Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๕. อสฺสาโรหสุตฺตํ
5. Assārohasuttaṃ
๓๕๗. อถ โข อสฺสาโรโห คามณิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อสฺสาโรโห คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ อสฺสาโรหานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติฯ อิธ ภควา กิมาหา’’ติ? ‘‘อลํ, คามณิ, ติฎฺฐเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.… ตติยมฺปิ โข อสฺสาโรโห คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต, ปุพฺพกานํ อาจริยปาจริยานํ อสฺสาโรหานํ ภาสมานานํ – ‘โย โส อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติฯ อิธ ภควา กิมาหา’’ติ?
357. Atha kho assāroho gāmaṇi yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho assāroho gāmaṇi bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante, pubbakānaṃ ācariyapācariyānaṃ assārohānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo so assāroho saṅgāme ussahati vāyamati, tamenaṃ ussahantaṃ vāyamantaṃ pare hananti pariyāpādenti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parajitānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’ti. Idha bhagavā kimāhā’’ti? ‘‘Alaṃ, gāmaṇi, tiṭṭhatetaṃ; mā maṃ etaṃ pucchī’’ti. Dutiyampi kho…pe… tatiyampi kho assāroho gāmaṇi bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante, pubbakānaṃ ācariyapācariyānaṃ assārohānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘yo so assāroho saṅgāme ussahati vāyamati, tamenaṃ ussahantaṃ vāyamantaṃ pare hananti pariyāpādenti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parajitānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’ti. Idha bhagavā kimāhā’’ti?
‘‘อทฺธา โข ตฺยาหํ, คามณิ, น ลภามิ – ‘อลํ, คามณิ, ติฎฺฐเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’ติฯ อปิ จ โข ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิฯ โย โส, คามณิ, อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ ตสฺส ตํ จิตฺตํ ปุเพฺพ คหิตํ ทุกฺกฎํ ทุปฺปณิหิตํ – ‘อิเม สตฺตา หญฺญนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา อเหสุํ อิติ วา’ติฯ ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิโต นาม นิรโย ตตฺถ อุปปชฺชติฯ สเจ โข ปนสฺส เอวํ ทิฎฺฐิ โหติ – ‘โย โส อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’ติ, สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิกสฺส โข ปนาหํ คามณิ, ปุริสปุคฺคลสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อญฺญตรํ คติํ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนิํ วา’’ติฯ
‘‘Addhā kho tyāhaṃ, gāmaṇi, na labhāmi – ‘alaṃ, gāmaṇi, tiṭṭhatetaṃ; mā maṃ etaṃ pucchī’ti. Api ca kho tyāhaṃ byākarissāmi. Yo so, gāmaṇi, assāroho saṅgāme ussahati vāyamati tassa taṃ cittaṃ pubbe gahitaṃ dukkaṭaṃ duppaṇihitaṃ – ‘ime sattā haññantu vā bajjhantu vā ucchijjantu vā vinassantu vā mā ahesuṃ iti vā’ti. Tamenaṃ ussahantaṃ vāyamantaṃ pare hananti pariyāpādenti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parajito nāma nirayo tattha upapajjati. Sace kho panassa evaṃ diṭṭhi hoti – ‘yo so assāroho saṅgāme ussahati vāyamati, tamenaṃ ussahantaṃ vāyamantaṃ pare hananti pariyāpādenti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parajitānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’ti, sāssa hoti micchādiṭṭhi. Micchādiṭṭhikassa kho panāhaṃ gāmaṇi, purisapuggalassa dvinnaṃ gatīnaṃ aññataraṃ gatiṃ vadāmi – nirayaṃ vā tiracchānayoniṃ vā’’ti.
เอวํ วุเตฺต, อสฺสาโรโห คามณิ ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวเตฺตสิฯ ‘‘เอตํ โข ตฺยาหํ, คามณิ, นาลตฺถํ – ‘อลํ, คามณิ, ติฎฺฐเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’’ติฯ ‘‘นาหํ, ภเนฺต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาหฯ อปิจาหํ, ภเนฺต, ปุพฺพเกหิ อาจริยปาจริเยหิ อสฺสาโรเหหิ ทีฆรตฺตํ นิกโต วญฺจิโต ปลุโทฺธ – ‘โย โส อสฺสาโรโห สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรชิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’’ติฯ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต…เป.… อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ ปญฺจมํฯ
Evaṃ vutte, assāroho gāmaṇi parodi, assūni pavattesi. ‘‘Etaṃ kho tyāhaṃ, gāmaṇi, nālatthaṃ – ‘alaṃ, gāmaṇi, tiṭṭhatetaṃ; mā maṃ etaṃ pucchī’’’ti. ‘‘Nāhaṃ, bhante, etaṃ rodāmi yaṃ maṃ bhagavā evamāha. Apicāhaṃ, bhante, pubbakehi ācariyapācariyehi assārohehi dīgharattaṃ nikato vañcito paluddho – ‘yo so assāroho saṅgāme ussahati vāyamati, tamenaṃ ussahantaṃ vāyamantaṃ pare hananti pariyāpādenti, so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parajitānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’’’ti. ‘‘Abhikkantaṃ, bhante…pe… ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti. Pañcamaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓-๕. โยธาชีวสุตฺตาทิวณฺณนา • 3-5. Yodhājīvasuttādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓-๕. โยธาชีวสุตฺตาทิวณฺณนา • 3-5. Yodhājīvasuttādivaṇṇanā