Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๘. อริยวํสสุตฺตวณฺณนา

    8. Ariyavaṃsasuttavaṇṇanā

    ๒๘. อฎฺฐเม วํส-สโทฺท ‘‘ปิฎฺฐิวํสํ อติกฺกมิตฺวา นิสีทตี’’ติอาทีสุ ทฺวินฺนํ โคปานสีนํ สนฺธานฎฺฐาเน ฐเปตพฺพทณฺฑเก อาคโตฯ

    28. Aṭṭhame vaṃsa-saddo ‘‘piṭṭhivaṃsaṃ atikkamitvā nisīdatī’’tiādīsu dvinnaṃ gopānasīnaṃ sandhānaṭṭhāne ṭhapetabbadaṇḍake āgato.

    ‘‘วํโส วิสาโล จ ยถา วิสโตฺต,

    ‘‘Vaṃso visālo ca yathā visatto,

    ปุเตฺตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา;

    Puttesu dāresu ca yā apekkhā;

    วํสกฺกฬีโรว อสชฺชมาโน,

    Vaṃsakkaḷīrova asajjamāno,

    เอโก จเร ขคฺควิสาณกโปฺป’’ติฯ –

    Eko care khaggavisāṇakappo’’ti. –

    อาทีสุ กฎฺฐเกฯ ‘‘เภริสโทฺท มุทิงฺคสโทฺท วํสตาลสโทฺท’’ติอาทีสุ ตูริยวิเสเส, เวณูติปิ วุจฺจติ ฯ ‘‘ภิเนฺนน ปิฎฺฐิวํเสน มโต หตฺถี’’ติอาทีสุ หตฺถิอาทีนํ ปิฎฺฐิเวมเชฺฌ ปเทเสฯ ‘‘กุลวํสํ ฐเปสฺสามี’’ติอาทีสุ กุลนฺวเยฯ ‘‘วํสานุรกฺขโก ปเวณีปาลโก’’ติอาทีสุ คุณานุปุพฺพิยํ คุณานํ ปพนฺธปฺปวตฺติยํฯ อิธ ปน จตุปจฺจยสโนฺตสภาวนารามตาสงฺขาตคุณานํ ปพเนฺธ ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺส ปน วํสสฺส กุลนฺวยํ คุณนฺวยญฺจ นิทสฺสนวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ขตฺติยวํโสติ ขตฺติยกุลวํโสฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ สมณวํโส ปน สมณตนฺติ สมณปเวณีฯ มูลคนฺธาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน ยถา สารคนฺธาทีนํ สงฺคโห, เอวเมตฺถ โครสาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพ, ทุติเยน ปน อาทิ-สเทน กาสิกวตฺถสปฺปิมณฺฑาทีนํฯ

    Ādīsu kaṭṭhake. ‘‘Bherisaddo mudiṅgasaddo vaṃsatālasaddo’’tiādīsu tūriyavisese, veṇūtipi vuccati . ‘‘Bhinnena piṭṭhivaṃsena mato hatthī’’tiādīsu hatthiādīnaṃ piṭṭhivemajjhe padese. ‘‘Kulavaṃsaṃ ṭhapessāmī’’tiādīsu kulanvaye. ‘‘Vaṃsānurakkhako paveṇīpālako’’tiādīsu guṇānupubbiyaṃ guṇānaṃ pabandhappavattiyaṃ. Idha pana catupaccayasantosabhāvanārāmatāsaṅkhātaguṇānaṃ pabandhe daṭṭhabbo. Tassa pana vaṃsassa kulanvayaṃ guṇanvayañca nidassanavasena dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha khattiyavaṃsoti khattiyakulavaṃso. Esa nayo sesapadesupi. Samaṇavaṃso pana samaṇatanti samaṇapaveṇī. Mūlagandhādīnanti ādi-saddena yathā sāragandhādīnaṃ saṅgaho, evamettha gorasādīnampi saṅgaho daṭṭhabbo, dutiyena pana ādi-sadena kāsikavatthasappimaṇḍādīnaṃ.

    อริย-สโทฺท อมิลเกฺขสุปิ มนุเสฺสสุ ปวตฺตติ, เยสํ นิวสนฎฺฐานํ อริยํ อายตนนฺติ วุจฺจติฯ ยถาห ‘‘ยาวตา, อานนฺท, อริยํ อายตน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๑๕๒; อุทา. ๗๖)ฯ โลกิยสาธุชเนสุปิ ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายสมาจารา, เตสํ อหํ อญฺญตโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕)ฯ อิธ ปน เย ‘‘อารกา กิเลเสหี’’ติอาทินา ลทฺธนิพฺพจนา ปฎิวิทฺธอริยสจฺจา, เต เอว อธิเปฺปตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เก ปน เต อริยา’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘อริยา วุจฺจนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เย มหาปณิธานกปฺปโต ปฎฺฐาย ยาวายํ กโปฺป, เอตฺถนฺตเร อุปฺปนฺนา สมฺมาสมฺพุทฺธาฯ เต ตาว สรูปโต ทเสฺสตฺวา ตทเญฺญปิ สมฺมาสมฺพุเทฺธ ปเจฺจกพุเทฺธ พุทฺธสาวเก จ สงฺคเหตฺวา อนวเสสโต อริเย ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยาว สาสนํ อนฺตรธายติ, ตาว สตฺถา ธรติ เอว นามาติ อิมเมว ภควนฺตํฯ เย เจตรหิ พุทฺธสาวกา, เต จ สนฺธาย ปจฺจุปฺปนฺนคฺคหณํฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล เต เต ปจฺจุปฺปนฺนาติ เจ, อตีตานาคตคฺคหณํ น กตฺตพฺพํ สิยาฯ

    Ariya-saddo amilakkhesupi manussesu pavattati, yesaṃ nivasanaṭṭhānaṃ ariyaṃ āyatananti vuccati. Yathāha ‘‘yāvatā, ānanda, ariyaṃ āyatana’’nti (dī. ni. 2.152; udā. 76). Lokiyasādhujanesupi ‘‘ye hi vo ariyā parisuddhakāyasamācārā, tesaṃ ahaṃ aññataro’’tiādīsu (ma. ni. 1.35). Idha pana ye ‘‘ārakā kilesehī’’tiādinā laddhanibbacanā paṭividdhaariyasaccā, te eva adhippetāti dassetuṃ ‘‘ke pana te ariyā’’ti pucchaṃ katvā ‘‘ariyā vuccantī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ye mahāpaṇidhānakappato paṭṭhāya yāvāyaṃ kappo, etthantare uppannā sammāsambuddhā. Te tāva sarūpato dassetvā tadaññepi sammāsambuddhe paccekabuddhe buddhasāvake ca saṅgahetvā anavasesato ariye dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yāva sāsanaṃ antaradhāyati, tāva satthā dharati eva nāmāti imameva bhagavantaṃ. Ye cetarahi buddhasāvakā, te ca sandhāya paccuppannaggahaṇaṃ. Tasmiṃ tasmiṃ kāle te te paccuppannāti ce, atītānāgataggahaṇaṃ na kattabbaṃ siyā.

    อิทานิ ยถา ภควา ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสามิ, ยทิทํ ฉ ฉกฺกานี’’ติ ฉฉกฺกเทสนาย (ม. นิ. ๓.๔๒๐) อฎฺฐหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิฯ เอวํ มหาอริยวํสเทสนาย อริยานํ วํสํ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสา อคฺคญฺญา รตฺตญฺญา วํสญฺญา โปราณา, อสํกิณฺณา อสํกิณฺณปุพฺพา น สํกียนฺติ น สํกียิสฺสนฺติ, อปฺปฎิกุฎฺฐา สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติ เยหิ นวหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ, ตานิ ตาว อาเนตฺวา โถมนาวเสเนว วเณฺณโนฺต ‘‘เต โข ปเนเต’’ติอาทิมาหฯ อคฺคาติ ชานิตพฺพา สพฺพวํเสหิ เสฎฺฐภาวโต เสฎฺฐภาวสาธนโต จฯ

    Idāni yathā bhagavā ‘‘dhammaṃ vo, bhikkhave, desessāmi ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsessāmi, yadidaṃ cha chakkānī’’ti chachakkadesanāya (ma. ni. 3.420) aṭṭhahi padehi vaṇṇaṃ abhāsi. Evaṃ mahāariyavaṃsadesanāya ariyānaṃ vaṃsaṃ ‘‘cattārome, bhikkhave, ariyavaṃsā aggaññā rattaññā vaṃsaññā porāṇā, asaṃkiṇṇā asaṃkiṇṇapubbā na saṃkīyanti na saṃkīyissanti, appaṭikuṭṭhā samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti yehi navahi padehi vaṇṇaṃ abhāsi, tāni tāva ānetvā thomanāvaseneva vaṇṇento ‘‘te kho panete’’tiādimāha. Aggāti jānitabbā sabbavaṃsehi seṭṭhabhāvato seṭṭhabhāvasādhanato ca.

    รตฺตญฺญา จิรรตฺตาติ ชานิตพฺพา รตฺตญฺญูหิ พุทฺธาทีหิ เตหิ จ ตถา อนุฎฺฐิตตฺตาฯ วํสาติ ชานิตพฺพาติ พุทฺธาทีนํ อริยานํ วํสาติ ชานิตพฺพาฯ โปราณาติ ปุราตนาฯ น อธุนปฺปตฺติกาติ น อธุนาตนาฯ อวิกิณฺณาติ น ขิตฺตา น ฉฑฺฑิตาฯ เตนาห ‘‘อนปนีตา’’ติฯ น อปนีตปุพฺพาติ น ฉฑฺฑิตปุพฺพา, ติสฺสนฺนมฺปิ สิกฺขานํ ปริปูรณูปายภาวโต น ปริจฺจตฺตปุพฺพาฯ ตโต เอว อิทานิปิ น อปนียนฺติ, อนาคเตปิ น อปนียิสฺสนฺติเยวฯ ธมฺมสภาวสฺส วิชานเนน วิญฺญูฯ สมิตปาปา สมณา เจว พาหิตปาปา พฺราหฺมณา จฯ เตหิ อปฺปฎิกุฎฺฐา อปฺปฎิกฺขิตฺตาฯ เย หิ น ปฎิโกฺกสิตพฺพา, เต อนินฺทิตพฺพาฯ อครหิตพฺพา อปริจฺจชิตพฺพตาย อปฺปฎิกฺขิปิตพฺพา โหนฺตีติฯ

    Rattaññā cirarattāti jānitabbā rattaññūhi buddhādīhi tehi ca tathā anuṭṭhitattā. Vaṃsāti jānitabbāti buddhādīnaṃ ariyānaṃ vaṃsāti jānitabbā. Porāṇāti purātanā. Na adhunappattikāti na adhunātanā. Avikiṇṇāti na khittā na chaḍḍitā. Tenāha ‘‘anapanītā’’ti. Na apanītapubbāti na chaḍḍitapubbā, tissannampi sikkhānaṃ paripūraṇūpāyabhāvato na pariccattapubbā. Tato eva idānipi na apanīyanti, anāgatepi na apanīyissantiyeva. Dhammasabhāvassa vijānanena viññū. Samitapāpā samaṇā ceva bāhitapāpā brāhmaṇā ca. Tehi appaṭikuṭṭhā appaṭikkhittā. Ye hi na paṭikkositabbā, te aninditabbā. Agarahitabbā apariccajitabbatāya appaṭikkhipitabbā hontīti.

    สนฺตุโฎฺฐติ เอตฺถ ยถาธิเปฺปตสโนฺตสเมว ทเสฺสเนฺตน ปจฺจยสโนฺตสวเสน สนฺตุโฎฺฐติ วุตฺตํ, ฌานวิปสฺสนาทิวเสนปิ อิธ ภิกฺขุโน สนฺตุฎฺฐตา โหตีติฯ อิตรีตเรนาติ อิตเรน อิตเรนฯ อิตรสโทฺท อนิยมวจโน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโน ยํ-กิญฺจิสเทฺทหิ สมานโตฺถ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘เยน เกนจี’’ติฯ สฺวายํ อนิยมวาจิตาย เอว ยถา ถูลาทีนํ อญฺญตรวจโน, เอวํ ยถาลทฺธาทีนมฺปิ อญฺญตรวจโนติฯ ตตฺถ ทุติยปกฺขเสฺสว อิธ อิจฺฉิตภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ โข’’ติอาทิมาหฯ นนุ จ ยถาลทฺธาทโยปิ ถูลาทโย เอว? สจฺจเมตํ, ตถาปิ อตฺถิ วิเสโสฯ โย หิ ยถาลเทฺธสุ ถูลาทีสุ สโนฺตโส, โส ยถาลาภสโนฺตโสว, น อิตโรฯ น หิ โส ปจฺจยมตฺตสนฺนิสฺสโย อิจฺฉิโต, อถ โข อตฺตโน กายพลสารุปฺปภาวสนฺนิสฺสโยปิฯ ถูลทุกาทโย ตโยปิ จีวเร ลพฺภนฺติ, มชฺฌิโม จตุปจฺจยสาธารโณ, ปจฺฉิโม ปน จีวเร เสนาสเน จ ลพฺภตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิเม ตโย สโนฺตเสติ อิทํ สพฺพสงฺคาหิกนเยน วุตฺตํฯ เย หิ ปรโต คิลานปจฺจยํ ปิณฺฑปาเต เอว ปกฺขิปิตฺวา จีวเร วีสติ, ปิณฺฑปาเต ปนฺนรส, เสนาสเน ปนฺนรสาติ สมปญฺญาส สโนฺตสา วุจฺจนฺติ, เต สเพฺพปิ ยถารหํ อิเมสุ เอว ตีสุ สโนฺตเสสุ สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉนฺตีติฯ

    Santuṭṭhoti ettha yathādhippetasantosameva dassentena paccayasantosavasena santuṭṭhoti vuttaṃ, jhānavipassanādivasenapi idha bhikkhuno santuṭṭhatā hotīti. Itarītarenāti itarena itarena. Itarasaddo aniyamavacano dvikkhattuṃ vuccamāno yaṃ-kiñcisaddehi samānattho hotīti vuttaṃ ‘‘yena kenacī’’ti. Svāyaṃ aniyamavācitāya eva yathā thūlādīnaṃ aññataravacano, evaṃ yathāladdhādīnampi aññataravacanoti. Tattha dutiyapakkhasseva idha icchitabhāvaṃ dassento ‘‘atha kho’’tiādimāha. Nanu ca yathāladdhādayopi thūlādayo eva? Saccametaṃ, tathāpi atthi viseso. Yo hi yathāladdhesu thūlādīsu santoso, so yathālābhasantosova, na itaro. Na hi so paccayamattasannissayo icchito, atha kho attano kāyabalasāruppabhāvasannissayopi. Thūladukādayo tayopi cīvare labbhanti, majjhimo catupaccayasādhāraṇo, pacchimo pana cīvare senāsane ca labbhatīti daṭṭhabbaṃ. Ime tayo santoseti idaṃ sabbasaṅgāhikanayena vuttaṃ. Ye hi parato gilānapaccayaṃ piṇḍapāte eva pakkhipitvā cīvare vīsati, piṇḍapāte pannarasa, senāsane pannarasāti samapaññāsa santosā vuccanti, te sabbepi yathārahaṃ imesu eva tīsu santosesu saṅgahaṃ samosaraṇaṃ gacchantīti.

    จีวรํ ชานิตพฺพนฺติ ‘‘อิทํ นาม จีวรํ กปฺปิย’’นฺติ ชาติโต จีวรํ ชานิตพฺพํฯ จีวรเขตฺตนฺติ จีวรสฺส อุปฺปตฺติเกฺขตฺตํฯ ปํสุกูลนฺติ ปํสุกูลจีวรํ, ปํสุกูลลกฺขณปฺปตฺตํ จีวรํ ชานิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ จีวรสโนฺตโสติ จีวเร ลพฺภมาโน สโพฺพ สโนฺตโส ชานิตโพฺพฯ จีวรปฺปฎิสํยุตฺตานิ ธุตงฺคานิ ชานิตพฺพานิ, ยานิ โคเปโนฺต จีวรสโนฺตเสน สมฺมเทว สนฺตุโฎฺฐ โหตีติฯ โขมกปฺปาสิกโกเสยฺยกมฺพลสาณภงฺคานิ โขมาทีนิฯ ตตฺถ โขมํ นาม โขมสุเตฺตหิ วายิตํ โขมปฎฺฎจีวรํฯ ตถา เสสานิปิฯ สาณนฺติ สาณวากสุเตฺตหิ กตจีวรํฯ ภงฺคนฺติ ปน โขมสุตฺตาทีนิ สพฺพานิ, เอกจฺจานิ วา มิเสฺสตฺวา กตจีวรํฯ ภงฺคมฺปิ วากมยเมวาติ เกจิฯ ฉาติ คณนปริเจฺฉโทฯ ยทิ เอวํ อิโต อญฺญา วตฺถชาติ นตฺถีติ? โน นตฺถิฯ สา ปน เอเตสํ อนุโลมาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกูลาทีนี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อาทิ-สเทฺทน ปตฺตุณฺณํ, โสมารปฎฺฎํ, จีนปฎฺฎํ, อิทฺธิชํ, เทวทินฺนนฺติ เตสํ สงฺคโหฯ ตตฺถ ทุกูลํ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตาฯ ปตฺตุณฺณเทเส สญฺชาตวตฺถํ ปตฺตุณฺณํฯ ‘‘โกเสยฺยวิเสโส’’ติ หิ อภิธานโกเส วุตฺตํฯ โสมารเทเส จีนเทเส จ ชาตวตฺถานิ โสมารจีนปฎฺฎานิฯ ปตฺตุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตาฯ อิทฺธิชํ เอหิภิกฺขูนํ ปุญฺญิทฺธิยา นิพฺพตฺตจีวรํ, ตํ โขมาทีนํ อญฺญตรํ โหตีติ เตสํ เอว อนุโลมํฯ เทวตาหิ ทินฺนจีวรํ เทวทินฺนํ, ตํ กปฺปรุเกฺข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกญฺญาย อนุรุทฺธเตฺถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อญฺญตรภาวโตฯ

    Cīvaraṃ jānitabbanti ‘‘idaṃ nāma cīvaraṃ kappiya’’nti jātito cīvaraṃ jānitabbaṃ. Cīvarakhettanti cīvarassa uppattikkhettaṃ. Paṃsukūlanti paṃsukūlacīvaraṃ, paṃsukūlalakkhaṇappattaṃ cīvaraṃ jānitabbanti attho. Cīvarasantosoti cīvare labbhamāno sabbo santoso jānitabbo. Cīvarappaṭisaṃyuttāni dhutaṅgāni jānitabbāni, yāni gopento cīvarasantosena sammadeva santuṭṭho hotīti. Khomakappāsikakoseyyakambalasāṇabhaṅgāni khomādīni. Tattha khomaṃ nāma khomasuttehi vāyitaṃ khomapaṭṭacīvaraṃ. Tathā sesānipi. Sāṇanti sāṇavākasuttehi katacīvaraṃ. Bhaṅganti pana khomasuttādīni sabbāni, ekaccāni vā missetvā katacīvaraṃ. Bhaṅgampi vākamayamevāti keci. Chāti gaṇanaparicchedo. Yadi evaṃ ito aññā vatthajāti natthīti? No natthi. Sā pana etesaṃ anulomāti dassetuṃ ‘‘dukūlādīnī’’tiādi vuttaṃ. Ādi-saddena pattuṇṇaṃ, somārapaṭṭaṃ, cīnapaṭṭaṃ, iddhijaṃ, devadinnanti tesaṃ saṅgaho. Tattha dukūlaṃ sāṇassa anulomaṃ vākamayattā. Pattuṇṇadese sañjātavatthaṃ pattuṇṇaṃ. ‘‘Koseyyaviseso’’ti hi abhidhānakose vuttaṃ. Somāradese cīnadese ca jātavatthāni somāracīnapaṭṭāni. Pattuṇṇādīni tīṇi koseyyassa anulomāni pāṇakehi katasuttamayattā. Iddhijaṃ ehibhikkhūnaṃ puññiddhiyā nibbattacīvaraṃ, taṃ khomādīnaṃ aññataraṃ hotīti tesaṃ eva anulomaṃ. Devatāhi dinnacīvaraṃ devadinnaṃ, taṃ kapparukkhe nibbattaṃ jāliniyā devakaññāya anuruddhattherassa dinnavatthasadisaṃ, tampi khomādīnaṃyeva anulomaṃ hoti tesu aññatarabhāvato.

