Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๓. อาสวกฺขยสุตฺตวณฺณนา
3. Āsavakkhayasuttavaṇṇanā
๑๐๒. ตติเย ชานโตติ ชานนฺตสฺสฯ ปสฺสโตติ ปสฺสนฺตสฺสฯ ยทิปิ อิมานิ เทฺวปิ ปทานิ เอกตฺถานิ, พฺยญฺชนเมว นานํ, เอวํ สเนฺตปิ ‘‘ชานโต’’ติ ญาณลกฺขณํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสติฯ ชานนลกฺขณญฺหิ ญาณํฯ ‘‘ปสฺสโต’’ติ ญาณปฺปภาวํ อุปาทายฯ ทสฺสนปฺปภาวญฺหิ อุปาทาย ญาณสมงฺคี ปุคฺคโล จกฺขุมา วิย ปุคฺคโล จกฺขุนา รูปานิ, ญาเณน วิวเฎ ธเมฺม ปสฺสติฯ อถ วา ชานโตติ อนุโพธญาเณน ชานโตฯ ปสฺสโตติ ปฎิเวธญาเณน ปสฺสโตฯ ปฎิโลมโต วา ทสฺสนมเคฺคน ปสฺสโต, ภาวนามเคฺคน ชานโตฯ เกจิ ปน ‘‘ญาตตีรณปหานปริญฺญาหิ ชานโต, สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาย ปสฺสโต’’ติ วทนฺติฯ อถ วา ทุกฺขํ ปริญฺญาภิสมเยน ชานโต, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน ปสฺสโตฯ ตทุภเย จ สติ ปหานภาวนาภิสมยา สิทฺธา เอว โหนฺตีติ จตุสจฺจาภิสมโย วุโตฺต โหติฯ ยทา เจตฺถ วิปสฺสนาญาณํ อธิเปฺปตํ, ตทา ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ ปทานํ เหตุอตฺถทีปนตา ทฎฺฐพฺพาฯ ยทา ปน มคฺคญาณํ อธิเปฺปตํ, ตทา มคฺคกิจฺจตฺถทีปนตาฯ
102. Tatiye jānatoti jānantassa. Passatoti passantassa. Yadipi imāni dvepi padāni ekatthāni, byañjanameva nānaṃ, evaṃ santepi ‘‘jānato’’ti ñāṇalakkhaṇaṃ upādāya puggalaṃ niddisati. Jānanalakkhaṇañhi ñāṇaṃ. ‘‘Passato’’ti ñāṇappabhāvaṃ upādāya. Dassanappabhāvañhi upādāya ñāṇasamaṅgī puggalo cakkhumā viya puggalo cakkhunā rūpāni, ñāṇena vivaṭe dhamme passati. Atha vā jānatoti anubodhañāṇena jānato. Passatoti paṭivedhañāṇena passato. Paṭilomato vā dassanamaggena passato, bhāvanāmaggena jānato. Keci pana ‘‘ñātatīraṇapahānapariññāhi jānato, sikhāppattavipassanāya passato’’ti vadanti. Atha vā dukkhaṃ pariññābhisamayena jānato, nirodhaṃ sacchikiriyābhisamayena passato. Tadubhaye ca sati pahānabhāvanābhisamayā siddhā eva hontīti catusaccābhisamayo vutto hoti. Yadā cettha vipassanāñāṇaṃ adhippetaṃ, tadā ‘‘jānato passato’’ti padānaṃ hetuatthadīpanatā daṭṭhabbā. Yadā pana maggañāṇaṃ adhippetaṃ, tadā maggakiccatthadīpanatā.
อาสวานํ ขยนฺติ ‘‘ชานโต, อหํ ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕; สํ. นิ. ๓.๑๐๑; ๕.๑๐๙๕) เอวมาคเต สพฺพาสวสํวรปริยาเย ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) จ สุตฺตปเทสุ อาสวานํ ปหานํ อจฺจนฺตกฺขโย อสมุปฺปาโท ขีณากาโร นตฺถิภาโว ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุโตฺตฯ ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) ผลํฯ
Āsavānaṃkhayanti ‘‘jānato, ahaṃ bhikkhave, passato āsavānaṃ khayaṃ vadāmī’’ti (ma. ni. 1.15; saṃ. ni. 3.101; 5.1095) evamāgate sabbāsavasaṃvarapariyāye ‘‘āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimutti’’ntiādīsu (ma. ni. 1.438) ca suttapadesu āsavānaṃ pahānaṃ accantakkhayo asamuppādo khīṇākāro natthibhāvo ‘‘āsavakkhayo’’ti vutto. ‘‘Āsavānaṃ khayā samaṇo hotī’’tiādīsu (ma. ni. 1.438) phalaṃ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสญฺญิโน;
‘‘Paravajjānupassissa, niccaṃ ujjhānasaññino;
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติฯ (ธ. ป. ๒๕๓); –
Āsavā tassa vaḍḍhanti, ārā so āsavakkhayā’’ti. (dha. pa. 253); –
อาทีสุ นิพฺพานํฯ
Ādīsu nibbānaṃ.
‘‘เสขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
‘‘Sekhassa sikkhamānassa, ujumaggānusārino;
ขยสฺมิํ ปฐมํ ญาณํ, ตโต อญฺญา อนนฺตรา;
Khayasmiṃ paṭhamaṃ ñāṇaṃ, tato aññā anantarā;
ตโต อญฺญาวิมุตฺตสฺส, ญาณํ เว โหติ ตาทิโน’’ติฯ (อ. นิ. ๓.๘๖; อิติวุ. ๖๒) –
Tato aññāvimuttassa, ñāṇaṃ ve hoti tādino’’ti. (a. ni. 3.86; itivu. 62) –
เอวมาคเต อินฺทฺริยสุเตฺต อิธ จ มโคฺค ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุโตฺตฯ ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน ชานนฺตสฺส ปสฺสนฺตสฺส อหํ อริยมคฺคาธิคมํ วทามีติ วุตฺตํ โหติฯ โน อชานโต โน อปสฺสโตติ โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อโตฺถฯ เอเตน เย อชานโต อปสฺสโตปิ สํสารสุทฺธิํ วทนฺติ, เต ปฎิกฺขิปติฯ ปุริเมน วา ปททฺวเยน อุปาโย วุโตฺต, อิมินา อนุปายปฎิเสโธฯ สเงฺขเปน เจตฺถ ญาณํ อาสวกฺขยกรํ, เสสํ ตสฺส ปริกฺขาโรติ ทเสฺสติฯ
Evamāgate indriyasutte idha ca maggo ‘‘āsavakkhayo’’ti vutto. Tasmā yathāvuttanayena jānantassa passantassa ahaṃ ariyamaggādhigamaṃ vadāmīti vuttaṃ hoti. Noajānato no apassatoti yo pana na jānāti na passati, tassa no vadāmīti attho. Etena ye ajānato apassatopi saṃsārasuddhiṃ vadanti, te paṭikkhipati. Purimena vā padadvayena upāyo vutto, iminā anupāyapaṭisedho. Saṅkhepena cettha ñāṇaṃ āsavakkhayakaraṃ, sesaṃ tassa parikkhāroti dasseti.
อิทานิ ยํ ชานโต ยํ ปสฺสโต อาสวกฺขโย โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, ชานโต’’ติ ปุจฺฉํ อารภิฯ ตตฺถ ชานนา พหุวิธาฯ ทพฺพชาติโก เอว หิ โกจิ ภิกฺขุ ฉตฺตํ กาตุํ ชานาติ, โกจิ จีวราทีนํ อญฺญตรํ, ตสฺส อีทิสานิ กมฺมานิ วตฺตสีเส ฐตฺวา กโรนฺตสฺส สา ชานนา ‘‘มคฺคผลานํ ปทฎฺฐานํ น โหตี’’ติ น วตฺตพฺพาฯ โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทีนิ กาตุํ ชานาติ, ตเสฺสวํ ชานโต อาสวา วฑฺฒนฺติเยวฯ ตสฺมา ยํ ชานโต ยํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหติ, ตเทว ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานํ, ตํ เหฎฺฐา โยนิโสมนสิการสุเตฺต สเงฺขปโต วุตฺตเมวฯ
Idāni yaṃ jānato yaṃ passato āsavakkhayo hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘kiñca, bhikkhave, jānato’’ti pucchaṃ ārabhi. Tattha jānanā bahuvidhā. Dabbajātiko eva hi koci bhikkhu chattaṃ kātuṃ jānāti, koci cīvarādīnaṃ aññataraṃ, tassa īdisāni kammāni vattasīse ṭhatvā karontassa sā jānanā ‘‘maggaphalānaṃ padaṭṭhānaṃ na hotī’’ti na vattabbā. Yo pana sāsane pabbajitvā vejjakammādīni kātuṃ jānāti, tassevaṃ jānato āsavā vaḍḍhantiyeva. Tasmā yaṃ jānato yaṃ passato āsavānaṃ khayo hoti, tadeva dassento āha ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādi. Tattha yaṃ vattabbaṃ catusaccakammaṭṭhānaṃ, taṃ heṭṭhā yonisomanasikārasutte saṅkhepato vuttameva.
ตตฺถ ปน ‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มนสิ กโรโนฺต อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตี’’ติ (อิติวุ. ๑๖) อาคตตฺตา ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทินา อตฺถวิภาวนา กตาฯ อิธ ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ชานโต ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕; สํ. นิ. ๓.๑๐๑; ๕.๑๐๙๕) อาคตตฺตา ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ปริญฺญาปฎิเวธวเสน ปริญฺญาภิสมยวเสน มคฺคญาเณน ชานโต ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหตี’’ติอาทินา นเยน โยเชตพฺพํฯ อาสเวสุ จ ปฐมมเคฺคน ทิฎฺฐาสโว ขียติ, ตติยมเคฺคน กามาสโว, จตุตฺถมเคฺคน ภวาสโว อวิชฺชาสโว จ ขียตีติ เวทิตโพฺพฯ
Tattha pana ‘‘yoniso, bhikkhave, bhikkhu manasi karonto akusalaṃ pajahati, kusalaṃ bhāvetī’’ti (itivu. 16) āgatattā ‘‘idaṃ dukkhanti yoniso manasi karotī’’tiādinā atthavibhāvanā katā. Idha ‘‘idaṃ dukkhanti, bhikkhave, jānato passato āsavānaṃ khayo hotī’’ti (ma. ni. 1.15; saṃ. ni. 3.101; 5.1095) āgatattā ‘‘idaṃ dukkhanti pariññāpaṭivedhavasena pariññābhisamayavasena maggañāṇena jānato passato āsavānaṃ khayo hotī’’tiādinā nayena yojetabbaṃ. Āsavesu ca paṭhamamaggena diṭṭhāsavo khīyati, tatiyamaggena kāmāsavo, catutthamaggena bhavāsavo avijjāsavo ca khīyatīti veditabbo.
คาถาสุ วิมุตฺติญาณนฺติ วิมุตฺติยํ นิพฺพาเน ผเล จ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ อุตฺตมนฺติ อุตฺตมธมฺมารมฺมณตฺตา อุตฺตมํฯ ขเย ญาณนฺติ อาสวานํ สํโยชนานญฺจ ขเย ขยกเร อริยมเคฺค ญาณํฯ ‘‘ขีณา สํโยชนา อิติ ญาณ’’นฺติ อิธาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เตน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณํ ทเสฺสติฯ เอวเมตฺถ จตฺตาริปิ ปจฺจเวกฺขณญาณานิ วุตฺตานิ โหนฺติ ฯ อวสิฎฺฐกิเลสปจฺจเวกฺขณา หิ อิธ นตฺถิ อรหตฺตผลาธิคมสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ ยถา เจตฺถ ชานโต ปสฺสโตติ นิพฺพานาธิคเมน สมฺมาทิฎฺฐิกิจฺจํ อธิกํ กตฺวา วุตฺตํ, เอวํ สมฺมปฺปธานกิจฺจมฺปิ อธิกเมว อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น เตฺววิทํ กุสีเตนา’’ติ โอสานคาถมาหฯ
Gāthāsu vimuttiñāṇanti vimuttiyaṃ nibbāne phale ca paccavekkhaṇañāṇaṃ. Uttamanti uttamadhammārammaṇattā uttamaṃ. Khaye ñāṇanti āsavānaṃ saṃyojanānañca khaye khayakare ariyamagge ñāṇaṃ. ‘‘Khīṇā saṃyojanā iti ñāṇa’’nti idhāpi ānetvā sambandhitabbaṃ. Tena pahīnakilesapaccavekkhaṇaṃ dasseti. Evamettha cattāripi paccavekkhaṇañāṇāni vuttāni honti . Avasiṭṭhakilesapaccavekkhaṇā hi idha natthi arahattaphalādhigamassa adhippetattā. Yathā cettha jānato passatoti nibbānādhigamena sammādiṭṭhikiccaṃ adhikaṃ katvā vuttaṃ, evaṃ sammappadhānakiccampi adhikameva icchitabbanti dassento ‘‘na tvevidaṃ kusītenā’’ti osānagāthamāha.
ตตฺถ น เตฺววิทนฺติ น ตุ เอว อิทํฯ ตุสโทฺท นิปาตมตฺตํฯ พาเลนมวิชานตาติ มกาโร ปทสนฺธิกโรฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – อิทํ เสกฺขมเคฺคน อเสกฺขมเคฺคน จ ปตฺตพฺพํ อภิชฺฌากายคนฺถาทิสพฺพคนฺถานํ ปโมจนํ ปโมจนสฺส นิมิตฺตภูตํ นิพฺพานํ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา จตฺตาริ สจฺจานิ ยถาภูตํ อวิชานตา ตโต เอว พาเลน อวิทฺทสุนา ยถา อธิคนฺตุํ น สกฺกา, เอวํ กุสีเตน นิพฺพีริเยนาปิ, ตสฺมา ตทธิคมาย อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพนฺติฯ เตนาห ภควา ‘‘อารทฺธวีริยสฺสายํ ธโมฺม, โน กุสีตสฺส’’ (ที. นิ. ๓.๓๕๘)ฯ
Tattha na tvevidanti na tu eva idaṃ. Tusaddo nipātamattaṃ. Bālenamavijānatāti makāro padasandhikaro. Ayañhettha saṅkhepattho – idaṃ sekkhamaggena asekkhamaggena ca pattabbaṃ abhijjhākāyaganthādisabbaganthānaṃ pamocanaṃ pamocanassa nimittabhūtaṃ nibbānaṃ ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā cattāri saccāni yathābhūtaṃ avijānatā tato eva bālena aviddasunā yathā adhigantuṃ na sakkā, evaṃ kusītena nibbīriyenāpi, tasmā tadadhigamāya āraddhavīriyena bhavitabbanti. Tenāha bhagavā ‘‘āraddhavīriyassāyaṃ dhammo, no kusītassa’’ (dī. ni. 3.358).
‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยุญฺชถ พุทฺธสาสเน;
‘‘Ārambhatha nikkamatha, yuñjatha buddhasāsane;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุญฺชโร’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๘๕; เนตฺติ. ๒๙; มิ. ป. ๕.๑.๔);
Dhunātha maccuno senaṃ, naḷāgāraṃva kuñjaro’’ti. (saṃ. ni. 1.185; netti. 29; mi. pa. 5.1.4);
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๓. อาสวกฺขยสุตฺตํ • 3. Āsavakkhayasuttaṃ