Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) |
๙. อาฎานาฎิยสุตฺตวณฺณนา
9. Āṭānāṭiyasuttavaṇṇanā
ปฐมภาณวารวณฺณนา
Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā
๒๗๕. เอวํ เม สุตนฺติ อาฎานาฎิยสุตฺตํฯ ตตฺรายมปุพฺพปทวณฺณนา – จตุทฺทิสํ รกฺขํ ฐเปตฺวาติ อสุรเสนาย นิวารณตฺถํ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขํ ฐเปตฺวาฯ คุมฺพํ ฐเปตฺวาติ พลคุมฺพํ ฐเปตฺวาฯ โอวรณํ ฐเปตฺวาติ จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขเก ฐเปตฺวาฯ เอวํ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กตฺวา อาฎานาฎนคเร นิสินฺนา สตฺต พุเทฺธ อารพฺภ อิมํ ปริตฺตํ พนฺธิตฺวา ‘‘เย สตฺถุ ธมฺมอาณํ อมฺหากญฺจ ราชอาณํ น สุณนฺติ, เตสํ อิทญฺจิทญฺจ กริสฺสามา’’ติ สาวนํ กตฺวา อตฺตโนปิ จตูสุ ทิสาสุ มหติยา จ ยกฺขเสนายาติอาทีหิ จตูหิ เสนาหิ อารกฺขํ สํวิทหิตฺวา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา…เป.… เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ
275.Evaṃme sutanti āṭānāṭiyasuttaṃ. Tatrāyamapubbapadavaṇṇanā – catuddisaṃ rakkhaṃ ṭhapetvāti asurasenāya nivāraṇatthaṃ sakkassa devānamindassa catūsu disāsu ārakkhaṃ ṭhapetvā. Gumbaṃ ṭhapetvāti balagumbaṃ ṭhapetvā. Ovaraṇaṃ ṭhapetvāti catūsu disāsu ārakkhake ṭhapetvā. Evaṃ sakkassa devānamindassa ārakkhaṃ susaṃvihitaṃ katvā āṭānāṭanagare nisinnā satta buddhe ārabbha imaṃ parittaṃ bandhitvā ‘‘ye satthu dhammaāṇaṃ amhākañca rājaāṇaṃ na suṇanti, tesaṃ idañcidañca karissāmā’’ti sāvanaṃ katvā attanopi catūsu disāsu mahatiyā ca yakkhasenāyātiādīhi catūhi senāhi ārakkhaṃ saṃvidahitvā abhikkantāya rattiyā…pe… ekamantaṃ nisīdiṃsu.
อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสโทฺท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทนาทีสุ ทิสฺสติฯ ตตฺถ ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภเนฺต รตฺติ, นิกฺขโนฺต ปฐโม ยาโม, จิรนิสิโนฺน ภิกฺขุสโงฺฆ อุทฺทิสตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๒๐) เอวมาทีสุ ขเย ทิสฺสติฯ ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร ปณีตตโร จา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) เอวมาทีสุ สุนฺทเรฯ
Abhikkantāya rattiyāti ettha abhikkantasaddo khayasundarābhirūpaabbhanumodanādīsu dissati. Tattha ‘‘abhikkantā, bhante ratti, nikkhanto paṭhamo yāmo, ciranisinno bhikkhusaṅgho uddisatu, bhante, bhagavā bhikkhūnaṃ pātimokkha’’nti (a. ni. 8.20) evamādīsu khaye dissati. ‘‘Ayaṃ imesaṃ catunnaṃ puggalānaṃ abhikkantataro paṇītataro cā’’ti (a. ni. 4.100) evamādīsu sundare.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
‘‘Ko me vandati pādāni, iddhiyā yasasā jalaṃ;
อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติฯ (วิ. ว. ๘๕๗);
Abhikkantena vaṇṇena, sabbā obhāsayaṃ disā’’ti. (vi. va. 857);
เอวมาทีสุ อภิรูเปฯ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมาติ (ปารา. ๑๕) เอวมาทีสุ อพฺภนุโมทเน ฯ อิธ ปน ขเยฯ เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา, ปริกฺขีณาย รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติฯ
Evamādīsu abhirūpe. ‘‘Abhikkantaṃ, bho gotamāti (pārā. 15) evamādīsu abbhanumodane . Idha pana khaye. Tena abhikkantāya rattiyā, parikkhīṇāya rattiyāti vuttaṃ hoti.
อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อิธ อภิกฺกนฺตสโทฺท อภิรูเปฯ วณฺณสโทฺท ปน ฉวิถุติกุลวคฺคการณสณฺฐานปมาณรูปายตนาทีสุ ทิสฺสติฯ ตตฺถ ‘‘สุวณฺณวโณฺณสิ ภควา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๙) เอวมาทีสุ ฉวิยํฯ ‘‘กทา สญฺญูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ (ม. นิ. ๒.๗๗) เอวมาทีสุ ถุติยํฯ ‘‘จตฺตาโรเม , โภ โคตม, วณฺณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๖๖) เอวมาทีสุ กุลวเคฺคฯ ‘‘อถ เกน นุ วเณฺณน คนฺธเถโนติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณฯ ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) เอวมาทีสุ สณฺฐาเนฯ ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ (ปารา. ๖๐๒) เอวมาทีสุ ปมาเณฯ ‘‘วโณฺณ คโนฺธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเนฯ โส อิธ ฉวิยํ ทฎฺฐโพฺพฯ เตน ‘‘อภิกฺกนฺตวณฺณา อภิรูปจฺฉวี’’ติ วุตฺตํ โหติฯ
Abhikkantavaṇṇāti idha abhikkantasaddo abhirūpe. Vaṇṇasaddo pana chavithutikulavaggakāraṇasaṇṭhānapamāṇarūpāyatanādīsu dissati. Tattha ‘‘suvaṇṇavaṇṇosi bhagavā’’ti (ma. ni. 2.399) evamādīsu chaviyaṃ. ‘‘Kadā saññūḷhā pana te, gahapati, ime samaṇassa gotamassa vaṇṇā’’ti (ma. ni. 2.77) evamādīsu thutiyaṃ. ‘‘Cattārome , bho gotama, vaṇṇā’’ti (dī. ni. 1.266) evamādīsu kulavagge. ‘‘Atha kena nu vaṇṇena gandhathenoti vuccatī’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.234) kāraṇe. ‘‘Mahantaṃ hatthirājavaṇṇaṃ abhinimminitvā’’ti (saṃ. ni. 1.138) evamādīsu saṇṭhāne. ‘‘Tayo pattassa vaṇṇā’’ti (pārā. 602) evamādīsu pamāṇe. ‘‘Vaṇṇo gandho raso ojā’’ti evamādīsu rūpāyatane. So idha chaviyaṃ daṭṭhabbo. Tena ‘‘abhikkantavaṇṇā abhirūpacchavī’’ti vuttaṃ hoti.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวลสโทฺท อนวเสสเยภุยฺยอพฺยามิสฺสานติเรกทฬฺหตฺถวิสํโยคาทิอเนกโตฺถฯ ตถา หิสฺส ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ (ปารา. ๑) เอวมาทีสุ อนวเสสตา อโตฺถฯ ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมาคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อภิกฺกมิตุกามา โหนฺตี’’ติ (มหาว. ๔๓) เอวมาทีสุ เยภุยฺยตาฯ ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ (มหาว. ๑) เอวมาทีสุ อพฺยามิสฺสตาฯ ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ (อ. นิ. ๖.๕๕) เอวมาทีสุ อนติเรกตาฯ ‘‘อายสฺมโต, ภเนฺต, อนุรุทฺธสฺส พาหิโก นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ฐิโต’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) เอวมาทีสุ ทฬฺหตฺถตาฯ ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๒) เอวมาทีสุ วิสํโยโคฯ อิธ ปนสฺส อนวเสสโตฺถ อธิเปฺปโตฯ
Kevalakappanti ettha kevalasaddo anavasesayebhuyyaabyāmissānatirekadaḷhatthavisaṃyogādianekattho. Tathā hissa ‘‘kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariya’’nti (pārā. 1) evamādīsu anavasesatā attho. ‘‘Kevalakappā ca aṅgamāgadhā pahūtaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ ādāya abhikkamitukāmā hontī’’ti (mahāva. 43) evamādīsu yebhuyyatā. ‘‘Kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hotī’’ti (mahāva. 1) evamādīsu abyāmissatā. ‘‘Kevalaṃ saddhāmattakaṃ nūna ayamāyasmā’’ti (a. ni. 6.55) evamādīsu anatirekatā. ‘‘Āyasmato, bhante, anuruddhassa bāhiko nāma saddhivihāriko kevalakappaṃ saṅghabhedāya ṭhito’’ti (a. ni. 4.243) evamādīsu daḷhatthatā. ‘‘Kevalī vusitavā uttamapurisoti vuccatī’’ti (a. ni. 10.12) evamādīsu visaṃyogo. Idha panassa anavasesattho adhippeto.
กปฺปสโทฺท ปนายํ อภิสทฺทหนโวหารกาลปญฺญตฺติเฉทนวิกปฺปเลสสมนฺตภาวาทิอเนกโตฺถฯ ตถา หิสฺส ‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต โคตมสฺสฯ ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) เอวมาทีสุ อภิสทฺทหนมโตฺถฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ สมณกเปฺปหิ ผลํ ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๐) เอวมาทีสุ โวหาโรฯ ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) เอวมาทีสุ กาโลฯ ‘‘อิจฺจายสฺมา กโปฺป’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๙๘) เอวมาทีสุ ปญฺญตฺติฯ ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ (วิ. ว. ๑๐๙๔) เอวมาทีสุ เฉทนํฯ ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกโปฺป’’ติ (จูฬว. ๔๔๖) เอวมาทีสุ วิกโปฺป, อตฺถิ กโปฺป นิปชฺชิตุ’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๐) เอวมาทีสุ เลโสฯ ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๙๔) เอวมาทีสุ สมนฺตภาโวฯ อิธ ปน สมนฺตภาโว อโตฺถ อธิเปฺปโตฯ ตสฺมา ‘‘เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฎ’’นฺติ เอตฺถ อนวเสสํ สมนฺตโต คิชฺฌกูฎนฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Kappasaddo panāyaṃ abhisaddahanavohārakālapaññattichedanavikappalesasamantabhāvādianekattho. Tathā hissa ‘‘okappaniyametaṃ bhoto gotamassa. Yathā taṃ arahato sammāsambuddhassā’’ti (ma. ni. 1.387) evamādīsu abhisaddahanamattho. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, pañcahi samaṇakappehi phalaṃ paribhuñjitu’’nti (cūḷava. 250) evamādīsu vohāro. ‘‘Yena sudaṃ niccakappaṃ viharāmī’’ti (ma. ni. 1.387) evamādīsu kālo. ‘‘Iccāyasmā kappo’’ti (su. ni. 1098) evamādīsu paññatti. ‘‘Alaṅkato kappitakesamassū’’ti (vi. va. 1094) evamādīsu chedanaṃ. ‘‘Kappati dvaṅgulakappo’’ti (cūḷava. 446) evamādīsu vikappo, atthi kappo nipajjitu’’nti (a. ni. 8.80) evamādīsu leso. ‘‘Kevalakappaṃ veḷuvanaṃ obhāsetvā’’ti (saṃ. ni. 1.94) evamādīsu samantabhāvo. Idha pana samantabhāvo attho adhippeto. Tasmā ‘‘kevalakappaṃ gijjhakūṭa’’nti ettha anavasesaṃ samantato gijjhakūṭanti evamattho daṭṭhabbo.
โอภาเสตฺวาติ วตฺถมาลาลงฺการสรีรสมุฎฺฐิตาย อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปโชฺชตํ กริตฺวาติ อโตฺถฯ เอกมนฺตํ นิสีทิํสูติ เทวตานํ ทสพลสฺส สนฺติเก นิสินฺนฎฺฐานํ นาม น พหุ, อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต ปริตฺตคารววเสน นิสีทิํสุฯ
Obhāsetvāti vatthamālālaṅkārasarīrasamuṭṭhitāya ābhāya pharitvā, candimā viya sūriyo viya ca ekobhāsaṃ ekapajjotaṃ karitvāti attho. Ekamantaṃ nisīdiṃsūti devatānaṃ dasabalassa santike nisinnaṭṭhānaṃ nāma na bahu, imasmiṃ pana sutte parittagāravavasena nisīdiṃsu.
๒๗๖. เวสฺสวโณติ กิญฺจาปิ จตฺตาโร มหาราชาโน อาคตา, เวสฺสวโณ ปน ทสพลสฺส วิสฺสาสิโก กถาปวตฺตเน พฺยโตฺต สุสิกฺขิโต, ตสฺมา เวสฺสวโณ มหาราชา ภควนฺตํ เอตทโวจฯ อุฬาราติ มเหสกฺขานุภาวสมฺปนฺนาฯ ปาณาติปาตา เวรมณิยาติ ปาณาติปาเต ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกํ อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา ตโต เวรมณิยา ธมฺมํ เทเสติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ สนฺติ อุฬารา ยกฺขา นิวาสิโนติ เตสุ เสนาสเนสุ สนฺติ อุฬารา ยกฺขา นิพทฺธวาสิโนฯ อาฎานาฎิยนฺติ อาฎานาฎนคเร พทฺธตฺตา เอวํนามํฯ กิํ ปน ภควโต อปจฺจกฺขธโมฺม นาม อตฺถีติ, นตฺถิฯ อถ กสฺมา เวสฺสวโณ ‘‘อุคฺคณฺหาตุ, ภเนฺต, ภควา’’ติอาทิมาห? โอกาสกรณตฺถํฯ โส หิ ภควนฺตํ อิมํ ปริตฺตํ สาเวตุํ โอกาสํ กาเรโนฺต เอวมาหฯ สตฺถุ กถิเต อิมํ ปริตฺตํ ครุ ภวิสฺสตีติปิ อาหฯ ผาสุวิหารายาติ คมนฎฺฐานาทีสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขวิหารายฯ
276.Vessavaṇoti kiñcāpi cattāro mahārājāno āgatā, vessavaṇo pana dasabalassa vissāsiko kathāpavattane byatto susikkhito, tasmā vessavaṇo mahārājā bhagavantaṃ etadavoca. Uḷārāti mahesakkhānubhāvasampannā. Pāṇātipātā veramaṇiyāti pāṇātipāte diṭṭhadhammikasamparāyikaṃ ādīnavaṃ dassetvā tato veramaṇiyā dhammaṃ deseti. Sesesupi eseva nayo. Tattha santi uḷārā yakkhā nivāsinoti tesu senāsanesu santi uḷārā yakkhā nibaddhavāsino. Āṭānāṭiyanti āṭānāṭanagare baddhattā evaṃnāmaṃ. Kiṃ pana bhagavato apaccakkhadhammo nāma atthīti, natthi. Atha kasmā vessavaṇo ‘‘uggaṇhātu, bhante, bhagavā’’tiādimāha? Okāsakaraṇatthaṃ. So hi bhagavantaṃ imaṃ parittaṃ sāvetuṃ okāsaṃ kārento evamāha. Satthu kathite imaṃ parittaṃ garu bhavissatītipi āha. Phāsuvihārāyāti gamanaṭṭhānādīsu catūsu iriyāpathesu sukhavihārāya.
๒๗๗. จกฺขุมนฺตสฺสาติ น วิปสฺสีเยว จกฺขุมา, สตฺตปิ พุทฺธา จกฺขุมโนฺต, ตสฺมา เอเกกสฺส พุทฺธสฺส เอตานิ สตฺต สตฺต นามานิ โหนฺติฯ สเพฺพปิ พุทฺธา จกฺขุมโนฺต, สเพฺพ สพฺพภูตานุกมฺปิโน, สเพฺพ นฺหาตกิเลสตฺตา นฺหาตกาฯ สเพฺพ มารเสนาปมทฺทิโน, สเพฺพ วุสิตวโนฺต, สเพฺพ วิมุตฺตา, สเพฺพ องฺคโต รสฺมีนํ นิกฺขนฺตตฺตา องฺคีรสาฯ น เกวลญฺจ พุทฺธานํ เอตาเนว สตฺต นามานิ อสเงฺขฺยยฺยานิ นามานิ สคุเณน มเหสิโนติ วุตฺตํฯ
277.Cakkhumantassāti na vipassīyeva cakkhumā, sattapi buddhā cakkhumanto, tasmā ekekassa buddhassa etāni satta satta nāmāni honti. Sabbepi buddhā cakkhumanto, sabbe sabbabhūtānukampino, sabbe nhātakilesattā nhātakā. Sabbe mārasenāpamaddino, sabbe vusitavanto, sabbe vimuttā, sabbe aṅgato rasmīnaṃ nikkhantattā aṅgīrasā. Na kevalañca buddhānaṃ etāneva satta nāmāni asaṅkhyeyyāni nāmāni saguṇena mahesinoti vuttaṃ.
เวสฺสวโณ ปน อตฺตโน ปากฎนามวเสน เอวมาหฯ เต ชนาติ อิธ ขีณาสวา ชนาติ อธิเปฺปตาฯ อปิสุณาถาติ เทสนาสีสมตฺตเมตํ, อมุสา อปิสุณา อผรุสา มนฺตภาณิโนติ อโตฺถ ฯ มหตฺตาติ มหนฺตภาวํ ปตฺตาฯ ‘‘มหนฺตา’’ติปิ ปาโฐ, มหนฺตาติ อโตฺถฯ วีตสารทาติ นิสฺสารทา วิคตโลมหํสาฯ
Vessavaṇo pana attano pākaṭanāmavasena evamāha. Te janāti idha khīṇāsavā janāti adhippetā. Apisuṇāthāti desanāsīsamattametaṃ, amusā apisuṇā apharusā mantabhāṇinoti attho . Mahattāti mahantabhāvaṃ pattā. ‘‘Mahantā’’tipi pāṭho, mahantāti attho. Vītasāradāti nissāradā vigatalomahaṃsā.
หิตนฺติ เมตฺตาผรเณน หิตํฯ ยํ นมสฺสนฺตีติ เอตฺถ ยนฺติ นิปาตมตฺตํฯ มหตฺตนฺติ มหนฺตํฯ อยเมว วา ปาโฐ, อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘เย จาปิ โลเก กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุตา ยถาภูตํ วิปสฺสิสุํ, วิชฺชาทิคุณสมฺปนฺนญฺจ หิตํ เทวมนุสฺสานํ โคตมํ นมสฺสนฺติ, เต ชนา อปิสุณา, เตสมฺปิ นมตฺถู’’ติฯ อฎฺฐกถายํ ปน เต ชนา อปิสุณาติ เต พุทฺธา อปิสุณาติ เอวํ ปฐมคาถาย พุทฺธานํเยว วโณฺณ กถิโต, ตสฺมา ปฐมคาถา สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ วเสน วุตฺตาฯ ทุติยคาถาย ‘‘โคตม’’นฺติ เทสนามุขมตฺตเมตํฯ อยมฺปิ หิ สตฺตนฺนํเยว วเสน วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – โลเก ปณฺฑิตา เทวมนุสฺสา ยํ นมสฺสนฺติ โคตมํ, ตสฺส จ ตโต ปุริมานญฺจ พุทฺธานํ นมตฺถูติฯ
Hitanti mettāpharaṇena hitaṃ. Yaṃ namassantīti ettha yanti nipātamattaṃ. Mahattanti mahantaṃ. Ayameva vā pāṭho, idaṃ vuttaṃ hoti ‘‘ye cāpi loke kilesanibbānena nibbutā yathābhūtaṃ vipassisuṃ, vijjādiguṇasampannañca hitaṃ devamanussānaṃ gotamaṃ namassanti, te janā apisuṇā, tesampi namatthū’’ti. Aṭṭhakathāyaṃ pana te janā apisuṇāti te buddhā apisuṇāti evaṃ paṭhamagāthāya buddhānaṃyeva vaṇṇo kathito, tasmā paṭhamagāthā sattannaṃ buddhānaṃ vasena vuttā. Dutiyagāthāya ‘‘gotama’’nti desanāmukhamattametaṃ. Ayampi hi sattannaṃyeva vasena vuttāti veditabbā. Ayañhettha attho – loke paṇḍitā devamanussā yaṃ namassanti gotamaṃ, tassa ca tato purimānañca buddhānaṃ namatthūti.
๒๗๘. ยโต อุคฺคจฺฉตีติ ยโต ฐานโต อุเทติฯ อาทิโจฺจติ อทิติยา ปุโตฺต, เววจนมตฺตํ วา เอตํ สูริยสทฺทสฺสฯ มหนฺตํ มณฺฑลํ อสฺสาติ มณฺฑลีมหาฯ ยสฺส จุคฺคจฺฉมานสฺสาติ ยมฺหิ อุคฺคจฺฉมาเนฯ สํวรีปิ นิรุชฺฌตีติ รตฺติ อนฺตรธายติฯ ยสฺส จุคฺคเตติ ยสฺมิํ อุคฺคเตฯ
278.Yato uggacchatīti yato ṭhānato udeti. Ādiccoti aditiyā putto, vevacanamattaṃ vā etaṃ sūriyasaddassa. Mahantaṃ maṇḍalaṃ assāti maṇḍalīmahā. Yassa cuggacchamānassāti yamhi uggacchamāne. Saṃvarīpi nirujjhatīti ratti antaradhāyati. Yassa cuggateti yasmiṃ uggate.
รหโทติ อุทกรหโทฯ ตตฺถาติ ยโต อุคฺคจฺฉติ สูริโย, ตสฺมิํ ฐาเนฯ สมุโทฺทติ โย โส รหโทติ วุโตฺต, โส น อโญฺญ, อถ โข สมุโทฺทฯ สริโตทโกติ วิสโฎทโก, สริตา นานปฺปการา นทิโย อสฺส อุทเก ปวิฎฺฐาติ วา สริโตทโกฯ เอวํ ตํ ตตฺถ ชานนฺตีติ ตํ รหทํ ตตฺถ เอวํ ชานนฺติ ฯ กินฺติ ชานนฺติ? สมุโทฺท สริโตทโกติ เอวํ ชานนฺติฯ
Rahadoti udakarahado. Tatthāti yato uggacchati sūriyo, tasmiṃ ṭhāne. Samuddoti yo so rahadoti vutto, so na añño, atha kho samuddo. Saritodakoti visaṭodako, saritā nānappakārā nadiyo assa udake paviṭṭhāti vā saritodako. Evaṃ taṃ tattha jānantīti taṃ rahadaṃ tattha evaṃ jānanti . Kinti jānanti? Samuddo saritodakoti evaṃ jānanti.
อิโตติ สิเนรุโต วา เตสํ นิสินฺนฎฺฐานโต วาฯ ชโนติ อยํ มหาชโนฯ เอกนามาติ อินฺทนาเมน เอกนามาฯ สเพฺพสํ กิร เตสํ สกฺกสฺส เทวรโญฺญ นามเมว นามมกํสุฯ อสีติ ทส เอโก จาติ เอกนวุติชนาฯ อินฺทนามาติ อิโนฺทติ เอวํนามาฯ พุทฺธํ อาทิจฺจพนฺธุนนฺติ กิเลสนิทฺทาปคมเนนาปิ พุทฺธํฯ อาทิเจฺจน สมานโคตฺตตายปิ อาทิจฺจพนฺธุนํฯ กุสเลน สเมกฺขสีติ อนวเชฺชน นิปุเณน วา สพฺพญฺญุตญฺญาเณน มหาชนํ โอโลเกสิฯ อมนุสฺสาปิ ตํ วนฺทนฺตีติ อมนุสฺสาปิ ตํ ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาเณน มหาชนํ โอโลเกสี’’ติ วตฺวา วนฺทนฺติฯ สุตํ เนตํ อภิณฺหโสติ เอตํ อเมฺหหิ อภิกฺขณํ สุตํฯ ชินํ วนฺทถ โคตมํ, ชินํ วนฺทาม โคตมนฺติ อเมฺหหิ ปุฎฺฐา ชินํ วนฺทาม โคตมนฺติ วทนฺติฯ
Itoti sineruto vā tesaṃ nisinnaṭṭhānato vā. Janoti ayaṃ mahājano. Ekanāmāti indanāmena ekanāmā. Sabbesaṃ kira tesaṃ sakkassa devarañño nāmameva nāmamakaṃsu. Asīti dasa eko cāti ekanavutijanā. Indanāmāti indoti evaṃnāmā. Buddhaṃ ādiccabandhunanti kilesaniddāpagamanenāpi buddhaṃ. Ādiccena samānagottatāyapi ādiccabandhunaṃ. Kusalena samekkhasīti anavajjena nipuṇena vā sabbaññutaññāṇena mahājanaṃ olokesi. Amanussāpi taṃ vandantīti amanussāpi taṃ ‘‘sabbaññutaññāṇena mahājanaṃ olokesī’’ti vatvā vandanti. Sutaṃ netaṃ abhiṇhasoti etaṃ amhehi abhikkhaṇaṃ sutaṃ. Jinaṃ vandatha gotamaṃ, jinaṃ vandāma gotamanti amhehi puṭṭhā jinaṃ vandāma gotamanti vadanti.
๒๗๙. เยน เปตา ปวุจฺจนฺตีติ เปตา นาม กาลงฺกตา, เต เยน ทิสาภาเคน นีหริยนฺตูติ วุจฺจนฺติฯ ปิสุณา ปิฎฺฐิมํสิกาติ ปิสุณาวาจา เจว ปิฎฺฐิมํสํ ขาทนฺตา วิย ปรมฺมุขา ครหกา จฯ เอเต จ เยน นีหริยนฺตูติ วุจฺจนฺติ, สเพฺพปิ เหเต ทกฺขิณทฺวาเรน นีหริตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส ฑยฺหนฺตุ วา ฉิชฺชนฺตุ วา หญฺญนฺตุ วาติ เอวํ วุจฺจนฺติฯ อิโต สา ทกฺขิณา ทิสาติ เยน ทิสาภาเคน เต เปตา จ ปิสุณาทิกา จ นีหริยนฺตูติ วุจฺจนฺติ, อิโต สา ทกฺขิณา ทิสาฯ อิโตติ สิเนรุโต วา เตสํ นิสินฺนฎฺฐานโต วาฯ กุมฺภณฺฑานนฺติ เต กิร เทวา มโหทรา โหนฺติ, รหสฺสงฺคมฺปิ จ เนสํ กุโมฺภ วิย มหนฺตํ โหติฯ ตสฺมา กุมฺภณฺฑาติ วุจฺจนฺติฯ
279.Yenapetā pavuccantīti petā nāma kālaṅkatā, te yena disābhāgena nīhariyantūti vuccanti. Pisuṇā piṭṭhimaṃsikāti pisuṇāvācā ceva piṭṭhimaṃsaṃ khādantā viya parammukhā garahakā ca. Ete ca yena nīhariyantūti vuccanti, sabbepi hete dakkhiṇadvārena nīharitvā dakkhiṇato nagarassa ḍayhantu vā chijjantu vā haññantu vāti evaṃ vuccanti. Ito sā dakkhiṇā disāti yena disābhāgena te petā ca pisuṇādikā ca nīhariyantūti vuccanti, ito sā dakkhiṇā disā. Itoti sineruto vā tesaṃ nisinnaṭṭhānato vā. Kumbhaṇḍānanti te kira devā mahodarā honti, rahassaṅgampi ca nesaṃ kumbho viya mahantaṃ hoti. Tasmā kumbhaṇḍāti vuccanti.
๒๘๐. ยตฺถ โจคฺคจฺฉติ สูริโยติ ยสฺมิํ ทิสาภาเค สูริโย อตฺถํ คจฺฉติฯ
280.Yattha coggacchati sūriyoti yasmiṃ disābhāge sūriyo atthaṃ gacchati.
๒๘๑. เยนาติ เยน ทิสาภาเคนฯ มหาเนรูติ มหาสิเนรุ ปพฺพตราชาฯ สุทสฺสโนติ โสวณฺณมยตฺตา สุนฺทรทสฺสโนฯ สิเนรุสฺส หิ ปาจีนปสฺสํ รชตมยํ, ทกฺขิณปสฺสํ มณิมยํ , ปจฺฉิมปสฺสํ ผลิกมยํ, อุตฺตรปสฺสํ โสวณฺณมยํ, ตํ มนุญฺญทสฺสนํ โหติฯ ตสฺมา เยน ทิสาภาเคน สิเนรุ สุทสฺสโนติ อยเมตฺถโตฺถฯ มนุสฺสา ตตฺถ ชายนฺตีติ ตตฺถ อุตฺตรกุรุมฺหิ มนุสฺสา ชายนฺติฯ อมมาติ วตฺถาภรณปานโภชนาทีสุปิ มมตฺตวิรหิตาฯ อปริคฺคหาติ อิตฺถิปริคฺคเหน อปริคฺคหาฯ เตสํ กิร ‘‘อยํ มยฺหํ ภริยา’’ติ มมตฺตํ น โหติ, มาตรํ วา ภคินิํ วา ทิสฺวา ฉนฺทราโค นุปฺปชฺชติฯ
281.Yenāti yena disābhāgena. Mahānerūti mahāsineru pabbatarājā. Sudassanoti sovaṇṇamayattā sundaradassano. Sinerussa hi pācīnapassaṃ rajatamayaṃ, dakkhiṇapassaṃ maṇimayaṃ , pacchimapassaṃ phalikamayaṃ, uttarapassaṃ sovaṇṇamayaṃ, taṃ manuññadassanaṃ hoti. Tasmā yena disābhāgena sineru sudassanoti ayametthattho. Manussā tattha jāyantīti tattha uttarakurumhi manussā jāyanti. Amamāti vatthābharaṇapānabhojanādīsupi mamattavirahitā. Apariggahāti itthipariggahena apariggahā. Tesaṃ kira ‘‘ayaṃ mayhaṃ bhariyā’’ti mamattaṃ na hoti, mātaraṃ vā bhaginiṃ vā disvā chandarāgo nuppajjati.
นปิ นียนฺติ นงฺคลาติ นงฺคลานิปิ ตตฺถ ‘‘กสิกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ น เขตฺตํ นียนฺติฯ อกฎฺฐปากิมนฺติ อกเฎฺฐ ภูมิภาเค อรเญฺญ สยเมว ชาตํฯ ตณฺฑุลปฺผลนฺติ ตณฺฑุลาว ตสฺส ผลํ โหติฯ
Napi nīyanti naṅgalāti naṅgalānipi tattha ‘‘kasikammaṃ karissāmā’’ti na khettaṃ nīyanti. Akaṭṭhapākimanti akaṭṭhe bhūmibhāge araññe sayameva jātaṃ. Taṇḍulapphalanti taṇḍulāva tassa phalaṃ hoti.
ตุณฺฑิกีเร ปจิตฺวานาติ อุกฺขลิยํ อากิริตฺวา นิทฺธุมงฺคาเรน อคฺคินา ปจิตฺวาฯ ตตฺถ กิร โชติกปาสาณา นาม โหนฺติฯ อถ โข เต ตโย ปาสาเณ ฐเปตฺวา ตํ อุกฺขลิํ อาโรเปนฺติฯ ปาสาเณหิ เตโช สมุฎฺฐหิตฺวา ตํ ปจติฯ ตโต ภุญฺชนฺติ โภชนนฺติ ตโต อุกฺขลิโต โภชนเมว ภุญฺชนฺติ, อโญฺญ สูโป วา พฺยญฺชนํ วา น โหติ, ภุญฺชนฺตานํ จิตฺตานุกูโลเยวสฺส รโส โหติฯ เต ตํ ฐานํ สมฺปตฺตานํ เทนฺติเยว, มจฺฉริยจิตฺตํ นาม น โหติฯ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธาทโยปิ มหิทฺธิกา ตตฺถ คนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ คณฺหนฺติฯ
Tuṇḍikīre pacitvānāti ukkhaliyaṃ ākiritvā niddhumaṅgārena agginā pacitvā. Tattha kira jotikapāsāṇā nāma honti. Atha kho te tayo pāsāṇe ṭhapetvā taṃ ukkhaliṃ āropenti. Pāsāṇehi tejo samuṭṭhahitvā taṃ pacati. Tato bhuñjanti bhojananti tato ukkhalito bhojanameva bhuñjanti, añño sūpo vā byañjanaṃ vā na hoti, bhuñjantānaṃ cittānukūloyevassa raso hoti. Te taṃ ṭhānaṃ sampattānaṃ dentiyeva, macchariyacittaṃ nāma na hoti. Buddhapaccekabuddhādayopi mahiddhikā tattha gantvā piṇḍapātaṃ gaṇhanti.
คาวิํ เอกขุรํ กตฺวาติ คาวิํ คเหตฺวา เอกขุรํ วาหนเมว กตฺวาฯ ตํ อภิรุยฺห เวสฺสวณสฺส ปริจารกา ยกฺขาฯ อนุยนฺติ ทิโสทิสนฺติ ตาย ตาย ทิสาย จรนฺติฯ ปสุํ เอกขุรํ กตฺวาติ ฐเปตฺวา คาวิํ อวเสสจตุปฺปทชาติกํ ปสุํ เอกขุรํ วาหนเมว กตฺวา ทิโสทิสํ อนุยนฺติฯ
Gāviṃekakhuraṃ katvāti gāviṃ gahetvā ekakhuraṃ vāhanameva katvā. Taṃ abhiruyha vessavaṇassa paricārakā yakkhā. Anuyanti disodisanti tāya tāya disāya caranti. Pasuṃ ekakhuraṃ katvāti ṭhapetvā gāviṃ avasesacatuppadajātikaṃ pasuṃ ekakhuraṃ vāhanameva katvā disodisaṃ anuyanti.
อิตฺถิํ วา วาหนํ กตฺวาติ เยภุเยฺยน คพฺภินิํ มาตุคามํ วาหนํ กริตฺวาฯ ตสฺสา ปิฎฺฐิยา นิสีทิตฺวา จรนฺติฯ ตสฺสา กิร ปิฎฺฐิ โอนมิตุํ สหติฯ อิตรา ปน อิตฺถิโย ยาเน โยเชนฺติฯ ปุริสํ วาหนํ กตฺวาติ ปุริเส คเหตฺวา ยาเน โยเชนฺติฯ คณฺหนฺตา จ สมฺมาทิฎฺฐิเก คเหตุํ น สโกฺกนฺติฯ เยภุเยฺยน ปจฺจนฺติมมิลกฺขุวาสิเก คณฺหนฺติฯ อญฺญตโร กิเรตฺถ ชานปโท เอกสฺส เถรสฺส สมีเป นิสีทิตฺวา นิทฺทายติ, เถโร ‘‘อุปาสก อติวิย นิทฺทายสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อชฺช, ภเนฺต, สพฺพรตฺติํ เวสฺสวณทาเสหิ กิลมิโตมฺหี’’ติ อาหฯ
Itthiṃ vā vāhanaṃ katvāti yebhuyyena gabbhiniṃ mātugāmaṃ vāhanaṃ karitvā. Tassā piṭṭhiyā nisīditvā caranti. Tassā kira piṭṭhi onamituṃ sahati. Itarā pana itthiyo yāne yojenti. Purisaṃ vāhanaṃ katvāti purise gahetvā yāne yojenti. Gaṇhantā ca sammādiṭṭhike gahetuṃ na sakkonti. Yebhuyyena paccantimamilakkhuvāsike gaṇhanti. Aññataro kirettha jānapado ekassa therassa samīpe nisīditvā niddāyati, thero ‘‘upāsaka ativiya niddāyasī’’ti pucchi. ‘‘Ajja, bhante, sabbarattiṃ vessavaṇadāsehi kilamitomhī’’ti āha.
กุมาริํ วาหนํ กตฺวาติ กุมาริโย คเหตฺวา เอกขุรํ วาหนํ กตฺวา รเถ โยเชนฺติฯ กุมารวาหเนปิ เอเสว นโยฯ ปจารา ตสฺส ราชิโนติ ตสฺส รโญฺญ ปริจาริกาฯ หตฺถิยานํ อสฺสยานนฺติ น เกวลํ โคยานาทีนิเยว, หตฺถิอสฺสยานาทีนิปิ อภิรุหิตฺวา วิจรนฺติฯ ทิพฺพํ ยานนฺติ อญฺญมฺปิ เนสํ พหุวิธํ ทิพฺพยานํ อุปฎฺฐิตเมว โหติ, เอตานิ ตาว เนสํ อุปกปฺปนยานานิฯ เต ปน ปาสาเท วรสยนมฺหิ นิปนฺนาปิ ปีฐสิวิกาทีสุ จ นิสินฺนาปิ วิจรนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปาสาทา สิวิกา เจวา’’ติฯ มหาราชสฺส ยสสฺสิโนติ เอวํ อานุภาวสมฺปนฺนสฺส ยสสฺสิโน มหาราชสฺส เอตานิ ยานานิ นิพฺพตฺตนฺติฯ
Kumāriṃ vāhanaṃ katvāti kumāriyo gahetvā ekakhuraṃ vāhanaṃ katvā rathe yojenti. Kumāravāhanepi eseva nayo. Pacārā tassa rājinoti tassa rañño paricārikā. Hatthiyānaṃ assayānanti na kevalaṃ goyānādīniyeva, hatthiassayānādīnipi abhiruhitvā vicaranti. Dibbaṃ yānanti aññampi nesaṃ bahuvidhaṃ dibbayānaṃ upaṭṭhitameva hoti, etāni tāva nesaṃ upakappanayānāni. Te pana pāsāde varasayanamhi nipannāpi pīṭhasivikādīsu ca nisinnāpi vicaranti. Tena vuttaṃ ‘‘pāsādā sivikā cevā’’ti. Mahārājassa yasassinoti evaṃ ānubhāvasampannassa yasassino mahārājassa etāni yānāni nibbattanti.
ตสฺส จ นครา อหุ อนฺตลิเกฺข สุมาปิตาติ ตสฺส รโญฺญ อากาเส สุฎฺฐุ มาปิตา เอเต อาฎานาฎาทิกา นครา อเหสุํ, นครานิ ภวิํสูติ อโตฺถฯ เอกญฺหิสฺส นครํ อาฎานาฎา นาม อาสิ, เอกํ กุสินาฎา นาม, เอกํ ปรกุสินาฎา นาม, เอกํ นาฎสูริยา นาม, เอกํ ปรกุสิฎนาฎา นามฯ
Tassaca nagarā ahu antalikkhe sumāpitāti tassa rañño ākāse suṭṭhu māpitā ete āṭānāṭādikā nagarā ahesuṃ, nagarāni bhaviṃsūti attho. Ekañhissa nagaraṃ āṭānāṭā nāma āsi, ekaṃ kusināṭā nāma, ekaṃ parakusināṭā nāma, ekaṃ nāṭasūriyā nāma, ekaṃ parakusiṭanāṭā nāma.
อุตฺตเรน กสิวโนฺตติ ตสฺมิํ ฐตฺวา อุชุํ อุตฺตรทิสาย กสิวโนฺต นาม อญฺญํ นครํฯ ชโนฆมปเรน จาติ เอตสฺส อปรภาเค ชโนฆํ นาม อญฺญํ นครํฯ นวนวติโยติ อญฺญมฺปิ นวนวติโย นาม เอกํ นครํฯ อปรํ อมฺพรอมฺพรวติโย นามฯ อาฬกมนฺทาติ อปรมฺปิ อาฬกมนฺทา นาม ราชธานีฯ
Uttarena kasivantoti tasmiṃ ṭhatvā ujuṃ uttaradisāya kasivanto nāma aññaṃ nagaraṃ. Janoghamaparena cāti etassa aparabhāge janoghaṃ nāma aññaṃ nagaraṃ. Navanavatiyoti aññampi navanavatiyo nāma ekaṃ nagaraṃ. Aparaṃ ambaraambaravatiyo nāma. Āḷakamandāti aparampi āḷakamandā nāma rājadhānī.
ตสฺมา กุเวโร มหาราชาติ อยํ กิร อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ กุเวโร นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา อุจฺฉุวปฺปํ กาเรตฺวา สตฺต ยนฺตานิ โยเชสิฯ เอกิสฺสาย ยนฺตสาลาย อุฎฺฐิตํ อายํ อาคตาคตสฺส มหาชนสฺส ทตฺวา ปุญฺญํ อกาสิฯ อวเสสสาลาหิ ตเตฺถว พหุตโร อาโย อุฎฺฐาสิ, โส เตน ปสีทิตฺวา อวเสสสาลาสุปิ อุปฺปชฺชนกํ คเหตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ทานํ อทาสิฯ โส กาลํ กตฺวา จาตุมหาราชิเกสุ กุเวโร นาม เทวปุโตฺต ชาโตฯ อปรภาเค วิสาณาย ราชธานิยา รชฺชํ กาเรสิฯ ตโต ปฎฺฐาย เวสฺสวโณติ วุจฺจติฯ
Tasmākuvero mahārājāti ayaṃ kira anuppanne buddhe kuvero nāma brāhmaṇo hutvā ucchuvappaṃ kāretvā satta yantāni yojesi. Ekissāya yantasālāya uṭṭhitaṃ āyaṃ āgatāgatassa mahājanassa datvā puññaṃ akāsi. Avasesasālāhi tattheva bahutaro āyo uṭṭhāsi, so tena pasīditvā avasesasālāsupi uppajjanakaṃ gahetvā vīsati vassasahassāni dānaṃ adāsi. So kālaṃ katvā cātumahārājikesu kuvero nāma devaputto jāto. Aparabhāge visāṇāya rājadhāniyā rajjaṃ kāresi. Tato paṭṭhāya vessavaṇoti vuccati.
ปเจฺจสโนฺต ปกาเสนฺตีติ ปฎิเอสโนฺต วิสุํ วิสุํ อเตฺถ อุปปริกฺขมานา อนุสาสมานา อเญฺญ ทฺวาทส ยกฺขรฎฺฐิกา ปกาเสนฺติฯ เต กิร ยกฺขรฎฺฐิกา สาสนํ คเหตฺวา ทฺวาทสนฺนํ ยกฺขโทวาริกานํ นิเวเทนฺติฯ ยกฺขโทวาริกา ตํ สาสนํ มหาราชสฺส นิเวเทนฺติฯ อิทานิ เตสํ ยกฺขรฎฺฐิกานํ นามํ ทเสฺสโนฺต ตโตลาติอาทิมาหฯ เตสุ กิร เอโก ตโตลา นาม, เอโก ตตฺตลา นาม, เอโก ตโตตลา นาม, เอโก โอชสิ นาม, เอโก เตชสิ นาม, เอโก ตโตชสี นามฯ สูโร ราชาติ เอโก สูโร นาม, เอโก ราชา นาม, เอโก สูโรราชา นาม, อริโฎฺฐ เนมีติ เอโก อริโฎฺฐ นาม, เอโก เนมิ นาม, เอโก อริฎฺฐเนมิ นามฯ
Paccesanto pakāsentīti paṭiesanto visuṃ visuṃ atthe upaparikkhamānā anusāsamānā aññe dvādasa yakkharaṭṭhikā pakāsenti. Te kira yakkharaṭṭhikā sāsanaṃ gahetvā dvādasannaṃ yakkhadovārikānaṃ nivedenti. Yakkhadovārikā taṃ sāsanaṃ mahārājassa nivedenti. Idāni tesaṃ yakkharaṭṭhikānaṃ nāmaṃ dassento tatolātiādimāha. Tesu kira eko tatolā nāma, eko tattalā nāma, eko tatotalā nāma, eko ojasi nāma, eko tejasi nāma, eko tatojasī nāma. Sūro rājāti eko sūro nāma, eko rājā nāma, eko sūrorājā nāma, ariṭṭho nemīti eko ariṭṭho nāma, eko nemi nāma, eko ariṭṭhanemi nāma.
รหโทปิ ตตฺถ ธรณี นามาติ ตตฺถ ปเนโก นาเมน ธรณี นาม อุทกรหโท อตฺถิ, ปณฺณาสโยชนา มหาโปกฺขรณี อตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ ยโต เมฆา ปวสฺสนฺตีติ ยโต โปกฺขรณิโต อุทกํ คเหตฺวา เมฆา ปวสฺสนฺติฯ วสฺสา ยโต ปตายนฺตีติ ยโต วุฎฺฐิโย อวตฺถรมานา นิคจฺฉนฺติฯ เมเฆสุ กิร อุฎฺฐิเตสุ ตโต โปกฺขรณิโต ปุราณอุทกํ ภสฺสติฯ อุปริ เมโฆ อุฎฺฐหิตฺวา ตํ โปกฺขรณิํ นโวทเกน ปูเรติฯ ปุราโณทกํ เหฎฺฐิมํ หุตฺวา นิกฺขมติฯ ปริปุณฺณาย โปกฺขรณิยา วลาหกา วิคจฺฉนฺติฯ สภาปีติ สภาฯ ตสฺสา กิร โปกฺขรณิยา ตีเร สาลวติยา นาม ลตาย ปริกฺขิโตฺต ทฺวาทสโยชนิโก รตนมณฺฑโป อตฺถิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ
Rahadopitattha dharaṇī nāmāti tattha paneko nāmena dharaṇī nāma udakarahado atthi, paṇṇāsayojanā mahāpokkharaṇī atthīti vuttaṃ hoti. Yato meghā pavassantīti yato pokkharaṇito udakaṃ gahetvā meghā pavassanti. Vassā yato patāyantīti yato vuṭṭhiyo avattharamānā nigacchanti. Meghesu kira uṭṭhitesu tato pokkharaṇito purāṇaudakaṃ bhassati. Upari megho uṭṭhahitvā taṃ pokkharaṇiṃ navodakena pūreti. Purāṇodakaṃ heṭṭhimaṃ hutvā nikkhamati. Paripuṇṇāya pokkharaṇiyā valāhakā vigacchanti. Sabhāpīti sabhā. Tassā kira pokkharaṇiyā tīre sālavatiyā nāma latāya parikkhitto dvādasayojaniko ratanamaṇḍapo atthi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.
ปยิรุปาสนฺตีติ นิสีทนฺติฯ ตตฺถ นิจฺจผลา รุกฺขาติ ตสฺมิํ ฐาเน ตํ มณฺฑปํ ปริวาเรตฺวา สทา ผลิตา อมฺพชมฺพุอาทโย รุกฺขา นิจฺจปุปฺผิตา จ จมฺปกมาลาทโยติ ทเสฺสติฯ นานาทิชคณายุตาติ วิวิธปกฺขิสงฺฆสมากุลาฯ มยูรโกญฺจาภิรุทาติ มยูเรหิ โกญฺจสกุเณหิ จ อภิรุทา อุปคีตาฯ
Payirupāsantīti nisīdanti. Tattha niccaphalā rukkhāti tasmiṃ ṭhāne taṃ maṇḍapaṃ parivāretvā sadā phalitā ambajambuādayo rukkhā niccapupphitā ca campakamālādayoti dasseti. Nānādijagaṇāyutāti vividhapakkhisaṅghasamākulā. Mayūrakoñcābhirudāti mayūrehi koñcasakuṇehi ca abhirudā upagītā.
ชีวญฺชีวกสเทฺทตฺถาติ ‘‘ชีว ชีวา’’ติ เอวํ วิรวนฺตานํ ชีวญฺชีวกสกุณานมฺปิ เอตฺถ สโทฺท อตฺถิฯ โอฎฺฐวจิตฺตกาติ ‘‘อุเฎฺฐหิ, จิตฺต, อุเฎฺฐหิ จิตฺตา’’ติ เอวํ วสฺสมานา อุฎฺฐวจิตฺตกสกุณาปิ ตตฺถ วิจรนฺติฯ กุกฺกุฎกาติ วนกุกฺกุฎกาฯ กุฬีรกาติ สุวณฺณกกฺกฎกาฯ วเนติ ปทุมวเนฯ โปกฺขรสาตกาติ โปกฺขรสาตกา นาม สกุณาฯ
Jīvañjīvakasaddetthāti ‘‘jīva jīvā’’ti evaṃ viravantānaṃ jīvañjīvakasakuṇānampi ettha saddo atthi. Oṭṭhavacittakāti ‘‘uṭṭhehi, citta, uṭṭhehi cittā’’ti evaṃ vassamānā uṭṭhavacittakasakuṇāpi tattha vicaranti. Kukkuṭakāti vanakukkuṭakā. Kuḷīrakāti suvaṇṇakakkaṭakā. Vaneti padumavane. Pokkharasātakāti pokkharasātakā nāma sakuṇā.
สุกสาฬิกสเทฺทตฺถาติ สุกานญฺจ สาฬิกานญฺจ สโทฺท เอตฺถฯ ทณฺฑมาณวกานิ จาติ มนุสฺสมุขสกุณาฯ เต กิร ทฺวีหิ หเตฺถหิ สุวณฺณทณฺฑํ คเหตฺวา เอกํ โปกฺขรปตฺตํ อกฺกมิตฺวา อนนฺตเร โปกฺขรปเตฺต สุวณฺณทณฺฑํ นิกฺขิปนฺตา วิจรนฺติฯ โสภติ สพฺพกาลํ สาติ สา โปกฺขรณี สพฺพกาลํ โสภติฯ กุเวรนฬินีติ กุเวรสฺส นฬินี ปทุมสรภูตา, สา ธรณี นาม โปกฺขรณี สทา นิรนฺตรํ โสภติฯ
Sukasāḷikasaddetthāti sukānañca sāḷikānañca saddo ettha. Daṇḍamāṇavakāni cāti manussamukhasakuṇā. Te kira dvīhi hatthehi suvaṇṇadaṇḍaṃ gahetvā ekaṃ pokkharapattaṃ akkamitvā anantare pokkharapatte suvaṇṇadaṇḍaṃ nikkhipantā vicaranti. Sobhati sabbakālaṃ sāti sā pokkharaṇī sabbakālaṃ sobhati. Kuveranaḷinīti kuverassa naḷinī padumasarabhūtā, sā dharaṇī nāma pokkharaṇī sadā nirantaraṃ sobhati.
๒๘๒. ยสฺส กสฺสจีติ อิทํ เวสฺสวโณ อาฎานาฎิยํ รกฺขํ นิฎฺฐเปตฺวา ตสฺสา ปริกมฺมํ ทเสฺสโนฺต อาหฯ ตตฺถ สุคฺคหิตาติ อตฺถญฺจ พฺยญฺชนญฺจ ปริโสเธตฺวา สุฎฺฐุ อุคฺคหิตาฯ สมตฺตา ปริยาปุตาติ ปทพฺยญฺชนานิ อหาเปตฺวา ปริปุณฺณํ อุคฺคหิตาฯ อตฺถมฺปิ ปาฬิมฺปิ วิสํวาเทตฺวา สพฺพโส วา ปน อปฺปคุณํ กตฺวา ภณนฺตสฺส หิ ปริตฺตํ เตชวนฺตํ น โหติ, สพฺพโส ปคุณํ กตฺวา ภณนฺตเสฺสว เตชวนฺตํ โหติฯ ลาภเหตุ อุคฺคเหตฺวา ภณนฺตสฺสาปิ อตฺถํ น สาเธติ, นิสฺสรณปเกฺข ฐตฺวา เมตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ภณนฺตเสฺสว อตฺถาย โหตีติ ทเสฺสติฯ ยกฺขปจาโรติ ยกฺขปริจารโกฯ
282.Yassa kassacīti idaṃ vessavaṇo āṭānāṭiyaṃ rakkhaṃ niṭṭhapetvā tassā parikammaṃ dassento āha. Tattha suggahitāti atthañca byañjanañca parisodhetvā suṭṭhu uggahitā. Samattā pariyāputāti padabyañjanāni ahāpetvā paripuṇṇaṃ uggahitā. Atthampi pāḷimpi visaṃvādetvā sabbaso vā pana appaguṇaṃ katvā bhaṇantassa hi parittaṃ tejavantaṃ na hoti, sabbaso paguṇaṃ katvā bhaṇantasseva tejavantaṃ hoti. Lābhahetu uggahetvā bhaṇantassāpi atthaṃ na sādheti, nissaraṇapakkhe ṭhatvā mettaṃ purecārikaṃ katvā bhaṇantasseva atthāya hotīti dasseti. Yakkhapacāroti yakkhaparicārako.
วตฺถุํ วาติ ฆรวตฺถุํ วาฯ วาสํ วาติ ตตฺถ นิพทฺธวาสํ วาฯ สมิตินฺติ สมาคมํฯ อนาวยฺหนฺติ น อาวาหยุตฺตํฯ อวิวยฺหนฺติ น วิวาหยุตฺตํฯ เตน สห อาวาหวิวาหํ น กเรยฺยุนฺติ อโตฺถฯ อตฺตาหิปิ ปริปุณฺณาหีติ ‘‘กฬารกฺขิ กฬารทนฺตา’’ติ เอวํ เอเตสํ อตฺตภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตาหิ ปริปุณฺณพฺยญฺชนาหิ ปริภาสาหิ ปริภาเสยฺยุํ ยกฺขอโกฺกเสหิ นาม อโกฺกเสยฺยุนฺติ อโตฺถฯ ริตฺตมฺปิสฺส ปตฺตนฺติ ภิกฺขูนํ ปตฺตสทิสเมว โลหปตฺตํ โหติฯ ตํ สีเส นิกฺกุชฺชิตํ ยาว คลวาฎกา ภสฺสติฯ อถ นํ มเชฺฌ อโยขีเลน อาโกเฎนฺติฯ
Vatthuṃ vāti gharavatthuṃ vā. Vāsaṃ vāti tattha nibaddhavāsaṃ vā. Samitinti samāgamaṃ. Anāvayhanti na āvāhayuttaṃ. Avivayhanti na vivāhayuttaṃ. Tena saha āvāhavivāhaṃ na kareyyunti attho. Attāhipi paripuṇṇāhīti ‘‘kaḷārakkhi kaḷāradantā’’ti evaṃ etesaṃ attabhāvaṃ upanetvā vuttāhi paripuṇṇabyañjanāhi paribhāsāhi paribhāseyyuṃ yakkhaakkosehi nāma akkoseyyunti attho. Rittampissa pattanti bhikkhūnaṃ pattasadisameva lohapattaṃ hoti. Taṃ sīse nikkujjitaṃ yāva galavāṭakā bhassati. Atha naṃ majjhe ayokhīlena ākoṭenti.
จณฺฑาติ โกธนาฯ รุทฺธาติ วิรุทฺธาฯ รภสาติ กรณุตฺตริยาฯ เนว มหาราชานํ อาทิยนฺตีติ วจนํ น คณฺหนฺติ, อาณํ น กโรนฺติฯ มหาราชานํ ปุริสกานนฺติ อฎฺฐวีสติยกฺขเสนาปตีนํฯ ปุริสกานนฺติ ยกฺขเสนาปตีนํ เย มนสฺสา เตสํฯ อวรุทฺธา นามาติ ปจฺจามิตฺตา เวริโนฯ อุชฺฌาเปตพฺพนฺติ ปริตฺตํ วตฺวา อมนุเสฺส ปฎิกฺกมาเปตุํ อสโกฺกเนฺตน เอเตสํ ยกฺขานํ อุชฺฌาเปตพฺพํ, เอเต ชานาเปตพฺพาติ อโตฺถฯ
Caṇḍāti kodhanā. Ruddhāti viruddhā. Rabhasāti karaṇuttariyā. Neva mahārājānaṃ ādiyantīti vacanaṃ na gaṇhanti, āṇaṃ na karonti. Mahārājānaṃ purisakānanti aṭṭhavīsatiyakkhasenāpatīnaṃ. Purisakānanti yakkhasenāpatīnaṃ ye manassā tesaṃ. Avaruddhā nāmāti paccāmittā verino. Ujjhāpetabbanti parittaṃ vatvā amanusse paṭikkamāpetuṃ asakkontena etesaṃ yakkhānaṃ ujjhāpetabbaṃ, ete jānāpetabbāti attho.
ปริตฺตปริกมฺมกถา
Parittaparikammakathā
อิธ ปน ฐตฺวา ปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ กเถตพฺพํฯ ปฐมเมว หิ อาฎานาฎิยสุตฺตํ น ภณิตพฺพํ, เมตฺตสุตฺตํ ธชคฺคสุตฺตํ รตนสุตฺตนฺติ อิมานิ สตฺตาหํ ภณิตพฺพานิฯ สเจ มุญฺจติ, สุนฺทรํฯ โน เจ มุญฺจติ, อาฎานาฎิยสุตฺตํ ภณิตพฺพํ, ตํ ภณเนฺตน ภิกฺขุนา ปิฎฺฐํ วา มํสํ วา น ขาทิตพฺพํ, สุสาเน น วสิตพฺพํฯ กสฺมา? อมนุสฺสา โอกาสํ ลภนฺติฯ ปริตฺตกรณฎฺฐานํ หริตุปลิตฺตํ กาเรตฺวา ตตฺถ ปริสุทฺธํ อาสนํ ปญฺญเปตฺวา นิสีทิตพฺพํฯ
Idha pana ṭhatvā parittassa parikammaṃ kathetabbaṃ. Paṭhamameva hi āṭānāṭiyasuttaṃ na bhaṇitabbaṃ, mettasuttaṃ dhajaggasuttaṃ ratanasuttanti imāni sattāhaṃ bhaṇitabbāni. Sace muñcati, sundaraṃ. No ce muñcati, āṭānāṭiyasuttaṃ bhaṇitabbaṃ, taṃ bhaṇantena bhikkhunā piṭṭhaṃ vā maṃsaṃ vā na khāditabbaṃ, susāne na vasitabbaṃ. Kasmā? Amanussā okāsaṃ labhanti. Parittakaraṇaṭṭhānaṃ haritupalittaṃ kāretvā tattha parisuddhaṃ āsanaṃ paññapetvā nisīditabbaṃ.
ปริตฺตการโก ภิกฺขุ วิหารโต ฆรํ เนเนฺตหิ ผลกาวุเธหิ ปริวาเรตฺวา เนตโพฺพฯ อโพฺภกาเส นิสีทิตฺวา น วตฺตพฺพํ, ทฺวารวาตปานานิ ปิทหิตฺวา นิสิเนฺนน อาวุธหเตฺถหิ สํปริวาริเตน เมตฺตจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา วตฺตพฺพํฯ ปฐมํ สิกฺขาปทานิ คาหาเปตฺวา สีเล ปติฎฺฐิตสฺส ปริตฺตํ กาตพฺพํฯ เอวมฺปิ โมเจตุํ อสโกฺกเนฺตน วิหารํ อาเนตฺวา เจติยงฺคเณ นิปชฺชาเปตฺวา อาสนปูชํ กาเรตฺวา ทีเป ชาลาเปตฺวา เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา มงฺคลกถา วตฺตพฺพาฯ สพฺพสนฺนิปาโต โฆเสตโพฺพฯ วิหารสฺส อุปวเน เชฎฺฐกรุโกฺข นาม โหติ, ตตฺถ ภิกฺขุสโงฺฆ ตุมฺหากํ อาคมนํ ปฎิมาเนตีติ ปหิณิตพฺพํฯ สพฺพสนฺนิปาตฎฺฐาเน อนาคนฺตุํ นาม น ลพฺภติฯ ตโต อมนุสฺสคหิตโก ‘‘ตฺวํ โก นามา’’ติ ปุจฺฉิตโพฺพฯ นาเม กถิเต นาเมเนว อาลปิตโพฺพฯ อิตฺถนฺนาม ตุยฺหํ มาลาคนฺธาทีสุ ปตฺติ อาสนปูชาย ปตฺติ ปิณฺฑปาเต ปตฺติ, ภิกฺขุสเงฺฆน ตุยฺหํ ปณฺณาการตฺถาย มหามงฺคลกถา วุตฺตา, ภิกฺขุสเงฺฆ คารเวน เอตํ มุญฺจาหีติ โมเจตโพฺพฯ สเจ น มุญฺจติ, เทวตานํ อาโรเจตพฺพํ ‘‘ตุเมฺห ชานาถ, อยํ อมนุโสฺส อมฺหากํ วจนํ น กโรติ, มยํ พุทฺธอาณํ กริสฺสามา’’ติ ปริตฺตํ กาตพฺพํฯ เอตํ ตาว คิหีนํ ปริกมฺมํฯ สเจ ปน ภิกฺขุ อมนุเสฺสน คหิโต โหติ, อาสนานิ โธวิตฺวา สพฺพสนฺนิปาตํ โฆสาเปตฺวา คนฺธมาลาทีสุ ปตฺติํ ทตฺวา ปริตฺตํ ภณิตพฺพํฯ อิทํ ภิกฺขูนํ ปริกมฺมํฯ
Parittakārako bhikkhu vihārato gharaṃ nentehi phalakāvudhehi parivāretvā netabbo. Abbhokāse nisīditvā na vattabbaṃ, dvāravātapānāni pidahitvā nisinnena āvudhahatthehi saṃparivāritena mettacittaṃ purecārikaṃ katvā vattabbaṃ. Paṭhamaṃ sikkhāpadāni gāhāpetvā sīle patiṭṭhitassa parittaṃ kātabbaṃ. Evampi mocetuṃ asakkontena vihāraṃ ānetvā cetiyaṅgaṇe nipajjāpetvā āsanapūjaṃ kāretvā dīpe jālāpetvā cetiyaṅgaṇaṃ sammajjitvā maṅgalakathā vattabbā. Sabbasannipāto ghosetabbo. Vihārassa upavane jeṭṭhakarukkho nāma hoti, tattha bhikkhusaṅgho tumhākaṃ āgamanaṃ paṭimānetīti pahiṇitabbaṃ. Sabbasannipātaṭṭhāne anāgantuṃ nāma na labbhati. Tato amanussagahitako ‘‘tvaṃ ko nāmā’’ti pucchitabbo. Nāme kathite nāmeneva ālapitabbo. Itthannāma tuyhaṃ mālāgandhādīsu patti āsanapūjāya patti piṇḍapāte patti, bhikkhusaṅghena tuyhaṃ paṇṇākāratthāya mahāmaṅgalakathā vuttā, bhikkhusaṅghe gāravena etaṃ muñcāhīti mocetabbo. Sace na muñcati, devatānaṃ ārocetabbaṃ ‘‘tumhe jānātha, ayaṃ amanusso amhākaṃ vacanaṃ na karoti, mayaṃ buddhaāṇaṃ karissāmā’’ti parittaṃ kātabbaṃ. Etaṃ tāva gihīnaṃ parikammaṃ. Sace pana bhikkhu amanussena gahito hoti, āsanāni dhovitvā sabbasannipātaṃ ghosāpetvā gandhamālādīsu pattiṃ datvā parittaṃ bhaṇitabbaṃ. Idaṃ bhikkhūnaṃ parikammaṃ.
วิกฺกนฺทิตพฺพนฺติ สพฺพสนฺนิปาตํ โฆสาเปตฺวา อฎฺฐวีสติ ยกฺขเสนาปตโย กนฺทิตพฺพาฯ วิรวิตพฺพนฺติ ‘‘อยํ ยโกฺข คณฺหาตี’’ติอาทีนิ ภณเนฺตน เตหิ สทฺธิํ กเถตพฺพํฯ ตตฺถ คณฺหาตีติ สรีเร อธิมุจฺจติฯ อาวิสตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ อถ วา ลคฺคติ น อเปตีติ วุตฺตํ โหติฯ เหเฐตีติ อุปฺปนฺนํ โรคํ วเฑฺฒโนฺต พาธติฯ วิเหเฐตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ หิํสตีติ อปฺปมํสโลหิตํ กโรโนฺต ทุกฺขาเปติฯ วิหิํสตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ น มุญฺจตีติ อปฺปมาทคาโห หุตฺวา มุญฺจิตุํ น อิจฺฉติ, เอวํ เอเตสํ วิรวิตพฺพํฯ
Vikkanditabbanti sabbasannipātaṃ ghosāpetvā aṭṭhavīsati yakkhasenāpatayo kanditabbā. Viravitabbanti ‘‘ayaṃ yakkho gaṇhātī’’tiādīni bhaṇantena tehi saddhiṃ kathetabbaṃ. Tattha gaṇhātīti sarīre adhimuccati. Āvisatīti tasseva vevacanaṃ. Atha vā laggati na apetīti vuttaṃ hoti. Heṭhetīti uppannaṃ rogaṃ vaḍḍhento bādhati. Viheṭhetīti tasseva vevacanaṃ. Hiṃsatīti appamaṃsalohitaṃ karonto dukkhāpeti. Vihiṃsatīti tasseva vevacanaṃ. Na muñcatīti appamādagāho hutvā muñcituṃ na icchati, evaṃ etesaṃ viravitabbaṃ.
๒๘๓. อิทานิ เยสํ เอวํ วิรวิตพฺพํ, เต ทเสฺสตุํ กตเมสํ ยกฺขานนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิโนฺท โสโมติอาทีนิ เตสํ นามานิฯ เตสุ เวสฺสามิโตฺตติ เวสฺสามิตฺตปพฺพตวาสี เอโก ยโกฺขฯ ยุคนฺธโรปิ ยุคนฺธรปพฺพตวาสีเยวฯ หิริ เนตฺติ จ มนฺทิโยติ หิริ จ เนตฺติ จ มนฺทิโย จฯ มณิ มาณิ วโร ทีโฆติ มณิ จ มาณิ จ วโร จ ทีโฆ จฯ อโถ เสรีสโก สหาติ เตหิ สห อโญฺญ เสรีสโก นามฯ ‘‘อิเมสํ ยกฺขานํ…เป.… อุชฺฌาเปตพฺพ’’นฺติ อยํ ยโกฺข อิมํ เหเฐติ วิเหเฐติ น มุญฺจตีติ เอวํ เอเตสํ ยกฺขเสนาปตีนํ อาโรเจตพฺพํฯ ตโต เต ภิกฺขุสโงฺฆ อตฺตโน ธมฺมอาณํ กโรติ, มยมฺปิ อมฺหากํ ยกฺขราชอาณํ กโรมาติ อุสฺสุกฺกํ กริสฺสนฺติฯ เอวํ อมนุสฺสานํ โอกาโส น ภวิสฺสติ, พุทฺธสาวกานํ ผาสุวิหาโร จ ภวิสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อยํ โข สา, มาริส, อาฎานาฎิยา รกฺขา’’ติอาทิมาหฯ ตํ สพฺพํ, ตโต ปรญฺจ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
283. Idāni yesaṃ evaṃ viravitabbaṃ, te dassetuṃ katamesaṃ yakkhānantiādimāha. Tattha indo somotiādīni tesaṃ nāmāni. Tesu vessāmittoti vessāmittapabbatavāsī eko yakkho. Yugandharopi yugandharapabbatavāsīyeva. Hiri netti ca mandiyoti hiri ca netti ca mandiyo ca. Maṇi māṇi varo dīghoti maṇi ca māṇi ca varo ca dīgho ca. Atho serīsako sahāti tehi saha añño serīsako nāma. ‘‘Imesaṃ yakkhānaṃ…pe… ujjhāpetabba’’nti ayaṃ yakkho imaṃ heṭheti viheṭheti na muñcatīti evaṃ etesaṃ yakkhasenāpatīnaṃ ārocetabbaṃ. Tato te bhikkhusaṅgho attano dhammaāṇaṃ karoti, mayampi amhākaṃ yakkharājaāṇaṃ karomāti ussukkaṃ karissanti. Evaṃ amanussānaṃ okāso na bhavissati, buddhasāvakānaṃ phāsuvihāro ca bhavissatīti dassento ‘‘ayaṃ kho sā, mārisa, āṭānāṭiyā rakkhā’’tiādimāha. Taṃ sabbaṃ, tato parañca uttānatthamevāti.
สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย
Sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya
อาฎานาฎิยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āṭānāṭiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๙. อาฎานาฎิยสุตฺตํ • 9. Āṭānāṭiyasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๙. อาฎานาฎิยสุตฺตวณฺณนา • 9. Āṭānāṭiyasuttavaṇṇanā