Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๓. อสฺสลายนสุตฺตวณฺณนา

    3. Assalāyanasuttavaṇṇanā

    ๔๐๑. อญฺญมญฺญวิสิฎฺฐตฺตา วิสทิสํ รชฺชํ วิรชฺชํ, วิรชฺชโต อาคตา, ตตฺถ ชาตาติ วา เวรชฺชกา, เอวํ ชาตา โข ปน เต, ยสฺมา วตฺถาภรณาทิวิภาเคน นานปฺปการา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นานาเวรชฺชกาน’’นฺติฯ อฎฺฐกถายํ ปน เวรชฺชเสฺสว วเสน นานปฺปการตา วุตฺตาฯ ยญฺญุปาสนาทินาติ ยญฺญานุภวนมนฺตเชฺฌนทกฺขิณปริเยสนาทินาฯ จตุวณฺณสาธารณนฺติ ขตฺติยาทีนํ จตุนฺนํ วณฺณานํ สาธารณํ สํสารสุทฺธิปาปตสฺสนํฯ นฺหานสุทฺธิยาติ ติตฺถสมุทฺทขาเตสุ มนฺตชปฺปนปุพฺพกํ สายํตติยอุทโกโรหนาทินฺหานสุทฺธิยาฯ ภาวนาสุทฺธิยาติ ปรมโชติภูตาย ปุริสภาวนาสงฺขาตาย สุทฺธิยาฯ วาปิตสิโรติ โอโรปิตเกโสฯ ตเมว หิ สิโร วาปิตนฺติ วุจฺจติฯ

    401. Aññamaññavisiṭṭhattā visadisaṃ rajjaṃ virajjaṃ, virajjato āgatā, tattha jātāti vā verajjakā, evaṃ jātā kho pana te, yasmā vatthābharaṇādivibhāgena nānappakārā honti, tasmā vuttaṃ ‘‘nānāverajjakāna’’nti. Aṭṭhakathāyaṃ pana verajjasseva vasena nānappakāratā vuttā. Yaññupāsanādināti yaññānubhavanamantajjhenadakkhiṇapariyesanādinā. Catuvaṇṇasādhāraṇanti khattiyādīnaṃ catunnaṃ vaṇṇānaṃ sādhāraṇaṃ saṃsārasuddhipāpatassanaṃ. Nhānasuddhiyāti titthasamuddakhātesu mantajappanapubbakaṃ sāyaṃtatiyaudakorohanādinhānasuddhiyā. Bhāvanāsuddhiyāti paramajotibhūtāya purisabhāvanāsaṅkhātāya suddhiyā. Vāpitasiroti oropitakeso. Tameva hi siro vāpitanti vuccati.

    สภาววาทีติ ยถาภูตวาทีฯ ปพฺพชนฺตาติ พฺราหฺมณปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉนฺตา, ตสฺมา พฺราหฺมณานํ ปพฺพชฺชาวิธานํ สิกฺขเนฺตน โภตา ‘‘พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา’’ติ อยํ วิธิ สเหตุโก สอุปาทาโน สกฺกจฺจํ อุคฺคหิโต, ตสฺมา ตุยฺหํ ปราชโย นตฺถิ…เป.… เอวมาหํสุ

    Sabhāvavādīti yathābhūtavādī. Pabbajantāti brāhmaṇapabbajjaṃ upagacchantā, tasmā brāhmaṇānaṃ pabbajjāvidhānaṃ sikkhantena bhotā ‘‘brāhmaṇāva sujjhanti, no abrāhmaṇā’’ti ayaṃ vidhi sahetuko saupādāno sakkaccaṃ uggahito, tasmā tuyhaṃ parājayo natthi…pe… evamāhaṃsu.

    ๔๐๒. ลทฺธิภินฺทนตฺถนฺติ ‘‘พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา’’ติ เอวํ ปวตฺตลทฺธิยา วินิเวฐนตฺถํฯ ปุตฺตปฎิลาภตฺถายาติ ‘‘เอวํ มยํ เปตฺติกํ อิณธารํ โสเธยฺยามา’’ติ ลทฺธิยํ ฐตฺวา ปุตฺตปฎิลาภตฺถายฯ อยเญฺหตฺถ อธมฺมิกานํ พฺราหฺมณานํ อชฺฌาสโยฯ เนสนฺติ พฺราหฺมณานํฯ สจฺจวจนํ สิยาติ ‘‘พฺรหฺมุโน ปุตฺตา’’ติอาทิวจนํ สจฺจํ ยทิ สิยา พฺราหฺมณีนํ…เป.… ภเวยฺย, น เจตํ อตฺถิฯ มหาพฺรหฺมุโน มุขโต ชาโตติ วาทเจฺฉทกวาโท มุขโตชาตเจฺฉกวาโทฯ อสฺสลายโนวิญฺญู ชาติโก ‘‘นิรเกฺขปํ สมเณน โคตเมน วุตฺต’’นฺติ ชานโนฺตปิ สหคตานํ พฺราหฺมณานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ ‘‘กิญฺจาปิ ภวํ โคตโม’’ติอาทิมาหฯ

    402.Laddhibhindanatthanti ‘‘brāhmaṇāva brahmuno puttā orasā mukhato jātā brahmajā’’ti evaṃ pavattaladdhiyā viniveṭhanatthaṃ. Puttapaṭilābhatthāyāti ‘‘evaṃ mayaṃ pettikaṃ iṇadhāraṃ sodheyyāmā’’ti laddhiyaṃ ṭhatvā puttapaṭilābhatthāya. Ayañhettha adhammikānaṃ brāhmaṇānaṃ ajjhāsayo. Nesanti brāhmaṇānaṃ. Saccavacanaṃ siyāti ‘‘brahmuno puttā’’tiādivacanaṃ saccaṃ yadi siyā brāhmaṇīnaṃ…pe… bhaveyya, na cetaṃ atthi. Mahābrahmuno mukhato jātoti vādacchedakavādo mukhatojātacchekavādo. Assalāyanoviññū jātiko ‘‘nirakkhepaṃ samaṇena gotamena vutta’’nti jānantopi sahagatānaṃ brāhmaṇānaṃ cittānurakkhaṇatthaṃ ‘‘kiñcāpi bhavaṃ gotamo’’tiādimāha.

    ๔๐๓. อิทานิ พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณติ วาทํ ภินฺทิตุํ ‘‘สุตํ เต โยนกกโมฺพเชสู’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ยทิ พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ วโณฺณ, สพฺพตฺถ พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ ภเวยฺย, อถ กสฺมา โยนกกโมฺพชาทิชนปเทสุ พฺราหฺมณานํ เสฎฺฐภาโว นตฺถิ? เอวญฺหิ ตตฺถ วณฺณา , ตสฺมา ‘‘พฺราหฺมโณว เสโฎฺฐ’’ติ ลทฺธิมตฺตเมตํฯ เตสุ หิ ชนปเทสุ ชนา เอกชฺฌํ สนฺนิปติตฺวา สมฺมนฺตยิตฺวา กติกํ อกํสุ, ทาสํ สามิกํ กตฺวา อิตเร สเพฺพ ตํ ปูเชตฺวา ตสฺส วเส วตฺตนฺติ, โย เตสํ อโยฺย โหติ อิตเร สเพฺพ ตสฺส ทาสา โหนฺติ, เต กติปยสํวจฺฉราติกฺกเมน ตสฺส กิญฺจิ โทสํ ทิสฺวา ตํ ตโต ฐานโต อปเนตฺวา อญฺญํ ฐเปนฺติ, อิติ โส อโยฺย หุตฺวา ทาโส โหติ, อิตโร ทาโส หุตฺวา อโยฺย โหติ, เอวํ ตาว เกจิ ‘‘อโยฺย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส หุตฺวา อโยฺย โหตี’’ติ เอตฺถ อตฺถํ วทนฺติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ปุริมวเสเนว ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘พฺราหฺมโณ สภริโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วยปฺปเตฺต ปุเตฺต อสตีติ อิทํ วกฺขมานสฺส ทารกสฺส ทายชฺชสามิกภาวสฺส ตาว ทสฺสนํฯ มาติโต สุโทฺธติ เอตฺถ โย มาติโต สุทฺธตฺตา อโยฺย, ปิติโต อสุทฺธตฺตา ทาโส โหติ, โส เอว ปิติโต อสุทฺธตฺตา ทาโส หุตฺวา มาติโต อโยฺย โหตีติ ชาติํ สเมฺภเทติฯ โสว สเพฺพน สพฺพํ โหตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ อปเรฯ โก ถาโมติ มหเนฺต โลกสนฺนิวาเส อนมตเคฺค อตีเต กาเล อิตฺถีนํ วา จิเตฺต อนวฎฺฐิเต ทาสา ทาสา เอว โหนฺติ, อยฺยา อยฺยา เอว โหนฺตีติ เอตฺถ โก เอกนฺติโก สเหตุโก อวสฺสโย, ตสฺส สาธโก สิทฺธโนฺต, กิํ นิทสฺสนนฺติ อโตฺถฯ

    403. Idāni brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇoti vādaṃ bhindituṃ ‘‘sutaṃ te yonakakambojesū’’tiādi āraddhaṃ. Yadi brāhmaṇova seṭṭho vaṇṇo, sabbattha brāhmaṇova seṭṭho bhaveyya, atha kasmā yonakakambojādijanapadesu brāhmaṇānaṃ seṭṭhabhāvo natthi? Evañhi tattha vaṇṇā , tasmā ‘‘brāhmaṇova seṭṭho’’ti laddhimattametaṃ. Tesu hi janapadesu janā ekajjhaṃ sannipatitvā sammantayitvā katikaṃ akaṃsu, dāsaṃ sāmikaṃ katvā itare sabbe taṃ pūjetvā tassa vase vattanti, yo tesaṃ ayyo hoti itare sabbe tassa dāsā honti, te katipayasaṃvaccharātikkamena tassa kiñci dosaṃ disvā taṃ tato ṭhānato apanetvā aññaṃ ṭhapenti, iti so ayyo hutvā dāso hoti, itaro dāso hutvā ayyo hoti, evaṃ tāva keci ‘‘ayyo hutvā dāso hoti, dāso hutvā ayyo hotī’’ti ettha atthaṃ vadanti. Aṭṭhakathāyaṃ pana purimavaseneva tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘brāhmaṇo sabhariyo’’tiādi vuttaṃ. Vayappatte putte asatīti idaṃ vakkhamānassa dārakassa dāyajjasāmikabhāvassa tāva dassanaṃ. Mātito suddhoti ettha yo mātito suddhattā ayyo, pitito asuddhattā dāso hoti, so eva pitito asuddhattā dāso hutvā mātito ayyo hotīti jātiṃ sambhedeti. Sova sabbena sabbaṃ hotīti na sakkā vattunti apare. Ko thāmoti mahante lokasannivāse anamatagge atīte kāle itthīnaṃ vā citte anavaṭṭhite dāsā dāsā eva honti, ayyā ayyā eva hontīti ettha ko ekantiko sahetuko avassayo, tassa sādhako siddhanto, kiṃ nidassananti attho.

    ๔๐๔. สุกฺกเจฺฉทกวาโท นามาติ ‘‘พฺราหฺมโณว สุโกฺก วโณฺณ’’ติ เอวํ วุโตฺต สุกฺกเจฺฉทกวาโร นามฯ

    404.Sukkacchedakavādo nāmāti ‘‘brāhmaṇova sukko vaṇṇo’’ti evaṃ vutto sukkacchedakavāro nāma.

    ๔๐๘. สพฺพสฺมิํ อคฺคิกิจฺจํ กโรเนฺตติ เอเตน ยถา ยโต กุโตจิ นิสฺสยโต อุปฺปโนฺน อคฺคิอุปาทานสมฺปโนฺน อคฺคิกิจฺจํ กโรติ, เอวํ ยสฺมิํ กสฺมิญฺจิ ทาสกุเล ชาโต อุปนิสฺสยสมฺปโนฺน สมฺมาปฎิปชฺชมาโน สํสารโต สุชฺฌติ เอวาติ ทเสฺสติฯ

    408.Sabbasmiṃ aggikiccaṃ karonteti etena yathā yato kutoci nissayato uppanno aggiupādānasampanno aggikiccaṃ karoti, evaṃ yasmiṃ kasmiñci dāsakule jāto upanissayasampanno sammāpaṭipajjamāno saṃsārato sujjhati evāti dasseti.

    ๔๐๙. ปาทสิกวโณฺณติ อนฺตราฬวโณฺณฯ เอเตสนฺติ ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกญฺญาย อุปฺปนฺนปุโตฺต, พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกญฺญาย อุปฺปนฺนปุโตฺตติ เอเตสํ ทฺวินฺนํ มาณวกานํฯ มตกภเตฺตติ มเต อุทฺทิสฺส กตภเตฺตฯ ถาลิปาเกติ กตมงฺคลภเตฺตฯ

    409.Pādasikavaṇṇoti antarāḷavaṇṇo. Etesanti khattiyakumārena brāhmaṇakaññāya uppannaputto, brāhmaṇakumārena khattiyakaññāya uppannaputtoti etesaṃ dvinnaṃ māṇavakānaṃ. Matakabhatteti mate uddissa katabhatte. Thālipāketi katamaṅgalabhatte.

    ๔๑๐. ตุเมฺหติ ชาติสามญฺญโต มาณวํ พฺราหฺมเณหิ สทฺธิํ เอกชฺฌํ สงฺคณฺหโนฺต อาหฯ โก นุ โขติ อวํสิโร อิสิวาโท, เตสํ พฺราหฺมณีสีนํ อสามตฺถิยทสฺสเนน ชาติยา อปฺปมาณตํ วิภาเวตุํ คามทารกเวเสน อุปคจฺฉิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘คามณฺฑลรูโป วิยา’’ติฯ โกณฺฑทมโกติ อทนฺตทมโกฯ

    410.Tumheti jātisāmaññato māṇavaṃ brāhmaṇehi saddhiṃ ekajjhaṃ saṅgaṇhanto āha. Ko nu khoti avaṃsiro isivādo, tesaṃ brāhmaṇīsīnaṃ asāmatthiyadassanena jātiyā appamāṇataṃ vibhāvetuṃ gāmadārakavesena upagacchi. Tena vuttaṃ ‘‘gāmaṇḍalarūpo viyā’’ti. Koṇḍadamakoti adantadamako.

    ๔๑๑. ชเนตีติ ชนิกา ชเนตฺติฯ ชนโก ปิตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ คนฺธพฺพปญฺหนฺติ คนฺธพฺพสฺส มาตุกุจฺฉิยํ อุปฺปชฺชนกสตฺตสฺส ขตฺติยภาวาทิปุจฺฉํฯ ทพฺพิคหณสิปฺปมฺปิ เอกา วิชฺชา เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ กิร กุสโล ยํ กิญฺจิ อาหารูปคปณฺณปุปฺผผลพีชํ อนฺตมโส เอลาลุกมฺปิ คเหตฺวา เภสเชฺชหิ โยเชตฺวา ปจโนฺต สปฺปิมธุผาณิเตหิ สมานรสํ กตฺวา สมฺปาเทตุํ สโกฺกติ, ปุโณฺณปิ ตาทิโส, เตน ญาตํ ตฺวํ ทพฺพิคหณสิปฺปมตฺตมฺปิ น ชานาสีติ สมฺพโนฺธฯ สโทฺธติ กมฺมผลสทฺธาย สโทฺธ, โปถุชฺชนิเกเนว รตนตฺตยปสาเทน ปสโนฺนฯ เตเนวาห – ‘‘อุปาสกํ มํ ภวํ…เป.… สรณํ คต’’นฺติฯ

    411. Janetīti janikā janetti. Janako pitāti etthāpi eseva nayo. Gandhabbapañhanti gandhabbassa mātukucchiyaṃ uppajjanakasattassa khattiyabhāvādipucchaṃ. Dabbigahaṇasippampi ekā vijjā veditabbā. Tattha kira kusalo yaṃ kiñci āhārūpagapaṇṇapupphaphalabījaṃ antamaso elālukampi gahetvā bhesajjehi yojetvā pacanto sappimadhuphāṇitehi samānarasaṃ katvā sampādetuṃ sakkoti, puṇṇopi tādiso, tena ñātaṃ tvaṃ dabbigahaṇasippamattampi na jānāsīti sambandho. Saddhoti kammaphalasaddhāya saddho, pothujjanikeneva ratanattayapasādena pasanno. Tenevāha – ‘‘upāsakaṃ maṃ bhavaṃ…pe… saraṇaṃ gata’’nti.

    อสฺสลายนสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Assalāyanasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. อสฺสลายนสุตฺตํ • 3. Assalāyanasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. อสฺสลายนสุตฺตวณฺณนา • 3. Assalāyanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact