Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๓. อสฺสลายนสุตฺตวณฺณนา
3. Assalāyanasuttavaṇṇanā
๔๐๑. เอวํ เม สุตนฺติ อสฺสลายนสุตฺตํฯ ตตฺถ นานาเวรชฺชกานนฺติ องฺคมคธาทีหิ นานปฺปกาเรหิ เวรเชฺชหิ อาคตานํ, เตสุ วา รเฎฺฐสุ ชาตสํวฑฺฒานนฺติปิ อโตฺถฯ เกนจิเทวาติ ยญฺญุปาสนาทินา อนิยมิตกิเจฺจนฯ จาตุวณฺณินฺติ จตุวณฺณสาธารณํฯ มยํ ปน นฺหานสุทฺธิยา ภาวนาสุทฺธิยาปิ พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺตีติ วทาม, อยุตฺตมฺปิ สมโณ โคตโม กโรตีติ มญฺญมานา เอวํ จินฺตยิํสุฯ วุตฺตสิโรติ วาปิตสิโรฯ
401.Evaṃme sutanti assalāyanasuttaṃ. Tattha nānāverajjakānanti aṅgamagadhādīhi nānappakārehi verajjehi āgatānaṃ, tesu vā raṭṭhesu jātasaṃvaḍḍhānantipi attho. Kenacidevāti yaññupāsanādinā aniyamitakiccena. Cātuvaṇṇinti catuvaṇṇasādhāraṇaṃ. Mayaṃ pana nhānasuddhiyā bhāvanāsuddhiyāpi brāhmaṇāva sujjhantīti vadāma, ayuttampi samaṇo gotamo karotīti maññamānā evaṃ cintayiṃsu. Vuttasiroti vāpitasiro.
ธมฺมวาทีติ สภาววาทีฯ ทุปฺปฎิมนฺติยาติ อมฺหาทิเสหิ อธมฺมวาทีหิ ทุเกฺขน ปฎิมนฺติตพฺพา โหนฺติฯ ธมฺมวาทิโน นาม ปราชโย น สกฺกา กาตุนฺติ ทเสฺสติฯ ปริพฺพาชกนฺติ ปพฺพชฺชาวิธานํ, ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา สพฺพปจฺฉา ปพฺพชนฺตา เยหิ มเนฺตหิ ปพฺพชนฺติ, ปพฺพชิตา จ เย มเนฺต ปริหรนฺติ, ยํ วา อาจารํ อาจรนฺติ, ตํ สพฺพํ โภตา จริตํ สิกฺขิตํฯ ตสฺมา ตุยฺหํ ปราชโย นตฺถิ, ชโยว ภวิสฺสตีติ มญฺญนฺตา เอวมาหํสุฯ
Dhammavādīti sabhāvavādī. Duppaṭimantiyāti amhādisehi adhammavādīhi dukkhena paṭimantitabbā honti. Dhammavādino nāma parājayo na sakkā kātunti dasseti. Paribbājakanti pabbajjāvidhānaṃ, tayo vede uggahetvā sabbapacchā pabbajantā yehi mantehi pabbajanti, pabbajitā ca ye mante pariharanti, yaṃ vā ācāraṃ ācaranti, taṃ sabbaṃ bhotā caritaṃ sikkhitaṃ. Tasmā tuyhaṃ parājayo natthi, jayova bhavissatīti maññantā evamāhaṃsu.
๔๐๒. ทิสฺสนฺติ โข ปนาติอาทิ เตสํ ลทฺธิภินฺทนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ พฺราหฺมณิโยติ พฺราหฺมณานํ ปุตฺตปฎิลาภตฺถาย อาวาหวิวาหวเสน กุลา อานีตา พฺราหฺมณิโย ทิสฺสนฺติ ฯ ตา โข ปเนตา อปเรน สมเยน อุตุนิโยปิ โหนฺติ, สญฺชาตปุปฺผาติ อโตฺถฯ คพฺภินิโยติ สญฺชาตคพฺภาฯ วิชายมานาติ ปุตฺตธีตโร ชนยมานาฯ ปายมานาติ ทารเก ถญฺญํ ปายนฺติโยฯ โยนิชาว สมานาติ พฺราหฺมณีนํ ปสฺสาวมเคฺคน ชาตา สมานาฯ เอวมาหํสูติ เอวํ วทนฺติฯ กถํ? พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ…เป.… พฺรหฺมทายาทาติฯ ยทิ ปน เนสํ สจฺจวจนํ สิยา, พฺราหฺมณีนํ กุจฺฉิ มหาพฺรหฺมุโน อุโร ภเวยฺย, พฺราหฺมณีนํ ปสฺสาวมโคฺค มหาพฺรหฺมุโน มุขํ ภเวยฺย, เอตฺตาวตา ‘‘มยํ มหาพฺรหฺมุโน อุเร วสิตฺวา มุขโต นิกฺขนฺตา’’ติ วตฺตุํ มา ลภนฺตูติ อยํ มุขโต ชาตเจฺฉทกวาโท วุโตฺตฯ
402.Dissanti kho panātiādi tesaṃ laddhibhindanatthaṃ vuttaṃ. Tattha brāhmaṇiyoti brāhmaṇānaṃ puttapaṭilābhatthāya āvāhavivāhavasena kulā ānītā brāhmaṇiyo dissanti . Tā kho panetā aparena samayena utuniyopi honti, sañjātapupphāti attho. Gabbhiniyoti sañjātagabbhā. Vijāyamānāti puttadhītaro janayamānā. Pāyamānāti dārake thaññaṃ pāyantiyo. Yonijāva samānāti brāhmaṇīnaṃ passāvamaggena jātā samānā. Evamāhaṃsūti evaṃ vadanti. Kathaṃ? Brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo…pe… brahmadāyādāti. Yadi pana nesaṃ saccavacanaṃ siyā, brāhmaṇīnaṃ kucchi mahābrahmuno uro bhaveyya, brāhmaṇīnaṃ passāvamaggo mahābrahmuno mukhaṃ bhaveyya, ettāvatā ‘‘mayaṃ mahābrahmuno ure vasitvā mukhato nikkhantā’’ti vattuṃ mā labhantūti ayaṃ mukhato jātacchedakavādo vutto.
๔๐๓. อโยฺย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส หุตฺวา อโยฺย โหตีติ พฺราหฺมโณ สภริโย วณิชฺชํ ปโยเชโนฺต โยนกรฎฺฐํ วา กโมฺพชรฎฺฐํ วา คนฺตฺวา กาลํ กโรติ, ตสฺส เคเห วยปฺปเตฺต ปุเตฺต อสติ พฺราหฺมณี ทาเสน วา กมฺมกเรน วา สทฺธิํ สํวาสํ กเปฺปติฯ เอกสฺมิํ ทารเก ชาเต โส ปุริโส ทาโสว โหติ, ตสฺส ชาตทารโก ปน ทายชฺชสามิโก โหติฯ มาติโต สุโทฺธ ปิติโต อสุโทฺธ โส วณิชฺชํ ปโยเชโนฺต มชฺฌิมปเทสํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณทาริกํ คเหตฺวา ตสฺสา กุจฺฉิสฺมิํ ปุตฺตํ ปฎิลภติ, โสปิ มาติโตว สุโทฺธ โหติ ปิติโต อสุโทฺธฯ เอวํ พฺราหฺมณสมยสฺมิเญฺญว ชาติสเมฺภโท โหตีติ ทสฺสนตฺถเมตํ วุตฺตํฯ กิํ พลํ, โก อสฺสาโสติ ยตฺถ ตุเมฺห ทาสา โหนฺตา สเพฺพว ทาสา โหถ, อยฺยา โหนฺตา สเพฺพว อยฺยา โหถ, เอตฺถ โว โก ถาโม, โก อวสฺสโย, ยํ พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณติ วทถาติ ทีเปติฯ
403.Ayyo hutvā dāso hoti, dāso hutvā ayyo hotīti brāhmaṇo sabhariyo vaṇijjaṃ payojento yonakaraṭṭhaṃ vā kambojaraṭṭhaṃ vā gantvā kālaṃ karoti, tassa gehe vayappatte putte asati brāhmaṇī dāsena vā kammakarena vā saddhiṃ saṃvāsaṃ kappeti. Ekasmiṃ dārake jāte so puriso dāsova hoti, tassa jātadārako pana dāyajjasāmiko hoti. Mātito suddho pitito asuddho so vaṇijjaṃ payojento majjhimapadesaṃ gantvā brāhmaṇadārikaṃ gahetvā tassā kucchismiṃ puttaṃ paṭilabhati, sopi mātitova suddho hoti pitito asuddho. Evaṃ brāhmaṇasamayasmiññeva jātisambhedo hotīti dassanatthametaṃ vuttaṃ. Kiṃbalaṃ, ko assāsoti yattha tumhe dāsā hontā sabbeva dāsā hotha, ayyā hontā sabbeva ayyā hotha, ettha vo ko thāmo, ko avassayo, yaṃ brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇoti vadathāti dīpeti.
๔๐๔. ขตฺติโยว นุ โขติอาทโย สุตฺตเจฺฉทกวาทา นาม โหนฺติฯ
404.Khattiyova nu khotiādayo suttacchedakavādā nāma honti.
๔๐๘. อิทานิ จาตุวณฺณิสุทฺธิํ ทเสฺสโนฺต อิธ ราชาติอาทิมาหฯ สาปานโทณิยาติ สุนขานํ ปิวนโทณิยาฯ อคฺคิกรณียนฺติ สีตวิโนทนอนฺธการวิธมนภตฺตปจนาทิ อคฺคิกิจฺจํฯ เอตฺถ อสฺสลายนาติ เอตฺถ สพฺพสฺมิํ อคฺคิกิจฺจํ กโรเนฺตฯ
408. Idāni cātuvaṇṇisuddhiṃ dassento idha rājātiādimāha. Sāpānadoṇiyāti sunakhānaṃ pivanadoṇiyā. Aggikaraṇīyanti sītavinodanaandhakāravidhamanabhattapacanādi aggikiccaṃ. Ettha assalāyanāti ettha sabbasmiṃ aggikiccaṃ karonte.
๔๐๙. อิทานิ ยเทตํ พฺราหฺมณา จาตุวณฺณิสุทฺธีติ วทนฺติ, เอตฺถ จาตุวณฺณาติ นิยโม นตฺถิฯ ปญฺจโม หิ ปาทสิกวโณฺณปิ อตฺถีติ สํขิเตฺตน เตสํ วาเท โทสทสฺสนตฺถํ อิธ ขตฺติยกุมาโรติอาทิมาหฯ ตตฺร อมุตฺร จ ปเนสานนฺติ อมุสฺมิญฺจ ปน ปุริมนเย เอเตสํ มาณวกานํ กิญฺจิ นานากรณํ น ปสฺสามีติ วทติฯ นานากรณํ ปน เตสมฺปิ อตฺถิเยวฯ ขตฺติยกุมารสฺส หิ พฺราหฺมณกญฺญาย อุปฺปโนฺน ขตฺติยปาทสิโก นาม, อิตโร พฺราหฺมณปาทสิโก นาม, เอเต หีนชาติมาณวกาฯ
409. Idāni yadetaṃ brāhmaṇā cātuvaṇṇisuddhīti vadanti, ettha cātuvaṇṇāti niyamo natthi. Pañcamo hi pādasikavaṇṇopi atthīti saṃkhittena tesaṃ vāde dosadassanatthaṃ idha khattiyakumārotiādimāha. Tatra amutra ca panesānanti amusmiñca pana purimanaye etesaṃ māṇavakānaṃ kiñci nānākaraṇaṃ na passāmīti vadati. Nānākaraṇaṃ pana tesampi atthiyeva. Khattiyakumārassa hi brāhmaṇakaññāya uppanno khattiyapādasiko nāma, itaro brāhmaṇapādasiko nāma, ete hīnajātimāṇavakā.
เอวํ ปญฺจมสฺส วณฺณสฺส อตฺถิตาย จาตุวณฺณิสุทฺธีติ เอเตสํ วาเท โทสํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปุน จาตุวณฺณิสุทฺธิยํ โอวทโนฺต ตํ กิํ มญฺญสีติอาทิมาหฯ ตตฺถ สเทฺธติ มตกภเตฺตฯ ถาลิปาเกติ ปณฺณาการภเตฺตฯ ยเญฺญติ ยญฺญภเตฺตฯ ปาหุเนติ อาคนฺตุกานํ กตภเตฺตฯ กิํ หีติ กิํ มหปฺผลํ ภวิสฺสติ, โน ภวิสฺสตีติ ทีเปติฯ
Evaṃ pañcamassa vaṇṇassa atthitāya cātuvaṇṇisuddhīti etesaṃ vāde dosaṃ dassetvā idāni puna cātuvaṇṇisuddhiyaṃ ovadanto taṃ kiṃ maññasītiādimāha. Tattha saddheti matakabhatte. Thālipāketi paṇṇākārabhatte. Yaññeti yaññabhatte. Pāhuneti āgantukānaṃ katabhatte. Kiṃ hīti kiṃ mahapphalaṃ bhavissati, no bhavissatīti dīpeti.
๔๑๐. ภูตปุพฺพนฺติ อสฺสลายน ปุเพฺพ มยิ ชาติยา หีนตเร ตุเมฺห เสฎฺฐตรา สมานาปิ มยา ชาติวาเท ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมฺปาเทตุํ น สกฺขิตฺถ, อิทานิ ตุเมฺห หีนตรา หุตฺวา มยา เสฎฺฐตเรน พุทฺธานํ สเก ชาติวาทปญฺหํ ปุฎฺฐา กิํ สมฺปาเทสฺสถ? น เอตฺถ จินฺตา กาตพฺพาติ มาณวํ อุปตฺถเมฺภโนฺต อิมํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ อสิโตติ กาฬโกฯ เทวโลติ ตสฺส นามํ, อยเมว ภควา เตน สมเยนฯ ปฎลิโยติ คณงฺคณุปาหนาฯ ปตฺถณฺฑิเลติ ปณฺณสาลปริเวเณฯ โก นุ โขติ กหํ นุ โขฯ คามณฺฑลรูโป วิยาติ คามทารกรูโป วิยฯ โส ขฺวาหํ, โภ, โหมีติ โส อหํ, โภ, อสิตเทวโล โหมีติ วทติฯ ตทา กิร มหาสโตฺต โกณฺฑทมโก หุตฺวา วิจรติฯ อภิวาเทตุํ อุปกฺกมิํสูติ วนฺทิตุํ อุปกฺกมํ อกํสุฯ ตโต ปฎฺฐาย จ วสฺสสติกตาปโสปิ ตทหุชาตํ พฺราหฺมณกุมารํ อวนฺทโนฺต โกณฺฑิโต โหติฯ
410.Bhūtapubbanti assalāyana pubbe mayi jātiyā hīnatare tumhe seṭṭhatarā samānāpi mayā jātivāde pañhaṃ puṭṭhā sampādetuṃ na sakkhittha, idāni tumhe hīnatarā hutvā mayā seṭṭhatarena buddhānaṃ sake jātivādapañhaṃ puṭṭhā kiṃ sampādessatha? Na ettha cintā kātabbāti māṇavaṃ upatthambhento imaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha asitoti kāḷako. Devaloti tassa nāmaṃ, ayameva bhagavā tena samayena. Paṭaliyoti gaṇaṅgaṇupāhanā. Patthaṇḍileti paṇṇasālapariveṇe. Ko nu khoti kahaṃ nu kho. Gāmaṇḍalarūpo viyāti gāmadārakarūpo viya. So khvāhaṃ, bho, homīti so ahaṃ, bho, asitadevalo homīti vadati. Tadā kira mahāsatto koṇḍadamako hutvā vicarati. Abhivādetuṃ upakkamiṃsūti vandituṃ upakkamaṃ akaṃsu. Tato paṭṭhāya ca vassasatikatāpasopi tadahujātaṃ brāhmaṇakumāraṃ avandanto koṇḍito hoti.
๔๑๑. ชนิกา มาตาติ ยาย ตุเมฺห ชนิตา, สา โว ชนิกา มาตาฯ ชนิกามาตูติ ชนิกาย มาตุฯ โย ชนโกติ โย ชนโก ปิตาฯ ‘‘โย ชนิโก ปิตาเตว’’ วา ปาโฐฯ
411.Janikā mātāti yāya tumhe janitā, sā vo janikā mātā. Janikāmātūti janikāya mātu. Yo janakoti yo janako pitā. ‘‘Yo janiko pitāteva’’ vā pāṭho.
อสิเตนาติ ปญฺจาภิเญฺญน อสิเตน เทวเลน อิสินา อิมํ คนฺธพฺพปญฺหํ ปุฎฺฐา น สมฺปายิสฺสนฺติฯ เยสนฺติ เยสํ สตฺตนฺนํ อิสีนํฯ น ปุโณฺณ ทพฺพิคาโหติ เตสํ สตฺตนฺนํ อิสีนํ ทพฺพิํ คเหตฺวา ปณฺณํ ปจิตฺวา ทายโก ปุโณฺณ นาม เอโก อโหสิ, โส ทพฺพิคหณสิปฺปํ ชานาติฯ ตฺวํ สาจริยโก เตสํ ปุโณฺณปิ น โหติ, เตน ญาตํ ทพฺพิคหณสิปฺปมตฺตมฺปิ น ชานาสีติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Asitenāti pañcābhiññena asitena devalena isinā imaṃ gandhabbapañhaṃ puṭṭhā na sampāyissanti. Yesanti yesaṃ sattannaṃ isīnaṃ. Na puṇṇo dabbigāhoti tesaṃ sattannaṃ isīnaṃ dabbiṃ gahetvā paṇṇaṃ pacitvā dāyako puṇṇo nāma eko ahosi, so dabbigahaṇasippaṃ jānāti. Tvaṃ sācariyako tesaṃ puṇṇopi na hoti, tena ñātaṃ dabbigahaṇasippamattampi na jānāsīti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
อยํ ปน อสฺสลายโน สโทฺธ อโหสิ ปสโนฺน, อตฺตโน อโนฺตนิเวสเนเยว เจติยํ กาเรสิฯ ยาวชฺชทิวสา อสฺสลายนวํเส ชาตา นิเวสนํ กาเรตฺวา อโนฺตนิเวสเน เจติยํ กโรเนฺตวาติฯ
Ayaṃ pana assalāyano saddho ahosi pasanno, attano antonivesaneyeva cetiyaṃ kāresi. Yāvajjadivasā assalāyanavaṃse jātā nivesanaṃ kāretvā antonivesane cetiyaṃ karontevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
อสฺสลายนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Assalāyanasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. อสฺสลายนสุตฺตํ • 3. Assalāyanasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. อสฺสลายนสุตฺตวณฺณนา • 3. Assalāyanasuttavaṇṇanā