Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
อสาธารณปาราชิกํ
Asādhāraṇapārājikaṃ
๕. อุพฺภชาณุมณฺฑลิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Ubbhajāṇumaṇḍalikāsikkhāpadavaṇṇanā
อสาธารเณสุ ปน จตุนฺนํ ตาว ปาราชิกานํ ปฐเม อวสฺสุตาติ กายสํสคฺคราเคน ตินฺตา, กิลินฺนาติ อโตฺถฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ ปุริสปุคฺคลสฺสาติ กายสํสคฺคํ สมาปชฺชิตุํ วิญฺญุสฺส มนุสฺสชาติกสฺส ปุริสสงฺขาตสฺส ปุคฺคลสฺสฯ อธกฺขกนฺติ อตฺตโน อกฺขกานํ อโธฯ อุพฺภชาณุมณฺฑลนฺติ ชาณุมณฺฑลานํ อุปริ, เอตฺถ จ อุพฺภกปฺปรมฺปิ อุพฺภชาณุมณฺฑเลเนว สงฺคหิตํฯ อามสนนฺติ อามชฺชนํ ผุโฎฺฐกาสํ อนติกฺกมิตฺวา ตเตฺถว สงฺฆฎฺฎนํฯ ปรามสนนฺติ อิโต จิโต จ สญฺจรณํฯ คหณนฺติ คหิตมตฺตํฯ ฉุปนนฺติ อสงฺฆเฎฺฎตฺวา ผุฎฺฐมตฺตํฯ ปฎิปีฬนนฺติ อเงฺค คเหตฺวา นิปฺปีฬนํฯ สาทิเยยฺยาติ ยา ภิกฺขุนี อตฺตโน ยถาปริจฺฉิเนฺน กาเย ปุริสสฺส เอตํ อามสนาทิํ สาทิยติ, สยํ วา ปน เตน กาเยน ปุริสสฺส ยํกิญฺจิ กายปฺปเทสํ สาทยมานา ฉุปติ, อยํ อุพฺภชาณุมณฺฑลิกา นาม ปาราชิกาติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ
Asādhāraṇesu pana catunnaṃ tāva pārājikānaṃ paṭhame avassutāti kāyasaṃsaggarāgena tintā, kilinnāti attho. Dutiyapadepi eseva nayo. Purisapuggalassāti kāyasaṃsaggaṃ samāpajjituṃ viññussa manussajātikassa purisasaṅkhātassa puggalassa. Adhakkhakanti attano akkhakānaṃ adho. Ubbhajāṇumaṇḍalanti jāṇumaṇḍalānaṃ upari, ettha ca ubbhakapparampi ubbhajāṇumaṇḍaleneva saṅgahitaṃ. Āmasananti āmajjanaṃ phuṭṭhokāsaṃ anatikkamitvā tattheva saṅghaṭṭanaṃ. Parāmasananti ito cito ca sañcaraṇaṃ. Gahaṇanti gahitamattaṃ. Chupananti asaṅghaṭṭetvā phuṭṭhamattaṃ. Paṭipīḷananti aṅge gahetvā nippīḷanaṃ. Sādiyeyyāti yā bhikkhunī attano yathāparicchinne kāye purisassa etaṃ āmasanādiṃ sādiyati, sayaṃ vā pana tena kāyena purisassa yaṃkiñci kāyappadesaṃ sādayamānā chupati, ayaṃ ubbhajāṇumaṇḍalikā nāma pārājikāti ayamettha saṅkhepo.
‘‘นิทานํ ปุคฺคลํ วตฺถุ’’นฺติอาทิเก (กงฺขา. อฎฺฐ. ปฐมปาราชิกวณฺณนา) เตน วิตฺถารวินิจฺฉเย ยสฺมา สพฺพาเนว อสาธารณปญฺญตฺติโย โหนฺติ, ตสฺมา อิโต ปฎฺฐาย สนฺติํ อนุปญฺญตฺติํ วตฺวา สาธารณปญฺญตฺตีติ วา อสาธารณปญฺญตฺตีติ วา น วกฺขาม, อาณตฺติยํ ยตฺถ อาณตฺติ นตฺถิ, ตตฺถ กิญฺจิ อวตฺวา ยตฺถ อตฺถิ, ตเตฺถว วกฺขาม, วิปตฺติวิจารณา วุตฺตาเยวฯ
‘‘Nidānaṃ puggalaṃ vatthu’’ntiādike (kaṅkhā. aṭṭha. paṭhamapārājikavaṇṇanā) tena vitthāravinicchaye yasmā sabbāneva asādhāraṇapaññattiyo honti, tasmā ito paṭṭhāya santiṃ anupaññattiṃ vatvā sādhāraṇapaññattīti vā asādhāraṇapaññattīti vā na vakkhāma, āṇattiyaṃ yattha āṇatti natthi, tattha kiñci avatvā yattha atthi, tattheva vakkhāma, vipattivicāraṇā vuttāyeva.
อวเสสํ ปน สพฺพตฺถ วตฺตพฺพํ, ตยิทํ วุจฺจติ, อิทํ ตาว สิกฺขาปทํ สาวตฺถิยํ สุนฺทรีนนฺทํ อารพฺภ กายสํสคฺคํ สมาปชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เอกโตอวสฺสุเต ยถาปริจฺฉิเนฺนน กาเยน ปุริสสฺส กายํ, อุภโตอวสฺสุเตปิ กาเยน กายปฺปฎิพทฺธํ, ยถาปริจฺฉินฺนกายปฺปฎิพเทฺธน วา อวเสสกาเยน วา ตสฺส กายํ อามสนฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, ยกฺขเปตปณฺฑกติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหานํ อุภโตอวสฺสุเต ยถาปริจฺฉิเนฺนน กาเยน กายํ อามสนฺติยาปิ ถุลฺลจฺจยํ, สเจ ปน ปุริสสฺส กายสํสคฺคราโค นตฺถิ, ปาราชิกเกฺขเตฺตปิ ถุลฺลจฺจยเมวฯ อวเสเส ปน กายปฺปฎิพเทฺธน กายปฺปฎิพทฺธาทิเภเท, เมถุนราคเคหสิตเปเมสุ จ สพฺพตฺถ ทุกฺกฎํฯ อสญฺจิจฺจ, อสฺสติยา, อชานนฺติยา, อสาทิยนฺติยา , อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ องฺคานิ สมุฎฺฐานาทีนิ จ ภิกฺขุปาติโมเกฺข กายสํสเคฺค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานีติฯ
Avasesaṃ pana sabbattha vattabbaṃ, tayidaṃ vuccati, idaṃ tāva sikkhāpadaṃ sāvatthiyaṃ sundarīnandaṃ ārabbha kāyasaṃsaggaṃ samāpajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, ekatoavassute yathāparicchinnena kāyena purisassa kāyaṃ, ubhatoavassutepi kāyena kāyappaṭibaddhaṃ, yathāparicchinnakāyappaṭibaddhena vā avasesakāyena vā tassa kāyaṃ āmasantiyā thullaccayaṃ, yakkhapetapaṇḍakatiracchānagatamanussaviggahānaṃ ubhatoavassute yathāparicchinnena kāyena kāyaṃ āmasantiyāpi thullaccayaṃ, sace pana purisassa kāyasaṃsaggarāgo natthi, pārājikakkhettepi thullaccayameva. Avasese pana kāyappaṭibaddhena kāyappaṭibaddhādibhede, methunarāgagehasitapemesu ca sabbattha dukkaṭaṃ. Asañcicca, assatiyā, ajānantiyā, asādiyantiyā , ummattikādīnañca anāpatti. Aṅgāni samuṭṭhānādīni ca bhikkhupātimokkhe kāyasaṃsagge vuttanayeneva veditabbānīti.
อุพฺภชาณุมณฺฑลิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ubbhajāṇumaṇḍalikāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. วชฺชปฺปฎิจฺฉาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Vajjappaṭicchādikāsikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย คณสฺสาติ อญฺญาสํ ภิกฺขุนีนํฯ ฐิตาติ สลิเงฺค ฐิตาฯ จุตาติ กาลงฺกตาฯ นาสิตาติ ลิงฺคนาสนาย สยํ วา นฎฺฐา, อเญฺญหิ วา นาสิตาฯ อวสฺสฎาติ ติตฺถายตนํ สงฺกนฺตาฯ ปุเพฺพวาหํ อเยฺย อญฺญาสินฺติ อิทํ ตสฺสา วจนกาลทสฺสนํ, สลิเงฺค ฐิตาย ปน ปาราชิกภาวํ ญตฺวา ‘‘น ทานิ นํ กสฺสจิ อาโรเจสฺสามี’’ติ ธุเร นิกฺขิตฺตมเตฺตเยว อยํ วชฺชปฺปฎิจฺฉาทิกา นาม ปาราชิกา โหตีติฯ
Dutiye gaṇassāti aññāsaṃ bhikkhunīnaṃ. Ṭhitāti saliṅge ṭhitā. Cutāti kālaṅkatā. Nāsitāti liṅganāsanāya sayaṃ vā naṭṭhā, aññehi vā nāsitā. Avassaṭāti titthāyatanaṃ saṅkantā. Pubbevāhaṃ ayye aññāsinti idaṃ tassā vacanakāladassanaṃ, saliṅge ṭhitāya pana pārājikabhāvaṃ ñatvā ‘‘na dāni naṃ kassaci ārocessāmī’’ti dhure nikkhittamatteyeva ayaṃ vajjappaṭicchādikā nāma pārājikā hotīti.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ เนวอตฺตนาปฎิโจทนา นคณสฺส อาโรจนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถ สปฺปาณกวคฺคมฺหิ ทุฎฺฐุลฺลาปตฺติปฺปฎิจฺฉาทนสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ตตฺร หิ ปาจิตฺติยํ, อิธ ปาราชิกนฺติ อยเมว วิเสโส, เสสํ ตาทิสเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha nevaattanāpaṭicodanā nagaṇassa ārocanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesamettha sappāṇakavaggamhi duṭṭhullāpattippaṭicchādanasikkhāpade vuttanayeneva veditabbaṃ. Tatra hi pācittiyaṃ, idha pārājikanti ayameva viseso, sesaṃ tādisamevāti.
วชฺชปฺปฎิจฺฉาทิกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vajjappaṭicchādikāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Ukkhittānuvattikāsikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย อุกฺขิตฺตนฺติ อาปตฺติยา อทสฺสนาทีสุ อุกฺขิตฺตํฯ ธเมฺมนาติ ภูเตน วตฺถุนาฯ วินเยนาติ โจเทตฺวา สาเรตฺวาฯ สตฺถุสาสเนนาติ อิธาปิ โจเทตฺวา สาเรตฺวา กรณเมว สตฺถุสาสนํ นามฯ อนาทรนฺติ เยน สเงฺฆน อุเกฺขปนิยกมฺมํ กตํ, ตสฺมิํ วา, ตตฺถ ปริยาปนฺนคเณ วา เอกปุคฺคเล วา ตสฺมิํ วา กเมฺม อาทรวิรหิตํ, สมฺมาวตฺตนาย อวตฺตมานนฺติ อโตฺถฯ อปฺปฎิการนฺติ ปฎิการรหิตํ, อโนสาริตนฺติ อโตฺถฯ อกตสหายนฺติ เอกกมฺมาทิเก สํวาเส สห อยนภาเวน สมานสํวาสกา ภิกฺขู สหายา นาม, ยสฺส ปน โส สํวาโส เตหิ สทฺธิํ นตฺถิ น เตน เต สหายา กตา โหนฺติ , อิติ โส อกตสหาโย นาม, ตํ อกตสหายํ, สมานสํวาสกภาวํ อนุปคตนฺติ อโตฺถฯ ตมนุวเตฺตยฺยาติ ตํ อุกฺขิตฺตกํ อุกฺขิตฺตกภาเวเยว ฐิตํ ภิกฺขุํ ยา ภิกฺขุนี ยํทิฎฺฐิโก โส โหติ, ตาย ทิฎฺฐิยา คหณภาเวน อนุวเตฺตยฺยฯ สา ภิกฺขุนี ภิกฺขุนีหิ สงฺฆเภทสิกฺขาปทาทีสุ วุตฺตนเยน วิสุํ สงฺฆมเชฺฌ จ วุจฺจมานา ตํ วตฺถุํ อปฺปฎินิสฺสชฺชนฺตี สมนุภาสนกมฺมปริโยสาเน อุกฺขิตฺตานุวตฺติกา นาม ปาราชิกา โหตีติฯ
Tatiye ukkhittanti āpattiyā adassanādīsu ukkhittaṃ. Dhammenāti bhūtena vatthunā. Vinayenāti codetvā sāretvā. Satthusāsanenāti idhāpi codetvā sāretvā karaṇameva satthusāsanaṃ nāma. Anādaranti yena saṅghena ukkhepaniyakammaṃ kataṃ, tasmiṃ vā, tattha pariyāpannagaṇe vā ekapuggale vā tasmiṃ vā kamme ādaravirahitaṃ, sammāvattanāya avattamānanti attho. Appaṭikāranti paṭikārarahitaṃ, anosāritanti attho. Akatasahāyanti ekakammādike saṃvāse saha ayanabhāvena samānasaṃvāsakā bhikkhū sahāyā nāma, yassa pana so saṃvāso tehi saddhiṃ natthi na tena te sahāyā katā honti , iti so akatasahāyo nāma, taṃ akatasahāyaṃ, samānasaṃvāsakabhāvaṃ anupagatanti attho. Tamanuvatteyyāti taṃ ukkhittakaṃ ukkhittakabhāveyeva ṭhitaṃ bhikkhuṃ yā bhikkhunī yaṃdiṭṭhiko so hoti, tāya diṭṭhiyā gahaṇabhāvena anuvatteyya. Sā bhikkhunī bhikkhunīhi saṅghabhedasikkhāpadādīsu vuttanayena visuṃ saṅghamajjhe ca vuccamānā taṃ vatthuṃ appaṭinissajjantī samanubhāsanakammapariyosāne ukkhittānuvattikā nāma pārājikā hotīti.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ อุกฺขิตฺตานุวตฺตนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ญตฺติยา ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ เทฺว ถุลฺลจฺจยา, ‘‘ยสฺสา นกฺขมติ, สา ภาเสยฺยา’’ติ เอวํ ยฺย-การปฺปตฺตาย ตติยกมฺมวาจาย ปาราชิกํ, อธมฺมกเมฺม ติกทุกฺกฎํ, เสสํ สงฺฆเภทสิกฺขาปทาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha ukkhittānuvattanavatthusmiṃ paññattaṃ, ñattiyā dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi dve thullaccayā, ‘‘yassā nakkhamati, sā bhāseyyā’’ti evaṃ yya-kārappattāya tatiyakammavācāya pārājikaṃ, adhammakamme tikadukkaṭaṃ, sesaṃ saṅghabhedasikkhāpadādīsu vuttanayeneva veditabbaṃ.
อุกฺขิตฺตานุวตฺติกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ukkhittānuvattikāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘. อฎฺฐวตฺถุกาสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Aṭṭhavatthukāsikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ อวสฺสุตาติ โลกสฺสาทมิตฺตสนฺถววเสน กายสํสคฺคราเคน ตินฺตาฯ อยเมว หิ อโตฺถ สีหฬมาติกาฎฺฐกถายํ วุโตฺต, สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๖๗๕) ปนสฺส วิจารณา กตา, ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ ปุริสปุคฺคลสฺส หตฺถคฺคหณํ วาติอาทีสุ ปน ยํ ปุริสปุคฺคเลน หเตฺถ คหณํ กตํ, ตํ ‘‘ปุริสปุคฺคลสฺส หตฺถคฺคหณ’’นฺติ วุตฺตํ, เอเสว นโย สงฺฆาฎิกณฺณคฺคหเณปิฯ หตฺถคฺคหณนฺติ เอตฺถ จ ยสฺส กสฺสจิ อปาราชิกเกฺขตฺตภูตสฺส องฺคสฺส คหณํ หตฺถคฺคหณํ, ยสฺส กสฺสจิ นิวตฺถสฺส วา ปารุตสฺส วา คหณํ สงฺฆาฎิกณฺณคฺคหณํฯ สนฺติเฎฺฐยฺย วาติอาทีสุ กายสํสคฺคสงฺขาตสฺส อสทฺธมฺมสฺส ปฎิเสวนตฺถาย ปุริสสฺส หตฺถปาเส สนฺติเฎฺฐยฺย วา, ตตฺถ ฐิตา สลฺลเปยฺย วา, ปุริเสน วา ‘‘อิตฺถนฺนามํ ฐานํ อาคจฺฉา’’ติ วุตฺตา ตํ สเงฺกตํ คเจฺฉยฺย, ตสฺส วา ปุริสสฺส อพฺภาคมนํ สาทิเยยฺย, เยน เกนจิ วา ปฎิจฺฉนฺนํ โอกาสํ ปวิเสยฺย, ปุริสสฺส หตฺถปาเส ฐตฺวา กายํ อุปสํหเรยฺยาติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อยมฺปิ ปาราชิกาติ ยถา ปุริมาโย, เอวํ อยมฺปิ ภิกฺขุนี เอตสฺส กายสํสคฺคสงฺขาตสฺส อสทฺธมฺมสฺส ปฎิเสวนตฺถาย เอตานิ อฎฺฐ วตฺถูนิ ปฎิปาฎิยา วา อุปฺปฎิปาฎิยา วา ปูเรตฺวา อฎฺฐวตฺถุกา นาม ปาราชิกา โหตีติฯ
Catutthe avassutāti lokassādamittasanthavavasena kāyasaṃsaggarāgena tintā. Ayameva hi attho sīhaḷamātikāṭṭhakathāyaṃ vutto, samantapāsādikāyaṃ (pāci. aṭṭha. 675) panassa vicāraṇā katā, dutiyapadepi eseva nayo. Purisapuggalassa hatthaggahaṇaṃ vātiādīsu pana yaṃ purisapuggalena hatthe gahaṇaṃ kataṃ, taṃ ‘‘purisapuggalassa hatthaggahaṇa’’nti vuttaṃ, eseva nayo saṅghāṭikaṇṇaggahaṇepi. Hatthaggahaṇanti ettha ca yassa kassaci apārājikakkhettabhūtassa aṅgassa gahaṇaṃ hatthaggahaṇaṃ, yassa kassaci nivatthassa vā pārutassa vā gahaṇaṃ saṅghāṭikaṇṇaggahaṇaṃ. Santiṭṭheyya vātiādīsu kāyasaṃsaggasaṅkhātassa asaddhammassa paṭisevanatthāya purisassa hatthapāse santiṭṭheyya vā, tattha ṭhitā sallapeyya vā, purisena vā ‘‘itthannāmaṃ ṭhānaṃ āgacchā’’ti vuttā taṃ saṅketaṃ gaccheyya, tassa vā purisassa abbhāgamanaṃ sādiyeyya, yena kenaci vā paṭicchannaṃ okāsaṃ paviseyya, purisassa hatthapāse ṭhatvā kāyaṃ upasaṃhareyyāti evamattho daṭṭhabbo. Ayampi pārājikāti yathā purimāyo, evaṃ ayampi bhikkhunī etassa kāyasaṃsaggasaṅkhātassa asaddhammassa paṭisevanatthāya etāni aṭṭha vatthūni paṭipāṭiyā vā uppaṭipāṭiyā vā pūretvā aṭṭhavatthukā nāma pārājikā hotīti.
สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ อฎฺฐมํ วตฺถุํ ปริปูรณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สเงฺกตคมเน ปเท ปเท ทุกฺกฎํ, ปุริสสฺส หตฺถปาสํ โอกฺกนฺตมเตฺต ถุลฺลจฺจยํ, ปุริสสฺส อพฺภาคมนสาทยมาเนปิ ทุกฺกฎํฯ หตฺถปาโสกฺกมเน ถุลฺลจฺจยํ, เสเสสุ เอเกกสฺมิํ ถุลฺลจฺจยเมว, อฎฺฐเม ปริปุเณฺณ ปาราชิกํฯ เอเกกสฺมิํ ปน วตฺถุสฺมิํ สตกฺขตฺตุมฺปิ วีติกฺกเนฺต ตา อาปตฺติโย เทเสตฺวา มุจฺจติ, อปิเจตฺถ คณนูปิกา อาปตฺติ เวทิตพฺพา, ‘‘อิทานิ นาปชฺชิสฺสามี’’ติ หิ ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา เทสิตา คณนูปิกา, เทสิตคณนํ อุเปติ, ปาราชิกสฺส องฺคํ น โหติฯ ตสฺมา ยา เอกํ อาปนฺนา ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา เทเสตฺวา ปุน กิเลสวเสน อาปชฺชติ, ปุนปิ เทเสติ, เอวํ อฎฺฐมํ ปริปูเรนฺตีปิ ปาราชิกา น โหติฯ ยา ปน อาปชฺชิตฺวา ‘‘ปุนปิ อญฺญํ วตฺถุํ อาปชฺชิสฺสามี’’ติ สอุสฺสาหาว เทเสติ, ตสฺสา สา อาปตฺติ อคณนูปิกา, เทสิตาปิ อเทสิตา โหติ, ปาราชิกสฺส องฺคํ โหติฯ อสญฺจิจฺจ, อสฺสติยา, อชานนฺติยา อสาทิยนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ กายสํสคฺคราโค, สอุสฺสาหตา, อฎฺฐมสฺส วตฺถุสฺส ปูรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมนุภาสนสมุฎฺฐานํ, กิริยากิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทฺวิเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ chabbaggiyā bhikkhuniyo ārabbha aṭṭhamaṃ vatthuṃ paripūraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, saṅketagamane pade pade dukkaṭaṃ, purisassa hatthapāsaṃ okkantamatte thullaccayaṃ, purisassa abbhāgamanasādayamānepi dukkaṭaṃ. Hatthapāsokkamane thullaccayaṃ, sesesu ekekasmiṃ thullaccayameva, aṭṭhame paripuṇṇe pārājikaṃ. Ekekasmiṃ pana vatthusmiṃ satakkhattumpi vītikkante tā āpattiyo desetvā muccati, apicettha gaṇanūpikā āpatti veditabbā, ‘‘idāni nāpajjissāmī’’ti hi dhuranikkhepaṃ katvā desitā gaṇanūpikā, desitagaṇanaṃ upeti, pārājikassa aṅgaṃ na hoti. Tasmā yā ekaṃ āpannā dhuranikkhepaṃ katvā desetvā puna kilesavasena āpajjati, punapi deseti, evaṃ aṭṭhamaṃ paripūrentīpi pārājikā na hoti. Yā pana āpajjitvā ‘‘punapi aññaṃ vatthuṃ āpajjissāmī’’ti saussāhāva deseti, tassā sā āpatti agaṇanūpikā, desitāpi adesitā hoti, pārājikassa aṅgaṃ hoti. Asañcicca, assatiyā, ajānantiyā asādiyantiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Kāyasaṃsaggarāgo, saussāhatā, aṭṭhamassa vatthussa pūraṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samanubhāsanasamuṭṭhānaṃ, kiriyākiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, dvivedananti.
อฎฺฐวตฺถุกาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aṭṭhavatthukāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
อุทฺทิฎฺฐา โข อยฺยาโย อฎฺฐ ปาราชิกา ธมฺมาติ ภิกฺขู อารพฺภ ปญฺญตฺตา สาธารณา จตฺตาโร, อิเม จตฺตาโรติ เอวํ ปาติโมกฺขุเทฺทสมเคฺคน อฎฺฐ ปาราชิกา ธมฺมา อุทฺทิฎฺฐาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพ, เสสํ ภิกฺขุปาติโมกฺขวณฺณนายํ วุตฺตนยเมวาติฯ
Uddiṭṭhā kho ayyāyo aṭṭha pārājikā dhammāti bhikkhū ārabbha paññattā sādhāraṇā cattāro, ime cattāroti evaṃ pātimokkhuddesamaggena aṭṭha pārājikā dhammā uddiṭṭhāti evamettha attho veditabbo, sesaṃ bhikkhupātimokkhavaṇṇanāyaṃ vuttanayamevāti.
กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
Kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya
ภิกฺขุนิปาติโมเกฺข
Bhikkhunipātimokkhe
ปาราชิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pārājikavaṇṇanā niṭṭhitā.