    อิมานีติ อโนฺตคธาวธารณวจนํ, อิมานิ เอวาติ อโตฺถฯ พุทฺธาทีนํ ปริโภคโยคฺคตาย กปฺปิยจีวรานิฯ อิทานิ อวธารเณน นิวตฺติตานิ เอกเทเสน ทเสฺสตุํ ‘‘กุสจีร’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กุสติเณหิ อเญฺญหิ วา ตาทิเสหิ ติเณหิ กตจีวรํ กุสจีรํฯ อกฺกวากาทีหิ วาเกหิ กตจีวรํ วากจีรํฯ จตุโกฺกเณหิ ติโกเณหิ วา ผลเกหิ กตจีวรํ ผลกจีรํฯ มนุสฺสานํ เกเสหิ กตกมฺพลํ เกสกมฺพลํฯ จามริวาลอสฺสวาลาทีหิ กตํ วาลกมฺพลํฯ มกจิตนฺตูหิ วายิโต โปตฺถโกฯ จมฺมนฺติ มิคจมฺมาทิ ยํ กิญฺจิ จมฺมํฯ อุลูกปเกฺขหิ คนฺถิตฺวา กตจีวรํ อุลูกปกฺขํฯ ภุชปตฺตตจาทิมยํ รุกฺขทุสฺสํฯ ติรีฎกนฺติ อโตฺถฯ สุขุมตราหิ ลตาหิ ลตาวาเกหิ วา วายิตํ ลตาทุสฺสํฯ เอรกวาเกหิ กตํ เอรกทุสฺสํฯ ตถา กทลิทุสฺสํฯ สุขุเมหิ เวฬุวิลีเวหิ กตํ เวฬุทุสฺสํฯ อาทิ-สเทฺทน วกฺกลาทีนํ สงฺคโหฯ อกปฺปิยจีวรานิ ติตฺถิยทฺธชภาวโตฯ

    Imānīti antogadhāvadhāraṇavacanaṃ, imāni evāti attho. Buddhādīnaṃ paribhogayoggatāya kappiyacīvarāni. Idāni avadhāraṇena nivattitāni ekadesena dassetuṃ ‘‘kusacīra’’ntiādi vuttaṃ. Tattha kusatiṇehi aññehi vā tādisehi tiṇehi katacīvaraṃ kusacīraṃ. Akkavākādīhi vākehi katacīvaraṃ vākacīraṃ. Catukkoṇehi tikoṇehi vā phalakehi katacīvaraṃ phalakacīraṃ. Manussānaṃ kesehi katakambalaṃ kesakambalaṃ. Cāmarivālaassavālādīhi kataṃ vālakambalaṃ. Makacitantūhi vāyito potthako. Cammanti migacammādi yaṃ kiñci cammaṃ. Ulūkapakkhehi ganthitvā katacīvaraṃ ulūkapakkhaṃ. Bhujapattatacādimayaṃ rukkhadussaṃ. Tirīṭakanti attho. Sukhumatarāhi latāhi latāvākehi vā vāyitaṃ latādussaṃ. Erakavākehi kataṃ erakadussaṃ. Tathā kadalidussaṃ. Sukhumehi veḷuvilīvehi kataṃ veḷudussaṃ. Ādi-saddena vakkalādīnaṃ saṅgaho. Akappiyacīvarāni titthiyaddhajabhāvato.

    อฎฺฐนฺนํ มาติกานํ วเสนาติ ‘‘สีมาย เทติ, กติกาย เทตี’’ติอาทินา (มหาว. ๓๗๙) อาคตานํ อฎฺฐนฺนํ จีวรุปฺปตฺติมาติกานํ วเสนฯ จีวรานํ ปฎิลาภเกฺขตฺตทสฺสนตฺถญฺหิ ภควตา ‘‘อฎฺฐิมา, ภิกฺขเว, มาติกา’’ติอาทินา มาติกา ฐปิตาฯ มาติกาติ หิ มาตโร จีวรุปฺปตฺติชนิกาติฯ

    Aṭṭhannaṃ mātikānaṃ vasenāti ‘‘sīmāya deti, katikāya detī’’tiādinā (mahāva. 379) āgatānaṃ aṭṭhannaṃ cīvaruppattimātikānaṃ vasena. Cīvarānaṃ paṭilābhakkhettadassanatthañhi bhagavatā ‘‘aṭṭhimā, bhikkhave, mātikā’’tiādinā mātikā ṭhapitā. Mātikāti hi mātaro cīvaruppattijanikāti.

    โสสานิกนฺติ สุสาเน ปติตํฯ ปาปณิกนฺติ อาปณทฺวาเร ปติตํฯ รถิยนฺติ ปุญฺญตฺถิเกหิ วาตปานนฺตเรน รถิกาย ฉฑฺฑิตโจฬกํฯ สงฺการกูฎกนฺติ สงฺการฎฺฐาเน ฉฑฺฑิตโจฬกํฯ สินานนฺติ นหานโจฬกํ, ยํ ภูตเวเชฺชหิ สสีสํ นหายิตฺวา กาลกณฺณิโจฬนฺติ ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉนฺติฯ ติตฺถนฺติ ติตฺถโจฬํ, สินานติเตฺถ ฉฑฺฑิตปิโลติกาฯ อคฺคิทฑฺฒนฺติ อคฺคินา ทฑฺฒปฺปเทสํฯ ตญฺหิ มนุสฺสา ฉเฑฺฑนฺติฯ โคขายิตาทีนิ ปากฎาเนวฯ ตานิปิ หิ มนุสฺสา ฉเฑฺฑนฺติฯ ธชํ อุสฺสาเปตฺวาติ นาวํ อาโรหเนฺตหิ วา ยุทฺธํ ปวิสเนฺตหิ วา ธชยฎฺฐิํ อุสฺสาเปตฺวา, ตตฺถ พทฺธํ วาเตน อานีตํ เตหิ ฉฑฺฑิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Sosānikanti susāne patitaṃ. Pāpaṇikanti āpaṇadvāre patitaṃ. Rathiyanti puññatthikehi vātapānantarena rathikāya chaḍḍitacoḷakaṃ. Saṅkārakūṭakanti saṅkāraṭṭhāne chaḍḍitacoḷakaṃ. Sinānanti nahānacoḷakaṃ, yaṃ bhūtavejjehi sasīsaṃ nahāyitvā kālakaṇṇicoḷanti chaḍḍetvā gacchanti. Titthanti titthacoḷaṃ, sinānatitthe chaḍḍitapilotikā. Aggidaḍḍhanti agginā daḍḍhappadesaṃ. Tañhi manussā chaḍḍenti. Gokhāyitādīni pākaṭāneva. Tānipi hi manussā chaḍḍenti. Dhajaṃ ussāpetvāti nāvaṃ ārohantehi vā yuddhaṃ pavisantehi vā dhajayaṭṭhiṃ ussāpetvā, tattha baddhaṃ vātena ānītaṃ tehi chaḍḍitanti adhippāyo.

    สาทกภิกฺขุนาติ คหปติจีวรสฺส สาทิยนภิกฺขุนาฯ เอกมาสมตฺตนฺติ จีวรมาสสญฺญิตํ เอกมาสมตฺตํ วิตเกฺกตุํ วฎฺฎติ, น ตโต ปรนฺติ อธิปฺปาโยฯ สพฺพสฺสปิ หิ ตณฺหานิคฺคหตฺถา สาสเน ปฎิปตฺตีติฯ ปํสุกูลิโก อทฺธมาเสเนว กโรติ อปรปฺปฎิพทฺธตฺตา ปฎิลาภสฺส, อิตรสฺส ปน ปรปฺปฎิพทฺธตฺตา มาสมตฺตํ อนุญฺญาตํฯ อิทํ มาสฑฺฒมาสมตฺตํ…เป.… วิตกฺกสโนฺตโส วิตเกฺกนฺตสฺส ปริมิตกาลิกตฺตาฯ มหาเถรํ ตตฺถ อตฺตโน สหายํ อิจฺฉโนฺตปิ ครุคารเวน ‘‘คามทฺวารํ, ภเนฺต, คมิสฺสามิ’’อิเจฺจวาหฯ เถโรปิ ตสฺส อชฺฌาสยํ ญตฺวา ‘‘อหมฺปาวุโส, คมิสฺสามี’’ติ อาหฯ ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน วิตกฺกสฺส อวสโร มา โหตู’’ติ ปญฺหํ ปุจฺฉมาโน คามํ ปาวิสิฯ อุจฺจารปลิพุโทฺธติ อุจฺจาเรน ปีฬิโตฯ ตทา ภควโต ทุกฺกรกิริยานุสฺสรณมุเขน ตถาคเต อุปฺปนฺนสฺส ปีติโสมนสฺสเวคสฺส พลวภาเวน กิเลสานํ วิกฺขมฺภิตตฺตา ตสฺมิํเยว…เป.… ตีณิ ผลานิ ปโตฺต

    Sādakabhikkhunāti gahapaticīvarassa sādiyanabhikkhunā. Ekamāsamattanti cīvaramāsasaññitaṃ ekamāsamattaṃ vitakketuṃ vaṭṭati, na tato paranti adhippāyo. Sabbassapi hi taṇhāniggahatthā sāsane paṭipattīti. Paṃsukūliko addhamāseneva karoti aparappaṭibaddhattā paṭilābhassa, itarassa pana parappaṭibaddhattā māsamattaṃ anuññātaṃ. Idaṃ māsaḍḍhamāsamattaṃ…pe… vitakkasantoso vitakkentassa parimitakālikattā. Mahātheraṃ tattha attano sahāyaṃ icchantopi garugāravena ‘‘gāmadvāraṃ, bhante, gamissāmi’’iccevāha. Theropi tassa ajjhāsayaṃ ñatvā ‘‘ahampāvuso, gamissāmī’’ti āha. ‘‘Imassa bhikkhuno vitakkassa avasaro mā hotū’’ti pañhaṃ pucchamāno gāmaṃ pāvisi. Uccārapalibuddhoti uccārena pīḷito. Tadā bhagavato dukkarakiriyānussaraṇamukhena tathāgate uppannassa pītisomanassavegassa balavabhāvena kilesānaṃ vikkhambhitattā tasmiṃyeva…pe… tīṇi phalāni patto.

    กตฺถ ลภิสฺสามีติ จินฺตนาปิ ลาภาสาปุพฺพิกาติ ตถา ‘‘อจิเนฺตตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘สุนฺทรํ ลภิสฺสามิ, มนาปํ ลภิสฺสามี’’ติเอวมาทิจินฺตนาย กา นาม กถา, กถํ ปน คนฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘กมฺมฎฺฐานสีเสเนว คมน’’นฺติฯ เตน จีวรํ ปฎิจฺจ กิญฺจิปิ น จิเนฺตตพฺพเมวาติ ทเสฺสติฯ อเปสโล อปฺปติรูปายปิ ปริเยสนาย ปจฺจโย ภเวยฺยาติ ‘‘เปสลํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ อาหริยมานนฺติ สุสานาทีสุ ปติตํ วตฺถํ ‘‘อิเม ภิกฺขู ปํสุกูลปริเยสนํ จรนฺตี’’ติ ญตฺวา เกนจิ ปุริเสน ตโต อานียมานํฯ เอวํ ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺสปีติ เอวํ ปฎิลาภสโนฺตสํ อโกเปตฺวา ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺสปิฯ อตฺตโน ปโหนกมเตฺตเนวาติ ยถาลทฺธานํ ปํสุกูลานํ เอกปฎฺฎทุปฎฺฎานํ อตฺถาย อตฺตโน ปโหนกปฺปมาเณเนวฯ อวธารเณน อุปริ ปจฺจาสํ นิวเตฺตติฯ คาเม ภิกฺขาย อาหิณฺฑเนฺตน สปทานจารินา วิย ทฺวารปฺปฎิปาฎิยา จรณํ โลลุปฺปวิวชฺชนํ นาม โลลุปฺปสฺส ทูรสมุสฺสาริตตฺตาฯ

    Kattha labhissāmīti cintanāpi lābhāsāpubbikāti tathā ‘‘acintetvā’’ti vuttaṃ. ‘‘Sundaraṃ labhissāmi, manāpaṃ labhissāmī’’tievamādicintanāya kā nāma kathā, kathaṃ pana gantabbanti āha ‘‘kammaṭṭhānasīseneva gamana’’nti. Tena cīvaraṃ paṭicca kiñcipi na cintetabbamevāti dasseti. Apesalo appatirūpāyapi pariyesanāya paccayo bhaveyyāti ‘‘pesalaṃ bhikkhuṃ gahetvā’’ti vuttaṃ. Āhariyamānanti susānādīsu patitaṃ vatthaṃ ‘‘ime bhikkhū paṃsukūlapariyesanaṃ carantī’’ti ñatvā kenaci purisena tato ānīyamānaṃ. Evaṃ laddhaṃ gaṇhantassapīti evaṃ paṭilābhasantosaṃ akopetvā laddhaṃ gaṇhantassapi. Attanopahonakamattenevāti yathāladdhānaṃ paṃsukūlānaṃ ekapaṭṭadupaṭṭānaṃ atthāya attano pahonakappamāṇeneva. Avadhāraṇena upari paccāsaṃ nivatteti. Gāme bhikkhāya āhiṇḍantena sapadānacārinā viya dvārappaṭipāṭiyā caraṇaṃ loluppavivajjanaṃ nāma loluppassa dūrasamussāritattā.

