Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๖๙. อาสยานุสยญาณนิเทฺทสวณฺณนา

    69. Āsayānusayañāṇaniddesavaṇṇanā

    ๑๑๓. อาสยานุสยญาณนิเทฺทเส อิธ ตถาคโตติอาทิ ปญฺจธา ฐปิโต นิเทฺทโสฯ ตตฺถ อาสยานุสยา วุตฺตตฺถา เอวฯ จริตนฺติ ปุเพฺพ กตํ กุสลากุสลํ กมฺมํฯ อธิมุตฺตินฺติ สมฺปติ กุสเล อกุสเล วา จิตฺตโวสโคฺคฯ ภพฺพาภเพฺพติ ภเพฺพ จ อภเพฺพ จฯ อริยาย ชาติยา สมฺภวนฺติ ชายนฺตีติ ภพฺพาฯ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานวจนํฯ ภวิสฺสนฺติ ชายิสฺสนฺตีติ วา ภพฺพา, ภาชนภูตาติ อโตฺถฯ เย อริยมคฺคปฎิเวธสฺส อนุจฺฉวิกา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา, เต ภพฺพาฯ วุตฺตปฎิปกฺขา อภพฺพาฯ

    113. Āsayānusayañāṇaniddese idha tathāgatotiādi pañcadhā ṭhapito niddeso. Tattha āsayānusayā vuttatthā eva. Caritanti pubbe kataṃ kusalākusalaṃ kammaṃ. Adhimuttinti sampati kusale akusale vā cittavosaggo. Bhabbābhabbeti bhabbe ca abhabbe ca. Ariyāya jātiyā sambhavanti jāyantīti bhabbā. Vattamānasamīpe vattamānavacanaṃ. Bhavissanti jāyissantīti vā bhabbā, bhājanabhūtāti attho. Ye ariyamaggapaṭivedhassa anucchavikā upanissayasampannā, te bhabbā. Vuttapaṭipakkhā abhabbā.

    กตโม สตฺตานํ อาสโยติอาทิ นิเทฺทสสฺส ปฎินิเทฺทโสฯ ตตฺถ สสฺสโตติ นิโจฺจฯ โลโกติ อตฺตาฯ อิธ สรีรํเยว นสฺสติ, อตฺตา ปน อิธ ปรตฺถ จ โสเยวาติ มญฺญนฺติฯ โส หิ สยํเยว อาโลเกตีติ กตฺวา ‘‘โลโก’’ติ มญฺญนฺติฯ อสสฺสโตติ อนิโจฺจฯ อตฺตา สรีเรเนว สห นสฺสตีติ มญฺญนฺติฯ อนฺตวาติ ปริเตฺต กสิเณ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํปริตฺตกสิณารมฺมณํ จิตฺตํ สปริยโนฺต อตฺตาติ มญฺญนฺติฯ อนนฺตวาติ น อนฺตวา อปฺปมาเณ กสิเณ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํอปฺปมาณกสิณารมฺมณํ จิตฺตํ อปริยโนฺต อตฺตาติ มญฺญนฺติฯ ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ชีโว จ สรีรญฺจ ตํเยวฯ ชีโวติ อตฺตา, ลิงฺควิปลฺลาเสน นปุํสกวจนํ กตํฯ สรีรนฺติ ราสเฎฺฐน ขนฺธปญฺจกํฯ อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรนฺติ อโญฺญ ชีโว อญฺญํ ขนฺธปญฺจกํฯ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ ขนฺธา อิเธว วินสฺสนฺติ, สโตฺต มรณโต ปรํ โหติ วิชฺชติ น นสฺสติฯ ‘‘ตถาคโต’’ติ เจตฺถ สตฺตาธิวจนนฺติ วทนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘ตถาคโตติ อรหา’’ติ วทนฺติฯ อิเม ‘‘น โหตี’’ติ ปเกฺข โทสํ ทิสฺวา เอวํ คณฺหนฺติฯ น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ ขนฺธาปิ อิเธว นสฺสนฺติ, ตถาคโต จ มรณโต ปรํ น โหติ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติฯ อิเม ‘‘โหตี’’ติ ปเกฺข โทสํ ทิสฺวา เอวํ คณฺหนฺติฯ โหติ จ น จ โหตีติ อิเม เอเกกปกฺขปริคฺคเห โทสํ ทิสฺวา อุภยปกฺขํ คณฺหนฺติฯ เนว โหติ น น โหตีติ อิเม อุภยปกฺขปริคฺคเห อุภยโทสาปตฺติํ ทิสฺวา ‘‘โหตีติ จ น โหติ, เนว โหตีติ จ น โหตี’’ติ อมราวิเกฺขปปกฺขํ คณฺหนฺติฯ

    Katamo sattānaṃ āsayotiādi niddesassa paṭiniddeso. Tattha sassatoti nicco. Lokoti attā. Idha sarīraṃyeva nassati, attā pana idha parattha ca soyevāti maññanti. So hi sayaṃyeva āloketīti katvā ‘‘loko’’ti maññanti. Asassatoti anicco. Attā sarīreneva saha nassatīti maññanti. Antavāti paritte kasiṇe jhānaṃ uppādetvā taṃparittakasiṇārammaṇaṃ cittaṃ sapariyanto attāti maññanti. Anantavāti na antavā appamāṇe kasiṇe jhānaṃ uppādetvā taṃappamāṇakasiṇārammaṇaṃ cittaṃ apariyanto attāti maññanti. Taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti jīvo ca sarīrañca taṃyeva. Jīvoti attā, liṅgavipallāsena napuṃsakavacanaṃ kataṃ. Sarīranti rāsaṭṭhena khandhapañcakaṃ. Aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīranti añño jīvo aññaṃ khandhapañcakaṃ. Hoti tathāgato paraṃ maraṇāti khandhā idheva vinassanti, satto maraṇato paraṃ hoti vijjati na nassati. ‘‘Tathāgato’’ti cettha sattādhivacananti vadanti. Keci pana ‘‘tathāgatoti arahā’’ti vadanti. Ime ‘‘na hotī’’ti pakkhe dosaṃ disvā evaṃ gaṇhanti. Na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti khandhāpi idheva nassanti, tathāgato ca maraṇato paraṃ na hoti ucchijjati vinassati. Ime ‘‘hotī’’ti pakkhe dosaṃ disvā evaṃ gaṇhanti. Hoti ca na ca hotīti ime ekekapakkhapariggahe dosaṃ disvā ubhayapakkhaṃ gaṇhanti. Neva hoti na na hotīti ime ubhayapakkhapariggahe ubhayadosāpattiṃ disvā ‘‘hotīti ca na hoti, neva hotīti ca na hotī’’ti amarāvikkhepapakkhaṃ gaṇhanti.

