Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๔. อาสวสุตฺตวณฺณนา

    4. Āsavasuttavaṇṇanā

    ๕๘. จตุเตฺถ สํวรา ปหาตพฺพาติ สํวเรน ปหาตพฺพาฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ ปฎิสงฺขาติ ปฎิสญฺชานิตฺวา, ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ อโตฺถฯ โยนิโสติ อุปาเยน ปเถนฯ เอตฺถ จ อสํวเร อาทีนวปฎิสงฺขา โยนิโส ปฎิสงฺขาติ เวทิตพฺพาฯ สา จายํ ‘‘วรํ, ภิกฺขเว, ตตฺตาย อโยสลากาย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย จกฺขุนฺทฺริยํ สมฺปลิมฎฺฐํ, น เตฺวว จกฺขุวิเญฺญเยฺยสุ รูเปสุ อนุพฺยญฺชนโส นิมิตฺตคฺคาโห’’ติอาทินา อาทิตฺตปริยาเยน (สํ. นิ. ๔.๒๓๕) เวทิตพฺพาฯ จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรตีติ เอตฺถ จกฺขุเมว อินฺทฺริยํ จกฺขุนฺทฺริยํ, สํวรณโต สํวโร, ปิทหนโต ถกนโตติ วุตฺตํ โหติฯ สติยา เอตํ อธิวจนํฯ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโรฯ ชวเน อุปฺปชฺชมาโนปิ เหส ตสฺมิํ ทฺวาเร กิเลสานํ อุปฺปตฺติวารณโต จกฺขุนฺทฺริยสํวโรติ วุจฺจติฯ สํวุโตติ เตน สํวเรน อุเปโตฯ ตถา หิ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ อิมสฺส วิภเงฺค ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ…เป.… สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํฯ อถ วา สํวรีติ สํวุโต, ถเกสิ ปิทหีติ วุตฺตํ โหติฯ จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโตติ จกฺขุนฺทฺริยสํวรสงฺขาตํ สติกวาฎํ จกฺขุทฺวาเร ฆรทฺวาเร กวาฎํ วิย สํวริ ถเกสิ ปิทหีติ วุตฺตํ โหติฯ อยเมเวตฺถ อโตฺถ สุนฺทรตโรฯ ตถา หิ ‘‘จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต, สํวุตสฺส วิหรโต’’ติ เอเตสุ ปเทสุ อยเมวโตฺถ ทิสฺสตีติฯ

    58. Catutthe saṃvarā pahātabbāti saṃvarena pahātabbā. Sesesupi eseva nayo. Idhāti imasmiṃ sāsane. Paṭisaṅkhāti paṭisañjānitvā, paccavekkhitvāti attho. Yonisoti upāyena pathena. Ettha ca asaṃvare ādīnavapaṭisaṅkhā yoniso paṭisaṅkhāti veditabbā. Sā cāyaṃ ‘‘varaṃ, bhikkhave, tattāya ayosalākāya ādittāya sampajjalitāya sajotibhūtāya cakkhundriyaṃ sampalimaṭṭhaṃ, na tveva cakkhuviññeyyesu rūpesu anubyañjanaso nimittaggāho’’tiādinā ādittapariyāyena (saṃ. ni. 4.235) veditabbā. Cakkhundriyasaṃvarasaṃvutoviharatīti ettha cakkhumeva indriyaṃ cakkhundriyaṃ, saṃvaraṇato saṃvaro, pidahanato thakanatoti vuttaṃ hoti. Satiyā etaṃ adhivacanaṃ. Cakkhundriye saṃvaro cakkhundriyasaṃvaro. Javane uppajjamānopi hesa tasmiṃ dvāre kilesānaṃ uppattivāraṇato cakkhundriyasaṃvaroti vuccati. Saṃvutoti tena saṃvarena upeto. Tathā hi ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvuto’’ti imassa vibhaṅge ‘‘iminā pātimokkhasaṃvarena upeto hoti…pe… samannāgato’’ti vuttaṃ. Atha vā saṃvarīti saṃvuto, thakesi pidahīti vuttaṃ hoti. Cakkhundriyasaṃvarasaṃvutoti cakkhundriyasaṃvarasaṅkhātaṃ satikavāṭaṃ cakkhudvāre gharadvāre kavāṭaṃ viya saṃvari thakesi pidahīti vuttaṃ hoti. Ayamevettha attho sundarataro. Tathā hi ‘‘cakkhundriyasaṃvaraṃ asaṃvutassa viharato, saṃvutassa viharato’’ti etesu padesu ayamevattho dissatīti.

    ยํ หิสฺสาติอาทิมฺหิ ยํ จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ อสฺส ภิกฺขุโน อสํวุตสฺส อถเกตฺวา อปิทหิตฺวา วิหรนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ เยการสฺส วา เอส ยนฺติ อาเทโส, เย อสฺสาติ อโตฺถฯ อาสวา วิฆาตปริฬาหาติ จตฺตาโร อาสวา จ อเญฺญ จ วิฆาตกรา กิเลสปริฬาหา วิปากปริฬาหา วาฯ จกฺขุทฺวารสฺมิญฺหิ อิฎฺฐารมฺมณํ อาปาถคตํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยโต อภินนฺทโต กามาสโว อุปฺปชฺชติ, ‘‘อีทิสํ อญฺญสฺมิมฺปิ สุคติภเว ลภิสฺสามี’’ติ ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโต ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, สโตฺตติ วา สตฺตสฺสาติ วา คณฺหโต ทิฎฺฐาสโว อุปฺปชฺชติ, สเพฺพเหว สหชาตํ อญฺญาณํ อวิชฺชาสโวติ จตฺตาโร อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ ฯ เอเตหิ สมฺปยุตฺตา อปเร กิเลสา วิฆาตปริฬาหา อายติํ วา เตสํ วิปากา เตหิปิ อสํวุตเสฺสว วิหรโต อุปฺปเชฺชยฺยุนฺติ วุจฺจนฺติฯ เอวํส เตติ เอวํ อสฺส เต, เอเตนุปาเยน น โหนฺติ, โน อญฺญถาติ วุตฺตํ โหติฯ ปฎิสงฺขา โยนิโส โสตินฺทฺริยสํวรสํวุโตติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิเม วุจฺจนฺติ อาสวา สํวรา ปหาตพฺพาติ อิเมสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา จตุวีสติ อาสวา สํวเรน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติฯ

    Yaṃ hissātiādimhi yaṃ cakkhundriyasaṃvaraṃ assa bhikkhuno asaṃvutassa athaketvā apidahitvā viharantassāti attho. Yekārassa vā esa yanti ādeso, ye assāti attho. Āsavā vighātapariḷāhāti cattāro āsavā ca aññe ca vighātakarā kilesapariḷāhā vipākapariḷāhā vā. Cakkhudvārasmiñhi iṭṭhārammaṇaṃ āpāthagataṃ kāmassādavasena assādayato abhinandato kāmāsavo uppajjati, ‘‘īdisaṃ aññasmimpi sugatibhave labhissāmī’’ti bhavapatthanāya assādayato bhavāsavo uppajjati, sattoti vā sattassāti vā gaṇhato diṭṭhāsavo uppajjati, sabbeheva sahajātaṃ aññāṇaṃ avijjāsavoti cattāro āsavā uppajjanti . Etehi sampayuttā apare kilesā vighātapariḷāhā āyatiṃ vā tesaṃ vipākā tehipi asaṃvutasseva viharato uppajjeyyunti vuccanti. Evaṃsateti evaṃ assa te, etenupāyena na honti, no aññathāti vuttaṃ hoti. Paṭisaṅkhā yoniso sotindriyasaṃvarasaṃvutotiādīsupi eseva nayo. Ime vuccanti āsavā saṃvarā pahātabbāti imesu chasu dvāresu cattāro cattāro katvā catuvīsati āsavā saṃvarena pahātabbāti vuccanti.

