กตเม เทฺว ธเมฺม…เป.… กตเม ทส ธเมฺม ภาเวโนฺต รมติ? ทส กสิณายตนานิ, อิเม ทส ธเมฺม ภาเวโนฺต รมติฯ กตเม ทส ธเมฺม ปชหโนฺต รมติ? ทส มิจฺฉเตฺต, อิเม ทส ธเมฺม ปชหโนฺต รมติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๑-๓๖๐)ฯ
‘‘Ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati, ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramati…pe… dasa dhamme bhāvento ramati, dasa dhamme pajahanto ramati. Katamaṃ ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati? Kāyagatāsatiṃ sātasahagataṃ, imaṃ ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati. Katamaṃ ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramati? Asmimānaṃ, imaṃ ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramati. Katame dve dhamme…pe… katame dasa dhamme bhāvento ramati? Dasa kasiṇāyatanāni, ime dasa dhamme bhāvento ramati. Katame dasa dhamme pajahanto ramati? Dasa micchatte, ime dasa dhamme pajahanto ramati. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hotī’’ti (dī. ni. 3.351-360).
เอวํ ทีฆนิกาเย ทสุตฺตรสุตฺตนฺตปริยาเยน กเถตโพฺพฯ
Evaṃ dīghanikāye dasuttarasuttantapariyāyena kathetabbo.
มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานสุตฺตนฺตปริยาเยนาติ –
Majjhimanikāye satipaṭṭhānasuttantapariyāyenāti –
‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มโคฺค…เป.… ยาวเทว ญาณมตฺตาย ปฎิสฺสติมตฺตายฯ อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิญฺจิ โลเก อุปาทิยติฯ เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหติ ภาวนารโตฯ ปหานาราโม โหติ ปหานรโตฯ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คจฺฉโนฺต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ…เป.… ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสยฺยถาปิ ปเสฺสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ…เป.… ปูตีนิ จุณฺณกชาตานิฯ โส อิมเมว กายํ อุปสํหรติ ‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธโมฺม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’ติฯ อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป.… เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๖ อาทโย)ฯ
‘‘Ekāyano ayaṃ, bhikkhave, maggo…pe… yāvadeva ñāṇamattāya paṭissatimattāya. Anissito ca viharati, na ca kiñci loke upādiyati. Evampi kho, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hoti bhāvanārato. Pahānārāmo hoti pahānarato. Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu gacchanto vā gacchāmīti pajānāti…pe… puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu seyyathāpi passeyya sarīraṃ sivathikāya chaḍḍitaṃ…pe… pūtīni cuṇṇakajātāni. So imameva kāyaṃ upasaṃharati ‘ayampi kho kāyo evaṃdhammo evaṃbhāvī evaṃanatīto’ti. Iti ajjhattaṃ vā kāye kāyānupassī viharati…pe… evampi kho, bhikkhave, bhikkhu bhāvanārāmo hotī’’ti (ma. ni. 1.106 ādayo).
เอวํ มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานสุตฺตนฺตปริยาเยน กเถตโพฺพฯ
Evaṃ majjhimanikāye satipaṭṭhānasuttantapariyāyena kathetabbo.
อภิธเมฺม นิเทฺทสปริยาเยนาติ สเพฺพปิ สงฺขเต ‘‘อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต …เป.… สํกิเลสิกธมฺมโต ปสฺสโนฺต รมติ, เอวํ โข ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตี’’ติ (มหานิ. ๑๓; จูฬนิ. อุปสีวมาณวปุจฺฉานิเทฺทโส ๓๙, นนฺทมาณวปุจฺฉานิเทฺทโส ๕๑)ฯ เอวํ นิเทฺทสปริยาเยน กเถตโพฺพฯ
Abhidhamme niddesapariyāyenāti sabbepi saṅkhate ‘‘aniccato dukkhato rogato gaṇḍato …pe… saṃkilesikadhammato passanto ramati, evaṃ kho bhikkhu bhāvanārāmo hotī’’ti (mahāni. 13; cūḷani. upasīvamāṇavapucchāniddeso 39, nandamāṇavapucchāniddeso 51). Evaṃ niddesapariyāyena kathetabbo.
เนวตฺตานุกฺกํเสตีติ ‘‘อชฺช เม สฎฺฐิ วา สตฺตติ วา วสฺสานิ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตสฺส โก มยา สทิโส อตฺถี’’ติ เอวํ อตฺตุกฺกํสนํ น กโรติฯ โน ปรํ วเมฺภตีติ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขนฺติ วิปสฺสนามตฺตกมฺปิ นตฺถิ, กิํ อิเม วิสฺสฎฺฐกมฺมฎฺฐานา จรนฺตี’’ติ เอวํ ปรวมฺภนํ น กโรติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Nevattānukkaṃsetīti ‘‘ajja me saṭṭhi vā sattati vā vassāni aniccaṃ dukkhaṃ anattāti vipassanāya kammaṃ karontassa ko mayā sadiso atthī’’ti evaṃ attukkaṃsanaṃ na karoti. No paraṃ vambhetīti ‘‘aniccaṃ dukkhanti vipassanāmattakampi natthi, kiṃ ime vissaṭṭhakammaṭṭhānā carantī’’ti evaṃ paravambhanaṃ na karoti. Sesaṃ vuttanayameva.
อิเม โข, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อริยวํสาติ, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร อริยวํสา อริยตนฺติโย อริยปเวณิโย อริยญฺชสา อริยวฎุมานีติ สุตฺตนฺตํ วินิวเฎฺฎตฺวา อิทานิ มหาอริยวํสปริปูรกสฺส ภิกฺขุโน วสนทิสา ทเสฺสโนฺต อิเมหิ จ ปน, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ เสฺวว อรติํ สหตีติ โสเยว อรติํ อนภิรติํ อุกฺกณฺฐิตํ สหติ อภิภวติฯ น ตํ อรติ สหตีติ ตํ ปน ภิกฺขุํ ยา เอสา ปเนฺตสุ เสนาสเนสุ อธิกุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อรติ นาม โหติ, สา สหิตุํ อธิภวิตุํ น สโกฺกติฯ อรติรติสโหติ อรติญฺจ ปญฺจกามคุณรติญฺจ สหติ, อธิภวิตุํ สโกฺกติฯ
Ime kho, bhikkhave, cattāro ariyavaṃsāti, bhikkhave, ime cattāro ariyavaṃsā ariyatantiyo ariyapaveṇiyo ariyañjasā ariyavaṭumānīti suttantaṃ vinivaṭṭetvā idāni mahāariyavaṃsaparipūrakassa bhikkhuno vasanadisā dassento imehi ca pana, bhikkhavetiādimāha. Tattha sveva aratiṃ sahatīti soyeva aratiṃ anabhiratiṃ ukkaṇṭhitaṃ sahati abhibhavati. Na taṃ arati sahatīti taṃ pana bhikkhuṃ yā esā pantesu senāsanesu adhikusalānaṃ dhammānaṃ bhāvanāya arati nāma hoti, sā sahituṃ adhibhavituṃ na sakkoti. Aratiratisahoti aratiñca pañcakāmaguṇaratiñca sahati, adhibhavituṃ sakkoti.
อิทานิ คาถาหิ กูฎํ คณฺหโนฺต นารตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ธีรนฺติ วีริยวนฺตํฯ นารติ ธีรํ สหตีติ อิทํ ปุริมเสฺสว การณวจนํฯ ยสฺมา สา ธีรํ น สหติ นปฺปโหติ ธีรํ สหิตุํ อธิภวิตุํ น สโกฺกติ, ตสฺมา นารติ สหติ ธีรํฯ ธีโร หิ อรติสฺสโหติ อรติสหตฺตา หิ โส ธีโร นาม, ตสฺมา อรติํ สหตีติ อโตฺถฯ สพฺพกมฺมวิหายีนนฺติ สพฺพํ เตภูมกกมฺมํ จชิตฺวา ปริจฺฉินฺนํ ปริวฎุมํ กตฺวา ฐิตํฯ ปนุณฺณํ โก นิวารเยติ กิเลเส ปนุทิตฺวา ฐิตํ โก นาม ราโค วา โทโส วา นิวาเรยฺยฯ เนกฺขํ ชโมฺพนทเสฺสว, โก ตํ นินฺทิตุมรหตีติ ชโมฺพนทสงฺขาตสฺส ชาติรตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสทิสํ ครหิตพฺพโทสวิมุตฺตํ โก ตํ ปุคฺคลํ นินฺทิตุํ อรหติฯ พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโตติ มหาพฺรหฺมุนาปิ เอส ปุคฺคโล ปสํสิโตเยวาติฯ เทสนาปริโยสาเน จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ อรหเตฺต ปติฎฺฐหิํสุฯ
Idāni gāthāhi kūṭaṃ gaṇhanto nāratītiādimāha. Tattha dhīranti vīriyavantaṃ. Nārati dhīraṃ sahatīti idaṃ purimasseva kāraṇavacanaṃ. Yasmā sā dhīraṃ na sahati nappahoti dhīraṃ sahituṃ adhibhavituṃ na sakkoti, tasmā nārati sahati dhīraṃ. Dhīro hi aratissahoti aratisahattā hi so dhīro nāma, tasmā aratiṃ sahatīti attho. Sabbakammavihāyīnanti sabbaṃ tebhūmakakammaṃ cajitvā paricchinnaṃ parivaṭumaṃ katvā ṭhitaṃ. Panuṇṇaṃ ko nivārayeti kilese panuditvā ṭhitaṃ ko nāma rāgo vā doso vā nivāreyya. Nekkhaṃjambonadasseva, ko taṃ ninditumarahatīti jambonadasaṅkhātassa jātirattasuvaṇṇassa nikkhasadisaṃ garahitabbadosavimuttaṃ ko taṃ puggalaṃ nindituṃ arahati. Brahmunāpi pasaṃsitoti mahābrahmunāpi esa puggalo pasaṃsitoyevāti. Desanāpariyosāne cattālīsa bhikkhusahassāni arahatte patiṭṭhahiṃsu.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๘. อริยวํสสุตฺตํ • 8. Ariyavaṃsasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘. อริยวํสสุตฺตวณฺณนา • 8. Ariyavaṃsasuttavaṇṇanā