    ยาเปตุนฺติ อตฺตภาวํ ปวเตฺตตุํฯ โธวนุปเคนาติ โธวนโยเคฺคนฯ ปณฺณานีติ อมฺพชมฺพาทิปณฺณานิฯ อโกเปตฺวาติ สโนฺตสํ อโกเปตฺวาฯ ปโหนกนีหาเรเนวาติ อนฺตรวาสกาทีสุ ยํ กาตุกาโม, ตสฺส ปโหนกนิยาเมเนว ยถาลทฺธํ ถูลสุขุมาทิํ คเหตฺวา กรณํฯ ติมณฺฑลปฺปฎิจฺฉาทนมตฺตเสฺสวาติ นิวาสนํ เจ นาภิมณฺฑลํ, ชาณุมณฺฑลํ, อิตรเญฺจ คลวาฎมณฺฑลํ , ชาณุมณฺฑลนฺติ ติมณฺฑลปฺปฎิจฺฉาทนมตฺตเสฺสว กรณํฯ ตํ ปน อตฺถโต ติณฺณํ จีวรานํ เหฎฺฐิมเนฺตน วุตฺตปริมาณํเยว โหติฯ อวิจาเรตฺวา น วิจาเรตฺวาฯ

    Yāpetunti attabhāvaṃ pavattetuṃ. Dhovanupagenāti dhovanayoggena. Paṇṇānīti ambajambādipaṇṇāni. Akopetvāti santosaṃ akopetvā. Pahonakanīhārenevāti antaravāsakādīsu yaṃ kātukāmo, tassa pahonakaniyāmeneva yathāladdhaṃ thūlasukhumādiṃ gahetvā karaṇaṃ. Timaṇḍalappaṭicchādanamattassevāti nivāsanaṃ ce nābhimaṇḍalaṃ, jāṇumaṇḍalaṃ, itarañce galavāṭamaṇḍalaṃ , jāṇumaṇḍalanti timaṇḍalappaṭicchādanamattasseva karaṇaṃ. Taṃ pana atthato tiṇṇaṃ cīvarānaṃ heṭṭhimantena vuttaparimāṇaṃyeva hoti. Avicāretvā na vicāretvā.

    กุสิพนฺธนกาเลติ มณฺฑลานิ โยเชตฺวา สิพฺพนกาเลฯ สตฺต วาเรติ สตฺต สิพฺพนวาเรฯ กปฺปพินฺทุอปเทเสน กสฺสจิ วิการสฺส อกรณํ กปฺปสโนฺตโส

    Kusibandhanakāleti maṇḍalāni yojetvā sibbanakāle. Satta vāreti satta sibbanavāre. Kappabinduapadesena kassaci vikārassa akaraṇaṃ kappasantoso.

    สีตปฺปฎิฆาตนาทิ อตฺถาปตฺติโต สิชฺฌตีติ มุขฺยเมว จีวรปริโภเค ปโยชนํ ทเสฺสตุํ ‘‘หิริโกปีนปฺปฎิจฺฉาทนมตฺตวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ภควา ‘‘ยาวเทว หิริโกปีนปฺปฎิจฺฉาทนตฺถ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘; มหานิ. ๒๐๖)ฯ วฎฺฎติ, น ตาวตา สโนฺตโส กุปฺปติ สมฺภารานํ ทกฺขิเณยฺยานํ อลาภโตฯ สารณียธเมฺม ฐตฺวาติ สีลวเนฺตหิ ภิกฺขูหิ สาธารณโภคิภาเว ฐตฺวาฯ อิตีติอาทินา ปฐมเสฺสว อริยวํสสฺส ปํสุกูลิกงฺคเตจีวริกงฺคานํ เตสญฺจสฺส ปจฺจยตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิติ อิเม ธมฺมา อญฺญมญฺญสฺส สมุฎฺฐาปกา อุปตฺถมฺภกา จา’’ติ ทีเปติฯ เอส นโย อิโต ปเรสุฯ

    Sītappaṭighātanādi atthāpattito sijjhatīti mukhyameva cīvaraparibhoge payojanaṃ dassetuṃ ‘‘hirikopīnappaṭicchādanamattavasenā’’ti vuttaṃ. Tenāha bhagavā ‘‘yāvadeva hirikopīnappaṭicchādanattha’’nti (ma. ni. 1.23; a. ni. 6.58; mahāni. 206). Vaṭṭati, na tāvatā santoso kuppati sambhārānaṃ dakkhiṇeyyānaṃ alābhato. Sāraṇīyadhamme ṭhatvāti sīlavantehi bhikkhūhi sādhāraṇabhogibhāve ṭhatvā. Itītiādinā paṭhamasseva ariyavaṃsassa paṃsukūlikaṅgatecīvarikaṅgānaṃ tesañcassa paccayataṃ dassento ‘‘iti ime dhammā aññamaññassa samuṭṭhāpakā upatthambhakā cā’’ti dīpeti. Esa nayo ito paresu.

    สนฺตุโฎฺฐ โหติ วณฺณวาทีติ เอตฺถ จตุโกฺกฎิกํ สมฺภวติฯ ตตฺถ จตุโตฺถเยว ปโกฺข วณฺณิตโถมิโตติ ตถา เทสนา กตาฯ เอโก สนฺตุโฎฺฐ โหติ, สโนฺตสสฺส วณฺณํ น กเถติ เสยฺยถาปิ เถโร นาฬโกฯ เอโก น สนฺตุโฎฺฐ โหติ, สโนฺตสสฺส วณฺณํ กเถติ เสยฺยถาปิ อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺตฯ เอโก เนว สนฺตุโฎฺฐ โหติ, น สโนฺตสสฺส วณฺณํ กเถติ เสยฺยถาปิ เถโร ลาฬุทายิ ฯ เอโก สนฺตุโฎฺฐ เจว โหติ, สโนฺตสสฺส จ วณฺณํ กเถติ เสยฺยถาปิ เถโร มหากสฺสโปฯ

    Santuṭṭho hoti vaṇṇavādīti ettha catukkoṭikaṃ sambhavati. Tattha catutthoyeva pakkho vaṇṇitathomitoti tathā desanā katā. Eko santuṭṭho hoti, santosassa vaṇṇaṃ na katheti seyyathāpi thero nāḷako. Eko na santuṭṭho hoti, santosassa vaṇṇaṃ katheti seyyathāpi upanando sakyaputto. Eko neva santuṭṭho hoti, na santosassa vaṇṇaṃ katheti seyyathāpi thero lāḷudāyi . Eko santuṭṭho ceva hoti, santosassa ca vaṇṇaṃ katheti seyyathāpi thero mahākassapo.

    อเนสนนฺติ อยุตฺตํ เอสนํฯ เตนาห ‘‘อปฺปติรูป’’นฺติ, สาสเน ฐิตานํ อปฺปติรูปํ อโยคฺคํฯ โกหญฺญํ กโรโนฺตติ จีวรุปฺปาทนนิมิตฺตํ ปเรสํ กุหนํ วิมฺหาปนํ กโรโนฺตฯ อุตฺตสตีติ ตณฺหาสนฺตาเสน อุปรูปริ ตสติฯ ปริตสฺสตีติ ปริโต ตสฺสติฯ ยถา สเพฺพ กายวจิปฺปโยคา ตทตฺถา เอว ชายนฺติ, เอวํ สพฺพภาเคหิ ตสติฯ คธิตํ วุจฺจติ คิโทฺธ, โส เจตฺถ อภิชฺฌาลกฺขโณ อธิเปฺปโตฯ คธิตํ เอตสฺส นตฺถีติ อคธิโตติ อาห ‘‘วิคตโลภคิโทฺธ’’ติฯ มุจฺฉนฺติ ตณฺหาวเสน มุยฺหนํฯ ตสฺส สมุสฺสยสฺส อธิคตํ อนาปโนฺน อนุปคโตฯ อโนตฺถโต อนโชฺฌตฺถโตฯ อปริโยนโทฺธติ ตณฺหจฺฉทเนน อจฺฉาทิโตฯ อาทีนวํ ปสฺสมาโนติ ทิฎฺฐธมฺมิกํ สมฺปรายิกญฺจ โทสํ ปสฺสโนฺตฯ คธิตปริโภคโต นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ , อิทมฎฺฐิกตาฯ ตํ ปชานาตีติ นิสฺสรณปโญฺญฯ เตนาห ‘‘ยาวเทว…เป.… ชานโนฺต’’ติฯ

    Anesananti ayuttaṃ esanaṃ. Tenāha ‘‘appatirūpa’’nti, sāsane ṭhitānaṃ appatirūpaṃ ayoggaṃ. Kohaññaṃ karontoti cīvaruppādananimittaṃ paresaṃ kuhanaṃ vimhāpanaṃ karonto. Uttasatīti taṇhāsantāsena uparūpari tasati. Paritassatīti parito tassati. Yathā sabbe kāyavacippayogā tadatthā eva jāyanti, evaṃ sabbabhāgehi tasati. Gadhitaṃ vuccati giddho, so cettha abhijjhālakkhaṇo adhippeto. Gadhitaṃ etassa natthīti agadhitoti āha ‘‘vigatalobhagiddho’’ti. Mucchanti taṇhāvasena muyhanaṃ. Tassa samussayassa adhigataṃ anāpanno anupagato. Anotthato anajjhotthato. Apariyonaddhoti taṇhacchadanena acchādito. Ādīnavaṃ passamānoti diṭṭhadhammikaṃ samparāyikañca dosaṃ passanto. Gadhitaparibhogato nissarati etenāti nissaraṇaṃ , idamaṭṭhikatā. Taṃ pajānātīti nissaraṇapañño. Tenāha ‘‘yāvadeva…pe… jānanto’’ti.

