Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๙. อาฎานาฎิยสุตฺตวณฺณนา
9. Āṭānāṭiyasuttavaṇṇanā
ปฐมภาณวารวณฺณนา
Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā
๒๗๕. ‘‘จตุทฺทิสํ รกฺขํ ฐเปตฺวา’’ติ อิทํ ทฺวีสุ ฐาเนสุ จตูสุ ทิสาสุ ฐปิตํ รกฺขํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ตทุภยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อสุรเสนายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อตฺตโน หิ อธิกาเร, อตฺตโน รกฺขาย จ อปฺปมชฺชเนน เตสํ อิทํ ทฺวีสุ ฐาเนสุ จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขฎฺฐปนํฯ ยญฺหิ ตํ อสุรเสนาย ปฎิเสธนตฺถํ เทวปุเร จตูสุ ทิสาสุ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อารกฺขฎฺฐปนํ, ตํ อตฺตโน อธิกาเร อปฺปมชฺชนํฯ ยํ ปน เนสํ ภควโต สนฺติกํ อุปสงฺกมเน จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขฎฺฐปนํ, ตํ อตฺตโน กตา รกฺขาย อปฺปมชฺชนํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อสุรเสนาย นิวารณตฺถ’’นฺติอาทิฯ ปาฬิยํ จตุทฺทิสนฺติ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนนฺติ ภุมฺมวเสน ตทตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตูสุ ทิสาสู’’ติ อาหฯ อารกฺขํ ฐเปตฺวาติ เวสฺสวณาทโย จตฺตาโร มหาราชาโน อตฺตนา อตฺตนา รกฺขิตพฺพทิสาสุ อารกฺขํ ฐเปตฺวา คุตฺติํ สมฺมเทว วิทหิตฺวาฯ พลคุมฺพํ ฐเปตฺวาติ ยกฺขเสนาทิเสนาพลสมูหํ ฐเปตฺวาฯ โอวรณํ ฐเปตฺวาติ ปฎิปกฺขนิเสธนสมตฺถํ อาวรณํ ฐเปตฺวาฯ อิติ ตีหิ ปเทหิ ยถากฺกมํ ปเจฺจกํ เทวนครทฺวารสฺส อโนฺต, ทฺวารสมีเป, ทฺวารโต พหิ, ทิสารกฺขาวสโนติ ติวิธาย รกฺขาย ฐปิตภาโว วา ทีปิโตฯ เตนาห ‘‘เอวํ สกฺกสฺส…เป.… กตฺวา’’ติฯ สตฺต พุเทฺธ อารพฺภาติ เอตฺถ สเตฺตว พุเทฺธ อารพฺภ ปริพนฺธนการณํ มหาปทานฎีกายํ (ที. นิ. ฎี. ๒.๑๒) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ธมฺมอาณนฺติ ธมฺมมยํ อาณํ, สตฺถุ ธมฺมจกฺกนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ปริสโต พาหิรภาโว, อสโมฺภโค’’ติ เอวมาทิํ อิทญฺจิทญฺจ วิวชฺชนกรณํ กริสฺสามาติฯ สาวนนฺติ จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ ติกฺขตฺตุํ ปริวาเรน อนุสาวนํ, ยถา สโกฺก เทวานมิโนฺท อสุรเสนาย นิวารณตฺถํ จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขํ ฐปาเปติ, เอวํ มหาราชาโนปิ ตาทิเส กิจฺจวิเสเส อตฺตโน อารกฺขํ ฐเปนฺติฯ อิเมสมฺปิ หิ ตโต สาสงฺกํ สปฺปฎิภยนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโนปี’’ติอาทิฯ
275. ‘‘Catuddisaṃ rakkhaṃ ṭhapetvā’’ti idaṃ dvīsu ṭhānesu catūsu disāsu ṭhapitaṃ rakkhaṃ sandhāya vuttanti tadubhayaṃ dassetuṃ ‘‘asurasenāyā’’tiādi vuttaṃ. Attano hi adhikāre, attano rakkhāya ca appamajjanena tesaṃ idaṃ dvīsu ṭhānesu catūsu disāsu ārakkhaṭṭhapanaṃ. Yañhi taṃ asurasenāya paṭisedhanatthaṃ devapure catūsu disāsu sakkassa devānamindassa ārakkhaṭṭhapanaṃ, taṃ attano adhikāre appamajjanaṃ. Yaṃ pana nesaṃ bhagavato santikaṃ upasaṅkamane catūsu disāsu ārakkhaṭṭhapanaṃ, taṃ attano katā rakkhāya appamajjanaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘asurasenāya nivāraṇattha’’ntiādi. Pāḷiyaṃ catuddisanti bhummatthe upayogavacananti bhummavasena tadatthaṃ dassento ‘‘catūsu disāsū’’ti āha. Ārakkhaṃ ṭhapetvāti vessavaṇādayo cattāro mahārājāno attanā attanā rakkhitabbadisāsu ārakkhaṃ ṭhapetvā guttiṃ sammadeva vidahitvā. Balagumbaṃ ṭhapetvāti yakkhasenādisenābalasamūhaṃ ṭhapetvā. Ovaraṇaṃ ṭhapetvāti paṭipakkhanisedhanasamatthaṃ āvaraṇaṃ ṭhapetvā. Iti tīhi padehi yathākkamaṃ paccekaṃ devanagaradvārassa anto, dvārasamīpe, dvārato bahi, disārakkhāvasanoti tividhāya rakkhāya ṭhapitabhāvo vā dīpito. Tenāha ‘‘evaṃ sakkassa…pe… katvā’’ti. Satta buddhe ārabbhāti ettha satteva buddhe ārabbha paribandhanakāraṇaṃ mahāpadānaṭīkāyaṃ (dī. ni. ṭī. 2.12) vuttanayeneva veditabbaṃ. Dhammaāṇanti dhammamayaṃ āṇaṃ, satthu dhammacakkanti attho. ‘‘Parisato bāhirabhāvo, asambhogo’’ti evamādiṃ idañcidañca vivajjanakaraṇaṃ karissāmāti. Sāvananti catunnampi parisānaṃ tikkhattuṃ parivārena anusāvanaṃ, yathā sakko devānamindo asurasenāya nivāraṇatthaṃ catūsu disāsu ārakkhaṃ ṭhapāpeti, evaṃ mahārājānopi tādise kiccavisese attano ārakkhaṃ ṭhapenti. Imesampi hi tato sāsaṅkaṃ sappaṭibhayanti. Tena vuttaṃ ‘‘attanopī’’tiādi.
อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา, วิคตาติ อโตฺถติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติฯ เตเนว หิ ‘‘นิกฺขโนฺต ปฐโม ยาโม’’ติ อนนฺตรํ วุตฺตํฯ อภิกฺกนฺตตโรติ อติวิย กนฺตตโรฯ ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นาม โหตีติ อาห ‘‘สุนฺทเร ทิสฺสตี’’ติฯ
Abhikkantāti atikkantā, vigatāti atthoti āha ‘‘khaye dissatī’’ti. Teneva hi ‘‘nikkhanto paṭhamo yāmo’’ti anantaraṃ vuttaṃ. Abhikkantataroti ativiya kantataro. Tādiso ca sundaro bhaddako nāma hotīti āha ‘‘sundare dissatī’’ti.
โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก กตโมฯ เมติ มมฯ ปาทานีติ ปาเทฯ อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยาฯ ‘‘ยสสา’’ติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน, ปริเจฺฉเทน จฯ ชลนฺติ วิโชฺชตมาโนฯ อภิกฺกเนฺตนาติ อติวิย กเนฺตน กมนีเยน อภิรูเปนฯ วเณฺณนาติ สรีรวณฺณนิภายฯ สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ ทสปิ ทิสา ปภาเสโนฺต จโนฺท วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรโนฺตติ คาถาย อโตฺถฯ อภิรูเปติ อุฬารรูเป สมฺปนฺนรูเปฯ อพฺภนุโมทเนติ สมฺปหํสเนฯ อิธ ปนาติ ‘‘อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา’’ติ เอตสฺมิํ ปเทฯ เตนาติ ขยปริยายตฺตาฯ
Koti devanāgayakkhagandhabbādīsu ko katamo. Meti mama. Pādānīti pāde. Iddhiyāti imāya evarūpāya deviddhiyā. ‘‘Yasasā’’ti iminā edisena parivārena, paricchedena ca. Jalanti vijjotamāno. Abhikkantenāti ativiya kantena kamanīyena abhirūpena. Vaṇṇenāti sarīravaṇṇanibhāya. Sabbā obhāsayaṃ disāti dasapi disā pabhāsento cando viya, sūriyo viya ca ekobhāsaṃ ekālokaṃ karontoti gāthāya attho. Abhirūpeti uḷārarūpe sampannarūpe. Abbhanumodaneti sampahaṃsane. Idha panāti ‘‘abhikkantāya rattiyā’’ti etasmiṃ pade. Tenāti khayapariyāyattā.
รูปายตนาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน อกฺขราทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สุวณฺณวโณฺณติ สุวณฺณจฺฉวีติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘ฉวิย’’นฺติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘กญฺจนสนฺนิภตฺตโจ’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕; ๓.๒๐๐, ๒๑๘; ม. นิ. ๒.๓๘๖) สญฺญูฬฺหาติ สงฺคนฺถิตาฯ วณฺณาติ คุณวณฺณนาติ อาห ‘‘ถุติย’’นฺติ, โถมนายนฺติ อโตฺถฯ กุลวเคฺคติ ขตฺติยาทิกุลโกฎฺฐาเสฯ ตตฺถ ‘‘อโจฺฉ วิปฺปสโนฺน’’ติอาทินา วณฺณิตพฺพเฎฺฐน วโณฺณ, ฉวิฯ วณฺณนเฎฺฐน วโณฺณ, ถุติฯ อภิตฺถวนเฎฺฐน วโณฺณ, ถุติ, อญฺญมญฺญํ อสงฺกรโต วณฺณิตพฺพโต ฐเปตพฺพโต วโณฺณ, ขตฺติยาทิกุลวโคฺคฯ วณฺณียติ ญาปียติ เอเตนาติ วโณฺณ, ญาปกํ การณํฯ วณฺณนโต ถูลรสฺสาทิภาเวน อุปฎฺฐานโต วโณฺณ, สณฺฐานํฯ ‘‘มหนฺตํ ขุทฺทกํ, มชฺฌิม’’นฺติ วเณฺณตพฺพโต ปมาเณตพฺพโต วโณฺณ, ปมาณํฯ วณฺณียติ จกฺขุนา วิวรียตีติ วโณฺณ, รูปายตนนฺติ เอวํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อเตฺถ วณฺณ-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพาฯ โสติ วณฺณสโทฺทฯ ฉวิยํ ทฎฺฐโพฺพ รูปายตเน คยฺหมานสฺส ฉวิมุเขเนว คเหตพฺพโตฯ ‘‘ฉวิคตา ปน วณฺณธาตุ เอว สุวณฺณวโณฺณติ เอตฺถ วณฺณคฺคหเณน คหิตา’’ติ อปเรฯ
Rūpāyatanādīsūti ādi-saddena akkharādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Suvaṇṇavaṇṇoti suvaṇṇacchavīti ayamettha atthoti āha ‘‘chaviya’’nti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘kañcanasannibhattaco’’ti (dī. ni. 2.35; 3.200, 218; ma. ni. 2.386) saññūḷhāti saṅganthitā. Vaṇṇāti guṇavaṇṇanāti āha ‘‘thutiya’’nti, thomanāyanti attho. Kulavaggeti khattiyādikulakoṭṭhāse. Tattha ‘‘accho vippasanno’’tiādinā vaṇṇitabbaṭṭhena vaṇṇo, chavi. Vaṇṇanaṭṭhena vaṇṇo, thuti. Abhitthavanaṭṭhena vaṇṇo, thuti, aññamaññaṃ asaṅkarato vaṇṇitabbato ṭhapetabbato vaṇṇo, khattiyādikulavaggo. Vaṇṇīyati ñāpīyati etenāti vaṇṇo, ñāpakaṃ kāraṇaṃ. Vaṇṇanato thūlarassādibhāvena upaṭṭhānato vaṇṇo, saṇṭhānaṃ. ‘‘Mahantaṃ khuddakaṃ, majjhima’’nti vaṇṇetabbato pamāṇetabbato vaṇṇo, pamāṇaṃ. Vaṇṇīyati cakkhunā vivarīyatīti vaṇṇo, rūpāyatananti evaṃ tasmiṃ tasmiṃ atthe vaṇṇa-saddassa pavatti veditabbā. Soti vaṇṇasaddo. Chaviyaṃ daṭṭhabbo rūpāyatane gayhamānassa chavimukheneva gahetabbato. ‘‘Chavigatā pana vaṇṇadhātu eva suvaṇṇavaṇṇoti ettha vaṇṇaggahaṇena gahitā’’ti apare.
เกวลปริปุณฺณนฺติ เอกเทสมฺปิ อเสเสตฺวา นิรวเสสโตว ปริปุณฺณนฺติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘อนวเสสตา อโตฺถ’’ติฯ เกวลกปฺปาติ กปฺป-สโทฺท นิปาโต ปทปูรณมตฺตํ, เกวลํ อิเจฺจว อโตฺถ ฯ เกวล-สโทฺท พหุลวาจีติ อาห ‘‘เยภุยฺยตา อโตฺถ’’ติฯ เกจิ ปน ‘‘อีสกํ อสมตฺตา เกวลกปฺปา’’ติ วทนฺติฯ เอวํ สติ อนวเสสโตฺถ เอว เกวล-สทฺทโตฺถ สิยา, อนตฺถนฺตเรน ปน กปฺป-สเทฺทน ปทวฑฺฒนํ กตํ เกวลเมว เกวลกปฺปนฺติฯ อถ วา กปฺปนียตา, ปญฺญาเปตพฺพตา เกวลกปฺปาฯ อพฺยามิสฺสตา วิชาติเยน อสงฺกรา สุทฺธตาฯ อนติเรกตา ตํปรมตา วิเสสาภาโวฯ เกวลกปฺปนฺติ เกวลํ ทฬฺหํ กตฺวาติ อโตฺถฯ เกวลํ วุจฺจติ นิพฺพานํ สพฺพสงฺขตวิวิตฺตตฺตาฯ ตํ เอตสฺส อธิคตํ อตฺถีติ เกวลี, สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโวฯ
Kevalaparipuṇṇanti ekadesampi asesetvā niravasesatova paripuṇṇanti ayamettha atthoti āha ‘‘anavasesatā attho’’ti. Kevalakappāti kappa-saddo nipāto padapūraṇamattaṃ, kevalaṃ icceva attho . Kevala-saddo bahulavācīti āha ‘‘yebhuyyatā attho’’ti. Keci pana ‘‘īsakaṃ asamattā kevalakappā’’ti vadanti. Evaṃ sati anavasesattho eva kevala-saddattho siyā, anatthantarena pana kappa-saddena padavaḍḍhanaṃ kataṃ kevalameva kevalakappanti. Atha vā kappanīyatā, paññāpetabbatā kevalakappā. Abyāmissatā vijātiyena asaṅkarā suddhatā. Anatirekatā taṃparamatā visesābhāvo. Kevalakappanti kevalaṃ daḷhaṃ katvāti attho. Kevalaṃ vuccati nibbānaṃ sabbasaṅkhatavivittattā. Taṃ etassa adhigataṃ atthīti kevalī, sacchikatanirodho khīṇāsavo.
กปฺป-สโทฺท ปนายํ ส-อุปสโคฺค, อนุปสโคฺค จาติ อธิปฺปาเยน โอกปฺปนิยปเท ลพฺภมานํ กปฺปนิยสทฺทมตฺตํ นิทเสฺสติ, อญฺญถา กปฺป-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร โอกปฺปนิยปทํ อนิทสฺสนเมว สิยาฯ สมณกเปฺปหีติ วินยกฺกมสิเทฺธหิ สมณโวหาเรหิฯ นิจฺจกปฺปนฺติ นิจฺจกาลํฯ ปญฺญตฺตีติ นามเญฺหตํ ตสฺส อายสฺมโต, ยทิทํ กโปฺปติฯ กปฺปิตเกสมสฺสูติ กตฺตริยา เฉทิตเกสมสฺสุฯ ทฺวงฺคุลกโปฺปติ มชฺฌนฺหิกเวลาย วีติกฺกนฺตาย ทฺวงฺคุลตาวิกโปฺปฯ เลโสติ อปเทโสฯ อนวเสสํ ผริตุํ สมตฺถสฺส โอภาสสฺส เกนจิ การเณน เอกเทสผรณมฺปิ สิยา, อยํ ปน สพฺพโสว ผรีติ ทเสฺสตุํ สมนฺตโตฺถ กปฺป-สโทฺท คหิโตติ อาห ‘‘อนวเสสํ สมนฺตโต’’ติฯ
Kappa-saddo panāyaṃ sa-upasaggo, anupasaggo cāti adhippāyena okappaniyapade labbhamānaṃ kappaniyasaddamattaṃ nidasseti, aññathā kappa-saddassa atthuddhāre okappaniyapadaṃ anidassanameva siyā. Samaṇakappehīti vinayakkamasiddhehi samaṇavohārehi. Niccakappanti niccakālaṃ. Paññattīti nāmañhetaṃ tassa āyasmato, yadidaṃ kappoti. Kappitakesamassūti kattariyā cheditakesamassu. Dvaṅgulakappoti majjhanhikavelāya vītikkantāya dvaṅgulatāvikappo. Lesoti apadeso. Anavasesaṃ pharituṃ samatthassa obhāsassa kenaci kāraṇena ekadesapharaṇampi siyā, ayaṃ pana sabbasova pharīti dassetuṃ samantattho kappa-saddo gahitoti āha ‘‘anavasesaṃ samantato’’ti.
ยสฺมา เทวตานํ สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนมตฺตํ ฐานํ, ตโต ภิโยฺยปิ ผริตฺวา ติฎฺฐติ, ตถา วตฺถาภรณาทีหิ สมุฎฺฐิตา ปภา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จนฺทิมา วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกํ ปโชฺชตํ กริตฺวา’’ติฯ กสฺมา เอเต มหาราชาโน ภควโต สนฺติเก นิสีทิํสุ? นนุ เยภุเยฺยน เทวตา ภควโต สนฺติกํ อุปคตา ฐตฺวาว กเถตพฺพํ กเถนฺตา คจฺฉนฺตีติ? สจฺจเมตํ, อิธ ปน นิสีทเน การณํ อตฺถิ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เทวตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อิทํ ปริตฺตํ นาม สตฺตพุทฺธปฎิสํยุตฺตํ ครุ, ตสฺมา น อเมฺหหิ ฐตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ปริตฺตคารววเสน นิสีทิํสุฯ
Yasmā devatānaṃ sarīrappabhā dvādasayojanamattaṃ ṭhānaṃ, tato bhiyyopi pharitvā tiṭṭhati, tathā vatthābharaṇādīhi samuṭṭhitā pabhā, tasmā vuttaṃ ‘‘candimā viya, sūriyo viya ca ekobhāsaṃ ekaṃ pajjotaṃ karitvā’’ti. Kasmā ete mahārājāno bhagavato santike nisīdiṃsu? Nanu yebhuyyena devatā bhagavato santikaṃ upagatā ṭhatvāva kathetabbaṃ kathentā gacchantīti? Saccametaṃ, idha pana nisīdane kāraṇaṃ atthi, taṃ dassetuṃ ‘‘devatāna’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Idaṃ parittaṃ nāma sattabuddhapaṭisaṃyuttaṃ garu, tasmā na amhehi ṭhatvā gahetabba’’nti cintetvā parittagāravavasena nisīdiṃsu.
๒๗๖. กสฺมา ปเนตฺถ เวสฺสวโณ เอว กเถสิ, น อิตเรสุ โย โกจีติ? ตตฺถ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิสฺสาสิโก อภิณฺหํ อุปสงฺกมเนนฯ พฺยโตฺตติ วิสารโท, ตญฺจสฺส เวยฺยตฺติยํ สุฎฺฐุ สิกฺขิตภาเวนาติ อาห ‘‘สุสิกฺขิโต’’ติฯ มนุเสฺสสุ วิย หิ เทเวสุปิ โกจิเทว ปุริมชาติปริจเยน สุสิกฺขิโต โหติ, ตตฺราปิ โกจิเทว ยถาธิเปฺปตมตฺถํ วตฺตุํ สมโตฺถ ปริปุณฺณปทพฺยญฺชนาย โปริยา วาจาย สมนฺนาคโตฯ ‘‘มเหสกฺขา’’ติ อิมสฺส อตฺถวจนํ ‘‘อานุภาวสมฺปนฺนา’’ติ, มเหสกฺขาติ วา มหาปริวาราติ อโตฺถฯ ปาณาติปาเต อาทีนวทสฺสเนเนว ตํ วิปริยายโต ตโต เวรมณิยํ อานิสํโส ปากโฎ โหตีติ ‘‘อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ เตสุ เสนาสเนสูติ ยานิ ‘‘อรญฺญวนปฺปตฺถานี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๔-๔๕) วุตฺตานิ ภิกฺขูนํ วสนฎฺฐานภูตานิ อรญฺญายตนานิ, เตสุ ภิกฺขูหิ สยิตพฺพโต, อาสิตพฺพโต จ เสนาสนสญฺญิเตสุฯ นิพทฺธวาสิโนติ รุกฺขปพฺพตปฎิพเทฺธสุ วิมาเนสุ นิจฺจวาสิตาย นิพทฺธวาสิโนฯ พทฺธตฺตาติ คาถาภาเวน คนฺถิตตฺตา สมฺพนฺธิตตฺตาฯ
276. Kasmā panettha vessavaṇo eva kathesi, na itaresu yo kocīti? Tattha kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘kiñcāpī’’tiādi vuttaṃ. Vissāsiko abhiṇhaṃ upasaṅkamanena. Byattoti visārado, tañcassa veyyattiyaṃ suṭṭhu sikkhitabhāvenāti āha ‘‘susikkhito’’ti. Manussesu viya hi devesupi kocideva purimajātiparicayena susikkhito hoti, tatrāpi kocideva yathādhippetamatthaṃ vattuṃ samattho paripuṇṇapadabyañjanāya poriyā vācāya samannāgato. ‘‘Mahesakkhā’’ti imassa atthavacanaṃ ‘‘ānubhāvasampannā’’ti, mahesakkhāti vā mahāparivārāti attho. Pāṇātipāte ādīnavadassaneneva taṃ vipariyāyato tato veramaṇiyaṃ ānisaṃso pākaṭo hotīti ‘‘ādīnavaṃ dassetvā’’ icceva vuttaṃ. Tesu senāsanesūti yāni ‘‘araññavanappatthānī’’tiādinā (ma. ni. 1.34-45) vuttāni bhikkhūnaṃ vasanaṭṭhānabhūtāni araññāyatanāni, tesu bhikkhūhi sayitabbato, āsitabbato ca senāsanasaññitesu. Nibaddhavāsinoti rukkhapabbatapaṭibaddhesu vimānesu niccavāsitāya nibaddhavāsino. Baddhattāti gāthābhāvena ganthitattā sambandhitattā.
‘‘อุคฺคณฺหาตุ ภเนฺต ภควา’’ติ อตฺตนา วุจฺจมานํ ปริตฺตํ ภควนฺตํ อุคฺคณฺหาเปตุกาโม เวสฺสวโณ อโวจาติ อธิปฺปาเยน โจทโก ‘‘กิํ ปน ภควโต อปฺปจฺจกฺขธโมฺม นาม อตฺถี’’ติ โจเทสิฯ อาจริโย สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตญาณจารสฺส ภควโต น กิญฺจิ อปฺปจฺจกฺขนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อุคฺคณฺหาตุ ภเนฺต ภควา’’ติ วทโต เวสฺสวณสฺส อธิปฺปายํ วิวรโนฺต ‘‘โอกาสกรณตฺถ’’นฺติอาทิมาหฯ ยถา หิ ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต เทวานํ ตาวติํสานํ, พฺรหฺมุโน จ สนงฺกุมารสฺส สมฺมุขา อตฺตโน ยถาสุตํ ธมฺมํ ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ปเวเทติ, เอวมยมฺปิ มหาราชา อิตเรหิ สทฺธิํ อาฎานาฎนคเร คาถาวเสน พนฺธิตํ ปริตฺตํ ภควโต ปเวเทตุํ โอกาสํ กาเรโนฺต ‘‘อุคฺคณฺหาตุ ภเนฺต ภควา’’ติ อาห, น นํ ตสฺส ปริยาปุณเน นิโยเชโนฺตฯ ตสฺมา อุคฺคณฺหาตูติ ยถิทํ ปริตฺตํ มยา ปเวทิตมตฺตเมว หุตฺวา จตุนฺนํ ปริสานํ จิรกาลํ หิตาวหํ โหติ, เอวํ อุทฺธํ อารกฺขาย คณฺหาตุ, สมฺปฎิจฺฉตูติ อโตฺถฯ สตฺถุ กถิเตติ สตฺถุ อาโรจิเต, จตุนฺนํ ปริสานํ สตฺถุ กถเน วาติ อโตฺถฯ สุขวิหารายาติ ยกฺขาทีหิ อวิหิํสาย ลทฺธพฺพสุขวิหารายฯ
‘‘Uggaṇhātu bhante bhagavā’’ti attanā vuccamānaṃ parittaṃ bhagavantaṃ uggaṇhāpetukāmo vessavaṇo avocāti adhippāyena codako ‘‘kiṃ pana bhagavato appaccakkhadhammo nāma atthī’’ti codesi. Ācariyo sabbattha appaṭihatañāṇacārassa bhagavato na kiñci appaccakkhanti dassento ‘‘natthī’’ti vatvā ‘‘uggaṇhātu bhante bhagavā’’ti vadato vessavaṇassa adhippāyaṃ vivaranto ‘‘okāsakaraṇattha’’ntiādimāha. Yathā hi pañcasikho gandhabbadevaputto devānaṃ tāvatiṃsānaṃ, brahmuno ca sanaṅkumārassa sammukhā attano yathāsutaṃ dhammaṃ bhagavato santikaṃ upagantvā pavedeti, evamayampi mahārājā itarehi saddhiṃ āṭānāṭanagare gāthāvasena bandhitaṃ parittaṃ bhagavato pavedetuṃ okāsaṃ kārento ‘‘uggaṇhātu bhante bhagavā’’ti āha, na naṃ tassa pariyāpuṇane niyojento. Tasmā uggaṇhātūti yathidaṃ parittaṃ mayā paveditamattameva hutvā catunnaṃ parisānaṃ cirakālaṃ hitāvahaṃ hoti, evaṃ uddhaṃ ārakkhāya gaṇhātu, sampaṭicchatūti attho. Satthu kathiteti satthu ārocite, catunnaṃ parisānaṃ satthu kathane vāti attho. Sukhavihārāyāti yakkhādīhi avihiṃsāya laddhabbasukhavihārāya.
๒๗๗. สตฺตปิ พุทฺธา จกฺขุมโนฺต ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมภาเว วิเสสาภาวโตฯ ตสฺมาติ ยสฺมา จกฺขุมภาโว วิย สพฺพภูตานุกมฺปิตาทโย สเพฺพปิ วิเสสา สตฺตนฺนมฺปิ พุทฺธานํ สาธารณา, ตสฺมา, คุณเนมิตฺตกาเนว วา ยสฺมา พุทฺธานํ นามานิ นาม, น ลิงฺคิกาวตฺถิกยาทิจฺฉกานิ, ตสฺมา พุทฺธานํ คุณวิเสสทีปนานิ ‘‘จกฺขุมนฺตสฺสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๒๗๗) วุตฺตานิ เอตานิ เอเกกสฺส สตฺต สตฺต นามานิ โหนฺติฯ เตสํ นามานํ สาธารณภาวํ อตฺถวเสน โยเชตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สเพฺพปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สพฺพภูตานุกมฺปิโนติ อนญฺญสาธารณมหากรุณาย สพฺพสตฺตานํ อนุกมฺปิกาฯ นฺหาตกิเลสตฺตาติ อฎฺฐงฺคิเกน อริยมคฺคชเลน สปรสนฺตาเนสุ นิรวเสสโต โธตกิเลสมลตฺตาฯ มารเสนาปมทฺทิโนติ สปริวาเร ปญฺจปิ มาเร ปมทฺทิตวโนฺตฯ วุสิตวโนฺตติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ, ทสวิธํ อริยวาสญฺจ วุสิตวโนฺตฯ วุสิตวนฺตตาย เอว พาหิตปาปตา วุตฺตา โหตีติ ‘‘พฺราหฺมณสฺสา’’ติ ปทํ อนามฎฺฐํฯ วิมุตฺตาติ อนญฺญสาธารณานํ ปญฺจนฺนมฺปิ วิมุตฺตีนํ วเสน นิรวเสสโต มุตฺตาฯ องฺคโตติ สรีรงฺคโต, ญาณงฺคโต จ, ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณ- (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๕) อสีติอนุพฺยญฺชเนหิ นิกฺขมนปฺปภา, พฺยามปฺปภา, เกตุมาลาอุณฺหีสปฺปภา จ สรีรงฺคโต นิกฺขมนกรสฺมิโย, ยมกมหาปาฎิหาริยาทีสุ อุปฺปชฺชนกปฺปภา ญาณงฺคโต นิกฺขมนกรสฺมิโยฯ น เอตาเนว ‘‘จกฺขุมา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๒๗๗) วุตฺตานิ สตฺต นามานิ, อถ โข อญฺญานิปิ พหูนิ อปริมิตานิ นามานิฯ กถนฺติ อาห ‘‘อสเงฺขฺยยฺยานิ นามานิ สคุเณน มเหสิโนติ วุตฺต’’นฺติ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๓๑๓; อุทา. อฎฺฐ. ๕๓; ปฎิ. อฎฺฐ. ๗๖)ฯ เกน วุตฺตํ? ธมฺมเสนาปตินาฯ
277.Sattapibuddhā cakkhumanto pañcahi cakkhūhi cakkhumabhāve visesābhāvato. Tasmāti yasmā cakkhumabhāvo viya sabbabhūtānukampitādayo sabbepi visesā sattannampi buddhānaṃ sādhāraṇā, tasmā, guṇanemittakāneva vā yasmā buddhānaṃ nāmāni nāma, na liṅgikāvatthikayādicchakāni, tasmā buddhānaṃ guṇavisesadīpanāni ‘‘cakkhumantassā’’tiādinā (dī. ni. 3.277) vuttāni etāni ekekassa satta satta nāmāni honti. Tesaṃ nāmānaṃ sādhāraṇabhāvaṃ atthavasena yojetabbāti dassetuṃ ‘‘sabbepī’’tiādi vuttaṃ. Sabbabhūtānukampinoti anaññasādhāraṇamahākaruṇāya sabbasattānaṃ anukampikā. Nhātakilesattāti aṭṭhaṅgikena ariyamaggajalena saparasantānesu niravasesato dhotakilesamalattā. Mārasenāpamaddinoti saparivāre pañcapi māre pamadditavanto. Vusitavantoti maggabrahmacariyavāsaṃ, dasavidhaṃ ariyavāsañca vusitavanto. Vusitavantatāya eva bāhitapāpatā vuttā hotīti ‘‘brāhmaṇassā’’ti padaṃ anāmaṭṭhaṃ. Vimuttāti anaññasādhāraṇānaṃ pañcannampi vimuttīnaṃ vasena niravasesato muttā. Aṅgatoti sarīraṅgato, ñāṇaṅgato ca, dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇa- (dī. ni. 2.33; 3.200; ma. ni. 2.385) asītianubyañjanehi nikkhamanappabhā, byāmappabhā, ketumālāuṇhīsappabhā ca sarīraṅgato nikkhamanakarasmiyo, yamakamahāpāṭihāriyādīsu uppajjanakappabhā ñāṇaṅgato nikkhamanakarasmiyo. Na etāneva ‘‘cakkhumā’’tiādinā (dī. ni. 3.277) vuttāni satta nāmāni, atha kho aññānipi bahūni aparimitāni nāmāni. Kathanti āha ‘‘asaṅkhyeyyāni nāmāni saguṇena mahesinoti vutta’’nti (dha. sa. aṭṭha. 1313; udā. aṭṭha. 53; paṭi. aṭṭha. 76). Kena vuttaṃ? Dhammasenāpatinā.
ยทิ เอวํ กสฺมา เวสฺสวโณ เอตาเนว คณฺหีติ อาห ‘‘อตฺตโน ปากฎนามวเสนา’’ติฯ ขีณาสวา ชนาติ อธิเปฺปตาฯ เต หิ กมฺมกิเลเสหิ ชาตาปิ เอวํ น ปุน ชายิสฺสนฺตีติ อิมินา อเตฺถน ชนาฯ ยถาห ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) เทสนาสีสมตฺตนฺติ นิทสฺสนมตฺตนฺติ อโตฺถ, อวยเวน วา สมุทายุปลกฺขณเมตํฯ สติ จ ปิสุณวาจปฺปหาเน ผรุสวาจา ปหีนาว โหติ, ปเคว จ มุสาวาโทติ ‘‘อปิสุณา’’ อิเจฺจว วุตฺตาฯ มหตฺตาติ มหา อตฺตา สภาโว เอเตสนฺติ มหตฺตาฯ เตนาห ‘‘มหนฺตภาวํ ปตฺตา’’ติฯ มหนฺตาติ วา มหา อนฺตา, ปรินิพฺพานปริโยสานาติ วุตฺตํ โหติฯ มหเนฺตหิ วา สีลาทีหิ สมนฺนาคตาฯ อยํ ตาว อฎฺฐกถายํ อาคตนเยน อโตฺถฯ อิตเรสํ ปน มเตน พุทฺธาทีหิ อริเยหิ มหนียโต ปูชนียโต มหํ นาม นิพฺพานํ, มหมโนฺต เอเตสนฺติ มหนฺตา, นิพฺพานทิฎฺฐาติ อโตฺถฯ นิสฺสารทาติ สารชฺชรหิตา, นิพฺภยาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วิคตโลมหํสา’’ติฯ
Yadi evaṃ kasmā vessavaṇo etāneva gaṇhīti āha ‘‘attano pākaṭanāmavasenā’’ti. Khīṇāsavājanāti adhippetā. Te hi kammakilesehi jātāpi evaṃ na puna jāyissantīti iminā atthena janā. Yathāha ‘‘yo ca kālaghaso bhūto’’ti (jā. 1.2.190) desanāsīsamattanti nidassanamattanti attho, avayavena vā samudāyupalakkhaṇametaṃ. Sati ca pisuṇavācappahāne pharusavācā pahīnāva hoti, pageva ca musāvādoti ‘‘apisuṇā’’ icceva vuttā. Mahattāti mahā attā sabhāvo etesanti mahattā. Tenāha ‘‘mahantabhāvaṃ pattā’’ti. Mahantāti vā mahā antā, parinibbānapariyosānāti vuttaṃ hoti. Mahantehi vā sīlādīhi samannāgatā. Ayaṃ tāva aṭṭhakathāyaṃ āgatanayena attho. Itaresaṃ pana matena buddhādīhi ariyehi mahanīyato pūjanīyato mahaṃ nāma nibbānaṃ, mahamanto etesanti mahantā, nibbānadiṭṭhāti attho. Nissāradāti sārajjarahitā, nibbhayāti attho. Tenāha ‘‘vigatalomahaṃsā’’ti.
หิตนฺติ หิตจิตฺตํ, สตฺตานํ หิเตสีติ อโตฺถฯ ยถาภูตํ วิปสฺสิสุนฺติ ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธสุ สมุทยาทิโต ยาถาวโต วิวิเธนากาเรน ปสฺสิํสุฯ ‘‘เย จาปี’’ติ ปุเพฺพ ปจฺจตฺตพหุวจเนน อนิยมโต วุเตฺต เตสมฺปีติ อตฺถํ สมฺปทานพหุวจนวเสน นิยเมตฺวา ‘‘นมตฺถู’’ติ จ ปทํ อาเนตฺวา โยเชติ ยํ ตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธภาวโตฯ วิปสฺสิํสุ นมสฺสนฺตีติ วา โยชนาฯ ปฐมคาถายาติ ‘‘เย จาปิ นิพฺพุตา โลเก’’ติ เอวํ วุตฺตคาถายฯ ทุติยคาถายาติ ตทนฺตรคาถายฯ ตตฺถ เทสนามุขมตฺตนฺติ อิตเรสมฺปิ พุทฺธานํ นามคฺคหเณ ปเตฺต อิมเสฺสว ภควโต นามคฺคหณํ ตถา เทสนาย มุขมตฺตํ, ตสฺมา เตปิ อตฺถโต คหิตา เอวาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘อยมฺปิ หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อยนฺติ อยํ คาถาฯ ปุริมโยชนายํ ตสฺสาติ วิเสสิตพฺพตาย อภาวโต ‘‘ยนฺติ นิปาตมตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘ตสฺส นมตฺถู’’ติ เอวํ สมฺพนฺธสฺส จ อิจฺฉิตตฺตา ‘‘ย’’นฺติ นามปทํ อุปโยเคกวจนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ นมสฺสนฺติ โคตม’’นฺติ อาหฯ
Hitanti hitacittaṃ, sattānaṃ hitesīti attho. Yathābhūtaṃ vipassisunti pañcupādānakkhandhesu samudayādito yāthāvato vividhenākārena passiṃsu. ‘‘Ye cāpī’’ti pubbe paccattabahuvacanena aniyamato vutte tesampīti atthaṃ sampadānabahuvacanavasena niyametvā ‘‘namatthū’’ti ca padaṃ ānetvā yojeti yaṃ taṃ-saddānaṃ abyabhicāritasambandhabhāvato. Vipassiṃsu namassantīti vā yojanā. Paṭhamagāthāyāti ‘‘ye cāpi nibbutā loke’’ti evaṃ vuttagāthāya. Dutiyagāthāyāti tadantaragāthāya. Tattha desanāmukhamattanti itaresampi buddhānaṃ nāmaggahaṇe patte imasseva bhagavato nāmaggahaṇaṃ tathā desanāya mukhamattaṃ, tasmā tepi atthato gahitā evāti adhippāyo. Tenāha ‘‘ayampi hī’’tiādi. Tattha ayanti ayaṃ gāthā. Purimayojanāyaṃ tassāti visesitabbatāya abhāvato ‘‘yanti nipātamatta’’nti vuttaṃ, idha pana ‘‘tassa namatthū’’ti evaṃ sambandhassa ca icchitattā ‘‘ya’’nti nāmapadaṃ upayogekavacananti dassento ‘‘yaṃ namassanti gotama’’nti āha.
๒๗๘. ‘‘ยโต อุคฺคจฺฉติ สูริโย’’ติอาทิกํ กสฺมา อารทฺธํ? ยํ เย ยกฺขาทโย สตฺถุ ธมฺมอาณํ, อตฺตโน จ ราชาณํ นาทิยนฺติ, เตสํ ‘‘อิทญฺจิทญฺจ นิคฺคหํ กริสฺสามา’’ติ สาวนํ กาตุกามา ตตฺถ ตตฺถ ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ อตฺตโน อาณาย วตฺตานํ อตฺตโน ปุตฺตานํ, อฎฺฐวีสติยา ยกฺขเสนาปติอาทีนญฺจ สตฺถริ ปสาทคารวพหุมานญฺจ ปเวเทตฺวา นิคฺคหารหานํ สนฺตชฺชนตฺถํ อารทฺธํฯ ตตฺถ ‘‘ยโต อุคฺคจฺฉตี’’ติอาทีสุ ‘‘ยโต ฐานโต อุเทตี’’ติ วุจฺจติ, กุโต ปน ฐานโต อุเทตีติ วุจฺจติ? ปุพฺพวิเทหวาสีนํ ตาว มชฺฌนฺหิกฎฺฐาเน ฐิโต ชมฺพุทีปวาสีนํ อุเทตีติ วุจฺจติ, อุตฺตรกุรุกานํ ปน โอคฺคจฺฉตีติ อิมินา นเยน เสสทีเปสุปิ สูริยสฺส อุคฺคจฺฉโนคฺคจฺฉนปริยาโย เวทิตโพฺพฯ อยญฺจ อโตฺถ เหฎฺฐา อคฺคญฺญสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๒๑) ปกาสิโต เอวฯ อทิติยา ปุโตฺตติ โลกสมุทาจารวเสน วุตฺตํฯ โลกิยา หิ เทเว อทิติยา ปุตฺตา, อสุเร อติถิยา ปุตฺตาติ วทนฺติฯ อาทิปฺปนโต ปน อาทิโจฺจ, เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ อาโลกวิทํสเนน สมุชฺชลนโตติ อโตฺถฯ มณฺฑลีติ เอตฺถ อี-กาโร ภุสโตฺถติ อาห ‘‘มหนฺตํ มณฺฑลํ อสฺสาติ มณฺฑลี’’ติฯ มหนฺตํ หิสฺส วิมานมณฺฑลํ ปญฺญาสโยชนายามวิตฺถารโตฯ ‘‘สํวรีปิ นิรุชฺฌตี’’ติ อิมินาว ทิวโสปิ ชายตีติ อยมฺปิ อโตฺถ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ รตฺติ อนฺตรธายตีติ สิเนรุปจฺฉายาลกฺขณสฺส อนฺธการสฺส วิคจฺฉนโตฯ
278. ‘‘Yato uggacchati sūriyo’’tiādikaṃ kasmā āraddhaṃ? Yaṃ ye yakkhādayo satthu dhammaāṇaṃ, attano ca rājāṇaṃ nādiyanti, tesaṃ ‘‘idañcidañca niggahaṃ karissāmā’’ti sāvanaṃ kātukāmā tattha tattha dvisahassaparittadīpaparivāresu catūsu mahādīpesu attano āṇāya vattānaṃ attano puttānaṃ, aṭṭhavīsatiyā yakkhasenāpatiādīnañca satthari pasādagāravabahumānañca pavedetvā niggahārahānaṃ santajjanatthaṃ āraddhaṃ. Tattha ‘‘yato uggacchatī’’tiādīsu ‘‘yato ṭhānato udetī’’ti vuccati, kuto pana ṭhānato udetīti vuccati? Pubbavidehavāsīnaṃ tāva majjhanhikaṭṭhāne ṭhito jambudīpavāsīnaṃ udetīti vuccati, uttarakurukānaṃ pana oggacchatīti iminā nayena sesadīpesupi sūriyassa uggacchanoggacchanapariyāyo veditabbo. Ayañca attho heṭṭhā aggaññasuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.121) pakāsito eva. Aditiyā puttoti lokasamudācāravasena vuttaṃ. Lokiyā hi deve aditiyā puttā, asure atithiyā puttāti vadanti. Ādippanato pana ādicco, ekappahāreneva tīsu dīpesu ālokavidaṃsanena samujjalanatoti attho. Maṇḍalīti ettha ī-kāro bhusatthoti āha ‘‘mahantaṃ maṇḍalaṃ assāti maṇḍalī’’ti. Mahantaṃ hissa vimānamaṇḍalaṃ paññāsayojanāyāmavitthārato. ‘‘Saṃvarīpinirujjhatī’’ti imināva divasopi jāyatīti ayampi attho vuttoti veditabbo. Ratti antaradhāyatīti sinerupacchāyālakkhaṇassa andhakārassa vigacchanato.
อุทกรหโทติ ชลธิฯ ‘‘ตสฺมิํ ฐาเน’’ติ อิทํ ปุรตฺถิมสมุทฺทสฺส อุปริภาเคน สูริยสฺส คมนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตถา หิ ชมฺพุทีเป ฐิตานํ ปุรตฺถิมสมุทฺทโต สูริโย อุคฺคจฺฉโนฺต วิย อุปฎฺฐาติฯ เตนาห ‘‘ยโต อุคฺคจฺฉติ สูริโย’’ติฯ สมุทฺทนเฎฺฐน อตฺตนิ ปติตสฺส สมฺมเทว, สพฺพโส จ อุนฺทนเฎฺฐน กิเลทนเฎฺฐน สมุโทฺทฯ สมุโทฺท หิ กิเลทนโฎฺฐ รหโทฯ สาริโตทโกติ อเนกานิ โยชนสหสฺสานิ วิตฺถิโณฺณทโก, สริตา นทิโย อุทเก เอตสฺสาติ วา สริโตทโกฯ
Udakarahadoti jaladhi. ‘‘Tasmiṃ ṭhāne’’ti idaṃ puratthimasamuddassa uparibhāgena sūriyassa gamanaṃ sandhāya vuttaṃ. Tathā hi jambudīpe ṭhitānaṃ puratthimasamuddato sūriyo uggacchanto viya upaṭṭhāti. Tenāha ‘‘yato uggacchati sūriyo’’ti. Samuddanaṭṭhena attani patitassa sammadeva, sabbaso ca undanaṭṭhena kiledanaṭṭhena samuddo. Samuddo hi kiledanaṭṭho rahado. Sāritodakoti anekāni yojanasahassāni vitthiṇṇodako, saritā nadiyo udake etassāti vā saritodako.
สิเนรุปพฺพตราชา จกฺกวาฬสฺส เวมเชฺฌ ฐิโต, ตํ ปธานํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘อิโตติ สิเนรุโต’’ติ วตฺวา ตถา ปน ทิสาววตฺถานํ อนวฎฺฐิตนฺติ ‘‘เตสํ นิสินฺนฎฺฐานโต วา’’ติ วุตฺตํฯ เตสนฺติ จตุนฺนํ มหาราชานํฯ นิสินฺนฎฺฐานํ อาฎานาฎนครํฯ ตตฺถ หิ นิสินฺนา เต อิมํ ปริตฺตํ พนฺธิํสุฯ เตสํ นิสินฺนฎฺฐานโตติ วา สตฺถุ สนฺติเก เตสํ นิสินฺนฎฺฐานโตฯ อุภยถาปิ สูริยสฺส อุทยฎฺฐานา ปุรตฺถิมา ทิสา นาม โหติฯ ปุริมปกฺขํเยเวตฺถ วเณฺณนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อิโต สา ปุริมา ทิสา’’ติฯ สูริโย, ปน จนฺทนกฺขตฺตาทโย จ สิเนรุํ ทกฺขิณโต, จกฺกวาฬปพฺพตญฺจ วามโต กตฺวา ปริวเตฺตนฺติฯ ยตฺถ จ เนสํ อุคฺคมนํ ปญฺญายติ, สา ปุรตฺถิมา ทิสาฯ ยตฺถ โอกฺกมนํ ปญฺญายติ, สา ปจฺฉิมา ทิสาฯ ทกฺขิณปเสฺส อุตฺตรา ทิสา, วามปเสฺส ทกฺขิณา ทิสาติ จตุมหาทีปวาสีนํ ปเจฺจกํ สิเนรุ อุตฺตราทิสายเมว, ตสฺมา อนวฎฺฐิตา ทิสาววตฺถาติ อาห ‘‘อิติ นํ อาจิกฺขติ ชโน’’ติฯ ยํ ทิสนฺติ ยํ ปุรตฺถิมทิสํ ยสสฺสีติ มหาปริวาโรฯ โกฎิสตสหสฺสปริมาณา หิ เทวตา อภิณฺหํ ปริวาเรนฺติฯ จนฺทนนาครุกฺขาทีสุ โอสธิติณวนปฺปติสุคนฺธานํ อพฺพนโต, เตหิ ทิตฺตภาวูปคมนโต ‘‘คนฺธพฺพา’’ติ ลทฺธนามานํ จาตุมหาราชิกเทวานํ อธิปติ ภาวโตฯ เม สุตนฺติ เอตฺถ เมติ นิปาตมตฺตํฯ สุตนฺติ วิสฺสุตนฺติ อโตฺถฯ อยเญฺหตฺถ โยชนา – ตสฺส ธตรฎฺฐมหาราชสฺส ปุตฺตาปิ พหโวฯ กิตฺตกา? อสีติ, ทส เอโก จฯ เอกนามาฯ กถํ? อินฺทนามาฯ ‘‘มหปฺผลา’’ติ จ สุตํ วิสฺสุตเมตํ โลเกติฯ
Sinerupabbatarājā cakkavāḷassa vemajjhe ṭhito, taṃ padhānaṃ katvā vattabbanti adhippāyena ‘‘itoti sineruto’’ti vatvā tathā pana disāvavatthānaṃ anavaṭṭhitanti ‘‘tesaṃ nisinnaṭṭhānato vā’’ti vuttaṃ. Tesanti catunnaṃ mahārājānaṃ. Nisinnaṭṭhānaṃ āṭānāṭanagaraṃ. Tattha hi nisinnā te imaṃ parittaṃ bandhiṃsu. Tesaṃ nisinnaṭṭhānatoti vā satthu santike tesaṃ nisinnaṭṭhānato. Ubhayathāpi sūriyassa udayaṭṭhānā puratthimā disā nāma hoti. Purimapakkhaṃyevettha vaṇṇenti. Tena vuttaṃ ‘‘ito sā purimā disā’’ti. Sūriyo, pana candanakkhattādayo ca sineruṃ dakkhiṇato, cakkavāḷapabbatañca vāmato katvā parivattenti. Yattha ca nesaṃ uggamanaṃ paññāyati, sā puratthimā disā. Yattha okkamanaṃ paññāyati, sā pacchimā disā. Dakkhiṇapasse uttarā disā, vāmapasse dakkhiṇā disāti catumahādīpavāsīnaṃ paccekaṃ sineru uttarādisāyameva, tasmā anavaṭṭhitā disāvavatthāti āha ‘‘iti naṃ ācikkhati jano’’ti. Yaṃ disanti yaṃ puratthimadisaṃ yasassīti mahāparivāro. Koṭisatasahassaparimāṇā hi devatā abhiṇhaṃ parivārenti. Candananāgarukkhādīsu osadhitiṇavanappatisugandhānaṃ abbanato, tehi dittabhāvūpagamanato ‘‘gandhabbā’’ti laddhanāmānaṃ cātumahārājikadevānaṃ adhipati bhāvato. Me sutanti ettha meti nipātamattaṃ. Sutanti vissutanti attho. Ayañhettha yojanā – tassa dhataraṭṭhamahārājassa puttāpi bahavo. Kittakā? Asīti, dasa eko ca. Ekanāmā. Kathaṃ? Indanāmā. ‘‘Mahapphalā’’ti ca sutaṃ vissutametaṃ loketi.
อาทิโจฺจ โคตมโคโตฺต, ภควาปิ โคตมโคโตฺต, อาทิเจฺจน สมานโคตฺตตาย อาทิโจฺจ พนฺธุ เอตสฺสาติปิ อาทิจฺจพนฺธุ, อาทิจฺจสฺส วา พนฺธูติ อาทิจฺจพนฺธุ, ตํ อาทิจฺจพนฺธุนํฯ อนวเชฺชนาติ อวชฺชปฎิปเกฺขน พฺรหฺมวิหาเรนฯ สเมกฺขสิ โอธิโส, อโนธิโส จ ผรเณน โอโลเกสิอาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพธวเสนฯ วตฺวา วนฺทนฺตีติ ‘‘โลกสฺส อนุกมฺปโก’’ติ กิเตฺตตฺวา วนฺทนฺติฯ สุตํ เนตนฺติ สุตํ นนูติ เอตสฺมิํ อเตฺถ นุ-สโทฺทฯ อฎฺฐกถายํ ปน โนกาโรยนฺติ อธิปฺปาเยน อเมฺหหีติ อโตฺถ วุโตฺตฯ เอตนฺติ เอตํ ตถา ปริกิเตฺตตฺวา อมนุสฺสานํ เทวตานํ วนฺทนํฯ วทนฺติ ธตรฎฺฐมหาราชสฺส ปุตฺตาฯ
Ādicco gotamagotto, bhagavāpi gotamagotto, ādiccena samānagottatāya ādicco bandhu etassātipi ādiccabandhu, ādiccassa vā bandhūti ādiccabandhu, taṃ ādiccabandhunaṃ.Anavajjenāti avajjapaṭipakkhena brahmavihārena. Samekkhasi odhiso, anodhiso ca pharaṇena olokesiāsayānusayacariyādhimuttiādivibhāgāvabodhavasena. Vatvā vandantīti ‘‘lokassa anukampako’’ti kittetvā vandanti. Sutaṃ netanti sutaṃ nanūti etasmiṃ atthe nu-saddo. Aṭṭhakathāyaṃ pana nokāroyanti adhippāyena amhehīti attho vutto. Etanti etaṃ tathā parikittetvā amanussānaṃ devatānaṃ vandanaṃ. Vadanti dhataraṭṭhamahārājassa puttā.
๒๗๙. เยน เปตา ปวุจฺจนฺตีติ เอตฺถ วจนเสเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพ, น ยถารุตวเสเนวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เยน ทิสาภาเคน นีหรียนฺตูติ วุจฺจนฺตี’’ติ อาหฯ ฑยฺหนฺตุ วาติ เปเต สนฺธาย วทติฯ ฉิชฺชนฺตุ วา หตฺถปาทาทิเก ปิสุณา ปิฎฺฐิมํสิกาฯ หญฺญนฺตุ ปาณาติปาติโนติอาทิกาฯ ปวุจฺจนฺตีติ วา สมุจฺจนฺติ, ‘‘อลํ เตส’’นฺติ สมาจินียนฺตีติ อโตฺถฯ เอวญฺหิ วจนเสเสน วินา เอว อโตฺถ สิโทฺธ โหติฯ รหสฺสงฺคนฺติ พีชํ สนฺธาย วทติฯ
279.Yenapetā pavuccantīti ettha vacanasesena attho veditabbo, na yathārutavasenevāti dassento ‘‘yena disābhāgena nīharīyantūti vuccantī’’ti āha. Ḍayhantu vāti pete sandhāya vadati. Chijjantu vā hatthapādādike pisuṇā piṭṭhimaṃsikā. Haññantu pāṇātipātinotiādikā. Pavuccantīti vā samuccanti, ‘‘alaṃ tesa’’nti samācinīyantīti attho. Evañhi vacanasesena vinā eva attho siddho hoti. Rahassaṅganti bījaṃ sandhāya vadati.
๒๘๐. ยสฺมิํ ทิสาภาเค สูริโย อตฺถํ คจฺฉตีติ เอตฺถ ‘‘ยโต ฐานโต อุเทตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
280.Yasmiṃ disābhāge sūriyo atthaṃ gacchatīti ettha ‘‘yato ṭhānato udetī’’ti ettha vuttanayānusārena attho veditabbo.
๒๘๑. เยน ทิสาภาเคน อุตฺตรกุรุ รโมฺม อวฎฺฐิโต, อิโต สา อุตฺตรา ทิสาติ โยชนา ฯ มหาเนรูติ มหโนฺต, มหนีโย จ เนรุสงฺขาโต ปพฺพโตฯ เตนาห ‘‘มหาสิเนรุ ปพฺพตราชา’’ติฯ รชตมยํฯ ตถา หิ ตสฺส ปภาย อโชฺฌตฺถตํ ตสฺสํ ทิสายํ สมุโทฺททกํ ขีรํ วิย ปญฺญายติฯ มณิมยนฺติ อินฺทนีลมยํฯ ตถา หิ ทกฺขิณทิสาย สมุโทฺททกํ เยภุเยฺยน นีลวณฺณํ หุตฺวา ปญฺญายติ, ตถา อากาสํฯ มนุสฺสา ชายนฺติฯ กถํ ชายนฺติ? อมมา อปริคฺคหาติ โยชนาฯ มมตฺตวิรหิตาติ ‘‘อิทํ มม อิทํ มมา’’ติ มมงฺการวิรหิตาติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ เตสํ ‘‘อยํ มยฺหํ ภริยา’’ติ ปริคฺคโห นตฺถิ, ‘‘อยํ เม มาตา, อยํ ภคินี’’ติ เอวรูปา อิธ วิย มริยาทาปิ น สิยา มาตุอาทิภาวสฺส อชานนโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘มาตรํ วา’’ติอาทิฯ ฉนฺทราโค นุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘ธมฺมตาสิทฺธสฺส สีลสฺส อานุภาเวน ปุเตฺต ทิฎฺฐมเตฺต เอว มาตุ ถนโต ถญฺญํ ปคฺฆรติ, เตน สญฺญาเณน เนสํ มาตริ ปุตฺตสฺส มาตุสญฺญา, มาตุ จ ปุเตฺต ปุตฺตสญฺญา ปจฺจุปฎฺฐิตา’’ติ เกจิฯ
281. Yena disābhāgena uttarakuru rammo avaṭṭhito, ito sā uttarā disāti yojanā . Mahānerūti mahanto, mahanīyo ca nerusaṅkhāto pabbato. Tenāha ‘‘mahāsineru pabbatarājā’’ti. Rajatamayaṃ. Tathā hi tassa pabhāya ajjhotthataṃ tassaṃ disāyaṃ samuddodakaṃ khīraṃ viya paññāyati. Maṇimayanti indanīlamayaṃ. Tathā hi dakkhiṇadisāya samuddodakaṃ yebhuyyena nīlavaṇṇaṃ hutvā paññāyati, tathā ākāsaṃ. Manussā jāyanti. Kathaṃ jāyanti? Amamā apariggahāti yojanā. Mamattavirahitāti ‘‘idaṃ mama idaṃ mamā’’ti mamaṅkāravirahitāti adhippāyo. Yadi tesaṃ ‘‘ayaṃ mayhaṃ bhariyā’’ti pariggaho natthi, ‘‘ayaṃ me mātā, ayaṃ bhaginī’’ti evarūpā idha viya mariyādāpi na siyā mātuādibhāvassa ajānanatoti codanaṃ sandhāyāha ‘‘mātaraṃ vā’’tiādi. Chandarāgo nuppajjatīti ettha ‘‘dhammatāsiddhassa sīlassa ānubhāvena putte diṭṭhamatte eva mātu thanato thaññaṃ paggharati, tena saññāṇena nesaṃ mātari puttassa mātusaññā, mātu ca putte puttasaññā paccupaṭṭhitā’’ti keci.
นงฺคลาติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘นงฺคลานิปี’’ติฯ อกเฎฺฐติ อกสิเต อกตกสิกเมฺมฯ
Naṅgalāti liṅgavipallāsena vuttanti āha ‘‘naṅgalānipī’’ti. Akaṭṭheti akasite akatakasikamme.
ตณฺฑุลาว ตสฺส ผลนฺติ สตฺตานํ ปุญฺญานุภาวเหตุกา ถุสาทิอภาเวน ตณฺฑุลา เอว ตสฺส สาลิสฺส ผลํฯ ตุณฺฑิกิรนฺติ ปจนภาชนสฺส นามนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุกฺขลิย’’นฺติฯ อากิริตฺวาติ ตณฺฑุลานิ ปกฺขิปิตฺวาฯ นิทฺธูมงฺคาเรนาติ ธูมงฺคารรหิเตน เกวเลน อคฺคินาฯ โชติกปาสาณโต อคฺคิมฺหิ อุฎฺฐหเนฺต กุโต ธูมงฺคารานํ สมฺภโวฯ โภชนนฺติ โอทนเมวาธิเปฺปตนฺติ ‘‘โภชนเมวา’’ติ อวธารณํ กตฺวา เตน นิวเตฺตตพฺพํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อโญฺญ สูโป วา พฺยญฺชนํ วา น โหตี’’ติ อาหฯ ยทิ เอวํ รสวิเสสยุโตฺต เตสํ อาหาโร น โหตีติ? โนติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภุญฺชนฺตานํ…เป.… รโส โหตี’’ติ อาหฯ มจฺฉริยจิตฺตํ นาม น โหตีติ ธมฺมตาสิทฺธสฺส สีลสฺส อานุภาเวนฯ ตถา หิ เต กตฺถจิปิ อมมา ปริคฺคหาว หุตฺวา วสนฺติฯ
Taṇḍulāva tassa phalanti sattānaṃ puññānubhāvahetukā thusādiabhāvena taṇḍulā eva tassa sālissa phalaṃ. Tuṇḍikiranti pacanabhājanassa nāmanti vuttaṃ ‘‘ukkhaliya’’nti. Ākiritvāti taṇḍulāni pakkhipitvā. Niddhūmaṅgārenāti dhūmaṅgārarahitena kevalena agginā. Jotikapāsāṇato aggimhi uṭṭhahante kuto dhūmaṅgārānaṃ sambhavo. Bhojananti odanamevādhippetanti ‘‘bhojanamevā’’ti avadhāraṇaṃ katvā tena nivattetabbaṃ dassento ‘‘añño sūpo vā byañjanaṃ vā na hotī’’ti āha. Yadi evaṃ rasavisesayutto tesaṃ āhāro na hotīti? Noti dassento ‘‘bhuñjantānaṃ…pe… raso hotī’’ti āha. Macchariyacittaṃ nāma na hotīti dhammatāsiddhassa sīlassa ānubhāvena. Tathā hi te katthacipi amamā pariggahāva hutvā vasanti.
อปิจ ตตฺถ อุตฺตรกุรุกานํ ปุญฺญานุภาวสิโทฺธ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตโพฺพ – ตตฺถ กิร เตสุ เตสุ ปเทเสสุ ฆนจิตปตฺตสญฺฉนฺนสาขาปสาขา กูฎาคารูปมา มโนรมา รุกฺขา เตสํ มนุสฺสานํ นิเวสนกิจฺจํ สาเธนฺติ, ยตฺถ สุขํ นิวสนฺติ, อเญฺญปิ ตตฺถ รุกฺขา สุชาตา สพฺพทาปิ ปุปฺผิตคฺคา ติฎฺฐนฺติ, ชลาสยาปิ วิกสิตกมลกุวลยปุณฺฑรีกโสคนฺธิกาทิปุปฺผสญฺฉนฺนา สพฺพกาลํ ปรมสุคนฺธํ สมนฺตโต ปวายนฺตา ติฎฺฐนฺติฯ สรีรมฺปิ เตสํ อติทีฆตาทิโทสรหิตํ อาโรหปริณาหสมฺปนฺนํ ชราย อนภิภูตตฺตา วลิปลิตาทิโทสรหิตํ ยาวตายุกํ อปริกฺขีณชวพลปรกฺกมโสภเมว หุตฺวา ติฎฺฐติฯ อนุฎฺฐานผลูปชีวิตาย น จ เนสํ กสิวาณิชฺชาทิวเสน, อาหารปริเยฎฺฐิวเสน ทุกฺขํ อตฺถิ, ตโต เอว น ทาสทาสิกมฺมกราทิปริคฺคโห อตฺถิ, น จ ตตฺถ สีตุณฺหฑํสมกสวาตาตปสรีสปวาฬาทิปริสฺสโย อตฺถิฯ ยถา นาเมตฺถ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺจูสเวลายํ สมสีตุณฺหอุตุ โหติ, เอวเมว สพฺพกาลํ สมสีตุโณฺหว อุตุ โหติ, น จ เตสํ โกจิ อุปฆาโต, วิเหสา วา อุปฺปชฺชติฯ อกฎฺฐปากิมเมว สาลิํ อกณํ อถุสํ สุคนฺธํ ตณฺฑุลผลํ ปริภุญฺชนฺตานํ เนสํ กุฎฺฐํ, คโณฺฑ, กิลาโส, โสโส, กาโส, สาโส, อปมาโร, ชโรติ เอวมาทิโก น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติฯ น เต ขุชฺชา วา วามนกา วา กาณา วา กุณี วา ขญฺชา วา ปกฺขหตา วา วิกลงฺคา วา วิกลินฺทฺริยา วา โหนฺติฯ อิตฺถิโยปิ ตตฺถ นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬา นาโจฺจทาตา โสภคฺคปฺปตฺตรูปา โหนฺติฯ ตถา หิ ทีฆงฺคุลี ตมฺพนขี ลมฺพตฺถนา ตนุมชฺฌา ปุณฺณจนฺทมุขี วิสาลกฺขี มุทุคตฺตา สํหิตูรู โอทาตทนฺตา คมฺภีรนาภี ตนุชงฺฆา ทีฆนีลเวลฺลิตเกสี ปุถุลสุโสณี นาติโลมานาโลมา สุภคา อุตุสุขสมฺผสฺสา สณฺหา สขิลสมฺภาสา นานาภรณวิภูสิตา วิจรนฺติฯ สพฺพทา หิ โสฬสวสฺสุเทฺทสิกา วิย โหนฺติฯ ปุริสา จ ปญฺจวีสติวสฺสุเทฺทสิกา วิย, น ปุตฺตทาเรสุ รชฺชนฺติฯ อยํ ตตฺถ ธมฺมตาฯ
Apica tattha uttarakurukānaṃ puññānubhāvasiddho ayampi viseso veditabbo – tattha kira tesu tesu padesesu ghanacitapattasañchannasākhāpasākhā kūṭāgārūpamā manoramā rukkhā tesaṃ manussānaṃ nivesanakiccaṃ sādhenti, yattha sukhaṃ nivasanti, aññepi tattha rukkhā sujātā sabbadāpi pupphitaggā tiṭṭhanti, jalāsayāpi vikasitakamalakuvalayapuṇḍarīkasogandhikādipupphasañchannā sabbakālaṃ paramasugandhaṃ samantato pavāyantā tiṭṭhanti. Sarīrampi tesaṃ atidīghatādidosarahitaṃ ārohapariṇāhasampannaṃ jarāya anabhibhūtattā valipalitādidosarahitaṃ yāvatāyukaṃ aparikkhīṇajavabalaparakkamasobhameva hutvā tiṭṭhati. Anuṭṭhānaphalūpajīvitāya na ca nesaṃ kasivāṇijjādivasena, āhārapariyeṭṭhivasena dukkhaṃ atthi, tato eva na dāsadāsikammakarādipariggaho atthi, na ca tattha sītuṇhaḍaṃsamakasavātātapasarīsapavāḷādiparissayo atthi. Yathā nāmettha gimhānaṃ pacchime māse paccūsavelāyaṃ samasītuṇhautu hoti, evameva sabbakālaṃ samasītuṇhova utu hoti, na ca tesaṃ koci upaghāto, vihesā vā uppajjati. Akaṭṭhapākimameva sāliṃ akaṇaṃ athusaṃ sugandhaṃ taṇḍulaphalaṃ paribhuñjantānaṃ nesaṃ kuṭṭhaṃ, gaṇḍo, kilāso, soso, kāso, sāso, apamāro, jaroti evamādiko na koci rogo uppajjati. Na te khujjā vā vāmanakā vā kāṇā vā kuṇī vā khañjā vā pakkhahatā vā vikalaṅgā vā vikalindriyā vā honti. Itthiyopi tattha nātidīghā nātirassā nātikisā nātithūlā nātikāḷā nāccodātā sobhaggappattarūpā honti. Tathā hi dīghaṅgulī tambanakhī lambatthanā tanumajjhā puṇṇacandamukhī visālakkhī mudugattā saṃhitūrū odātadantā gambhīranābhī tanujaṅghā dīghanīlavellitakesī puthulasusoṇī nātilomānālomā subhagā utusukhasamphassā saṇhā sakhilasambhāsā nānābharaṇavibhūsitā vicaranti. Sabbadā hi soḷasavassuddesikā viya honti. Purisā ca pañcavīsativassuddesikā viya, na puttadāresu rajjanti. Ayaṃ tattha dhammatā.
สตฺตาหิกเมว จ ตตฺถ อิตฺถิปุริสา กามรติยา วิหรนฺติ, ตโต วีตราคา ยถาสกํ คจฺฉนฺติฯ น ตตฺถ อิธ วิย คโพฺภกฺกนฺติมูลกํ, คพฺภปริหรณมูลกํ , วิชายนมูลกํ วา ทุกฺขํ โหติฯ รตฺตกญฺจุกโต กญฺจนปฎิมา วิย ทารกา มาตุกุจฺฉิโต อมกฺขิตา เอว เสมฺหาทินา สุเขเนว นิกฺขมนฺติ, อยํ ตตฺถ ธมฺมตาฯ
Sattāhikameva ca tattha itthipurisā kāmaratiyā viharanti, tato vītarāgā yathāsakaṃ gacchanti. Na tattha idha viya gabbhokkantimūlakaṃ, gabbhapariharaṇamūlakaṃ , vijāyanamūlakaṃ vā dukkhaṃ hoti. Rattakañcukato kañcanapaṭimā viya dārakā mātukucchito amakkhitā eva semhādinā sukheneva nikkhamanti, ayaṃ tattha dhammatā.
มาตา ปน ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา วิชายิตฺวา เตสํ วิจรณปฺปเทเส ฐเปตฺวา อนเปกฺขา ยถารุจิ คจฺฉติฯ เตสํ ตตฺถ สยิตานํ เย ปสฺสนฺติ ปุริสา, อิตฺถิโย วา, เต อตฺตโน องฺคุลิโย อุปนาเมนฺติ, เตสํ กมฺมพเลน ตโต ขีรํ ปวตฺตติ, เตน ทารกา ยาเปนฺติฯ เอวํ ปน วฑฺฒนฺตา กติปยทิวเสเหว ลทฺธพลา หุตฺวา ทาริกา อิตฺถิโย อุปคจฺฉนฺติ, ทารกา ปุริเสฯ กปฺปรุกฺขโต เอว จ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ วตฺถาภรณานิ นิปฺปชฺชนฺติฯ นานาวิราควณฺณวิจิตฺตานิ หิ สุขุมานิ มุทุสุขสมฺผสฺสานิ วตฺถานิ ตตฺถ ตตฺถ กปฺปรุเกฺขสุ โอลมฺพนฺตานิ อิฎฺฐนฺติฯ นานาวิธรํสิชาลสมุชฺชลวิวิธวณฺณรตนวินทฺธานิ อเนกวิธมาลากมฺมลตากมฺมภิตฺติกมฺมวิจิตฺตานิ สีสูปคคีวูปคหตฺถูปคกฎูปคปาทูปคานิ โสวณฺณมยานิ อาภรณานิ จ กปฺปรุกฺขโต โอลมฺพนฺติฯ ตถา วีณามุทิงฺคปณวสมฺมตาฬสงฺขวํสเวตาฬปริวานิวลฺลกีปภุติกา ตูริยภณฺฑาปิ ตโต ตโต โอลมฺพนฺติฯ ตตฺถ จ พหู ผลรุกฺขา กุมฺภมตฺตานิ ผลานิ ผลนฺติ มธุรรสานิ, ยานิ ปริภุญฺชิตฺวา เต สตฺตาหมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ น พาธียนฺติฯ นโชฺชปิ ตตฺถ สุวิสุทฺธชลา สุปติตฺถา รมณียา อกทฺทมา วาลุกตลา นาติสีตา นาจฺจุณฺหา สุรภิคนฺธีหิ ชลชปุเปฺผหิ สญฺฉนฺนา สพฺพกาลํ สุรภิํ วายนฺติโย สนฺทนฺติฯ น ตตฺถ กณฺฎกติณกกฺขฬคจฺฉลตา โหนฺติ, อกณฺฎกา ปุปฺผผลสมฺปนฺนา เอว โหนฺติฯ จนฺทนนาครุกฺขา สยเมว รสํ ปคฺฆรนฺติ ฯ นฺหายิตุกามา จ นทีติเตฺถ เอกชฺฌํ วตฺถาภรณานิ ฐเปตฺวา นทิํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา อุตฺติณฺณุตฺติณฺณา อุปริฎฺฐิมํ วตฺถาภรณํ คณฺหนฺติ, น เตสํ เอวํ โหติ ‘‘อิทํ มม, อิทํ ปรสฺสา’’ติ, ตโต เอว น เตสํ โกจิ วิคฺคโห วา วิวาโท วาฯ สตฺตาหิกา เอว จ เนสํ กามรติกีฬา โหติ, ตโต วีตราคา วิย วิจรนฺติฯ ยตฺถ จ รุเกฺข สยิตุกามา โหนฺติ, ตเตฺถว สยนํ อุปลภนฺติฯ มเต จ สเตฺต ทิสฺวา น โรทนฺติ, น โสจนฺติ, ตญฺจ มณฺฑยิตฺวา นิกฺขิปนฺติฯ ตาวเทว จ เนสํ ตถารูปา สกุณา อุปคนฺตฺวา มตํ ทีปนฺตรํ เนนฺติฯ ตสฺมา สุสานํ วา อสุจิฎฺฐานํ วา ตตฺถ นตฺถิฯ น จ ตโต มตา นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนิํ วา เปตฺติวิสยํ วา อุปปชฺชนฺติฯ ‘‘ธมฺมตาสิทฺธสฺส ปญฺจสีลสฺส อานุภาเวน เต เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ วทนฺติฯ วสฺสสหสฺสเมว จ เนสํ สพฺพกาลํ อายุปฺปมาณํฯ สพฺพเมตํ เตสํ ปญฺจสีลํ วิย ธมฺมตาสิทฺธํ เอวาติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อุตฺตรกุรุทีเปฯ
Mātā pana puttaṃ vā dhītaraṃ vā vijāyitvā tesaṃ vicaraṇappadese ṭhapetvā anapekkhā yathāruci gacchati. Tesaṃ tattha sayitānaṃ ye passanti purisā, itthiyo vā, te attano aṅguliyo upanāmenti, tesaṃ kammabalena tato khīraṃ pavattati, tena dārakā yāpenti. Evaṃ pana vaḍḍhantā katipayadivaseheva laddhabalā hutvā dārikā itthiyo upagacchanti, dārakā purise. Kapparukkhato eva ca tesaṃ tattha tattha vatthābharaṇāni nippajjanti. Nānāvirāgavaṇṇavicittāni hi sukhumāni mudusukhasamphassāni vatthāni tattha tattha kapparukkhesu olambantāni iṭṭhanti. Nānāvidharaṃsijālasamujjalavividhavaṇṇaratanavinaddhāni anekavidhamālākammalatākammabhittikammavicittāni sīsūpagagīvūpagahatthūpagakaṭūpagapādūpagāni sovaṇṇamayāni ābharaṇāni ca kapparukkhato olambanti. Tathā vīṇāmudiṅgapaṇavasammatāḷasaṅkhavaṃsavetāḷaparivānivallakīpabhutikā tūriyabhaṇḍāpi tato tato olambanti. Tattha ca bahū phalarukkhā kumbhamattāni phalāni phalanti madhurarasāni, yāni paribhuñjitvā te sattāhampi khuppipāsāhi na bādhīyanti. Najjopi tattha suvisuddhajalā supatitthā ramaṇīyā akaddamā vālukatalā nātisītā nāccuṇhā surabhigandhīhi jalajapupphehi sañchannā sabbakālaṃ surabhiṃ vāyantiyo sandanti. Na tattha kaṇṭakatiṇakakkhaḷagacchalatā honti, akaṇṭakā pupphaphalasampannā eva honti. Candananāgarukkhā sayameva rasaṃ paggharanti . Nhāyitukāmā ca nadītitthe ekajjhaṃ vatthābharaṇāni ṭhapetvā nadiṃ otaritvā nhatvā uttiṇṇuttiṇṇā upariṭṭhimaṃ vatthābharaṇaṃ gaṇhanti, na tesaṃ evaṃ hoti ‘‘idaṃ mama, idaṃ parassā’’ti, tato eva na tesaṃ koci viggaho vā vivādo vā. Sattāhikā eva ca nesaṃ kāmaratikīḷā hoti, tato vītarāgā viya vicaranti. Yattha ca rukkhe sayitukāmā honti, tattheva sayanaṃ upalabhanti. Mate ca satte disvā na rodanti, na socanti, tañca maṇḍayitvā nikkhipanti. Tāvadeva ca nesaṃ tathārūpā sakuṇā upagantvā mataṃ dīpantaraṃ nenti. Tasmā susānaṃ vā asuciṭṭhānaṃ vā tattha natthi. Na ca tato matā nirayaṃ vā tiracchānayoniṃ vā pettivisayaṃ vā upapajjanti. ‘‘Dhammatāsiddhassa pañcasīlassa ānubhāvena te devaloke nibbattantī’’ti vadanti. Vassasahassameva ca nesaṃ sabbakālaṃ āyuppamāṇaṃ. Sabbametaṃ tesaṃ pañcasīlaṃ viya dhammatāsiddhaṃ evāti veditabbaṃ. Tatthāti tasmiṃ uttarakurudīpe.
เอกขุรํ กตฺวาติ อเนกสผมฺปิ เอกสผํ วิย กตฺวา, อสฺสํ วิย กตฺวาติ อโตฺถฯ ‘‘คาวิ’’นฺติ วตฺวา ปุน ‘‘ปสุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา คาวิโต อิตโร สโพฺพ จตุปฺปโท อิธ ‘‘ปสู’’ติ อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ฐเปตฺวา คาวิ’’นฺติฯ
Ekakhuraṃ katvāti anekasaphampi ekasaphaṃ viya katvā, assaṃ viya katvāti attho. ‘‘Gāvi’’nti vatvā puna ‘‘pasu’’nti vuttattā gāvito itaro sabbo catuppado idha ‘‘pasū’’ti adhippetoti āha ‘‘ṭhapetvā gāvi’’nti.
ตสฺสาติ คพฺภินิตฺถิยาฯ ปิฎฺฐิ โอนมิตุํ สหตีติ กุจฺฉิยา ครุภารตาย เตสํ อารุฬฺหกาเล ปิฎฺฐิ โอนมติ, เตสํ นิสชฺชํ สหติ ปลฺลเงฺก นิสินฺนา วิย โหนฺติฯ สมฺมาทิฎฺฐิเกติ กมฺมปถสมฺมาทิฎฺฐิยา สมฺมาทิฎฺฐิเกฯ เอตฺถาติ ชมฺพุทีเปฯ เอตฺถ หิ ชนปทโวหาโร, น อุตฺตรกุรุมฺหิฯ ตถา หิ ‘‘ปจฺจนฺติมมิลกฺขุวาสิเก’’ติ จ วุตฺตํฯ
Tassāti gabbhinitthiyā. Piṭṭhi onamituṃ sahatīti kucchiyā garubhāratāya tesaṃ āruḷhakāle piṭṭhi onamati, tesaṃ nisajjaṃ sahati pallaṅke nisinnā viya honti. Sammādiṭṭhiketi kammapathasammādiṭṭhiyā sammādiṭṭhike. Etthāti jambudīpe. Ettha hi janapadavohāro, na uttarakurumhi. Tathā hi ‘‘paccantimamilakkhuvāsike’’ti ca vuttaṃ.
ตสฺส รโญฺญติ เวสฺสวณมหาราชสฺสฯ อิติ โส อตฺตานเมว ปรํ วิย กตฺวา วทติฯ เอเสว นโย ปรโตปิฯ พหุวิธํ นานารตนวิจิตฺตํ นานาสณฺฐานํ รถาทิ ทิพฺพยานํ อุปฎฺฐิตเมว โหติ สุทนฺตวาหนยุตฺตํ, น เนสํ ยานานํ อุปฎฺฐาปเน อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิตพฺพํ อตฺถิฯ เอตานีติ หตฺถิยานาทีนิฯ เนสนฺติ เวสฺสวณปริจาริกานํฯ กปฺปิตานิ หุตฺวา อุฎฺฐิตานิ อารุหิตุํ อุปกปฺปนยานานิฯ นิปนฺนาปิ นิสินฺนาปิ วิจรนฺติ จนฺทิมสูริยา วิย ยถาสกํ วิมาเนสุฯ
Tassa raññoti vessavaṇamahārājassa. Iti so attānameva paraṃ viya katvā vadati. Eseva nayo paratopi. Bahuvidhaṃ nānāratanavicittaṃ nānāsaṇṭhānaṃ rathādi dibbayānaṃ upaṭṭhitameva hoti sudantavāhanayuttaṃ, na nesaṃ yānānaṃ upaṭṭhāpane ussukkaṃ āpajjitabbaṃ atthi. Etānīti hatthiyānādīni. Nesanti vessavaṇaparicārikānaṃ. Kappitāni hutvā uṭṭhitāni āruhituṃ upakappanayānāni. Nipannāpi nisinnāpi vicaranti candimasūriyā viya yathāsakaṃ vimānesu.
นครา อหูติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘นครานิ ภวิํสูติ อโตฺถ’’ติฯ อาฎานาฎา นามาติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามํ นครํ อาสิฯ
Nagarāahūti liṅgavipallāsena vuttanti āha ‘‘nagarāni bhaviṃsūti attho’’ti. Āṭānāṭā nāmāti itthiliṅgavasena laddhanāmaṃ nagaraṃ āsi.
ตสฺมิํ ฐตฺวาติ ตสฺมิํ ปเทเส ปรกุสิฎนาฎานามเก นคเร ฐตฺวาฯ ตโต อุชุํ อุตฺตรทิสายํฯ เอตสฺสาติ กสิวนฺตนครสฺสฯ อปรภาเค อปรโกฎฺฐาเส, ปรโต อิเจฺจว อโตฺถฯ
Tasmiṃ ṭhatvāti tasmiṃ padese parakusiṭanāṭānāmake nagare ṭhatvā. Tato ujuṃ uttaradisāyaṃ. Etassāti kasivantanagarassa. Aparabhāge aparakoṭṭhāse, parato icceva attho.
กุเวโรติ ตสฺส ปุริมชาติสมุทาคตํ นามนฺติ เตเนว ปสเงฺคน เยนายํ สมฺปตฺติ อธิคตา, ตทสฺส ปุพฺพกมฺมํ อาจิกฺขิตุํ ‘‘อยํ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุจฺฉุวปฺปนฺติ อุจฺฉุสสฺสํฯ อวเสสสาลาหีติ อวเสสยนฺตสาลาหิ, นิสฺสกฺกวจนเญฺจตํฯ ตเตฺถวาติ ปุญฺญตฺถํ ทินฺนสาลายเมวฯ
Kuveroti tassa purimajātisamudāgataṃ nāmanti teneva pasaṅgena yenāyaṃ sampatti adhigatā, tadassa pubbakammaṃ ācikkhituṃ ‘‘ayaṃ kirā’’tiādi vuttaṃ. Ucchuvappanti ucchusassaṃ. Avasesasālāhīti avasesayantasālāhi, nissakkavacanañcetaṃ. Tatthevāti puññatthaṃ dinnasālāyameva.
ปฎิเอสโนฺตติ ปติ ปติ อเตฺถ เอสโนฺต วีมํสโนฺตฯ น เกวลํ เต วีมํสนฺติ เอว, อถ โข ตมตฺถํ ปติฎฺฐาเปนฺตีติ อาห ‘‘วิสุํ วิสุํ อเตฺถ อุปปริกฺขมานา อนุสาสมานา’’ติฯ ยกฺขรฎฺฐิกาติ ยกฺขรฎฺฐาธิปติโนฯ ยกฺขา จ เวสฺสวณสฺส รโญฺญ นิเวสนทฺวาเร นิยุตฺตา จาติ ยกฺขโทวาริกา, เตสํ ยกฺขโทวาริกานํฯ
Paṭiesantoti pati pati atthe esanto vīmaṃsanto. Na kevalaṃ te vīmaṃsanti eva, atha kho tamatthaṃ patiṭṭhāpentīti āha ‘‘visuṃ visuṃ atthe upaparikkhamānā anusāsamānā’’ti. Yakkharaṭṭhikāti yakkharaṭṭhādhipatino. Yakkhā ca vessavaṇassa rañño nivesanadvāre niyuttā cāti yakkhadovārikā, tesaṃ yakkhadovārikānaṃ.
ยสฺมา ธรณีโปรกฺขณิโต ปุราโณทกํ ภสฺสยนฺตํ เหฎฺฐา วุฎฺฐิ หุตฺวา นิกฺขมติ, ตสฺมา ตํ ตโต คเหตฺวา เมเฆหิ ปวุฎฺฐํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ยโต โปกฺขรณิโต อุทกํ คเหตฺวา เมฆา ปวสฺสนฺตี’’ติฯ ยโตติ ยโต ธรณีโปกฺขรณิโตฯ สภาติ ยกฺขานํ อุปฎฺฐานสภาฯ
Yasmā dharaṇīporakkhaṇito purāṇodakaṃ bhassayantaṃ heṭṭhā vuṭṭhi hutvā nikkhamati, tasmā taṃ tato gahetvā meghehi pavuṭṭhaṃ viya hotīti vuttaṃ ‘‘yato pokkharaṇito udakaṃ gahetvā meghā pavassantī’’ti. Yatoti yato dharaṇīpokkharaṇito. Sabhāti yakkhānaṃ upaṭṭhānasabhā.
ตสฺมิํ ฐาเนติ ตสฺสา โปกฺขรณิยา ตีเร ยกฺขานํ วสนวเนฯ สทา ผลิตาติ นิจฺจกาลํ สญฺชาตผลาฯ นิจฺจปุปฺผิตาติ นิจฺจํ สญฺชาตปุปฺผาฯ นานาทิชคณายุตาติ นานาวิเธหิ ทิชคเณหิ ยุตฺตาฯ เตหิ ปน สกุณสเงฺฆหิ อิโต จิโต จ สมฺปตเนฺตหิ ปริพฺภมเนฺตหิ ยสฺมา สา โปกฺขรณี อากุลา วิย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘วิวิธปกฺขิสงฺฆสมากุลา’’ติฯ โกญฺจสกุเณหีติ สารสสกุเนฺตหิฯ
Tasmiṃ ṭhāneti tassā pokkharaṇiyā tīre yakkhānaṃ vasanavane. Sadā phalitāti niccakālaṃ sañjātaphalā. Niccapupphitāti niccaṃ sañjātapupphā. Nānādijagaṇāyutāti nānāvidhehi dijagaṇehi yuttā. Tehi pana sakuṇasaṅghehi ito cito ca sampatantehi paribbhamantehi yasmā sā pokkharaṇī ākulā viya hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘vividhapakkhisaṅghasamākulā’’ti. Koñcasakuṇehīti sārasasakuntehi.
‘‘เอวํ วิรวนฺตาน’’นฺติ อิมินา ตถา วสฺสิตวเสน ‘‘ชีวญฺชีวกา’’ติ อยํ เตสํ สมญฺญาติ ทเสฺสติฯ อุฎฺฐวจิตฺตกาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เตนาห ‘‘เอวํ วสฺสมานา’’ติฯ โปกฺขรสาตกาติ โปกฺขรสณฺฐานตาย ‘‘โปกฺขรสาตกา’’ติ เอวํ ลทฺธนามาฯ
‘‘Evaṃ viravantāna’’nti iminā tathā vassitavasena ‘‘jīvañjīvakā’’ti ayaṃ tesaṃ samaññāti dasseti. Uṭṭhavacittakāti etthāpi eseva nayo. Tenāha ‘‘evaṃ vassamānā’’ti. Pokkharasātakāti pokkharasaṇṭhānatāya ‘‘pokkharasātakā’’ti evaṃ laddhanāmā.
สพฺพกาลํ โสภตีติ สพฺพอุตูสุ โสภติ, น ตสฺสา เหมนฺตาทิวเสน โสภาวิรโต อตฺถิฯ เอวํภูตา จ นิจฺจํ ปุปฺผิตชลชถลชปุปฺผตาย, ผลภารภริตรุกฺขปริวาริตตาย, อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตสลิลตาย จ นิรนฺตรํ โสภติฯ
Sabbakālaṃsobhatīti sabbautūsu sobhati, na tassā hemantādivasena sobhāvirato atthi. Evaṃbhūtā ca niccaṃ pupphitajalajathalajapupphatāya, phalabhārabharitarukkhaparivāritatāya, aṭṭhaṅgasamannāgatasalilatāya ca nirantaraṃ sobhati.
๒๘๒. ปริกมฺมนฺติ ปุพฺพุปจารํฯ ปริโสเธตฺวาติ เอกกฺขรสฺสาปิ อวิราธนวเสน อาจริยสนฺติเก สพฺพํ โสเธตฺวาฯ สุฎฺฐุ อุคฺคหิตาติ ปริมณฺฑลปทพฺยญฺชนาย โปริยา วาจาย วิสฺสฎฺฐาย อเนลคฬาย อตฺถสฺส วิญฺญาปนียา สมฺมเทว อุคฺคหิตาฯ ตถา หิ ‘‘อตฺถญฺจ พฺยญฺชนญฺจ ปริโสเธตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ อตฺถํ ชานโต เอว หิ พฺยญฺชนํ ปริสุชฺฌติ, โน อชานโตฯ ปทพฺยญฺชนานีติ ปทเญฺจว พฺยญฺชนญฺจ อหาเปตฺวาฯ เอวญฺหิ ปริปุณฺณา นาม โหตีติฯ วิสํวาเทตฺวาติ อญฺญถา กตฺวาฯ เตชวนฺตํ น โหติ วิรชฺฌนโต เจว วิมฺหยตฺถภาวโต จฯ สพฺพโสติ อนวเสสโต อาทิมชฺฌปริโยสานโตฯ เตชวนฺตํ โหตีติ สภาวนิรุตฺติํ อวิราเธตฺวา สุปฺปวตฺติภาเวน สาธนโตฯ เอวํ ปโยควิปตฺติํ ปหาย ปโยคสมฺปตฺติยา สติ ปริตฺตสฺส อตฺถสาธกตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อชฺฌาสยวิปตฺติํ ปหาย อชฺฌาสยสมฺปตฺติยา อตฺถสาธกตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ลาภเหตู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิทํ ปริตฺตภณนํ สตฺตานํ อนตฺถปฎิพาหนเหตูติ ตสฺส ญาณกรุณาปุพฺพกตา นิสฺสรณปโกฺขฯ เมตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวาติ เมตฺตามนสิกาเรน สเตฺตสุ หิตผรณํ ปุรกฺขตฺวาฯ
282.Parikammanti pubbupacāraṃ. Parisodhetvāti ekakkharassāpi avirādhanavasena ācariyasantike sabbaṃ sodhetvā. Suṭṭhu uggahitāti parimaṇḍalapadabyañjanāya poriyā vācāya vissaṭṭhāya anelagaḷāya atthassa viññāpanīyā sammadeva uggahitā. Tathā hi ‘‘atthañca byañjanañca parisodhetvā’’ti vuttaṃ. Atthaṃ jānato eva hi byañjanaṃ parisujjhati, no ajānato. Padabyañjanānīti padañceva byañjanañca ahāpetvā. Evañhi paripuṇṇā nāma hotīti. Visaṃvādetvāti aññathā katvā. Tejavantaṃ na hoti virajjhanato ceva vimhayatthabhāvato ca. Sabbasoti anavasesato ādimajjhapariyosānato. Tejavantaṃ hotīti sabhāvaniruttiṃ avirādhetvā suppavattibhāvena sādhanato. Evaṃ payogavipattiṃ pahāya payogasampattiyā sati parittassa atthasādhakataṃ dassetvā idāni ajjhāsayavipattiṃ pahāya ajjhāsayasampattiyā atthasādhakataṃ dassetuṃ ‘‘lābhahetū’’tiādi vuttaṃ. Idaṃ parittabhaṇanaṃ sattānaṃ anatthapaṭibāhanahetūti tassa ñāṇakaruṇāpubbakatā nissaraṇapakkho. Mettaṃ purecārikaṃ katvāti mettāmanasikārena sattesu hitapharaṇaṃ purakkhatvā.
‘‘วตฺถุํ วา’’ติอาทิ ปุเพฺพ จตุปริสมเชฺฌ กตาย สาธนาย ภควโต ปเวทนํฯ ฆรวตฺถุนฺติ วสนเคหํฯ นิพทฺธวาสนฺติ ปรเคเหปิ เนวาสิกภาเวน วาสํ น ลเภยฺย, ยํ ปน มหาราชานํ, ยกฺขเสนาปตีนญฺจ อชานนฺตานํเยว กทาจิ วสิตฺวา คมนํ, ตํ อปฺปมาณนฺติ อธิปฺปาโยฯ สมิตินฺติ ยกฺขาทิสมาคมํฯ กามํ ปาฬิยํ ‘‘น เม โส’’ติ อาคตํ, อิตเรสมฺปิ ปน มหาราชานมตฺตนา เอกชฺฌาสยตาย เตสมฺปิ อชฺฌาสยํ หทเย ฐเปตฺวา เวสฺสวโณ ตถา อโวจฯ กญฺญํ อนุ อนุ วหิตุํ อยุโตฺต อนาวโยฺห, สพฺพกาลํ กญฺญํ ลทฺธุํ อยุโตฺตติ อโตฺถ, ตํ อนาวยฺหํฯ เตนาห ‘‘น อาวาหยุตฺต’’นฺติฯ น วิวยฺหนฺติ อวิวยฺหํ, กญฺญํ คเหตุมยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘น วิวาหยุตฺต’’นฺติฯ อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโวฯ อตฺตา วิสยภูโต เอตาสํ อตฺถีติ อตฺตา, ปริภาสา, ตาหิฯ ปริยตฺตํ กตฺวา วจเนน ปริปุณฺณาหิฯ ยถา ยกฺขา อโกฺกสิตพฺพา, เอวํ ปวตฺตา อโกฺกสา ยกฺขอโกฺกสา นาม, เตหิฯ เต ปน ‘‘กฬารกฺขิ กฬารทนฺตา กาฬวณฺณา’’ติ เอวํ อาทโยฯ
‘‘Vatthuṃ vā’’tiādi pubbe catuparisamajjhe katāya sādhanāya bhagavato pavedanaṃ. Gharavatthunti vasanagehaṃ. Nibaddhavāsanti paragehepi nevāsikabhāvena vāsaṃ na labheyya, yaṃ pana mahārājānaṃ, yakkhasenāpatīnañca ajānantānaṃyeva kadāci vasitvā gamanaṃ, taṃ appamāṇanti adhippāyo. Samitinti yakkhādisamāgamaṃ. Kāmaṃ pāḷiyaṃ ‘‘na me so’’ti āgataṃ, itaresampi pana mahārājānamattanā ekajjhāsayatāya tesampi ajjhāsayaṃ hadaye ṭhapetvā vessavaṇo tathā avoca. Kaññaṃ anu anu vahituṃ ayutto anāvayho, sabbakālaṃ kaññaṃ laddhuṃ ayuttoti attho, taṃ anāvayhaṃ. Tenāha ‘‘na āvāhayutta’’nti. Na vivayhanti avivayhaṃ, kaññaṃ gahetumayuttanti attho. Tenāha ‘‘na vivāhayutta’’nti. Āhito ahaṃmāno etthāti attā, attabhāvo. Attā visayabhūto etāsaṃ atthīti attā, paribhāsā, tāhi. Pariyattaṃ katvā vacanena paripuṇṇāhi. Yathā yakkhā akkositabbā, evaṃ pavattā akkosā yakkhaakkosā nāma, tehi. Te pana ‘‘kaḷārakkhi kaḷāradantā kāḷavaṇṇā’’ti evaṃ ādayo.
วิรุทฺธาติ วิรุชฺฌนกา ปเรหิ วิโรธิโนฯ รภสาติ สารมฺภกาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘กรณุตฺตริยา’’ติฯ รภสาติ วา สาหสิกาฯ สามิโน มนโส อสฺสวาติ มนสฺสา, กิงฺกราฯ เย หิ ‘‘กิํ กโรมิ ภทฺทเนฺต’’ติ สามิกสฺส วเส วตฺตนฺติ, เต เอวํ วุจฺจนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยกฺขเสนาปตีนํ เย มนสฺสา, เตส’’นฺติฯ อาณาย อวโรธิตุปจารา อวรุทฺธา, เต ปน อาณาวโต ปจฺจตฺถิกา นาม โหนฺตีติ ‘‘ปจฺจามิตฺตา เวริโน’’ติ วุตฺตํฯ อุชฺฌาเปตพฺพนฺติ เหฎฺฐา กตฺวา จินฺตาเปตพฺพํ, ตํ ปน อุชฺฌาปนํ เตสํ นีจกิริยาย ชานาปนํ โหตีติ อาห ‘‘ชานาเปตพฺพา’’ติฯ
Viruddhāti virujjhanakā parehi virodhino. Rabhasāti sārambhakāti adhippāyo. Tenāha ‘‘karaṇuttariyā’’ti. Rabhasāti vā sāhasikā. Sāmino manaso assavāti manassā, kiṅkarā. Ye hi ‘‘kiṃ karomi bhaddante’’ti sāmikassa vase vattanti, te evaṃ vuccanti. Tena vuttaṃ ‘‘yakkhasenāpatīnaṃ ye manassā, tesa’’nti. Āṇāya avarodhitupacārā avaruddhā, te pana āṇāvato paccatthikā nāma hontīti ‘‘paccāmittā verino’’ti vuttaṃ. Ujjhāpetabbanti heṭṭhā katvā cintāpetabbaṃ, taṃ pana ujjhāpanaṃ tesaṃ nīcakiriyāya jānāpanaṃ hotīti āha ‘‘jānāpetabbā’’ti.
ปริตฺตปริกมฺมกถาวณฺณนา
Parittaparikammakathāvaṇṇanā
ปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ กเถตพฺพนฺติ อาฎานาฎิยปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ ปุพฺพุปจารฎฺฐานิยํ เมตฺตสุตฺตาทิ กเถตพฺพํฯ เอวญฺหิ ตํ ลทฺธาเสวนํ หุตฺวา เตชวนฺตํ โหติฯ เตนาห ‘‘ปฐมเมว หี’’ติอาทิฯ ปิฎฺฐํ วา มํสํ วาติ วา-สโทฺท อนิยมโตฺถ, เตน มจฺฉฆตสูปาทิํ สงฺคณฺหาติฯ โอตารํ ลภนฺติ อตฺตนา ปิยายิตพฺพอาหารวเสน ปิยายิตพฺพฎฺฐานวเสน จฯ ‘‘ปริตฺต…เป.… นิสีทิตพฺพ’’นฺติ อิมินาว ปริตฺตการกสฺส ภิกฺขุโน ปริสุทฺธิปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ทเสฺสติฯ
Parittassa parikammaṃ kathetabbanti āṭānāṭiyaparittassa parikammaṃ pubbupacāraṭṭhāniyaṃ mettasuttādi kathetabbaṃ. Evañhi taṃ laddhāsevanaṃ hutvā tejavantaṃ hoti. Tenāha ‘‘paṭhamameva hī’’tiādi. Piṭṭhaṃ vā maṃsaṃ vāti vā-saddo aniyamattho, tena macchaghatasūpādiṃ saṅgaṇhāti. Otāraṃ labhanti attanā piyāyitabbaāhāravasena piyāyitabbaṭṭhānavasena ca. ‘‘Paritta…pe… nisīditabba’’nti imināva parittakārakassa bhikkhuno parisuddhipi icchitabbāti dasseti.
‘‘ปริตฺตการโก…เป.… สมฺปริวาริเตนา’’ติ อิทํ ปริตฺตกรเณ พาหิรรกฺขาสํวิธานํฯ ‘‘เมตฺตจิตฺตํ …เป.… กาตพฺพ’’นฺติ อิทํ อพฺภนฺตรรกฺขา อุภยโต รกฺขาสํวิธานํฯ เอวญฺหิ อมนุสฺสา ปริตฺตกรณสฺส อนฺตรายํ กาตุํ น วิสหนฺติฯ มงฺคลกถา วตฺตพฺพา ปุพฺพุปจารวเสนฯ สพฺพสนฺนิปาโตติ ตสฺมิํ วิหาเร, ตสฺมิํ วา คามเขเตฺต สเพฺพสํ ภิกฺขูนํ สนฺนิปาโตฯ โฆเสตโพฺพ,‘‘เจติยงฺคเณ สเพฺพหิ สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติฯ อนาคนฺตุํ นาม น ลพฺภติ อมนุเสฺสน พุทฺธาณาภเยน, ราชาณาภเยน จฯ คหิตกาปเทเสน อมนุโสฺสว ปุจฺฉิโต โหตีติ อาห ‘‘อมนุสฺสคฺคหิตโก ‘ตฺวํ โก นามา’ติ ปุจฺฉิตโพฺพ’’ติฯ มาลาคนฺธาทีสุ ปูชนตฺถํ วินิยุญฺชิยมาเนสุฯ ปตฺตีติ ตุยฺหํ ปตฺติทานํฯ ปิณฺฑปาเต ปตฺตีติ ปิณฺฑปาเต ทิยฺยมาเน ปตฺติทานํฯ เทวตานนฺติ ยกฺขเสนาปตีนํฯ ปริตฺตํ ภณิตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘เมตฺตจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา’’ติ จ ‘‘มงฺคลกถา วตฺตพฺพา’’ติ จ ‘‘วิหารสฺส อุปวเน’’ติ เอวมาทิ จ สพฺพํ คิหีนํ ปริตฺตกรเณ วุตฺตํ ปริกมฺมํ กาตพฺพเมวฯ
‘‘Parittakārako…pe… samparivāritenā’’ti idaṃ parittakaraṇe bāhirarakkhāsaṃvidhānaṃ. ‘‘Mettacittaṃ …pe… kātabba’’nti idaṃ abbhantararakkhā ubhayato rakkhāsaṃvidhānaṃ. Evañhi amanussā parittakaraṇassa antarāyaṃ kātuṃ na visahanti. Maṅgalakathā vattabbā pubbupacāravasena. Sabbasannipātoti tasmiṃ vihāre, tasmiṃ vā gāmakhette sabbesaṃ bhikkhūnaṃ sannipāto. Ghosetabbo,‘‘cetiyaṅgaṇe sabbehi sannipatitabba’’nti. Anāgantuṃ nāma na labbhati amanussena buddhāṇābhayena, rājāṇābhayena ca. Gahitakāpadesena amanussova pucchito hotīti āha ‘‘amanussaggahitako ‘tvaṃ ko nāmā’ti pucchitabbo’’ti. Mālāgandhādīsu pūjanatthaṃ viniyuñjiyamānesu. Pattīti tuyhaṃ pattidānaṃ. Piṇḍapāte pattīti piṇḍapāte diyyamāne pattidānaṃ. Devatānanti yakkhasenāpatīnaṃ. Parittaṃ bhaṇitabbanti etthāpi ‘‘mettacittaṃ purecārikaṃ katvā’’ti ca ‘‘maṅgalakathā vattabbā’’ti ca ‘‘vihārassa upavane’’ti evamādi ca sabbaṃ gihīnaṃ parittakaraṇe vuttaṃ parikammaṃ kātabbameva.
สรีเร อธิมุจฺจตีติ สรีรํ อนุปวิสิตฺวา วิย อาวิสโนฺต ยถา คหิตกสฺส วเสน น วตฺตติ, อตฺตโน เอว วเสน วตฺตติ, เอวํ อธิมุจฺจติ อธิฎฺฐหิตฺวา ติฎฺฐติฯ เตนาห ‘‘อาวิสตีติ ตเสฺสว เววจน’’นฺติฯ ลคฺคตีติ ตเตฺถว ลโคฺค อลฺลีโน โหติฯ เตนาห ‘‘น อเปตี’’ติฯ โรคํ วเฑฺฒโนฺตติ ธาตูนํ สมภาเวน วตฺติตุํ อปฺปทานวเสน อุปฺปนฺนํ โรคํ วเฑฺฒโนฺตฯ ธาตูนํ วิสมภาวาปตฺติยา จ อาหารสฺส จ อรุจฺจเนน คหิตกสฺส สรีเร โลหิตํ สุสฺสติ, มํสํ มิลายติ, ตํ ปนสฺส ยโกฺข ธาตุโกฺขภนิมิตฺตตาย กโรโนฺต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อปฺปมํสโลหิตํ กโรโนฺต’’ติฯ
Sarīre adhimuccatīti sarīraṃ anupavisitvā viya āvisanto yathā gahitakassa vasena na vattati, attano eva vasena vattati, evaṃ adhimuccati adhiṭṭhahitvā tiṭṭhati. Tenāha ‘‘āvisatītitasseva vevacana’’nti. Laggatīti tattheva laggo allīno hoti. Tenāha ‘‘na apetī’’ti. Rogaṃvaḍḍhentoti dhātūnaṃ samabhāvena vattituṃ appadānavasena uppannaṃ rogaṃ vaḍḍhento. Dhātūnaṃ visamabhāvāpattiyā ca āhārassa ca aruccanena gahitakassa sarīre lohitaṃ sussati, maṃsaṃ milāyati, taṃ panassa yakkho dhātukkhobhanimittatāya karonto viya hotīti vuttaṃ ‘‘appamaṃsalohitaṃ karonto’’ti.
๒๘๓. เตสํ นามานิ อินฺทาทินามภาเวน โวหริตพฺพโตฯ ตโตติ ตโต อาโรจนโต ปรํฯ เตติ ยกฺขเสนาปตโยฯ โอกาโส น ภวิสฺสตีติ ภิกฺขุภิกฺขุนิโย, อุปาสกอุปาสิกาโย วิเหเฐตุํ อวสโร น ภวิสฺสติ สมฺมเทว อารกฺขาย วิหิตตฺตาติฯ
283.Tesaṃ nāmāni indādināmabhāvena voharitabbato. Tatoti tato ārocanato paraṃ. Teti yakkhasenāpatayo. Okāso na bhavissatīti bhikkhubhikkhuniyo, upāsakaupāsikāyo viheṭhetuṃ avasaro na bhavissati sammadeva ārakkhāya vihitattāti.
อาฎานาฎิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Āṭānāṭiyasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๙. อาฎานาฎิยสุตฺตํ • 9. Āṭānāṭiyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๙. อาฎานาฎิยสุตฺตวณฺณนา • 9. Āṭānāṭiyasuttavaṇṇanā