Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๖. อสุภานุปสฺสีสุตฺตวณฺณนา
6. Asubhānupassīsuttavaṇṇanā
๘๕. ฉเฎฺฐ อสุภานุปสฺสีติ อสุภํ อนุปสฺสนฺตา ทฺวตฺติํสาการวเสน เจว อุทฺธุมาตกาทีสุ คหิตนิมิตฺตสฺส อุปสํหรณวเสน จ กายสฺมิํ อสุภํ อสุภาการํ อนุปสฺสกา หุตฺวา วิหรถฯ อานาปานสฺสตีติ อานาปาเน สติ, ตํ อารพฺภ ปวตฺตา สติ, อสฺสาสปสฺสาสปริคฺคาหิกา สตีติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อานนฺติ อสฺสาโส, โน ปสฺสาโสฯ ปานนฺติ ปสฺสาโส, โน อสฺสาโส’’ติอาทิ (ปฎิ. ม. ๑.๑๖๐)ฯ
85. Chaṭṭhe asubhānupassīti asubhaṃ anupassantā dvattiṃsākāravasena ceva uddhumātakādīsu gahitanimittassa upasaṃharaṇavasena ca kāyasmiṃ asubhaṃ asubhākāraṃ anupassakā hutvā viharatha. Ānāpānassatīti ānāpāne sati, taṃ ārabbha pavattā sati, assāsapassāsapariggāhikā satīti attho. Vuttañhetaṃ ‘‘ānanti assāso, no passāso. Pānanti passāso, no assāso’’tiādi (paṭi. ma. 1.160).
โวติ ตุมฺหากํฯ อชฺฌตฺตนฺติ อิธ โคจรชฺฌตฺตํ อธิเปฺปตํฯ ปริมุขนฺติ อภิมุขํฯ สูปฎฺฐิตาติ สุฎฺฐุ อุปฎฺฐิตาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อานาปานสฺสติ จ ตุมฺหากํ กมฺมฎฺฐานาภิมุขํ สุฎฺฐุ อุปฎฺฐิตา โหตูติฯ อถ วา ปริมุขนฺติ ปริคฺคหิตนิยฺยานํฯ วุตฺตเญฺหตํ ปฎิสมฺภิทายํ – ‘‘ปรีติ ปริคฺคหโฎฺฐ, มุขนฺติ นิยฺยานโฎฺฐ , สตีติ อุปฎฺฐานโฎฺฐ, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สติ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๖๔)ฯ อิมินา จตุสติปฎฺฐานโสฬสปฺปเภทา อานาปานสฺสติกมฺมฎฺฐานภาวนา ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Voti tumhākaṃ. Ajjhattanti idha gocarajjhattaṃ adhippetaṃ. Parimukhanti abhimukhaṃ. Sūpaṭṭhitāti suṭṭhu upaṭṭhitā. Idaṃ vuttaṃ hoti – ānāpānassati ca tumhākaṃ kammaṭṭhānābhimukhaṃ suṭṭhu upaṭṭhitā hotūti. Atha vā parimukhanti pariggahitaniyyānaṃ. Vuttañhetaṃ paṭisambhidāyaṃ – ‘‘parīti pariggahaṭṭho, mukhanti niyyānaṭṭho , satīti upaṭṭhānaṭṭho, tena vuccati parimukhaṃ sati’’nti (paṭi. ma. 1.164). Iminā catusatipaṭṭhānasoḷasappabhedā ānāpānassatikammaṭṭhānabhāvanā dassitāti daṭṭhabbā.
เอวํ สเงฺขเปเนว ราคจริตวิตกฺกจริตานํ สปฺปายํ ปฎิกูลมนสิการกายานุปสฺสนาวเสน สมถกมฺมฎฺฐานํ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานญฺจ อุปทิสิตฺวา อิทานิ สุทฺธวิปสฺสนากมฺมฎฺฐานเมว ทเสฺสโนฺต ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสิโน วิหรถา’’ติ อาหฯ ตตฺถ อนิจฺจํ, อนิจฺจลกฺขณํ, อนิจฺจานุปสฺสนา, อนิจฺจานุปสฺสีติ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ หุตฺวา, อภาวโต, อุทยพฺพยโยคโต, ตาวกาลิกโต, นิจฺจปฎิเกฺขปโต จ ขนฺธปญฺจกํ อนิจฺจํ นามฯ ตสฺส โย หุตฺวา อภาวากาโร, ตํ อนิจฺจลกฺขณํ นามฯ ตํ อารพฺภ ปวตฺตา วิปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนาฯ ตํ อนิจฺจนฺติ วิปสฺสโก อนิจฺจานุปสฺสีฯ เอตฺถ จ เอกาทสวิธา อสุภกถา ปฐมชฺฌานํ ปาเปตฺวา, โสฬสวตฺถุกา จ อานาปานกถา จตุตฺถชฺฌานํ ปาเปตฺวา, วิปสฺสนากถา จ วิตฺถารโต วตฺตพฺพา, สา ปน สพฺพาการโต วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๗-๗๔๐) กถิตาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ saṅkhepeneva rāgacaritavitakkacaritānaṃ sappāyaṃ paṭikūlamanasikārakāyānupassanāvasena samathakammaṭṭhānaṃ vipassanākammaṭṭhānañca upadisitvā idāni suddhavipassanākammaṭṭhānameva dassento ‘‘sabbasaṅkhāresu aniccānupassino viharathā’’ti āha. Tattha aniccaṃ, aniccalakkhaṇaṃ, aniccānupassanā, aniccānupassīti idaṃ catukkaṃ veditabbaṃ. Hutvā, abhāvato, udayabbayayogato, tāvakālikato, niccapaṭikkhepato ca khandhapañcakaṃ aniccaṃ nāma. Tassa yo hutvā abhāvākāro, taṃ aniccalakkhaṇaṃ nāma. Taṃ ārabbha pavattā vipassanā aniccānupassanā. Taṃ aniccanti vipassako aniccānupassī. Ettha ca ekādasavidhā asubhakathā paṭhamajjhānaṃ pāpetvā, soḷasavatthukā ca ānāpānakathā catutthajjhānaṃ pāpetvā, vipassanākathā ca vitthārato vattabbā, sā pana sabbākārato visuddhimagge (visuddhi. 2.737-740) kathitāti tattha vuttanayeneva veditabbā.
อิทานิ อสุภานุปสฺสนาทีหิ นิปฺผาเทตพฺพํ ผลวิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘อสุภานุปสฺสีน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุภาย ธาตุยาติ สุภภาเว, สุภนิมิเตฺตติ อโตฺถฯ ราคานุสโยติ สุภารมฺมเณ อุปฺปชฺชนารโห กามราคานุสโยฯ โส เกสาทีสุ อุทฺธุมาตกาทีสุ วา อสุภานุปสฺสีนํ อสุภนิมิตฺตํ คเหตฺวา ตตฺถ ปฐมชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อธิคเตน อนาคามิมเคฺคน ปหียติ, สพฺพโส สมุจฺฉินฺทียตีติ อโตฺถฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อสุภา ภาเวตพฺพา กามราคสฺส ปหานายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑)ฯ พาหิราติ พหิทฺธาวตฺถุกตฺตา อนตฺถาวหตฺตา จ พาหิรา พหิภูตาฯ วิตกฺกาสยาติ กามสงฺกปฺปาทิมิจฺฉาวิตกฺกาฯ เต หิ อปฺปหีนา อาสยานุคตา สติ ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนโต วิตกฺกาสยาติ วุตฺตาฯ กามวิตโกฺก เจตฺถ กามราคคฺคหเณน คหิโต เอวาติ ตทวเสสา วิตกฺกา เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ วิฆาตปกฺขิกาติ ทุกฺขภาคิยา, อิจฺฉาวิฆาตนิพฺพตฺตนกา วาฯ เต น โหนฺตีติ เต ปหียนฺติฯ พฺยาปาทวิตโกฺก, วิหิํสาวิตโกฺก, ญาติวิตโกฺก, ชนปทวิตโกฺก, อมราวิตโกฺก, อนวญฺญตฺติปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก, ลาภสกฺการสิโลกปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺก, ปรานุทฺทยตาปฎิสํยุโตฺต วิตโกฺกติ อฎฺฐ, กามวิตเกฺกน สทฺธิํ นววิธา มหาวิตกฺกา อานาปานสฺสติสมาธินา ตนฺนิสฺสิตาย จ วิปสฺสนาย ปุพฺพภาเค วิกฺขมฺภิตาฯ ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคเตน อริยมเคฺคน ยถารหํ อนวเสสโต ปหียนฺติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปเจฺฉทายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑)ฯ
Idāni asubhānupassanādīhi nipphādetabbaṃ phalavisesaṃ dassetuṃ ‘‘asubhānupassīna’’ntiādimāha. Tattha subhāya dhātuyāti subhabhāve, subhanimitteti attho. Rāgānusayoti subhārammaṇe uppajjanāraho kāmarāgānusayo. So kesādīsu uddhumātakādīsu vā asubhānupassīnaṃ asubhanimittaṃ gahetvā tattha paṭhamajjhānaṃ nibbattetvā taṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā adhigatena anāgāmimaggena pahīyati, sabbaso samucchindīyatīti attho. Vuttañhetaṃ ‘‘asubhā bhāvetabbā kāmarāgassa pahānāyā’’ti (a. ni. 9.3; udā. 31). Bāhirāti bahiddhāvatthukattā anatthāvahattā ca bāhirā bahibhūtā. Vitakkāsayāti kāmasaṅkappādimicchāvitakkā. Te hi appahīnā āsayānugatā sati paccayasamavāye uppajjanato vitakkāsayāti vuttā. Kāmavitakko cettha kāmarāgaggahaṇena gahito evāti tadavasesā vitakkā eva vuttāti veditabbā. Vighātapakkhikāti dukkhabhāgiyā, icchāvighātanibbattanakā vā. Te na hontīti te pahīyanti. Byāpādavitakko, vihiṃsāvitakko, ñātivitakko, janapadavitakko, amarāvitakko, anavaññattipaṭisaṃyutto vitakko, lābhasakkārasilokapaṭisaṃyutto vitakko, parānuddayatāpaṭisaṃyutto vitakkoti aṭṭha, kāmavitakkena saddhiṃ navavidhā mahāvitakkā ānāpānassatisamādhinā tannissitāya ca vipassanāya pubbabhāge vikkhambhitā. Taṃ pādakaṃ katvā adhigatena ariyamaggena yathārahaṃ anavasesato pahīyanti. Vuttampi cetaṃ ‘‘ānāpānassati bhāvetabbā vitakkupacchedāyā’’ti (a. ni. 9.3; udā. 31).
ยา อวิชฺชา, สา ปหียตีติ ยา สจฺจสภาวปฎิจฺฉาทินี สพฺพานตฺถการี สกลสฺส วฎฺฎทุกฺขสฺส มูลภูตา อวิชฺชา, สา อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตํ สมุจฺฉิชฺชติฯ อิทํ กิร ภควตา อนิจฺจาการโต วุฎฺฐิตสฺส สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวสฺส วเสน วุตฺตํฯ ตสฺสายํ สเงฺขปโตฺถ – เตภูมเกสุ สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจาทิโต สมฺมสนํ ปฎฺฐเปตฺวา วิปสฺสนฺตานํ ยทา อนิจฺจนฺติ ปวตฺตมานา วุฎฺฐานคามินีวิปสฺสนา มเคฺคน ฆฎียติ, อนุกฺกเมน อรหตฺตมโคฺค อุปฺปชฺชติ, เตสํ อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตํ อวิชฺชา อนวเสสโต ปหียติ, อรหตฺตมคฺควิชฺชา อุปฺปชฺชตีติฯ อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตนฺติ อิทํ อนิจฺจลกฺขณสฺส เตสํ ปากฎภาวโต อิตรสฺส ลกฺขณทฺวยสฺส คหเณ อุปายภาวโต วา วุตฺตํ, น ปน เอกเสฺสว ลกฺขณสฺส อนุปสฺสิตพฺพโตฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕)ฯ อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจสญฺญิโน หิ, เมฆิย, อนตฺตสญฺญา สณฺฐาติ, อนตฺตสญฺญี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติฯ
Yā avijjā, sā pahīyatīti yā saccasabhāvapaṭicchādinī sabbānatthakārī sakalassa vaṭṭadukkhassa mūlabhūtā avijjā, sā aniccānupassīnaṃ viharataṃ samucchijjati. Idaṃ kira bhagavatā aniccākārato vuṭṭhitassa sukkhavipassakakhīṇāsavassa vasena vuttaṃ. Tassāyaṃ saṅkhepattho – tebhūmakesu sabbasaṅkhāresu aniccādito sammasanaṃ paṭṭhapetvā vipassantānaṃ yadā aniccanti pavattamānā vuṭṭhānagāminīvipassanā maggena ghaṭīyati, anukkamena arahattamaggo uppajjati, tesaṃ aniccānupassīnaṃ viharataṃ avijjā anavasesato pahīyati, arahattamaggavijjā uppajjatīti. Aniccānupassīnaṃ viharatanti idaṃ aniccalakkhaṇassa tesaṃ pākaṭabhāvato itarassa lakkhaṇadvayassa gahaṇe upāyabhāvato vā vuttaṃ, na pana ekasseva lakkhaṇassa anupassitabbato. Vuttañhetaṃ ‘‘yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ, yaṃ dukkhaṃ tadanattā’’ti (saṃ. ni. 3.15). Aparampi vuttaṃ ‘‘aniccasaññino hi, meghiya, anattasaññā saṇṭhāti, anattasaññī asmimānasamugghātaṃ pāpuṇātī’’ti.
คาถาสุ อานาปาเน ปฎิสฺสโตติ อานาปานนิมิตฺตสฺมิํ ปฎิ ปฎิ สโต, อุปฎฺฐิตสฺสตีติ อโตฺถฯ ปสฺสนฺติ อาสวกฺขยญาณจกฺขุนา สงฺขารูปสมํ นิพฺพานํ ปสฺสโนฺตฯ อาตาปี สพฺพทาติ อนฺตราโวสานํ อนาปชฺชิตฺวา อสุภานุปสฺสนาทีสุ สตตํ อาตาปี ยุตฺตปฺปยุโตฺต, ตโต เอว ยโต วายมมาโน, นิยโต วา สมฺมตฺตนิยาเมน ตตฺถ สพฺพสงฺขารสมเถ นิพฺพาเน อรหตฺตผลวิมุตฺติยา วิมุจฺจติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Gāthāsu ānāpāne paṭissatoti ānāpānanimittasmiṃ paṭi paṭi sato, upaṭṭhitassatīti attho. Passanti āsavakkhayañāṇacakkhunā saṅkhārūpasamaṃ nibbānaṃ passanto. Ātāpī sabbadāti antarāvosānaṃ anāpajjitvā asubhānupassanādīsu satataṃ ātāpī yuttappayutto, tato eva yato vāyamamāno, niyato vā sammattaniyāmena tattha sabbasaṅkhārasamathe nibbāne arahattaphalavimuttiyā vimuccati. Sesaṃ vuttanayameva.
ฉฎฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Chaṭṭhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๖. อสุภานุปสฺสีสุตฺตํ • 6. Asubhānupassīsuttaṃ