Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๓๔] ๔. อสิตาภูชาตกวณฺณนา

    [234] 4. Asitābhūjātakavaṇṇanā

    ตฺวเมว ทานิมกราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ กุมาริกํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยํ กิเรกสฺมิํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฎฺฐากกุเล เอกา กุมาริกา อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา, สา วยปฺปตฺตา สมานชาติกํ กุลํ อคมาสิฯ สามิโก ตํ กิสฺมิญฺจิ อมญฺญมาโน อญฺญตฺถ จิตฺตวเสน จรติฯ สา ตสฺส ตํ อตฺตนิ อนาทรตํ อคเณตฺวา เทฺว อคฺคสาวเก นิมเนฺตตฺวา ทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตี โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ สา ตโต ปฎฺฐาย มคฺคผลสุเขน วีตินามยมานา ‘‘สามิโกปิ มํ น อิจฺฉติ, ฆราวาเสน เม กมฺมํ นตฺถิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา มาตาปิตูนํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ตสฺสา สา กิริยา ภิกฺขูสุ ปากฎา ชาตาฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุกกุลสฺส ธีตา อตฺถคเวสิกา สามิกสฺส อนิจฺฉภาวํ ญตฺวา อคฺคสาวกานํ ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย ปุน มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา, เอวํ อตฺถคเวสิกา, อาวุโส สา กุมาริกา’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวสา กุลธีตา อตฺถคเวสิกา, ปุเพฺพปิ อตฺถคเวสิกาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Tvamevadānimakarāti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ kumārikaṃ ārabbha kathesi. Sāvatthiyaṃ kirekasmiṃ dvinnaṃ aggasāvakānaṃ upaṭṭhākakule ekā kumārikā abhirūpā sobhaggappattā, sā vayappattā samānajātikaṃ kulaṃ agamāsi. Sāmiko taṃ kismiñci amaññamāno aññattha cittavasena carati. Sā tassa taṃ attani anādarataṃ agaṇetvā dve aggasāvake nimantetvā dānaṃ datvā dhammaṃ suṇantī sotāpattiphale patiṭṭhahi. Sā tato paṭṭhāya maggaphalasukhena vītināmayamānā ‘‘sāmikopi maṃ na icchati, gharāvāsena me kammaṃ natthi, pabbajissāmī’’ti cintetvā mātāpitūnaṃ ācikkhitvā pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇi. Tassā sā kiriyā bhikkhūsu pākaṭā jātā. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, asukakulassa dhītā atthagavesikā sāmikassa anicchabhāvaṃ ñatvā aggasāvakānaṃ dhammaṃ sutvā sotāpattiphale patiṭṭhāya puna mātāpitaro āpucchitvā pabbajitvā arahattaṃ pattā, evaṃ atthagavesikā, āvuso sā kumārikā’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idānevesā kuladhītā atthagavesikā, pubbepi atthagavesikāyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กเปฺปสิฯ ตทา พาราณสิราชา อตฺตโน ปุตฺตสฺส พฺรหฺมทตฺตกุมารสฺส ปริวารสมฺปตฺติํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนาสโงฺก ปุตฺตํ รฎฺฐา ปพฺพาเชสิฯ โส อสิตาภุํ นาม อตฺตโน เทวิํ อาทาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มจฺฉมํสผลาผลานิ ขาทโนฺต ปณฺณสาลาย นิวาสํ กเปฺปสิฯ โส เอกํ กินฺนริํ ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต ‘‘อิมํ ปชาปติํ กริสฺสามี’’ติ อสิตาภุํ อคเณตฺวา ตสฺสา อนุปทํ อคมาสิฯ สา ตํ กินฺนริํ อนุพนฺธมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มํ อคเณตฺวา กินฺนริํ อนุพนฺธติ, กิํ เม อิมินา’’ติ วิรตฺตจิตฺตา หุตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน กสิณปริกมฺมํ กถาเปตฺวา กสิณํ โอโลเกนฺตี อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลาย ทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ พฺรหฺมทโตฺตปิ กินฺนริํ อนุพนฺธโนฺต วิจริตฺวา ตสฺสา คตมคฺคมฺปิ อทิสฺวา ฉินฺนาโส หุตฺวา ปณฺณสาลาภิมุโขว อาคโตฯ อสิตาภู ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา มณิวเณฺณ คคนตเล ฐิตา ‘‘อยฺยปุตฺต, ตํ นิสฺสาย มยา อิทํ ฌานสุขํ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā himavantapadese vāsaṃ kappesi. Tadā bārāṇasirājā attano puttassa brahmadattakumārassa parivārasampattiṃ disvā uppannāsaṅko puttaṃ raṭṭhā pabbājesi. So asitābhuṃ nāma attano deviṃ ādāya himavantaṃ pavisitvā macchamaṃsaphalāphalāni khādanto paṇṇasālāya nivāsaṃ kappesi. So ekaṃ kinnariṃ disvā paṭibaddhacitto ‘‘imaṃ pajāpatiṃ karissāmī’’ti asitābhuṃ agaṇetvā tassā anupadaṃ agamāsi. Sā taṃ kinnariṃ anubandhamānaṃ disvā ‘‘ayaṃ maṃ agaṇetvā kinnariṃ anubandhati, kiṃ me iminā’’ti virattacittā hutvā bodhisattaṃ upasaṅkamitvā vanditvā attano kasiṇaparikammaṃ kathāpetvā kasiṇaṃ olokentī abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā bodhisattaṃ vanditvā āgantvā attano paṇṇasālāya dvāre aṭṭhāsi. Brahmadattopi kinnariṃ anubandhanto vicaritvā tassā gatamaggampi adisvā chinnāso hutvā paṇṇasālābhimukhova āgato. Asitābhū taṃ āgacchantaṃ disvā vehāsaṃ abbhuggantvā maṇivaṇṇe gaganatale ṭhitā ‘‘ayyaputta, taṃ nissāya mayā idaṃ jhānasukhaṃ laddha’’nti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๑๖๗.

    167.

    ‘‘ตฺวเมว ทานิมกร, ยํ กาโม พฺยคมา ตยิ;

    ‘‘Tvameva dānimakara, yaṃ kāmo byagamā tayi;

    โสยํ อปฺปฎิสนฺธิโก, ขรฉินฺนํว เรนุก’’นฺติฯ

    Soyaṃ appaṭisandhiko, kharachinnaṃva renuka’’nti.

    ตตฺถ ตฺวเมว ทานิมกราติ, อยฺยปุตฺต, มํ ปหาย กินฺนริํ อนุพนฺธโนฺต ตฺวเญฺญว อิทานิ อิทํ อกรฯ ยํ กาโม พฺยคมา ตยีติ ยํ มม ตยิ กาโม วิคโต วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ปหีโน, ยสฺส ปหีนตฺตา อหํ อิมํ วิเสสํ ปตฺตาติ ทีเปติฯ โสยํ อปฺปฎิสนฺธิโกติ โส ปน กาโม อิทานิ อปฺปฎิสนฺธิโก ชาโต, น สกฺกา ปฎิสนฺธิตุํฯ ขรฉินฺนํว เรนุกนฺติ ขโร วุจฺจติ กกโจ, เรนุกํ วุจฺจติ หตฺถิทโนฺตฯ ยถา กกเจน ฉิโนฺน หตฺถิทโนฺต อปฺปฎิสนฺธิโก โหติ, น ปุน ปุริมนเยน อลฺลียติ, เอวํ ปุน มยฺหํ ตยา สทฺธิํ จิตฺตสฺส ฆฎนํ นาม นตฺถีติ วตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว อุปฺปติตฺวา อญฺญตฺถ อคมาสิฯ

    Tattha tvameva dānimakarāti, ayyaputta, maṃ pahāya kinnariṃ anubandhanto tvaññeva idāni idaṃ akara. Yaṃ kāmo byagamā tayīti yaṃ mama tayi kāmo vigato vikkhambhanappahānena pahīno, yassa pahīnattā ahaṃ imaṃ visesaṃ pattāti dīpeti. Soyaṃ appaṭisandhikoti so pana kāmo idāni appaṭisandhiko jāto, na sakkā paṭisandhituṃ. Kharachinnaṃva renukanti kharo vuccati kakaco, renukaṃ vuccati hatthidanto. Yathā kakacena chinno hatthidanto appaṭisandhiko hoti, na puna purimanayena allīyati, evaṃ puna mayhaṃ tayā saddhiṃ cittassa ghaṭanaṃ nāma natthīti vatvā tassa passantasseva uppatitvā aññattha agamāsi.

    โส ตสฺสา คตกาเล ปริเทวมาโน ทุติยํ คาถมาห –

    So tassā gatakāle paridevamāno dutiyaṃ gāthamāha –

    ๑๖๘.

    168.

    ‘‘อตฺริจฺฉํ อติโลเภน , อติโลภมเทน จ;

    ‘‘Atricchaṃ atilobhena , atilobhamadena ca;

    เอวํ หายติ อตฺถมฺหา, อหํว อสิตาภุยา’’ติฯ

    Evaṃ hāyati atthamhā, ahaṃva asitābhuyā’’ti.

    ตตฺถ อตฺริจฺฉํ อติโลเภนาติ อตฺริจฺฉา วุจฺจติ อตฺร อตฺร อิจฺฉาสงฺขาตา อปริยนฺตตณฺหา, อติโลโภ วุจฺจติ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตโลโภฯ อติโลภมเทน จาติ ปุริสมทํ อุปฺปาทนโต อติโลภมโท นาม ชายติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อตฺริจฺฉาวเสน อตฺริจฺฉมาโน ปุคฺคโล อติโลเภน จ อติโลภมเทน จ ยถา อหํ อสิตาภุยา ราชธีตาย ปริหีโน, เอวํ อตฺถา หายตีติฯ

    Tattha atricchaṃ atilobhenāti atricchā vuccati atra atra icchāsaṅkhātā apariyantataṇhā, atilobho vuccati atikkamitvā pavattalobho. Atilobhamadena cāti purisamadaṃ uppādanato atilobhamado nāma jāyati. Idaṃ vuttaṃ hoti – atricchāvasena atricchamāno puggalo atilobhena ca atilobhamadena ca yathā ahaṃ asitābhuyā rājadhītāya parihīno, evaṃ atthā hāyatīti.

    อิติ โส อิมาย คาถาย ปริเทวิตฺวา อรเญฺญ เอกโกว วสิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน คนฺตฺวา รชฺชํ คณฺหิฯ

    Iti so imāya gāthāya paridevitvā araññe ekakova vasitvā pitu accayena gantvā rajjaṃ gaṇhi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชปุโตฺต จ ราชธีตา จ อิเม เทฺว ชนา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājaputto ca rājadhītā ca ime dve janā ahesuṃ, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.

    อสิตาภูชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Asitābhūjātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๓๔. อสิตาภูชาตกํ • 234. Asitābhūjātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact