Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๒. ทิฎฺฐิกถา

    2. Diṭṭhikathā

    ๑. อสฺสาททิฎฺฐินิเทฺทสวณฺณนา

    1. Assādadiṭṭhiniddesavaṇṇanā

    ๑๒๒. อิทานิ ญาณกถานนฺตรํ กถิตาย ทิฎฺฐิกถาย อนุปุพฺพอนุวณฺณนา อนุปฺปตฺตาฯ อยญฺหิ ทิฎฺฐิกถา ญาณกถาย กตญาณปริจยสฺส สมธิคตสมฺมาทิฎฺฐิสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิมลวิโสธนา สุกรา โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิ จ สุปริสุทฺธา โหตีติ ญาณกถานนฺตรํ กถิตาฯ ตตฺถ กา ทิฎฺฐีติอาทิกา ปุจฺฉาฯ กา ทิฎฺฐีติ อภินิเวสปรามาโส ทิฎฺฐีติอาทิกํ ปุจฺฉิตปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนํฯ กถํ อภินิเวสปรามาโส ทิฎฺฐีติอาทิโก วิสฺสชฺชิตวิสฺสชฺชนสฺส วิตฺถารนิเทฺทโส, สพฺพาว ตา ทิฎฺฐิโย อสฺสาททิฎฺฐิโยติอาทิกา ทิฎฺฐิสุตฺตสํสนฺทนาติ เอวมิเม จตฺตาโร ปริเจฺฉทาฯ ตตฺถ ปุจฺฉาปริเจฺฉเท ตาว กา ทิฎฺฐีติ ธมฺมปุจฺฉา, สภาวปุจฺฉาฯ กติ ทิฎฺฐิฎฺฐานานีติ เหตุปุจฺฉา ปจฺจยปุจฺฉา, กิตฺตกานิ ทิฎฺฐีนํ การณานีติ อโตฺถฯ กติ ทิฎฺฐิปริยุฎฺฐานานีติ สมุทาจารปุจฺฉา วิการปุจฺฉาฯ ทิฎฺฐิโย เอว หิ สมุทาจารวเสน จิตฺตํ ปริโยนนฺธนฺติโย อุฎฺฐหนฺตีติ ทิฎฺฐิปริยุฎฺฐานานิ นาม โหนฺติฯ กติ ทิฎฺฐิโยติ ทิฎฺฐีนํ สงฺขาปุจฺฉา คณนาปุจฺฉาฯ กติ ทิฎฺฐาภินิเวสาติ วตฺถุปฺปเภทวเสน อารมฺมณนานตฺตวเสน ทิฎฺฐิปฺปเภทปุจฺฉาฯ ทิฎฺฐิโย เอว หิ ตํ ตํ วตฺถุํ ตํ ตํ อารมฺมณํ อภินิวิสนฺติ ปรามสนฺตีติ ทิฎฺฐิปรามาสาติ วุจฺจนฺติฯ กตโม ทิฎฺฐิฎฺฐานสมุคฺฆาโตติ ทิฎฺฐีนํ ปฎิปกฺขปุจฺฉา ปหานูปายปุจฺฉาฯ ทิฎฺฐิการณานิ หิ ขนฺธาทีนิ ทิฎฺฐิสมุคฺฆาเตน ตาสํ การณานิ น โหนฺตีติ ตานิ จ การณานิ สมุคฺฆาติตานิ นาม โหนฺติฯ ตสฺมา ทิฎฺฐิฎฺฐานานิ สมฺมา ภุสํ หญฺญนฺติ เอเตนาติ ทิฎฺฐิฎฺฐานสมุคฺฆาโตติ วุจฺจติฯ

    122. Idāni ñāṇakathānantaraṃ kathitāya diṭṭhikathāya anupubbaanuvaṇṇanā anuppattā. Ayañhi diṭṭhikathā ñāṇakathāya katañāṇaparicayassa samadhigatasammādiṭṭhissa micchādiṭṭhimalavisodhanā sukarā hoti, sammādiṭṭhi ca suparisuddhā hotīti ñāṇakathānantaraṃ kathitā. Tattha kā diṭṭhītiādikā pucchā. Kā diṭṭhīti abhinivesaparāmāso diṭṭhītiādikaṃ pucchitapucchāya vissajjanaṃ. Kathaṃ abhinivesaparāmāso diṭṭhītiādiko vissajjitavissajjanassa vitthāraniddeso, sabbāva tā diṭṭhiyo assādadiṭṭhiyotiādikā diṭṭhisuttasaṃsandanāti evamime cattāro paricchedā. Tattha pucchāparicchede tāva kā diṭṭhīti dhammapucchā, sabhāvapucchā. Kati diṭṭhiṭṭhānānīti hetupucchā paccayapucchā, kittakāni diṭṭhīnaṃ kāraṇānīti attho. Kati diṭṭhipariyuṭṭhānānīti samudācārapucchā vikārapucchā. Diṭṭhiyo eva hi samudācāravasena cittaṃ pariyonandhantiyo uṭṭhahantīti diṭṭhipariyuṭṭhānāni nāma honti. Kati diṭṭhiyoti diṭṭhīnaṃ saṅkhāpucchā gaṇanāpucchā. Kati diṭṭhābhinivesāti vatthuppabhedavasena ārammaṇanānattavasena diṭṭhippabhedapucchā. Diṭṭhiyo eva hi taṃ taṃ vatthuṃ taṃ taṃ ārammaṇaṃ abhinivisanti parāmasantīti diṭṭhiparāmāsāti vuccanti. Katamo diṭṭhiṭṭhānasamugghātoti diṭṭhīnaṃ paṭipakkhapucchā pahānūpāyapucchā. Diṭṭhikāraṇāni hi khandhādīni diṭṭhisamugghātena tāsaṃ kāraṇāni na hontīti tāni ca kāraṇāni samugghātitāni nāma honti. Tasmā diṭṭhiṭṭhānāni sammā bhusaṃ haññanti etenāti diṭṭhiṭṭhānasamugghātoti vuccati.

    อิทานิ เอตาสํ ฉนฺนํ ปุจฺฉานํ กา ทิฎฺฐีติอาทีนิ ฉ วิสฺสชฺชนานิฯ ตตฺถ กา ทิฎฺฐีติ วิสฺสเชฺชตพฺพปุจฺฉาฯ อภินิเวสปรามาโส ทิฎฺฐีติ วิสฺสชฺชนํฯ สา ปน อนิจฺจาทิเก วตฺถุสฺมิํ นิจฺจาทิวเสน อภินิวิสติ ปติฎฺฐหติ ทฬฺหํ คณฺหาตีติ อภินิเวโสฯ อนิจฺจาทิอาการํ อติกฺกมิตฺวา นิจฺจนฺติอาทิวเสน วตฺตมาโน ปรโต อามสติ คณฺหาตีติ ปรามาโสฯ อถ วา นิจฺจนฺติอาทิกํ ปรํ อุตฺตมํ สจฺจนฺติ อามสติ คณฺหาตีติ ปรามาโส, อภินิเวโส จ โส ปรามาโส จาติ อภินิเวสปรามาโสฯ เอวํปกาโร ทิฎฺฐีติ กิจฺจโต ทิฎฺฐิสภาวํ วิสฺสเชฺชติฯ ตีณิ สตนฺติ ตีณิ สตานิ, วจนวิปลฺลาโส กโตฯ กตโม ทิฎฺฐิฎฺฐานสมุคฺฆาโตติ ปุจฺฉํ อนุทฺธริตฺวาว โสตาปตฺติมโคฺค ทิฎฺฐิฎฺฐานสมุคฺฆาโตติ วิสฺสชฺชนํ กตํฯ

    Idāni etāsaṃ channaṃ pucchānaṃ kā diṭṭhītiādīni cha vissajjanāni. Tattha kā diṭṭhīti vissajjetabbapucchā. Abhinivesaparāmāso diṭṭhīti vissajjanaṃ. Sā pana aniccādike vatthusmiṃ niccādivasena abhinivisati patiṭṭhahati daḷhaṃ gaṇhātīti abhiniveso. Aniccādiākāraṃ atikkamitvā niccantiādivasena vattamāno parato āmasati gaṇhātīti parāmāso. Atha vā niccantiādikaṃ paraṃ uttamaṃ saccanti āmasati gaṇhātīti parāmāso, abhiniveso ca so parāmāso cāti abhinivesaparāmāso. Evaṃpakāro diṭṭhīti kiccato diṭṭhisabhāvaṃ vissajjeti. Tīṇi satanti tīṇi satāni, vacanavipallāso kato. Katamo diṭṭhiṭṭhānasamugghātoti pucchaṃ anuddharitvāva sotāpattimaggo diṭṭhiṭṭhānasamugghātoti vissajjanaṃ kataṃ.

    ๑๒๓. อิทานิ กถํ อภินิเวสปรามาโสติอาทิ วิตฺถารนิเทฺทโสฯ ตตฺถ รูปนฺติ อุปโยควจนํฯ รูปํ อภินิเวสปรามาโสติ สมฺพโนฺธฯ รูปนฺติ เจตฺถ รูปุปาทานกฺขโนฺธ กสิณรูปญฺจฯ ‘‘เอตํ มมา’’ติ อภินิเวสปรามาโส ทิฎฺฐิ, ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ อภินิเวสปรามาโส ทิฎฺฐิ, ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ อภินิเวสปรามาโส ทิฎฺฐีติ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ เอตนฺติ สามญฺญวจนํฯ เตเนว ‘‘เวทนํ เอตํ มม, สงฺขาเร เอตํ มมา’’ติ นปุํสกวจนํ เอกวจนญฺจ กตํฯ เอโสติ ปน วตฺตพฺพมเปกฺขิตฺวา ปุลฺลิเงฺคกวจนํ กตํฯ เอตํ มมาติ ตณฺหามญฺญนามูลิกา ทิฎฺฐิฯ เอโสหมสฺมีติ มานมญฺญนามูลิกา ทิฎฺฐิฯ เอโส เม อตฺตาติ ทิฎฺฐิมญฺญนา เอวฯ เกจิ ปน ‘‘เอตํ มมาติ มมํการกปฺปนา, เอโสหมสฺมีติ อหํการกปฺปนา, เอโส เม อตฺตาติ อหํการมมํการกปฺปิโต อตฺตาภินิเวโสติ จ, ตถา ยถากฺกเมเนว ตณฺหามูลนิเวโส มานปคฺคาโห, ตณฺหามูลนิวิโฎฺฐ มานปคฺคหิโต, อตฺตาภินิเวโสติ จ, สงฺขารานํ ทุกฺขลกฺขณาทสฺสนํ, สงฺขารานํ อนิจฺจลกฺขณาทสฺสนํ, สงฺขารานํ ติลกฺขณาทสฺสนเหตุโก อตฺตาภินิเวโสติ จ, ทุเกฺข อสุเภ จ สุขํ สุภนฺติ วิปลฺลาสคตสฺส, อนิเจฺจ นิจฺจนฺติ วิปลฺลาสคตสฺส, จตุพฺพิธวิปลฺลาสคตสฺส จ อตฺตาภินิเวโสติ จ, ปุเพฺพนิวาสญาณสฺส อาการกปฺปนา, ทิพฺพจกฺขุญาณสฺส อนาคตปฎิลาภกปฺปนา, ปุพฺพนฺตาปรนฺตอิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ กปฺปนิสฺสิตสฺส อตฺตาภินิเวโสติ จ, นนฺทิยา อตีตมนฺวาคเมติ, นนฺทิยา อนาคตํ ปฎิกงฺขติ, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรติ อตฺตาภินิเวโสติ จ, ปุพฺพเนฺต อญฺญาณเหตุกา ทิฎฺฐิ, อปรเนฺต อญฺญาณเหตุกา ทิฎฺฐิ, ปุพฺพนฺตาปรเนฺต อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ อญฺญาณเหตุโก อตฺตาภินิเวโส’’ติ จ เอเตสํ ติณฺณํ วจนานํ อตฺถํ วณฺณยนฺติฯ

    123. Idāni kathaṃ abhinivesaparāmāsotiādi vitthāraniddeso. Tattha rūpanti upayogavacanaṃ. Rūpaṃ abhinivesaparāmāsoti sambandho. Rūpanti cettha rūpupādānakkhandho kasiṇarūpañca. ‘‘Etaṃ mamā’’ti abhinivesaparāmāso diṭṭhi, ‘‘esohamasmī’’ti abhinivesaparāmāso diṭṭhi, ‘‘eso me attā’’ti abhinivesaparāmāso diṭṭhīti paccekaṃ yojetabbaṃ. Etanti sāmaññavacanaṃ. Teneva ‘‘vedanaṃ etaṃ mama, saṅkhāre etaṃ mamā’’ti napuṃsakavacanaṃ ekavacanañca kataṃ. Esoti pana vattabbamapekkhitvā pulliṅgekavacanaṃ kataṃ. Etaṃ mamāti taṇhāmaññanāmūlikā diṭṭhi. Esohamasmīti mānamaññanāmūlikā diṭṭhi. Eso me attāti diṭṭhimaññanā eva. Keci pana ‘‘etaṃ mamāti mamaṃkārakappanā, esohamasmīti ahaṃkārakappanā, eso me attāti ahaṃkāramamaṃkārakappito attābhinivesoti ca, tathā yathākkameneva taṇhāmūlaniveso mānapaggāho, taṇhāmūlaniviṭṭho mānapaggahito, attābhinivesoti ca, saṅkhārānaṃ dukkhalakkhaṇādassanaṃ, saṅkhārānaṃ aniccalakkhaṇādassanaṃ, saṅkhārānaṃ tilakkhaṇādassanahetuko attābhinivesoti ca, dukkhe asubhe ca sukhaṃ subhanti vipallāsagatassa, anicce niccanti vipallāsagatassa, catubbidhavipallāsagatassa ca attābhinivesoti ca, pubbenivāsañāṇassa ākārakappanā, dibbacakkhuñāṇassa anāgatapaṭilābhakappanā, pubbantāparantaidappaccayatāpaṭiccasamuppannesu dhammesu kappanissitassa attābhinivesoti ca, nandiyā atītamanvāgameti, nandiyā anāgataṃ paṭikaṅkhati, paccuppannesu dhammesu saṃhīrati attābhinivesoti ca, pubbante aññāṇahetukā diṭṭhi, aparante aññāṇahetukā diṭṭhi, pubbantāparante idappaccayatāpaṭiccasamuppannesu dhammesu aññāṇahetuko attābhiniveso’’ti ca etesaṃ tiṇṇaṃ vacanānaṃ atthaṃ vaṇṇayanti.

    ทิฎฺฐิโย ปเนตฺถ ปฐมํ ปญฺจกฺขนฺธวตฺถุกาฯ ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนวิญฺญาณ- กายสมฺผสฺสกายเวทนากายสญฺญากายเจตนากายตณฺหากายวิตกฺกวิจารธาตุทสกสิณ- ทฺวตฺติํสาการวตฺถุกา ทิฎฺฐิโย วุตฺตาฯ ทฺวตฺติํสากาเรสุ จ ยตฺถ วิสุํ อภินิเวโส น ยุชฺชติ, ตตฺถ สกลสรีราภินิเวสวเสเนว วิสุํ อภินิเวโส วิย กโตติ เวทิตพฺพํฯ ตโต ทฺวาทสายตนอฎฺฐารสธาตุเอกูนวีสติอินฺทฺริยวเสน โยชนา กตาฯ ตีณิ เอกนฺตโลกุตฺตรินฺทฺริยานิ น โยชิตานิฯ น หิ โลกุตฺตรวตฺถุกา ทิฎฺฐิโย โหนฺติฯ สพฺพตฺถาปิ จ โลกิยโลกุตฺตรมิเสฺสสุ ธเมฺมสุ โลกุตฺตเร ฐเปตฺวา โลกิยา เอว คเหตพฺพาฯ อนินฺทฺริยพทฺธรูปญฺจ น คเหตพฺพเมวฯ ตโต เตธาตุกวเสน นววิธภววเสน ฌานพฺรหฺมวิหารสมาปตฺติวเสน ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺควเสน จ โยชนา กตาฯ ชาติชรามรณานํ วิสุํ คหเณ ปริหาโร วุตฺตนโย เอวฯ สพฺพานิ เจตานิ รูปาทิกานิ ชรามรณนฺตานิ อฎฺฐนวุติสตํ ปทานิ ภวนฺติฯ

    Diṭṭhiyo panettha paṭhamaṃ pañcakkhandhavatthukā. Tato chaajjhattikabāhirāyatanaviññāṇa- kāyasamphassakāyavedanākāyasaññākāyacetanākāyataṇhākāyavitakkavicāradhātudasakasiṇa- dvattiṃsākāravatthukā diṭṭhiyo vuttā. Dvattiṃsākāresu ca yattha visuṃ abhiniveso na yujjati, tattha sakalasarīrābhinivesavaseneva visuṃ abhiniveso viya katoti veditabbaṃ. Tato dvādasāyatanaaṭṭhārasadhātuekūnavīsatiindriyavasena yojanā katā. Tīṇi ekantalokuttarindriyāni na yojitāni. Na hi lokuttaravatthukā diṭṭhiyo honti. Sabbatthāpi ca lokiyalokuttaramissesu dhammesu lokuttare ṭhapetvā lokiyā eva gahetabbā. Anindriyabaddharūpañca na gahetabbameva. Tato tedhātukavasena navavidhabhavavasena jhānabrahmavihārasamāpattivasena paṭiccasamuppādaṅgavasena ca yojanā katā. Jātijarāmaraṇānaṃ visuṃ gahaṇe parihāro vuttanayo eva. Sabbāni cetāni rūpādikāni jarāmaraṇantāni aṭṭhanavutisataṃ padāni bhavanti.

    ๑๒๔. ทิฎฺฐิฎฺฐาเนสุ ขนฺธาปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ วีสติวตฺถุกายปิ สกฺกายทิฎฺฐิยา ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํเยว วตฺถุตฺตา ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อตฺตานํ สมนุปสฺสมานา สมนุปสฺสนฺติ, สเพฺพ เต ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธสุเยว สมนุปสฺสนฺติ, เอเตสํ วา อญฺญตร’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๔๗) วุตฺตตฺตา จ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทิฎฺฐีนํ การณํฯ อวิชฺชาปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ อวิชฺชาย อนฺธีกตานํ ทิฎฺฐิอุปฺปตฺติโต ‘‘ยายํ, ภเนฺต, ทิฎฺฐิ ‘อสมฺมาสมฺพุเทฺธสุ สมฺมาสมฺพุทฺธา’ติ, อยํ นุ โข, ภเนฺต, ทิฎฺฐิ กิํ ปฎิจฺจ ปญฺญายตีติ? มหตี โข เอสา, กจฺจาน, ธาตุ, ยทิทํ อวิชฺชาธาตุฯ หีนํ, กจฺจาน, ธาตุํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ หีนา สญฺญา หีนา ทิฎฺฐี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๙๗) วจนโต จ อวิชฺชา ทิฎฺฐีนํ การณํฯ ผโสฺสปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ เตน ผเสฺสน ผุฎฺฐสฺส ทิฎฺฐิอุปฺปตฺติโต ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิวุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๒๓) วจนโต จ ผโสฺส ทิฎฺฐีนํ การณํฯ สญฺญาปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ อาการมตฺตคฺคหเณน อยาถาวสภาวคาหเหตุตฺตา สญฺญาย –

    124. Diṭṭhiṭṭhānesu khandhāpi diṭṭhiṭṭhānanti vīsativatthukāyapi sakkāyadiṭṭhiyā pañcannaṃ khandhānaṃyeva vatthuttā ‘‘ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā attānaṃ samanupassamānā samanupassanti, sabbe te pañcupādānakkhandhesuyeva samanupassanti, etesaṃ vā aññatara’’nti (saṃ. ni. 3.47) vuttattā ca pañcupādānakkhandhā diṭṭhīnaṃ kāraṇaṃ. Avijjāpi diṭṭhiṭṭhānanti avijjāya andhīkatānaṃ diṭṭhiuppattito ‘‘yāyaṃ, bhante, diṭṭhi ‘asammāsambuddhesu sammāsambuddhā’ti, ayaṃ nu kho, bhante, diṭṭhi kiṃ paṭicca paññāyatīti? Mahatī kho esā, kaccāna, dhātu, yadidaṃ avijjādhātu. Hīnaṃ, kaccāna, dhātuṃ paṭicca uppajjati hīnā saññā hīnā diṭṭhī’’ti (saṃ. ni. 2.97) vacanato ca avijjā diṭṭhīnaṃ kāraṇaṃ. Phassopi diṭṭhiṭṭhānanti tena phassena phuṭṭhassa diṭṭhiuppattito ‘‘ye te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino pubbantaṃ ārabbha anekavihitāni adhivuttipadāni abhivadanti, tadapi phassapaccayā’’ti (dī. ni. 1.123) vacanato ca phasso diṭṭhīnaṃ kāraṇaṃ. Saññāpi diṭṭhiṭṭhānanti ākāramattaggahaṇena ayāthāvasabhāvagāhahetuttā saññāya –

    ‘‘ยานิ จ ตีณิ ยานิ จ สฎฺฐิ, สมณปฺปวาทสิตานิ ภูริปญฺญ;

    ‘‘Yāni ca tīṇi yāni ca saṭṭhi, samaṇappavādasitāni bhūripañña;

    สญฺญกฺขรสญฺญนิสฺสิตานิ, โอสรณานิ วิเนยฺย โอฆตมคา’’ติฯ (สุ. นิ. ๕๔๓) –

    Saññakkharasaññanissitāni, osaraṇāni vineyya oghatamagā’’ti. (su. ni. 543) –

    วจนโต ‘‘สญฺญานิทานา หิ ปปญฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐; มหานิ. ๑๐๙) วจนโต จ สญฺญา ทิฎฺฐีนํ การณํฯ วิตโกฺกปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ อาการปริวิตเกฺกน ทิฎฺฐิอุปฺปตฺติโต –

    Vacanato ‘‘saññānidānā hi papañcasaṅkhā’’ti (su. ni. 880; mahāni. 109) vacanato ca saññā diṭṭhīnaṃ kāraṇaṃ. Vitakkopi diṭṭhiṭṭhānanti ākāraparivitakkena diṭṭhiuppattito –

    ‘‘นเหว สจฺจานิ พหูนิ นานา, อญฺญตฺร สญฺญาย นิจฺจานิ โลเก;

    ‘‘Naheva saccāni bahūni nānā, aññatra saññāya niccāni loke;

    ตกฺกญฺจ ทิฎฺฐีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติฯ (สุ. นิ. ๘๙๒) –

    Takkañca diṭṭhīsu pakappayitvā, saccaṃ musāti dvayadhammamāhū’’ti. (su. ni. 892) –

    วจนโต จ วิตโกฺก ทิฎฺฐีนํ การณํฯ อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ อโยนิโส มนสิการสฺส อกุสลานํ อสาธารณเหตุตฺตา ‘‘ตเสฺสวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฎฺฐีนํ อญฺญตรา ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙) วจนโต จ อโยนิโส มนสิกาโร ทิฎฺฐีนํ การณํ ฯ ปาปมิโตฺตปิ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ ปาปมิตฺตสฺส ทิฎฺฐานุคติอาปชฺชเนน ทิฎฺฐิอุปฺปตฺติโต ‘‘พาหิรํ, ภิกฺขเว, องฺคนฺติ กริตฺวา น อญฺญํ เอกงฺคมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ มหโต อนตฺถาย สํวตฺตติฯ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ปาปมิตฺตตา’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๑๐) วจนโต จ ปาปมิโตฺต ทิฎฺฐีนํ การณํฯ ปรโตปิ โฆโส ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ ทุรกฺขาตธมฺมสฺสวเนน ทิฎฺฐิอุปฺปตฺติโต ‘‘เทฺวเม, ภิกฺขเว, เหตู เทฺว ปจฺจยา มิจฺฉาทิฎฺฐิยา อุปฺปาทาย ปรโต จ โฆโส อโยนิโส จ มนสิกาโร’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๖) วจนโต จ ปรโต โฆโส มิจฺฉาทิฎฺฐิกโต มิจฺฉาทิฎฺฐิปฎิสญฺญุตฺตกถา ทิฎฺฐีนํ การณํฯ

    Vacanato ca vitakko diṭṭhīnaṃ kāraṇaṃ. Ayonisomanasikāropi diṭṭhiṭṭhānanti ayoniso manasikārassa akusalānaṃ asādhāraṇahetuttā ‘‘tassevaṃ ayoniso manasikaroto channaṃ diṭṭhīnaṃ aññatarā diṭṭhi uppajjatī’’ti (ma. ni. 1.19) vacanato ca ayoniso manasikāro diṭṭhīnaṃ kāraṇaṃ . Pāpamittopi diṭṭhiṭṭhānanti pāpamittassa diṭṭhānugatiāpajjanena diṭṭhiuppattito ‘‘bāhiraṃ, bhikkhave, aṅganti karitvā na aññaṃ ekaṅgampi samanupassāmi, yaṃ evaṃ mahato anatthāya saṃvattati. Yathayidaṃ, bhikkhave, pāpamittatā’’ti (a. ni. 1.110) vacanato ca pāpamitto diṭṭhīnaṃ kāraṇaṃ. Paratopi ghoso diṭṭhiṭṭhānanti durakkhātadhammassavanena diṭṭhiuppattito ‘‘dveme, bhikkhave, hetū dve paccayā micchādiṭṭhiyā uppādāya parato ca ghoso ayoniso ca manasikāro’’ti (a. ni. 2.126) vacanato ca parato ghoso micchādiṭṭhikato micchādiṭṭhipaṭisaññuttakathā diṭṭhīnaṃ kāraṇaṃ.

    อิทานิ ทิฎฺฐิฎฺฐานนฺติ ปทสฺส อตฺถํ วิวรโนฺต ขนฺธา เหตุ ขนฺธา ปจฺจโยติอาทิมาหฯ ขนฺธา เอว ทิฎฺฐีนํ อุปาทาย, ชนกเหตุ เจว อุปตฺถมฺภกปจฺจโย จาติ อโตฺถฯ สมุฎฺฐานเฎฺฐนาติ สมุฎฺฐหนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ เอเตนาติ สมุฎฺฐานํ, การณนฺติ อโตฺถฯ เตน สมุฎฺฐานเฎฺฐน, ทิฎฺฐิการณภาเวนาติ อโตฺถฯ

    Idāni diṭṭhiṭṭhānanti padassa atthaṃ vivaranto khandhā hetu khandhā paccayotiādimāha. Khandhā eva diṭṭhīnaṃ upādāya, janakahetu ceva upatthambhakapaccayo cāti attho. Samuṭṭhānaṭṭhenāti samuṭṭhahanti uppajjanti etenāti samuṭṭhānaṃ, kāraṇanti attho. Tena samuṭṭhānaṭṭhena, diṭṭhikāraṇabhāvenāti attho.

    ๑๒๕. อิทานิ กิจฺจเภเทน ทิฎฺฐิเภทํ ทเสฺสโนฺต กตมานิ อฎฺฐารส ทิฎฺฐิปริยุฎฺฐานานีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยา ทิฎฺฐีติ อิทานิ วุจฺจมานานํ อฎฺฐารสนฺนํ ปทานํ สาธารณํ มูลปทํฯ ยา ทิฎฺฐิ, ตเทว ทิฎฺฐิคตํ, ยา ทิฎฺฐิ, ตเทว ทิฎฺฐิคหนนฺติ สเพฺพหิ สมฺพโนฺธ กาตโพฺพฯ อยาถาวทสฺสนเฎฺฐน ทิฎฺฐิ, ตเทว ทิฎฺฐีสุ คตํ ทสฺสนํ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิอโนฺตคธตฺตาติ ทิฎฺฐิคตํฯ เหฎฺฐาปิสฺส อโตฺถ วุโตฺตเยวฯ ทฺวินฺนํ อนฺตานํ เอกนฺตคตตฺตาปิ ทิฎฺฐิคตํฯ สา เอว ทิฎฺฐิ ทุรติกฺกมนเฎฺฐน ทิฎฺฐิคหนํ ติณคหนวนคหนปพฺพตคหนานิ วิยฯ สาสงฺกสปฺปฎิภยเฎฺฐน ทิฎฺฐิกนฺตารํ โจรกนฺตารวาฬกนฺตารนิรุทกกนฺตารทุพฺภิกฺขกนฺตารา วิยฯ ธมฺมสงฺคณิยํ ‘‘ทิฎฺฐิกนฺตาโร’’ติ สกลิเงฺคเนว อาคตํฯ สมฺมาทิฎฺฐิยา วินิวิชฺฌนเฎฺฐน ปฎิโลมเฎฺฐน จ ทิฎฺฐิวิสูกํฯ มิจฺฉาทสฺสนญฺหิ อุปฺปชฺชมานํ สมฺมาทสฺสนํ วินิวิชฺฌติ เจว วิโลเมติ จฯ ธมฺมสงฺคณิยํ (ธ. ส. ๓๙๒, ๑๑๐๕) ‘‘ทิฎฺฐิวิสูกายิก’’นฺติ อาคตํฯ กทาจิ สสฺสตสฺส, กทาจิ อุเจฺฉทสฺส คหณโต ทิฎฺฐิยา วิรูปํ ผนฺทิตนฺติ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตํฯ ทิฎฺฐิคติโก หิ เอกสฺมิํ ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกติ, กทาจิ สสฺสตํ อนุสฺสรติ, กทาจิ อุเจฺฉทํฯ ทิฎฺฐิเยว อนเตฺถ สํโยเชตีติ ทิฎฺฐิสโญฺญชนํฯ ทิฎฺฐิเยว อโนฺตตุทนเฎฺฐน ทุนฺนีหรณียเฎฺฐน จ สลฺลนฺติ ทิฎฺฐิสลฺลํ ฯ ทิฎฺฐิเยว ปีฬากรณเฎฺฐน สมฺพาโธติ ทิฎฺฐิสมฺพาโธฯ ทิฎฺฐิเยว โมกฺขาวรณเฎฺฐน ปลิโพโธติ ทิฎฺฐิปลิโพโธฯ ทิฎฺฐิเยว ทุโมฺมจนียเฎฺฐน พนฺธนนฺติ ทิฎฺฐิพนฺธนํฯ ทิฎฺฐิเยว ทุรุตฺตรเฎฺฐน ปปาโตติ ทิฎฺฐิปปาโตฯ ทิฎฺฐิเยว ถามคตเฎฺฐน อนุสโยติ ทิฎฺฐานุสโยฯ ทิฎฺฐิเยว อตฺตานํ สนฺตาเปตีติ ทิฎฺฐิสนฺตาโปฯ ทิฎฺฐิเยว อตฺตานํ อนุทหตีติ ทิฎฺฐิปริฬาโหฯ ทิฎฺฐิเยว กิเลสกายํ คเนฺถตีติ ทิฎฺฐิคโนฺถฯ ทิฎฺฐิเยว ภุสํ อาทิยตีติ ทิฎฺฐุปาทานํฯ ทิฎฺฐิเยว ‘‘สจฺจ’’นฺติอาทิวเสน อภินิวิสตีติ ทิฎฺฐาภินิเวโสฯ ทิฎฺฐิเยว อิทํ ปรนฺติ อามสติ, ปรโต วา อามสตีติ ทิฎฺฐิปรามาโส

    125. Idāni kiccabhedena diṭṭhibhedaṃ dassento katamāni aṭṭhārasa diṭṭhipariyuṭṭhānānītiādimāha. Tattha yā diṭṭhīti idāni vuccamānānaṃ aṭṭhārasannaṃ padānaṃ sādhāraṇaṃ mūlapadaṃ. Yā diṭṭhi, tadeva diṭṭhigataṃ, yā diṭṭhi, tadeva diṭṭhigahananti sabbehi sambandho kātabbo. Ayāthāvadassanaṭṭhena diṭṭhi, tadeva diṭṭhīsu gataṃ dassanaṃ dvāsaṭṭhidiṭṭhiantogadhattāti diṭṭhigataṃ. Heṭṭhāpissa attho vuttoyeva. Dvinnaṃ antānaṃ ekantagatattāpi diṭṭhigataṃ. Sā eva diṭṭhi duratikkamanaṭṭhena diṭṭhigahanaṃ tiṇagahanavanagahanapabbatagahanāni viya. Sāsaṅkasappaṭibhayaṭṭhena diṭṭhikantāraṃ corakantāravāḷakantāranirudakakantāradubbhikkhakantārā viya. Dhammasaṅgaṇiyaṃ ‘‘diṭṭhikantāro’’ti sakaliṅgeneva āgataṃ. Sammādiṭṭhiyā vinivijjhanaṭṭhena paṭilomaṭṭhena ca diṭṭhivisūkaṃ. Micchādassanañhi uppajjamānaṃ sammādassanaṃ vinivijjhati ceva vilometi ca. Dhammasaṅgaṇiyaṃ (dha. sa. 392, 1105) ‘‘diṭṭhivisūkāyika’’nti āgataṃ. Kadāci sassatassa, kadāci ucchedassa gahaṇato diṭṭhiyā virūpaṃ phanditanti diṭṭhivipphanditaṃ. Diṭṭhigatiko hi ekasmiṃ patiṭṭhātuṃ na sakkoti, kadāci sassataṃ anussarati, kadāci ucchedaṃ. Diṭṭhiyeva anatthe saṃyojetīti diṭṭhisaññojanaṃ. Diṭṭhiyeva antotudanaṭṭhena dunnīharaṇīyaṭṭhena ca sallanti diṭṭhisallaṃ. Diṭṭhiyeva pīḷākaraṇaṭṭhena sambādhoti diṭṭhisambādho. Diṭṭhiyeva mokkhāvaraṇaṭṭhena palibodhoti diṭṭhipalibodho. Diṭṭhiyeva dummocanīyaṭṭhena bandhananti diṭṭhibandhanaṃ. Diṭṭhiyeva duruttaraṭṭhena papātoti diṭṭhipapāto. Diṭṭhiyeva thāmagataṭṭhena anusayoti diṭṭhānusayo. Diṭṭhiyeva attānaṃ santāpetīti diṭṭhisantāpo. Diṭṭhiyeva attānaṃ anudahatīti diṭṭhipariḷāho. Diṭṭhiyeva kilesakāyaṃ ganthetīti diṭṭhigantho. Diṭṭhiyeva bhusaṃ ādiyatīti diṭṭhupādānaṃ. Diṭṭhiyeva ‘‘sacca’’ntiādivasena abhinivisatīti diṭṭhābhiniveso. Diṭṭhiyeva idaṃ paranti āmasati, parato vā āmasatīti diṭṭhiparāmāso.

    ๑๒๖. อิทานิ ราสิวเสน โสฬส ทิฎฺฐิโย อุทฺทิสโนฺต กตมา โสฬส ทิฎฺฐิโยติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุขโสมนสฺสสงฺขาเต อสฺสาเท ทิฎฺฐิ อสฺสาททิฎฺฐิฯ อตฺตานํ อนุคตา ทิฎฺฐิ อตฺตานุทิฎฺฐิฯ นตฺถีติ ปวตฺตตฺตา วิปรีตา ทิฎฺฐิ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ สติ กาเย ทิฎฺฐิ, สนฺตี วา กาเย ทิฎฺฐิ สกฺกายทิฎฺฐิฯ กาโยติ เจตฺถ ขนฺธปญฺจกํ, ขนฺธปญฺจกสงฺขาโต สกฺกาโย วตฺถุ ปติฎฺฐา เอติสฺสาติ สกฺกายวตฺถุกาฯ สสฺสตนฺติ ปวตฺตา ทิฎฺฐิ สสฺสตทิฎฺฐิฯ อุเจฺฉโทติ ปวตฺตา ทิฎฺฐิ อุเจฺฉททิฎฺฐิฯ สสฺสตาทิอนฺตํ คณฺหาตีติ อนฺตคฺคาหิกา, อนฺตคฺคาโห วา อสฺสา อตฺถีติ อนฺตคฺคาหิกาฯ อตีตสงฺขาตํ ปุพฺพนฺตํ อนุคตา ทิฎฺฐิ ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิฯ อนาคตสงฺขาตํ อปรนฺตํ อนุคตา ทิฎฺฐิ อปรนฺตานุทิฎฺฐิฯ อนเตฺถ สํโยเชตีติ สโญฺญชนิกาฯ อหงฺการวเสน อหนฺติ อุปฺปเนฺนน มาเนน ทิฎฺฐิยา มูลภูเตน วินิพนฺธา ฆฎิตา อุปฺปาทิตา ทิฎฺฐิ อหนฺติ มานวินิพนฺธา ทิฎฺฐิฯ ตถา มมงฺการวเสน มมนฺติ อุปฺปเนฺนน มาเนน วินิพนฺธา ทิฎฺฐิ มมนฺติ มานวินิพนฺธา ทิฎฺฐิฯ อตฺตโน วทนํ กถนํ อตฺตวาโท, เตน ปฎิสญฺญุตฺตา พทฺธา ทิฎฺฐิ อตฺตวาทปฎิสํยุตฺตา ทิฎฺฐิฯ อตฺตานํ โลโกติ วทนํ กถนํ โลกวาโท, เตน ปฎิสญฺญุตฺตา ทิฎฺฐิ โลกวาทปฎิสํยุตฺตา ทิฎฺฐิฯ ภโว วุจฺจติ สสฺสตํ, สสฺสตวเสน อุปฺปชฺชนทิฎฺฐิ ภวทิฎฺฐิฯ วิภโว วุจฺจติ อุเจฺฉโท, อุเจฺฉทวเสน อุปฺปชฺชนทิฎฺฐิ วิภวทิฎฺฐิ

    126. Idāni rāsivasena soḷasa diṭṭhiyo uddisanto katamā soḷasa diṭṭhiyotiādimāha. Tattha sukhasomanassasaṅkhāte assāde diṭṭhi assādadiṭṭhi. Attānaṃ anugatā diṭṭhi attānudiṭṭhi. Natthīti pavattattā viparītā diṭṭhi micchādiṭṭhi. Sati kāye diṭṭhi, santī vā kāye diṭṭhi sakkāyadiṭṭhi. Kāyoti cettha khandhapañcakaṃ, khandhapañcakasaṅkhāto sakkāyo vatthu patiṭṭhā etissāti sakkāyavatthukā. Sassatanti pavattā diṭṭhi sassatadiṭṭhi. Ucchedoti pavattā diṭṭhi ucchedadiṭṭhi. Sassatādiantaṃ gaṇhātīti antaggāhikā, antaggāho vā assā atthīti antaggāhikā. Atītasaṅkhātaṃ pubbantaṃ anugatā diṭṭhi pubbantānudiṭṭhi. Anāgatasaṅkhātaṃ aparantaṃ anugatā diṭṭhi aparantānudiṭṭhi. Anatthe saṃyojetīti saññojanikā. Ahaṅkāravasena ahanti uppannena mānena diṭṭhiyā mūlabhūtena vinibandhā ghaṭitā uppāditā diṭṭhi ahanti mānavinibandhā diṭṭhi. Tathā mamaṅkāravasena mamanti uppannena mānena vinibandhā diṭṭhi mamanti mānavinibandhā diṭṭhi. Attano vadanaṃ kathanaṃ attavādo, tena paṭisaññuttā baddhā diṭṭhi attavādapaṭisaṃyuttā diṭṭhi. Attānaṃ lokoti vadanaṃ kathanaṃ lokavādo, tena paṭisaññuttā diṭṭhi lokavādapaṭisaṃyuttā diṭṭhi. Bhavo vuccati sassataṃ, sassatavasena uppajjanadiṭṭhi bhavadiṭṭhi. Vibhavo vuccati ucchedo, ucchedavasena uppajjanadiṭṭhi vibhavadiṭṭhi.

    ๑๒๗-๑๒๘. อิทานิ ตีณิ สตํ ทิฎฺฐาภินิเวเส นิทฺทิสิตุกาโม กตเม ตีณิ สตํ ทิฎฺฐาภินิเวสาติ ปุจฺฉิตฺวา เต อวิสฺสเชฺชตฺวาว วิสุํ วิสุํ อภินิเวสวิสฺสชฺชเนเนว เต วิสฺสเชฺชตุกาโม อสฺสาททิฎฺฐิยา, กติหากาเรหิ อภินิเวโส โหตีติอาทินา นเยน โสฬสนฺนํ ทิฎฺฐีนํ อภินิเวสาการคณนํ ปุจฺฉิตฺวา ปุน อสฺสาททิฎฺฐิยา ปญฺจติํสาย อากาเรหิ อภินิเวโส โหตีติ ตาสํ โสฬสนฺนํ ทิฎฺฐีนํ อภินิเวสาการคณนํ วิสฺสเชฺชตฺวา ปุน ตานิ คณนานิ วิสฺสเชฺชโนฺต อสฺสาททิฎฺฐิยา กตเมหิ ปญฺจติํสาย อากาเรหิ อภินิเวโส โหตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ รูปํ ปฎิจฺจาติ รูปกฺขนฺธํ ปฎิจฺจฯ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสนฺติ ‘‘อยํ เม กาโย อีทิโส’’ติ รูปสมฺปทํ นิสฺสาย เคหสิตํ ราคสมฺปยุตฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ เหฎฺฐา วุเตฺตนเฎฺฐน สุขญฺจ โสมนสฺสญฺจฯ ตํเยว รูปสฺส อสฺสาโทติ รูปนิสฺสโย อสฺสาโทฯ ตญฺหิ สุขํ ตณฺหาวเสน อสฺสาทียติ อุปภุญฺชียตีติ อสฺสาโทฯ อภินิเวสปรามาโส ทิฎฺฐีติ โส อสฺสาโท สสฺสโตติ วา อุจฺฉิชฺชิสฺสตีติ วา สสฺสตํ วา อุจฺฉิชฺชมานํ วา อตฺตานํ สุขิตํ กโรตีติ วา อภินิเวสปรามาโส โหติฯ ตสฺมา ยา จ ทิฎฺฐิ โย จ อสฺสาโทติ อสฺสาทสฺส ทิฎฺฐิภาวาภาเวปิ อสฺสาทํ วินา สา ทิฎฺฐิ น โหตีติ กตฺวา อุภยมฺปิ สมุจฺจิตํฯ อสฺสาททิฎฺฐีติ อสฺสาเท ปวตฺตา ทิฎฺฐีติ วุตฺตํ โหติฯ

    127-128. Idāni tīṇi sataṃ diṭṭhābhinivese niddisitukāmo katame tīṇi sataṃ diṭṭhābhinivesāti pucchitvā te avissajjetvāva visuṃ visuṃ abhinivesavissajjaneneva te vissajjetukāmo assādadiṭṭhiyā, katihākārehiabhiniveso hotītiādinā nayena soḷasannaṃ diṭṭhīnaṃ abhinivesākāragaṇanaṃ pucchitvā puna assādadiṭṭhiyā pañcatiṃsāya ākārehi abhiniveso hotīti tāsaṃ soḷasannaṃ diṭṭhīnaṃ abhinivesākāragaṇanaṃ vissajjetvā puna tāni gaṇanāni vissajjento assādadiṭṭhiyā katamehi pañcatiṃsāya ākārehi abhinivesohotītiādimāha. Tattha rūpaṃ paṭiccāti rūpakkhandhaṃ paṭicca. Uppajjati sukhaṃ somanassanti ‘‘ayaṃ me kāyo īdiso’’ti rūpasampadaṃ nissāya gehasitaṃ rāgasampayuttaṃ sukhaṃ somanassaṃ uppajjati. Heṭṭhā vuttenaṭṭhena sukhañca somanassañca. Taṃyeva rūpassa assādoti rūpanissayo assādo. Tañhi sukhaṃ taṇhāvasena assādīyati upabhuñjīyatīti assādo. Abhinivesaparāmāso diṭṭhīti so assādo sassatoti vā ucchijjissatīti vā sassataṃ vā ucchijjamānaṃ vā attānaṃ sukhitaṃ karotīti vā abhinivesaparāmāso hoti. Tasmā yā ca diṭṭhi yo ca assādoti assādassa diṭṭhibhāvābhāvepi assādaṃ vinā sā diṭṭhi na hotīti katvā ubhayampi samuccitaṃ. Assādadiṭṭhīti assāde pavattā diṭṭhīti vuttaṃ hoti.

    อิทานิ นานาสุเตฺตหิ สํสเนฺทตฺวา มิจฺฉาทิฎฺฐิํ มิจฺฉาทิฎฺฐิกญฺจ ครหิตุกาโม อสฺสาททิฎฺฐิ มิจฺฉาทิฎฺฐีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทิฎฺฐิวิปตฺตีติ สมฺมาทิฎฺฐิวินาสกมิจฺฉาทิฎฺฐิสงฺขาตทิฎฺฐิยา วิปตฺติฯ ทิฎฺฐิวิปโนฺนติ วิปนฺนา วินฎฺฐา สมฺมาทิฎฺฐิ อสฺสาติ ทิฎฺฐิวิปโนฺน, วิปนฺนทิฎฺฐีติ วุตฺตํ โหติฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา วา วิปโนฺน วินโฎฺฐติ ทิฎฺฐิวิปโนฺนฯ น เสวิตโพฺพ อุปสงฺกมเนนฯ น ภชิตโพฺพ จิเตฺตนฯ น ปยิรุปาสิตโพฺพ อุปสงฺกมิตฺวา นิสีทเนนฯ ตํ กิสฺส เหตูติ ‘‘ตํ เสวนาทิกํ เกน การเณน น กาตพฺพ’’นฺติ ตสฺส การณปุจฺฉาฯ ทิฎฺฐิ หิสฺส ปาปิกาติ การณวิสฺสชฺชนํฯ ยสฺมา อสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฎฺฐิ ปาปิกา, ตสฺมา ตํ เสวนาทิกํ น กาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐิยา ราโคติ ‘‘สุนฺทรา เม ทิฎฺฐี’’ติ ทิฎฺฐิํ อารพฺภ ทิฎฺฐิยา อุปฺปชฺชนราโค ฯ ทิฎฺฐิราครโตฺตติ เตน ทิฎฺฐิราเคน รเงฺคน รตฺตํ วตฺถํ วิย รโตฺตฯ น มหปฺผลนฺติ วิปากผเลนฯ น มหานิสํสนฺติ นิสฺสนฺทผเลนฯ

    Idāni nānāsuttehi saṃsandetvā micchādiṭṭhiṃ micchādiṭṭhikañca garahitukāmo assādadiṭṭhi micchādiṭṭhītiādimāha. Tattha diṭṭhivipattīti sammādiṭṭhivināsakamicchādiṭṭhisaṅkhātadiṭṭhiyā vipatti. Diṭṭhivipannoti vipannā vinaṭṭhā sammādiṭṭhi assāti diṭṭhivipanno, vipannadiṭṭhīti vuttaṃ hoti. Micchādiṭṭhiyā vā vipanno vinaṭṭhoti diṭṭhivipanno. Na sevitabbo upasaṅkamanena. Na bhajitabbo cittena. Na payirupāsitabbo upasaṅkamitvā nisīdanena. Taṃ kissa hetūti ‘‘taṃ sevanādikaṃ kena kāraṇena na kātabba’’nti tassa kāraṇapucchā. Diṭṭhi hissa pāpikāti kāraṇavissajjanaṃ. Yasmā assa puggalassa diṭṭhi pāpikā, tasmā taṃ sevanādikaṃ na kātabbanti attho. Diṭṭhiyā rāgoti ‘‘sundarā me diṭṭhī’’ti diṭṭhiṃ ārabbha diṭṭhiyā uppajjanarāgo . Diṭṭhirāgarattoti tena diṭṭhirāgena raṅgena rattaṃ vatthaṃ viya ratto. Na mahapphalanti vipākaphalena. Na mahānisaṃsanti nissandaphalena.

    ปุริสปุคฺคลสฺสาติ ปุริสสงฺขาตสฺส ปุคฺคลสฺสฯ โลกิยโวหาเรน หิ ปุริ วุจฺจติ สรีรํ, ตสฺมิํ ปุริสฺมิํ เสติ ปวตฺตตีติ ปุริโส, ปุํ วุจฺจติ นิรโย, ตํ ปุํ คลติ คจฺฉตีติ ปุคฺคโลฯ เยภุเยฺยน หิ สตฺตา สุคติโต จุตา ทุคฺคติยํเยว นิพฺพตฺตนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ น มหปฺผลตฺตํ เกน การเณน โหติฯ ทิฎฺฐิ หิสฺส ปาปิกาติ ยสฺมา อสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฎฺฐิ ปาปิกา, ตสฺมา น มหปฺผลํ โหตีติ อโตฺถฯ เทฺวว คติโยติ ปญฺจสุ คตีสุ เทฺวว คติโยฯ วิปชฺชมานาย ทิฎฺฐิยา นิรโยฯ สมฺปชฺชมานาย ติรจฺฉานโยนิฯ ยเญฺจว กายกมฺมนฺติ สกลิงฺคธารณปฎิปทานุโยคอภิวาทนปจฺจุฎฺฐานอญฺชลิกมฺมาทิ กายกมฺมํฯ ยญฺจ วจีกมฺมนฺติ สกสมยปริยาปุณนสชฺฌายนเทสนาสมาทปนาทิ วจีกมฺมํฯ ยญฺจ มโนกมฺมนฺติ อิธโลกจินฺตาปฎิสํยุตฺตญฺจ ปรโลกจินฺตาปฎิสํยุตฺตญฺจ กตากตจินฺตาปฎิสํยุตฺตญฺจ มโนกมฺมํฯ ติณกฎฺฐธญฺญพีเชสุ สตฺตทิฎฺฐิสฺส ทานานุปฺปทานปฎิคฺคหณปริโภเคสุ จ กายวจีมโนกมฺมานิฯ ยถาทิฎฺฐีติ ยา อยํ ทิฎฺฐิ, ตสฺสานุรูปํฯ สมตฺตนฺติ ปริปุณฺณํฯ สมาทินฺนนฺติ คหิตํฯ

    Purisapuggalassāti purisasaṅkhātassa puggalassa. Lokiyavohārena hi puri vuccati sarīraṃ, tasmiṃ purismiṃ seti pavattatīti puriso, puṃ vuccati nirayo, taṃ puṃ galati gacchatīti puggalo. Yebhuyyena hi sattā sugatito cutā duggatiyaṃyeva nibbattanti. Taṃ kissa hetūti taṃ na mahapphalattaṃ kena kāraṇena hoti. Diṭṭhi hissa pāpikāti yasmā assa puggalassa diṭṭhi pāpikā, tasmā na mahapphalaṃ hotīti attho. Dveva gatiyoti pañcasu gatīsu dveva gatiyo. Vipajjamānāya diṭṭhiyā nirayo. Sampajjamānāya tiracchānayoni. Yañceva kāyakammanti sakaliṅgadhāraṇapaṭipadānuyogaabhivādanapaccuṭṭhānaañjalikammādi kāyakammaṃ. Yañca vacīkammanti sakasamayapariyāpuṇanasajjhāyanadesanāsamādapanādi vacīkammaṃ. Yañca manokammanti idhalokacintāpaṭisaṃyuttañca paralokacintāpaṭisaṃyuttañca katākatacintāpaṭisaṃyuttañca manokammaṃ. Tiṇakaṭṭhadhaññabījesu sattadiṭṭhissa dānānuppadānapaṭiggahaṇaparibhogesu ca kāyavacīmanokammāni. Yathādiṭṭhīti yā ayaṃ diṭṭhi, tassānurūpaṃ. Samattanti paripuṇṇaṃ. Samādinnanti gahitaṃ.

    อฎฺฐกถายํ ปน วุตฺตํ – ตเทตํ ยถาทิฎฺฐิยํ ฐิตกายกมฺมํ, ทิฎฺฐิสหชาตกายกมฺมํ, ทิฎฺฐานุโลมิกกายกมฺมนฺติ ติวิธํ โหติฯ ตตฺถ ‘‘ปาณํ หนโต อทินฺนํ อาทิยโต มิจฺฉาจรโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม’’ติ ยํ เอวํ ทิฎฺฐิกสฺส สโต ปาณาติปาตอทินฺนาทานมิจฺฉาจารสงฺขาตํ กายกมฺมํ, อิทํ ยถาทิฎฺฐิยํ ฐิตกายกมฺมํ นามฯ ‘‘ปาณํ หนโต อทินฺนํ อาทิยโต มิจฺฉาจรโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม’’ติ ยํ อิมาย ทิฎฺฐิยา อิมินา ทสฺสเนน สหชาตํ กายกมฺมํ, อิทํ ทิฎฺฐิสหชาตกายกมฺมํ นามฯ ตเทว ปน สมตฺตํ สมาทินฺนํ คหิตํ ปรามฎฺฐํ ทิฎฺฐานุโลมิกกายกมฺมํ นามฯ วจีกมฺมมโนกเมฺมสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ ปน มุสา ภณโต ปิสุณํ ภณโต ผรุสํ ภณโต สมฺผํ ปลปโต อภิชฺฌาลุโน พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิกสฺส สโต นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโมติ โยชนา กาตพฺพาฯ ลิงฺคธารณาทิปริยาปุณนาทิโลกจินฺตาทิวเสน วุตฺตนโย เจตฺถ สุนฺทโรฯ

    Aṭṭhakathāyaṃ pana vuttaṃ – tadetaṃ yathādiṭṭhiyaṃ ṭhitakāyakammaṃ, diṭṭhisahajātakāyakammaṃ, diṭṭhānulomikakāyakammanti tividhaṃ hoti. Tattha ‘‘pāṇaṃ hanato adinnaṃ ādiyato micchācarato natthi tatonidānaṃ pāpaṃ, natthi pāpassa āgamo’’ti yaṃ evaṃ diṭṭhikassa sato pāṇātipātaadinnādānamicchācārasaṅkhātaṃ kāyakammaṃ, idaṃ yathādiṭṭhiyaṃ ṭhitakāyakammaṃ nāma. ‘‘Pāṇaṃ hanato adinnaṃ ādiyato micchācarato natthi tatonidānaṃ pāpaṃ, natthi pāpassa āgamo’’ti yaṃ imāya diṭṭhiyā iminā dassanena sahajātaṃ kāyakammaṃ, idaṃ diṭṭhisahajātakāyakammaṃ nāma. Tadeva pana samattaṃ samādinnaṃ gahitaṃ parāmaṭṭhaṃ diṭṭhānulomikakāyakammaṃ nāma. Vacīkammamanokammesupi eseva nayo. Ettha pana musā bhaṇato pisuṇaṃ bhaṇato pharusaṃ bhaṇato samphaṃ palapato abhijjhāluno byāpannacittassa micchādiṭṭhikassa sato natthi tatonidānaṃ pāpaṃ, natthi pāpassa āgamoti yojanā kātabbā. Liṅgadhāraṇādipariyāpuṇanādilokacintādivasena vuttanayo cettha sundaro.

    เจตนาทีสุ ทิฎฺฐิสหชาตา เจตนา เจตนา นามฯ ทิฎฺฐิสหชาตา ปตฺถนา ปตฺถนา นามฯ เจตนาปตฺถนานํ วเสน จิตฺตฎฺฐปนา ปณิธิ นามฯ เตหิ ปน เจตนาทีหิ สมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนา ธมฺมา สงฺขารา นามฯ อนิฎฺฐายาติอาทีหิ ทุกฺขเมว วุตฺตํฯ ทุกฺขญฺหิ สุขกาเมหิ สเตฺตหิ น เอสิตตฺตา อนิฎฺฐํฯ อปฺปิยตฺตา อกนฺตํฯ มนสฺส อวฑฺฒนโต, มนสิ อวิสปฺปนโต จ อมนาปํฯ อายติํ อภทฺทตาย อหิตํฯ ปีฬนโต ทุกฺขนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ เอวํ สํวตฺตนํ เกน การเณน โหตีติ อโตฺถฯ อิทานิสฺส การณํ ทิฎฺฐิ หิสฺส ปาปิกาติฯ ยสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฎฺฐิ ปาปิกา ลามกา, ตสฺมา เอวํ สํวตฺตตีติ อโตฺถฯ อลฺลาย ปถวิยา นิกฺขิตฺตนฺติ อุทเกน ตินฺตาย ภูมิยา โรปิตํฯ ปถวีรสํ อาโปรสนฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน ปถวิยา จ สมฺปทํ อาปสฺส จ สมฺปทํฯ พีชนิกฺขิตฺตฎฺฐาเน หิ น สพฺพา ปถวี น สโพฺพ อาโป จ พีชํ ผลํ คณฺหาเปติฯ โย ปน เตสํ ปเทโส พีชํ ผุสติ, โสเยว พีชํ ผลํ คณฺหาเปติฯ ตสฺมา พีชโปสนาย ปจฺจยภูโตเยว โส ปเทโส ปถวีรโส อาโปรโสติ เวทิตโพฺพฯ รสสทฺทสฺส หิ สมฺปตฺติ จ อโตฺถฯ ยถาห ‘‘กิจฺจสมฺปตฺติอเตฺถน รโส นาม ปวุจฺจตี’’ติฯ โลเก จ ‘‘สุรโส คนฺธโพฺพ’’ติ วุเตฺต สุสมฺปโนฺน คนฺธโพฺพติ อโตฺถ ญายติฯ อุปาทิยตีติ คณฺหาติฯ โย หิ ปเทโส ปจฺจโย โหติ, ตํ ปจฺจยํ ลภมานํ พีชํ ตํ คณฺหาติ นามฯ สพฺพํ ตนฺติ สพฺพํ ตํ รสชาตํฯ ติตฺตกตฺตายาติ โส ปถวีรโส อาโปรโส จ อติตฺตโก สมาโนปิ ติตฺตกํ พีชํ นิสฺสาย นิมฺพรุกฺขาทีนํ เตสํ ผลานญฺจ ติตฺตกภาวาย สํวตฺตติฯ กฎุกตฺตายาติ อิทํ ปุริมเสฺสว เววจนํฯ

    Cetanādīsu diṭṭhisahajātā cetanā cetanā nāma. Diṭṭhisahajātā patthanā patthanā nāma. Cetanāpatthanānaṃ vasena cittaṭṭhapanā paṇidhi nāma. Tehi pana cetanādīhi sampayuttā phassādayo saṅkhārakkhandhapariyāpannā dhammā saṅkhārā nāma. Aniṭṭhāyātiādīhi dukkhameva vuttaṃ. Dukkhañhi sukhakāmehi sattehi na esitattā aniṭṭhaṃ. Appiyattā akantaṃ. Manassa avaḍḍhanato, manasi avisappanato ca amanāpaṃ. Āyatiṃ abhaddatāya ahitaṃ. Pīḷanato dukkhanti. Taṃ kissa hetūti taṃ evaṃ saṃvattanaṃ kena kāraṇena hotīti attho. Idānissa kāraṇaṃ diṭṭhi hissa pāpikāti. Yasmā tassa puggalassa diṭṭhi pāpikā lāmakā, tasmā evaṃ saṃvattatīti attho. Allāya pathaviyā nikkhittanti udakena tintāya bhūmiyā ropitaṃ. Pathavīrasaṃ āporasanti tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne pathaviyā ca sampadaṃ āpassa ca sampadaṃ. Bījanikkhittaṭṭhāne hi na sabbā pathavī na sabbo āpo ca bījaṃ phalaṃ gaṇhāpeti. Yo pana tesaṃ padeso bījaṃ phusati, soyeva bījaṃ phalaṃ gaṇhāpeti. Tasmā bījaposanāya paccayabhūtoyeva so padeso pathavīraso āporasoti veditabbo. Rasasaddassa hi sampatti ca attho. Yathāha ‘‘kiccasampattiatthena raso nāma pavuccatī’’ti. Loke ca ‘‘suraso gandhabbo’’ti vutte susampanno gandhabboti attho ñāyati. Upādiyatīti gaṇhāti. Yo hi padeso paccayo hoti, taṃ paccayaṃ labhamānaṃ bījaṃ taṃ gaṇhāti nāma. Sabbaṃ tanti sabbaṃ taṃ rasajātaṃ. Tittakattāyāti so pathavīraso āporaso ca atittako samānopi tittakaṃ bījaṃ nissāya nimbarukkhādīnaṃ tesaṃ phalānañca tittakabhāvāya saṃvattati. Kaṭukattāyāti idaṃ purimasseva vevacanaṃ.

    ‘‘วณฺณคนฺธรสูเปโต, อโมฺพยํ อหุวา ปุเร;

    ‘‘Vaṇṇagandharasūpeto, amboyaṃ ahuvā pure;

    ตเมว ปูชํ ลภมาโน, เกนโมฺพ กฎุกปฺผโล’’ติฯ (ชา. ๑.๒.๗๑) –

    Tameva pūjaṃ labhamāno, kenambo kaṭukapphalo’’ti. (jā. 1.2.71) –

    อาคตฎฺฐาเน วิย หิ อิธาปิ ติตฺตกเมว อปฺปิยเฎฺฐน กฎุกนฺติ เวทิตพฺพํฯ อสาตตฺตายาติ อมธุรภาวายฯ อสาทุตฺตายาติปิ ปาโฐ, อสาทุภาวายาติ อโตฺถฯ สาทูติ หิ มธุรํฯ พีชํ หิสฺสาติ อสฺส นิมฺพาทิกสฺส พีชํฯ เอวเมวนฺติ เอวํ เอวํฯ ยสฺมา สุขา เวทนา ปรโม อสฺสาโท, ตสฺมา มิจฺฉาทิฎฺฐิยา ทุกฺขเวทนาวเสน อาทีนโว ทสฺสิโตติฯ ปุน อฎฺฐารสเภเทน ทิฎฺฐิยา อาทีนวํ ทเสฺสตุํ อสฺสาททิฎฺฐิ มิจฺฉาทิฎฺฐีติอาทิมาหฯ ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ อิเมหิ อฎฺฐารสหิ อากาเรหิ ปริยุฎฺฐิตจิตฺตสฺส สโญฺญโคติ ทิฎฺฐิยา เอว สํสาเร พนฺธนํ ทเสฺสติฯ

    Āgataṭṭhāne viya hi idhāpi tittakameva appiyaṭṭhena kaṭukanti veditabbaṃ. Asātattāyāti amadhurabhāvāya. Asāduttāyātipi pāṭho, asādubhāvāyāti attho. Sādūti hi madhuraṃ. Bījaṃ hissāti assa nimbādikassa bījaṃ. Evamevanti evaṃ evaṃ. Yasmā sukhā vedanā paramo assādo, tasmā micchādiṭṭhiyā dukkhavedanāvasena ādīnavo dassitoti. Puna aṭṭhārasabhedena diṭṭhiyā ādīnavaṃ dassetuṃ assādadiṭṭhi micchādiṭṭhītiādimāha. Taṃ vuttatthameva. Imehi aṭṭhārasahi ākārehi pariyuṭṭhitacittassa saññogoti diṭṭhiyā eva saṃsāre bandhanaṃ dasseti.

    ๑๒๙. ยสฺมา ปน ทิฎฺฐิภูตานิปิ สโญฺญชนานิ อตฺถิ อทิฎฺฐิภูตานิปิ, ตสฺมา ตํ ปเภทํ ทเสฺสโนฺต อตฺถิ สโญฺญชนานิ เจวาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา กามราคสโญฺญชนเสฺสว อนุนยสโญฺญชนนฺติ อาคตฎฺฐานมฺปิ อตฺถิ, ตสฺมา อนุนยสโญฺญชนนฺติ วุตฺตํฯ กามราคภาวํ อปฺปตฺวา ปวตฺตํ โลภํ สนฺธาย เอตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เสสขนฺธายตนาทิมูลเกสุปิ วาเรสุ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เวทนาปรมตฺตา จ อสฺสาทสฺส เวทนาปริโยสานา เอว เทสนา กตาฯ สญฺญาทโย น คหิตาฯ อิเมหิ ปญฺจติํสาย อากาเรหีติ ปญฺจกฺขนฺธา อชฺฌตฺติกายตนาทีนิ ปญฺจ ฉกฺกานิ จาติ อิมานิ ปญฺจติํส วตฺถูนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนอสฺสาทารมฺมณวเสน ปญฺจติํสาย อากาเรหิฯ

    129. Yasmā pana diṭṭhibhūtānipi saññojanāni atthi adiṭṭhibhūtānipi, tasmā taṃ pabhedaṃ dassento atthi saññojanāni cevātiādimāha. Tattha yasmā kāmarāgasaññojanasseva anunayasaññojananti āgataṭṭhānampi atthi, tasmā anunayasaññojananti vuttaṃ. Kāmarāgabhāvaṃ appatvā pavattaṃ lobhaṃ sandhāya etaṃ vuttanti veditabbaṃ. Sesakhandhāyatanādimūlakesupi vāresu imināva nayena attho veditabbo. Vedanāparamattā ca assādassa vedanāpariyosānā eva desanā katā. Saññādayo na gahitā. Imehi pañcatiṃsāya ākārehīti pañcakkhandhā ajjhattikāyatanādīni pañca chakkāni cāti imāni pañcatiṃsa vatthūni nissāya uppannaassādārammaṇavasena pañcatiṃsāya ākārehi.

    อสฺสาททิฎฺฐินิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Assādadiṭṭhiniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi
    ๒. ทิฎฺฐิกถา • 2. Diṭṭhikathā
    ๑. อสฺสาททิฎฺฐินิเทฺทโส • 1. Assādadiṭṭhiniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact