Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๙๓
The Middle-Length Suttas Collection 93
อสฺสลายนสุตฺต
With Assalāyana
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery.
เตน โข ปน สมเยน นานาเวรชฺชกานํ พฺราหฺมณานํ ปญฺจมตฺตานิ พฺราหฺมณสตานิ สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อถ โข เตสํ พฺราหฺมณานํ เอตทโหสิ: “อยํ โข สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปญฺญเปติฯ โก นุ โข ปโหติ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุนฺ”ติ?
Now at that time around five hundred brahmins from abroad were residing in Sāvatthī on some business. Then those brahmins thought, “This ascetic Gotama advocates purification for all four classes. Who is capable of having a dialogue with him about this?”
เตน โข ปน สมเยน อสฺสลายโน นาม มาณโว สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ ทหโร, วุตฺตสิโร, โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโยฯ
Now at that time the brahmin student Assalāyana was residing in Sāvatthī. He was young, newly tonsured; he was sixteen years old. He had mastered the three Vedas, together with their vocabularies, ritual, phonology and etymology, and the testament as fifth. He knew philology and grammar, and was well versed in cosmology and the marks of a great man.
อถ โข เตสํ พฺราหฺมณานํ เอตทโหสิ: “อยํ โข อสฺสลายโน มาณโว สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ ทหโร, วุตฺตสิโร, โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู …เป… อนวโยฯ โส โข ปโหติ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุนฺ”ติฯ
Then those brahmins thought, “This Assalāyana is capable of having a dialogue with the ascetic Gotama about this.”
อถ โข เต พฺราหฺมณา เยน อสฺสลายโน มาณโว เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ: “อยํ, โภ อสฺสลายน, สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปญฺญเปติฯ เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตู”ติฯ
So they approached Assalāyana and said to him, “This ascetic Gotama advocates purification for all four classes. Please, Mister Assalāyana, have a dialogue with the ascetic Gotama about this.”
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ: “สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติฯ นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุนฺ”ติฯ
When they said this, Assalāyana said to them, “They say that the ascetic Gotama is a speaker of principle. But speakers of principle are hard to have a dialogue with. I’m not capable of having a dialogue with the ascetic Gotama about this.”
ทุติยมฺปิ โข เต พฺราหฺมณา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ: “อยํ, โภ อสฺสลายน, สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปญฺญเปติฯ เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุฯ จริตํ โข ปน โภตา อสฺสลายเนน ปริพฺพาชกนฺ”ติฯ ทุติยมฺปิ โข อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ: “สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติฯ นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุนฺ”ติฯ
For a second time, those brahmins said to him “This ascetic Gotama advocates purification for all four classes. Please, Mister Assalāyana, have a dialogue with the ascetic Gotama about this. For you have lived as a wanderer.” And for a second time, Assalāyana refused.
ตติยมฺปิ โข เต พฺราหฺมณา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ: “อยํ, โภ อสฺสลายน, สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปญฺญเปติฯ เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุฯ จริตํ โข ปน โภตา อสฺสลายเนน ปริพฺพาชกํฯ มา ภวํ อสฺสลายโน อยุทฺธปราชิตํ ปราชยี”ติฯ
For a third time, those brahmins said to him, “This ascetic Gotama advocates purification for all four classes. Please, Mister Assalāyana, have a dialogue with the ascetic Gotama about this. For you have lived as a wanderer. Don’t admit defeat before going into battle!”
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ: “อทฺธา โข อหํ ภวนฺโต น ลภามิฯ สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติฯ นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุนฺติฯ อปิ จาหํ ภวนฺตานํ วจเนน คมิสฺสามี”ติฯ
When they said this, Assalāyana said to them, “Clearly, gentlemen, I’m not getting through to you when I say: ‘They say that the ascetic Gotama is a speaker of principle. But speakers of principle are hard to have a dialogue with. I’m not capable of having a dialogue with the ascetic Gotama about this.’ Nevertheless, I shall go at your bidding.”
อถ โข อสฺสลายโน มาณโว มหตา พฺราหฺมณคเณน สทฺธึ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อสฺสลายโน มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ:
Then Assalāyana together with a large group of brahmins went to the Buddha and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side and said to the Buddha:
“พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กโณฺห อญฺโญ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา'ติฯ อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา”ติ?
“Master Gotama, the brahmins say: ‘Only brahmins are the best caste; other castes are inferior. Only brahmins are the light caste; other castes are dark. Only brahmins are purified, not others. Only brahmins are Brahmā’s rightful sons, born of his mouth, born of Brahmā, created by Brahmā, heirs of Brahmā.’ What do you say about this?”
“ทิสฺสนฺติ โข ปน, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณิโย อุตุนิโยปิ คพฺภินิโยปิ วิชายมานาปิ ปายมานาปิฯ เต จ พฺราหฺมณิโยนิชาว สมานา เอวมาหํสุ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กโณฺห อญฺโญ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา'”ติฯ
“But Assalāyana, brahmin women are seen menstruating, being pregnant, giving birth, and breastfeeding. Yet even though they’re born from a brahmin womb they say: ‘Only brahmins are the best caste; other castes are inferior. Only brahmins are the light caste; other castes are dark. Only brahmins are purified, not others. Only brahmins are Brahmā’s rightful sons, born of his mouth, born of Brahmā, created by Brahmā, heirs of Brahmā.’”
“กิญฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ เขฺวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มญฺญนฺติ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติฯ
“Even though you say this, still the brahmins maintain their belief.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, สุตํ เต: ‘โยนกมฺโพเชสุ อญฺเญสุ จ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ เทฺวว วณฺณา—อโยฺย เจว ทาโส จ; อโยฺย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส หุตฺวา อโยฺย โหตี'”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Have you heard that in Greece and Persia and other foreign lands there are only two classes, masters and bonded servants; and that masters may become servants, and servants masters?”
“เอวํ, โภ, สุตํ ตํ เม: ‘โยนกมฺโพเชสุ อญฺเญสุ จ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ เทฺวว วณฺณา—อโยฺย เจว ทาโส จ; อโยฺย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส หุตฺวา อโยฺย โหตี'”ติฯ
“Yes, I have heard that.”
“เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติ?
“Then what is the source of the brahmins’ self-confidence and forcefulness in this matter that they make this claim?”
“กิญฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ เขฺวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มญฺญนฺติ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติฯ
“Even though you say this, still the brahmins maintain their belief.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, ขตฺติโยว นุ โข ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺฐิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย, โน พฺราหฺมโณ? เวโสฺสว นุ โข …เป… สุทฺโทว นุ โข ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺฐิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย, โน พฺราหฺมโณ”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Suppose an aristocrat were to kill living creatures, steal, and commit sexual misconduct; to use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; and to be covetous, malicious, with wrong view. When their body breaks up, after death, they’d be reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. Would this happen only to an aristocrat, and not to a brahmin? Or suppose a peasant, or a menial were to act in the same way. Would that result befall only a peasant or a menial, and not to a brahmin?”
“โน หิทํ, โภ โคตมฯ ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺฐิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยฯ พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม …เป… เวโสฺสปิ หิ, โภ โคตม …เป… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม …เป… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปาณาติปาติโน อทินฺนาทายิโน กาเมสุมิจฺฉาจาริโน มุสาวาทิโน ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาปิโน อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตา มิจฺฉาทิฏฺฐี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยุนฺ”ติฯ
“No, Master Gotama. If they acted the same way, the same result would befall an aristocrat, a brahmin, a peasant, or a menial. For if any of the four classes were to kill living creatures, steal, and commit sexual misconduct; to use speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; and to be covetous, malicious, with wrong view, then, when their body breaks up, after death, they’d be reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell.”
“เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติ?
“Then what is the source of the brahmins’ self-confidence and forcefulness in this matter that they make this claim?”
“กิญฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ เขฺวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มญฺญนฺติ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติฯ
“Even though you say this, still the brahmins maintain their belief.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต มุสาวาทา ปฏิวิรโต ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺฐิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย, โน ขตฺติโย, โน เวโสฺส, โน สุทฺโท”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Suppose a brahmin were to refrain from killing living creatures, stealing, and committing sexual misconduct; from using speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; and from covetousness, malice, and wrong view. When their body breaks up, after death, they’d be reborn in a good place, a heavenly realm. Would this happen only to an brahmin, and not to an aristocrat, a peasant, or a menial?”
“โน หิทํ, โภ โคตมฯ ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต มุสาวาทา ปฏิวิรโต ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺฐิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยฯ พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม …เป… เวโสฺสปิ หิ, โภ โคตม …เป… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม …เป… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปาณาติปาตา ปฏิวิรตา อทินฺนาทานา ปฏิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรตา มุสาวาทา ปฏิวิรตา ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรตา ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรตา สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตา อนภิชฺฌาลู อพฺยาปนฺนจิตฺตา สมฺมาทิฏฺฐี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยุนฺ”ติฯ
“No, Master Gotama. If they acted the same way, the same result would befall an aristocrat, a brahmin, a peasant, or a menial. For if any of the four classes were to refrain from killing living creatures, stealing, and committing sexual misconduct; from using speech that’s false, divisive, harsh, or nonsensical; and from covetousness, malice, and wrong view, then, when their body breaks up, after death, they’d be reborn in a good place, a heavenly realm.”
“เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติ?
“Then what is the source of the brahmins’ self-confidence and forcefulness in this matter that they make this claim?”
“กิญฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ เขฺวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มญฺญนฺติ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติฯ
“Even though you say this, still the brahmins maintain their belief.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ, โน ขตฺติโย, โน เวโสฺส, โน สุทฺโท”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Is only a brahmin capable of developing a heart of love, free of enmity and ill will for this region, and not an aristocrat, peasant, or menial?”
“โน หิทํ, โภ โคตมฯ ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม … เวโสฺสปิ หิ, โภ โคตม … สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม … สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุนฺ”ติฯ
“No, Master Gotama. Aristocrats, brahmins, peasants, and menials can all do so. For all four classes are capable of developing a heart of love, free of enmity and ill will for this region.”
“เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติ?
“Then what is the source of the brahmins’ self-confidence and forcefulness in this matter that they make this claim?”
“กิญฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ เขฺวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มญฺญนฺติ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติฯ
“Even though you say this, still the brahmins maintain their belief.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, โน ขตฺติโย, โน เวโสฺส, โน สุทฺโท”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Is only a brahmin capable of taking some bathing paste of powdered shell, going to the river, and washing off dust and dirt, and not an aristocrat, peasant, or menial?”
“โน หิทํ, โภ โคตมฯ ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม … เวโสฺสปิ หิ, โภ โคตม … สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม … สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุนฺ”ติฯ
“No, Master Gotama. All four classes are capable of doing this.”
“เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติ?
“Then what is the source of the brahmins’ self-confidence and forcefulness in this matter that they make this claim?”
“กิญฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ เขฺวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มญฺญนฺติ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติฯ
“Even though you say this, still the brahmins maintain their belief.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, อิธ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต นานาชจฺจานํ ปุริสานํ ปุริสสตํ สนฺนิปาเตยฺย: ‘อายนฺตุ โภนฺโต เย ตตฺถ ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชญฺญกุลา อุปฺปนฺนา, สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย, อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตุฯ อายนฺตุ ปน โภนฺโต เย ตตฺถ จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺนา, สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺฐสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย, อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตู'ติฯ
“What do you think, Assalāyana? Suppose an anointed aristocratic king were to gather a hundred people born in different castes and say to them: ‘Please gentlemen, let anyone here who was born in a family of aristocrats, brahmins, or chieftains take a drill-stick made of teak, sal, frankincense wood, sandalwood, or cherry wood, light a fire and produce heat. And let anyone here who was born in a family of outcastes, hunters, bamboo-workers, chariot-makers, or waste-collectors take a drill-stick made from a dog’s drinking trough, a pig’s trough, a dustbin, or castor-oil wood, light a fire and produce heat.’
ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, โย เอวํ นุ โข โส ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชญฺญกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต, โส เอว นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โย ปน โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺฐสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ น เจว อจฺจิมา น จ วณฺณวา น จ ปภสฺสโร, น จ เตน สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุนฺ”ติ?
What do you think, Assalāyana? Would only the fire produced by the high class people with good quality wood have flames, color, and radiance, and be usable as fire, and not the fire produced by the low class people with poor quality wood?”
“โน หิทํ, โภ โคตมฯ โยปิ หิ โส, โภ โคตม, ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชญฺญกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โยปิ โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺฐสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต, สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํฯ สพฺโพปิ หิ, โภ โคตม, อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, สพฺเพนปิ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุนฺ”ติฯ
“No, Master Gotama. The fire produced by the high class people with good quality wood would have flames, color, and radiance, and be usable as fire, and so would the fire produced by the low class people with poor quality wood. For all fire has flames, color, and radiance, and is usable as fire.”
“เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กโณฺห อญฺโญ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา'”ติ?
“Then what is the source of the brahmins’ self-confidence and forcefulness in this matter that they make this claim?”
“กิญฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ เขฺวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มญฺญนฺติ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'”ติฯ
“Even though you say this, still the brahmins maintain their belief.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, อิธ ขตฺติยกุมาโร พฺราหฺมณกญฺญาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปยฺย, เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต ชาเยถ; โย โส ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกญฺญาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย'ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ'ติปิ วตฺตพฺโพ”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Suppose an aristocrat boy was to sleep with a brahmin girl, and they had a child. Would that child be called an aristocrat after the father or a brahmin after the mother?”
“โย โส, โภ โคตม, ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกญฺญาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย'ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ'ติปิ วตฺตพฺโพ”ติฯ
“They could be called either.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, อิธ พฺราหฺมณกุมาโร ขตฺติยกญฺญาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปยฺย, เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต ชาเยถ; โย โส พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกญฺญาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย'ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ'ติปิ วตฺตพฺโพ”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Suppose a brahmin boy was to sleep with an aristocrat girl, and they had a child. Would that child be called an aristocrat after the mother or a brahmin after the father?”
“โย โส, โภ โคตม, พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกญฺญาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย'ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ'ติปิ วตฺตพฺโพ”ติฯ
“They could be called either.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, อิธ วฬวํ คทฺรเภน สมฺปโยเชยฺยุํ, เตสํ สมฺปโยคมนฺวาย กิโสโร ชาเยถ; โย โส วฬวาย คทฺรเภน กิโสโร อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘อโสฺส'ติปิ วตฺตพฺโพ ‘คทฺรโภ'ติปิ วตฺตพฺโพ”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Suppose a mare were to mate with a donkey, and she gave birth to a mule. Would that mule be called a horse after the mother or a donkey after the father?”
“กุณฺฑญฺหิ โส, โภ โคตม, อสฺสตโร โหติฯ อิทํ หิสฺส, โภ โคตม, นานากรณํ ปสฺสามิ; อมุตฺร จ ปเนสานํ น กิญฺจิ นานากรณํ ปสฺสามี”ติฯ
“It’s a mule, as it is a crossbreed. I see the difference in this case, but not in the previous cases.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, อิธาสฺสุ เทฺว มาณวกา ภาตโร โสทริยา, เอโก อชฺฌายโก อุปนีโต เอโก อนชฺฌายโก อนุปนีโตฯ กเมตฺถ พฺราหฺมณา ปฐมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยญฺเญ วา ปาหุเน วา”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Suppose there were two brahmin students who were brothers who had shared a womb. One was an educated reciter, while the other was not an educated reciter. Who would the brahmins feed first at an offering of food for ancestors, an offering of a dish of milk-rice, a sacrifice, or a feast for guests?”
“โย โส, โภ โคตม, มาณวโก อชฺฌายโก อุปนีโต ตเมตฺถ พฺราหฺมณา ปฐมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยญฺเญ วา ปาหุเน วาฯ กิญฺหิ, โภ โคตม, อนชฺฌายเก อนุปนีเต ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี”ติ?
“They’d first feed the student who was an educated reciter. For how could an offering to someone who not an educated reciter be very fruitful?”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อสฺสลายน, อิธาสฺสุ เทฺว มาณวกา ภาตโร โสทริยา, เอโก อชฺฌายโก อุปนีโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม, เอโก อนชฺฌายโก อนุปนีโต สีลวา กลฺยาณธมฺโมฯ กเมตฺถ พฺราหฺมณา ปฐมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยญฺเญ วา ปาหุเน วา”ติ?
“What do you think, Assalāyana? Suppose there were two brahmin students who were brothers who had shared a womb. One was an educated reciter, but was unethical, of bad character, while the other was not an educated reciter, but was ethical and of good character. Who would the brahmins feed first?”
“โย โส, โภ โคตม, มาณวโก อนชฺฌายโก อนุปนีโต สีลวา กลฺยาณธมฺโม ตเมตฺถ พฺราหฺมณา ปฐมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยญฺเญ วา ปาหุเน วาฯ กิญฺหิ, โภ โคตม, ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี”ติ?
“They’d first feed the student who was not an educated reciter, but was ethical and of good character. For how could an offering to someone who is unethical and of bad character be very fruitful?”
“ปุพฺเพ โข ตฺวํ, อสฺสลายน, ชาตึ อคมาสิ; ชาตึ คนฺตฺวา มนฺเต อคมาสิ; มนฺเต คนฺตฺวา ตเป อคมาสิ; ตเป คนฺตฺวา จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปจฺจาคโต, ยมหํ ปญฺญเปมี”ติฯ เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิฯ
“Firstly you relied on birth, Assalāyana, then you switched to education, then you switched to abstemious behavior. Now you’ve come around to believing in purification for the four classes, just as I advocate.” When he said this, Assalāyana sat silent, dismayed, shoulders drooping, downcast, depressed, with nothing to say.
อถ โข ภควา อสฺสลายนํ มาณวํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจ:
Knowing this, the Buddha said to him:
“ภูตปุพฺพํ, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ อรญฺญายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ: ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ … เป… พฺรหฺมทายาทา'ติฯ
“Once upon a time, Assalāyana, seven brahmin seers settled in leaf huts in a wilderness region. They had the following harmful misconception: ‘Only brahmins are the best caste; other castes are inferior. Only brahmins are the light caste; other castes are dark. Only brahmins are purified, not others. Only brahmins are Brahmā’s rightful sons, born of his mouth, born of Brahmā, created by Brahmā, heirs of Brahmā.’
อโสฺสสิ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ: ‘สตฺตนฺนํ กิร พฺราหฺมณิสีนํ อรญฺญายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ—พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ …เป… พฺรหฺมทายาทา'ติฯ อถ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ เกสมสฺสุํ กปฺเปตฺวา มญฺชิฏฺฐวณฺณานิ ทุสฺสานิ นิวาเสตฺวา ปฏลิโย อุปาหนา อารุหิตฺวา ชาตรูปมยํ ทณฺฑํ คเหตฺวา สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล ปาตุรโหสิฯ อถ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล จงฺกมมาโน เอวมาห: ‘หนฺท โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา; หนฺท โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา'ติ?
The seer Devala the Dark heard about this. So he did up his hair and beard, dressed in magenta robes, put on his boots, grasped a golden staff, and appeared in the courtyard of the seven brahmin seers. Then he wandered about the yard saying, ‘Where, oh where have those brahmin seers gone? Where, oh where have those brahmin seers gone?’
อถ โข, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ เอตทโหสิ: ‘โก นายํ คามณฺฑลรูโป วิย สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล จงฺกมมาโน เอวมาห: “หนฺท โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา; หนฺท โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตาติ? หนฺท นํ อภิสปามา”'ติฯ
Then those brahmin seers said, ‘Who’s this wandering about our courtyard like a cowpoke? Let’s curse him!’
อถ โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิสปึสุ: ‘ภสฺมา, วสล, โหหิ; ภสฺมา, วสล, โหหี'ติฯ ยถา ยถา โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิสปึสุ ตถา ตถา อสิโต เทวโล อิสิ อภิรูปตโร เจว โหติ ทสฺสนียตโร จ ปาสาทิกตโร จฯ
So they cursed Devala the Dark, ‘Be ashes, lowlife! Be ashes, lowlife!’ But the more the seers cursed him, the more attractive, good-looking, and lovely Devala the Dark became.
อถ โข, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ เอตทโหสิ: ‘โมฆํ วต โน ตโป, อผลํ พฺรหฺมจริยํฯ มยญฺหิ ปุพฺเพ ยํ อภิสปาม—ภสฺมา, วสล, โหหิ; ภสฺมา, วสล, โหหีติ ภสฺมาว ภวติ เอกจฺโจฯ อิมํ ปน มยํ ยถา ยถา อภิสปาม ตถา ตถา อภิรูปตโร เจว โหติ ทสฺสนียตโร จ ปาสาทิกตโร จา'ติฯ
Then those brahmin seers said, ‘Our fervor is in vain! Our spiritual path is fruitless! For when we used to curse someone to become ashes, ashes they became. But the more we curse this one, the more attractive, good-looking, and lovely he becomes.’
‘น ภวนฺตานํ โมฆํ ตโป, นาผลํ พฺรหฺมจริยํฯ อิงฺฆ ภวนฺโต, โย มยิ มโนปโทโส ตํ ปชหถา'ติฯ
‘Gentlemen, your fervor is not in vain; your spiritual path is not fruitless. Please let go of your malevolence towards me.’
‘โย ภวติ มโนปโทโส ตํ ปชหามฯ โก นุ ภวํ โหตี'ติ?
‘We let go of our malevolence towards you. But who are you, sir?’
‘สุโต นุ ภวตํ—อสิโต เทวโล อิสี'ติ?
‘Have you heard of the seer Devala the Dark?’
‘เอวํ, โภ'ฯ
‘Yes, sir.’
‘โส ขฺวาหํ, โภ, โหมี'ติฯ อถ โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิวาเทตุํ อุปกฺกมึสุฯ
‘I am he, sirs.’ Then they approached Devala and bowed to him.
อถ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ สตฺต พฺราหฺมณิสโย เอตทโวจ: ‘สุตํ เมตํ, โภ, สตฺตนฺนํ กิร พฺราหฺมณิสีนํ อรญฺญายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ—พฺราหฺมโณว เสฏฺโฐ วณฺโณ, หีโน อญฺโญ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กโณฺห อญฺโญ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา'ติฯ
Devala said to them, ‘I heard that when the seven brahmin seers had settled in leaf huts in a wilderness region, they had the following harmful misconception: “Only brahmins are the best caste; other castes are inferior. Only brahmins are the light caste; other castes are dark. Only brahmins are purified, not others. Only brahmins are Brahmā’s rightful sons, born of his mouth, born of Brahmā, created by Brahmā, heirs of Brahmā.”’
‘เอวํ, โภ'ฯ
‘That’s right, sir.’
‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต—ยา ชนิกา มาตา พฺราหฺมณํเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณนฺ'ติ?
‘But do you know whether your birth mother only had relations with a brahmin and not with a non-brahmin?’
‘โน หิทํ, โภ'ฯ
‘We don’t know that.’
‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต—ยา ชนิกามาตุ มาตา ยาว สตฺตมา มาตุมาตามหยุคา พฺราหฺมณํเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณนฺ'ติ?
‘But do you know whether your birth mother’s mothers back to the seventh generation only had relations with brahmins and not with non-brahmins?’
‘โน หิทํ, โภ'ฯ
‘We don’t know that.’
‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต—โย ชนโก ปิตา พฺราหฺมณึเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณินฺ'ติ?
‘But do you know whether your birth father only had relations with a brahmin woman and not with a non-brahmin?’
‘โน หิทํ, โภ'ฯ
‘We don’t know that.’
‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต—โย ชนกปิตุ ปิตา ยาว สตฺตมา ปิตุปิตามหยุคา พฺราหฺมณึเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณินฺ'ติ?
‘But do you know whether your birth father’s fathers back to the seventh generation only had relations with brahmins and not with non-brahmins?’
‘โน หิทํ, โภ'ฯ
‘We don’t know that.’
‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต—ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี'ติ?
‘But do you know how an embryo is conceived?’
‘ชานาม มยํ, โภ—ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหติฯ อิธ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ ปจฺจุปฏฺฐิโต โหติ; เอวํ ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี'ติฯ
‘We do know that, sir. An embryo is conceived when these three things come together—the mother and father come together, the mother is in the fertile phase of her menstrual cycle, and the virile spirit is potent.’
‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต—ตคฺฆ, โส คนฺธพฺโพ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวโสฺส วา สุทฺโท วา'ติ?
‘But do you know for sure whether that virile spirit is an aristocrat, a brahmin, a peasant, or a menial?’
‘น มยํ, โภ, ชานาม—ตคฺฆ โส คนฺธพฺโพ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวโสฺส วา สุทฺโท วา'ติฯ
‘We don’t know that.’
‘เอวํ สนฺเต, โภ, ชานาถ—เก ตุเมฺห โหถา'ติ?
‘In that case, sirs, don’t you know what you are?’
‘เอวํ สนฺเต, โภ, น มยํ ชานาม—เก มยํ โหมา'ติฯ
‘In that case, sir, we don’t know what we are.’
เต หิ นาม, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิเตน เทวเลน อิสินา สเก ชาติวาเท สมนุยุญฺชียมานา สมนุคฺคาหียมานา สมนุภาสียมานา น สมฺปายิสฺสนฺติ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ มยา สกสฺมึ ชาติวาเท สมนุยุญฺชียมาโน สมนุคฺคาหียมาโน สมนุภาสียมาโน สมฺปายิสฺสสิ, เยสํ ตฺวํ สาจริยโก น ปุณฺโณ ทพฺพิคาโห”ติฯ
So even those seven brahmin seers were stumped when pursued, pressed, and grilled by the seer Devala on their own genealogy. So how could you succeed, being grilled by me now on your own genealogy—you who have not even mastered your own tradition?”
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม …เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติฯ
When he had spoken, Assalāyana said to him, “Excellent, Master Gotama! … From this day forth, may Master Gotama remember me as a lay follower who has gone for refuge for life.”
อสฺสลายนสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ตติยํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]