Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๑๒. อาเสวนปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา
12. Āsevanapaccayaniddesavaṇṇanā
๑๒. อาเสวนปจฺจยนิเทฺทเส ปุริมา ปุริมาติ สพฺพนเยสุ สมนนฺตราตีตาว ทฎฺฐพฺพาฯ กสฺมา ปเนตฺถ อนนฺตรปจฺจเย วิย ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อพฺยากตานํ ธมฺมาน’’นฺติอาทินา นเยน ภินฺนชาติเกหิ สทฺธิํ นิเทฺทโส น กโตติ? อตฺตโน คติํ คาหาเปตุํ อสมตฺถตายฯ ภินฺนชาติกา หิ ภินฺนชาติกานํ อรูปธมฺมานํ อาเสวนคุเณน ปคุณพลวภาวํ สาธยมานา อตฺตโน กุสลาทิภาวสงฺขาตํ คติํ คาหาเปตุํ น สโกฺกนฺติฯ ตสฺมา เตหิ สทฺธิํ นิเทฺทสํ อกตฺวา เย เยสํ วาสนาสงฺขาเตน อาเสวเนน ปคุณตรพลวตรภาววิสิฎฺฐํ อตฺตโน กุสลาทิภาวสงฺขาตํ คติํ คาหาเปตุํ สโกฺกนฺติ, เตสํ เตหิ สมานชาติเกเหว สทฺธิํ นิเทฺทโส กโตติ เวทิตโพฺพฯ อถ วิปากาพฺยากตํ กสฺมา น คหิตนฺติ? อาเสวนาภาเวนฯ วิปากญฺหิ กมฺมวเสน วิปากภาวปฺปตฺตํ กมฺมปริณามิตํ หุตฺวา วตฺตติ นิรุสฺสาหํ ทุพฺพลนฺติ ตํ อาเสวนคุเณน อตฺตโน สภาวํ คาหาเปตฺวา ปริภาเวตฺวา เนว อญฺญํ วิปากํ อุปฺปาเทตุํ สโกฺกติ, น ปุริมวิปากานุภาวํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชิตุนฺติฯ กมฺมเวคกฺขิตฺตํ ปน ปติตํ วิย หุตฺวา อุปฺปชฺชตีติ สพฺพถาปิ วิปาเก อาเสวนํ นตฺถีติ อาเสวนาภาเวน วิปากํ น คหิตํฯ กุสลากุสลกิริยานนฺตรํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ เจตํ กมฺมปฎิพทฺธวุตฺติตาย อาเสวนคุณํ น คณฺหาตีติ กุสลาทโยปิสฺส อาเสวนปจฺจยา น โหนฺติฯ อปิจ นานาชาติกตฺตาเปเต น โหนฺติเยวฯ ภูมิโต ปน อารมฺมณโต วา นานาชาติกตฺตํ นาม นตฺถิฯ ตสฺมา กามาวจรกุสลกิริยามหคฺคตกุสลกิริยานมฺปิ, สงฺขารารมฺมณญฺจ อนุโลมกุสลํ นิพฺพานารมฺมณสฺส โคตฺรภุกุสลสฺส อาเสวนปจฺจโย โหติเยวาติ อยํ ตาเวตฺถ ปาฬิวณฺณนาฯ อยํ ปน อาเสวนปจฺจโย ชาติโต ตาว กุสโล อกุสโล กิริยาพฺยากโตติ ติธา ฐิโตฯ ตตฺถ กุสโล ภูมิโต กามาวจโร รูปาวจโร อรูปาวจโรติ ติวิโธ โหติ, อกุสโล กามาวจโรว กิริยาพฺยากโต กามาวจโร รูปาวจโร อรูปาวจโรติ ติวิโธว, โลกุตฺตโร อาเสวนปจฺจโย นาม นตฺถีติ เอวเมตฺถ นานปฺปการเภทโต วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ
12. Āsevanapaccayaniddese purimā purimāti sabbanayesu samanantarātītāva daṭṭhabbā. Kasmā panettha anantarapaccaye viya ‘‘purimā purimā kusalā dhammā pacchimānaṃ pacchimānaṃ abyākatānaṃ dhammāna’’ntiādinā nayena bhinnajātikehi saddhiṃ niddeso na katoti? Attano gatiṃ gāhāpetuṃ asamatthatāya. Bhinnajātikā hi bhinnajātikānaṃ arūpadhammānaṃ āsevanaguṇena paguṇabalavabhāvaṃ sādhayamānā attano kusalādibhāvasaṅkhātaṃ gatiṃ gāhāpetuṃ na sakkonti. Tasmā tehi saddhiṃ niddesaṃ akatvā ye yesaṃ vāsanāsaṅkhātena āsevanena paguṇatarabalavatarabhāvavisiṭṭhaṃ attano kusalādibhāvasaṅkhātaṃ gatiṃ gāhāpetuṃ sakkonti, tesaṃ tehi samānajātikeheva saddhiṃ niddeso katoti veditabbo. Atha vipākābyākataṃ kasmā na gahitanti? Āsevanābhāvena. Vipākañhi kammavasena vipākabhāvappattaṃ kammapariṇāmitaṃ hutvā vattati nirussāhaṃ dubbalanti taṃ āsevanaguṇena attano sabhāvaṃ gāhāpetvā paribhāvetvā neva aññaṃ vipākaṃ uppādetuṃ sakkoti, na purimavipākānubhāvaṃ gahetvā uppajjitunti. Kammavegakkhittaṃ pana patitaṃ viya hutvā uppajjatīti sabbathāpi vipāke āsevanaṃ natthīti āsevanābhāvena vipākaṃ na gahitaṃ. Kusalākusalakiriyānantaraṃ uppajjamānampi cetaṃ kammapaṭibaddhavuttitāya āsevanaguṇaṃ na gaṇhātīti kusalādayopissa āsevanapaccayā na honti. Apica nānājātikattāpete na hontiyeva. Bhūmito pana ārammaṇato vā nānājātikattaṃ nāma natthi. Tasmā kāmāvacarakusalakiriyāmahaggatakusalakiriyānampi, saṅkhārārammaṇañca anulomakusalaṃ nibbānārammaṇassa gotrabhukusalassa āsevanapaccayo hotiyevāti ayaṃ tāvettha pāḷivaṇṇanā. Ayaṃ pana āsevanapaccayo jātito tāva kusalo akusalo kiriyābyākatoti tidhā ṭhito. Tattha kusalo bhūmito kāmāvacaro rūpāvacaro arūpāvacaroti tividho hoti, akusalo kāmāvacarova kiriyābyākato kāmāvacaro rūpāvacaro arūpāvacaroti tividhova, lokuttaro āsevanapaccayo nāma natthīti evamettha nānappakārabhedato viññātabbo vinicchayo.
เอวํ ภิเนฺน ปเนตฺถ กามาวจรกุสลํ อตฺตโน อนนฺตรสฺส กามาวจรกุสลเสฺสวฯ ยํ ปเนตฺถ ญาณสมฺปยุตฺตํ, ตํ อตฺตนา สทิสเวทนสฺส รูปาวจรกุสลสฺส อรูปาวจรกุสลสฺส โลกุตฺตรกุสลสฺสาติ อิเมสํ ราสีนํ อาเสวนปจฺจโย โหติฯ รูปาวจรกุสลํ ปน รูปาวจรกุสลเสฺสวฯ อรูปาวจรกุสลํ อรูปาวจรกุสลเสฺสวฯ อกุสลํ ปน อกุสลเสฺสว อาเสวนปจฺจโย โหติฯ กิริยโต ปน กามาวจรกิริยสงฺขาโต ตาว กามาวจรกิริยเสฺสวฯ โย ปเนตฺถ ญาณสมฺปยุโตฺต, โส อตฺตนา สทิสเวทนสฺส รูปาวจรกิริยสฺส อรูปาวจรกิริยสฺสาติ อิเมสํ ราสีนํ อาเสวนปจฺจโย โหติฯ รูปาวจรกิริยสงฺขาโต ปน รูปาวจรกิริยเสฺสว, อรูปาวจรกิริยสงฺขาโต อรูปาวจรกิริยเสฺสว อาเสวนปจฺจโย โหติฯ วิปาโก ปน เอกธมฺมสฺสาปิ เอกธโมฺมปิ วา โกจิ วิปากสฺส อาเสวนปจฺจโย นตฺถีติ เอวเมตฺถ ปจฺจยุปฺปนฺนโตปิ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยติฯ
Evaṃ bhinne panettha kāmāvacarakusalaṃ attano anantarassa kāmāvacarakusalasseva. Yaṃ panettha ñāṇasampayuttaṃ, taṃ attanā sadisavedanassa rūpāvacarakusalassa arūpāvacarakusalassa lokuttarakusalassāti imesaṃ rāsīnaṃ āsevanapaccayo hoti. Rūpāvacarakusalaṃ pana rūpāvacarakusalasseva. Arūpāvacarakusalaṃ arūpāvacarakusalasseva. Akusalaṃ pana akusalasseva āsevanapaccayo hoti. Kiriyato pana kāmāvacarakiriyasaṅkhāto tāva kāmāvacarakiriyasseva. Yo panettha ñāṇasampayutto, so attanā sadisavedanassa rūpāvacarakiriyassa arūpāvacarakiriyassāti imesaṃ rāsīnaṃ āsevanapaccayo hoti. Rūpāvacarakiriyasaṅkhāto pana rūpāvacarakiriyasseva, arūpāvacarakiriyasaṅkhāto arūpāvacarakiriyasseva āsevanapaccayo hoti. Vipāko pana ekadhammassāpi ekadhammopi vā koci vipākassa āsevanapaccayo natthīti evamettha paccayuppannatopi viññātabbo vinicchayoti.
อาเสวนปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนาฯ
Āsevanapaccayaniddesavaṇṇanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / (๒) ปจฺจยนิเทฺทโส • (2) Paccayaniddeso