    ปฎิสงฺขา โยนิโส จีวรนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘) สีลกถาย วุตฺตเมวฯ ยํ หิสฺสาติ ยญฺหิ จีวรํ ปิณฺฑปาตาทีสุ วา อญฺญตรํ อสฺสฯ อปฺปฎิเสวโตติ เอวํ โยนิโส อปฺปฎิเสวนฺตสฺสฯ อิมสฺมิํ วาเร อลทฺธํ จีวราทิํ ปตฺถยโต ลทฺธํ วา อสฺสาทยโต กามาสวสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, อีทิสํ อญฺญสฺมิมฺปิ สุคติภเว ลภิสฺสามีติ ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโต ภวาสวสฺส, อหํ ลภามิ น ลภามีติ วา มยฺหํ วา อิทนฺติ อตฺตสญฺญํ อธิฎฺฐหโต ทิฎฺฐาสวสฺส, สเพฺพเหว ปน สหชาโต อวิชฺชาสโวติ เอวํ จตุนฺนํ อาสวานํ อุปฺปตฺติ วิฆาตปริฬาหาว นวเวทนุปฺปาทนโตปิ เวทิตพฺพาฯ อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ปฎิเสวนา ปหาตพฺพาติ อิเม เอกเมกสฺมิํ ปจฺจเย จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา โสฬส อาสวา อิมินา ญาณสํวรสงฺขาเตน ปจฺจเวกฺขณปฎิเสวเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติฯ

    Paṭisaṅkhā yoniso cīvarantiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ sabbaṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.18) sīlakathāya vuttameva. Yaṃ hissāti yañhi cīvaraṃ piṇḍapātādīsu vā aññataraṃ assa. Appaṭisevatoti evaṃ yoniso appaṭisevantassa. Imasmiṃ vāre aladdhaṃ cīvarādiṃ patthayato laddhaṃ vā assādayato kāmāsavassa uppatti veditabbā, īdisaṃ aññasmimpi sugatibhave labhissāmīti bhavapatthanāya assādayato bhavāsavassa, ahaṃ labhāmi na labhāmīti vā mayhaṃ vā idanti attasaññaṃ adhiṭṭhahato diṭṭhāsavassa, sabbeheva pana sahajāto avijjāsavoti evaṃ catunnaṃ āsavānaṃ uppatti vighātapariḷāhāva navavedanuppādanatopi veditabbā. Ime vuccanti, bhikkhave, āsavā paṭisevanā pahātabbāti ime ekamekasmiṃ paccaye cattāro cattāro katvā soḷasa āsavā iminā ñāṇasaṃvarasaṅkhātena paccavekkhaṇapaṭisevanena pahātabbāti vuccanti.

    ปฎิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺสาติ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเวกฺขิตฺวา ขนฺตา โหติ สีตสฺส, สีตํ ขมติ สหติ, น อวีรปุริโส วิย อปฺปมตฺตเกนปิ สีเตน จลติ กมฺปติ กมฺมฎฺฐานํ วิชหติฯ อุณฺหาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ วจนเมว วจนปโถติ เวทิตโพฺพฯ ทุกฺขานนฺติอาทีสุ ทุกฺขมนเฎฺฐน ทุกฺขา, พหลเฎฺฐน ติพฺพา, ผรุสเฎฺฐน ขรา, ติขิณเฎฺฐน กฎุกา, อสฺสาทวิรหโต อสาตา, มนํ อวฑฺฒนโต อมนาปา, ปาณหรณสมตฺถตาย ปาณหราติ เวทิตพฺพาฯ ยํ หิสฺสาติ สีตาทีสุ ยํกิญฺจิ เอกธมฺมมฺปิ อสฺสฯ อนธิวาสโตติ อนธิวาเสนฺตสฺส อกฺขมนฺตสฺส ฯ อาสวุปฺปตฺติ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – สีเตน ผุฎฺฐสฺส อุณฺหํ ปตฺถยโต กามาสโว อุปฺปชฺชติ, เอวํ สพฺพตฺถฯ ‘‘นตฺถิ สุคติภเว สีตํ วา อุณฺหํ วา’’ติ ภวํ ปเตฺถนฺตสฺส ภวาสโว, มยฺหํ สีตํ อุณฺหนฺติ คาโห ทิฎฺฐาสโว, สเพฺพเหว สมฺปยุโตฺต อวิชฺชาสโวติฯ อิเม วุจฺจนฺตีติ อิเม สีตาทีสุ เอกเมกสฺส วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา อเนเก อาสวา อิมาย ขนฺติสํวรสงฺขาตาย อธิวาสนาย ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ อโตฺถฯ

    Paṭisaṅkhā yoniso khamo hoti sītassāti upāyena pathena paccavekkhitvā khantā hoti sītassa, sītaṃ khamati sahati, na avīrapuriso viya appamattakenapi sītena calati kampati kammaṭṭhānaṃ vijahati. Uṇhādīsupi eseva nayo. Ettha ca vacanameva vacanapathoti veditabbo. Dukkhānantiādīsu dukkhamanaṭṭhena dukkhā, bahalaṭṭhena tibbā, pharusaṭṭhena kharā, tikhiṇaṭṭhena kaṭukā, assādavirahato asātā, manaṃ avaḍḍhanato amanāpā, pāṇaharaṇasamatthatāya pāṇaharāti veditabbā. Yaṃ hissāti sītādīsu yaṃkiñci ekadhammampi assa. Anadhivāsatoti anadhivāsentassa akkhamantassa . Āsavuppatti panettha evaṃ veditabbā – sītena phuṭṭhassa uṇhaṃ patthayato kāmāsavo uppajjati, evaṃ sabbattha. ‘‘Natthi sugatibhave sītaṃ vā uṇhaṃ vā’’ti bhavaṃ patthentassa bhavāsavo, mayhaṃ sītaṃ uṇhanti gāho diṭṭhāsavo, sabbeheva sampayutto avijjāsavoti. Ime vuccantīti ime sītādīsu ekamekassa vasena cattāro cattāro katvā aneke āsavā imāya khantisaṃvarasaṅkhātāya adhivāsanāya pahātabbāti vuccantīti attho.

    ปฎิสงฺขา โยนิโส จณฺฑํ หตฺถิํ ปริวเชฺชตีติ อหํ สมโณติ น จณฺฑสฺส หตฺถิสฺส อาสเนฺน ฐาตพฺพํฯ ตโตนิทานญฺหิ มรณมฺปิ มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ ภเวยฺยาติ เอวํ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเวกฺขิตฺวา จณฺฑํ หตฺถิํ ปริวเชฺชติ ปฎิกฺกมติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ จณฺฑนฺติ ทุฎฺฐํ วาฬํฯ ขาณุนฺติ ขทิรขาณุกาทิํฯ กณฺฎกฎฺฐานนฺติ ยตฺถ กณฺฎกา วิชฺฌนฺติ, ตํ โอกาสํฯ โสพฺภนฺติ สพฺพโต ฉินฺนตฎํฯ ปปาตนฺติ เอกโต ฉินฺนตฎํฯ จนฺทนิกนฺติ อุจฺฉิโฎฺฐทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฎฺฐานํฯ โอฬิคลฺลนฺติ เตสํเยว กทฺทมาทีนํ สนฺทโนกาสํฯ ตํ ชณฺณุมตฺตมฺปิ อสุจิภริตํ โหติฯ เทฺวปิ เจตานิ ฐานานิ อมนุสฺสุสฺสทฎฺฐานานิ โหนฺติ, ตสฺมา วเชฺชตพฺพานิฯ อนาสเนติ เอตฺถ อยุตฺตํ อาสนํ อนาสนํ, ตํ อตฺถโต อนิยตวตฺถุภูตํ รโหปฎิจฺฉนฺนาสนนฺติ เวทิตพฺพํฯ อโคจเรติ เอตฺถปิ อยุโตฺต โคจโร อโคจโรฯ โส เวสิยาทิเภทโต ปญฺจวิโธฯ ปาปเก มิเตฺตติ ลามเก ทุสฺสีเล มิตฺตปติรูปเก อมิเตฺตฯ ปาปเกสูติ ลามเกสุฯ โอกเปฺปยฺยุนฺติ สทฺทเหยฺยุํ อธิมุเจฺจยฺยุํ ‘‘อทฺธา อยมายสฺมา อกาสิ วา กริสฺสติ วา’’ติฯ ยํ หิสฺสาติ หตฺถิอาทีสุ ยํกิญฺจิ เอกมฺปิ อสฺสฯ อาสวุปฺปตฺติ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – หตฺถิอาทินิทาเนน ทุเกฺขน ผุฎฺฐสฺส สุขํ ปตฺถยโต กามาสโว อุปฺปชฺชติ, ‘‘นตฺถิ สุคติภเว อีทิสํ ทุกฺข’’นฺติ ภวํ ปเตฺถนฺตสฺส ภวาสโว, มํ หตฺถี มทฺทติ มํ อโสฺสติ คาโห ทิฎฺฐาสโว, สเพฺพเหว สมฺปยุโตฺต อวิชฺชาสโวติฯ อิเม วุจฺจนฺตีติ อิเม หตฺถิอาทีสุ เอเกกสฺส วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา อเนเก อาสวา อิมินา สีลสํวรสงฺขาเตน ปริวชฺชเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติฯ

    Paṭisaṅkhā yoniso caṇḍaṃ hatthiṃ parivajjetīti ahaṃ samaṇoti na caṇḍassa hatthissa āsanne ṭhātabbaṃ. Tatonidānañhi maraṇampi maraṇamattampi dukkhaṃ bhaveyyāti evaṃ upāyena pathena paccavekkhitvā caṇḍaṃ hatthiṃ parivajjeti paṭikkamati. Esa nayo sabbattha. Caṇḍanti duṭṭhaṃ vāḷaṃ. Khāṇunti khadirakhāṇukādiṃ. Kaṇṭakaṭṭhānanti yattha kaṇṭakā vijjhanti, taṃ okāsaṃ. Sobbhanti sabbato chinnataṭaṃ. Papātanti ekato chinnataṭaṃ. Candanikanti ucchiṭṭhodakagabbhamalādīnaṃ chaḍḍanaṭṭhānaṃ. Oḷigallanti tesaṃyeva kaddamādīnaṃ sandanokāsaṃ. Taṃ jaṇṇumattampi asucibharitaṃ hoti. Dvepi cetāni ṭhānāni amanussussadaṭṭhānāni honti, tasmā vajjetabbāni. Anāsaneti ettha ayuttaṃ āsanaṃ anāsanaṃ, taṃ atthato aniyatavatthubhūtaṃ rahopaṭicchannāsananti veditabbaṃ. Agocareti etthapi ayutto gocaro agocaro. So vesiyādibhedato pañcavidho. Pāpake mitteti lāmake dussīle mittapatirūpake amitte. Pāpakesūti lāmakesu. Okappeyyunti saddaheyyuṃ adhimucceyyuṃ ‘‘addhā ayamāyasmā akāsi vā karissati vā’’ti. Yaṃ hissāti hatthiādīsu yaṃkiñci ekampi assa. Āsavuppatti panettha evaṃ veditabbā – hatthiādinidānena dukkhena phuṭṭhassa sukhaṃ patthayato kāmāsavo uppajjati, ‘‘natthi sugatibhave īdisaṃ dukkha’’nti bhavaṃ patthentassa bhavāsavo, maṃ hatthī maddati maṃ assoti gāho diṭṭhāsavo, sabbeheva sampayutto avijjāsavoti. Ime vuccantīti ime hatthiādīsu ekekassa vasena cattāro cattāro katvā aneke āsavā iminā sīlasaṃvarasaṅkhātena parivajjanena pahātabbāti vuccanti.

    ปฎิสงฺขา โยนิโส อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตีติ ‘‘อิติปายํ วิตโกฺก อกุสโล, อิติปิ สาวโชฺช, อิติปิ ทุกฺขวิปาโก, โส จ โข อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๐๗-๒๐๘) นเยน โยนิโส กามวิตเกฺก อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตสฺมิํ ตสฺมิํ อารมฺมเณ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, จิตฺตํ อาโรเปตฺวา น วาเสติ, อพฺภนฺตเร วา น วาเสตีติ อโตฺถฯ อนธิวาเสโนฺต กิํ กโรตีติ? ปชหติฯ กิํ กจวรํ วิย ปิฎเกนาติ? น หิ, อปิ จ โข นํ วิโนเทติ ตุทติ วิชฺฌติ นีหรติฯ กิํ พลิพทฺทํ วิย ปโตเทนาติ? น หิ, อถ โข นํ พฺยนฺตีกโรติ วิคตนฺตํ กโรติ, ยถาสฺส อโนฺตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ, ตถา นํ กโรติฯ กถํ ปน นํ ตถา กโรตีติ? อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ คเมติ, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ยถา สุวิกฺขมฺภิโต โหติ, ตถา กโรติฯ เสสวิตกฺกทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อุปฺปนฺนุปฺปเนฺนติ อุปฺปเนฺน อุปฺปเนฺน, อุปฺปนฺนมเตฺตเยวาติ วุตฺตํ โหติฯ สกิํ วา อุปฺปเนฺน วิโนเทตฺวา ทุติเย วาเร อชฺฌุเปกฺขิตา น โหติ, สตกฺขตฺตุมฺปิ อุปฺปเนฺน อุปฺปเนฺน วิโนเทติเยวฯ ปาปเก อกุสเล ธเมฺมติ เตเยว กามวิตกฺกาทโย, สเพฺพปิ วา นว มหาวิตเกฺกฯ ตตฺถ ตโย วุตฺตา, อวเสสา ‘‘ญาติวิตโกฺก, ชนปทวิตโกฺก, อมราวิตโกฺก, ปรานุทฺทยตาปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก, ลาภสกฺการสิโลกปฺปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก, อนวญฺญตฺติปฺปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก’’ติ (มหานิ. ๒๐๗) อิเม ฉฯ ยํ หิสฺสาติ เอเตสุ วิตเกฺกสุ ยํกิญฺจิ อสฺสฯ กามวิตโกฺก ปเนตฺถ กามาสโว เอว, ตพฺพิเสโส ภวาสโว, ตํสมฺปยุโตฺต ทิฎฺฐาสโว, สพฺพวิตเกฺกสุ อวิชฺชา อวิชฺชาสโวติ เอวํ อาสวุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาฯ อิเม วุจฺจนฺตีติ อิเม กามวิตกฺกาทิวเสน วุตฺตปฺปการา อาสวา อิมินา ตสฺมิํ ตสฺมิํ วิตเกฺก อาทีนวปจฺจเวกฺขณสหิเตน วีริยสํวรสงฺขาเตน วิโนทเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติฯ

    Paṭisaṅkhāyoniso uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetīti ‘‘itipāyaṃ vitakko akusalo, itipi sāvajjo, itipi dukkhavipāko, so ca kho attabyābādhāya saṃvattatī’’tiādinā (ma. ni. 1.207-208) nayena yoniso kāmavitakke ādīnavaṃ paccavekkhitvā tasmiṃ tasmiṃ ārammaṇe uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāseti, cittaṃ āropetvā na vāseti, abbhantare vā na vāsetīti attho. Anadhivāsento kiṃ karotīti? Pajahati. Kiṃ kacavaraṃ viya piṭakenāti? Na hi, api ca kho naṃ vinodeti tudati vijjhati nīharati. Kiṃ balibaddaṃ viya patodenāti? Na hi, atha kho naṃ byantīkaroti vigatantaṃ karoti, yathāssa antopi nāvasissati antamaso bhaṅgamattampi, tathā naṃ karoti. Kathaṃ pana naṃ tathā karotīti? Anabhāvaṃ gameti anu anu abhāvaṃ gameti, vikkhambhanappahānena yathā suvikkhambhito hoti, tathā karoti. Sesavitakkadvayepi eseva nayo. Uppannuppanneti uppanne uppanne, uppannamatteyevāti vuttaṃ hoti. Sakiṃ vā uppanne vinodetvā dutiye vāre ajjhupekkhitā na hoti, satakkhattumpi uppanne uppanne vinodetiyeva. Pāpake akusale dhammeti teyeva kāmavitakkādayo, sabbepi vā nava mahāvitakke. Tattha tayo vuttā, avasesā ‘‘ñātivitakko, janapadavitakko, amarāvitakko, parānuddayatāpaṭisaṃyutto vitakko, lābhasakkārasilokappaṭisaṃyutto vitakko, anavaññattippaṭisaṃyutto vitakko’’ti (mahāni. 207) ime cha. Yaṃ hissāti etesu vitakkesu yaṃkiñci assa. Kāmavitakko panettha kāmāsavo eva, tabbiseso bhavāsavo, taṃsampayutto diṭṭhāsavo, sabbavitakkesu avijjā avijjāsavoti evaṃ āsavuppatti veditabbā. Imevuccantīti ime kāmavitakkādivasena vuttappakārā āsavā iminā tasmiṃ tasmiṃ vitakke ādīnavapaccavekkhaṇasahitena vīriyasaṃvarasaṅkhātena vinodanena pahātabbāti vuccanti.

    ปฎิสงฺขา โยนิโส สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติ อภาวนาย อาทีนวํ ภาวนาย จ อานิสํสํ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเวกฺขิตฺวา สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติฯ เอเสว นโย สพฺพตฺถฯ โพชฺฌงฺคานํ ภาวนา เหฎฺฐา วิตฺถาริตาวฯ ยํ หิสฺสาติ เอเตสุ โพชฺฌเงฺคสุ ยํกิญฺจิ อสฺสฯ อาสวุปฺปตฺติยํ ปเนตฺถ อิเมสํ อริยมคฺคสมฺปยุตฺตานํ โพชฺฌงฺคานํ อภาวิตตฺตา เย อุปฺปเชฺชยฺยุํ กามาสวาทโย อาสวา, ภาวยโต เอวํส เต น โหนฺตีติ อยํ นโย เวทิตโพฺพฯ อิเม วุจฺจนฺตีติ อิเม กามาสวาทโย อาสวา อิมาย โลกุตฺตราย โพชฺฌงฺคภาวนาย ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติฯ อิเมหิ ฉหากาเรหิ ปหีนาสวํ ภิกฺขุํ โถเมโนฺต ยโต โข, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยโตติ สามิวจเน โต-กาโร, ยสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ โปราณา ปน ยมฺหิ กาเลติ วณฺณยนฺติฯ เย อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา, เต สํวรา ปหีนา โหนฺตีติ เย อาสวา สํวเรน ปหาตพฺพา, เต สํวเรเนว ปหีนา โหนฺติ, น อปฺปหีเนสุเยว ปหีนสญฺญี โหตีติฯ

    Paṭisaṅkhā yoniso satisambojjhaṅgaṃ bhāvetīti abhāvanāya ādīnavaṃ bhāvanāya ca ānisaṃsaṃ upāyena pathena paccavekkhitvā satisambojjhaṅgaṃ bhāveti. Eseva nayo sabbattha. Bojjhaṅgānaṃ bhāvanā heṭṭhā vitthāritāva. Yaṃ hissāti etesu bojjhaṅgesu yaṃkiñci assa. Āsavuppattiyaṃ panettha imesaṃ ariyamaggasampayuttānaṃ bojjhaṅgānaṃ abhāvitattā ye uppajjeyyuṃ kāmāsavādayo āsavā, bhāvayato evaṃsa te na hontīti ayaṃ nayo veditabbo. Ime vuccantīti ime kāmāsavādayo āsavā imāya lokuttarāya bojjhaṅgabhāvanāya pahātabbāti vuccanti. Imehi chahākārehi pahīnāsavaṃ bhikkhuṃ thomento yato kho, bhikkhavetiādimāha. Tattha yatoti sāmivacane to-kāro, yassāti vuttaṃ hoti. Porāṇā pana yamhi kāleti vaṇṇayanti. Ye āsavā saṃvarā pahātabbā, te saṃvarā pahīnā hontīti ye āsavā saṃvarena pahātabbā, te saṃvareneva pahīnā honti, na appahīnesuyeva pahīnasaññī hotīti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. อาสวสุตฺตํ • 4. Āsavasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔. อาสวสุตฺตวณฺณนา • 4. Āsavasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact