Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๗๖] ๖. อสงฺกิยชาตกวณฺณนา
[76] 6. Asaṅkiyajātakavaṇṇanā
อสงฺกิโยมฺหิ คามมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ สาวตฺถิวาสิํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร โสตาปโนฺน อริยสาวโก เกนจิเทว กรณีเยน เอเกน สกฎสตฺถวาเหน สทฺธิํ มคฺคํ ปฎิปชฺชิตฺวา เอกสฺมิํ อรญฺญฎฺฐาเน สกฎานิ โมเจตฺวา ขนฺธาวารพเนฺธ กเต สตฺถวาหสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล จงฺกมติฯ อถตฺตโน กาลํ สลฺลเกฺขตฺวา ปญฺจสตา โจรา ‘‘ขนฺธาวารํ วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ ธนุมุคฺคราทิหตฺถา ตํ ฐานํ ปริวารยิํสุฯ อุปาสโกปิ จงฺกมติเยวฯ โจรา นํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา เอส ขนฺธาวารรกฺขโก ภวิสฺสติ, อิมสฺส นิทฺทํ โอกฺกนฺตกาเล วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ อโชฺฌตฺถริตุํ อสโกฺกนฺตา ตตฺถ ตเตฺถว อฎฺฐํสุฯ โสปิ อุปาสโก ปฐมยาเมปิ มชฺฌิมยาเมปิ ปจฺฉิมยาเมปิ จงฺกมโนฺตเยว อฎฺฐาสิฯ ปจฺจูสกาเล ชาเต โจรา โอกาสํ อลภนฺตา คหิเต ปาสาณมุคฺคราทโย ฉเฑฺฑตฺวา ปลายิํสุฯ
Asaṅkiyomhigāmamhīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ sāvatthivāsiṃ upāsakaṃ ārabbha kathesi. So kira sotāpanno ariyasāvako kenacideva karaṇīyena ekena sakaṭasatthavāhena saddhiṃ maggaṃ paṭipajjitvā ekasmiṃ araññaṭṭhāne sakaṭāni mocetvā khandhāvārabandhe kate satthavāhassa avidūre aññatarasmiṃ rukkhamūle caṅkamati. Athattano kālaṃ sallakkhetvā pañcasatā corā ‘‘khandhāvāraṃ vilumpissāmā’’ti dhanumuggarādihatthā taṃ ṭhānaṃ parivārayiṃsu. Upāsakopi caṅkamatiyeva. Corā naṃ disvā ‘‘addhā esa khandhāvārarakkhako bhavissati, imassa niddaṃ okkantakāle vilumpissāmā’’ti ajjhottharituṃ asakkontā tattha tattheva aṭṭhaṃsu. Sopi upāsako paṭhamayāmepi majjhimayāmepi pacchimayāmepi caṅkamantoyeva aṭṭhāsi. Paccūsakāle jāte corā okāsaṃ alabhantā gahite pāsāṇamuggarādayo chaḍḍetvā palāyiṃsu.
อุปาสโกปิ อตฺตโน กมฺมํ นิฎฺฐาเปตฺวา ปุน สาวตฺถิํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อตฺตานํ รกฺขมานา ปรรกฺขกา โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, อุปาสก, อตฺตานํ รกฺขโนฺต ปรมฺปิ รกฺขติ, ปรํ รกฺขโนฺต อตฺตานมฺปิ รกฺขตี’’ติฯ โส ‘‘ยาว สุภาสิตญฺจิทํ, ภเนฺต, ภควตา, อหํ เอเกน สตฺถวาเหน สทฺธิํ มคฺคํ ปฎิปโนฺน รุกฺขมูเล จงฺกมโนฺต ‘มํ รกฺขิสฺสามี’ติ สกลสตฺถํ รกฺขิ’’นฺติ อาหฯ สตฺถา ‘‘อุปาสก, ปุเพฺพปิ ปณฺฑิตา อตฺตานํ รกฺขนฺตา ปรํ รกฺขิํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Upāsakopi attano kammaṃ niṭṭhāpetvā puna sāvatthiṃ āgantvā satthāraṃ upasaṅkamitvā ‘‘bhante, attānaṃ rakkhamānā pararakkhakā hontī’’ti pucchi. ‘‘Āma, upāsaka, attānaṃ rakkhanto parampi rakkhati, paraṃ rakkhanto attānampi rakkhatī’’ti. So ‘‘yāva subhāsitañcidaṃ, bhante, bhagavatā, ahaṃ ekena satthavāhena saddhiṃ maggaṃ paṭipanno rukkhamūle caṅkamanto ‘maṃ rakkhissāmī’ti sakalasatthaṃ rakkhi’’nti āha. Satthā ‘‘upāsaka, pubbepi paṇḍitā attānaṃ rakkhantā paraṃ rakkhiṃsū’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวเนฺต วสโนฺต โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทํ อาคนฺตฺวา ชนปทจาริกํ จรโนฺต เอเกน สตฺถวาเหน สทฺธิํ มคฺคํ ปฎิปชฺชิตฺวา เอกสฺมิํ อรญฺญฎฺฐาเน สเตฺถ นิวิเฎฺฐ สตฺถโต อวิทูเร ฌานสุเขน วีตินาเมโนฺต อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล จงฺกมโนฺต อฎฺฐาสิฯ อถ โข ปญฺจสตา โจรา ‘‘สายมาสภตฺตสฺส ภุตฺตกาเล ตํ สกฎสตฺถํ วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ อาคนฺตฺวา ปริวารยิํสุฯ เต ตํ ตาปสํ ทิสฺวา ‘‘สเจ อยํ อเมฺห ปสฺสิสฺสติ, สตฺถวาสิกานํ อาโรเจสฺสติ, เอตสฺส นิทฺทูปคตเวลาย วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ ตเตฺถว อฎฺฐํสุฯ ตาปโส สกลมฺปิ รตฺติํ จงฺกมิเยวฯ โจรา โอกาสํ อลภิตฺวา คหิตคหิเต มุคฺครปาสาเณ ฉเฑฺฑตฺวา สกฎสตฺถวาสีนํ สทฺทํ ทตฺวา ‘‘โภโนฺต, สตฺถวาสิโน สเจ เอส รุกฺขมูเล จงฺกมนกตาปโส อชฺช นาภวิสฺส, สเพฺพ มหาวิโลปํ ปตฺตา อภวิสฺสถ, เสฺว ตาปสสฺส มหาสกฺการํ กเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมิํสุฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto kāmesu ādīnavaṃ disvā isipabbajjaṃ pabbajitvā himavante vasanto loṇambilasevanatthāya janapadaṃ āgantvā janapadacārikaṃ caranto ekena satthavāhena saddhiṃ maggaṃ paṭipajjitvā ekasmiṃ araññaṭṭhāne satthe niviṭṭhe satthato avidūre jhānasukhena vītināmento aññatarasmiṃ rukkhamūle caṅkamanto aṭṭhāsi. Atha kho pañcasatā corā ‘‘sāyamāsabhattassa bhuttakāle taṃ sakaṭasatthaṃ vilumpissāmā’’ti āgantvā parivārayiṃsu. Te taṃ tāpasaṃ disvā ‘‘sace ayaṃ amhe passissati, satthavāsikānaṃ ārocessati, etassa niddūpagatavelāya vilumpissāmā’’ti tattheva aṭṭhaṃsu. Tāpaso sakalampi rattiṃ caṅkamiyeva. Corā okāsaṃ alabhitvā gahitagahite muggarapāsāṇe chaḍḍetvā sakaṭasatthavāsīnaṃ saddaṃ datvā ‘‘bhonto, satthavāsino sace esa rukkhamūle caṅkamanakatāpaso ajja nābhavissa, sabbe mahāvilopaṃ pattā abhavissatha, sve tāpasassa mahāsakkāraṃ kareyyāthā’’ti vatvā pakkamiṃsu.
เต ปภาตาย รตฺติยา โจเรหิ ฉฑฺฑิเต มุคฺครปาสาณาทโย ทิสฺวา ภีตา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภเนฺต, ทิฎฺฐา โว โจรา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ‘‘อามาวุโส, ทิฎฺฐา’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, เอตฺตเกโว โจเร ทิสฺวา ภยํ วา สารชฺชํ วา น อุปฺปชฺชี’’ติ? โพธิสโตฺต ‘‘อาวุโส โจเร ทิสฺวา ภยํ นาม สธนสฺส โหติ, อหํ ปน นิทฺธโน, สฺวาหํ กิํ ภายิสฺสามิฯ มยฺหญฺหิ คาเมปิ อรเญฺญปิ วสนฺตสฺส ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถี’’ติ วตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสโนฺต อิมํ คาถมาห –
Te pabhātāya rattiyā corehi chaḍḍite muggarapāsāṇādayo disvā bhītā bodhisattassa santikaṃ gantvā vanditvā ‘‘bhante, diṭṭhā vo corā’’ti pucchiṃsu. ‘‘Āmāvuso, diṭṭhā’’ti. ‘‘Bhante, ettakevo core disvā bhayaṃ vā sārajjaṃ vā na uppajjī’’ti? Bodhisatto ‘‘āvuso core disvā bhayaṃ nāma sadhanassa hoti, ahaṃ pana niddhano, svāhaṃ kiṃ bhāyissāmi. Mayhañhi gāmepi araññepi vasantassa bhayaṃ vā sārajjaṃ vā natthī’’ti vatvā tesaṃ dhammaṃ desento imaṃ gāthamāha –
๗๖.
76.
‘‘อสงฺกิโยมฺหิ คามมฺหิ, อรเญฺญ นตฺถิ เม ภยํ;
‘‘Asaṅkiyomhi gāmamhi, araññe natthi me bhayaṃ;
อุชุมคฺคํ สมารุโฬฺห, เมตฺตาย กรุณาย จา’’ติฯ
Ujumaggaṃ samāruḷho, mettāya karuṇāya cā’’ti.
ตตฺถ อสงฺกิโยมฺหิ คามมฺหีติ สงฺกาย นิยุโตฺต ปติฎฺฐิโตติ สงฺกิโย, น สงฺกิโย อสงฺกิโยฯ อหํ คาเม วสโนฺตปิ สงฺกาย อปฺปติฎฺฐิตตฺตา อสงฺกิโย นิพฺภโย นิราสโงฺกติ ทีเปติฯ อรเญฺญติ คามคามูปจารวินิมุเตฺต ฐาเนฯ อุชุมคฺคํ สมารุโฬฺห, เมตฺตาย กรุณาย จาติ อหํ ติกจตุกฺกชฺฌานิกาหิ เมตฺตากรุณาหิ กายวงฺกาทิวิรหิตํ อุชุํ พฺรหฺมโลกคามิมคฺคํ อารุโฬฺหติ วทติฯ อถ วา ปริสุทฺธสีลตาย กายวจีมโนวงฺกวิรหิตํ อุชุํ เทวโลกมคฺคํ อารุโฬฺหมฺหีติ ทเสฺสตฺวา ตโต อุตฺตริ เมตฺตาย กรุณาย จ ปติฎฺฐิตตฺตา อุชุํ พฺรหฺมโลกมคฺคมฺปิ อารุโฬฺหมฺหีติปิ ทเสฺสติฯ อปริหีนชฺฌานสฺส หิ เอกเนฺตน พฺรหฺมโลกปรายณตฺตา เมตฺตากรุณาทโย อุชุมคฺคา นามฯ
Tattha asaṅkiyomhi gāmamhīti saṅkāya niyutto patiṭṭhitoti saṅkiyo, na saṅkiyo asaṅkiyo. Ahaṃ gāme vasantopi saṅkāya appatiṭṭhitattā asaṅkiyo nibbhayo nirāsaṅkoti dīpeti. Araññeti gāmagāmūpacāravinimutte ṭhāne. Ujumaggaṃ samāruḷho, mettāya karuṇāya cāti ahaṃ tikacatukkajjhānikāhi mettākaruṇāhi kāyavaṅkādivirahitaṃ ujuṃ brahmalokagāmimaggaṃ āruḷhoti vadati. Atha vā parisuddhasīlatāya kāyavacīmanovaṅkavirahitaṃ ujuṃ devalokamaggaṃ āruḷhomhīti dassetvā tato uttari mettāya karuṇāya ca patiṭṭhitattā ujuṃ brahmalokamaggampi āruḷhomhītipi dasseti. Aparihīnajjhānassa hi ekantena brahmalokaparāyaṇattā mettākaruṇādayo ujumaggā nāma.
เอวํ โพธิสโตฺต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ตุฎฺฐจิเตฺตหิ เตหิ มนุเสฺสหิ สกฺกโต ปูชิโต ยาวชีวํ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ
Evaṃ bodhisatto imāya gāthāya dhammaṃ desetvā tuṭṭhacittehi tehi manussehi sakkato pūjito yāvajīvaṃ cattāro brahmavihāre bhāvetvā brahmaloke nibbatti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สตฺถวาสิโน พุทฺธปริสา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā satthavāsino buddhaparisā ahesuṃ, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.
อสงฺกิยชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Asaṅkiyajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๗๖. อสงฺกิยชาตกํ • 76. Asaṅkiyajātakaṃ