    เนวตฺตานุกฺกํเสตีติ อตฺตานํ เนว อุกฺกํเสติ น อุกฺขิปติ น อุกฺกฎฺฐโต ทหติฯ อหนฺติอาทิ อุกฺกํสนาการทสฺสนํฯ น วเมฺภติ น หีเฬติ น นิหีนโต ทหติฯ ตสฺมิํ จีวรสโนฺตเสติ ตสฺมิํ ยถาวุเตฺต วีสติวิเธ จีวรสโนฺตเสฯ กามเญฺจตฺถ วุตฺตปฺปการสโนฺตสคฺคหเณเนว จีวรเหตุ อเนสนาปชฺชนาทิปิ คหิตเมว ตสฺมิํ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ จ อภาวโตฯ วณฺณวาทิตาอตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนานิ ปน คหิตานิ น โหนฺตีติ ‘‘วณฺณวาทาทีสุ วา’’ติ วิกโปฺป วุโตฺตฯ เอตฺถ จ ทโกฺขติอาทิ เยสํ ธมฺมานํ วเสนสฺส ยถาวุตฺตสโนฺตสาที อิชฺฌนฺติ, ตํทสฺสนํฯ ตตฺถ ทโกฺขติ อิมินา เตสํ สมุฎฺฐาปนปญฺญํ ทเสฺสติฯ อนลโสติ อิมินา ปคฺคณฺหนวีริยํ, สมฺปชาโนติ อิมินา ปาริหาริยปญฺญํ, ปฎิสฺสโตติ อิมินา ตตฺถ อสโมฺมสวุตฺติํ ทเสฺสติฯ

    Nevattānukkaṃsetīti attānaṃ neva ukkaṃseti na ukkhipati na ukkaṭṭhato dahati. Ahantiādi ukkaṃsanākāradassanaṃ. Na vambheti na hīḷeti na nihīnato dahati. Tasmiṃ cīvarasantoseti tasmiṃ yathāvutte vīsatividhe cīvarasantose. Kāmañcettha vuttappakārasantosaggahaṇeneva cīvarahetu anesanāpajjanādipi gahitameva tasmiṃ sati tassa bhāvato, asati ca abhāvato. Vaṇṇavāditāattukkaṃsanaparavambhanāni pana gahitāni na hontīti ‘‘vaṇṇavādādīsu vā’’ti vikappo vutto. Ettha ca dakkhotiādi yesaṃ dhammānaṃ vasenassa yathāvuttasantosādī ijjhanti, taṃdassanaṃ. Tattha dakkhoti iminā tesaṃ samuṭṭhāpanapaññaṃ dasseti. Analasoti iminā paggaṇhanavīriyaṃ, sampajānoti iminā pārihāriyapaññaṃ, paṭissatoti iminā tattha asammosavuttiṃ dasseti.

    ปิณฺฑปาโต ชานิตโพฺพติ ปเภทโต ปิณฺฑปาโต ชานิตโพฺพฯ ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตนฺติ ปิณฺฑปาตสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานํฯ ปิณฺฑปาตสโนฺตโส ชานิตโพฺพติ ปิณฺฑปาตสโนฺตสปฺปเภโท ชานิตโพฺพฯ อิธ เภสชฺชมฺปิ ปิณฺฑปาตคติกเมวฯ อาหริตพฺพโต หิ สปฺปิอาทีนมฺปิ คหณํ กตํฯ

    Piṇḍapāto jānitabboti pabhedato piṇḍapāto jānitabbo. Piṇḍapātakkhettanti piṇḍapātassa uppattiṭṭhānaṃ. Piṇḍapātasantoso jānitabboti piṇḍapātasantosappabhedo jānitabbo. Idha bhesajjampi piṇḍapātagatikameva. Āharitabbato hi sappiādīnampi gahaṇaṃ kataṃ.

    ปิณฺฑปาตเกฺขตฺตํ ปิณฺฑปาตสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานํ เขตฺตํ วิย เขตฺตํฯ อุปฺปชฺชติ เอตฺถ, เอเตนาติ จ อุปฺปตฺติฎฺฐานํฯ สงฺฆโต วา หิ ภิกฺขุโน ปิณฺฑปาโต อุปฺปชฺชติ อุทฺทิสฺสวเสน วาฯ ตตฺถ สกลสฺส สงฺฆสฺส ทาตพฺพภตฺตํ สงฺฆภตฺตํฯ กติปเย ภิกฺขู อุทฺทิสิตฺวา อุเทฺทเสน ทาตพฺพภตฺตํ อุเทฺทสภตฺตํฯ นิมเนฺตตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ นิมนฺตนํฯ สลากาย ทาตพฺพภตฺตํ สลากภตฺตํฯ เอกสฺมิํ ปเกฺข เอกทิวสํ ทาตพฺพภตฺตํ ปกฺขิกํฯ อุโปสเถ อุโปสเถ ทาตพฺพภตฺตํ อุโปสถิกํฯ ปาฎิปททิวเส ทาตพฺพภตฺตํ ปาฎิปทิกํฯ อาคนฺตุกานํ ทาตพฺพภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํฯ ธุรเคเห เอว ฐเปตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ ธุรภตฺตํฯ กุฎิํ อุทฺทิสฺส ทาตพฺพภตฺตํ กุฎิภตฺตํฯ คามวาสิอาทีหิ วาเรน ทาตพฺพภตฺตํ วารภตฺตํฯ วิหารํ อุทฺทิสฺส ทาตพฺพภตฺตํ วิหารภตฺตํฯ เสสานิ ปากฎาเนวฯ

    Piṇḍapātakkhettaṃ piṇḍapātassa uppattiṭṭhānaṃ khettaṃ viya khettaṃ. Uppajjati ettha, etenāti ca uppattiṭṭhānaṃ. Saṅghato vā hi bhikkhuno piṇḍapāto uppajjati uddissavasena vā. Tattha sakalassa saṅghassa dātabbabhattaṃ saṅghabhattaṃ. Katipaye bhikkhū uddisitvā uddesena dātabbabhattaṃ uddesabhattaṃ. Nimantetvā dātabbabhattaṃ nimantanaṃ. Salākāya dātabbabhattaṃ salākabhattaṃ. Ekasmiṃ pakkhe ekadivasaṃ dātabbabhattaṃ pakkhikaṃ. Uposathe uposathe dātabbabhattaṃ uposathikaṃ. Pāṭipadadivase dātabbabhattaṃ pāṭipadikaṃ. Āgantukānaṃ dātabbabhattaṃ āgantukabhattaṃ. Dhuragehe eva ṭhapetvā dātabbabhattaṃ dhurabhattaṃ. Kuṭiṃ uddissa dātabbabhattaṃ kuṭibhattaṃ. Gāmavāsiādīhi vārena dātabbabhattaṃ vārabhattaṃ. Vihāraṃ uddissa dātabbabhattaṃ vihārabhattaṃ. Sesāni pākaṭāneva.

    วิตเกฺกติ ‘‘กตฺถ นุ โข อหํ อชฺช ปิณฺฑาย จริสฺสามี’’ติฯ ‘‘เสฺว กตฺถ ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ เถเรน วุเตฺต ‘‘อสุกคาเม, ภเนฺต’’ติ กามเมตํ ปฎิวจนทานํ, เยน ปน จิเตฺตน จิเนฺตตฺวา ตํ วุตฺตํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺตกํ จิเนฺตตฺวา’’ติฯ ตโต ปฎฺฐายาติ วิตกฺกมาฬเก ฐตฺวา วิตกฺกิตกาลโต ปฎฺฐายฯ ตโต ปรํ วิตเกฺกโนฺต อริยวํสา จุโต โหตีติ อิทํ ติณฺณมฺปิ อริยวํสิกานํ วเสน คเหตพฺพํ, น เอกจาริกเสฺสวฯ สโพฺพปิ หิ อริยวํสิโก เอกวารเมว วิตเกฺกตุํ ลภติ, น ตโต ปรํฯ ปริพาหิโรติ อริยวํสิกภาวโต พหิภูโตฯ สฺวายํ วิตกฺกสโนฺตโส กมฺมฎฺฐานมนสิกาเรน น กุปฺปติ วิสุชฺฌติ จฯ อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโยฯ เตเนวาห ‘‘กมฺมฎฺฐานสีเสน คนฺตพฺพ’’นฺติฯ คเหตพฺพเมวาติ อฎฺฐานปฺปยุโตฺต เอว-สโทฺทฯ ยาปนมตฺตเมว คเหตพฺพนฺติ โยเชตพฺพํฯ

    Vitakketi ‘‘kattha nu kho ahaṃ ajja piṇḍāya carissāmī’’ti. ‘‘Sve kattha piṇḍāya carissāmā’’ti therena vutte ‘‘asukagāme, bhante’’ti kāmametaṃ paṭivacanadānaṃ, yena pana cittena cintetvā taṃ vuttaṃ, taṃ sandhāyāha ‘‘ettakaṃ cintetvā’’ti. Tato paṭṭhāyāti vitakkamāḷake ṭhatvā vitakkitakālato paṭṭhāya. Tato paraṃ vitakkento ariyavaṃsā cuto hotīti idaṃ tiṇṇampi ariyavaṃsikānaṃ vasena gahetabbaṃ, na ekacārikasseva. Sabbopi hi ariyavaṃsiko ekavārameva vitakketuṃ labhati, na tato paraṃ. Paribāhiroti ariyavaṃsikabhāvato bahibhūto. Svāyaṃ vitakkasantoso kammaṭṭhānamanasikārena na kuppati visujjhati ca. Ito paresupi eseva nayo. Tenevāha ‘‘kammaṭṭhānasīsena gantabba’’nti. Gahetabbamevāti aṭṭhānappayutto eva-saddo. Yāpanamattameva gahetabbanti yojetabbaṃ.

    เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิคฺคหเณฯ อปฺปนฺติ อตฺตโน ยาปนปฺปมาณโตปิ อปฺปํ คเหตพฺพํ ทายกสฺส จิตฺตาราธนตฺถํฯ ปมาเณเนวาติ อตฺตโน ปมาเณเนว อปฺปํ คเหตพฺพํฯ ปมาเณน คเหตพฺพนฺติ เอตฺถ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิคฺคหณสฺมิญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มเกฺขตีติ วิทฺธํเสติ อปเนติฯ วินิปาเตติ วินาเสติ อฎฺฐานวินิโยเคนฯ สาสนนฺติ สตฺถุสาสนํ อนุสิฎฺฐิํ น กโรติ น ปฎิปชฺชติฯ สปทานจารินา วิย ทฺวารปฎิปาฎิยา จรณํ โลลุปฺปวิวชฺชนสโนฺตโสติ อาห ‘‘ทฺวารปฎิปาฎิยา คนฺตพฺพ’’นฺติฯ

    Etthāti etasmiṃ piṇḍapātappaṭiggahaṇe. Appanti attano yāpanappamāṇatopi appaṃ gahetabbaṃ dāyakassa cittārādhanatthaṃ. Pamāṇenevāti attano pamāṇeneva appaṃ gahetabbaṃ. Pamāṇena gahetabbanti ettha kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘paṭiggahaṇasmiñhī’’tiādi vuttaṃ. Makkhetīti viddhaṃseti apaneti. Vinipāteti vināseti aṭṭhānaviniyogena. Sāsananti satthusāsanaṃ anusiṭṭhiṃ na karoti na paṭipajjati. Sapadānacārinā viya dvārapaṭipāṭiyā caraṇaṃ loluppavivajjanasantosoti āha ‘‘dvārapaṭipāṭiyā gantabba’’nti.

    หราเปตฺวาติ อธิกํ อปเนตฺวาฯ อาหารเคธโต นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํฯ ชิฆจฺฉาย ปฎิวิโนทนตฺถํ กตา, กายสฺส ฐิติอาทิปโยชนํ ปน อตฺถาปตฺติโต อาคตเมวาติ อาห ‘‘ชิฆจฺฉาย…เป.… สโนฺตโส นามา’’ติฯ นิทหิตฺวา น ปริภุญฺชิตพฺพํ ตทหุปีติ อธิปฺปาโยฯ อิตรตฺถ ปน สิกฺขาปเทเนว วาริตํฯ สารณียธเมฺม ฐิเตนาติ สีลวเนฺตหิ ภิกฺขูหิ สาธารณโภคิภาเว ฐิเตนฯ

    Harāpetvāti adhikaṃ apanetvā. Āhāragedhato nissarati etenāti nissaraṇaṃ. Jighacchāya paṭivinodanatthaṃ katā, kāyassa ṭhitiādipayojanaṃ pana atthāpattito āgatamevāti āha ‘‘jighacchāya…pe… santoso nāmā’’ti. Nidahitvā na paribhuñjitabbaṃ tadahupīti adhippāyo. Itarattha pana sikkhāpadeneva vāritaṃ. Sāraṇīyadhamme ṭhitenāti sīlavantehi bhikkhūhi sādhāraṇabhogibhāve ṭhitena.

    เสนาสเนนาติ สยเนน อาสเนน จฯ ยตฺถ ยตฺถ หิ มญฺจาทิเก วิหาราทิเก จ เสติ, ตํ เสนํฯ ยตฺถ ยตฺถ ปีฐาทิเก อาสติ, ตํ อาสนํฯ ตทุภยํ เอกโต กตฺวา ‘‘เสนาสน’’นฺติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘มโญฺจ’’ติอาทิฯ ตตฺถ มโญฺจ มสารกาทิฯ ตถา ปีฐํฯ มญฺจภิสิ, ปีฐภิสีติ ทุวิโธ ภิสิฯ วิหาโร ปาการปริจฺฉิโนฺน สกโล อาวาโส, ‘‘ทีฆมุขปาสาโท’’ติ เกจิฯ อฑฺฒโยโค ทีฆปาสาโท, ‘‘เอกปสฺสจฺฉาทนกเสนาสน’’นฺติ เกจิฯ ปาสาโทติ จตุรสฺสปาสาโท, ‘‘อายตจตุรสฺสปาสาโท’’ติ เกจิฯ หมฺมิยนฺติ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโทฯ คุหาติ เกวลา ปพฺพตคุหาฯ เลณํ ทฺวารพนฺธํฯ อโฎฺฎ พหลภิตฺติกเคหํ, ยสฺส โคปานสิโย อคฺคเหตฺวา อิฎฺฐกาหิ เอว ฉทนํ โหติ, ‘‘อฎฺฎลากาเรน กรียตี’’ติปิ วทนฺติฯ มาโฬ เอกกูฎสงฺคหิโต อเนกโกโณ ปฎิสฺสยวิเสโส, ‘‘วฎฺฎากาเรน กตเสนาสน’’นฺติ เกจิฯ

    Senāsanenāti sayanena āsanena ca. Yattha yattha hi mañcādike vihārādike ca seti, taṃ senaṃ. Yattha yattha pīṭhādike āsati, taṃ āsanaṃ. Tadubhayaṃ ekato katvā ‘‘senāsana’’nti vuttaṃ. Tenāha ‘‘mañco’’tiādi. Tattha mañco masārakādi. Tathā pīṭhaṃ. Mañcabhisi, pīṭhabhisīti duvidho bhisi. Vihāro pākāraparicchinno sakalo āvāso, ‘‘dīghamukhapāsādo’’ti keci. Aḍḍhayogo dīghapāsādo, ‘‘ekapassacchādanakasenāsana’’nti keci. Pāsādoti caturassapāsādo, ‘‘āyatacaturassapāsādo’’ti keci. Hammiyanti muṇḍacchadanapāsādo. Guhāti kevalā pabbataguhā. Leṇaṃ dvārabandhaṃ. Aṭṭo bahalabhittikagehaṃ, yassa gopānasiyo aggahetvā iṭṭhakāhi eva chadanaṃ hoti, ‘‘aṭṭalākārena karīyatī’’tipi vadanti. Māḷo ekakūṭasaṅgahito anekakoṇo paṭissayaviseso, ‘‘vaṭṭākārena katasenāsana’’nti keci.

    ปิณฺฑปาเต วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สาทโก ภิกฺขุ ‘อหํ กตฺถ วสิสฺสามี’ติ วิตเกฺกตี’’ติอาทินา ยถารหํ ปิณฺฑปาเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ ‘‘ตโต ปรํ วิตเกฺกโนฺต อริยวํสา จุโต โหติ ปริพาหิโร, เสนาสนํ กุหิํ ลภิสฺสามีติ อจิเนฺตตฺวา กมฺมฎฺฐานสีเสเนว คนฺตพฺพ’’นฺติ จ เอวมาทิ สพฺพํ ปุริมนเยเนวฯ

    Piṇḍapātevuttanayenevāti ‘‘sādako bhikkhu ‘ahaṃ kattha vasissāmī’ti vitakketī’’tiādinā yathārahaṃ piṇḍapāte vuttanayeneva veditabbā. ‘‘Tato paraṃ vitakkento ariyavaṃsā cuto hoti paribāhiro, senāsanaṃ kuhiṃ labhissāmīti acintetvā kammaṭṭhānasīseneva gantabba’’nti ca evamādi sabbaṃ purimanayeneva.

    กสฺมา ปเนตฺถ ปจฺจยสโนฺตสํ ทเสฺสเนฺตน ภควตา คิลานปจฺจยสโนฺตโส น คหิโตติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘คิลานปจฺจโย ปน ปิณฺฑปาเต เอว ปวิโฎฺฐ’’ติ อาห, อาหริตพฺพตาสามเญฺญนาติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ เอวํ ตตฺถาปิ ปิณฺฑปาเต วิย วิตกฺกสโนฺตสาทโยปิ ปนฺนรส สโนฺตสา อิจฺฉิตพฺพาติ? โนติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ นนุ เจตฺถ ทฺวาทเสว ธุตงฺคานิ วินิโยคํ คตานิ, เอกํ ปน เนสชฺชิกงฺคํ น กตฺถจิ วินิยุตฺตนฺติ อาห ‘‘เนสชฺชิกงฺคํ ภาวนารามอริยวํสํ ภชตี’’ติฯ อยญฺจ อโตฺถ อฎฺฐกถารุโฬฺห เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาหฯ

    Kasmā panettha paccayasantosaṃ dassentena bhagavatā gilānapaccayasantoso na gahitoti? Na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbanti dassento ‘‘gilānapaccayo pana piṇḍapāte eva paviṭṭho’’ti āha, āharitabbatāsāmaññenāti adhippāyo. Yadi evaṃ tatthāpi piṇḍapāte viya vitakkasantosādayopi pannarasa santosā icchitabbāti? Noti dassento āha ‘‘tatthā’’tiādi. Nanu cettha dvādaseva dhutaṅgāni viniyogaṃ gatāni, ekaṃ pana nesajjikaṅgaṃ na katthaci viniyuttanti āha ‘‘nesajjikaṅgaṃ bhāvanārāmaariyavaṃsaṃ bhajatī’’ti. Ayañca attho aṭṭhakathāruḷho evāti dassento ‘‘vuttampi ceta’’ntiādimāha.

    ปถวิํ ปตฺถรมาโน วิยาติอาทิ อริยวํสเทสนาย สุทุกฺกรภาวทสฺสนํ มหาวิสยตฺตา ตสฺสา เทสนายฯ ยสฺมา นยสหสฺสปฎิมณฺฑิตํ โหติ, อริยมคฺคาธิคมาย วิตฺถารโต ปวตฺติยมานา เทสนา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ อยญฺจ ภาวนารามอริยวํสกถา อริยมคฺคาธิคมาย วิตฺถารโต ปวตฺติยมานา เอว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สหสฺสนยปฎิมณฺฑิตํ…เป.… เทสนํ อารภี’’ติฯ

    Pathaviṃ pattharamāno viyātiādi ariyavaṃsadesanāya sudukkarabhāvadassanaṃ mahāvisayattā tassā desanāya. Yasmā nayasahassapaṭimaṇḍitaṃ hoti, ariyamaggādhigamāya vitthārato pavattiyamānā desanā cittuppādakaṇḍe ayañca bhāvanārāmaariyavaṃsakathā ariyamaggādhigamāya vitthārato pavattiyamānā eva hotīti vuttaṃ ‘‘sahassanayapaṭimaṇḍitaṃ…pe… desanaṃ ārabhī’’ti.

    ปฎิปกฺขวิธมนโต อภิมุขภาเวน รมณํ อารมณํ อาราโมติ อาห ‘‘อภิรตีติ อโตฺถ’’ติฯ พฺยธิกรณานมฺปิ ปทานํ วเสน ภวติ พาหิรตฺถสมาโส ยถา ‘‘อุรสิโลโม กเณฺฐกาโฬ’’ติ อาห ‘‘ภาวนาย อาราโม อสฺสาติ ภาวนาราโม’’ติฯ อภิรมิตพฺพเฎฺฐน วา อาราโม, ภาวนา อาราโม อสฺสาติ ภาวนาราโมติ เอวเมฺปตฺถ สมาสโยชนา เวทิตพฺพาฯ ภาเวโนฺต รมตีติ เอเตน ภาวนารามสทฺทานํ กตฺตุสาธนตํ กมฺมธารยสมาสตญฺจ ทเสฺสติฯ ‘‘ปชหโนฺต รมตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปหานาราโมติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Paṭipakkhavidhamanato abhimukhabhāvena ramaṇaṃ āramaṇaṃ ārāmoti āha ‘‘abhiratīti attho’’ti. Byadhikaraṇānampi padānaṃ vasena bhavati bāhiratthasamāso yathā ‘‘urasilomo kaṇṭhekāḷo’’ti āha ‘‘bhāvanāya ārāmo assāti bhāvanārāmo’’ti. Abhiramitabbaṭṭhena vā ārāmo, bhāvanā ārāmo assāti bhāvanārāmoti evampettha samāsayojanā veditabbā. Bhāvento ramatīti etena bhāvanārāmasaddānaṃ kattusādhanataṃ kammadhārayasamāsatañca dasseti. ‘‘Pajahanto ramatī’’ti vuttattā pahānārāmoti etthāpi eseva nayo.

    กามํ ‘‘เนสชฺชิกงฺคํ ภาวนารามอริยวํสํ ภชตี’’ติ วุตฺตํ ภาวนานุโยคสฺส อนุจฺฉวิกตฺตา, เนสชฺชิกงฺควเสน ปน เนสชฺชิกสฺส ภิกฺขุโน เอกจฺจาหิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺติภาโวติ ตมฺปิ สงฺคณฺหโนฺต ‘‘เตรสนฺนํ ธุตงฺคาน’’นฺติ วตฺวา วินยํ ปตฺวา ครุเก ฐาตพฺพนฺติ อิจฺฉิตตฺตา สเลฺลขสฺส อปริจฺจชนวเสน ปฎิปตฺติ นาม วินเย ฐิตเสฺสวาติ อาห ‘‘เตรสนฺนํ…เป.… กถิตํ โหตี’’ติฯ กามํ สุตฺตาภิธมฺมปิฎเกสุปิ ตตฺถ ตตฺถ สีลกถา อาหฎาเยว, เยหิ ปน คุเณหิ สีลสฺส โวทานํ โหติ, เตสุ กถิเตสุ ยถา สีลกถาพาหุลฺลํ วินยปิฎกํ กถิตํ โหติ, เอวํ ภาวนากถาพาหุลฺลํ สุตฺตปิฎกํ อภิธมฺมปิฎกญฺจ จตุเตฺถน อริยวํเสน กถิเตน กถิตเมว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ภาวนาราเมน อวเสสํ ปิฎกทฺวยํ กถิต’’นฺติฯ ‘‘โส เนกฺขมฺมํ ภาเวโนฺต รมตี’’ติ เนกฺขมฺมปทํ อาทิํ กตฺวา ตตฺถ เทสนาย ปวตฺตตฺตา สเพฺพสมฺปิ วา สมถวิปสฺสนามคฺคธมฺมานํ ยถาสกํ ปฎิปกฺขโต นิกฺขมเนน เนกฺขมฺมสญฺญิตานํ ตตฺถ อาคตตฺตา โส ปาโฐ เนกฺขมฺมปาฬีติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เนกฺขมปาฬิยา กเถตโพฺพ’’ติฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘สเพฺพปิ กุสลา ธมา, เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติฯ ทสุตฺตรสุตฺตนฺตปริยาเยนาติ ทสุตฺตรสุตฺตนฺตธเมฺมน (ที. นิ. ๓.๓๕๐ อาทโย) ทสุตฺตรสุตฺตเนฺต อาคตนเยนาติ วา อโตฺถฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Kāmaṃ ‘‘nesajjikaṅgaṃ bhāvanārāmaariyavaṃsaṃ bhajatī’’ti vuttaṃ bhāvanānuyogassa anucchavikattā, nesajjikaṅgavasena pana nesajjikassa bhikkhuno ekaccāhi āpattīhi anāpattibhāvoti tampi saṅgaṇhanto ‘‘terasannaṃ dhutaṅgāna’’nti vatvā vinayaṃ patvā garuke ṭhātabbanti icchitattā sallekhassa apariccajanavasena paṭipatti nāma vinaye ṭhitassevāti āha ‘‘terasannaṃ…pe… kathitaṃ hotī’’ti. Kāmaṃ suttābhidhammapiṭakesupi tattha tattha sīlakathā āhaṭāyeva, yehi pana guṇehi sīlassa vodānaṃ hoti, tesu kathitesu yathā sīlakathābāhullaṃ vinayapiṭakaṃ kathitaṃ hoti, evaṃ bhāvanākathābāhullaṃ suttapiṭakaṃ abhidhammapiṭakañca catutthena ariyavaṃsena kathitena kathitameva hotīti vuttaṃ ‘‘bhāvanārāmena avasesaṃ piṭakadvayaṃ kathita’’nti. ‘‘So nekkhammaṃ bhāvento ramatī’’ti nekkhammapadaṃ ādiṃ katvā tattha desanāya pavattattā sabbesampi vā samathavipassanāmaggadhammānaṃ yathāsakaṃ paṭipakkhato nikkhamanena nekkhammasaññitānaṃ tattha āgatattā so pāṭho nekkhammapāḷīti vuccatīti āha ‘‘nekkhamapāḷiyā kathetabbo’’ti. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sabbepi kusalā dhamā, nekkhammanti pavuccare’’ti. Dasuttarasuttantapariyāyenāti dasuttarasuttantadhammena (dī. ni. 3.350 ādayo) dasuttarasuttante āgatanayenāti vā attho. Sesapadadvayepi eseva nayo.

    โสติ ชาคริยํ อนุยุโตฺต ภิกฺขุฯ เนกฺขมฺมนฺติ กาเมหิ นิกฺขนฺตภาวโต เนกฺขมฺมสญฺญิตํ ปฐมชฺฌานูปจารํ, โส ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) อาคโตฯ ปฐมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคภาวนา หิ อิธาธิเปฺปตา, ตสฺมา ‘‘อพฺยาปาท’’นฺติอาทีสุปิ เอวเมว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สอุปายานญฺหิ อฎฺฐนฺนํ สมาปตฺตีนํ อฎฺฐารสนฺนํ มหาวิปสฺสนานํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานญฺจ วเสเนตฺถ เทสนา ปวตฺตาติฯ ตตฺถ อพฺยาปาทนฺติ เมตฺตาฯ อาโลกสญฺญนฺติ วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน อุปฎฺฐิตอาโลกสญฺชานนํฯ อวิเกฺขปนฺติ สมาธิํฯ ธมฺมววตฺถานนฺติ กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวนิจฺฉยํ, ‘‘สปจฺจยนามววตฺถาน’’นฺติปิ วทนฺติฯ เอวํ กามจฺฉนฺทาทินีวรณปฺปหาเนน ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส ปฐมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคปฎิปทาย ภาวนารามตํ ปหานารามตญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สห อุปาเยน อฎฺฐสมาปตฺตีหิ อฎฺฐารสหิ จ มหาวิปสฺสนาหิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ญาณ’’นฺติอาทิมาหฯ นามรูปปริคฺคหณกงฺขาวิตรณานญฺหิ วิพนฺธภูตสฺส โมหสฺส ทูรีกรเณน ญาตปริญฺญาย ฐิตสฺส อนิจฺจสญฺญาทโย สิชฺฌนฺติฯ ตถา ฌานสมาปตฺตีสุ อนภิรตินิมิเตฺตน ปาโมเชฺชน ตตฺถ อนภิรติยา วิโนทิตาย ฌานาทีนํ สมธิคโมติ สมาปตฺติวิปสฺสนํ อรติวิโนทนอวิชฺชาปทาลนอุปาโยฯ อุปฺปฎิปาฎินิเทฺทโส ปน นีวรณสภาวาย อวิชฺชาย เหฎฺฐานีวรเณสุ สงฺคหทสฺสนตฺถนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ กิญฺจาปิ ปฐมชฺฌานูปจาเรเยว ทุกฺขํ, จตุตฺถชฺฌานูปจาเรเยว สุขํ ปหียติ, อติสยปฺปหานํ ปน สนฺธายาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ สุขทุเกฺข’’ติฯ

    Soti jāgariyaṃ anuyutto bhikkhu. Nekkhammanti kāmehi nikkhantabhāvato nekkhammasaññitaṃ paṭhamajjhānūpacāraṃ, so ‘‘abhijjhaṃ loke pahāyā’’tiādinā (vibha. 508) āgato. Paṭhamajjhānassa pubbabhāgabhāvanā hi idhādhippetā, tasmā ‘‘abyāpāda’’ntiādīsupi evameva attho veditabbo. Saupāyānañhi aṭṭhannaṃ samāpattīnaṃ aṭṭhārasannaṃ mahāvipassanānaṃ catunnaṃ ariyamaggānañca vasenettha desanā pavattāti. Tattha abyāpādanti mettā. Ālokasaññanti vibhūtaṃ katvā manasikaraṇena upaṭṭhitaālokasañjānanaṃ. Avikkhepanti samādhiṃ. Dhammavavatthānanti kusalādidhammānaṃ yāthāvanicchayaṃ, ‘‘sapaccayanāmavavatthāna’’ntipi vadanti. Evaṃ kāmacchandādinīvaraṇappahānena ‘‘abhijjhaṃ loke pahāyā’’tiādinā vuttassa paṭhamajjhānassa pubbabhāgapaṭipadāya bhāvanārāmataṃ pahānārāmatañca dassetvā idāni saha upāyena aṭṭhasamāpattīhi aṭṭhārasahi ca mahāvipassanāhi taṃ dassetuṃ ‘‘ñāṇa’’ntiādimāha. Nāmarūpapariggahaṇakaṅkhāvitaraṇānañhi vibandhabhūtassa mohassa dūrīkaraṇena ñātapariññāya ṭhitassa aniccasaññādayo sijjhanti. Tathā jhānasamāpattīsu anabhiratinimittena pāmojjena tattha anabhiratiyā vinoditāya jhānādīnaṃ samadhigamoti samāpattivipassanaṃ arativinodanaavijjāpadālanaupāyo. Uppaṭipāṭiniddeso pana nīvaraṇasabhāvāya avijjāya heṭṭhānīvaraṇesu saṅgahadassanatthanti daṭṭhabbaṃ. Kiñcāpi paṭhamajjhānūpacāreyeva dukkhaṃ, catutthajjhānūpacāreyeva sukhaṃ pahīyati, atisayappahānaṃ pana sandhāyāha ‘‘catutthajjhānaṃ sukhadukkhe’’ti.

    อนิจฺจสฺส , อนิจฺจนฺติ จ อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย อนุปสฺสนาเยตํ นามํฯ นิจฺจสญฺญนฺติ สงฺขตธเมฺมสุ นิจฺจา สสฺสตาติ ปวตฺตํ มิจฺฉาสญฺญํฯ สญฺญาสีเสน ทิฎฺฐิจิตฺตานมฺปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ นิพฺพิทานุปสฺสนนฺติ สงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทนากาเรน ปวตฺตํ อนุปสฺสนํฯ นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํฯ วิราคานุปสฺสนนฺติ วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตํ อนุปสฺสนํฯ นิโรธานุปสฺสนนฺติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนํฯ ‘‘เต สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายติํ สมุทยวเสน น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ วา อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนาฯ เตเนวาห ‘‘นิโรธานุปสฺสนาย นิโรเธติ โน สมุเทตี’’ติฯ มุจฺจิตุกามตา หิ อยํ พลปฺปตฺตาติฯ ปฎินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนาฯ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา หิ อยํฯ อาทานนฺติ นิจฺจาทิวเสน คหณํฯ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน เอกตฺตคฺคหณํ ฆนสญฺญาฯ อายูหนํ อภิสงฺขรณํฯ อวตฺถาวิเสสาปตฺติ วิปริณาโมฯ ธุวสญฺญนฺติ ถิรภาวคฺคหณํฯ

    Aniccassa , aniccanti ca anupassanā aniccānupassanā, tebhūmakadhammānaṃ aniccataṃ gahetvā pavattāya anupassanāyetaṃ nāmaṃ. Niccasaññanti saṅkhatadhammesu niccā sassatāti pavattaṃ micchāsaññaṃ. Saññāsīsena diṭṭhicittānampi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Esa nayo ito paresupi. Nibbidānupassananti saṅkhāresu nibbindanākārena pavattaṃ anupassanaṃ. Nandinti sappītikataṇhaṃ. Virāgānupassananti virajjanākārena pavattaṃ anupassanaṃ. Nirodhānupassananti saṅkhārānaṃ nirodhassa anupassanaṃ. ‘‘Te saṅkhārā nirujjhantiyeva, āyatiṃ samudayavasena na uppajjantī’’ti evaṃ vā anupassanā nirodhānupassanā. Tenevāha ‘‘nirodhānupassanāya nirodheti no samudetī’’ti. Muccitukāmatā hi ayaṃ balappattāti. Paṭinissajjanākārena pavattā anupassanā paṭinissaggānupassanā. Paṭisaṅkhā santiṭṭhanā hi ayaṃ. Ādānanti niccādivasena gahaṇaṃ. Santatisamūhakiccārammaṇānaṃ vasena ekattaggahaṇaṃ ghanasaññā. Āyūhanaṃ abhisaṅkharaṇaṃ. Avatthāvisesāpatti vipariṇāmo. Dhuvasaññanti thirabhāvaggahaṇaṃ.

