Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๙. อาสีวิสวโคฺค
19. Āsīvisavaggo
๑. อาสีวิโสปมสุตฺตํ
1. Āsīvisopamasuttaṃ
๒๓๘. ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาสีวิสา อุคฺคเตชา โฆรวิสาฯ อถ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฺปฎิกูโลฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อิเม เต, อโมฺภ ปุริส, จตฺตาโร อาสีวิสา อุคฺคเตชา โฆรวิสา กาเลน กาลํ วุฎฺฐาเปตพฺพา, กาเลน กาลํ นฺหาเปตพฺพา, กาเลน กาลํ โภเชตพฺพา, กาเลน กาลํ สํเวเสตพฺพา 1ฯ ยทา จ โข เต, อโมฺภ ปุริส, อิเมสํ จตุนฺนํ อาสีวิสานํ อุคฺคเตชานํ โฆรวิสานํ อญฺญตโร วา อญฺญตโร วา กุปฺปิสฺสติ, ตโต ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, มรณํ วา นิคจฺฉสิ, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํฯ ยํ เต, อโมฺภ ปุริส, กรณียํ ตํ กโรหี’’’ติฯ
238. ‘‘Seyyathāpi , bhikkhave, cattāro āsīvisā uggatejā ghoravisā. Atha puriso āgaccheyya jīvitukāmo amaritukāmo sukhakāmo dukkhappaṭikūlo. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ime te, ambho purisa, cattāro āsīvisā uggatejā ghoravisā kālena kālaṃ vuṭṭhāpetabbā, kālena kālaṃ nhāpetabbā, kālena kālaṃ bhojetabbā, kālena kālaṃ saṃvesetabbā 2. Yadā ca kho te, ambho purisa, imesaṃ catunnaṃ āsīvisānaṃ uggatejānaṃ ghoravisānaṃ aññataro vā aññataro vā kuppissati, tato tvaṃ, ambho purisa, maraṇaṃ vā nigacchasi, maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ. Yaṃ te, ambho purisa, karaṇīyaṃ taṃ karohī’’’ti.
‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ภีโต จตุนฺนํ อาสีวิสานํ อุคฺคเตชานํ โฆรวิสานํ เยน วา เตน วา ปลาเยถฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อิเม โข, อโมฺภ ปุริส, ปญฺจ วธกา ปจฺจตฺถิกา ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธา, ยเตฺถว นํ ปสฺสิสฺสาม ตเตฺถว ชีวิตา โวโรเปสฺสามาติฯ ยํ เต, อโมฺภ ปุริส, กรณียํ ตํ กโรหี’’’ติฯ
‘‘Atha kho so, bhikkhave, puriso bhīto catunnaṃ āsīvisānaṃ uggatejānaṃ ghoravisānaṃ yena vā tena vā palāyetha. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ime kho, ambho purisa, pañca vadhakā paccatthikā piṭṭhito piṭṭhito anubandhā, yattheva naṃ passissāma tattheva jīvitā voropessāmāti. Yaṃ te, ambho purisa, karaṇīyaṃ taṃ karohī’’’ti.
‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ภีโต จตุนฺนํ อาสีวิสานํ อุคฺคเตชานํ โฆรวิสานํ, ภีโต ปญฺจนฺนํ วธกานํ ปจฺจตฺถิกานํ เยน วา เตน วา ปลาเยถฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อยํ เต, อโมฺภ ปุริส, ฉโฎฺฐ อนฺตรจโร วธโก อุกฺขิตฺตาสิโก ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพโนฺธ ยเตฺถว นํ ปสฺสิสฺสามิ ตเตฺถว สิโร ปาเตสฺสามีติฯ ยํ เต, อโมฺภ ปุริส, กรณียํ ตํ กโรหี’’’ติฯ
‘‘Atha kho so, bhikkhave, puriso bhīto catunnaṃ āsīvisānaṃ uggatejānaṃ ghoravisānaṃ, bhīto pañcannaṃ vadhakānaṃ paccatthikānaṃ yena vā tena vā palāyetha. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ayaṃ te, ambho purisa, chaṭṭho antaracaro vadhako ukkhittāsiko piṭṭhito piṭṭhito anubandho yattheva naṃ passissāmi tattheva siro pātessāmīti. Yaṃ te, ambho purisa, karaṇīyaṃ taṃ karohī’’’ti.
‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ภีโต จตุนฺนํ อาสีวิสานํ อุคฺคเตชานํ โฆรวิสานํ, ภีโต ปญฺจนฺนํ วธกานํ ปจฺจตฺถิกานํ, ภีโต ฉฎฺฐสฺส อนฺตรจรสฺส วธกสฺส อุกฺขิตฺตาสิกสฺส เยน วา เตน วา ปลาเยถฯ โส ปเสฺสยฺย สุญฺญํ คามํฯ ยญฺญเทว ฆรํ ปวิเสยฺย ริตฺตกเญฺญว ปวิเสยฺย ตุจฺฉกเญฺญว ปวิเสยฺย สุญฺญกเญฺญว ปวิเสยฺยฯ ยญฺญเทว ภาชนํ ปริมเสยฺย ริตฺตกเญฺญว ปริมเสยฺย ตุจฺฉกเญฺญว ปริมเสยฺย สุญฺญกเญฺญว ปริมเสยฺยฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อิทานิ, อโมฺภ ปุริส, อิมํ สุญฺญํ คามํ โจรา คามฆาตกา ปวิสนฺติ 3ฯ ยํ เต, อโมฺภ ปุริส, กรณียํ ตํ กโรหี’’’ติฯ
‘‘Atha kho so, bhikkhave, puriso bhīto catunnaṃ āsīvisānaṃ uggatejānaṃ ghoravisānaṃ, bhīto pañcannaṃ vadhakānaṃ paccatthikānaṃ, bhīto chaṭṭhassa antaracarassa vadhakassa ukkhittāsikassa yena vā tena vā palāyetha. So passeyya suññaṃ gāmaṃ. Yaññadeva gharaṃ paviseyya rittakaññeva paviseyya tucchakaññeva paviseyya suññakaññeva paviseyya. Yaññadeva bhājanaṃ parimaseyya rittakaññeva parimaseyya tucchakaññeva parimaseyya suññakaññeva parimaseyya. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘idāni, ambho purisa, imaṃ suññaṃ gāmaṃ corā gāmaghātakā pavisanti 4. Yaṃ te, ambho purisa, karaṇīyaṃ taṃ karohī’’’ti.
‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ภีโต จตุนฺนํ อาสีวิสานํ อุคฺคเตชานํ โฆรวิสานํ, ภีโต ปญฺจนฺนํ วธกานํ ปจฺจตฺถิกานํ, ภีโต ฉฎฺฐสฺส อนฺตรจรสฺส วธกสฺส อุกฺขิตฺตาสิกสฺส, ภีโต โจรานํ คามฆาตกานํ เยน วา เตน วา ปลาเยถฯ โส ปเสฺสยฺย มหนฺตํ อุทกณฺณวํ โอริมํ ตีรํ สาสงฺกํ สปฺปฎิภยํ, ปาริมํ ตีรํ เขมํ อปฺปฎิภยํฯ น จสฺส นาวา สนฺตารณี อุตฺตรเสตุ วา อปารา ปารํ คมนายฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข มหาอุทกณฺณโว โอริมํ ตีรํ สาสงฺกํ สปฺปฎิภยํ, ปาริมํ ตีรํ เขมํ อปฺปฎิภยํ, นตฺถิ จ 5 นาวา สนฺตารณี อุตฺตรเสตุ วา อปารา ปารํ คมนายฯ ยํนูนาหํ ติณกฎฺฐสาขาปลาสํ สํกฑฺฒิตฺวา กุลฺลํ พนฺธิตฺวา ตํ กุลฺลํ นิสฺสาย หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ คเจฺฉยฺย’’’นฺติฯ
‘‘Atha kho so, bhikkhave, puriso bhīto catunnaṃ āsīvisānaṃ uggatejānaṃ ghoravisānaṃ, bhīto pañcannaṃ vadhakānaṃ paccatthikānaṃ, bhīto chaṭṭhassa antaracarassa vadhakassa ukkhittāsikassa, bhīto corānaṃ gāmaghātakānaṃ yena vā tena vā palāyetha. So passeyya mahantaṃ udakaṇṇavaṃ orimaṃ tīraṃ sāsaṅkaṃ sappaṭibhayaṃ, pārimaṃ tīraṃ khemaṃ appaṭibhayaṃ. Na cassa nāvā santāraṇī uttarasetu vā apārā pāraṃ gamanāya. Atha kho, bhikkhave, tassa purisassa evamassa – ‘ayaṃ kho mahāudakaṇṇavo orimaṃ tīraṃ sāsaṅkaṃ sappaṭibhayaṃ, pārimaṃ tīraṃ khemaṃ appaṭibhayaṃ, natthi ca 6 nāvā santāraṇī uttarasetu vā apārā pāraṃ gamanāya. Yaṃnūnāhaṃ tiṇakaṭṭhasākhāpalāsaṃ saṃkaḍḍhitvā kullaṃ bandhitvā taṃ kullaṃ nissāya hatthehi ca pādehi ca vāyamamāno sotthinā pāraṃ gaccheyya’’’nti.
‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ติณกฎฺฐสาขาปลาสํ สํกฑฺฒิตฺวา กุลฺลํ พนฺธิตฺวา ตํ กุลฺลํ นิสฺสาย หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ คเจฺฉยฺย, ติโณฺณ ปารงฺคโต 7 ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณฯ
‘‘Atha kho so, bhikkhave, puriso tiṇakaṭṭhasākhāpalāsaṃ saṃkaḍḍhitvā kullaṃ bandhitvā taṃ kullaṃ nissāya hatthehi ca pādehi ca vāyamamāno sotthinā pāraṃ gaccheyya, tiṇṇo pāraṅgato 8 thale tiṭṭhati brāhmaṇo.
‘‘อุปมา โข มฺยายํ, ภิกฺขเว, กตา อตฺถสฺส วิญฺญาปนายฯ อยเญฺจตฺถ 9 อโตฺถ – จตฺตาโร อาสีวิสา อุคฺคเตชา โฆรวิสาติ โข, ภิกฺขเว, จตุเนฺนตํ มหาภูตานํ อธิวจนํ – ปถวีธาตุยา, อาโปธาตุยา, เตโชธาตุยา, วาโยธาตุยาฯ
‘‘Upamā kho myāyaṃ, bhikkhave, katā atthassa viññāpanāya. Ayañcettha 10 attho – cattāro āsīvisā uggatejā ghoravisāti kho, bhikkhave, catunnetaṃ mahābhūtānaṃ adhivacanaṃ – pathavīdhātuyā, āpodhātuyā, tejodhātuyā, vāyodhātuyā.
‘‘ปญฺจ วธกา ปจฺจตฺถิกาติ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจเนฺนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขนฺธสฺส, เวทนุปาทานกฺขนฺธสฺส, สญฺญุปาทานกฺขนฺธสฺส, สงฺขารุปาทานกฺขนฺธสฺส, วิญฺญาณุปาทานกฺขนฺธสฺสฯ
‘‘Pañca vadhakā paccatthikāti kho, bhikkhave, pañcannetaṃ upādānakkhandhānaṃ adhivacanaṃ, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandhassa, vedanupādānakkhandhassa, saññupādānakkhandhassa, saṅkhārupādānakkhandhassa, viññāṇupādānakkhandhassa.
‘‘ฉโฎฺฐ อนฺตรจโร วธโก อุกฺขิตฺตาสิโกติ โข, ภิกฺขเว, นนฺทีราคเสฺสตํ อธิวจนํฯ
‘‘Chaṭṭho antaracaro vadhako ukkhittāsikoti kho, bhikkhave, nandīrāgassetaṃ adhivacanaṃ.
‘‘สุโญฺญ คาโมติ โข, ภิกฺขเว, ฉเนฺนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจนํฯ จกฺขุโต เจปิ นํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี อุปปริกฺขติ ริตฺตกเญฺญว ขายติ, ตุจฺฉกเญฺญว ขายติ, สุญฺญกเญฺญว ขายติ…เป.… ชิวฺหาโต เจปิ นํ, ภิกฺขเว…เป.… มนโต เจปิ นํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี อุปปริกฺขติ ริตฺตกเญฺญว ขายติ, ตุจฺฉกเญฺญว ขายติ, สุญฺญกเญฺญว ขายติฯ
‘‘Suñño gāmoti kho, bhikkhave, channetaṃ ajjhattikānaṃ āyatanānaṃ adhivacanaṃ. Cakkhuto cepi naṃ, bhikkhave, paṇḍito byatto medhāvī upaparikkhati rittakaññeva khāyati, tucchakaññeva khāyati, suññakaññeva khāyati…pe… jivhāto cepi naṃ, bhikkhave…pe… manato cepi naṃ, bhikkhave, paṇḍito byatto medhāvī upaparikkhati rittakaññeva khāyati, tucchakaññeva khāyati, suññakaññeva khāyati.
‘‘โจรา คามฆาตกาติ โข, ภิกฺขเว, ฉเนฺนตํ พาหิรานํ อายตนานํ อธิวจนํฯ จกฺขุ, ภิกฺขเว, หญฺญติ มนาปามนาเปสุ รูเปสุ; โสตํ, ภิกฺขเว…เป.… ฆานํ, ภิกฺขเว…เป.… ชิวฺหา, ภิกฺขเว, หญฺญติ มนาปามนาเปสุ รเสสุ; กาโย, ภิกฺขเว…เป.… มโน, ภิกฺขเว, หญฺญติ มนาปามนาเปสุ ธเมฺมสุฯ
‘‘Corā gāmaghātakāti kho, bhikkhave, channetaṃ bāhirānaṃ āyatanānaṃ adhivacanaṃ. Cakkhu, bhikkhave, haññati manāpāmanāpesu rūpesu; sotaṃ, bhikkhave…pe… ghānaṃ, bhikkhave…pe… jivhā, bhikkhave, haññati manāpāmanāpesu rasesu; kāyo, bhikkhave…pe… mano, bhikkhave, haññati manāpāmanāpesu dhammesu.
‘‘มหา อุทกณฺณโวติ โข, ภิกฺขเว, จตุเนฺนตํ โอฆานํ อธิวจนํ – กาโมฆสฺส, ภโวฆสฺส, ทิโฎฺฐฆสฺส, อวิโชฺชฆสฺสฯ
‘‘Mahā udakaṇṇavoti kho, bhikkhave, catunnetaṃ oghānaṃ adhivacanaṃ – kāmoghassa, bhavoghassa, diṭṭhoghassa, avijjoghassa.
‘‘โอริมํ ตีรํ สาสงฺกํ สปฺปฎิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, สกฺกายเสฺสตํ อธิวจนํฯ
‘‘Orimaṃ tīraṃ sāsaṅkaṃ sappaṭibhayanti kho, bhikkhave, sakkāyassetaṃ adhivacanaṃ.
‘‘ปาริมํ ตีรํ เขมํ อปฺปฎิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, นิพฺพานเสฺสตํ อธิวจนํฯ
‘‘Pārimaṃ tīraṃ khemaṃ appaṭibhayanti kho, bhikkhave, nibbānassetaṃ adhivacanaṃ.
‘‘กุลฺลนฺติ โข, ภิกฺขเว, อริยเสฺสตํ อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธิฯ
‘‘Kullanti kho, bhikkhave, ariyassetaṃ aṭṭhaṅgikassa maggassa adhivacanaṃ, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhi.
‘‘ตสฺส หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ วายาโมติ โข, ภิกฺขเว, วีริยารมฺภเสฺสตํ อธิวจนํฯ
‘‘Tassa hatthehi ca pādehi ca vāyāmoti kho, bhikkhave, vīriyārambhassetaṃ adhivacanaṃ.
‘‘ติโณฺณ ปารงฺคโต ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณติ โข, ภิกฺขเว, อรหโต เอตํ อธิวจน’’นฺติฯ ปฐมํฯ
‘‘Tiṇṇo pāraṅgato thale tiṭṭhati brāhmaṇoti kho, bhikkhave, arahato etaṃ adhivacana’’nti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อาสีวิโสปมสุตฺตวณฺณนา • 1. Āsīvisopamasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. อาสีวิโสปมสุตฺตวณฺณนา • 1. Āsīvisopamasuttavaṇṇanā