Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๔. อาสวสุตฺตวณฺณนา
4. Āsavasuttavaṇṇanā
๕๘. จตุเตฺถ สํวเรนาติ สํวเรน เหตุภูเตน วาฯ อิธาติ อยํ อิธ-สโทฺท สพฺพาการโต อินฺทิยสํวรสํวุตสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปโน, อญฺญสฺส ตถาภาวปฺปฎิเสธโน วาติ วุตฺตํ ‘‘อิธาติ อิธสฺมิํ สาสเน’’ติฯ ปฎิสงฺขาติ ปฎิสงฺขายฯ สงฺขา-สโทฺท ญาณโกฎฺฐาสปญฺญตฺติคณนาทีสุ ทิสฺสติ ‘‘สงฺขาเยกํ ปฎิเสวตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๖๘) หิ ญาเณ ทิสฺสติฯ ‘‘ปปญฺจสญฺญาสงฺขา สมุทาจรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๒, ๒๐๔) โกฎฺฐาเสฯ ‘‘เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สงฺขา สมญฺญา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) ปญฺญตฺติยํฯ ‘‘น สุกรํ สงฺขาตุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๒๘) คณนายฯ อิธ ปน ญาเณ ทฎฺฐโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘ปฎิสญฺชานิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ อโตฺถ’’ติฯ อาทีนวปจฺจเวกฺขณา อาทีนวปฎิสงฺขาติ โยชนาฯ สมฺปลิมฎฺฐนฺติ ฆํสิตํฯ อนุพฺยญฺชนโสติ หตฺถปาทสิตอาโลกิตวิโลกิตาทิปฺปการภาคโสฯ ตญฺหิ อโยนิโสมนสิกโรโต กิเลสานํ อนุพฺยญฺชนโต ‘‘อนุพฺยญฺชน’’นฺติ วุจฺจติฯ นิมิตฺตคฺคาโหติ อิตฺถิปุริสนิมิตฺตสฺส สุภนิมิตฺตาทิกสฺส วา กิเลสวตฺถุภูตสฺส นิมิตฺตสฺส คาโหฯ อาทิตฺตปริยาเยนาติ อาทิตฺตปริยาเย (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) อาคตนเยน เวทิตโพฺพฯ
58. Catutthe saṃvarenāti saṃvarena hetubhūtena vā. Idhāti ayaṃ idha-saddo sabbākārato indiyasaṃvarasaṃvutassa puggalassa sannissayabhūtasāsanaparidīpano, aññassa tathābhāvappaṭisedhano vāti vuttaṃ ‘‘idhāti idhasmiṃ sāsane’’ti. Paṭisaṅkhāti paṭisaṅkhāya. Saṅkhā-saddo ñāṇakoṭṭhāsapaññattigaṇanādīsu dissati ‘‘saṅkhāyekaṃ paṭisevatī’’tiādīsu (ma. ni. 2.168) hi ñāṇe dissati. ‘‘Papañcasaññāsaṅkhā samudācarantī’’tiādīsu (ma. ni. 1.202, 204) koṭṭhāse. ‘‘Tesaṃ tesaṃ dhammānaṃ saṅkhā samaññā’’tiādīsu (dha. sa. 1313-1315) paññattiyaṃ. ‘‘Na sukaraṃ saṅkhātu’’ntiādīsu (saṃ. ni. 2.128) gaṇanāya. Idha pana ñāṇe daṭṭhabbo. Tenevāha ‘‘paṭisañjānitvā paccavekkhitvāti attho’’ti. Ādīnavapaccavekkhaṇā ādīnavapaṭisaṅkhāti yojanā. Sampalimaṭṭhanti ghaṃsitaṃ. Anubyañjanasoti hatthapādasitaālokitavilokitādippakārabhāgaso. Tañhi ayonisomanasikaroto kilesānaṃ anubyañjanato ‘‘anubyañjana’’nti vuccati. Nimittaggāhoti itthipurisanimittassa subhanimittādikassa vā kilesavatthubhūtassa nimittassa gāho. Ādittapariyāyenāti ādittapariyāye (saṃ. ni. 4.28; mahāva. 54) āgatanayena veditabbo.
ยถา อิตฺถิยา อินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ, น เอวมิทํ, อิทํ ปน จกฺขุเมว อินฺทฺริยนฺติ จกฺขุนฺทฺริยํฯ เตนาห ‘‘จกฺขุเมว อินฺทฺริย’’นฺติฯ ยถา อาวาเฎ นิยตฎฺฐิติโก กจฺฉโป ‘‘อาวาฎกจฺฉโป’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตปฺปฎิพทฺธวุตฺติตาย ตํ ฐาโน สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโรฯ เตนาห ‘‘จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโร’’ติฯ นนุ จ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร วา อสํวโร วา นตฺถิฯ น หิ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย สติ วา มุฎฺฐสฺสจฺจํ วา อุปฺปชฺชติฯ อปิจ ยทา รูปารมฺมณํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตทา ภวเงฺค ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุเทฺธ กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติฯ ตโต จกฺขุวิญฺญาณํ ทสฺสนกิจฺจํ, ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฎิจฺฉนกิจฺจํ, ตโต วิปากมโนวิญฺญาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ, ตโต กิริยาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ โวฎฺฐพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ , ตทนนฺตรํ ชวนํ ชวติฯ ตตฺถาปิ เนว ภวงฺคสมเย, น อาวชฺชนาทีนํ อญฺญตรสมเย จ สํวโร วา อสํวโร วา อตฺถิฯ ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วา มุฎฺฐสฺสจฺจํ วา อญฺญาณํ วา อกฺขนฺติ วา โกสชฺชํ วา อุปฺปชฺชติ, อสํวโร โหติฯ ตสฺมิํ ปน สีลาทีสุ อุปฺปเนฺนสุ สํวโร โหติ, ตสฺมา ‘‘จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชวเน อุปฺปชฺชมาโนปิ เหส…เป.… จกฺขุนฺทฺริยสํวโรติ วุจฺจตี’’ติฯ
Yathā itthiyā indriyaṃ itthindriyaṃ, na evamidaṃ, idaṃ pana cakkhumeva indriyanti cakkhundriyaṃ. Tenāha ‘‘cakkhumeva indriya’’nti. Yathā āvāṭe niyataṭṭhitiko kacchapo ‘‘āvāṭakacchapo’’ti vuccati, evaṃ tappaṭibaddhavuttitāya taṃ ṭhāno saṃvaro cakkhundriyasaṃvaro. Tenāha ‘‘cakkhundriye saṃvaro cakkhundriyasaṃvaro’’ti. Nanu ca cakkhundriye saṃvaro vā asaṃvaro vā natthi. Na hi cakkhupasādaṃ nissāya sati vā muṭṭhassaccaṃ vā uppajjati. Apica yadā rūpārammaṇaṃ cakkhussa āpāthaṃ āgacchati, tadā bhavaṅge dvikkhattuṃ uppajjitvā niruddhe kiriyamanodhātu āvajjanakiccaṃ sādhayamānā uppajjitvā nirujjhati. Tato cakkhuviññāṇaṃ dassanakiccaṃ, tato vipākamanodhātu sampaṭicchanakiccaṃ, tato vipākamanoviññāṇadhātu santīraṇakiccaṃ, tato kiriyāhetukamanoviññāṇadhātu voṭṭhabbanakiccaṃ sādhayamānā uppajjitvā nirujjhati , tadanantaraṃ javanaṃ javati. Tatthāpi neva bhavaṅgasamaye, na āvajjanādīnaṃ aññatarasamaye ca saṃvaro vā asaṃvaro vā atthi. Javanakkhaṇe pana sace dussīlyaṃ vā muṭṭhassaccaṃ vā aññāṇaṃ vā akkhanti vā kosajjaṃ vā uppajjati, asaṃvaro hoti. Tasmiṃ pana sīlādīsu uppannesu saṃvaro hoti, tasmā ‘‘cakkhundriye saṃvaro’’ti kasmā vuttanti āha ‘‘javane uppajjamānopi hesa…pe… cakkhundriyasaṃvaroti vuccatī’’ti.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ อสํวุเตสุ กิญฺจาปิ อโนฺตฆรทฺวารโกฎฺฐกคพฺภาทโย สุสํวุตา, ตถาปิ อโนฺตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ อรกฺขิตํ อโคปิตเมว โหติฯ นครทฺวาเรน หิ ปวิสิตฺวา โจรา ยทิจฺฉกํ กเรยฺยุํ, เอวเมวํ ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปเนฺนสุ ตสฺมิํ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิฯ ยถา ปน นครทฺวาเรสุ สํวุเตสุ กิญฺจาปิ อโนฺตฆราทโย อสํวุตา, ตถาปิ อโนฺตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ สุรกฺขิตํ สุโคปิตเมว โหติฯ นครทฺวาเรสุ หิ ปิหิเตสุ โจรานํ ปเวโส นตฺถิ, เอวเมวํ ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปเนฺนสุ ทฺวารมฺปิ สุคุตฺตํ โหติ ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ, ตสฺมา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโนปิ จกฺขุนฺทฺริยสํวโรติ วุโตฺตติฯ
Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā nagare catūsu dvāresu asaṃvutesu kiñcāpi antogharadvārakoṭṭhakagabbhādayo susaṃvutā, tathāpi antonagare sabbaṃ bhaṇḍaṃ arakkhitaṃ agopitameva hoti. Nagaradvārena hi pavisitvā corā yadicchakaṃ kareyyuṃ, evamevaṃ javane dussīlyādīsu uppannesu tasmiṃ asaṃvare sati dvārampi aguttaṃ hoti bhavaṅgampi āvajjanādīni vīthicittānipi. Yathā pana nagaradvāresu saṃvutesu kiñcāpi antogharādayo asaṃvutā, tathāpi antonagare sabbaṃ bhaṇḍaṃ surakkhitaṃ sugopitameva hoti. Nagaradvāresu hi pihitesu corānaṃ paveso natthi, evamevaṃ javane sīlādīsu uppannesu dvārampi suguttaṃ hoti bhavaṅgampi āvajjanādīni vīthicittānipi, tasmā javanakkhaṇe uppajjamānopi cakkhundriyasaṃvaroti vuttoti.
สํวเรน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล สํวุโตติ อาห ‘‘อุเปโต’’ติฯ อยเมเวตฺถ อโตฺถ สุนฺทรตโรติ อุปริ ปาฬิยํ สนฺทิสฺสนโต วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิฯ
Saṃvarena samannāgato puggalo saṃvutoti āha ‘‘upeto’’ti. Ayamevettha attho sundarataroti upari pāḷiyaṃ sandissanato vuttaṃ. Tenāha ‘‘tathā hī’’tiādi.
ยนฺติ อาเทโสติ อิมินา ลิงฺควิปลฺลาเสน สทฺธิํ วจนวิปลฺลาโส กโตติ ทเสฺสติ, นิปาตปทํ วา เอตํ ปุถุวจนตฺถํฯ วิฆาตกราติ จิตฺตวิฆาตกรา , กายจิตฺตทุกฺขนิพฺพตฺตกา วาฯ ยถาวุตฺตกิเลสเหตุกา ทาหานุพนฺธา วิปากา เอว วิปากปริฬาหาฯ ยถา ปเนตฺถ อาสวา อเญฺญ จ วิฆาตกรา กิเลสปริฬาหา สมฺภวนฺติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวารสฺมิญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ เอตฺถ จ สํวรณูปาโย, สํวริตพฺพํ, สํวโร, ยโต โส สํวโร, ยตฺถ สํวโร, ยถา สํวโร, ยญฺจ สํวรผลนฺติ อยํ วิภาโค เวทิตโพฺพฯ กถํ? ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส’’ติ หิ สํวรณูปาโยฯ จกฺขุนฺทฺริยํ สํวริตพฺพํฯ สํวรคฺคหเณน คหิตา สติ สํวโรฯ ‘‘อสํวุตสฺสา’’ติ สํวรณาวธิฯ อสํวรโต หิ สํวรณํฯ สํวริตพฺพคฺคหณสิโทฺธ อิธ สํวรวิสโยฯ จกฺขุนฺทฺริยญฺหิ สํวรณํ ญาณํ รูปารมฺมเณ สํวรยตีติ อวุตฺตสิโทฺธยมโตฺถฯ อาสวตนฺนิมิตฺตกิเลสปริฬาหาภาโว ผลํฯ เอวํ โสตทฺวาราทีสุ โยเชตพฺพํฯ สพฺพเตฺถวาติ มโนทฺวาเร ปญฺจทฺวาเร จาติ สพฺพสฺมิํ ทฺวาเรฯ
Yanti ādesoti iminā liṅgavipallāsena saddhiṃ vacanavipallāso katoti dasseti, nipātapadaṃ vā etaṃ puthuvacanatthaṃ. Vighātakarāti cittavighātakarā , kāyacittadukkhanibbattakā vā. Yathāvuttakilesahetukā dāhānubandhā vipākā eva vipākapariḷāhā. Yathā panettha āsavā aññe ca vighātakarā kilesapariḷāhā sambhavanti, taṃ dassetuṃ ‘‘cakkhudvārasmiñhī’’tiādi vuttaṃ. Taṃ suviññeyyameva. Ettha ca saṃvaraṇūpāyo, saṃvaritabbaṃ, saṃvaro, yato so saṃvaro, yattha saṃvaro, yathā saṃvaro, yañca saṃvaraphalanti ayaṃ vibhāgo veditabbo. Kathaṃ? ‘‘Paṭisaṅkhā yoniso’’ti hi saṃvaraṇūpāyo. Cakkhundriyaṃ saṃvaritabbaṃ. Saṃvaraggahaṇena gahitā sati saṃvaro. ‘‘Asaṃvutassā’’ti saṃvaraṇāvadhi. Asaṃvarato hi saṃvaraṇaṃ. Saṃvaritabbaggahaṇasiddho idha saṃvaravisayo. Cakkhundriyañhi saṃvaraṇaṃ ñāṇaṃ rūpārammaṇe saṃvarayatīti avuttasiddhoyamattho. Āsavatannimittakilesapariḷāhābhāvo phalaṃ. Evaṃ sotadvārādīsu yojetabbaṃ. Sabbatthevāti manodvāre pañcadvāre cāti sabbasmiṃ dvāre.
ปฎิสงฺขา โยนิโส จีวรนฺติอาทีสุ ‘‘สีตสฺส ปฎิฆาตายา’’ติอาทินา ปจฺจเวกฺขณเมว โยนิโส ปฎิสงฺขาฯ อีทิสนฺติ เอวรูปํ อิฎฺฐารมฺมณํฯ ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโตติ ภวปตฺถนามุเขน ภาวิตํ อารมฺมณํ อสฺสาเทนฺตสฺสฯ จีวรนฺติ นิวาสนาทิ ยํ กิญฺจิจีวรํฯ ปฎิเสวตีติ นิวาสนาทิวเสน ปริภุญฺชติฯ ยาวเทวาติ ปโยชนปริมาณนิยมนํฯ สีตปฺปฎิฆาตาทิเยว หิ โยคิโน จีวรปฺปฎิเสวนปฺปโยชนํฯ สีตสฺสาติ สีตธาตุโกฺขภโต วา อุตุปริณามโต วา อุปฺปนฺนสฺส สีตสฺสฯ ปฎิฆาตายาติ ปฎิฆาตนตฺถํ ตปฺปจฺจยสฺส วิการสฺส วิโนทนตฺถํฯ อุณฺหสฺสาติ อคฺคิสนฺตาปโต อุปฺปนฺนสฺส อุณฺหสฺสฯ ฑํสาทโย ปากฎาเยวฯ ปุน ยาวเทวาติ นิยตปฺปโยชนปริมาณนิยมนํฯ นิยตญฺหิ ปโยชนํ จีวรํ ปฎิเสวนฺตสฺส หิริโกปีนปฺปฎิจฺฉาทนํ, อิตรํ กทาจิฯ หิริโกปีนนฺติ สมฺพาธฎฺฐานํฯ ยสฺมิญฺหิ อเงฺค วิวเฎ หิรี กุปฺปติ วินสฺสติ, ตํ หิริยา โกปนโต หิริโกปีนํ, ตํปฎิจฺฉาทนตฺถํ จีวรํ ปฎิเสวติฯ
Paṭisaṅkhāyoniso cīvarantiādīsu ‘‘sītassa paṭighātāyā’’tiādinā paccavekkhaṇameva yoniso paṭisaṅkhā. Īdisanti evarūpaṃ iṭṭhārammaṇaṃ. Bhavapatthanāya assādayatoti bhavapatthanāmukhena bhāvitaṃ ārammaṇaṃ assādentassa. Cīvaranti nivāsanādi yaṃ kiñcicīvaraṃ. Paṭisevatīti nivāsanādivasena paribhuñjati. Yāvadevāti payojanaparimāṇaniyamanaṃ. Sītappaṭighātādiyeva hi yogino cīvarappaṭisevanappayojanaṃ. Sītassāti sītadhātukkhobhato vā utupariṇāmato vā uppannassa sītassa. Paṭighātāyāti paṭighātanatthaṃ tappaccayassa vikārassa vinodanatthaṃ. Uṇhassāti aggisantāpato uppannassa uṇhassa. Ḍaṃsādayo pākaṭāyeva. Puna yāvadevāti niyatappayojanaparimāṇaniyamanaṃ. Niyatañhi payojanaṃ cīvaraṃ paṭisevantassa hirikopīnappaṭicchādanaṃ, itaraṃ kadāci. Hirikopīnanti sambādhaṭṭhānaṃ. Yasmiñhi aṅge vivaṭe hirī kuppati vinassati, taṃ hiriyā kopanato hirikopīnaṃ, taṃpaṭicchādanatthaṃ cīvaraṃ paṭisevati.
ปิณฺฑปาตนฺติ ยํ กิญฺจิ อาหารํฯ โส หิ ปิโณฺฑเลฺยน ภิกฺขุโน ปเตฺต ปตนโต, ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธภิกฺขาปิณฺฑานํ ปาโต สนฺนิปาโตติ วา ‘‘ปิณฺฑปาโต’’ติ วุจฺจติฯ เนว ทวายาติ น กีฬนายฯ น มทายาติ น พลมทมานมทปุริสมทตฺถํฯ น มณฺฑนายาติ น องฺคปจฺจงฺคานํ ปีณนภาวตฺถํฯ น วิภูสนายาติ น เตสํเยว โสภตฺถํ, ฉวิสมฺปตฺติอตฺถนฺติ อโตฺถ ฯ อิมานิ ยถากฺกมํ โมหโทสสณฺฐานวณฺณราคูปนิสฺสยปฺปหานตฺถานิ เวทิตพฺพานิฯ ปุริมํ วา ทฺวยํ อตฺตโน สํกิเลสุปฺปตฺตินิเสธนตฺถํ, อิตรํ ปรสฺสปิฯ จตฺตาริปิ กามสุขลฺลิกานุโยคสฺส ปหานตฺถํ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ กายสฺสาติ รูปกายสฺสฯ ฐิติยา ยาปนายาติ ปพนฺธฎฺฐิตตฺถเญฺจว ปวตฺติยา อวิเจฺฉทนตฺถญฺจ, จิรกาลฎฺฐิตตฺถํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส ปวตฺตาปนตฺถํฯ วิหิํสูปรติยาติ ชิฆจฺฉาทุกฺขสฺส อุปรมตฺถํฯ พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ สาสนมคฺคพฺรหฺมจริยานํ อนุคฺคณฺหนตฺถํฯ อิตีติ เอวํ อิมินา อุปาเยนฯ ปุราณญฺจ เวทนํ ปฎิหงฺขามีติ ปุราณํ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนํ ปฎิหนิสฺสามิฯ นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ นวํ ภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิฯ ตสฺสา หิ อนุปฺปชฺชนตฺถเมว อาหารํ ปริภุญฺชติฯ เอตฺถ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา นาม ยถาวุตฺตชิฆจฺฉานิมิตฺตา เวทนาฯ สา หิ อภุญฺชนฺตสฺส ภิโยฺย ภิโยฺยปวฑฺฒนวเสน อุปฺปชฺชติ, ภุตฺตปจฺจยา อนุปฺปชฺชนกเวทนาปิ ขุทานิมิตฺตาว องฺคทาหสูลาทิเวทนา อปฺปวตฺตาฯ สา หิ ภุตฺตปจฺจยา อนุปฺปนฺนาว น อุปฺปชฺชิสฺสติฯ วิหิํสานิมิตฺตตา เจตาสํ วิหิํสาย วิเสโสฯ
Piṇḍapātanti yaṃ kiñci āhāraṃ. So hi piṇḍolyena bhikkhuno patte patanato, tattha tattha laddhabhikkhāpiṇḍānaṃ pāto sannipātoti vā ‘‘piṇḍapāto’’ti vuccati. Neva davāyāti na kīḷanāya. Na madāyāti na balamadamānamadapurisamadatthaṃ. Na maṇḍanāyāti na aṅgapaccaṅgānaṃ pīṇanabhāvatthaṃ. Na vibhūsanāyāti na tesaṃyeva sobhatthaṃ, chavisampattiatthanti attho . Imāni yathākkamaṃ mohadosasaṇṭhānavaṇṇarāgūpanissayappahānatthāni veditabbāni. Purimaṃ vā dvayaṃ attano saṃkilesuppattinisedhanatthaṃ, itaraṃ parassapi. Cattāripi kāmasukhallikānuyogassa pahānatthaṃ vuttānīti veditabbāni. Kāyassāti rūpakāyassa. Ṭhitiyā yāpanāyāti pabandhaṭṭhitatthañceva pavattiyā avicchedanatthañca, cirakālaṭṭhitatthaṃ jīvitindriyassa pavattāpanatthaṃ. Vihiṃsūparatiyāti jighacchādukkhassa uparamatthaṃ. Brahmacariyānuggahāyāti sāsanamaggabrahmacariyānaṃ anuggaṇhanatthaṃ. Itīti evaṃ iminā upāyena. Purāṇañca vedanaṃ paṭihaṅkhāmīti purāṇaṃ abhuttapaccayā uppajjanakavedanaṃ paṭihanissāmi. Navañca vedanaṃ na uppādessāmīti navaṃ bhuttapaccayā uppajjanakavedanaṃ na uppādessāmi. Tassā hi anuppajjanatthameva āhāraṃ paribhuñjati. Ettha abhuttapaccayā uppajjanakavedanā nāma yathāvuttajighacchānimittā vedanā. Sā hi abhuñjantassa bhiyyo bhiyyopavaḍḍhanavasena uppajjati, bhuttapaccayā anuppajjanakavedanāpi khudānimittāva aṅgadāhasūlādivedanā appavattā. Sā hi bhuttapaccayā anuppannāva na uppajjissati. Vihiṃsānimittatā cetāsaṃ vihiṃsāya viseso.
ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ยาปนา จ เม จตุนฺนํ อิริยาปถานํ ภวิสฺสติฯ ‘‘ยาปนายา’’ติ อิมินา ชีวิตินฺทฺริยยาปนา วุตฺตา, อิธ จตุนฺนํ อิริยาปถานํ อวิเจฺฉทสงฺขาตา ยาปนาติ อยเมตาสํ วิเสโสฯ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จาติ อยุตฺตปริเยสนปฺปฎิคฺคหณปริโภคปริวชฺชเนน อนวชฺชตา, ปริมิตปริโภเคน ผาสุวิหาโรฯ อสปฺปายาปริมิตโภชนปจฺจยา อรติตนฺทีวิชมฺภิตาวิญฺญุครหาทิโทสาภาเวน วา อนวชฺชตาฯ สปฺปายปริมิตโภชนปจฺจยา กายพลสมฺภเวน ผาสุวิหาโรฯ ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกโภชนปริวชฺชเนน วา เสยฺยสุขปสฺสสุขมิทฺธสุขาทีนํ อภาวโต อนวชฺชตาฯ จตุปญฺจาโลปมตฺตอูนโภชเนน จตุอิริยาปถโยคฺยตาปาทนโต ผาสุวิหาโรฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Yātrā ca me bhavissatīti yāpanā ca me catunnaṃ iriyāpathānaṃ bhavissati. ‘‘Yāpanāyā’’ti iminā jīvitindriyayāpanā vuttā, idha catunnaṃ iriyāpathānaṃ avicchedasaṅkhātā yāpanāti ayametāsaṃ viseso. Anavajjatā ca phāsuvihāro cāti ayuttapariyesanappaṭiggahaṇaparibhogaparivajjanena anavajjatā, parimitaparibhogena phāsuvihāro. Asappāyāparimitabhojanapaccayā aratitandīvijambhitāviññugarahādidosābhāvena vā anavajjatā. Sappāyaparimitabhojanapaccayā kāyabalasambhavena phāsuvihāro. Yāvadatthaṃ udarāvadehakabhojanaparivajjanena vā seyyasukhapassasukhamiddhasukhādīnaṃ abhāvato anavajjatā. Catupañcālopamattaūnabhojanena catuiriyāpathayogyatāpādanato phāsuvihāro. Vuttañhetaṃ –
‘‘จตฺตาโร ปญฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
‘‘Cattāro pañca ālope, abhutvā udakaṃ pive;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ (เถรคา. ๙๘๓; มิ. ป. ๖.๕.๑๐);
Alaṃ phāsuvihārāya, pahitattassa bhikkhuno’’ti. (theragā. 983; mi. pa. 6.5.10);
เอตฺตาวตา จ ปโยชนปริคฺคโห, มชฺฌิมา จ ปฎิปทา ทีปิตา โหติฯ ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ปโยชนปริคฺคหทีปนาฯ ยาตฺรา หิ นํ อาหารูปโยคํ ปโยเชติฯ ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคเหตุโก ผาสุวิหาโร มชฺฌิมา ปฎิปทา อนฺตทฺวยปริวชฺชนโตฯ
Ettāvatā ca payojanapariggaho, majjhimā ca paṭipadā dīpitā hoti. Yātrā ca me bhavissatīti payojanapariggahadīpanā. Yātrā hi naṃ āhārūpayogaṃ payojeti. Dhammikasukhāpariccāgahetuko phāsuvihāro majjhimā paṭipadā antadvayaparivajjanato.
เสนาสนนฺติ เสนญฺจ อาสนญฺจฯ ยตฺถ วิหาราทิเก เสติ นิปชฺชติ อาสติ นิสีทติ, ตํ เสนาสนํฯ อุตุปริสฺสยวิโนทนปฺปฎิสลฺลานารามตฺถนฺติ อุตุเยว ปริสหนเฎฺฐน ปริสฺสโย สรีราพาธจิตฺตวิเกฺขปกโร, ตสฺส วิโนทนตฺถํ, อนุปฺปนฺนสฺส อนุปฺปาทนตฺถํ, อุปฺปนฺนสฺส วูปสมนตฺถญฺจาติ อโตฺถฯ อถ วา ยถาวุโตฺต อุตุ จ สีหพฺยคฺฆาทิปากฎปริสฺสโย จ ราคโทสาทิปฎิจฺฉนฺนปริสฺสโย จ อุตุปริสฺสโย, ตสฺส วิโนทนตฺถเญฺจว เอกีภาวผาสุกตฺถญฺจฯ จีวรปฺปฎิเสวเน หิรีโกปีนปฺปฎิจฺฉาทนํ วิย ตํ นิยตปโยชนนฺติ ปุน ‘‘ยาวเทวา’’ติ วุตฺตํฯ
Senāsananti senañca āsanañca. Yattha vihārādike seti nipajjati āsati nisīdati, taṃ senāsanaṃ. Utuparissayavinodanappaṭisallānārāmatthanti utuyeva parisahanaṭṭhena parissayo sarīrābādhacittavikkhepakaro, tassa vinodanatthaṃ, anuppannassa anuppādanatthaṃ, uppannassa vūpasamanatthañcāti attho. Atha vā yathāvutto utu ca sīhabyagghādipākaṭaparissayo ca rāgadosādipaṭicchannaparissayo ca utuparissayo, tassa vinodanatthañceva ekībhāvaphāsukatthañca. Cīvarappaṭisevane hirīkopīnappaṭicchādanaṃ viya taṃ niyatapayojananti puna ‘‘yāvadevā’’ti vuttaṃ.
คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ โรคสฺส ปจฺจนีกปฺปวตฺติยา คิลานปจฺจโย, ตโต เอว ภิสกฺกสฺส อนุญฺญาตวตฺถุตาย เภสชฺชํ, ชีวิตสฺส ปริวารสมฺภารภาเวหิ ปริกฺขาโร จาติ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาโร, ตํฯ เวยฺยาพาธิกานนฺติ เวยฺยาพาธโต ธาตุโกฺขภโต จ ตํนิพฺพตฺตกุฎฺฐคณฺฑปีฬกาทิโรคโต อุปฺปนฺนานํฯ เวทนานนฺติ ทุกฺขเวทนานํฯ อพฺยาพชฺฌปรมตายาติ นิทฺทุกฺขปรมภาวายฯ ยาว ตํ ทุกฺขํ สพฺพํ ปหีนํ โหติ, ตาว ปฎิเสวามีติ โยชนาฯ เอวเมตฺถ สเงฺขเปเนว ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพาฯ นวเวทนุปฺปาทโตปีติ น เกวลํ อายติํ เอว วิปากปริฬาหา , อถ โข อติโภชนปจฺจยา อลํสาฎกาทีนํ วิย นวเวทนุปฺปาทโตปิ เวทิตพฺพาฯ
Gilānapaccayabhesajjaparikkhāranti rogassa paccanīkappavattiyā gilānapaccayo, tato eva bhisakkassa anuññātavatthutāya bhesajjaṃ, jīvitassa parivārasambhārabhāvehi parikkhāro cāti gilānapaccayabhesajjaparikkhāro, taṃ. Veyyābādhikānanti veyyābādhato dhātukkhobhato ca taṃnibbattakuṭṭhagaṇḍapīḷakādirogato uppannānaṃ. Vedanānanti dukkhavedanānaṃ. Abyābajjhaparamatāyāti niddukkhaparamabhāvāya. Yāva taṃ dukkhaṃ sabbaṃ pahīnaṃ hoti, tāva paṭisevāmīti yojanā. Evamettha saṅkhepeneva pāḷivaṇṇanā veditabbā. Navavedanuppādatopīti na kevalaṃ āyatiṃ eva vipākapariḷāhā , atha kho atibhojanapaccayā alaṃsāṭakādīnaṃ viya navavedanuppādatopi veditabbā.
กมฺมฎฺฐานิกสฺส จลนํ นาม กมฺมฎฺฐานปริจฺจาโคติ อาห ‘‘จลติ กมฺปติ กมฺมฎฺฐานํ วิชหตี’’ติฯ ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติ เอตฺถ จ โลมสนาคเตฺถรสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํฯ เถโร กิร เจติยปพฺพเต ปิยงฺคุคุหาย ปธานฆเร วิหรโนฺต อนฺตรฎฺฐเก หิมปาตสมเย โลกนฺตริกนิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ อวิชหโนฺตว อโพฺภกาเส วีตินาเมสิฯ คิมฺหสมเย จ ปจฺฉาภตฺตํ พหิจงฺกเม กมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรโต เสทาปิสฺส กเจฺฉหิ มุจฺจนฺติฯ อถ นํ อเนฺตวาสิโก อาห – ‘‘อิธ, ภเนฺต, นิสีทถ, สีตโล โอกาโส’’ติฯ เถโร ‘‘อุณฺหภเยเนวมฺหิ, อาวุโส, อิธ นิสิโนฺน’’ติ อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิสีทิเยวฯ อุณฺหนฺติ เจตฺถ อคฺคิสนฺตาโปว เวทิตโพฺพ สูริยสนฺตาปสฺส ปรโต วุจฺจมานตฺตาฯ สูริยสนฺตาปวเสน ปเนตํ วตฺถุ วุตฺตํฯ
Kammaṭṭhānikassa calanaṃ nāma kammaṭṭhānapariccāgoti āha ‘‘calati kampati kammaṭṭhānaṃ vijahatī’’ti. ‘‘Khamo hoti sītassa uṇhassā’’ti ettha ca lomasanāgattherassa vatthu kathetabbaṃ. Thero kira cetiyapabbate piyaṅguguhāya padhānaghare viharanto antaraṭṭhake himapātasamaye lokantarikanirayaṃ paccavekkhitvā kammaṭṭhānaṃ avijahantova abbhokāse vītināmesi. Gimhasamaye ca pacchābhattaṃ bahicaṅkame kammaṭṭhānaṃ manasikaroto sedāpissa kacchehi muccanti. Atha naṃ antevāsiko āha – ‘‘idha, bhante, nisīdatha, sītalo okāso’’ti. Thero ‘‘uṇhabhayenevamhi, āvuso, idha nisinno’’ti avīcimahānirayaṃ paccavekkhitvā nisīdiyeva. Uṇhanti cettha aggisantāpova veditabbo sūriyasantāpassa parato vuccamānattā. Sūriyasantāpavasena panetaṃ vatthu vuttaṃ.
โย จ เทฺว ตโย วาเร ภตฺตํ วา ปานียํ วา อลภมาโนปิ อนมตเคฺค สํสาเร อตฺตโน เปตฺติวิสยูปปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวธโนฺต กมฺมฎฺฐานํ น วิชหติเยวฯ ฑํสมกสวาตาตปสมฺผเสฺสหิ ผุโฎฺฐ เจปิ ติรจฺฉานูปปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวธโนฺต กมฺมฎฺฐานํ น วิชหติเยวฯ สรีสปสมฺผเสฺสน ผุโฎฺฐ จาปิ อนมตเคฺค สํสาเร สีหพฺยคฺฆาทิมุเขสุ อเนกวารํ ปริวตฺติตปุพฺพภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวธโนฺต กมฺมฎฺฐานํ น วิชหติเยว ปธานิยเตฺถโร วิย, อยํ ‘‘ขโม ชิฆจฺฉาย…เป.… สรีสปสมฺผสฺสาน’’นฺติ เวทิตโพฺพฯ เถรํ กิร ขณฺฑเจลวิหาเร กณิการปธานิยฆเร อริยวํสธมฺมํ สุณนฺตเญฺญว โฆรวิโส สโปฺป ฑํสิฯ เถโร ชานิตฺวาปิ ปสนฺนจิโตฺต นิสิโนฺน ธมฺมํเยว สุณาติ, วิสเวโค ถโทฺธ อโหสิฯ เถโร อุปสมฺปทมาฬํ อาทิํ กตฺวา สีลํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘วิสุทฺธสีโลมฺหี’’ติ ปีติํ อุปฺปาเทสิ, สห ปีตุปฺปาทา วิสํ นิวตฺติตฺวา ปถวิํ ปาวิสิฯ เถโร ตเตฺถว จิเตฺตกคฺคตํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ
Yo ca dve tayo vāre bhattaṃ vā pānīyaṃ vā alabhamānopi anamatagge saṃsāre attano pettivisayūpapattiṃ paccavekkhitvā avedhanto kammaṭṭhānaṃ na vijahatiyeva. Ḍaṃsamakasavātātapasamphassehi phuṭṭho cepi tiracchānūpapattiṃ paccavekkhitvā avedhanto kammaṭṭhānaṃ na vijahatiyeva. Sarīsapasamphassena phuṭṭho cāpi anamatagge saṃsāre sīhabyagghādimukhesu anekavāraṃ parivattitapubbabhāvaṃ paccavekkhitvā avedhanto kammaṭṭhānaṃ na vijahatiyeva padhāniyatthero viya, ayaṃ ‘‘khamo jighacchāya…pe… sarīsapasamphassāna’’nti veditabbo. Theraṃ kira khaṇḍacelavihāre kaṇikārapadhāniyaghare ariyavaṃsadhammaṃ suṇantaññeva ghoraviso sappo ḍaṃsi. Thero jānitvāpi pasannacitto nisinno dhammaṃyeva suṇāti, visavego thaddho ahosi. Thero upasampadamāḷaṃ ādiṃ katvā sīlaṃ paccavekkhitvā ‘‘visuddhasīlomhī’’ti pītiṃ uppādesi, saha pītuppādā visaṃ nivattitvā pathaviṃ pāvisi. Thero tattheva cittekaggataṃ labhitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi.
โย ปน อโกฺกสวเสน ทุรุเตฺต ทุรุตฺตตฺตาเยว จ ทุราคเต อปิ อนฺติมวตฺถุสญฺญิเต วจนปเถ สุตฺวา ขนฺติคุณํเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา น เวธติ ทีฆภาณกอภยเตฺถโร วิย, อยํ ‘‘ขโม ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถาน’’นฺติ เวทิตโพฺพฯ เถโร กิร ปจฺจยสโนฺตสภาวนารามตาย มหาอริยวํสปฺปฎิปทํ กเถสิ, สโพฺพ มหาคาโม อาคจฺฉติ, เถรสฺส มหาสกฺกาโร อุปฺปชฺชิฯ ตํ อญฺญตโร มหาเถโร อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘ทีฆภาณโก ‘อริยวํสํ กเถมี’ติ สพฺพรตฺติํ โกลาหลํ กโรตี’’ติอาทีหิ อโกฺกสิฯ อุโภปิ จ อตฺตโน อตฺตโน วิหารํ คจฺฉนฺตา คาวุตมตฺตํ เอกปเถน อคมํสุฯ สกลคาวุตมฺปิ โส ตํ อโกฺกสิเยวฯ ตโต ยตฺถ ทฺวินฺนํ วิหารานํ มโคฺค ภิชฺชติ, ตตฺถ ฐตฺวา ทีฆภาณกเตฺถโร ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘เอโส, ภเนฺต, ตุมฺหากํ มโคฺค’’ติ อาหฯ โส อสฺสุณโนฺต วิย อคมาสิฯ เถโรปิ วิหารํ คนฺตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา นิสีทิฯ ตเมนํ อเนฺตวาสิโก ‘‘กิํ, ภเนฺต, สกลคาวุตํ ปริภาสนฺตํ น กิญฺจิ อโวจุตฺถา’’ติ อาหฯ เถโร ‘‘ขนฺติเยวาวุโส, มยฺหํ ภาโร, น อกฺขนฺติ, เอกปทุทฺธาเรปิ กมฺมฎฺฐานวิโยคํ น ปสฺสามี’’ติ อาหฯ
Yo pana akkosavasena durutte duruttattāyeva ca durāgate api antimavatthusaññite vacanapathe sutvā khantiguṇaṃyeva paccavekkhitvā na vedhati dīghabhāṇakaabhayatthero viya, ayaṃ ‘‘khamo duruttānaṃ durāgatānaṃ vacanapathāna’’nti veditabbo. Thero kira paccayasantosabhāvanārāmatāya mahāariyavaṃsappaṭipadaṃ kathesi, sabbo mahāgāmo āgacchati, therassa mahāsakkāro uppajji. Taṃ aññataro mahāthero adhivāsetuṃ asakkonto ‘‘dīghabhāṇako ‘ariyavaṃsaṃ kathemī’ti sabbarattiṃ kolāhalaṃ karotī’’tiādīhi akkosi. Ubhopi ca attano attano vihāraṃ gacchantā gāvutamattaṃ ekapathena agamaṃsu. Sakalagāvutampi so taṃ akkosiyeva. Tato yattha dvinnaṃ vihārānaṃ maggo bhijjati, tattha ṭhatvā dīghabhāṇakatthero taṃ vanditvā ‘‘eso, bhante, tumhākaṃ maggo’’ti āha. So assuṇanto viya agamāsi. Theropi vihāraṃ gantvā pāde pakkhāletvā nisīdi. Tamenaṃ antevāsiko ‘‘kiṃ, bhante, sakalagāvutaṃ paribhāsantaṃ na kiñci avocutthā’’ti āha. Thero ‘‘khantiyevāvuso, mayhaṃ bhāro, na akkhanti, ekapaduddhārepi kammaṭṭhānaviyogaṃ na passāmī’’ti āha.
วจนเมว ตทตฺถํ ญาเปตุกามานญฺจ ปโถ อุปาโยติ อาห ‘‘วจนเมว วจนปโถ’’ติฯ อสุขเฎฺฐน วา ติพฺพาฯ ยญฺหิ น สุขํ, ตํ อนิฎฺฐํ ติพฺพนฺติ วุจฺจติฯ อธิวาสกชาติโก โหตีติ ยถาวุตฺตเวทนานํ อธิวาสกสภาโว โหติฯ จิตฺตลปพฺพเต ปธานิยเตฺถรสฺส กิร รตฺติํ ปธาเนน วีตินาเมตฺวา ฐิตสฺส อุทรวาโต อุปฺปชฺชติฯ โส ตํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต อาวตฺตติ ปริวตฺตติฯ ตเมนํ จงฺกมนปเสฺส ฐิโต ปิณฺฑปาติยเตฺถโร อาห – ‘‘อาวุโส, ปพฺพชิโต นาม อธิวาสนสีโล โหตี’’ติฯ โส ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ อธิวาเสตฺวา นิจฺจโล สยิฯ วาโต นาภิโต ยาว หทยํ ผาเลสิฯ เถโร เวทนํ วิกฺขเมฺภตฺวา วิปสฺสโนฺต มุหุเตฺตน อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายิฯ เอวํ สพฺพตฺถาติ ‘‘อุเณฺหน ผุฎฺฐสฺส สีตํ ปตฺถยโต’’ติอาทินา สพฺพตฺถ อุณฺหาทินิมิตฺตํ กามาสวุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาฯ นตฺถิ สุคติภเว สีตํ วา อุณฺหํ วาติ อนิฎฺฐํ สีตํ วา อุณฺหํ วา นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ อตฺตคฺคาเห สติ อตฺตนิยคฺคาโหติ อาห ‘‘มยฺหํ สีตํ อุณฺหนฺติ คาโห ทิฎฺฐาสโว’’ติฯ
Vacanameva tadatthaṃ ñāpetukāmānañca patho upāyoti āha ‘‘vacanameva vacanapatho’’ti. Asukhaṭṭhena vā tibbā. Yañhi na sukhaṃ, taṃ aniṭṭhaṃ tibbanti vuccati. Adhivāsakajātiko hotīti yathāvuttavedanānaṃ adhivāsakasabhāvo hoti. Cittalapabbate padhāniyattherassa kira rattiṃ padhānena vītināmetvā ṭhitassa udaravāto uppajjati. So taṃ adhivāsetuṃ asakkonto āvattati parivattati. Tamenaṃ caṅkamanapasse ṭhito piṇḍapātiyatthero āha – ‘‘āvuso, pabbajito nāma adhivāsanasīlo hotī’’ti. So ‘‘sādhu, bhante’’ti adhivāsetvā niccalo sayi. Vāto nābhito yāva hadayaṃ phālesi. Thero vedanaṃ vikkhambhetvā vipassanto muhuttena anāgāmī hutvā parinibbāyi. Evaṃ sabbatthāti ‘‘uṇhena phuṭṭhassa sītaṃ patthayato’’tiādinā sabbattha uṇhādinimittaṃ kāmāsavuppatti veditabbā. Natthi sugatibhave sītaṃ vā uṇhaṃ vāti aniṭṭhaṃ sītaṃ vā uṇhaṃ vā natthīti adhippāyo. Attaggāhe sati attaniyaggāhoti āha ‘‘mayhaṃ sītaṃ uṇhanti gāho diṭṭhāsavo’’ti.
อหํ สมโณติ ‘‘อหํ สมโณ, กิํ มม ชีวิเตน วา มรเณน วา’’ติ เอวํ จิเนฺตตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ คามปฺปเวสปฺปโยชนาทิญฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวาฯ ปฎิกฺกมตีติ หตฺถิอาทีนํ สมีปคมนโต อปกฺกมติฯ ฐายนฺติ เอตฺถาติ ฐานํ, กณฺฎกานํ ฐานํ กณฺฎกฎฺฐานํ, ยตฺถ กณฺฎกานิ สนฺติ, ตํ โอกาสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อมนุสฺสทุฎฺฐานีติ อมนุสฺสสญฺจาเรน ทูสิตานิ, สปริสฺสยานีติ อโตฺถฯ อนิยตวตฺถุภูตนฺติ อนิยตสิกฺขาปทสฺส การณภูตํฯ เวสิยาทิเภทโตติ เวสิยาวิธวาถุลฺลกุมาริกาปณฺฑกปานาคารภิกฺขุนิเภทโตฯ สมานนฺติ สมํ, อวิสมนฺติ อโตฺถฯ อกาสิ วาติ ตาทิสํ อนาจารํ อกาสิ วาฯ สีลสํวรสงฺขาเตนาติ กถํ ปริวชฺชนํ สีลํ? อนาสนปริวชฺชเนน หิ อนาจารปริวชฺชนํ วุตฺตํฯ อนาจาราโคจรปริวชฺชนํ จาริตฺตสีลตาย สีลสํวโรฯ ตถา หิ ภควตา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘) สีลสํวรวิภชเน อาจารโคจรสมฺปตฺติํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘อตฺถิ อนาจาโร, อตฺถิ อโคจโร’’ติอาทินา (วิภ. ๕๑๓-๕๑๔) อาจารโคจรา วิภชิตฺวา ทสฺสิตาฯ ‘‘จณฺฑํ หตฺถิํ ปริวเชฺชตี’’ติ วจนโต หตฺถิอาทิปริวชฺชนมฺปิ ภควโต วจนานุฎฺฐานนฺติ กตฺวา อาจารสีลเมวาติ เวทิตพฺพํฯ
Ahaṃ samaṇoti ‘‘ahaṃ samaṇo, kiṃ mama jīvitena vā maraṇena vā’’ti evaṃ cintetvāti adhippāyo. Paccavekkhitvāti gāmappavesappayojanādiñca paccavekkhitvā. Paṭikkamatīti hatthiādīnaṃ samīpagamanato apakkamati. Ṭhāyanti etthāti ṭhānaṃ, kaṇṭakānaṃ ṭhānaṃ kaṇṭakaṭṭhānaṃ, yattha kaṇṭakāni santi, taṃ okāsanti vuttaṃ hoti. Amanussaduṭṭhānīti amanussasañcārena dūsitāni, saparissayānīti attho. Aniyatavatthubhūtanti aniyatasikkhāpadassa kāraṇabhūtaṃ. Vesiyādibhedatoti vesiyāvidhavāthullakumārikāpaṇḍakapānāgārabhikkhunibhedato. Samānanti samaṃ, avisamanti attho. Akāsi vāti tādisaṃ anācāraṃ akāsi vā. Sīlasaṃvarasaṅkhātenāti kathaṃ parivajjanaṃ sīlaṃ? Anāsanaparivajjanena hi anācāraparivajjanaṃ vuttaṃ. Anācārāgocaraparivajjanaṃ cārittasīlatāya sīlasaṃvaro. Tathā hi bhagavatā ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharatī’’ti (vibha. 508) sīlasaṃvaravibhajane ācāragocarasampattiṃ dassentena ‘‘atthi anācāro, atthi agocaro’’tiādinā (vibha. 513-514) ācāragocarā vibhajitvā dassitā. ‘‘Caṇḍaṃ hatthiṃ parivajjetī’’ti vacanato hatthiādiparivajjanampi bhagavato vacanānuṭṭhānanti katvā ācārasīlamevāti veditabbaṃ.
อิติปีติ อิมินาปิ การเณน อโยนิโสมนสิการสมุฎฺฐิตตฺตาปิ, โลภาทิสหคตตฺตาปิ, กุสลปฺปฎิปกฺขโตปีติอาทีหิ การเณหิ อยํ วิตโกฺก อกุสโลติ อโตฺถฯ อิมินา นเยน สาวโชฺชติอาทีสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ จ อกุสโลติอาทินา ทิฎฺฐธมฺมิกํ กามวิตกฺกสฺส อาทีนวํ ทเสฺสติ, ทุกฺขวิปาโกติ อิมินา สมฺปรายิกํฯ อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตีติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อาทีนววิภาวนา เวทิตพฺพาฯ อุปฺปนฺนสฺส กามวิตกฺกสฺส อนธิวาสนํ นาม ปุน ตาทิสสฺส อนุปฺปาทนํฯ ตํ ปนสฺส ปหานํ วิโนทนํ พฺยนฺติกรณํ อนภาวคมนนฺติ จ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ ปาฬิยํ – ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปชหตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนธิวาเสโนฺต กิํ กโรตี’’ติอาทิมาหฯ ปหานเญฺจตฺถ วิกฺขมฺภนเมว, น สมุเจฺฉโทติ ทเสฺสตุํ ‘‘วิโนเทตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ วิกฺขมฺภนวเสเนว อโตฺถ ทสฺสิโตฯ อุปฺปนฺนุปฺปเนฺนติ เตสํ ปาปวิตกฺกานํ อุปฺปาทาวตฺถาคหณํ วา กตํ สิยา อนวเสสคฺคหณํ วาฯ เตสุ ปฐมํ สนฺธายาห ‘‘อุปฺปนฺนมเตฺต’’ติ, สมฺปติชาเตติ อโตฺถฯ อนวเสสคฺคหณํ พฺยาปนิจฺฉายํ โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘สตกฺขตฺตุมฺปิ อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน’’ติ วุตฺตํฯ
Itipīti imināpi kāraṇena ayonisomanasikārasamuṭṭhitattāpi, lobhādisahagatattāpi, kusalappaṭipakkhatopītiādīhi kāraṇehi ayaṃ vitakko akusaloti attho. Iminā nayena sāvajjotiādīsupi attho veditabbo. Ettha ca akusalotiādinā diṭṭhadhammikaṃ kāmavitakkassa ādīnavaṃ dasseti, dukkhavipākoti iminā samparāyikaṃ. Attabyābādhāya saṃvattatītiādīsupi imināva nayena ādīnavavibhāvanā veditabbā. Uppannassa kāmavitakkassa anadhivāsanaṃ nāma puna tādisassa anuppādanaṃ. Taṃ panassa pahānaṃ vinodanaṃ byantikaraṇaṃ anabhāvagamananti ca vattuṃ vaṭṭatīti pāḷiyaṃ – ‘‘uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetī’’ti vatvā ‘‘pajahatī’’tiādi vuttanti tamatthaṃ dassento ‘‘anadhivāsento kiṃ karotī’’tiādimāha. Pahānañcettha vikkhambhanameva, na samucchedoti dassetuṃ ‘‘vinodetī’’tiādi vuttanti vikkhambhanavaseneva attho dassito. Uppannuppanneti tesaṃ pāpavitakkānaṃ uppādāvatthāgahaṇaṃ vā kataṃ siyā anavasesaggahaṇaṃ vā. Tesu paṭhamaṃ sandhāyāha ‘‘uppannamatte’’ti, sampatijāteti attho. Anavasesaggahaṇaṃ byāpanicchāyaṃ hotīti dassetuṃ ‘‘satakkhattumpi uppannuppanne’’ti vuttaṃ.
ญาติวิตโกฺกติ ‘‘อมฺหากํ ญาตโย สุขชีวิโน สมฺปตฺติยุตฺตา’’ติอาทินา เคหสฺสิตเปมวเสน ญาตเก อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตโกฺกฯ ชนปทวิตโกฺกติ ‘‘อมฺหากํ ชนปโท สุภิโกฺข สมฺปนฺนสโสฺส รมณีโย’’ติอาทินา เคหสฺสิตเปมวเสน ชนปทํ อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตโกฺกฯ อุกฺกุฎิกปฺปธานาทีหิ ทุเกฺข นิชฺชิเณฺณ สมฺปราเย สตฺตา สุขี โหนฺติ อมราติ ทุกฺกรการิกาย ปฎิสํยุโตฺต อมรตฺถาย วิตโกฺกฯ ตํ วา อารพฺภ อมราวิเกฺขปทิฎฺฐิสหคโต อมโร จ โส วิตโกฺก จาติ อมราวิตโกฺกฯ ปรานุทฺทยตาปฎิสํยุโตฺตติ ปเรสุ อุปฎฺฐากาทีสุ สหนนฺทิตาทิวเสน ปวโตฺต อนุทฺทยตาปติรูปโก เคหสฺสิตเปมปฺปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺกฯ ลาภสกฺการสิโลกปฺปฎิสํยุโตฺตติ จีวราทิลาเภน จ สกฺกาเรน จ กิตฺติสเทฺทน จ อารมฺมณกรณวเสน ปฎิสํยุโตฺตฯ อนวญฺญตฺติปฺปฎิสํยุโตฺตติ ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุํ, น เหฎฺฐา กตฺวา มเญฺญยฺยุํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กเรยฺยุ’’นฺติ อุปฺปนฺนวิตโกฺกฯ
Ñātivitakkoti ‘‘amhākaṃ ñātayo sukhajīvino sampattiyuttā’’tiādinā gehassitapemavasena ñātake ārabbha uppannavitakko. Janapadavitakkoti ‘‘amhākaṃ janapado subhikkho sampannasasso ramaṇīyo’’tiādinā gehassitapemavasena janapadaṃ ārabbha uppannavitakko. Ukkuṭikappadhānādīhi dukkhe nijjiṇṇe samparāye sattā sukhī honti amarāti dukkarakārikāya paṭisaṃyutto amaratthāya vitakko. Taṃ vā ārabbha amarāvikkhepadiṭṭhisahagato amaro ca so vitakko cāti amarāvitakko. Parānuddayatāpaṭisaṃyuttoti paresu upaṭṭhākādīsu sahananditādivasena pavatto anuddayatāpatirūpako gehassitapemappaṭisaṃyutto vitakko. Lābhasakkārasilokappaṭisaṃyuttoti cīvarādilābhena ca sakkārena ca kittisaddena ca ārammaṇakaraṇavasena paṭisaṃyutto. Anavaññattippaṭisaṃyuttoti ‘‘aho vata maṃ pare na avajāneyyuṃ, na heṭṭhā katvā maññeyyuṃ, pāsāṇacchattaṃ viya garuṃ kareyyu’’nti uppannavitakko.
กามวิตโกฺก กามสงฺกปฺปนสภาวโต กามาสวปฺปตฺติยา สาติสยตฺตา จ กามนากาโรติ อาห ‘‘กามวิตโกฺก ปเนตฺถ กามาสโว’’ติฯ ตพฺพิเสโสติ กามาสววิเสโส ภวสภาวตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ กามวิตกฺกาทิเก วิโนเทติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหรติ เอเตนาติ วิโนทนํ, วีริยนฺติ อาห ‘‘วีริยสํวรสงฺขาเตน วิโนทเนนา’’ติฯ
Kāmavitakko kāmasaṅkappanasabhāvato kāmāsavappattiyā sātisayattā ca kāmanākāroti āha ‘‘kāmavitakko panettha kāmāsavo’’ti. Tabbisesoti kāmāsavaviseso bhavasabhāvattāti adhippāyo. Kāmavitakkādike vinodeti attano santānato nīharati etenāti vinodanaṃ, vīriyanti āha ‘‘vīriyasaṃvarasaṅkhātena vinodanenā’’ti.
‘‘สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวิตา พหุลีกตา วิชฺชาวิมุตฺติโย ปริปูเรนฺตี’’ติ วจนโต วิชฺชาวิมุตฺตีนํ อนธิคโม ตโต จ สกลวฎฺฎทุกฺขานติวตฺติ อภาวนาย อาทีนโวฯ วุตฺตวิปริยาเยน ภควโต โอรสปุตฺตภาวาทิวเสน จ ภาวนาย อานิสํโส เวทิตโพฺพฯ โถเมโนฺตติ อาสวปหานสฺส ทุกฺกรตฺตา ตาย เอว ทุกฺกรกิริยาย ตํ อภิตฺถวโนฺตฯ สํวเรเนว ปหีนาติ สํวเรน ปหีนา เอวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘น อปฺปหีเนสุเยว ปหีนสญฺญี’’ติฯ
‘‘Satta bojjhaṅgā bhāvitā bahulīkatā vijjāvimuttiyo paripūrentī’’ti vacanato vijjāvimuttīnaṃ anadhigamo tato ca sakalavaṭṭadukkhānativatti abhāvanāya ādīnavo. Vuttavipariyāyena bhagavato orasaputtabhāvādivasena ca bhāvanāya ānisaṃso veditabbo. Thomentoti āsavapahānassa dukkarattā tāya eva dukkarakiriyāya taṃ abhitthavanto. Saṃvareneva pahīnāti saṃvarena pahīnā eva. Tena vuttaṃ ‘‘na appahīnesuyeva pahīnasaññī’’ti.
อาสวสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āsavasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. อาสวสุตฺตํ • 4. Āsavasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. อาสวสุตฺตวณฺณนา • 4. Āsavasuttavaṇṇanā