    อยํ ปเนตฺถ อฎฺฐกถานโย – ‘‘สสฺสโต โลโกติ วา’’ติอาทีหิ ทสหากาเรหิ ทิฎฺฐิปเภโทว วุโตฺตฯ ตตฺถ สสฺสโต โลโกติ จ ขนฺธปญฺจกํ โลโกติ คเหตฺวา ‘‘อยํ โลโก นิโจฺจ ธุโว สพฺพกาลิโก’’ติ คณฺหนฺตสฺส สสฺสตนฺติ คหณาการปฺปวตฺตา ทิฎฺฐิฯ อสสฺสโตติ ตเมว โลกํ ‘‘อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตี’’ติ คณฺหนฺตสฺส อุเจฺฉทคฺคหณาการปฺปวตฺตา ทิฎฺฐิฯ อนฺตวาติ ปริตฺตกสิณลาภิโน สุปฺปมเตฺต วา สราวมเตฺต วา กสิเณ สมาปนฺนสฺส อโนฺตสมาปตฺติยํ ปวตฺติตรูปารูปธเมฺม ‘‘โลโก’’ติ จ กสิณปริเจฺฉทเนฺตน ‘‘อนฺตวา’’ติ จ คณฺหนฺตสฺส ‘‘อนฺตวา โลโก’’ติ คหณาการปฺปวตฺตา ทิฎฺฐิฯ สา สสฺสตทิฎฺฐิปิ โหติ อุเจฺฉททิฎฺฐิปิฯ วิปุลกสิณลาภิโน ปน ตสฺมิํ กสิเณ สมาปนฺนสฺส อโนฺตสมาปตฺติยํ ปวตฺติตรูปารูปธเมฺม ‘‘โลโก’’ติ จ กสิณปริเจฺฉทเนฺตน ‘‘น อนฺตวา’’ติ จ คณฺหนฺตสฺส ‘‘อนนฺตวา โลโก’’ติ คหณาการปฺปวตฺตา ทิฎฺฐิฯ สา สสฺสตทิฎฺฐิปิ โหติ อุเจฺฉททิฎฺฐิปิฯ ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ เภทนธมฺมสฺส สรีรเสฺสว ‘‘ชีว’’นฺติ คหิตตฺตา ‘‘สรีเร อุจฺฉิชฺชมาเน ชีวมฺปิ อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อุเจฺฉทคฺคหณาการปฺปวตฺตา ทิฎฺฐิฯ ทุติยปเท สรีรโต อญฺญสฺส ชีวสฺส คหิตตฺตา ‘‘สรีเร อุจฺฉิชฺชมาเนปิ ชีวํ น อุจฺฉิชฺชตี’’ติ สสฺสตคฺคหณาการปฺปวตฺตา ทิฎฺฐิฯ โหติ ตถาคโตติอาทีสุ ‘‘สโตฺต ตถาคโต นาม, โส ปรํ มรณา โหตี’’ติ คณฺหโต ปฐมา สสฺสตทิฎฺฐิฯ ‘‘น โหตี’’ติ คณฺหโต ทุติยา อุเจฺฉททิฎฺฐิฯ ‘‘โหติ จ น จ โหตี’’ติ คณฺหโต ตติยา เอกจฺจสสฺสตทิฎฺฐิฯ ‘‘เนว โหติ น น โหตี’’ติ คณฺหโต จตุตฺถา อมราวิเกฺขปทิฎฺฐีติฯ

    Ayaṃ panettha aṭṭhakathānayo – ‘‘sassato lokoti vā’’tiādīhi dasahākārehi diṭṭhipabhedova vutto. Tattha sassato lokoti ca khandhapañcakaṃ lokoti gahetvā ‘‘ayaṃ loko nicco dhuvo sabbakāliko’’ti gaṇhantassa sassatanti gahaṇākārappavattā diṭṭhi. Asassatoti tameva lokaṃ ‘‘ucchijjati vinassatī’’ti gaṇhantassa ucchedaggahaṇākārappavattā diṭṭhi. Antavāti parittakasiṇalābhino suppamatte vā sarāvamatte vā kasiṇe samāpannassa antosamāpattiyaṃ pavattitarūpārūpadhamme ‘‘loko’’ti ca kasiṇaparicchedantena ‘‘antavā’’ti ca gaṇhantassa ‘‘antavā loko’’ti gahaṇākārappavattā diṭṭhi. Sā sassatadiṭṭhipi hoti ucchedadiṭṭhipi. Vipulakasiṇalābhino pana tasmiṃ kasiṇe samāpannassa antosamāpattiyaṃ pavattitarūpārūpadhamme ‘‘loko’’ti ca kasiṇaparicchedantena ‘‘na antavā’’ti ca gaṇhantassa ‘‘anantavā loko’’ti gahaṇākārappavattā diṭṭhi. Sā sassatadiṭṭhipi hoti ucchedadiṭṭhipi. Taṃ jīvaṃ taṃ sarīranti bhedanadhammassa sarīrasseva ‘‘jīva’’nti gahitattā ‘‘sarīre ucchijjamāne jīvampi ucchijjatī’’ti ucchedaggahaṇākārappavattā diṭṭhi. Dutiyapade sarīrato aññassa jīvassa gahitattā ‘‘sarīre ucchijjamānepi jīvaṃ na ucchijjatī’’ti sassataggahaṇākārappavattā diṭṭhi. Hoti tathāgatotiādīsu ‘‘satto tathāgato nāma, so paraṃ maraṇā hotī’’ti gaṇhato paṭhamā sassatadiṭṭhi. ‘‘Na hotī’’ti gaṇhato dutiyā ucchedadiṭṭhi. ‘‘Hoti ca na ca hotī’’ti gaṇhato tatiyā ekaccasassatadiṭṭhi. ‘‘Neva hoti na na hotī’’ti gaṇhato catutthā amarāvikkhepadiṭṭhīti.

    อิตีติ วุตฺตปฺปการทิฎฺฐินิสฺสยนิทสฺสนํฯ ภวทิฎฺฐิสนฺนิสฺสิตา วา สตฺตา โหนฺติ วิภวทิฎฺฐิสนฺนิสฺสิตา วาติ ภโว วุจฺจติ สสฺสโต, สสฺสตวเสน อุปฺปชฺชมานทิฎฺฐิ ภวทิฎฺฐิ, ภโวติ ทิฎฺฐีติ วุตฺตํ โหติฯ วิภโว วุจฺจติ อุเจฺฉโท , อุเจฺฉทวเสน อุปฺปชฺชมานทิฎฺฐิ วิภวทิฎฺฐิ, วิภโวติ ทิฎฺฐีติ วุตฺตํ โหติฯ วุตฺตปฺปการา ทสวิธา ทิฎฺฐิ ภวทิฎฺฐิ จ วิภวทิฎฺฐิ จาติ ทฺวิธาว โหติฯ ตาสุ ทฺวีสุ เอเกกํ สนฺนิสฺสิตา อปสฺสิตา อลฺลีนา สตฺตา โหนฺติฯ

    Itīti vuttappakāradiṭṭhinissayanidassanaṃ. Bhavadiṭṭhisannissitā vā sattā honti vibhavadiṭṭhisannissitā vāti bhavo vuccati sassato, sassatavasena uppajjamānadiṭṭhi bhavadiṭṭhi, bhavoti diṭṭhīti vuttaṃ hoti. Vibhavo vuccati ucchedo , ucchedavasena uppajjamānadiṭṭhi vibhavadiṭṭhi, vibhavoti diṭṭhīti vuttaṃ hoti. Vuttappakārā dasavidhā diṭṭhi bhavadiṭṭhi ca vibhavadiṭṭhi cāti dvidhāva hoti. Tāsu dvīsu ekekaṃ sannissitā apassitā allīnā sattā honti.

    เอเต วา ปน อุโภ อเนฺต อนุปคมฺมาติ เอตฺถ ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทา วา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๕๒) วิย วา-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ เอเต วุตฺตปฺปกาเร สสฺสตุเจฺฉทวเสน เทฺว ปเกฺข จ น อุปคนฺตฺวา อนลฺลียิตฺวา ปหายาติ อโตฺถฯ ‘‘อนุโลมิกา วา ขนฺตี’’ติ วิกปฺปโตฺถวฯ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสูติ อิเมสํ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา, อิทปฺปจฺจยานํ วา สมูโห อิทปฺปจฺจยตาฯ ลกฺขณํ ปเนตฺถ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพํฯ เต เต ปจฺจเย ปฎิจฺจ สห สมฺมา จ อุปฺปนฺนา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนาฯ ตสฺสา อิทปฺปจฺจยตาย จ เตสุ ปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ จ ธเมฺมสุฯ อนุโลมิกาติ โลกุตฺตรธมฺมานํ อนุโลมโต อนุโลมิกาฯ ขนฺตีติ ญาณํฯ ญาณญฺหิ ขมนโต ขนฺติฯ ปฎิลทฺธา โหตีติ สเตฺตหิ อธิคตา โหติฯ อิทปฺปจฺจยตาย ขนฺติยา อุเจฺฉทตฺตานุปคโม โหติ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจยสามคฺคิยํ อายตฺตวุตฺติตฺตา ปจฺจยานุปรมทสฺสเนน ผลานุปรมทสฺสนโตฯ ปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ ขนฺติยา สสฺสตตฺตานุปคโม โหติ ปจฺจยสามคฺคิยํ นวนวานํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ อุปฺปาททสฺสนโตฯ เอวเมเต อุโภ อเนฺต อนุปคมฺม ปฎิจฺจสมุปฺปาทปฎิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมทสฺสเนน น อุเจฺฉโท น สสฺสโตติ ปวตฺตํ สมฺมาทสฺสนํ ‘‘อนุโลมิกา ขนฺตี’’ติ เวทิตพฺพํฯ เอวญฺหิ ตทุภยทิฎฺฐิปฎิปกฺขภูตา สมฺมาทิฎฺฐิ วุตฺตา โหติฯ ยถาภูตํ วา ญาณนฺติ ยถาภูตํ ยถาสภาวํ เนยฺยํฯ ตตฺถ ปวตฺตญาณมฺปิ วิสยโวหาเรน ‘‘ยถาภูตญาณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตํ ปน สงฺขารุเปกฺขาปริยนฺตํ วิปสฺสนาญาณํ อิธาธิเปฺปตํฯ เหฎฺฐา ปน ‘‘ยถาภูตญาณทสฺสน’’นฺติ ภยตูปฎฺฐานญาณํ วุตฺตํฯ ยถาภูตํ วา ญาณํ สเตฺตหิ ปฎิลทฺธํ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ

    Ete vā pana ubho ante anupagammāti ettha ‘‘aggito vā udakato vā mithubhedā vā’’tiādīsu (dī. ni. 2.152) viya vā-saddo samuccayattho. Ete vuttappakāre sassatucchedavasena dve pakkhe ca na upagantvā anallīyitvā pahāyāti attho. ‘‘Anulomikā vā khantī’’ti vikappatthova. Idappaccayatāpaṭiccasamuppannesūti imesaṃ jarāmaraṇādīnaṃ paccayā idappaccayā, idappaccayā eva idappaccayatā, idappaccayānaṃ vā samūho idappaccayatā. Lakkhaṇaṃ panettha saddasatthato pariyesitabbaṃ. Te te paccaye paṭicca saha sammā ca uppannā paṭiccasamuppannā. Tassā idappaccayatāya ca tesu paṭiccasamuppannesu ca dhammesu. Anulomikāti lokuttaradhammānaṃ anulomato anulomikā. Khantīti ñāṇaṃ. Ñāṇañhi khamanato khanti. Paṭiladdhā hotīti sattehi adhigatā hoti. Idappaccayatāya khantiyā ucchedattānupagamo hoti paccayuppannadhammānaṃ paccayasāmaggiyaṃ āyattavuttittā paccayānuparamadassanena phalānuparamadassanato. Paṭiccasamuppannesu dhammesu khantiyā sassatattānupagamo hoti paccayasāmaggiyaṃ navanavānaṃ paccayuppannadhammānaṃ uppādadassanato. Evamete ubho ante anupagamma paṭiccasamuppādapaṭiccasamuppannadhammadassanena na ucchedo na sassatoti pavattaṃ sammādassanaṃ ‘‘anulomikā khantī’’ti veditabbaṃ. Evañhi tadubhayadiṭṭhipaṭipakkhabhūtā sammādiṭṭhi vuttā hoti. Yathābhūtaṃ vā ñāṇanti yathābhūtaṃ yathāsabhāvaṃ neyyaṃ. Tattha pavattañāṇampi visayavohārena ‘‘yathābhūtañāṇa’’nti vuttaṃ. Taṃ pana saṅkhārupekkhāpariyantaṃ vipassanāñāṇaṃ idhādhippetaṃ. Heṭṭhā pana ‘‘yathābhūtañāṇadassana’’nti bhayatūpaṭṭhānañāṇaṃ vuttaṃ. Yathābhūtaṃ vā ñāṇaṃ sattehi paṭiladdhaṃ hotīti sambandho.

    อิทานิ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทีหิ มิจฺฉาทิฎฺฐิปริภาวิตํ ‘‘เอเต วา ปนา’’ติอาทีหิ สมฺมาทิฎฺฐิปริภาวิตํ สตฺตสนฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘กามํ เสวนฺตเญฺญวา’’ติอาทีหิ เสสากุสเลหิ เสสกุสเลหิ จ ปริภาวิตํ สตฺตสนฺตานํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ กามํ เสวนฺตํเยว ปุคฺคลํ ตถาคโต ชานาตีติ โยชนา กาตพฺพาฯ เสวนฺตนฺติ จ อภิณฺหสมุทาจารวเสน เสวมานํฯ ปุเพฺพ อาเสวิตวเสน กิเลสกาโม ครุ อสฺสาติ กามครุโกฯ ตเถว กาโม อาสเย สนฺตาเน อสฺสาติ กามาสโยฯ สนฺตานวเสเนว กาเม อธิมุโตฺต ลโคฺคติ กามาธิมุโตฺตฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ เนกฺขมฺมาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ กามาทีหิ จ ตีหิ เสสากุสลา, เนกฺขมฺมาทีหิ ตีหิ เสสกุสลา คหิตาว โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘อยํ สตฺตานํ อาสโย’’ติ ติธา วุตฺตํ สนฺตานเมว ทเสฺสติฯ

    Idāni ‘‘sassato loko’’tiādīhi micchādiṭṭhiparibhāvitaṃ ‘‘ete vā panā’’tiādīhi sammādiṭṭhiparibhāvitaṃ sattasantānaṃ dassetvā ‘‘kāmaṃ sevantaññevā’’tiādīhi sesākusalehi sesakusalehi ca paribhāvitaṃ sattasantānaṃ dasseti. Tattha kāmaṃ sevantaṃyeva puggalaṃ tathāgato jānātīti yojanā kātabbā. Sevantanti ca abhiṇhasamudācāravasena sevamānaṃ. Pubbe āsevitavasena kilesakāmo garu assāti kāmagaruko. Tatheva kāmo āsaye santāne assāti kāmāsayo. Santānavaseneva kāme adhimutto laggoti kāmādhimutto. Sesesupi eseva nayo. Nekkhammādīni vuttatthāneva. Kāmādīhi ca tīhi sesākusalā, nekkhammādīhi tīhi sesakusalā gahitāva hontīti veditabbā. ‘‘Ayaṃ sattānaṃ āsayo’’ti tidhā vuttaṃ santānameva dasseti.

    อยํ ปเนตฺถ อฎฺฐกถานโย – ‘‘อิติ ภวทิฎฺฐิสนฺนิสฺสิตา วา’’ติ เอวํ สสฺสตทิฎฺฐิํ วา สนฺนิสฺสิตาฯ สสฺสตทิฎฺฐิ หิ เอตฺถ ภวทิฎฺฐีติ วุตฺตา, อุเจฺฉททิฎฺฐิ จ วิภวทิฎฺฐีติฯ สพฺพทิฎฺฐีนญฺหิ สสฺสตุเจฺฉททิฎฺฐีหิ สงฺคหิตตฺตา สเพฺพปิเม ทิฎฺฐิคติกา สตฺตา อิมาว เทฺว ทิฎฺฐิโย สนฺนิสฺสิตา โหนฺติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ทฺวยนิสฺสิโต ขฺวายํ, กจฺจาน, โลโก เยภุเยฺยน อตฺถิตเญฺจว นตฺถิตญฺจา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕)ฯ เอตฺถ หิ อตฺถิตาติ สสฺสตํฯ นตฺถิตาติ อุเจฺฉโทฯ อยํ ตาว วฎฺฎนิสฺสิตานํ ปุถุชฺชนานํ สตฺตานํ อาสโยฯ อิทานิ วิวฎฺฎนิสฺสิตานํ สุทฺธสตฺตานํ อาสยํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอเต วา ปน อุโภ อเนฺต อนุปคมฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘เอเต วา ปนา’’ติ เอเตเยวฯ ‘‘อุโภ อเนฺต’’ติ สสฺสตุเจฺฉทสงฺขาเต เทฺว อเนฺตฯ ‘‘อนุปคมฺมา’’ติ น อลฺลียิตฺวาฯ ‘‘อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสู’’ติ อิทปฺปจฺจยตาย เจว ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนธเมฺมสุ จฯ ‘‘อนุโลมิกา ขนฺตี’’ติ วิปสฺสนาญาณํฯ ‘‘ยถาภูตํ ญาณ’’นฺติ มคฺคญาณํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา ปฎิจฺจสมุปฺปาเท เจว ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนธเมฺมสุ จ เอเต อุโภ สสฺสตุเจฺฉทอเนฺต อนุปคนฺตฺวา วิปสฺสนา ปฎิลทฺธา, ยญฺจ ตโต อุตฺตริ มคฺคญาณํ, อยํ สตฺตานํ อาสโยฯ อยํ วฎฺฎนิสฺสิตานญฺจ วิวฎฺฎนิสฺสิตานญฺจ สเพฺพสมฺปิ สตฺตานํ อาสโย อิทํ วสนฎฺฐานนฺติฯ อยํ อาจริยานํ สมานฎฺฐกถาฯ

    Ayaṃ panettha aṭṭhakathānayo – ‘‘iti bhavadiṭṭhisannissitā vā’’ti evaṃ sassatadiṭṭhiṃ vā sannissitā. Sassatadiṭṭhi hi ettha bhavadiṭṭhīti vuttā, ucchedadiṭṭhi ca vibhavadiṭṭhīti. Sabbadiṭṭhīnañhi sassatucchedadiṭṭhīhi saṅgahitattā sabbepime diṭṭhigatikā sattā imāva dve diṭṭhiyo sannissitā honti. Vuttampi cetaṃ ‘‘dvayanissito khvāyaṃ, kaccāna, loko yebhuyyena atthitañceva natthitañcā’’ti (saṃ. ni. 2.15). Ettha hi atthitāti sassataṃ. Natthitāti ucchedo. Ayaṃ tāva vaṭṭanissitānaṃ puthujjanānaṃ sattānaṃ āsayo. Idāni vivaṭṭanissitānaṃ suddhasattānaṃ āsayaṃ dassetuṃ ‘‘ete vā pana ubho ante anupagammā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘ete vā panā’’ti eteyeva. ‘‘Ubho ante’’ti sassatucchedasaṅkhāte dve ante. ‘‘Anupagammā’’ti na allīyitvā. ‘‘Idappaccayatāpaṭiccasamuppannesu dhammesū’’ti idappaccayatāya ceva paṭiccasamuppannadhammesu ca. ‘‘Anulomikā khantī’’ti vipassanāñāṇaṃ. ‘‘Yathābhūtaṃ ñāṇa’’nti maggañāṇaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – yā paṭiccasamuppāde ceva paṭiccasamuppannadhammesu ca ete ubho sassatucchedaante anupagantvā vipassanā paṭiladdhā, yañca tato uttari maggañāṇaṃ, ayaṃ sattānaṃ āsayo. Ayaṃ vaṭṭanissitānañca vivaṭṭanissitānañca sabbesampi sattānaṃ āsayo idaṃ vasanaṭṭhānanti. Ayaṃ ācariyānaṃ samānaṭṭhakathā.

    วิตณฺฑวาที ปนาห ‘‘มโคฺค นาม วาสํ วิทฺธํเสโนฺต คจฺฉติ, ตฺวํ มโคฺค วาโสติ วเทสี’’ติ? โส วตฺตโพฺพ ‘‘ตฺวํ อริยวาสภาณโก โหสิ น โหสี’’ติ? สเจ ‘‘น โหมี’’ติ วทติ, ‘‘ตฺวํ อภาณกตาย น ชานาสี’’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ ‘‘ภาณโกสฺมี’’ติ วทติ, ‘‘สุตฺตํ อาหรา’’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ อาหรติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ อาหรติ, สยํ อาหริตพฺพํ ‘‘ทสยิเม, ภิกฺขเว, อริยาวาสา, ยทริยา อาวสิํสุ วา อาวสนฺติ วา อาวสิสฺสนฺติ วา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๙)ฯ เอตญฺหิ สุตฺตํ มคฺคสฺส วาสภาวํ ทีเปติฯ ตสฺมา สุกถิตเมเวตนฺติฯ อิมํ ปน ภควา สตฺตานํ อาสยํ ชานโนฺต อิเมสญฺจ ทิฎฺฐิคตานํ อิเมสญฺจ วิปสฺสนาญาณมคฺคญาณานํ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ เอวฯ ตสฺมาเยว จ ‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ชานาตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติฯ

    Vitaṇḍavādī panāha ‘‘maggo nāma vāsaṃ viddhaṃsento gacchati, tvaṃ maggo vāsoti vadesī’’ti? So vattabbo ‘‘tvaṃ ariyavāsabhāṇako hosi na hosī’’ti? Sace ‘‘na homī’’ti vadati, ‘‘tvaṃ abhāṇakatāya na jānāsī’’ti vattabbo. Sace ‘‘bhāṇakosmī’’ti vadati, ‘‘suttaṃ āharā’’ti vattabbo. Sace āharati, iccetaṃ kusalaṃ. No ce āharati, sayaṃ āharitabbaṃ ‘‘dasayime, bhikkhave, ariyāvāsā, yadariyā āvasiṃsu vā āvasanti vā āvasissanti vā’’ti (a. ni. 10.19). Etañhi suttaṃ maggassa vāsabhāvaṃ dīpeti. Tasmā sukathitamevetanti. Imaṃ pana bhagavā sattānaṃ āsayaṃ jānanto imesañca diṭṭhigatānaṃ imesañca vipassanāñāṇamaggañāṇānaṃ appavattikkhaṇepi jānāti eva. Tasmāyeva ca ‘‘kāmaṃ sevantaṃyeva jānātī’’tiādi vuttanti.

    อนุสยนิเทฺทเส อนุสยาติ เกนเฎฺฐน อนุสยา? อนุสยนเฎฺฐนฯ โก เอส อนุสยนโฎฺฐ นามาติ? อปฺปหีนโฎฺฐฯ เอเต หิ อปฺปหีนเฎฺฐน ตสฺส ตสฺส สนฺตาเน อนุเสนฺติ นามฯ ตสฺมา ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อนุเสนฺตีติ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ อถาปิ สิยา – อนุสยนโฎฺฐ นาม อปฺปหีนากาโร, โส จ อุปฺปชฺชตีติ วตฺตุํ น ยุชฺชติ, ตสฺมา น อนุสยา อุปฺปชฺชนฺตีติฯ ตตฺริทํ ปฎิวจนํ – น อปฺปหีนากาโร, อนุสโยติ ปน อปฺปหีนเฎฺฐน ถามคตกิเลโส วุจฺจติฯ โส จิตฺตสมฺปยุโตฺต สารมฺมโณ สปฺปจฺจยเฎฺฐน สเหตุโก เอกนฺตากุสโล อตีโตปิ โหติ อนาคโตปิ ปจฺจุปฺปโนฺนปิ, ตสฺมา อุปฺปชฺชตีติ วตฺตุํ ยุชฺชตีติฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – อิเธว ตาว อภิสมยกถาย (ปฎิ. ม. ๓.๒๑) ‘‘ปจฺจุปฺปเนฺน กิเลเส ปชหตี’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา อนุสยานํ ปจฺจุปฺปนฺนภาวสฺส อตฺถิตาย ‘‘ถามคโต อนุสยํ ปชหตี’’ติ วุตฺตํฯ ธมฺมสงฺคณิยํ โมหสฺส ปทภาชเน ‘‘อวิชฺชานุสโย อวิชฺชาปริยุฎฺฐานํ อวิชฺชาลงฺคี โมโห อกุสลมูลํ, อยํ ตสฺมิํ สมเย โมโห โหตี’’ติ (ธ. ส. ๓๙๐) อกุสลจิเตฺตน สทฺธิํ โมหสฺส อุปฺปนฺนภาโว วุโตฺต ฯ กถาวตฺถุสฺมิํ ‘‘อนุสยา อพฺยากตา อนุสยา อเหตุกา อนุสยา จิตฺตวิปฺปยุตฺตา’’ติ สเพฺพ วาทา ปฎิเสธิตาฯ อนุสยยมเก สตฺตนฺนํ มหาวารานํ อญฺญตรสฺมิํ อุปฺปชฺชนวาเร ‘‘ยสฺส กามราคานุสโย อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปฎิฆานุสโย อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๓๐๐) วุตฺตํฯ ตสฺมา ‘‘อนุเสนฺตีติ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ อิมินา ตนฺติปฺปมาเณน ยุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยมฺปิ ‘‘จิตฺตสมฺปยุโตฺต สารมฺมโณ’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตมฺปิ สุวุตฺตเมวฯ อนุสโย หิ นาเมส ปรินิปฺผโนฺน จิตฺตสมฺปยุโตฺต อกุสลธโมฺมติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ

    Anusayaniddese anusayāti kenaṭṭhena anusayā? Anusayanaṭṭhena. Ko esa anusayanaṭṭho nāmāti? Appahīnaṭṭho. Ete hi appahīnaṭṭhena tassa tassa santāne anusenti nāma. Tasmā ‘‘anusayā’’ti vuccanti. Anusentīti anurūpaṃ kāraṇaṃ labhitvā uppajjantīti attho. Athāpi siyā – anusayanaṭṭho nāma appahīnākāro, so ca uppajjatīti vattuṃ na yujjati, tasmā na anusayā uppajjantīti. Tatridaṃ paṭivacanaṃ – na appahīnākāro, anusayoti pana appahīnaṭṭhena thāmagatakileso vuccati. So cittasampayutto sārammaṇo sappaccayaṭṭhena sahetuko ekantākusalo atītopi hoti anāgatopi paccuppannopi, tasmā uppajjatīti vattuṃ yujjatīti. Tatridaṃ pamāṇaṃ – idheva tāva abhisamayakathāya (paṭi. ma. 3.21) ‘‘paccuppanne kilese pajahatī’’ti pucchaṃ katvā anusayānaṃ paccuppannabhāvassa atthitāya ‘‘thāmagato anusayaṃ pajahatī’’ti vuttaṃ. Dhammasaṅgaṇiyaṃ mohassa padabhājane ‘‘avijjānusayo avijjāpariyuṭṭhānaṃ avijjālaṅgī moho akusalamūlaṃ, ayaṃ tasmiṃ samaye moho hotī’’ti (dha. sa. 390) akusalacittena saddhiṃ mohassa uppannabhāvo vutto . Kathāvatthusmiṃ ‘‘anusayā abyākatā anusayā ahetukā anusayā cittavippayuttā’’ti sabbe vādā paṭisedhitā. Anusayayamake sattannaṃ mahāvārānaṃ aññatarasmiṃ uppajjanavāre ‘‘yassa kāmarāgānusayo uppajjati, tassa paṭighānusayo uppajjatī’’tiādi (yama. 2.anusayayamaka.300) vuttaṃ. Tasmā ‘‘anusentīti anurūpaṃ kāraṇaṃ labhitvā uppajjantī’’ti yaṃ vuttaṃ, taṃ iminā tantippamāṇena yuttanti veditabbaṃ. Yampi ‘‘cittasampayutto sārammaṇo’’tiādi vuttaṃ, tampi suvuttameva. Anusayo hi nāmesa parinipphanno cittasampayutto akusaladhammoti niṭṭhamettha gantabbaṃ.

    กามราคานุสโยติอาทีสุ กามราโค จ โส อปฺปหีนเฎฺฐน อนุสโย จาติ กามราคานุสโยฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ กามราคานุสโย เจตฺถ โลภสหคตจิเตฺตสุ สหชาตวเสน อารมฺมณวเสน จ มนาเปสุ อวเสสกามาวจรธเมฺมสุ อารมฺมณวเสเนว อุปฺปชฺชมาโน โลโภฯ ปฎิฆานุสโย จ โทมนสฺสสหคตจิเตฺตสุ สหชาตวเสน อารมฺมณวเสน จ อมนาเปสุ อวเสสกามาวจรธเมฺมสุ อารมฺมณวเสเนว อุปฺปชฺชมาโน โทโสฯ มานานุสโย ทิฎฺฐิคตวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิเตฺตสุ สหชาตวเสน อารมฺมณวเสน จ ทุกฺขเวทนาวเชฺชสุ อวเสสกามาวจรธเมฺมสุ รูปารูปาวจรธเมฺมสุ จ อารมฺมณวเสเนว อุปฺปชฺชมาโน มาโนฯ ทิฎฺฐานุสโย จตูสุ ทิฎฺฐิคตสมฺปยุเตฺตสุฯ วิจิกิจฺฉานุสโย วิจิกิจฺฉาสหคเตฯ อวิชฺชานุสโย ทฺวาทสสุ อกุสลจิเตฺตสุ สหชาตวเสน อารมฺมณวเสน จฯ ตโยปิ อวเสสเตภูมกธเมฺมสุ อารมฺมณวเสเนว อุปฺปชฺชมานา ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาโมหาฯ ภวราคานุสโย จตูสุ ทิฎฺฐิคตวิปฺปยุเตฺตสุ อุปฺปชฺชมาโนปิ สหชาตวเสน น วุโตฺต, อารมฺมณวเสเนว ปน รูปารูปาวจรธเมฺมสุ อุปฺปชฺชมาโน โลโภ วุโตฺตฯ

    Kāmarāgānusayotiādīsu kāmarāgo ca so appahīnaṭṭhena anusayo cāti kāmarāgānusayo. Sesapadesupi eseva nayo. Kāmarāgānusayo cettha lobhasahagatacittesu sahajātavasena ārammaṇavasena ca manāpesu avasesakāmāvacaradhammesu ārammaṇavaseneva uppajjamāno lobho. Paṭighānusayo ca domanassasahagatacittesu sahajātavasena ārammaṇavasena ca amanāpesu avasesakāmāvacaradhammesu ārammaṇavaseneva uppajjamāno doso. Mānānusayo diṭṭhigatavippayuttalobhasahagatacittesu sahajātavasena ārammaṇavasena ca dukkhavedanāvajjesu avasesakāmāvacaradhammesu rūpārūpāvacaradhammesu ca ārammaṇavaseneva uppajjamāno māno. Diṭṭhānusayo catūsu diṭṭhigatasampayuttesu. Vicikicchānusayo vicikicchāsahagate. Avijjānusayo dvādasasu akusalacittesu sahajātavasena ārammaṇavasena ca. Tayopi avasesatebhūmakadhammesu ārammaṇavaseneva uppajjamānā diṭṭhivicikicchāmohā. Bhavarāgānusayo catūsu diṭṭhigatavippayuttesu uppajjamānopi sahajātavasena na vutto, ārammaṇavaseneva pana rūpārūpāvacaradhammesu uppajjamāno lobho vutto.

    ๑๑๔. อิทานิ ยถาวุตฺตานํ อนุสยานํ อนุสยนฎฺฐานํ ทเสฺสโนฺต ยํ โลเกติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยํ โลเก ปิยรูปนฺติ ยํ อิมสฺมิํ โลเก ปิยชาติกํ ปิยสภาวํฯ สาตรูปนฺติ สาตชาติกํ อสฺสาทปทฎฺฐานํ อิฎฺฐารมฺมณํฯ เอตฺถ สตฺตานํ กามราคานุสโย อนุเสตีติ เอตสฺมิํ อิฎฺฐารมฺมเณ สตฺตานํ อปฺปหีนเฎฺฐน กามราคานุสโย อนุเสติฯ ‘‘ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติ จ อิธ กามาวจรธโมฺมเยว อธิเปฺปโตฯ ยถา นาม อุทเก นิมุคฺคสฺส เหฎฺฐา จ อุปริ จ สมนฺตา จ อุทกเมว โหติ, เอวเมว อิฎฺฐารมฺมเณ ราคุปฺปตฺติ นาม สตฺตานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณาฯ ตถา อนิฎฺฐารมฺมเณ ปฎิฆุปฺปตฺติฯ อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ ธเมฺมสูติ เอวํ อิเมสุ ทฺวีสุ อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณธเมฺมสุฯ อวิชฺชานุปติตาติ กามราคปฎิฆสมฺปยุตฺตา หุตฺวา อารมฺมณกรณวเสน อวิชฺชา อนุปติตา อนุคตาฯ วิเจฺฉทํ กตฺวาปิ ปาโฐฯ ตเทกโฎฺฐติ ตาย อวิชฺชาย สหเชกฎฺฐวเสน เอกโต ฐิโตฯ มาโน จ ทิฎฺฐิ จ วิจิกิจฺฉา จาติ นววิธมาโน, ทฺวาสฎฺฐิวิธา ทิฎฺฐิ, อฎฺฐวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา, ตเทกโฎฺฐ มาโน จ ตเทกฎฺฐา ทิฎฺฐิ จ ตเทกฎฺฐา วิจิกิจฺฉา จาติ โยชนาฯ ทฎฺฐพฺพาติ ปสฺสิตพฺพา อวคนฺตพฺพาฯ ตโย เอกโต กตฺวา พหุวจนํ กตํฯ ภวราคานุสโย ปเนตฺถ กามราคานุสเยเนว สงฺคหิโตติ เวทิตโพฺพฯ

    114. Idāni yathāvuttānaṃ anusayānaṃ anusayanaṭṭhānaṃ dassento yaṃ loketiādimāha. Tattha yaṃ loke piyarūpanti yaṃ imasmiṃ loke piyajātikaṃ piyasabhāvaṃ. Sātarūpanti sātajātikaṃ assādapadaṭṭhānaṃ iṭṭhārammaṇaṃ. Ettha sattānaṃ kāmarāgānusayo anusetīti etasmiṃ iṭṭhārammaṇe sattānaṃ appahīnaṭṭhena kāmarāgānusayo anuseti. ‘‘Piyarūpaṃ sātarūpa’’nti ca idha kāmāvacaradhammoyeva adhippeto. Yathā nāma udake nimuggassa heṭṭhā ca upari ca samantā ca udakameva hoti, evameva iṭṭhārammaṇe rāguppatti nāma sattānaṃ āciṇṇasamāciṇṇā. Tathā aniṭṭhārammaṇe paṭighuppatti. Iti imesu dvīsu dhammesūti evaṃ imesu dvīsu iṭṭhāniṭṭhārammaṇadhammesu. Avijjānupatitāti kāmarāgapaṭighasampayuttā hutvā ārammaṇakaraṇavasena avijjā anupatitā anugatā. Vicchedaṃ katvāpi pāṭho. Tadekaṭṭhoti tāya avijjāya sahajekaṭṭhavasena ekato ṭhito. Māno ca diṭṭhi ca vicikicchā cāti navavidhamāno, dvāsaṭṭhividhā diṭṭhi, aṭṭhavatthukā vicikicchā, tadekaṭṭho māno ca tadekaṭṭhā diṭṭhi ca tadekaṭṭhā vicikicchā cāti yojanā. Daṭṭhabbāti passitabbā avagantabbā. Tayo ekato katvā bahuvacanaṃ kataṃ. Bhavarāgānusayo panettha kāmarāgānusayeneva saṅgahitoti veditabbo.

    จริตนิเทฺทเส เตรส เจตนา ปุญฺญาภิสงฺขาโรฯ ทฺวาทส อปุญฺญาภิสงฺขาโรฯ จตโสฺส อาเนญฺชาภิสงฺขาโรฯ ตตฺถ กามาวจโร ปริตฺตภูมโกฯ อิตโร มหาภูมโกฯ ตีสุปิ วา เอเตสุ โย โกจิ อปฺปวิปาโก ปริตฺตภูมโก, มหาวิปาโก มหาภูมโกติ เวทิตโพฺพฯ

    Caritaniddese terasa cetanā puññābhisaṅkhāro. Dvādasa apuññābhisaṅkhāro. Catasso āneñjābhisaṅkhāro. Tattha kāmāvacaro parittabhūmako. Itaro mahābhūmako. Tīsupi vā etesu yo koci appavipāko parittabhūmako, mahāvipāko mahābhūmakoti veditabbo.

    ๑๑๕. อธิมุตฺตินิเทฺทเส สนฺตีติ สํวิชฺชนฺติฯ หีนาธิมุตฺติกาติ ลามกชฺฌาสยาฯ ปณีตาธิมุตฺติกาติ กลฺยาณชฺฌาสยาฯ เสวนฺตีติ นิสฺสยนฺติ อลฺลียนฺติฯ ภชนฺตีติ อุปสงฺกมนฺติฯ ปยิรุปาสนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุปสงฺกมนฺติฯ สเจ หิ อาจริยุปชฺฌายา น สีลวโนฺต โหนฺติ, อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริกา สีลวโนฺต, เต อตฺตโน อาจริยุปชฺฌาเยปิ น อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน สทิเส สารุเปฺป ภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติฯ สเจปิ อาจริยุปชฺฌายา สารุปฺปา ภิกฺขู, อิตเร อสารุปฺปา, เตปิ น อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน สทิเส หีนาธิมุตฺติเกเยว อุปสงฺกมนฺติฯ เอวํ อุปสงฺกมนํ ปน น เกวลํ เอตรหิเยว, อตีตานาคเตปีติ ทเสฺสตุํ อตีตมฺปิ อทฺธานนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตีตมฺปิ อทฺธานนฺติ อตีตสฺมิํ กาเล, อจฺจนฺตสํโยคเตฺถ วา อุปโยควจนํฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ อิทํ ปน ทุสฺสีลานํ ทุสฺสีลเสวนเมว, สีลวนฺตานํ สีลวนฺตเสวนเมว, ทุปฺปญฺญานํ ทุปฺปญฺญเสวนเมว, ปญฺญวนฺตานํ ปญฺญวนฺตเสวนเมว โก นิยเมตีติ? อชฺฌาสยธาตุ นิยเมตีติฯ

    115. Adhimuttiniddese santīti saṃvijjanti. Hīnādhimuttikāti lāmakajjhāsayā. Paṇītādhimuttikāti kalyāṇajjhāsayā. Sevantīti nissayanti allīyanti. Bhajantīti upasaṅkamanti. Payirupāsantīti punappunaṃ upasaṅkamanti. Sace hi ācariyupajjhāyā na sīlavanto honti, antevāsikasaddhivihārikā sīlavanto, te attano ācariyupajjhāyepi na upasaṅkamanti, attano sadise sāruppe bhikkhūyeva upasaṅkamanti. Sacepi ācariyupajjhāyā sāruppā bhikkhū, itare asāruppā, tepi na ācariyupajjhāye upasaṅkamanti, attano sadise hīnādhimuttikeyeva upasaṅkamanti. Evaṃ upasaṅkamanaṃ pana na kevalaṃ etarahiyeva, atītānāgatepīti dassetuṃ atītampi addhānantiādimāha. Tattha atītampi addhānanti atītasmiṃ kāle, accantasaṃyogatthe vā upayogavacanaṃ. Sesaṃ uttānatthameva. Idaṃ pana dussīlānaṃ dussīlasevanameva, sīlavantānaṃ sīlavantasevanameva, duppaññānaṃ duppaññasevanameva, paññavantānaṃ paññavantasevanameva ko niyametīti? Ajjhāsayadhātu niyametīti.

    ภพฺพาภพฺพนิเทฺทเส ฉเฑฺฑตเพฺพ ปฐมํ นิทฺทิสิตฺวา คเหตเพฺพ ปจฺฉา นิทฺทิสิตุํ อุเทฺทสสฺส อุปฺปฎิปาฎิยา ปฐมํ อภพฺพา นิทฺทิฎฺฐาฯ อุเทฺทเส ปน ทฺวนฺทสมาเส อจฺจิตสฺส จ มนฺทกฺขรสฺส จ ปทสฺส ปุพฺพนิปาตลกฺขณวเสน ภพฺพสโทฺท ปุพฺพํ ปยุโตฺตฯ กมฺมาวรเณนาติ ปญฺจวิเธน อานนฺตริยกเมฺมนฯ สมนฺนาคตาติ สมงฺคีภูตาฯ กิเลสาวรเณนาติ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิยาฯ อิมานิ เทฺว สคฺคมคฺคานํ อาวรณโต อาวรณานิฯ ภิกฺขุนีทูสกาทีนิ กมฺมานิปิ กมฺมาวรเณเนว สงฺคหิตานิฯ วิปากาวรเณนาติ อเหตุกปฎิสนฺธิยาฯ ยสฺมา ปน ทุเหตุกานมฺปิ อริยมคฺคปฎิเวโธ นตฺถิ, ตสฺมา ทุเหตุกา ปฎิสนฺธิปิ วิปากาวรณเมวาติ เวทิตพฺพา, อสฺสทฺธาติ พุทฺธาทีสุ สทฺธารหิตาฯ อจฺฉนฺทิกาติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทรหิตาฯ อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา อจฺฉนฺทิกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐาฯ ทุปฺปญฺญาติ ภวงฺคปญฺญาย ปริหีนาฯ ภวงฺคปญฺญาย ปน ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคํ โลกุตฺตรสฺส ปาทกํ น โหติ, โสปิ ทุปฺปโญฺญเยว นามฯ อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ อริยมคฺคํ โอกฺกมิตุํ อภพฺพาฯ อริยมโคฺค หิ สมฺมา สภาโวติ สมฺมตฺตํ, โสเยว อนนฺตรผลทาเน, สยเมว วา อจลภาวโต นิยาโม, ตํ โอกฺกมิตุํ ปวิสิตุํ อภพฺพาฯ น กมฺมาวรเณนาติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยเนว เวทิตพฺพานีติฯ

    Bhabbābhabbaniddese chaḍḍetabbe paṭhamaṃ niddisitvā gahetabbe pacchā niddisituṃ uddesassa uppaṭipāṭiyā paṭhamaṃ abhabbā niddiṭṭhā. Uddese pana dvandasamāse accitassa ca mandakkharassa ca padassa pubbanipātalakkhaṇavasena bhabbasaddo pubbaṃ payutto. Kammāvaraṇenāti pañcavidhena ānantariyakammena. Samannāgatāti samaṅgībhūtā. Kilesāvaraṇenāti niyatamicchādiṭṭhiyā. Imāni dve saggamaggānaṃ āvaraṇato āvaraṇāni. Bhikkhunīdūsakādīni kammānipi kammāvaraṇeneva saṅgahitāni. Vipākāvaraṇenāti ahetukapaṭisandhiyā. Yasmā pana duhetukānampi ariyamaggapaṭivedho natthi, tasmā duhetukā paṭisandhipi vipākāvaraṇamevāti veditabbā, assaddhāti buddhādīsu saddhārahitā. Acchandikāti kattukamyatākusalacchandarahitā. Uttarakurukā manussā acchandikaṭṭhānaṃ paviṭṭhā. Duppaññāti bhavaṅgapaññāya parihīnā. Bhavaṅgapaññāya pana paripuṇṇāyapi yassa bhavaṅgaṃ lokuttarassa pādakaṃ na hoti, sopi duppaññoyeva nāma. Abhabbā niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesu sammattanti kusalesu dhammesu sammattaniyāmasaṅkhātaṃ ariyamaggaṃ okkamituṃ abhabbā. Ariyamaggo hi sammā sabhāvoti sammattaṃ, soyeva anantaraphaladāne, sayameva vā acalabhāvato niyāmo, taṃ okkamituṃ pavisituṃ abhabbā. Na kammāvaraṇenātiādīni vuttavipariyāyeneva veditabbānīti.

    อาสยานุสยญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āsayānusayañāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๖๙. อาสยานุสยญาณนิเทฺทโส • 69. Āsayānusayañāṇaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact