Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๙. อาสีวิสวโคฺค
19. Āsīvisavaggo
๑. อาสีวิโสปมสุตฺตวณฺณนา
1. Āsīvisopamasuttavaṇṇanā
๒๓๘. อาสีวิสวคฺคสฺส ปฐเม ภิกฺขู อามเนฺตสีติ เอกจาริกทฺวิจาริกติจาริกจตุจาริกปญฺจจาริเก สภาควุตฺติโน การเก ยุตฺตปยุเตฺต สเพฺพปิ ทุกฺขลกฺขณกมฺมฎฺฐานิเก ปริวาเรตฺวา นิสิเนฺน โยคาวจเร ภิกฺขู อามเนฺตสิฯ อิทญฺหิ สุตฺตํ ปุคฺคลชฺฌาสเยน วุตฺตํฯ ปุคฺคเลสุปิ วิปญฺจิตญฺญูนํ ทิสาวาสิกานํ ทุกฺขลกฺขณกมฺมฎฺฐานิกานํ อุปฎฺฐานเวลาย อาคนฺตฺวา สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํฯ เอวํ สเนฺตปิ อุคฺฆฎิตญฺญูอาทีนํ จตุนฺนมฺปิ ปุคฺคลานํ ปจฺจยภูตเมเวตํฯ อุคฺฆฎิตญฺญู ปุคฺคโล หิ อิมสฺส สุตฺตสฺส มาติกานิเกฺขเปเนว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติ, วิปญฺจิตญฺญู มาติกาย วิตฺถารภาชเนน, เนยฺยปุคฺคโล อิมเมว สุตฺตํ สชฺฌายโนฺต ปริปุจฺฉโนฺต โยนิโส มนสิกโรโนฺต กลฺยาณมิเตฺต เสวโนฺต ภชโนฺต ปยิรุปาสโนฺต อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติฯ ปทปรมเสฺสตํ สุตฺตํ อนาคเต วาสนา ภวิสฺสตีติ เอวํ สเพฺพสมฺปิ อุปการภาวํ ญตฺวา ภควา สิเนรุํ อุกฺขิปโนฺต วิย อากาสํ วิตฺถาเรโนฺต วิย จกฺกวาฬปพฺพตํ กเมฺปโนฺต วิย จ มหเนฺตน อุสฺสาเหน เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติ อิมํ อาสีวิโสปมสุตฺตํ อารภิฯ
238. Āsīvisavaggassa paṭhame bhikkhū āmantesīti ekacārikadvicārikaticārikacatucārikapañcacārike sabhāgavuttino kārake yuttapayutte sabbepi dukkhalakkhaṇakammaṭṭhānike parivāretvā nisinne yogāvacare bhikkhū āmantesi. Idañhi suttaṃ puggalajjhāsayena vuttaṃ. Puggalesupi vipañcitaññūnaṃ disāvāsikānaṃ dukkhalakkhaṇakammaṭṭhānikānaṃ upaṭṭhānavelāya āgantvā satthāraṃ parivāretvā nisinnānaṃ vasena vuttaṃ. Evaṃ santepi ugghaṭitaññūādīnaṃ catunnampi puggalānaṃ paccayabhūtamevetaṃ. Ugghaṭitaññū puggalo hi imassa suttassa mātikānikkhepeneva arahattaṃ pāpuṇissati, vipañcitaññū mātikāya vitthārabhājanena, neyyapuggalo imameva suttaṃ sajjhāyanto paripucchanto yoniso manasikaronto kalyāṇamitte sevanto bhajanto payirupāsanto arahattaṃ pāpuṇissati. Padaparamassetaṃ suttaṃ anāgate vāsanā bhavissatīti evaṃ sabbesampi upakārabhāvaṃ ñatvā bhagavā sineruṃ ukkhipanto viya ākāsaṃ vitthārento viya cakkavāḷapabbataṃ kampento viya ca mahantena ussāhena seyyathāpi, bhikkhaveti imaṃ āsīvisopamasuttaṃ ārabhi.
ตตฺถ จตฺตาโร อาสีวิสาติ กฎฺฐมุโข, ปูติมุโข, อคฺคิมุโข, สตฺถมุโขติ อิเม จตฺตาโรฯ เตสุ กฎฺฐมุเขน ทฎฺฐสฺส สกลสรีรํ สุกฺขกฎฺฐํ วิย ถทฺธํ โหติ, สนฺธิปเพฺพสุ อธิมตฺตํ อยสูลสมปฺปิตํ วิย ติฎฺฐติฯ ปูติมุเขน ทฎฺฐสฺส ปกฺกปูติปนสํ วิย วิปุพฺพกภาวํ อาปชฺชิตฺวา ปคฺฆรติ , จงฺควาเร ปกฺขิตฺตอุทกํ วิย โหติฯ อคฺคิมุเขน ทฎฺฐสฺส สกลสรีรํ ฌายิตฺวา ภสฺมมุฎฺฐิ วิย ถุสมุฎฺฐิ วิย จ วิปฺปกิรียติฯ สตฺตมุเขน ทฎฺฐสฺส สกลสรีรํ ภิชฺชติ, อสนิปาตฎฺฐานํ วิย มหานิขาทเนน ขตสนฺธิมุขํ วิย จ โหติฯ เอวํ วิสวเสน วิภตฺตา จตฺตาโร อาสีวิสาฯ
Tattha cattāro āsīvisāti kaṭṭhamukho, pūtimukho, aggimukho, satthamukhoti ime cattāro. Tesu kaṭṭhamukhena daṭṭhassa sakalasarīraṃ sukkhakaṭṭhaṃ viya thaddhaṃ hoti, sandhipabbesu adhimattaṃ ayasūlasamappitaṃ viya tiṭṭhati. Pūtimukhena daṭṭhassa pakkapūtipanasaṃ viya vipubbakabhāvaṃ āpajjitvā paggharati , caṅgavāre pakkhittaudakaṃ viya hoti. Aggimukhena daṭṭhassa sakalasarīraṃ jhāyitvā bhasmamuṭṭhi viya thusamuṭṭhi viya ca vippakirīyati. Sattamukhena daṭṭhassa sakalasarīraṃ bhijjati, asanipātaṭṭhānaṃ viya mahānikhādanena khatasandhimukhaṃ viya ca hoti. Evaṃ visavasena vibhattā cattāro āsīvisā.
วิสเวควิกาเรน ปเนเต โสฬส โหนฺติฯ กฎฺฐมุโข หิ ทฎฺฐวิโส, ทิฎฺฐวิโส, ผุฎฺฐวิโส, วาตวิโสติ จตุพฺพิโธ โหติฯ เตน หิ ทฎฺฐมฺปิ ทิฎฺฐมฺปิ ผุฎฺฐมฺปิ ตสฺส วาเตน ปหฎมฺปิ สรีรํ วุตฺตปฺปกาเรน ถทฺธํ โหติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยติฯ เอวํ วิสเวควิการวเสน โสฬส โหนฺติฯ
Visavegavikārena panete soḷasa honti. Kaṭṭhamukho hi daṭṭhaviso, diṭṭhaviso, phuṭṭhaviso, vātavisoti catubbidho hoti. Tena hi daṭṭhampi diṭṭhampi phuṭṭhampi tassa vātena pahaṭampi sarīraṃ vuttappakārena thaddhaṃ hoti. Sesesupi eseva nayoti. Evaṃ visavegavikāravasena soḷasa honti.
ปุน ปุคฺคลปณฺณตฺติวเสน จตุสฎฺฐิ โหนฺติฯ กถํ? กฎฺฐมุเขสุ ตาว ทฎฺฐวิโส จ อาคตวิโส โน โฆรวิโส, โฆรวิโส โน อาคตวิโส, อาคตวิโส เจว โฆรวิโส จ, เนวาคตวิโส น โฆรวิโสติ จตุพฺพิโธ โหติฯ ตตฺถ ยสฺส วิสํ สมฺปชฺชลิตติณุกฺกาย อคฺคิ วิย สีฆํ อภิรุหิตฺวา อกฺขีนิ คเหตฺวา ขนฺธํ คเหตฺวา สีสํ คเหตฺวา ฐิตนฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ มณิสปฺปาทีนํ วิสํ วิย, มนฺตํ ปน ปริวเตฺตตฺวา กณฺณวาตํ ทตฺวา ทณฺฑเกน ปหฎมเตฺต โอตริตฺวา ทฎฺฐฎฺฐาเนเยว ติฎฺฐติ, อยํ อาคตวิโส โน โฆรวิโส นามฯ ยสฺส ปน วิสํ สณิกํ อภิรุหติ, อารุฬฺหารุฬฺหฎฺฐาเน ปน อยํ สีตอุทกํ วิย โหติ อุทกสปฺปาทีนํ วิสํ วิย, ทฺวาทสวสฺสจฺจเยนาปิ กณฺณปิฎฺฐิขนฺธปิฎฺฐิกาทีสุ คณฺฑปิฬกาทิวเสน ปญฺญายติ, มนฺตปริวตฺตนาทีสุ จ กยิรมานาสุ สีฆํ น โอตรติ, อยํ โฆรวิโส โน อาคตวิโส นามฯ ยสฺส ปน วิสํ สีฆํ อภิรุหติ, น สีฆํ โอตรติ อเนฬกสปฺปาทีนํ วิสํ วิย, อยํ อาคตวิโส เจว โฆรวิโส จฯ ยสฺส ปน วิสํ มนฺทํ โหติ, โอตาริยมานมฺปิ สุเขเนว โอตรติ นีลสปฺปธมฺมนิสปฺปาทีนํ วิสํ วิย, อยํ เนวาคตวิโส น โฆรวิโส นามฯ อิมินา อุปาเยน กฎฺฐมุเข ทฎฺฐวิสาทโย ปูติมุขาทีสุ จ ทฎฺฐวิสาทโย เวทิตพฺพาติฯ เอวํ ปุคฺคลปณฺณตฺติวเสน จตุสฎฺฐิฯ
Puna puggalapaṇṇattivasena catusaṭṭhi honti. Kathaṃ? Kaṭṭhamukhesu tāva daṭṭhaviso ca āgataviso no ghoraviso, ghoraviso no āgataviso, āgataviso ceva ghoraviso ca, nevāgataviso na ghoravisoti catubbidho hoti. Tattha yassa visaṃ sampajjalitatiṇukkāya aggi viya sīghaṃ abhiruhitvā akkhīni gahetvā khandhaṃ gahetvā sīsaṃ gahetvā ṭhitanti vattabbataṃ āpajjati maṇisappādīnaṃ visaṃ viya, mantaṃ pana parivattetvā kaṇṇavātaṃ datvā daṇḍakena pahaṭamatte otaritvā daṭṭhaṭṭhāneyeva tiṭṭhati, ayaṃ āgataviso no ghoraviso nāma. Yassa pana visaṃ saṇikaṃ abhiruhati, āruḷhāruḷhaṭṭhāne pana ayaṃ sītaudakaṃ viya hoti udakasappādīnaṃ visaṃ viya, dvādasavassaccayenāpi kaṇṇapiṭṭhikhandhapiṭṭhikādīsu gaṇḍapiḷakādivasena paññāyati, mantaparivattanādīsu ca kayiramānāsu sīghaṃ na otarati, ayaṃ ghoraviso no āgataviso nāma. Yassa pana visaṃ sīghaṃ abhiruhati, na sīghaṃ otarati aneḷakasappādīnaṃ visaṃ viya, ayaṃ āgataviso ceva ghoraviso ca. Yassa pana visaṃ mandaṃ hoti, otāriyamānampi sukheneva otarati nīlasappadhammanisappādīnaṃ visaṃ viya, ayaṃ nevāgataviso na ghoraviso nāma. Iminā upāyena kaṭṭhamukhe daṭṭhavisādayo pūtimukhādīsu ca daṭṭhavisādayo veditabbāti. Evaṃ puggalapaṇṇattivasena catusaṭṭhi.
เตสุ ‘‘อณฺฑชา นาคา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๓๔๒-๓๔๔) โยนิวเสน เอเกกํ จตุธา วิภชิตฺวา ฉปณฺณาสาธิกานิ เทฺว สตานิ โหนฺติฯ เต ชลชาถลชาติ ทฺวิคุณิตา ทฺวาทสาธิกานิ ปญฺจสตานิ โหนฺติ, เต กามรูปอกามรูปานํ วเสน ทฺวิคุณิตา จตุวีสาธิกสหสฺสสงฺขา โหนฺติฯ ปุน คตมคฺคสฺส ปฎิโลมโต สํขิปฺปมานา กฎฺฐมุขาทิวเสน จตฺตาโรว โหนฺตีติฯ เต สนฺธาย ภควา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาสีวิสา’’ติ อาหฯ กุลวเสน หิ เอเต คหิตาฯ
Tesu ‘‘aṇḍajā nāgā’’tiādinā (saṃ. ni. 3.342-344) yonivasena ekekaṃ catudhā vibhajitvā chapaṇṇāsādhikāni dve satāni honti. Te jalajāthalajāti dviguṇitā dvādasādhikāni pañcasatāni honti, te kāmarūpaakāmarūpānaṃ vasena dviguṇitā catuvīsādhikasahassasaṅkhā honti. Puna gatamaggassa paṭilomato saṃkhippamānā kaṭṭhamukhādivasena cattārova hontīti. Te sandhāya bhagavā ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, cattāro āsīvisā’’ti āha. Kulavasena hi ete gahitā.
ตตฺถ อาสีวิสาติ อาสิตฺตวิสาติปิ อาสีวิสา, อสิตวิสาติปิ อาสีวิสา, อสิสทิสวิสาติปิ อาสีวิสาฯ อาสิตฺตวิสาติ สกลกาเย อาสิญฺจิตฺวา วิย ฐปิตวิสา, ปรสฺส จ อตฺตโน สรีเร จ อาสิญฺจนวิสาติ อโตฺถฯ อสิตวิสาติ ยํ ยํ เอเตหิ อสิตํ โหติ ปริภุตฺตํ, ตํ ตํ วิสเมว สมฺปชฺชติ, ตสฺมา อสิตํ วิสํ โหติ เอเตสนฺติ อาสีวิสาฯ อสิสทิสวิสาติ อสิวิย ติขิณํ ปรมมฺมเจฺฉทนสมตฺถํ วิสํ เอเตสนฺติ อาสีวิสาติ เอวเมตฺถ วจนโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อุคฺคเตชาติ อุคฺคตเตชา พลวเตชาฯ โฆรวิสาติ ทุนฺนิมฺมทฺทนวิสาฯ
Tattha āsīvisāti āsittavisātipi āsīvisā, asitavisātipi āsīvisā, asisadisavisātipi āsīvisā. Āsittavisāti sakalakāye āsiñcitvā viya ṭhapitavisā, parassa ca attano sarīre ca āsiñcanavisāti attho. Asitavisāti yaṃ yaṃ etehi asitaṃ hoti paribhuttaṃ, taṃ taṃ visameva sampajjati, tasmā asitaṃ visaṃ hoti etesanti āsīvisā. Asisadisavisāti asiviya tikhiṇaṃ paramammacchedanasamatthaṃ visaṃ etesanti āsīvisāti evamettha vacanattho veditabbo. Uggatejāti uggatatejā balavatejā. Ghoravisāti dunnimmaddanavisā.
เอวํ วเทยฺยุนฺติ ปฎิชคฺคาปนตฺถํ เอวํ วเทยฺยุํฯ ราชาโน หิ อาสีวิเส คาหาเปตฺวา – ‘‘ตถารูเป โจเร วา เอเตหิ ฑํสาเปตฺวา มาเรสฺสาม, นครูปโรธกาเล ปรเสนาย วา ตํ ขิปิสฺสาม, ปรพลํ นิมฺมเทฺทตุํ อสโกฺกนฺตา สุโภชนํ ภุญฺชิตฺวา วรสยนํ อารุยฺห เอเตหิ อตฺตานํ ฑํสาเปตฺวา สตฺตูนํ วสํ อนาคจฺฉนฺตา อตฺตโน รุจิยา มริสฺสามา’’ติ อาสีวิเส ชคฺคาเปนฺติฯ เต ยํ โจรํ สหสาว มาเรตุํ น อิจฺฉนฺติ, ‘‘เอวเมเต ทีฆรตฺตํ ทุกฺขปฺปโตฺต หุตฺวา มริสฺสนฺตี’’ติ อิจฺฉนฺตา ตํ ปุริสํ เอวํ วทนฺติ อิเม เต อโมฺภ ปุริส จตฺตาโร อาสีวิสาติฯ
Evaṃ vadeyyunti paṭijaggāpanatthaṃ evaṃ vadeyyuṃ. Rājāno hi āsīvise gāhāpetvā – ‘‘tathārūpe core vā etehi ḍaṃsāpetvā māressāma, nagarūparodhakāle parasenāya vā taṃ khipissāma, parabalaṃ nimmaddetuṃ asakkontā subhojanaṃ bhuñjitvā varasayanaṃ āruyha etehi attānaṃ ḍaṃsāpetvā sattūnaṃ vasaṃ anāgacchantā attano ruciyā marissāmā’’ti āsīvise jaggāpenti. Te yaṃ coraṃ sahasāva māretuṃ na icchanti, ‘‘evamete dīgharattaṃ dukkhappatto hutvā marissantī’’ti icchantā taṃ purisaṃ evaṃ vadanti ime te ambho purisa cattāro āsīvisāti.
ตตฺถ กาเลน กาลนฺติ กาเล กาเลฯ สํเวเสตพฺพาติ นิปชฺชาเปตพฺพาฯ อญฺญตโร วา อญฺญตโร วาติ กฎฺฐมุขาทีสุ โย โกจิฯ ยํ เต อโมฺภ ปุริส กรณียํ, ตํ กโรหีติ อิทํ อตฺถจรกสฺส วจนํ เวทิตพฺพํฯ ตสฺส กิร ปุริสสฺส เอวํ อาสีวิเส ปฎิปาเทตฺวา ‘อยํ โว อุปฎฺฐาโก’ติ จตูสุ เปฬาสุ ฐปิตานํ อาสีวิสานํ อาโรเจนฺติฯ อเถโก นิกฺขมิตฺวา อาคมฺม ตสฺส ปุริสสฺส ทกฺขิณปาทานุสาเรน อภิรุหิตฺวา ทกฺขิณหตฺถํ มณิพนฺธโต ปฎฺฐาย เวเฐตฺวา ทกฺขิณกณฺณโสตมูเล ผณํ กตฺวา สุสูติ กโรโนฺต นิปชฺชิฯ อปโร วามปาทานุสาเรน อภิรุหิตฺวา ตเถว วามหตฺถํ เวเฐตฺวา วามกณฺณโสตมูเล ผณํ กตฺวา สุสูติ กโรโนฺต นิปชฺชิ, ตติโย นิกฺขมิตฺวา อภิมุขํ อภิรุหิตฺวา กุจฺฉิํ เวเฐตฺวา คลวาฎกมูเล ผณํ กตฺวา สุสูติ กโรโนฺต นิปชฺชิ, จตุโตฺถ ปิฎฺฐิภาเคน อภิรุหิตฺวา คีวํ เวเฐตฺวา อุปริมุทฺธนิ ผณํ ฐเปตฺวา สุสูติ กโรโนฺต นิปชฺชิฯ
Tattha kālena kālanti kāle kāle. Saṃvesetabbāti nipajjāpetabbā. Aññataro vā aññataro vāti kaṭṭhamukhādīsu yo koci. Yaṃ te ambho purisa karaṇīyaṃ, taṃ karohīti idaṃ atthacarakassa vacanaṃ veditabbaṃ. Tassa kira purisassa evaṃ āsīvise paṭipādetvā ‘ayaṃ vo upaṭṭhāko’ti catūsu peḷāsu ṭhapitānaṃ āsīvisānaṃ ārocenti. Atheko nikkhamitvā āgamma tassa purisassa dakkhiṇapādānusārena abhiruhitvā dakkhiṇahatthaṃ maṇibandhato paṭṭhāya veṭhetvā dakkhiṇakaṇṇasotamūle phaṇaṃ katvā susūti karonto nipajji. Aparo vāmapādānusārena abhiruhitvā tatheva vāmahatthaṃ veṭhetvā vāmakaṇṇasotamūle phaṇaṃ katvā susūti karonto nipajji, tatiyo nikkhamitvā abhimukhaṃ abhiruhitvā kucchiṃ veṭhetvā galavāṭakamūle phaṇaṃ katvā susūti karonto nipajji, catuttho piṭṭhibhāgena abhiruhitvā gīvaṃ veṭhetvā uparimuddhani phaṇaṃ ṭhapetvā susūti karonto nipajji.
เอวํ จตูสุ อาสีวิเสสุ สรีรฎฺฐเกสุเยว ชาเตสุ เอโก ตสฺส ปุริสสฺส อตฺถจรกปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กิํ เต, โภ ปุริส, ลทฺธ’’นฺติ, ปุจฺฉิฯ ตโต เตน ‘‘อิเม เม, โภ, หเตฺถสุ หตฺถกฎกํ วิย พาหาสุ เกยูรํ วิย กุจฺฉิมฺหิ กุจฺฉิเวฐนสาฎโก วิย กเณฺณสุ กณฺณจูฬิกา วิย คเล มุตฺตาวลิโย วิย สีเส สีสปสาธนํ วิย เกจิ อลงฺการวิเสสา รญฺญา ทินฺนา’’ติ วุเตฺต โส อาห – ‘‘โภ อนฺธพาล, มา เอวํ มญฺญิตฺถ ‘รญฺญา เม ตุเฎฺฐเนตํ ปสาธนํ ทินฺน’นฺติฯ ตฺวํ รโญฺญ อาคุจารี โจโร, อิเม จ จตฺตาโร อาสีวิสา ทุรุปฎฺฐาหา ทุปฺปฎิชคฺคิยา, เอกสฺมิํ อุฎฺฐาตุกาเม เอโก นฺหายิตุกาโม โหติ, เอกสฺมิํ นฺหายิตุกาเม เอโก ภุญฺชิตุกาโม, เอกสฺมิํ ภุญฺชิตุกาเม เอโก นิปชฺชิตุกาโมฯ เตสุ ยเสฺสว อิจฺฉา น ปูรติ, โส ตเตฺถว ฑํสิตฺวา มาเรตี’’ติฯ อตฺถิ ปน, โภ, เอวํ สเนฺต โกจิ โสตฺถิมโคฺคติ? อาม, ราชปุริสานํ วิกฺขิตฺตภาวํ ญตฺวา ปลายนํ โสตฺถิภาโวติ วตฺวา ‘‘ยํ เต กรณียํ, ตํ กโรหี’’ติ วเทยฺยฯ
Evaṃ catūsu āsīvisesu sarīraṭṭhakesuyeva jātesu eko tassa purisassa atthacarakapuriso taṃ disvā ‘‘kiṃ te, bho purisa, laddha’’nti, pucchi. Tato tena ‘‘ime me, bho, hatthesu hatthakaṭakaṃ viya bāhāsu keyūraṃ viya kucchimhi kucchiveṭhanasāṭako viya kaṇṇesu kaṇṇacūḷikā viya gale muttāvaliyo viya sīse sīsapasādhanaṃ viya keci alaṅkāravisesā raññā dinnā’’ti vutte so āha – ‘‘bho andhabāla, mā evaṃ maññittha ‘raññā me tuṭṭhenetaṃ pasādhanaṃ dinna’nti. Tvaṃ rañño āgucārī coro, ime ca cattāro āsīvisā durupaṭṭhāhā duppaṭijaggiyā, ekasmiṃ uṭṭhātukāme eko nhāyitukāmo hoti, ekasmiṃ nhāyitukāme eko bhuñjitukāmo, ekasmiṃ bhuñjitukāme eko nipajjitukāmo. Tesu yasseva icchā na pūrati, so tattheva ḍaṃsitvā māretī’’ti. Atthi pana, bho, evaṃ sante koci sotthimaggoti? Āma, rājapurisānaṃ vikkhittabhāvaṃ ñatvā palāyanaṃ sotthibhāvoti vatvā ‘‘yaṃ te karaṇīyaṃ, taṃ karohī’’ti vadeyya.
ตํ สุตฺวา อิตโร จตุนฺนํ อาสีวิสานํ ปมาทกฺขณํ ราชปุริเสหิ จ ปวิวิตฺตํ ทิสฺวา, วามหเตฺถน ทกฺขิณหตฺถํ เวเฐตฺวา, ทกฺขิณกณฺณจูฬิกาย ผณํ ฐเปตฺวา, สยิตาสีวิสสฺส สรีรํ ปริมชฺชโนฺต วิย สณิกํ ตํ อปเนตฺวา, เอเตเนว อุปาเยน เสเสปิ อปเนตฺวา เตสํ ภีโต ปลาเยยฺยฯ อถ นํ เต อาสีวิสา ‘‘อยํ อมฺหากํ รญฺญา อุปฎฺฐาโก ทิโนฺน’’ติ อนุพนฺธมานา อาคเจฺฉยฺยุํฯ อิทํ สนฺธาย อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ภีโต จตุนฺนํ อาสีวิสานํ…เป.… ปลาเยถาติ วุตฺตํฯ
Taṃ sutvā itaro catunnaṃ āsīvisānaṃ pamādakkhaṇaṃ rājapurisehi ca pavivittaṃ disvā, vāmahatthena dakkhiṇahatthaṃ veṭhetvā, dakkhiṇakaṇṇacūḷikāya phaṇaṃ ṭhapetvā, sayitāsīvisassa sarīraṃ parimajjanto viya saṇikaṃ taṃ apanetvā, eteneva upāyena sesepi apanetvā tesaṃ bhīto palāyeyya. Atha naṃ te āsīvisā ‘‘ayaṃ amhākaṃ raññā upaṭṭhāko dinno’’ti anubandhamānā āgaccheyyuṃ. Idaṃ sandhāya atha kho so, bhikkhave, puriso bhīto catunnaṃ āsīvisānaṃ…pe… palāyethāti vuttaṃ.
ตสฺมิํ ปน ปุริเส เอวํ อาคตมคฺคํ โอโลเกตฺวา โอโลเกตฺวา ปลายเนฺต ราชา ‘‘ปลาโต โส ปุริโส’’ติ สุตฺวา ‘‘โก นุ โข ตํ อนุพนฺธิตฺวา ฆาเตตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ วิจินโนฺต ตเสฺสว ปจฺจตฺถิเก ปญฺจ ชเน ลภิตฺวา ‘‘คจฺฉถ นํ อนุพนฺธิตฺวา ฆาเตถา’’ติ เปเสยฺยฯ อถสฺส อตฺถจรา ปุริสา ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา อาโรเจยฺยุํฯ โส ภิโยฺยโสมตฺตาย ภีโต ปลาเยถฯ อิมมตฺถํ สนฺธาย ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุนฺติอาทิ วุตฺตํฯ
Tasmiṃ pana purise evaṃ āgatamaggaṃ oloketvā oloketvā palāyante rājā ‘‘palāto so puriso’’ti sutvā ‘‘ko nu kho taṃ anubandhitvā ghātetuṃ sakkhissatī’’ti vicinanto tasseva paccatthike pañca jane labhitvā ‘‘gacchatha naṃ anubandhitvā ghātethā’’ti peseyya. Athassa atthacarā purisā taṃ pavattiṃ ñatvā āroceyyuṃ. So bhiyyosomattāya bhīto palāyetha. Imamatthaṃ sandhāya tamenaṃ evaṃ vadeyyuntiādi vuttaṃ.
ฉโฎฺฐ อนฺตรจโร วธโกติ ‘‘ปฐมํ อาสีวิเสหิ อนุพโทฺธ อิโต จิโต จ เต วเญฺจโนฺต ปลายิ, อิทานิ ปญฺจหิ ปจฺจตฺถิเกหิ อนุพโทฺธ สุฎฺฐุตรํ ปลายติ, น สกฺกา โส เอวํ คเหตุํ, อุปลาฬนาย ปน สกฺกา, ตสฺมา ทหรกาลโต ปฎฺฐาย เอกโต ขาทิตฺวา จ ปิวิตฺวา จ สนฺถวํ อนฺตรจรํ วธกมสฺส เปเสถา’’ติ อมเจฺจหิ วุเตฺตน รญฺญา ปริเยสิตฺวา เปสิโต อนฺตรจโร วธโกฯ
Chaṭṭho antaracaro vadhakoti ‘‘paṭhamaṃ āsīvisehi anubaddho ito cito ca te vañcento palāyi, idāni pañcahi paccatthikehi anubaddho suṭṭhutaraṃ palāyati, na sakkā so evaṃ gahetuṃ, upalāḷanāya pana sakkā, tasmā daharakālato paṭṭhāya ekato khāditvā ca pivitvā ca santhavaṃ antaracaraṃ vadhakamassa pesethā’’ti amaccehi vuttena raññā pariyesitvā pesito antaracaro vadhako.
โส ปเสฺสยฺย สุญฺญํ คามนฺติ นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ปทํ ฆายิตฺวา ฆายิตฺวา เวเคนาคจฺฉเนฺต จตฺตาโร อาสีวิเส ปญฺจ วธเก ปจฺจตฺถิเก ฉฎฺฐญฺจ อนฺตรจรํ วธกํ ‘‘นิวตฺต โภ, มา ปลายิ, ปุตฺตทาเรน สทฺธิํ กาเม ปริภุญฺชโนฺต สุขํ วสิสฺสสี’’ติ วตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ภิโยฺยโสมตฺตาย เยน วา เตน วา ปลายโนฺต ปจฺจนฺตรเฎฺฐ อภิมุขคตํ เอกํ ฉกุฎิกํ สุญฺญํ คามํ ปเสฺสยฺยฯ ริตฺตกเญฺญว ปวิเสยฺยาติ ธนธญฺญมญฺจปีฐาทีหิ วิรหิตตฺตา ริตฺตกเญฺญว ปวิเสยฺยฯ ตุจฺฉกํ สุญฺญกนฺติ เอตเสฺสว เววจนํฯ ปริมเสยฺยาติ ‘‘สเจ ปานียํ ภวิสฺสติ, ปิวิสฺสามิ, สเจ ภตฺตํ ภวิสฺสติ, ภุญฺชิสฺสามี’’ติ ภาชนํ วิวริตฺวา หตฺถํ อโนฺต ปเวเสตฺวา ปริมเสยฺยฯ
So passeyya suññaṃ gāmanti nivattitvā olokento padaṃ ghāyitvā ghāyitvā vegenāgacchante cattāro āsīvise pañca vadhake paccatthike chaṭṭhañca antaracaraṃ vadhakaṃ ‘‘nivatta bho, mā palāyi, puttadārena saddhiṃ kāme paribhuñjanto sukhaṃ vasissasī’’ti vatvā āgacchantaṃ disvā, bhiyyosomattāya yena vā tena vā palāyanto paccantaraṭṭhe abhimukhagataṃ ekaṃ chakuṭikaṃ suññaṃ gāmaṃ passeyya. Rittakaññeva paviseyyāti dhanadhaññamañcapīṭhādīhi virahitattā rittakaññeva paviseyya. Tucchakaṃ suññakanti etasseva vevacanaṃ. Parimaseyyāti ‘‘sace pānīyaṃ bhavissati, pivissāmi, sace bhattaṃ bhavissati, bhuñjissāmī’’ti bhājanaṃ vivaritvā hatthaṃ anto pavesetvā parimaseyya.
ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุนฺติ ฉนฺนํ ฆรานํ เอกฆเรปิ กิญฺจิ อลภิตฺวา คามมเชฺฌ เอโก สนฺทจฺฉาโย รุโกฺข อตฺถิ, ตตฺถ วงฺกผลกํ อตฺถตํ ทิสฺวา, ‘‘อิธ ตาว นิสีทิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา, ตตฺถ นิสินฺนํ มนฺทมเนฺทน วาเตน พีชิยมานํ ตตฺตกมตฺตมฺปิ สุขํ สนฺตโต อสฺสาทยมานํ, ตเมนํ ปุริสํ เกจิเทว อตฺถจรกา พหิ ปวตฺติํ ญตฺวา อาคตา เอวํ วเทยฺยุํฯ อิทานิ อโมฺภ ปุริสาติ อโมฺภ, ปุริส, อิทานิฯ โจรา คามฆาตกาติ ‘‘ยเทเวตฺถ ลภิสฺสาม, ตํ คณฺหิสฺสาม วา ฆาเตสฺสาม วา’’ติ อาคตา ฉ คามฆาตกโจราฯ
Tamenaṃevaṃ vadeyyunti channaṃ gharānaṃ ekagharepi kiñci alabhitvā gāmamajjhe eko sandacchāyo rukkho atthi, tattha vaṅkaphalakaṃ atthataṃ disvā, ‘‘idha tāva nisīdissāmī’’ti gantvā, tattha nisinnaṃ mandamandena vātena bījiyamānaṃ tattakamattampi sukhaṃ santato assādayamānaṃ, tamenaṃ purisaṃ kecideva atthacarakā bahi pavattiṃ ñatvā āgatā evaṃ vadeyyuṃ. Idāni ambho purisāti ambho, purisa, idāni. Corā gāmaghātakāti ‘‘yadevettha labhissāma, taṃ gaṇhissāma vā ghātessāma vā’’ti āgatā cha gāmaghātakacorā.
อุทกณฺณวนฺติ คมฺภีรํ ปุถุลํ อุทกํฯ คมฺภีรมฺปิ หิ อปุถุลํ, ปุถุลํ วา อคมฺภีรํ, น อณฺณโวติ วุจฺจติ, ยมฺปน คมฺภีรญฺจ ปุถุลญฺจ, ตเสฺสเวตํ นามํฯ สาสงฺกํ สปฺปฎิภยนฺติ จตุนฺนํ อาสีวิสานํ ปญฺจนฺนํ วธกานํ ฉฎฺฐสฺส อนฺตรจรสฺส ฉนฺนญฺจ คามฆาตกโจรานํ วเสน สาสงฺกํ สปฺปฎิภยํฯ เขมํ อปฺปฎิภยนฺติ เตสํเยว อาสีวิสาทีนํ อภาเวน เขมญฺจ นิพฺภยญฺจ วิจิตฺรอุยฺยานวรํ พหฺวนฺนปานํ เทวนครสทิสํฯ น จสฺส นาวา สนฺตารณีติ ‘‘อิมาย นาวาย โอริมตีรโต ปรตีรํ คมิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ ฐปิตา จ สนฺตารณี นาวา น ภเวยฺยฯ อุตฺตรเสตุ วาติ รุกฺขเสตุ-ชงฺฆเสตุ-สกฎเสตูนํ อญฺญตโร อุตฺตรเสตุ วา น ภเวยฺยฯ ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณติ น โข เอส พฺราหฺมโณฯ กสฺมา นํ พฺราหฺมโณติ อาห? เอตฺตกานํ ปจฺจตฺถิกานํ พาหิตตฺตา, เทสนํ วา วินิวเตฺตโนฺต เอกํ ขีณาสวพฺราหฺมณํ ทเสฺสตุมฺปิ เอวมาหฯ
Udakaṇṇavanti gambhīraṃ puthulaṃ udakaṃ. Gambhīrampi hi aputhulaṃ, puthulaṃ vā agambhīraṃ, na aṇṇavoti vuccati, yampana gambhīrañca puthulañca, tassevetaṃ nāmaṃ. Sāsaṅkaṃ sappaṭibhayanti catunnaṃ āsīvisānaṃ pañcannaṃ vadhakānaṃ chaṭṭhassa antaracarassa channañca gāmaghātakacorānaṃ vasena sāsaṅkaṃ sappaṭibhayaṃ. Khemaṃ appaṭibhayanti tesaṃyeva āsīvisādīnaṃ abhāvena khemañca nibbhayañca vicitrauyyānavaraṃ bahvannapānaṃ devanagarasadisaṃ. Na cassa nāvā santāraṇīti ‘‘imāya nāvāya orimatīrato paratīraṃ gamissantī’’ti evaṃ ṭhapitā ca santāraṇī nāvā na bhaveyya. Uttarasetu vāti rukkhasetu-jaṅghasetu-sakaṭasetūnaṃ aññataro uttarasetu vā na bhaveyya. Tiṭṭhati brāhmaṇoti na kho esa brāhmaṇo. Kasmā naṃ brāhmaṇoti āha? Ettakānaṃ paccatthikānaṃ bāhitattā, desanaṃ vā vinivattento ekaṃ khīṇāsavabrāhmaṇaṃ dassetumpi evamāha.
ตสฺมิํ ปน เอวํ อุตฺติเณฺณ จตฺตาโร อาสีวิสา ‘‘น ลโทฺธ วตาสิ อเมฺหหิ, อชฺช เต มุรุมุราย ชีวิตํ ขาทิตฺวา ฉเฑฺฑยฺยาม’’ฯ ปญฺจ ปจฺจตฺถิกา ‘‘น ลโทฺธ วตาสิ อเมฺหหิ, อชฺช เต ปริวาเรตฺวา องฺคมงฺคานิ ฉินฺทิตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ คตา สตํ วา สหสฺสํ วา ลเภยฺยาม’’ฯ ฉโฎฺฐ อนฺตรจโร ‘‘น ลโทฺธ วตาสิ มยา, อชฺช เต ผลิกวเณฺณน อสินา สีสํ ฉินฺทิตฺวา, เสนาปติฎฺฐานํ ลภิตฺวา สมฺปตฺติํ อนุภเวยฺยํ’’ฯ ฉ โจรา ‘‘น ลโทฺธ วตาสิ อเมฺหหิ, อชฺช เต วิวิธานิ กมฺมการณานิ กาเรตฺวา พหุธนํ อาหราเปสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา, อุทกณฺณวํ โอตริตุํ อสโกฺกนฺตา รโญฺญ อาณาย โกปิตตฺตา ปรโต คนฺตุมฺปิ อวิสหนฺตา ตเตฺถว สุสฺสิตฺวา มเรยฺยุํฯ
Tasmiṃ pana evaṃ uttiṇṇe cattāro āsīvisā ‘‘na laddho vatāsi amhehi, ajja te murumurāya jīvitaṃ khāditvā chaḍḍeyyāma’’. Pañca paccatthikā ‘‘na laddho vatāsi amhehi, ajja te parivāretvā aṅgamaṅgāni chinditvā rañño santikaṃ gatā sataṃ vā sahassaṃ vā labheyyāma’’. Chaṭṭho antaracaro ‘‘na laddho vatāsi mayā, ajja te phalikavaṇṇena asinā sīsaṃ chinditvā, senāpatiṭṭhānaṃ labhitvā sampattiṃ anubhaveyyaṃ’’. Cha corā ‘‘na laddho vatāsi amhehi, ajja te vividhāni kammakāraṇāni kāretvā bahudhanaṃ āharāpessāmā’’ti cintetvā, udakaṇṇavaṃ otarituṃ asakkontā rañño āṇāya kopitattā parato gantumpi avisahantā tattheva sussitvā mareyyuṃ.
อุปมา โข มฺยายนฺติ เอตฺถ เอวํ อาทิโต ปฎฺฐาย โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ – ราชา วิย หิ กมฺมํ ทฎฺฐพฺพํ, ราชาปราธิกปุริโส วิย วฎฺฎนิสฺสิโต ปุถุชฺชโนฯ จตฺตาโร อาสีวิสา วิย จตฺตาริ มหาภูตานิ, รโญฺญ ตสฺส จตฺตาโร อาสีวิเส ปฎิจฺฉาปิตกาโล วิย กมฺมุนา ปุถุชฺชนสฺส ปฎิสนฺธิกฺขเณเยว จตุนฺนํ มหาภูตานํ ทินฺนกาโลฯ ‘‘อิเมสํ อาสีวิสานํ ปมาทกฺขเณ ราชปุริสานญฺจ วิวิตฺตกฺขเณ นิกฺขมิตฺวา ยํ เต อโมฺภ, ปุริส, กรณียํ, ตํ กโรหี’’ติ วจเนน ‘‘ปลายสฺสู’’ติ วุตฺตกาโล วิย สตฺถารา อิมสฺส ภิกฺขุโน มหาภูตกมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา ‘‘อิเมสุ จตูสุ มหาภูเตสุ นิพฺพินฺท วิรชฺช, เอวํ วฎฺฎโต ปริมุจฺจิสฺสสี’’ติ กถิตกาโล, ตสฺส ปุริสสฺส อตฺถจรกวจนํ สุตฺวา จตุนฺนํ อาสีวิสานํ ปมาทกฺขเณ ราชปุริสานญฺจ วิวิตฺตกฺขเณ นิกฺขมิตฺวา เยน วา เตน วา ปลายนํ วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ ลภิตฺวา มหาภูตาสีวิเสหิ ปริมุจฺจนตฺถาย ญาณปลายเนน ปลายนํฯ
Upamā kho myāyanti ettha evaṃ ādito paṭṭhāya opammasaṃsandanaṃ veditabbaṃ – rājā viya hi kammaṃ daṭṭhabbaṃ, rājāparādhikapuriso viya vaṭṭanissito puthujjano. Cattāro āsīvisā viya cattāri mahābhūtāni, rañño tassa cattāro āsīvise paṭicchāpitakālo viya kammunā puthujjanassa paṭisandhikkhaṇeyeva catunnaṃ mahābhūtānaṃ dinnakālo. ‘‘Imesaṃ āsīvisānaṃ pamādakkhaṇe rājapurisānañca vivittakkhaṇe nikkhamitvā yaṃ te ambho, purisa, karaṇīyaṃ, taṃ karohī’’ti vacanena ‘‘palāyassū’’ti vuttakālo viya satthārā imassa bhikkhuno mahābhūtakammaṭṭhānaṃ kathetvā ‘‘imesu catūsu mahābhūtesu nibbinda virajja, evaṃ vaṭṭato parimuccissasī’’ti kathitakālo, tassa purisassa atthacarakavacanaṃ sutvā catunnaṃ āsīvisānaṃ pamādakkhaṇe rājapurisānañca vivittakkhaṇe nikkhamitvā yena vā tena vā palāyanaṃ viya imassa bhikkhuno satthu santike kammaṭṭhānaṃ labhitvā mahābhūtāsīvisehi parimuccanatthāya ñāṇapalāyanena palāyanaṃ.
อิทานิ จตุเนฺนตํ มหาภูตานํ อธิวจนํ ปถวีธาตุยา อาโปธาตุยาติอาทีสุ จตุมหาภูตกถา จ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธกถา จ อายตนกถา จ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เอตฺถ จ กฎฺฐมุขอาสีวิโส วิย ปถวีธาตุ ทฎฺฐพฺพา, ปูติมุขอคฺคิมุขสตฺถมุขา วิย เสสธาตุโยฯ ยเถว หิ กฎฺฐมุเขน ทฎฺฐสฺส สกลกาโย ถโทฺธ โหติ, เอวํ ปถวีธาตุปโกเปนาปิฯ ยถา จ ปูติมุขาทีหิ ทฎฺฐสฺส ปคฺฆรติ เจว ฌายติ จ ฉิชฺชติ จ, เอวํ อาโปธาตุเตโชธาตุวาโยธาตุปโกเปนาปีติฯ เตนาหุ อฎฺฐกถาจริยา –
Idāni catunnetaṃ mahābhūtānaṃ adhivacanaṃ pathavīdhātuyā āpodhātuyātiādīsu catumahābhūtakathā ca pañcupādānakkhandhakathā ca āyatanakathā ca visuddhimagge vitthāritanayeneva veditabbā. Ettha ca kaṭṭhamukhaāsīviso viya pathavīdhātu daṭṭhabbā, pūtimukhaaggimukhasatthamukhā viya sesadhātuyo. Yatheva hi kaṭṭhamukhena daṭṭhassa sakalakāyo thaddho hoti, evaṃ pathavīdhātupakopenāpi. Yathā ca pūtimukhādīhi daṭṭhassa paggharati ceva jhāyati ca chijjati ca, evaṃ āpodhātutejodhātuvāyodhātupakopenāpīti. Tenāhu aṭṭhakathācariyā –
‘‘ปตฺถโทฺธ ภวตี กาโย, ทโฎฺฐ กฎฺฐมุเขน วา;
‘‘Patthaddho bhavatī kāyo, daṭṭho kaṭṭhamukhena vā;
ปถวีธาตุปโกเปน, โหติ กฎฺฐมุเขว โสฯ
Pathavīdhātupakopena, hoti kaṭṭhamukheva so.
‘‘ปูติโก ภวตี กาโย, ทโฎฺฐ ปูติมุเขน วา;
‘‘Pūtiko bhavatī kāyo, daṭṭho pūtimukhena vā;
อาโปธาตุปโกเปน, โหติ ปูติมุเขว โสฯ
Āpodhātupakopena, hoti pūtimukheva so.
‘‘สนฺตโตฺต ภวตี กาโย, ทโฎฺฐ อคฺคิมุเขน วา;
‘‘Santatto bhavatī kāyo, daṭṭho aggimukhena vā;
เตโชธาตุปโกเปน, โหติ อคฺคิมุเขว โสฯ
Tejodhātupakopena, hoti aggimukheva so.
‘‘สญฺฉิโนฺน ภวตี กาโย, ทโฎฺฐ สตฺถมุเขน วา;
‘‘Sañchinno bhavatī kāyo, daṭṭho satthamukhena vā;
วาโยธาตุปโกเปน, โหติ สตฺถมุเขว โส’’ติฯ –
Vāyodhātupakopena, hoti satthamukheva so’’ti. –
เอวํ ตาเวตฺถ วิเสสโต สทิสภาโว เวทิตโพฺพฯ
Evaṃ tāvettha visesato sadisabhāvo veditabbo.
อวิเสสโต ปน อาสยโต วิสเวควิการโต อนตฺถคฺคหณโต ทุรุปฎฺฐานโต ทุราสทโต อกตญฺญุตโต อวิเสสการิโต อนนฺตโทสูปทฺทวโตติ อิเมหิ การเณหิ เอเตสํ อาสีวิสสทิสตา เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ อาสยโตติ อาสีวิสานญฺหิ วมฺมิโก อาสโย, ตเตฺถว เต วสนฺติฯ มหาภูตานมฺปิ กายวมฺมิโก อาสโย ฯ อาสีวิสานญฺจ รุกฺขสุสิรติณปณฺณคหนสงฺการฎฺฐานานิปิ อาสโยฯ เอเตสุปิ หิ เต วสนฺติฯ มหาภูตานมฺปิ กายสุสิรํ กายคหนํ กายสงฺการฎฺฐานํ อาสโยติฯ เอวํ ตาว อาสยโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Avisesato pana āsayato visavegavikārato anatthaggahaṇato durupaṭṭhānato durāsadato akataññutato avisesakārito anantadosūpaddavatoti imehi kāraṇehi etesaṃ āsīvisasadisatā veditabbā. Tattha āsayatoti āsīvisānañhi vammiko āsayo, tattheva te vasanti. Mahābhūtānampi kāyavammiko āsayo . Āsīvisānañca rukkhasusiratiṇapaṇṇagahanasaṅkāraṭṭhānānipi āsayo. Etesupi hi te vasanti. Mahābhūtānampi kāyasusiraṃ kāyagahanaṃ kāyasaṅkāraṭṭhānaṃ āsayoti. Evaṃ tāva āsayato sadisatā veditabbā.
วิสเวควิการโตติ อาสีวิสา หิ กุลวเสน กฎฺฐมุขาทิเภทโต จตฺตาโรฯ ตตฺถ เอเกโก วิสวิการโต วิภชฺชมาโน ทฎฺฐวิสาทิวเสน จตุพฺพิโธ โหติฯ มหาภูตานิปิ ปจฺจตฺตลกฺขณวเสน ปถวีอาทิเภทโต จตฺตาริฯ เอตฺถ เอเกกํ กมฺมสมุฎฺฐานาทิวเสน จตุพฺพิธํ โหติฯ เอวํ วิสเวควิการโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Visavegavikāratoti āsīvisā hi kulavasena kaṭṭhamukhādibhedato cattāro. Tattha ekeko visavikārato vibhajjamāno daṭṭhavisādivasena catubbidho hoti. Mahābhūtānipi paccattalakkhaṇavasena pathavīādibhedato cattāri. Ettha ekekaṃ kammasamuṭṭhānādivasena catubbidhaṃ hoti. Evaṃ visavegavikārato sadisatā veditabbā.
อนตฺถคฺคหณโตติ อาสีวิเส คณฺหนฺตา ปญฺจ อนเตฺถ คณฺหนฺติ – ทุคฺคนฺธํ คณฺหนฺติ, อสุจิํ คณฺหนฺติ, พฺยาธิํ คณฺหนฺติ, วิสํ คณฺหนฺติ, มรณํ คณฺหนฺติฯ มหาภูตานิปิ คณฺหนฺตา ปญฺจ อนเตฺถ คณฺหนฺติ – ทุคฺคนฺธํ คณฺหนฺติ, อสุจิํ คณฺหนฺติ, พฺยาธิํ คณฺหนฺติ, ชรํ คณฺหนฺติ, มรณํ คณฺหนฺติฯ เตนาหุ โปราณา –
Anatthaggahaṇatoti āsīvise gaṇhantā pañca anatthe gaṇhanti – duggandhaṃ gaṇhanti, asuciṃ gaṇhanti, byādhiṃ gaṇhanti, visaṃ gaṇhanti, maraṇaṃ gaṇhanti. Mahābhūtānipi gaṇhantā pañca anatthe gaṇhanti – duggandhaṃ gaṇhanti, asuciṃ gaṇhanti, byādhiṃ gaṇhanti, jaraṃ gaṇhanti, maraṇaṃ gaṇhanti. Tenāhu porāṇā –
‘‘เยเกจิ สปฺปํ คณฺหนฺติ, มีฬฺหลิตฺตํ มหาวิสํ;
‘‘Yekeci sappaṃ gaṇhanti, mīḷhalittaṃ mahāvisaṃ;
ปญฺจ คณฺหนฺตุนตฺถานิ, โลเก สปฺปาภินนฺทิโนฯ
Pañca gaṇhantunatthāni, loke sappābhinandino.
‘‘ทุคฺคนฺธํ อสุจิํ พฺยาธิํ, วิสํ มรณปญฺจมํ;
‘‘Duggandhaṃ asuciṃ byādhiṃ, visaṃ maraṇapañcamaṃ;
อนตฺถา โหนฺติ ปเญฺจเต, มีฬฺหลิเตฺต ภุชงฺคเมฯ
Anatthā honti pañcete, mīḷhalitte bhujaṅgame.
‘‘เอวเมวํ อกุสลา, อนฺธพาลปุถุชฺชนา;
‘‘Evamevaṃ akusalā, andhabālaputhujjanā;
ปญฺจ คณฺหนฺตุนตฺถานิ, ภเว ชาตาภินนฺทิโนฯ
Pañca gaṇhantunatthāni, bhave jātābhinandino.
‘‘ทุคฺคนฺธํ อสุจิํ พฺยาธิํ, ชรํ มรณปญฺจมํ;
‘‘Duggandhaṃ asuciṃ byādhiṃ, jaraṃ maraṇapañcamaṃ;
อนตฺถา โหนฺติ ปเญฺจเต, มีฬฺหลิเตฺตว ปนฺนเค’’ติฯ –
Anatthā honti pañcete, mīḷhalitteva pannage’’ti. –
เอวํ อนตฺถคฺคหณโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ anatthaggahaṇato sadisatā veditabbā.
ทุรุปฎฺฐานโตติ เต อาสีวิสา ทุรุปฎฺฐานา, เอกสฺมิํ อุฎฺฐาตุกาเม เอโก นฺหายิตุกาโม โหติ , ตสฺมิํ นฺหายิตุกาเม อปโร ภุญฺชิตุกาโม, ตสฺมิํ ภุญฺชิตุกาเม อโญฺญ นิปชฺชิตุกาโม โหติฯ เตสุ ยสฺส ยเสฺสว อชฺฌาสโย น ปูรติ, โส ตเตฺถว ฑํสิตฺวา มาเรติฯ อิเมหิ ปน อาสีวิเสหิ ภูตาเนว ทุรุปฎฺฐานตรานิฯ ปถวีธาตุยา หิ เภสเชฺช กยิรมาเน อาโปธาตุ กุปฺปติ, ตเสฺสว เภสชฺชํ กโรนฺตสฺส เตโชธาตูติ เอวํ เอกิสฺสา เภสเชฺช กยิรมาเน อปรา กุปฺปนฺตีติฯ เอวํ ทุรุปฎฺฐานโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Durupaṭṭhānatoti te āsīvisā durupaṭṭhānā, ekasmiṃ uṭṭhātukāme eko nhāyitukāmo hoti , tasmiṃ nhāyitukāme aparo bhuñjitukāmo, tasmiṃ bhuñjitukāme añño nipajjitukāmo hoti. Tesu yassa yasseva ajjhāsayo na pūrati, so tattheva ḍaṃsitvā māreti. Imehi pana āsīvisehi bhūtāneva durupaṭṭhānatarāni. Pathavīdhātuyā hi bhesajje kayiramāne āpodhātu kuppati, tasseva bhesajjaṃ karontassa tejodhātūti evaṃ ekissā bhesajje kayiramāne aparā kuppantīti. Evaṃ durupaṭṭhānato sadisatā veditabbā.
ทุราสทโตติ ทุราสทา หิ อาสีวิสา, เคหสฺส ปุริมภาเค อาสีวิสํ ทิสฺวา ปจฺฉิมภาเคน ปลายนฺติ, ปจฺฉิมภาเค ทิสฺวา ปุริมภาเคน, เคหมเชฺฌ ทิสฺวา คพฺภํ ปวิสนฺติ, คเพฺภ ทิสฺวา มญฺจปีฐํ อภิรุหนฺติฯ มหาภูตานิ ตโตปิ ทุราสทตรานิฯ ตถารูเปน หิ กุฎฺฐโรเคน ผุฎฺฐสฺส กณฺณนาสาทีนิ ฉินฺทิตฺวา ปตนฺติ, สรีรํ สมฺผุฎติ นีลมกฺขิกา ปริวาเรนฺติ, สรีรคโนฺธ ทูรโตว อุพฺพาหติฯ ตํ ปุริสํ อโกฺกสมานมฺปิ ปริเทวมานมฺปิ เนว โรสวเสน, น การุเญฺญน, อุปสงฺกมิตุํ สโกฺกนฺติ, นาสิกํ ปิทหิตฺวา เขฬํ ปาเตนฺตา ทูรโตว นํ วิวเชฺชนฺติฯ เอวํ อเญฺญสมฺปิ ภคนฺทรกุจฺฉิโรควาตโรคาทีนํ พีภจฺฉเชคุจฺฉภาวกรานญฺจ โรคานํ วเสน อยเมวโตฺถ วิภาเวตโพฺพติฯ เอวํ ทุราสทโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Durāsadatoti durāsadā hi āsīvisā, gehassa purimabhāge āsīvisaṃ disvā pacchimabhāgena palāyanti, pacchimabhāge disvā purimabhāgena, gehamajjhe disvā gabbhaṃ pavisanti, gabbhe disvā mañcapīṭhaṃ abhiruhanti. Mahābhūtāni tatopi durāsadatarāni. Tathārūpena hi kuṭṭharogena phuṭṭhassa kaṇṇanāsādīni chinditvā patanti, sarīraṃ samphuṭati nīlamakkhikā parivārenti, sarīragandho dūratova ubbāhati. Taṃ purisaṃ akkosamānampi paridevamānampi neva rosavasena, na kāruññena, upasaṅkamituṃ sakkonti, nāsikaṃ pidahitvā kheḷaṃ pātentā dūratova naṃ vivajjenti. Evaṃ aññesampi bhagandarakucchirogavātarogādīnaṃ bībhacchajegucchabhāvakarānañca rogānaṃ vasena ayamevattho vibhāvetabboti. Evaṃ durāsadato sadisatā veditabbā.
อกตญฺญุตโตติ อาสีวิสา หิ อกตญฺญุโน โหนฺติ, นฺหาปิยมานาปิ โภชิยมานาปิ คนฺธมาลาทีหิ ปูชิยมานาปิ เปฬายํ ปกฺขิปิตฺวา ปริหริยมานาปิ โอตารเมว คเวสนฺติฯ ยตฺถ โอตารํ ลภนฺติ, ตเตฺถว นํ ฑํสิตฺวา มาเรนฺติฯ อาสีวิเสหิปิ มหาภูตาเนว อกตญฺญุตรานิฯ เอเตสญฺหิ กตํ นาม นตฺถิ, สีเตน วา อุเณฺหน วา นิมฺมเลน ชเลน นฺหาปิยมานานิปิ คนฺธมาลาทีหิ สกฺกริยมานานิปิ มุทุวตฺถมุทุสยนมุทุยานาทีหิ ปริหริยมานานิปิ, วรโภชนํ โภชิยมานานิปิ, วรปานํ ปายาปิยมานานิปิ โอตารเมว คเวสนฺติฯ ยตฺถ โอตารํ ลภนฺติ, ตเตฺถว กุปฺปิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปนฺตีติฯ เอวํ อกตญฺญุตโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Akataññutatoti āsīvisā hi akataññuno honti, nhāpiyamānāpi bhojiyamānāpi gandhamālādīhi pūjiyamānāpi peḷāyaṃ pakkhipitvā parihariyamānāpi otārameva gavesanti. Yattha otāraṃ labhanti, tattheva naṃ ḍaṃsitvā mārenti. Āsīvisehipi mahābhūtāneva akataññutarāni. Etesañhi kataṃ nāma natthi, sītena vā uṇhena vā nimmalena jalena nhāpiyamānānipi gandhamālādīhi sakkariyamānānipi muduvatthamudusayanamuduyānādīhi parihariyamānānipi, varabhojanaṃ bhojiyamānānipi, varapānaṃ pāyāpiyamānānipi otārameva gavesanti. Yattha otāraṃ labhanti, tattheva kuppitvā anayabyasanaṃ pāpentīti. Evaṃ akataññutato sadisatā veditabbā.
อวิเสสการิโตติ อาสีวิสา หิ ‘‘อยํ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวโสฺส วา สุโทฺท วา คหโฎฺฐ วา ปพฺพชิโต วา’’ติ วิเสสํ น กโรนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตเมว ฑํสิตฺวา มาเรนฺติฯ มหาภูตานิปิ ‘‘อยํ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวโสฺส วา สุโทฺท วา คหโฎฺฐ วา ปพฺพชิโต วา เทโว วา มนุโสฺส วา มาโร วา พฺรหฺมา วา นิคฺคุโณ วา สคุโณ วา’’ติ วิเสสํ น กโรนฺติ ฯ ยทิ หิ เนสํ ‘‘อยํ คุณวา’’ติ ลชฺชา อุปฺปเชฺชยฺย, สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคเล ตถาคเต ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺยุํฯ อถาปิ เนสํ ‘‘อยํ มหาปโญฺญ อยํ มหิทฺธิโก อยํ ธุตวาโท’’ติอาทินา นเยน ลชฺชา อุปฺปเชฺชยฺย, ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถราทีสุ ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺยุํฯ อถาปิ เนสํ ‘‘อยํ นิคฺคุโณ ทารุโณ ถโทฺธ’’ติ ภยํ อุปฺปเชฺชยฺย, สเทวเก โลเก นิคฺคุณถทฺธทารุณานํ อคฺคสฺส เทวทตฺตสฺส ฉนฺนํ วา สตฺถารานํ ภาเยยฺยุํ, น จ ลชฺชนฺติ น จ ภายนฺติ, กุปฺปิตฺวา ยํกิญฺจิ อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺติเยวฯ เอวํ อวิเสสการิโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Avisesakāritoti āsīvisā hi ‘‘ayaṃ khattiyo vā brāhmaṇo vā vesso vā suddo vā gahaṭṭho vā pabbajito vā’’ti visesaṃ na karonti, sampattasampattameva ḍaṃsitvā mārenti. Mahābhūtānipi ‘‘ayaṃ khattiyo vā brāhmaṇo vā vesso vā suddo vā gahaṭṭho vā pabbajito vā devo vā manusso vā māro vā brahmā vā nigguṇo vā saguṇo vā’’ti visesaṃ na karonti . Yadi hi nesaṃ ‘‘ayaṃ guṇavā’’ti lajjā uppajjeyya, sadevake loke aggapuggale tathāgate lajjaṃ uppādeyyuṃ. Athāpi nesaṃ ‘‘ayaṃ mahāpañño ayaṃ mahiddhiko ayaṃ dhutavādo’’tiādinā nayena lajjā uppajjeyya, dhammasenāpatisāriputtattherādīsu lajjaṃ uppādeyyuṃ. Athāpi nesaṃ ‘‘ayaṃ nigguṇo dāruṇo thaddho’’ti bhayaṃ uppajjeyya, sadevake loke nigguṇathaddhadāruṇānaṃ aggassa devadattassa channaṃ vā satthārānaṃ bhāyeyyuṃ, na ca lajjanti na ca bhāyanti, kuppitvā yaṃkiñci anayabyasanaṃ āpādentiyeva. Evaṃ avisesakārito sadisatā veditabbā.
อนนฺตโทสูปทฺทวโตติ อาสีวิเส นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกานญฺหิ โทสูปทฺทวานํ ปมาณํ นตฺถิฯ ตถา เหเต ฑํสิตฺวา กาณมฺปิ กโรนฺติ ขุชฺชมฺปิ ปีฐสปฺปิมฺปิ เอกปกฺขลมฺปีติ เอวํ อปริมาณํ วิปฺปการํ ทเสฺสนฺติฯ ภูตานิปิ กุปฺปิตานิ น กาณาทิภาเวสุ น กิญฺจิ วิปฺปการํ น กโรนฺติ, อปฺปมาโณ เอเตสํ โทสูปทฺทโวติฯ เอวํ อนนฺตโทสูปทฺทวโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Anantadosūpaddavatoti āsīvise nissāya uppajjanakānañhi dosūpaddavānaṃ pamāṇaṃ natthi. Tathā hete ḍaṃsitvā kāṇampi karonti khujjampi pīṭhasappimpi ekapakkhalampīti evaṃ aparimāṇaṃ vippakāraṃ dassenti. Bhūtānipi kuppitāni na kāṇādibhāvesu na kiñci vippakāraṃ na karonti, appamāṇo etesaṃ dosūpaddavoti. Evaṃ anantadosūpaddavato sadisatā veditabbā.
อิทาเนตฺถ จตุมหาภูตวเสน ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ กเถตพฺพํ สิยา, ตํ วิสุทฺธิมเคฺค จตุธาตุววตฺถานนิเทฺทเส กถิตเมวฯ
Idānettha catumahābhūtavasena yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ kathetabbaṃ siyā, taṃ visuddhimagge catudhātuvavatthānaniddese kathitameva.
ปญฺจ วธกา ปจฺจตฺถิกาติ โข ภิกฺขเว ปญฺจเนฺนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ ทฺวีหิ อากาเรหิ ขนฺธานํ วธกปจฺจตฺถิกสทิสตา เวทิตพฺพาฯ ขนฺธา หิ อญฺญมญฺญญฺจ วเธนฺติ, เตสุ จ สเนฺตสุ วโธ นาม ปญฺญายติฯ กถํ? รูปํ ตาว รูปมฺปิ วเธติ อรูปมฺปิ, ตถา อรูปํ อรูปมฺปิ วเธติ รูปมฺปิฯ กถํ? อยญฺหิ ปถวีธาตุ ภิชฺชมานา อิตรา ติโสฺส ธาตุโย คเหตฺวาว ภิชฺชติ, อาโปธาตุอาทีสุปิ เอเสว นโย, เอวํ ตาว รูปํ รูปเมว วเธติฯ รูปกฺขโนฺธ ปน ภิชฺชมาโน จตฺตาโร อรูปกฺขเนฺธ คเหตฺวาว ภิชฺชติ, เอวํ รูปํ อรูปมฺปิ วเธติฯ เวทนากฺขโนฺธปิ ภิชฺชมาโน สญฺญาสงฺขารวิญฺญาณกฺขเนฺธ คเหตฺวาว ภิชฺชติฯ สญฺญากฺขนฺธาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ อรูปํ อรูปเมว วเธติฯ จุติกฺขเณ ปน จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา ภิชฺชมานา วตฺถุรูปมฺปิ คเหตฺวาว ภิชฺชนฺติ, เอวํ อรูปํ รูปมฺปิ วเธติฯ เอวํ ตาว อญฺญมญฺญํ วเธนฺตีติ วธกาฯ ยตฺถ ปน ขนฺธา อตฺถิ, ตตฺถ เฉทนเภทนวธพนฺธนาทโย โหนฺติ, น อญฺญตฺถาติฯ เอวํ ขเนฺธสุ สเนฺตสุ วโธ ปญฺญายตีติปิ วธกาฯ
Pañca vadhakā paccatthikāti kho bhikkhave pañcannetaṃ upādānakkhandhānaṃ adhivacananti ettha dvīhi ākārehi khandhānaṃ vadhakapaccatthikasadisatā veditabbā. Khandhā hi aññamaññañca vadhenti, tesu ca santesu vadho nāma paññāyati. Kathaṃ? Rūpaṃ tāva rūpampi vadheti arūpampi, tathā arūpaṃ arūpampi vadheti rūpampi. Kathaṃ? Ayañhi pathavīdhātu bhijjamānā itarā tisso dhātuyo gahetvāva bhijjati, āpodhātuādīsupi eseva nayo, evaṃ tāva rūpaṃ rūpameva vadheti. Rūpakkhandho pana bhijjamāno cattāro arūpakkhandhe gahetvāva bhijjati, evaṃ rūpaṃ arūpampi vadheti. Vedanākkhandhopi bhijjamāno saññāsaṅkhāraviññāṇakkhandhe gahetvāva bhijjati. Saññākkhandhādīsupi eseva nayo. Evaṃ arūpaṃ arūpameva vadheti. Cutikkhaṇe pana cattāro arūpakkhandhā bhijjamānā vatthurūpampi gahetvāva bhijjanti, evaṃ arūpaṃ rūpampi vadheti. Evaṃ tāva aññamaññaṃ vadhentīti vadhakā. Yattha pana khandhā atthi, tattha chedanabhedanavadhabandhanādayo honti, na aññatthāti. Evaṃ khandhesu santesu vadho paññāyatītipi vadhakā.
อิทานิ ปญฺจกฺขเนฺธ รูปารูปวเสน เทฺว โกฎฺฐาเส กตฺวา, รูปวเสน วา นามวเสน วา รูปปริคฺคหํ อาทิํ กตฺวา, ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ กเถตพฺพํ สิยา ตมฺปิ วิสุทฺธิมเคฺค กถิตเมวฯ
Idāni pañcakkhandhe rūpārūpavasena dve koṭṭhāse katvā, rūpavasena vā nāmavasena vā rūpapariggahaṃ ādiṃ katvā, yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ kathetabbaṃ siyā tampi visuddhimagge kathitameva.
ฉโฎฺฐ อนฺตรจโร วธโก อุกฺขิตฺตาสิโกติ โข, ภิกฺขเว, นนฺทีราคเสฺสตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ ทฺวีหากาเรหิ นนฺทีราคสฺส อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสตา เวทิตพฺพา ปญฺญาสิรปาตนโต จ โยนิสมฺปฎิปาทนโต จฯ กถํ? จกฺขุทฺวารสฺมิญฺหิ อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต ตํ อารมฺมณํ นิสฺสาย โลโภ อุปฺปชฺชติ, เอตฺตาวตา ปญฺญาสีสํ ปติตํ นาม โหติ, โสตทฺวาราทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ตาว ปญฺญาสิรปาตนโต สทิสตา เวทิตพฺพาฯ นนฺทีราโค ปเนส อณฺฑชาทิเภทา จตโสฺส โยนิโย อุปเนติฯ ตสฺส โยนิอุปคมนมูลกานิ ปญฺจวีสติ มหาภยานิ ทฺวตฺติํส กมฺมการณานิ จ อาคตาเนว โหนฺตีติ เอวํ โยนิสมฺปฎิปาทนโตปิสฺส อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสตา เวทิตพฺพาฯ
Chaṭṭho antaracaro vadhako ukkhittāsikoti kho, bhikkhave, nandīrāgassetaṃ adhivacananti ettha dvīhākārehi nandīrāgassa ukkhittāsikavadhakasadisatā veditabbā paññāsirapātanato ca yonisampaṭipādanato ca. Kathaṃ? Cakkhudvārasmiñhi iṭṭhārammaṇe āpāthagate taṃ ārammaṇaṃ nissāya lobho uppajjati, ettāvatā paññāsīsaṃ patitaṃ nāma hoti, sotadvārādīsupi eseva nayo. Evaṃ tāva paññāsirapātanato sadisatā veditabbā. Nandīrāgo panesa aṇḍajādibhedā catasso yoniyo upaneti. Tassa yoniupagamanamūlakāni pañcavīsati mahābhayāni dvattiṃsa kammakāraṇāni ca āgatāneva hontīti evaṃ yonisampaṭipādanatopissa ukkhittāsikavadhakasadisatā veditabbā.
อิติ นนฺทีราควเสนาปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฎฺฐานํ กถิตเมว โหติฯ กถํ? อยญฺหิ นนฺทีราโค สงฺขารกฺขโนฺธ, ตํ สงฺขารกฺขโนฺธติ ววตฺถเปตฺวา ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขโนฺธ, สญฺญา สญฺญากฺขโนฺธ, จิตฺตํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ, เตสํ วตฺถารมฺมณํ รูปกฺขโนฺธติ, เอวํ ปญฺจกฺขเนฺธ ววตฺถเปติฯ อิทานิ เต ปญฺจกฺขเนฺธ นามรูปวเสน ววตฺถเปตฺวา, เตสํ ปจฺจยปริเยสนโต ปฎฺฐาย วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา, อนุปุเพฺพน เอโก อรหตฺตํ ปาปุณาตีติ เอวํ นนฺทีราควเสน กมฺมฎฺฐานํ กถิตํ โหติฯ
Iti nandīrāgavasenāpi ekassa bhikkhuno kammaṭṭhānaṃ kathitameva hoti. Kathaṃ? Ayañhi nandīrāgo saṅkhārakkhandho, taṃ saṅkhārakkhandhoti vavatthapetvā taṃsampayuttā vedanā vedanākkhandho, saññā saññākkhandho, cittaṃ viññāṇakkhandho, tesaṃ vatthārammaṇaṃ rūpakkhandhoti, evaṃ pañcakkhandhe vavatthapeti. Idāni te pañcakkhandhe nāmarūpavasena vavatthapetvā, tesaṃ paccayapariyesanato paṭṭhāya vipassanaṃ vaḍḍhetvā, anupubbena eko arahattaṃ pāpuṇātīti evaṃ nandīrāgavasena kammaṭṭhānaṃ kathitaṃ hoti.
ฉนฺนํ อชฺฌตฺติกายตนานํ สุญฺญคาเมน สทิสตา ปาฬิยํเยว อาคตาฯ อยํ ปเนตฺถ กมฺมฎฺฐานนโย – ยถา จ เต ฉ โจรา ฉกุฎิกํ สุญฺญํ คามํ ปวิสิตฺวา อปราปรํ วิจรนฺตา กิญฺจิ อลภิตฺวา คาเมน อนตฺถิกา โหนฺติ, เอวเมวํ ภิกฺขุ ฉสุ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อภินิวิสิตฺวา วิจินโนฺต ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คเหตพฺพํ กิญฺจิ อทิสฺวา เตหิ อนตฺถิโก โหติฯ โส ‘‘วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปสฺสามี’’ติ อุปาทารูปกมฺมฎฺฐานวเสน จกฺขุปสาทาทโย ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อยํ รูปกฺขโนฺธ’’ติ ววตฺถเปติ, มนายตนํ ‘‘อรูปกฺขโนฺธ’’ติฯ อิติ สพฺพานิเปตานิ นามเญฺจว รูปญฺจาติ นามรูปวเสน ววตฺถเปตฺวา, เตสํ ปจฺจยํ ปริเยสิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา , สงฺขาเร สมฺมสโนฺต อนุปุเพฺพน อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ อิทํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ กถิตํ โหติฯ
Channaṃ ajjhattikāyatanānaṃ suññagāmena sadisatā pāḷiyaṃyeva āgatā. Ayaṃ panettha kammaṭṭhānanayo – yathā ca te cha corā chakuṭikaṃ suññaṃ gāmaṃ pavisitvā aparāparaṃ vicarantā kiñci alabhitvā gāmena anatthikā honti, evamevaṃ bhikkhu chasu ajjhattikāyatanesu abhinivisitvā vicinanto ‘‘aha’’nti vā ‘‘mama’’nti vā gahetabbaṃ kiñci adisvā tehi anatthiko hoti. So ‘‘vipassanaṃ paṭṭhapessāmī’’ti upādārūpakammaṭṭhānavasena cakkhupasādādayo pariggahetvā ‘‘ayaṃ rūpakkhandho’’ti vavatthapeti, manāyatanaṃ ‘‘arūpakkhandho’’ti. Iti sabbānipetāni nāmañceva rūpañcāti nāmarūpavasena vavatthapetvā, tesaṃ paccayaṃ pariyesitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā , saṅkhāre sammasanto anupubbena arahatte patiṭṭhāti. Idaṃ ekassa bhikkhuno yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ kathitaṃ hoti.
อิทานิ พาหิรานํ คามฆาตกโจเรหิ สทิสตํ ทเสฺสโนฺต โจรา คามฆาตกาติ โขติอาทิมาหฯ ตตฺถ มนาปามนาเปสูติ กรณเตฺถ ภุมฺมํ, มนาปามนาเปหีติ อโตฺถฯ ตตฺถ โจเรสุ คามํ หนเนฺตสุ ปญฺจ กิจฺจานิ วตฺตนฺติ – โจรา ตาว คามํ ปริวาเรตฺวา ฐิตา อคฺคิํ ทตฺวา กฎกฎสทฺทํ อุฎฺฐาเปนฺติ, ตโต มนุสฺสา หตฺถสารํ คเหตฺวา พหิ นิกฺขมนฺติฯ ตโต เตหิ สทฺธิํ ภณฺฑกสฺส การณา หตฺถปรามาสํ กโรนฺติฯ เกจิ ปเนตฺถ ปหารํ ปาปุณนฺติ, เกจิ ปหารฎฺฐาเน ปตนฺติ, อวเสเส ปน อโรคชเน พนฺธิตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ เนตฺวา รชฺชุพนฺธนาทีหิ พนฺธิตฺวา ทาสปริโภเคน ปริภุญฺชนฺติฯ
Idāni bāhirānaṃ gāmaghātakacorehi sadisataṃ dassento corā gāmaghātakāti khotiādimāha. Tattha manāpāmanāpesūti karaṇatthe bhummaṃ, manāpāmanāpehīti attho. Tattha coresu gāmaṃ hanantesu pañca kiccāni vattanti – corā tāva gāmaṃ parivāretvā ṭhitā aggiṃ datvā kaṭakaṭasaddaṃ uṭṭhāpenti, tato manussā hatthasāraṃ gahetvā bahi nikkhamanti. Tato tehi saddhiṃ bhaṇḍakassa kāraṇā hatthaparāmāsaṃ karonti. Keci panettha pahāraṃ pāpuṇanti, keci pahāraṭṭhāne patanti, avasese pana arogajane bandhitvā attano vasanaṭṭhānaṃ netvā rajjubandhanādīhi bandhitvā dāsaparibhogena paribhuñjanti.
ตตฺถ คามฆาตกโจรานํ คามํ ปริวาเรตฺวา อคฺคิทานํ วิย ฉสุ ทฺวาเรสุ อารมฺมเณ อาปาถคเต กิเลสปริฬาหุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, หตฺถสารํ อาทาย พหิ นิกฺขมนํ วิยฯ ตงฺขเณ กุสลธมฺมํ ปหาย อกุสลสมงฺคิตา, ภณฺฑกสฺส การณา หตฺถปรามสนาปชฺชนํ วิย ทุกฺกฎทุพฺภาสิตปาจิตฺติยถุลฺลจฺจยานํ อาปชฺชนกาโล, ปหารลทฺธกาโล วิย สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชนกาโล, ปหารํ ลทฺธา ปน ปหารฎฺฐาเน ปติตกาโล วิย ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา อสฺสมณกาโล, อวเสสชนสฺส พนฺธิตฺวา วสนฎฺฐานํ เนตฺวา ทาสปริโภเคน ปริภุญฺชนกาโล วิย ตเมว อารมฺมณํ นิสฺสาย สเพฺพสํ ปสฺสนฺตานํเยว จูฬสีลมชฺฌิมสีลมหาสีลานิ ภินฺทิตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คิหิภาวํ อาปชฺชนกาโลฯ ตตฺรสฺส ปุตฺตทารํ โปเสนฺตสฺส สนฺทิฎฺฐิโก ทุกฺขกฺขโนฺธ เวทิตโพฺพ, กาลํ กตฺวา อปาเย นิพฺพตฺตสฺส สมฺปรายิโกฯ
Tattha gāmaghātakacorānaṃ gāmaṃ parivāretvā aggidānaṃ viya chasu dvāresu ārammaṇe āpāthagate kilesapariḷāhuppatti veditabbā, hatthasāraṃ ādāya bahi nikkhamanaṃ viya. Taṅkhaṇe kusaladhammaṃ pahāya akusalasamaṅgitā, bhaṇḍakassa kāraṇā hatthaparāmasanāpajjanaṃ viya dukkaṭadubbhāsitapācittiyathullaccayānaṃ āpajjanakālo, pahāraladdhakālo viya saṅghādisesaṃ āpajjanakālo, pahāraṃ laddhā pana pahāraṭṭhāne patitakālo viya pārājikaṃ āpajjitvā assamaṇakālo, avasesajanassa bandhitvā vasanaṭṭhānaṃ netvā dāsaparibhogena paribhuñjanakālo viya tameva ārammaṇaṃ nissāya sabbesaṃ passantānaṃyeva cūḷasīlamajjhimasīlamahāsīlāni bhinditvā sikkhaṃ paccakkhāya gihibhāvaṃ āpajjanakālo. Tatrassa puttadāraṃ posentassa sandiṭṭhiko dukkhakkhandho veditabbo, kālaṃ katvā apāye nibbattassa samparāyiko.
อิมานิปิ พาหิรายตนานิ เอกสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฎฺฐานวเสเนว กถิตานิฯ เอตฺถ หิ รูปาทีนิ จตฺตาริ อุปาทารูปานิ, โผฎฺฐพฺพายตนํ ติโสฺส ธาตุโย, ธมฺมายตเน อาโปธาตุยา สทฺธิํ ตา จตโสฺสติ อิมานิ จตฺตาริ ภูตานิ, เตสํ ปริเจฺฉทวเสน อากาสธาตุ, ลหุตาทิวเสน ลหุตาทโยติ เอวมิทํ สพฺพมฺปิ ภูตุปาทายรูปํ รูปกฺขโนฺธ, ตทารมฺมณา เวทนาทโย จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธาฯ ตตฺถ ‘‘รูปกฺขโนฺธ รูปํ, จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา นาม’’นฺติฯ นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ปุริมนเยเนว ปฎิปชฺชนฺตสฺส ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ กถิตํ โหติฯ
Imānipi bāhirāyatanāni ekassa bhikkhuno kammaṭṭhānavaseneva kathitāni. Ettha hi rūpādīni cattāri upādārūpāni, phoṭṭhabbāyatanaṃ tisso dhātuyo, dhammāyatane āpodhātuyā saddhiṃ tā catassoti imāni cattāri bhūtāni, tesaṃ paricchedavasena ākāsadhātu, lahutādivasena lahutādayoti evamidaṃ sabbampi bhūtupādāyarūpaṃ rūpakkhandho, tadārammaṇā vedanādayo cattāro arūpakkhandhā. Tattha ‘‘rūpakkhandho rūpaṃ, cattāro arūpino khandhā nāma’’nti. Nāmarūpaṃ vavatthapetvā purimanayeneva paṭipajjantassa yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ kathitaṃ hoti.
โอฆานนฺติ เอตฺถ ทุรุตฺตรณโฎฺฐ โอฆโฎฺฐฯ เอเต หิ ‘‘สีลสํวรํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสยํ สมุฎฺฐาเปตฺวา กลฺยาณมิเตฺต นิสฺสาย สมฺมา วายมเนฺตน ตริตพฺพา, เยน วา เตน วา ทุรุตฺตราฯ อิมินา ทุรุตฺตรณเฎฺฐน โอฆาติ วุจฺจนฺติฯ เตปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฎฺฐานวเสน กถิตาฯ จตฺตาโรปิ หิ เอเต เอโก สงฺขารกฺขโนฺธ วาติฯ เสสํ นนฺทีราเค วุตฺตนเยเนว โยเชตฺวา วิตฺถาเรตพฺพํฯ
Oghānanti ettha duruttaraṇaṭṭho oghaṭṭho. Ete hi ‘‘sīlasaṃvaraṃ pūretvā arahattaṃ pāpuṇissāmī’’ti ajjhāsayaṃ samuṭṭhāpetvā kalyāṇamitte nissāya sammā vāyamantena taritabbā, yena vā tena vā duruttarā. Iminā duruttaraṇaṭṭhena oghāti vuccanti. Tepi ekassa bhikkhuno kammaṭṭhānavasena kathitā. Cattāropi hi ete eko saṅkhārakkhandho vāti. Sesaṃ nandīrāge vuttanayeneva yojetvā vitthāretabbaṃ.
สกฺกายเสฺสตํ อธิวจนนฺติ, สกฺกาโยปิ หิ อาสีวิสาทีหิ อุทกณฺณวสฺส โอริมตีรํ วิย จตุมหาภูตาทีหิ สาสโงฺก สปฺปฎิภโย, โสปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฎฺฐานวเสเนว กถิโตฯ สกฺกาโย หิ เตภูมกปญฺจกฺขนฺธา, เต จ สมาสโต นามรูปเมวาติฯ เอวเมตฺถ นามรูปววตฺถานํ อาทิํ กตฺวา ยาว อรหตฺตา กมฺมฎฺฐานํ วิตฺถาเรตพฺพนฺติฯ
Sakkāyassetaṃ adhivacananti, sakkāyopi hi āsīvisādīhi udakaṇṇavassa orimatīraṃ viya catumahābhūtādīhi sāsaṅko sappaṭibhayo, sopi ekassa bhikkhuno kammaṭṭhānavaseneva kathito. Sakkāyo hi tebhūmakapañcakkhandhā, te ca samāsato nāmarūpamevāti. Evamettha nāmarūpavavatthānaṃ ādiṃ katvā yāva arahattā kammaṭṭhānaṃ vitthāretabbanti.
นิพฺพานเสฺสตํ อธิวจนนฺติ นิพฺพานญฺหิ อุทกณฺณวสฺส ปาริมตีรํ วิย จตุมหาภูตาทีหิ เขมํ อปฺปฎิภยํฯ วีริยารมฺภเสฺสตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ จิตฺตกิริยทสฺสนตฺถํ เหฎฺฐา วุตฺตวายามเมว วีริยนฺติ คณฺหิตฺวา ทเสฺสติฯ ติโณฺณ ปารงฺคโตติ ตริตฺวา ปารํ คโตฯ
Nibbānassetaṃ adhivacananti nibbānañhi udakaṇṇavassa pārimatīraṃ viya catumahābhūtādīhi khemaṃ appaṭibhayaṃ. Vīriyārambhassetaṃ adhivacananti ettha cittakiriyadassanatthaṃ heṭṭhā vuttavāyāmameva vīriyanti gaṇhitvā dasseti. Tiṇṇo pāraṅgatoti taritvā pāraṃ gato.
ตตฺถ ยถา สาสงฺกโอริมตีเร ฐิเตน อุทกณฺณวํ ตริตุกาเมน กติปาหํ วสิตฺวา สณิกํ นาวํ สเชฺชตฺวา อุทกกีฬํ กีฬเนฺตน วิย น นาวา อภิรุหิตพฺพาฯ เอวํ กโรโนฺต หิ อนารุโฬฺหว พฺยสนํ ปาปุณาติฯ เอวเมว กิเลสณฺณวํ ตริตุกาเมน ‘‘ตรุโณ ตาวมฺหิ, มหลฺลกกาเล อฎฺฐงฺคิกมคฺคกุลฺลํ พนฺธิสฺสามี’’ติ ปปโญฺจ น กาตโพฺพ ฯ เอวํ กโรโนฺต หิ มหลฺลกกาลํ อปตฺวาปิ วินาสํ ปาปุณาติ, ปตฺวาปิ กาตุํ น สโกฺกติฯ ภเทฺทกรตฺตาทีนิ ปน อนุสฺสริตฺวา เวเคเนว อยํ อริยมคฺคกุโลฺล พนฺธิตโพฺพฯ
Tattha yathā sāsaṅkaorimatīre ṭhitena udakaṇṇavaṃ taritukāmena katipāhaṃ vasitvā saṇikaṃ nāvaṃ sajjetvā udakakīḷaṃ kīḷantena viya na nāvā abhiruhitabbā. Evaṃ karonto hi anāruḷhova byasanaṃ pāpuṇāti. Evameva kilesaṇṇavaṃ taritukāmena ‘‘taruṇo tāvamhi, mahallakakāle aṭṭhaṅgikamaggakullaṃ bandhissāmī’’ti papañco na kātabbo . Evaṃ karonto hi mahallakakālaṃ apatvāpi vināsaṃ pāpuṇāti, patvāpi kātuṃ na sakkoti. Bhaddekarattādīni pana anussaritvā vegeneva ayaṃ ariyamaggakullo bandhitabbo.
ยถา จ กุลฺลํ พนฺธนฺตสฺส หตฺถปาทปาริปูริ อิจฺฉิตพฺพาฯ กุณฺฐปาโท หิ ขญฺชปาโท วา ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกติ, ผณหตฺถกาทโย ติณปณฺณาทีนิ คเหตุํ น สโกฺกนฺติฯ เอวมิมมฺปิ อริยมคฺคกุลฺลํ พนฺธนฺตสฺส สีลปาทานเญฺจว สทฺธาหตฺถสฺส จ ปาริปูริ อิจฺฉิตพฺพาฯ น หิ ทุสฺสีโล อสฺสโทฺธ สาสเน อปฺปติฎฺฐิโต ปฎิปตฺติํ อสฺสทฺทหโนฺต อริยมคฺคกุลฺลํ พนฺธิตุํ สโกฺกติฯ ยถา จ ปริปุณฺณหตฺถปาโทปิ ทุพฺพโล พฺยาธิปีฬิโต กุลฺลํ พนฺธิตุํ น สโกฺกติ, ถามสมฺปโนฺนว สโกฺกติ, เอวํ สีลวา สโทฺธปิ อลโส กุสีโต อิมํ มคฺคกุลฺลํ พนฺธิตุํ น สโกฺกติ , อารทฺธวีริโยว สโกฺกตีติ อิมํ พนฺธิตุกาเมน อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํฯ ยถา โส ปุริโส กุลฺลํ พนฺธิตฺวา ตีเร ฐตฺวา โยชนวิตฺถารํ อุทกณฺณวํ ‘‘อยํ มยา ปจฺจตฺตปุริสการํ นิสฺสาย นิตฺถริตโพฺพ’’ติ มานสํ พนฺธติ, เอวํ โยคินาปิ จงฺกมา โอรุยฺห ‘‘อชฺช มยา จตุมคฺควชฺฌํ กิเลสณฺณวํ ตริตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาตพฺพ’’นฺติ มานสํ พนฺธิตพฺพํฯ
Yathā ca kullaṃ bandhantassa hatthapādapāripūri icchitabbā. Kuṇṭhapādo hi khañjapādo vā patiṭṭhātuṃ na sakkoti, phaṇahatthakādayo tiṇapaṇṇādīni gahetuṃ na sakkonti. Evamimampi ariyamaggakullaṃ bandhantassa sīlapādānañceva saddhāhatthassa ca pāripūri icchitabbā. Na hi dussīlo assaddho sāsane appatiṭṭhito paṭipattiṃ assaddahanto ariyamaggakullaṃ bandhituṃ sakkoti. Yathā ca paripuṇṇahatthapādopi dubbalo byādhipīḷito kullaṃ bandhituṃ na sakkoti, thāmasampannova sakkoti, evaṃ sīlavā saddhopi alaso kusīto imaṃ maggakullaṃ bandhituṃ na sakkoti , āraddhavīriyova sakkotīti imaṃ bandhitukāmena āraddhavīriyena bhavitabbaṃ. Yathā so puriso kullaṃ bandhitvā tīre ṭhatvā yojanavitthāraṃ udakaṇṇavaṃ ‘‘ayaṃ mayā paccattapurisakāraṃ nissāya nittharitabbo’’ti mānasaṃ bandhati, evaṃ yogināpi caṅkamā oruyha ‘‘ajja mayā catumaggavajjhaṃ kilesaṇṇavaṃ taritvā arahatte patiṭṭhātabba’’nti mānasaṃ bandhitabbaṃ.
ยถา จ โส ปุริโส กุลฺลํ นิสฺสาย อุทกณฺณวํ ตรโนฺต คาวุตมตฺตํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ‘‘เอกโกฎฺฐาสํ อติกฺกโนฺตมฺหิ, อเญฺญ ตโย เสสา’’ติ ชานาติ, อปรมฺปิ คาวุตมตฺตํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ‘‘เทฺว อติกฺกโนฺตมฺหิ, เทฺว เสสา’’ติ ชานาติ, อปรมฺปิ คาวุตมตฺตํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ‘‘ตโย อติกฺกโนฺตมฺหิ, เอโก เสโส’’ติ ชานาติ, ตมฺปิ อติกฺกมฺม นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ‘‘จตฺตาโรปิ เม โกฎฺฐสา อติกฺกนฺตา’’ติ ชานาติ, ตญฺจ กุลฺลํ ปาเทน อกฺกมิตฺวา โสตาภิมุขํ ขิปิตฺวา อุตฺตริตฺวา ตีเร ติฎฺฐติฯ เอวํ อยมฺปิ ภิกฺขุ อริยมคฺคกุลฺลํ นิสฺสาย กิเลสณฺณวํ ตรโนฺต โสตาปตฺติมเคฺคน ปฐมมคฺควเชฺฌ กิเลเส ตริตฺวา มคฺคานนฺตเร ผเล ฐิโต ปจฺจเวกฺขณญาเณน นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ‘‘จตุมคฺควชฺฌานํ เม กิเลสานํ เอโก โกฎฺฐาโส ปหีโน , อิตเร ตโย เสสา’’ติ ชานาติฯ ปุน ตเถว อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต สกทาคามิมเคฺคน ทุติยมคฺควเชฺฌ กิเลเส ตริตฺวา มคฺคานนฺตเร ผเล ฐิโต ปจฺจเวกฺขณญาเณน นิวตฺติตฺวา, โอโลเกโนฺต ‘‘จตุมคฺควชฺฌานํ เม กิเลสานํ เทฺว โกฎฺฐาสา ปหีนา , อิตเร เทฺว เสสา’’ติ ชานาติฯ ปุน ตเถว อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต อนาคามิมเคฺคน ตติยมคฺควเชฺฌ กิเลเส ตริตฺวา มคฺคานนฺตเร ผเล ฐิโต ปจฺจเวกฺขณญาเณน นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ‘‘จตุมคฺควชฺฌานํ เม กิเลสานํ ตโย โกฎฺฐาสา ปหีนา, เอโก เสโส’’ติ ชานาติฯ ปุน ตเถว อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต อรหตฺตมเคฺคน จตุตฺถมคฺควเชฺฌ กิเลเส ตริตฺวา มคฺคานนฺตเร ผเล ฐิโต ปจฺจเวกฺขณญาเณน นิวตฺติตฺวา โอโลเกโนฺต ‘‘สพฺพกิเลสา เม ปหีนา’’ติ ชานาติฯ
Yathā ca so puriso kullaṃ nissāya udakaṇṇavaṃ taranto gāvutamattaṃ gantvā nivattitvā olokento ‘‘ekakoṭṭhāsaṃ atikkantomhi, aññe tayo sesā’’ti jānāti, aparampi gāvutamattaṃ gantvā nivattitvā olokento ‘‘dve atikkantomhi, dve sesā’’ti jānāti, aparampi gāvutamattaṃ gantvā nivattitvā olokento ‘‘tayo atikkantomhi, eko seso’’ti jānāti, tampi atikkamma nivattitvā olokento ‘‘cattāropi me koṭṭhasā atikkantā’’ti jānāti, tañca kullaṃ pādena akkamitvā sotābhimukhaṃ khipitvā uttaritvā tīre tiṭṭhati. Evaṃ ayampi bhikkhu ariyamaggakullaṃ nissāya kilesaṇṇavaṃ taranto sotāpattimaggena paṭhamamaggavajjhe kilese taritvā maggānantare phale ṭhito paccavekkhaṇañāṇena nivattitvā olokento ‘‘catumaggavajjhānaṃ me kilesānaṃ eko koṭṭhāso pahīno , itare tayo sesā’’ti jānāti. Puna tatheva indriyabalabojjhaṅgāni samodhānetvā saṅkhāre sammasanto sakadāgāmimaggena dutiyamaggavajjhe kilese taritvā maggānantare phale ṭhito paccavekkhaṇañāṇena nivattitvā, olokento ‘‘catumaggavajjhānaṃ me kilesānaṃ dve koṭṭhāsā pahīnā , itare dve sesā’’ti jānāti. Puna tatheva indriyabalabojjhaṅgāni samodhānetvā saṅkhāre sammasanto anāgāmimaggena tatiyamaggavajjhe kilese taritvā maggānantare phale ṭhito paccavekkhaṇañāṇena nivattitvā olokento ‘‘catumaggavajjhānaṃ me kilesānaṃ tayo koṭṭhāsā pahīnā, eko seso’’ti jānāti. Puna tatheva indriyabalabojjhaṅgāni samodhānetvā saṅkhāre sammasanto arahattamaggena catutthamaggavajjhe kilese taritvā maggānantare phale ṭhito paccavekkhaṇañāṇena nivattitvā olokento ‘‘sabbakilesā me pahīnā’’ti jānāti.
ยถา โส ปุริโส ตํ กุลฺลํ โสเต ปวาเหตฺวา อุตฺตริตฺวา ถเล ฐิโต นครํ ปวิสิตฺวา อุปริปาสาทวรคโต ‘‘เอตฺตเกน วตมฺหิ อนเตฺถน มุโตฺต’’ติ เอกคฺคจิโตฺต ตุฎฺฐมานโส นิสีทติ, เอวํ ตสฺมิํเยว วา อาสเน อเญฺญสุ วา รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิสิโนฺน ‘‘เอตฺตเกน วตมฺหิ อนเตฺถน มุโตฺต’’ติ นิพฺพานารมฺมณํ ผลสมาปตฺติํ อเปฺปตฺวา เอกคฺคจิโตฺต ตุฎฺฐมานโส นิสีทติฯ อิทํ วา สนฺธาย วุตฺตํ ติโณฺณ ปารงฺคโต ถเล ติฎฺฐติ พฺราหฺมโณติ โข, ภิกฺขเว, อรหโต เอตํ อธิวจนนฺติฯ เอวํ ตาเวตฺถ นานากมฺมฎฺฐานานิ กถิตานิ, สโมธาเนตฺวา ปน สพฺพานิปิ เอกเมว กตฺวา ทเสฺสตพฺพานิฯ เอกํ กตฺวา ทเสฺสเนฺตนาปิ ปญฺจกฺขนฺธวเสเนว วินิวเตฺตตพฺพานิฯ
Yathā so puriso taṃ kullaṃ sote pavāhetvā uttaritvā thale ṭhito nagaraṃ pavisitvā uparipāsādavaragato ‘‘ettakena vatamhi anatthena mutto’’ti ekaggacitto tuṭṭhamānaso nisīdati, evaṃ tasmiṃyeva vā āsane aññesu vā rattiṭṭhānadivāṭṭhānādīsu yattha katthaci nisinno ‘‘ettakena vatamhi anatthena mutto’’ti nibbānārammaṇaṃ phalasamāpattiṃ appetvā ekaggacitto tuṭṭhamānaso nisīdati. Idaṃ vā sandhāya vuttaṃ tiṇṇo pāraṅgato thale tiṭṭhati brāhmaṇoti kho, bhikkhave, arahato etaṃ adhivacananti. Evaṃ tāvettha nānākammaṭṭhānāni kathitāni, samodhānetvā pana sabbānipi ekameva katvā dassetabbāni. Ekaṃ katvā dassentenāpi pañcakkhandhavaseneva vinivattetabbāni.
กถํ? เอตฺถ หิ จตฺตาริ มหาภูตานิ อชฺฌตฺติกานิ ปญฺจายตนานิ พาหิรานิ ปญฺจายตนานิ ธมฺมายตเน ปนฺนรส สุขุมรูปานิ สกฺกายสฺส เอกเทโสติ อยํ รูปกฺขโนฺธ, มนายตนํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ ธมฺมายตเนกเทโส จตฺตาโร โอฆา สกฺกาเยกเทโสติ อิเม จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาฯ ตตฺถ รูปกฺขโนฺธ รูปํ, จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา นามนฺติ อิทํ นามรูปํฯ ตสฺส นนฺทีราโค กาโมโฆ ภโวโฆ ธมฺมายตเนกเทโส สกฺกาเยกเทโสติ อิเม ปจฺจยาฯ อิติ สปฺปจฺจยํ นามรูปํ ววตฺถเปติ นามฯ สปฺปจฺจยํ นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต อรหตฺตํ ปาปุณาตีติ อิทํ เอกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํฯ
Kathaṃ? Ettha hi cattāri mahābhūtāni ajjhattikāni pañcāyatanāni bāhirāni pañcāyatanāni dhammāyatane pannarasa sukhumarūpāni sakkāyassa ekadesoti ayaṃ rūpakkhandho, manāyatanaṃ viññāṇakkhandho dhammāyatanekadeso cattāro oghā sakkāyekadesoti ime cattāro arūpino khandhā. Tattha rūpakkhandho rūpaṃ, cattāro arūpino khandhā nāmanti idaṃ nāmarūpaṃ. Tassa nandīrāgo kāmogho bhavogho dhammāyatanekadeso sakkāyekadesoti ime paccayā. Iti sappaccayaṃ nāmarūpaṃ vavatthapeti nāma. Sappaccayaṃ nāmarūpaṃ vavatthapetvā tilakkhaṇaṃ āropetvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā saṅkhāre sammasanto arahattaṃ pāpuṇātīti idaṃ ekassa bhikkhuno niyyānamukhaṃ.
ตตฺถ จตฺตาโร มหาภูตา ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อชฺฌตฺติกพาหิรานิ เอกาทสายตนานิ ธมฺมายตเนกเทโส ทิโฎฺฐโฆ อวิโชฺชโฆ สกฺกาเยกเทโสติ อิทํ ทุกฺขสจฺจํ, นนฺทีราโค ธมฺมายตเนกเทโส กาโมโฆ ภโวโฆ สกฺกาเยกเทโสติ อิทํ สมุทยสจฺจํ, ปาริมตีรสงฺขาตํ นิพฺพานํ นิโรธสจฺจํ, อริยมโคฺค มคฺคสจฺจํฯ ตตฺถ เทฺว สจฺจานิ วฎฺฎํ, เทฺว วิวฎฺฎํ, เทฺว โลกิยานิ, เทฺว โลกุตฺตรานีติ จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ สฎฺฐินยสหเสฺสหิ วิภชิตฺวา ทเสฺสตพฺพานีติฯ เทสนาปริโยสาเน วิปญฺจิตญฺญู ปญฺจสตา ภิกฺขู อรหเตฺต ปติฎฺฐหิํสุฯ สุตฺตํ ปน ทุกฺขลกฺขณวเสน กถิตํฯ
Tattha cattāro mahābhūtā pañcupādānakkhandhā ajjhattikabāhirāni ekādasāyatanāni dhammāyatanekadeso diṭṭhogho avijjogho sakkāyekadesoti idaṃ dukkhasaccaṃ, nandīrāgo dhammāyatanekadeso kāmogho bhavogho sakkāyekadesoti idaṃ samudayasaccaṃ, pārimatīrasaṅkhātaṃ nibbānaṃ nirodhasaccaṃ, ariyamaggo maggasaccaṃ. Tattha dve saccāni vaṭṭaṃ, dve vivaṭṭaṃ, dve lokiyāni, dve lokuttarānīti cattāri saccāni soḷasahākārehi saṭṭhinayasahassehi vibhajitvā dassetabbānīti. Desanāpariyosāne vipañcitaññū pañcasatā bhikkhū arahatte patiṭṭhahiṃsu. Suttaṃ pana dukkhalakkhaṇavasena kathitaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. อาสีวิโสปมสุตฺตํ • 1. Āsīvisopamasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. อาสีวิโสปมสุตฺตวณฺณนา • 1. Āsīvisopamasuttavaṇṇanā