Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๗. มหาวโคฺค
7. Mahāvaggo
๑. อสฺสุตวาสุตฺตวณฺณนา
1. Assutavāsuttavaṇṇanā
๖๑. มหาวคฺคสฺส ปฐเม อสฺสุตวาติ ขนฺธธาตุอายตนปจฺจยาการสติปฎฺฐานาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวินิจฺฉยรหิโตฯ ปุถุชฺชโนติ ปุถูนํ นานปฺปการานํ กิเลสาทีนํ ชนนาทิการเณหิ ปุถุชฺชโนฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ปุถุ กิเลเส ชเนนฺตีติ ปุถุชฺชนา’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ อปิจ ปุถูนํ คณนปถมตีตานํ อริยธมฺมปรมฺมุขานํ นีจธมฺมสมาจารานํ ชนานํ อโนฺตคธตฺตาปิ ปุถุชฺชโน, ปุถุ วา อยํ วิสุํเยว สงฺขํ คโต, วิสํสโฎฺฐ สีลสุตาทิคุณยุเตฺตหิ อริเยหิ ชโนติ ปุถุชฺชโนฯ เอวเมเตหิ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ทฺวีหิปิ ปเทหิ เย เต –
61. Mahāvaggassa paṭhame assutavāti khandhadhātuāyatanapaccayākārasatipaṭṭhānādīsu uggahaparipucchāvinicchayarahito. Puthujjanoti puthūnaṃ nānappakārānaṃ kilesādīnaṃ jananādikāraṇehi puthujjano. Vuttañhetaṃ – ‘‘puthu kilese janentīti puthujjanā’’ti sabbaṃ vitthāretabbaṃ. Apica puthūnaṃ gaṇanapathamatītānaṃ ariyadhammaparammukhānaṃ nīcadhammasamācārānaṃ janānaṃ antogadhattāpi puthujjano, puthu vā ayaṃ visuṃyeva saṅkhaṃ gato, visaṃsaṭṭho sīlasutādiguṇayuttehi ariyehi janoti puthujjano. Evametehi ‘‘assutavā puthujjano’’ti dvīhipi padehi ye te –
‘‘ทุเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุเทฺธนาทิจฺจพนฺธุนา;
‘‘Duve puthujjanā vuttā, buddhenādiccabandhunā;
อโนฺธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติฯ (มหานิ. ๙๔); –
Andho puthujjano eko, kalyāṇeko puthujjano’’ti. (mahāni. 94); –
เทฺว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, เตสุ อนฺธปุถุชฺชโน คหิโตฯ อิมสฺมินฺติ ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจกฺขกายํ ทเสฺสติฯ จาตุมหาภูติกสฺมินฺติ จตุมหาภูตกาเย จตุมหาภูเตหิ นิพฺพเตฺต จตุมหาภูตมเยติ อโตฺถฯ นิพฺพิเนฺทยฺยาติ อุกฺกเณฺฐยฺยฯ วิรเชฺชยฺยาติ น รเชฺชยฺยฯ วิมุเจฺจยฺยาติ มุจฺจิตุกาโม ภเวยฺยฯ อาจโยติ วุฑฺฒิฯ อปจโยติ ปริหานิฯ อาทานนฺติ นิพฺพตฺติฯ นิเกฺขปนนฺติ เภโทฯ
Dve puthujjanā vuttā, tesu andhaputhujjano gahito. Imasminti paccuppannapaccakkhakāyaṃ dasseti. Cātumahābhūtikasminti catumahābhūtakāye catumahābhūtehi nibbatte catumahābhūtamayeti attho. Nibbindeyyāti ukkaṇṭheyya. Virajjeyyāti na rajjeyya. Vimucceyyāti muccitukāmo bhaveyya. Ācayoti vuḍḍhi. Apacayoti parihāni. Ādānanti nibbatti. Nikkhepananti bhedo.
ตสฺมาติ ยสฺมา อิเม จตฺตาโร วุฑฺฒิหานินิพฺพตฺติเภทา ปญฺญายนฺติ, ตสฺมา ตํการณาติ อโตฺถฯ อิติ ภควา จาตุมหาภูติเก กาเย รูปํ ปริคฺคเหตุํ อยุตฺตรูปํ กตฺวา อรูปํ ปริคฺคเหตุํ ยุตฺตรูปํ กโรติฯ กสฺมา? เตสญฺหิ ภิกฺขูนํ รูปสฺมิํ คาโห พลวา อธิมโตฺต, เตน เตสํ รูเป คาหสฺส ปริคฺคเหตพฺพรูปตํ ทเสฺสตฺวา นิกฺกฑฺฒโนฺต อรูเป ปติฎฺฐาปนตฺถํ เอวมาหฯ
Tasmāti yasmā ime cattāro vuḍḍhihāninibbattibhedā paññāyanti, tasmā taṃkāraṇāti attho. Iti bhagavā cātumahābhūtike kāye rūpaṃ pariggahetuṃ ayuttarūpaṃ katvā arūpaṃ pariggahetuṃ yuttarūpaṃ karoti. Kasmā? Tesañhi bhikkhūnaṃ rūpasmiṃ gāho balavā adhimatto, tena tesaṃ rūpe gāhassa pariggahetabbarūpataṃ dassetvā nikkaḍḍhanto arūpe patiṭṭhāpanatthaṃ evamāha.
จิตฺตนฺติอาทิ สพฺพํ มนายตนเสฺสว นามํฯ ตญฺหิ จิตฺตวตฺถุตาย จิตฺตโคจรตาย สมฺปยุตฺตธมฺมจิตฺตตาย จ จิตฺตํ, มนนเฎฺฐน มโน, วิชานนเฎฺฐน วิญฺญาณนฺติ วุจฺจติฯ นาลนฺติ น สมโตฺถฯ อโชฺฌสิตนฺติ ตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา คหิตํฯ มมายิตนฺติ ตณฺหามมเตฺตน มม อิทนฺติ คหิตํฯ ปรามฎฺฐนฺติ ทิฎฺฐิยา ปรามสิตฺวา คหิตํฯ เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห, เตน อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตํ คหิตํ โหติฯ เอโสหมสฺมีติ มานคาโห, เตน นว มานา คหิตา โหนฺติฯ เอโส เม อตฺตาติ ทิฎฺฐิคาโห, เตน ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย คหิตา โหนฺติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ ทีฆรตฺตํ คหิตํ, ตสฺมา นิพฺพินฺทิตุํ น สมโตฺถฯ
Cittantiādi sabbaṃ manāyatanasseva nāmaṃ. Tañhi cittavatthutāya cittagocaratāya sampayuttadhammacittatāya ca cittaṃ, mananaṭṭhena mano, vijānanaṭṭhena viññāṇanti vuccati. Nālanti na samattho. Ajjhositanti taṇhāya gilitvā pariniṭṭhapetvā gahitaṃ. Mamāyitanti taṇhāmamattena mama idanti gahitaṃ. Parāmaṭṭhanti diṭṭhiyā parāmasitvā gahitaṃ. Etaṃ mamāti taṇhāgāho, tena aṭṭhasatataṇhāvicaritaṃ gahitaṃ hoti. Esohamasmīti mānagāho, tena nava mānā gahitā honti. Eso me attāti diṭṭhigāho, tena dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo gahitā honti. Tasmāti yasmā evaṃ dīgharattaṃ gahitaṃ, tasmā nibbindituṃ na samattho.
วรํ, ภิกฺขเวติ อิทํ กสฺมา อาห? ปฐมญฺหิ เตน รูปํ ปริคฺคเหตุํ อยุตฺตรูปํ กตํ, อรูปํ ยุตฺตรูปํ, อถ ‘‘เตสํ ภิกฺขูนํ รูปโต คาโห นิกฺขมิตฺวา อรูปํ คโต’’ติ ญตฺวา ตํ นิกฺกฑฺฒิตุํ อิมํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ อตฺตโต อุปคเจฺฉยฺยาติ อตฺตาติ คเณฺหยฺยฯ ภิโยฺยปีติ วสฺสสตโต อุทฺธมฺปิฯ กสฺมา ปน ภควา เอวมาห? กิํ อติเรกวสฺสสตํ ติฎฺฐมานํ รูปํ นาม อตฺถิ? นนุ ปฐมวเย ปวตฺตํ รูปํ มชฺฌิมวยํ น ปาปุณาติ, มชฺฌิมวเย ปวตฺตํ ปจฺฉิมวยํ, ปุเรภเตฺต ปวตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ, ปจฺฉาภเตฺต ปวตฺตํ ปฐมยามํ, ปฐมยาเม ปวตฺตํ มชฺฌิมยามํ, มชฺฌิมยาเม ปวตฺตํ ปจฺฉิมยามํ น ปาปุณาติ? ตถา คมเน ปวตฺตํ ฐานํ, ฐาเน ปวตฺตํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย ปวตฺตํ สยนํ น ปาปุณาติฯ เอกอิริยาปเถปิ ปาทสฺส อุทฺธรเณ ปวตฺตํ อติหรณํ, อติหรเณ ปวตฺตํ วีติหรณํ, วีติหรเณ ปวตฺตํ โวสฺสชฺชนํ, โวสฺสชฺชเน ปวตฺตํ สนฺนิเกฺขปนํ, สนฺนิเกฺขปเน ปวตฺตํ สนฺนิรุชฺฌนํ น ปาปุณาติ, ตตฺถ ตเตฺถว โอธิ โอธิ ปพฺพํ ปพฺพํ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย ปฎปฎายนฺตา สงฺขารา ภิชฺชนฺตีติ? สจฺจเมตํฯ ยถา ปน ปทีปสฺส ชลโต ชาตา ตํ ตํ วฎฺฎิปฺปเทสํ อนติกฺกมิตฺวา ตตฺถ ตเตฺถว ภิชฺชติ, อถ จ ปน ปเวณิสมฺพนฺธวเสน สพฺพรตฺติํ ชลิโต ปทีโปติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ปเวณิวเสน อยมฺปิ กาโย เอวํ จิรฎฺฐิติโก วิย กตฺวา ทสฺสิโตฯ
Varaṃ, bhikkhaveti idaṃ kasmā āha? Paṭhamañhi tena rūpaṃ pariggahetuṃ ayuttarūpaṃ kataṃ, arūpaṃ yuttarūpaṃ, atha ‘‘tesaṃ bhikkhūnaṃ rūpato gāho nikkhamitvā arūpaṃ gato’’ti ñatvā taṃ nikkaḍḍhituṃ imaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha attato upagaccheyyāti attāti gaṇheyya. Bhiyyopīti vassasatato uddhampi. Kasmā pana bhagavā evamāha? Kiṃ atirekavassasataṃ tiṭṭhamānaṃ rūpaṃ nāma atthi? Nanu paṭhamavaye pavattaṃ rūpaṃ majjhimavayaṃ na pāpuṇāti, majjhimavaye pavattaṃ pacchimavayaṃ, purebhatte pavattaṃ pacchābhattaṃ, pacchābhatte pavattaṃ paṭhamayāmaṃ, paṭhamayāme pavattaṃ majjhimayāmaṃ, majjhimayāme pavattaṃ pacchimayāmaṃ na pāpuṇāti? Tathā gamane pavattaṃ ṭhānaṃ, ṭhāne pavattaṃ nisajjaṃ, nisajjāya pavattaṃ sayanaṃ na pāpuṇāti. Ekairiyāpathepi pādassa uddharaṇe pavattaṃ atiharaṇaṃ, atiharaṇe pavattaṃ vītiharaṇaṃ, vītiharaṇe pavattaṃ vossajjanaṃ, vossajjane pavattaṃ sannikkhepanaṃ, sannikkhepane pavattaṃ sannirujjhanaṃ na pāpuṇāti, tattha tattheva odhi odhi pabbaṃ pabbaṃ hutvā tattakapāle pakkhittatilā viya paṭapaṭāyantā saṅkhārā bhijjantīti? Saccametaṃ. Yathā pana padīpassa jalato jātā taṃ taṃ vaṭṭippadesaṃ anatikkamitvā tattha tattheva bhijjati, atha ca pana paveṇisambandhavasena sabbarattiṃ jalito padīpoti vuccati, evamidhāpi paveṇivasena ayampi kāyo evaṃ ciraṭṭhitiko viya katvā dassito.
รตฺติยา จ ทิวสสฺส จาติ รตฺติมฺหิ จ ทิวเส จฯ ภุมฺมเตฺถ เหตํ สามิวจนํฯ อญฺญเทว อุปฺปชฺชติ, อญฺญํ นิรุชฺฌตีติ ยํ รตฺติํ อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จ, ตโต อญฺญเทว ทิวา อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จาติ อโตฺถฯ อญฺญํ อุปฺปชฺชติ, อนุปฺปนฺนเมว อญฺญํ นิรุชฺฌตีติ เอวํ ปน อโตฺถ น คเหตโพฺพฯ ‘‘รตฺติยา จ ทิวสสฺส จา’’ติ อิทํ ปุริมปเวณิโต ปริตฺตกํ ปเวณิํ คเหตฺวา ปเวณิวเสเนว วุตฺตํ, เอกรตฺติํ ปน เอกทิวสํ วา เอกเมว จิตฺตํ ฐาตุํ สมตฺถํ นาม นตฺถิฯ เอกสฺมิญฺหิ อจฺฉรากฺขเณ อเนกานิ จิตฺตโกฎิสตสหสฺสานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ มิลินฺทปเญฺห –
Rattiyā ca divasassa cāti rattimhi ca divase ca. Bhummatthe hetaṃ sāmivacanaṃ. Aññadeva uppajjati, aññaṃ nirujjhatīti yaṃ rattiṃ uppajjati ca nirujjhati ca, tato aññadeva divā uppajjati ca nirujjhati cāti attho. Aññaṃ uppajjati, anuppannameva aññaṃ nirujjhatīti evaṃ pana attho na gahetabbo. ‘‘Rattiyā ca divasassa cā’’ti idaṃ purimapaveṇito parittakaṃ paveṇiṃ gahetvā paveṇivaseneva vuttaṃ, ekarattiṃ pana ekadivasaṃ vā ekameva cittaṃ ṭhātuṃ samatthaṃ nāma natthi. Ekasmiñhi accharākkhaṇe anekāni cittakoṭisatasahassāni uppajjanti. Vuttampi cetaṃ milindapañhe –
‘‘วาหสตํ โข, มหาราช , วีหีนํ, อฑฺฒจูฬญฺจ วาหา, วีหิสตฺตมฺพณานิ, เทฺว จ ตุมฺพา, เอกจฺฉรากฺขเณ ปวตฺตสฺส จิตฺตสฺส เอตฺตกา วีหี ลกฺขํ ฐปียมานา ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺยุ’’นฺติฯ
‘‘Vāhasataṃ kho, mahārāja , vīhīnaṃ, aḍḍhacūḷañca vāhā, vīhisattambaṇāni, dve ca tumbā, ekaccharākkhaṇe pavattassa cittassa ettakā vīhī lakkhaṃ ṭhapīyamānā parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyyu’’nti.
ปวเนติ มหาวเนฯ ตํ มุญฺจิตฺวา อญฺญํ คณฺหาติ, ตํ มุญฺจิตฺวา อญฺญํ คณฺหาตีติ อิมินา น โส คณฺหิตพฺพสาขํ อลภิตฺวา ภูมิํ โอตรติฯ อถ โข ตสฺมิํ มหาวเน วิจรโนฺต ตํ ตํ สาขํ คณฺหโนฺตเยว จรตีติ อยมโตฺถ ทสฺสิโตฯ
Pavaneti mahāvane. Taṃ muñcitvā aññaṃ gaṇhāti, taṃ muñcitvā aññaṃ gaṇhātīti iminā na so gaṇhitabbasākhaṃ alabhitvā bhūmiṃ otarati. Atha kho tasmiṃ mahāvane vicaranto taṃ taṃ sākhaṃ gaṇhantoyeva caratīti ayamattho dassito.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อรญฺญมหาวนํ วิย หิ อารมฺมณวนํ เวทิตพฺพํฯ ตสฺมิํ วเน วิจรณมกฺกโฎ วิย อารมฺมณวเน อุปฺปชฺชนกจิตฺตํฯ สาขาคหณํ วิย อารมฺมเณ ลุพฺภนํฯ ยถา โส อรเญฺญ วิจรโนฺต มกฺกโฎ ตํ ตํ สาขํ ปหาย ตํ ตํ สาขํ คณฺหาติ, เอวมิทํ อารมฺมณวเน วิจรนฺตํ จิตฺตมฺปิ กทาจิ รูปารมฺมณํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชติ, กทาจิ สทฺทาทีสุ อญฺญตรํ, กทาจิ อตีตํ, กทาจิ อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา, ตถา กทาจิ อชฺฌตฺตํ, กทาจิ พาหิรํฯ ยถา จ โส อรเญฺญ วิจรโนฺต มกฺกโฎ สาขํ อลภิตฺวา โอรุยฺห ภูมิยํ นิสิโนฺนติ น วตฺตโพฺพ, เอกํ ปน ปณฺณสาขํ คเหตฺวาว นิสีทติ, เอวเมว อารมฺมณวเน วิจรนฺตํ จิตฺตมฺปิ เอกํ โอลุพฺภารมฺมณํ อลภิตฺวา อุปฺปนฺนนฺติ น วตฺตพฺพํ, เอกชาติยํ ปน อารมฺมณํ คเหตฺวาว อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํฯ เอตฺตาวตา จ ปน ภควตา รูปโต นีหริตฺวา อรูเป คาโห ปติฎฺฐาปิโต, อรูปโต นีหริตฺวา รูเปฯ
Evameva khoti ettha idaṃ opammasaṃsandanaṃ – araññamahāvanaṃ viya hi ārammaṇavanaṃ veditabbaṃ. Tasmiṃ vane vicaraṇamakkaṭo viya ārammaṇavane uppajjanakacittaṃ. Sākhāgahaṇaṃ viya ārammaṇe lubbhanaṃ. Yathā so araññe vicaranto makkaṭo taṃ taṃ sākhaṃ pahāya taṃ taṃ sākhaṃ gaṇhāti, evamidaṃ ārammaṇavane vicarantaṃ cittampi kadāci rūpārammaṇaṃ gahetvā uppajjati, kadāci saddādīsu aññataraṃ, kadāci atītaṃ, kadāci anāgataṃ vā paccuppannaṃ vā, tathā kadāci ajjhattaṃ, kadāci bāhiraṃ. Yathā ca so araññe vicaranto makkaṭo sākhaṃ alabhitvā oruyha bhūmiyaṃ nisinnoti na vattabbo, ekaṃ pana paṇṇasākhaṃ gahetvāva nisīdati, evameva ārammaṇavane vicarantaṃ cittampi ekaṃ olubbhārammaṇaṃ alabhitvā uppannanti na vattabbaṃ, ekajātiyaṃ pana ārammaṇaṃ gahetvāva uppajjatīti veditabbaṃ. Ettāvatā ca pana bhagavatā rūpato nīharitvā arūpe gāho patiṭṭhāpito, arūpato nīharitvā rūpe.
อิทานิ ตํ อุภยโต นิกฺกฑฺฒิตุกาโม ตตฺร, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโกติ เทสนํ อารภิฯ อยํ ปนโตฺถ อาสีวิสทฎฺฐูปมาย ทีเปตโพฺพ – เอโก กิร ปุริโส อาสีวิเสน ทโฎฺฐ, อถสฺส วิสํ หริสฺสามีติ เฉโก ภิสโกฺก อาคนฺตฺวา วมนํ กาเรตฺวา เหฎฺฐา ครุโฬ, อุปริ นาโคติ มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา วิสํ อุปริ อาโรเปสิฯ โส ยาว อกฺขิปฺปเทสา อารุฬฺหภาวํ ญตฺวา ‘‘อิโต ปรํ อภิรุหิตุํ น ทสฺสามิ, ทฎฺฐฎฺฐาเนเยว ฐเปสฺสามี’’ติ อุปริ ครุโฬ, เหฎฺฐา นาโคติ มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา กเณฺณ ธุเมตฺวา ทณฺฑเกน ปหริตฺวา วิสํ โอตาเรตฺวา ทฎฺฐฎฺฐาเนเยว ฐเปสิฯ ตตฺรสฺส ฐิตภาวํ ญตฺวา อคทเลเปน วิสํ นิมฺมเถตฺวา นฺหาเปตฺวา ‘‘สุขี โหหี’’ติ วตฺวา เยนกามํ ปกฺกามิฯ
Idāni taṃ ubhayato nikkaḍḍhitukāmo tatra, bhikkhave, sutavā ariyasāvakoti desanaṃ ārabhi. Ayaṃ panattho āsīvisadaṭṭhūpamāya dīpetabbo – eko kira puriso āsīvisena daṭṭho, athassa visaṃ harissāmīti cheko bhisakko āgantvā vamanaṃ kāretvā heṭṭhā garuḷo, upari nāgoti mantaṃ parivattetvā visaṃ upari āropesi. So yāva akkhippadesā āruḷhabhāvaṃ ñatvā ‘‘ito paraṃ abhiruhituṃ na dassāmi, daṭṭhaṭṭhāneyeva ṭhapessāmī’’ti upari garuḷo, heṭṭhā nāgoti mantaṃ parivattetvā kaṇṇe dhumetvā daṇḍakena paharitvā visaṃ otāretvā daṭṭhaṭṭhāneyeva ṭhapesi. Tatrassa ṭhitabhāvaṃ ñatvā agadalepena visaṃ nimmathetvā nhāpetvā ‘‘sukhī hohī’’ti vatvā yenakāmaṃ pakkāmi.
ตตฺถ อาสีวิเสน ทฎฺฐสฺส กาเย วิสปติฎฺฐานํ วิย อิเมสํ ภิกฺขูนํ รูเป อธิมตฺตคาหกาโล, เฉโก ภิสโกฺก วิย ตถาคโต, มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา อุปริ วิสสฺส อาโรปิตกาโล วิย ตถาคเตน เตสํ ภิกฺขูนํ รูปโต คาหํ นีหริตฺวา อรูเป ปติฎฺฐาปิตกาโล, ยาว อกฺขิปฺปเทสา อารุฬฺหวิสสฺส อุปริ อภิรุหิตุํ อทตฺวา ปุน มนฺตพเลน โอตาเรตฺวา ทฎฺฐฎฺฐาเนเยว ฐปนํ วิย สตฺถารา เตสํ ภิกฺขูนํ อรูปโต คาหํ นีหริตฺวา รูเป ปติฎฺฐาปิตกาโลฯ ทฎฺฐฎฺฐาเน ฐิตสฺส วิสสฺส อคทเลเปน นิมฺมถนํ วิย อุภยโต คาหํ นีหรณตฺถาย อิมิสฺสา เทสนาย อารทฺธกาโล เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ นิพฺพินฺทํ วิรชฺชตีติ อิมินา มโคฺค กถิโต, วิราคา วิมุจฺจตีติ ผลํ, วิมุตฺตสฺมินฺติอาทินา ปจฺจเวกฺขณาฯ ปฐมํฯ
Tattha āsīvisena daṭṭhassa kāye visapatiṭṭhānaṃ viya imesaṃ bhikkhūnaṃ rūpe adhimattagāhakālo, cheko bhisakko viya tathāgato, mantaṃ parivattetvā upari visassa āropitakālo viya tathāgatena tesaṃ bhikkhūnaṃ rūpato gāhaṃ nīharitvā arūpe patiṭṭhāpitakālo, yāva akkhippadesā āruḷhavisassa upari abhiruhituṃ adatvā puna mantabalena otāretvā daṭṭhaṭṭhāneyeva ṭhapanaṃ viya satthārā tesaṃ bhikkhūnaṃ arūpato gāhaṃ nīharitvā rūpe patiṭṭhāpitakālo. Daṭṭhaṭṭhāne ṭhitassa visassa agadalepena nimmathanaṃ viya ubhayato gāhaṃ nīharaṇatthāya imissā desanāya āraddhakālo veditabbo. Tattha nibbindaṃ virajjatīti iminā maggo kathito, virāgā vimuccatīti phalaṃ, vimuttasmintiādinā paccavekkhaṇā. Paṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. อสฺสุตวาสุตฺตํ • 1. Assutavāsuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. อสฺสุตวาสุตฺตวณฺณนา • 1. Assutavāsuttavaṇṇanā