    นิมิตฺตนฺติ สมูหฆนวเสน, สกิจฺจปริเจฺฉทตาย จ สงฺขารานํ สวิคฺคหตํฯ ปณิธินฺติ ราคาทิปณิธิํฯ สา ปนตฺถโต ตณฺหาวเสน สงฺขาเรสุ นินฺนตาฯ อภินิเวสนฺติ อตฺตานุทิฎฺฐิฯ อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพธมฺมตีรณํ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาฯ สาราทานาภินิเวสนฺติ อสาเร สารนฺติ คหณวิปลฺลาสํฯ ‘‘อิสฺสรกุตฺตาทิวเสน โลโก สมุปฺปโนฺน’’ติ อภินิเวโส สโมฺมหาภินิเวโสฯ เกจิ ปน ‘‘อโหสิํ นุ โข อหมตีตมทฺธานนฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) ปวตฺตสํสยาปตฺติ สโมฺมหาภินิเวโส’’ติ วทนฺติฯ สงฺขาเรสุ ตาณเลณภาวคฺคหณํ อาลยาภินิเวโสฯ ‘‘อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗, ๘) จ วจนโต อาลโย ตณฺหา, สาเยว จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ จ อภินิเวสวเสน ปวตฺติยา อาลยาภินิเวโสติ เกจิฯ เอวํ ฐิตา เต สงฺขารา ปฎินิสฺสชฺชียนฺตีติ ปวตฺตํ ญาณํ ปฎิสงฺขานุปสฺสนาฯ วฎฺฎโต วิคตตฺตา วิวฎฺฎํ นิพฺพานํ, ตตฺถ อารมฺมณสงฺขาเตน อนุปสฺสเนน ปวตฺติยา วิวฎฺฎานุปสฺสนา โคตฺรภุฯ สํโยคาภินิเวสนฺติ สํยุชฺชนวเสน สงฺขาเรสุ นิเวสนํฯ ทิเฎฺฐกเฎฺฐติ ทิฎฺฐิยา สหชาเตกเฎฺฐ ปหาเนกเฎฺฐ จฯ โอฬาริเกติ อุปริมคฺควเชฺฌ กิเลเส อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ, อญฺญถา ทสฺสนปฺปหาตพฺพาปิ ทุติยมคฺควเชฺฌหิปิ โอฬาริกาติฯ อณุสหคเตติ อณุภูเตฯ อิทํ เหฎฺฐิมมคฺควเชฺฌ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํฯ สพฺพกิเลเสติ อวสิฎฺฐสพฺพกิเลเสฯ น หิ ปฐมาทิมเคฺคหิปิ ปหีนา กิเลสา ปุน ปหียนฺตีติฯ

    Nimittanti samūhaghanavasena, sakiccaparicchedatāya ca saṅkhārānaṃ saviggahataṃ. Paṇidhinti rāgādipaṇidhiṃ. Sā panatthato taṇhāvasena saṅkhāresu ninnatā. Abhinivesanti attānudiṭṭhi. Aniccadukkhādivasena sabbadhammatīraṇaṃ adhipaññādhammavipassanā. Sārādānābhinivesanti asāre sāranti gahaṇavipallāsaṃ. ‘‘Issarakuttādivasena loko samuppanno’’ti abhiniveso sammohābhiniveso. Keci pana ‘‘ahosiṃ nu kho ahamatītamaddhānantiādinā (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20) pavattasaṃsayāpatti sammohābhiniveso’’ti vadanti. Saṅkhāresu tāṇaleṇabhāvaggahaṇaṃ ālayābhiniveso. ‘‘Ālayaratā ālayasammuditā’’ti (dī. ni. 2.64, 67; ma. ni. 1.281; 2.337; saṃ. ni. 1.172; mahāva. 7, 8) ca vacanato ālayo taṇhā, sāyeva cakkhādīsu rūpādīsu ca abhinivesavasena pavattiyā ālayābhinivesoti keci. Evaṃ ṭhitā te saṅkhārā paṭinissajjīyantīti pavattaṃ ñāṇaṃ paṭisaṅkhānupassanā. Vaṭṭato vigatattā vivaṭṭaṃ nibbānaṃ, tattha ārammaṇasaṅkhātena anupassanena pavattiyā vivaṭṭānupassanā gotrabhu. Saṃyogābhinivesanti saṃyujjanavasena saṅkhāresu nivesanaṃ. Diṭṭhekaṭṭheti diṭṭhiyā sahajātekaṭṭhe pahānekaṭṭhe ca. Oḷāriketi uparimaggavajjhe kilese apekkhitvā vuttaṃ, aññathā dassanappahātabbāpi dutiyamaggavajjhehipi oḷārikāti. Aṇusahagateti aṇubhūte. Idaṃ heṭṭhimamaggavajjhe apekkhitvā vuttaṃ. Sabbakileseti avasiṭṭhasabbakilese. Na hi paṭhamādimaggehipi pahīnā kilesā puna pahīyantīti.

    เอวนฺติ ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๔๑, ๙๕) เนกฺขมฺมปาฬิยา โยชนํ นิคเมตฺวา ทีฆนิกาเยติอาทินา ทสุตฺตรปริยาเยน (ที. นิ. ๓.๓๕๐ อาทโย) โยชนํ ทเสฺสติ ฯ เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมตีติ จ นยิทํ ทสุตฺตรสุเตฺต (ที. นิ. ๓.๓๕๐ อาทโย) อาคตนิยาเมน วุตฺตํ, ตตฺถ ปน ‘‘เอโก ธโมฺม ภาเวตโพฺพ, เอโก ธโมฺม ปหาตโพฺพ’’ติ เทสนา อาคตาฯ เอวํ สเนฺตปิ ยสฺมา อตฺถโต เภโท นตฺถิ, ตสฺมา ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๔๑, ๙๕) เนกฺขมฺมปาฬิยํ อาคตนีหาเรเนว ‘‘เอกํ ธมฺมํ ภาเวโนฺต รมติ, เอกํ ธมฺมํ ปชหโนฺต รมตี’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโย เสสวาเรสุปิฯ

    Evanti paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.41, 95) nekkhammapāḷiyā yojanaṃ nigametvā dīghanikāyetiādinā dasuttarapariyāyena (dī. ni. 3.350 ādayo) yojanaṃ dasseti . Ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati, ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramatīti ca nayidaṃ dasuttarasutte (dī. ni. 3.350 ādayo) āgataniyāmena vuttaṃ, tattha pana ‘‘eko dhammo bhāvetabbo, eko dhammo pahātabbo’’ti desanā āgatā. Evaṃ santepi yasmā atthato bhedo natthi, tasmā paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.41, 95) nekkhammapāḷiyaṃ āgatanīhāreneva ‘‘ekaṃ dhammaṃ bhāvento ramati, ekaṃ dhammaṃ pajahanto ramatī’’ti vuttaṃ. Esa nayo sesavāresupi.

    เอวนฺติอาทินา ทสุตฺตรปริยาเยน (ที. นิ. ๓.๓๕๐ อาทโย) โยชนํ นิคเมตฺวา อิทานิ สติปฎฺฐานสุตฺตนฺตปริยาเยน (ม. นิ. ๑.๑๐๕ อาทโย) โยชนํ ทเสฺสตุํ ‘‘มชฺฌิมนิกาเย’’ติอาทิ อารทฺธํฯ กามเญฺจตฺถ กายานุปสฺสนาวเสเนว สํขิปิตฺวา โยชนา กตา, เอกวีสติยา ปน ฐานานํ วเสนปิ โยชนา กาตพฺพาฯ อิทานิ อภิธมฺมนิเทฺทสปริยาเยน ทเสฺสตุํ ‘‘อภิธเมฺม นิเทฺทสปริยาเยนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อนิจฺจโตติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๙๘; วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๖๙๘) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ

    Evantiādinā dasuttarapariyāyena (dī. ni. 3.350 ādayo) yojanaṃ nigametvā idāni satipaṭṭhānasuttantapariyāyena (ma. ni. 1.105 ādayo) yojanaṃ dassetuṃ ‘‘majjhimanikāye’’tiādi āraddhaṃ. Kāmañcettha kāyānupassanāvaseneva saṃkhipitvā yojanā katā, ekavīsatiyā pana ṭhānānaṃ vasenapi yojanā kātabbā. Idāni abhidhammaniddesapariyāyena dassetuṃ ‘‘abhidhamme niddesapariyāyenā’’tiādi āraddhaṃ. Aniccatotiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāsu (visuddhi. 2.698; visuddhi. mahāṭī. 2.698) vuttanayena veditabbaṃ.

    อุกฺกณฺฐิตนฺติ อธิกุสเลสุ ธเมฺมสุ ปนฺตเสนาสเนสุ จ อุกฺกณฺฐาทิญฺจ, อนนุโยโคติ อโตฺถฯ อริยวํสปูรโก ธีโร สีลวา ภิกฺขุ อริยวํสปริปูรณสฺส เภทํ อนิจฺฉโนฺต สมาหิโต วิปสฺสโก จ ปจฺจยฆาเตน อรติยา รติยา จ สหิตา อภิภวิตา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อรติรติสโห, ภิกฺขเว, ธีโร’’ติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Ukkaṇṭhitanti adhikusalesu dhammesu pantasenāsanesu ca ukkaṇṭhādiñca, ananuyogoti attho. Ariyavaṃsapūrako dhīro sīlavā bhikkhu ariyavaṃsaparipūraṇassa bhedaṃ anicchanto samāhito vipassako ca paccayaghātena aratiyā ratiyā ca sahitā abhibhavitā hotīti vuttaṃ ‘‘aratiratisaho, bhikkhave, dhīro’’ti. Sesaṃ suviññeyyameva.

    อริยวํสสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ariyavaṃsasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๘. อริยวํสสุตฺตํ • 8. Ariyavaṃsasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. อริยวํสสุตฺตวณฺณนา • 8. Ariyavaṃsasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact