Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๗. อาตาปีสุตฺตวณฺณนา
7. Ātāpīsuttavaṇṇanā
๓๔. สตฺตเม อนาตาปีติ กิเลสานํ อาตาปนเฎฺฐน อาตาโป, วีริยํ, โส เอตสฺส อตฺถีติ อาตาปี, น อาตาปี อนาตาปี, สมฺมปฺปธานวิรหิโต กุสีโตติ วุตฺตํ โหติฯ โอตฺตาโป วุจฺจติ ปาปุตฺราโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ โอตฺตาปี, น โอตฺตาปี อโนตฺตาปี, โอตฺตาปรหิโตฯ อถ วา อาตาปปฺปฎิปโกฺข อนาตาโป, โกสชฺชํ โส อสฺส อตฺถีติ อนาตาปีฯ ยํ ‘‘น โอตฺตปติ โอตฺตปฺปิตเพฺพน, น โอตฺตปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ เอวํ วุตฺตํ, ตํ อโนตฺตปฺปํ อโนตฺตาโปฯ โส อสฺส อตฺถีติ อโนตฺตาปีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
34. Sattame anātāpīti kilesānaṃ ātāpanaṭṭhena ātāpo, vīriyaṃ, so etassa atthīti ātāpī, na ātāpī anātāpī, sammappadhānavirahito kusītoti vuttaṃ hoti. Ottāpo vuccati pāputrāso, so etassa atthīti ottāpī, na ottāpī anottāpī, ottāparahito. Atha vā ātāpappaṭipakkho anātāpo, kosajjaṃ so assa atthīti anātāpī. Yaṃ ‘‘na ottapati ottappitabbena, na ottapati pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ samāpattiyā’’ti evaṃ vuttaṃ, taṃ anottappaṃ anottāpo. So assa atthīti anottāpīti evamettha attho veditabbo.
อภโพฺพติ อนรโหฯ สโมฺพธายาติ อริยมคฺคตฺถายฯ นิพฺพานายาติ กิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสมาย อมตมหานิพฺพานายฯ อนุตฺตรสฺส โยคเกฺขมสฺสาติ อรหตฺตผลสฺสฯ ตญฺหิ อุตฺตริตรสฺส อภาวโต อนุตฺตรํ, จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมํ นิพฺภยนฺติ โยคเกฺขมนฺติ จ วุจฺจติฯ อธิคมายาติ ปตฺติยาฯ อาตาปีติ วีริยวาฯ โส หิ ‘‘อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๕) เอวํ วุเตฺตน วีริยารเมฺภน สมนฺนาคโต กิเลสานํ อจฺจนฺตเมว อาตาปนสีโลติ อาตาปีฯ โอตฺตาปีติ ‘‘ยํ โอตฺตปติ โอตฺตปฺปิตเพฺพน, โอตฺตปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ (ธ. ส. ๓๑) เอวํ วุเตฺตน โอตฺตเปฺปน สมนฺนาคตตฺตา โอตฺตปนสีโลติ โอตฺตปฺปีฯ อยญฺหิ โอตฺตาปีติ วุโตฺตฯ ตทวินาภาวโต หิริยา จ สมนฺนาคโต เอว โหตีติ หิโรตฺตปฺปสมฺปโนฺน อณุมเตฺตปิ วเชฺช ภยทสฺสาวี สีเลสุ ปริปูรการี โหติฯ อิจฺจสฺส สีลสมฺปทา ทสฺสิตาฯ อาตาปีติ อิมินา นเยนสฺส กิเลสปริตาปิตาทีปเนน สมถวิปสฺสนาภาวนานุยุตฺตตา ทสฺสิตาฯ ยถาวุตฺตญฺจ วีริยํ สทฺธาสติสมาธิปญฺญาหิ วินา น โหตีติ วิมุตฺติปริปาจกานิ สทฺธาปญฺจมานิ อินฺทฺริยานิ อตฺถโต วุตฺตาเนว โหนฺติฯ เตสุ จ สิเทฺธสุ อนิเจฺจ อนิจฺจสญฺญา, อนิเจฺจ ทุกฺขสญฺญา, ทุเกฺข อนตฺตสญฺญา, ปหานสญฺญา, วิราคสญฺญา, นิโรธสญฺญาติ ฉ นิเพฺพธภาคิยา สญฺญา สิทฺธา เอวาติฯ เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตสฺส โลกิยานํ สีลสมาธิปญฺญานํ สิชฺฌนโต มคฺคผลนิพฺพานาธิคมสฺส ภพฺพตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อาตาปี จ โข…เป.… อธิคมายา’’ติ อาหฯ
Abhabboti anaraho. Sambodhāyāti ariyamaggatthāya. Nibbānāyāti kilesānaṃ accantavūpasamāya amatamahānibbānāya. Anuttarassa yogakkhemassāti arahattaphalassa. Tañhi uttaritarassa abhāvato anuttaraṃ, catūhi yogehi anupaddutattā khemaṃ nibbhayanti yogakkhemanti ca vuccati. Adhigamāyāti pattiyā. Ātāpīti vīriyavā. So hi ‘‘āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya, kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya, thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesū’’ti (dī. ni. 3.345) evaṃ vuttena vīriyārambhena samannāgato kilesānaṃ accantameva ātāpanasīloti ātāpī. Ottāpīti ‘‘yaṃ ottapati ottappitabbena, ottapati pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ samāpattiyā’’ti (dha. sa. 31) evaṃ vuttena ottappena samannāgatattā ottapanasīloti ottappī. Ayañhi ottāpīti vutto. Tadavinābhāvato hiriyā ca samannāgato eva hotīti hirottappasampanno aṇumattepi vajje bhayadassāvī sīlesu paripūrakārī hoti. Iccassa sīlasampadā dassitā. Ātāpīti iminā nayenassa kilesaparitāpitādīpanena samathavipassanābhāvanānuyuttatā dassitā. Yathāvuttañca vīriyaṃ saddhāsatisamādhipaññāhi vinā na hotīti vimuttiparipācakāni saddhāpañcamāni indriyāni atthato vuttāneva honti. Tesu ca siddhesu anicce aniccasaññā, anicce dukkhasaññā, dukkhe anattasaññā, pahānasaññā, virāgasaññā, nirodhasaññāti cha nibbedhabhāgiyā saññā siddhā evāti. Evaṃ imehi dvīhi dhammehi samannāgatassa lokiyānaṃ sīlasamādhipaññānaṃ sijjhanato maggaphalanibbānādhigamassa bhabbataṃ dassento ‘‘ātāpī ca kho…pe… adhigamāyā’’ti āha.
คาถาสุ กุสีโตติ มิจฺฉาวิตกฺกพหุลตาย กามพฺยาปาทวิหิํสาวิตกฺกสงฺขาเตหิ กุจฺฉิเตหิ ปาปธเมฺมหิ สิโต สมฺพโนฺธ ยุโตฺตติ กุสีโตฯ กุจฺฉิตํ วา สีทติ สมฺมาปฎิปตฺติโต อวสีทตีติ กุสีโต, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวาฯ หีนวีริโยติ นิพฺพีริโย, จตูสุปิ อิริยาปเถสุ วีริยกรณรหิโตฯ อนุสฺสาหสํหนนสภาวสฺส จิตฺตาลสิยสฺส ถินสฺส, อสตฺติวิฆาตสภาวสฺส กายาลสิยสฺส มิทฺธสฺส จ อภิณฺหปฺปวตฺติยา ถินมิทฺธพหุโลฯ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา อภาเวน ตปฺปฎิปเกฺขน อหิริเกน สมนฺนาคตตฺตา จ อหิริโกฯ หิโรตฺตปฺปวีริยานํ อภาเวเนว สมฺมาปฎิปตฺติยํ นตฺถิ เอตสฺส อาทโรติ อนาทโรฯ อุภยถาปิ ตถา ธมฺมปุคฺคเลน ทุวิธกิริยากรเณน อนาทโรฯ ผุฎฺฐุนฺติ ผุสิตุํฯ สโมฺพธิมุตฺตมนฺติ สโมฺพธิสงฺขาตํ อุตฺตมํ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ อภโพฺพติ อโตฺถฯ
Gāthāsu kusītoti micchāvitakkabahulatāya kāmabyāpādavihiṃsāvitakkasaṅkhātehi kucchitehi pāpadhammehi sito sambandho yuttoti kusīto. Kucchitaṃ vā sīdati sammāpaṭipattito avasīdatīti kusīto, da-kārassa ta-kāraṃ katvā. Hīnavīriyoti nibbīriyo, catūsupi iriyāpathesu vīriyakaraṇarahito. Anussāhasaṃhananasabhāvassa cittālasiyassa thinassa, asattivighātasabhāvassa kāyālasiyassa middhassa ca abhiṇhappavattiyā thinamiddhabahulo. Pāpajigucchanalakkhaṇāya hiriyā abhāvena tappaṭipakkhena ahirikena samannāgatattā ca ahiriko. Hirottappavīriyānaṃ abhāveneva sammāpaṭipattiyaṃ natthi etassa ādaroti anādaro. Ubhayathāpi tathā dhammapuggalena duvidhakiriyākaraṇena anādaro. Phuṭṭhunti phusituṃ. Sambodhimuttamanti sambodhisaṅkhātaṃ uttamaṃ arahattaṃ adhigantuṃ abhabboti attho.
สติมาติ จิรกตจิรภาสิตานํ อนุสฺสรเณ สมตฺถสฺส สติเนปกฺกสฺส ภาเวน จตุสติปฎฺฐานโยเคน สติมาฯ นิปโกติ สตฺตฎฺฐานิยสมฺปชญฺญสงฺขาเตน เจว กมฺมฎฺฐานปริหรณปญฺญาสงฺขาเตน จ เนปเกฺกน สมนฺนาคตตฺตา นิปโกฯ ฌายีติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทฺวีหิปิ ฌาเนหิ ฌายีฯ อปฺปมโตฺตติ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณิเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินา นเยน กมฺมฎฺฐานภาวนาย อปฺปมโตฺตฯ สํโยชนํ ชาติชราย เฉตฺวาติ ชาติยา เจว ชราย จ สเตฺต สํโยเชตีติ สํโยชนนฺติ ลทฺธนามํ กามราคาทิกํ ทสวิธมฺปิ กิเลสชาตํ อนุสยสมุคฺฆาตวเสน มูลโต ฉินฺทิตฺวาฯ อถ วา สํโยชนํ ชาติชราย เฉตฺวาติ ชาติชราย สํโยชนํ ฉินฺทิตฺวาฯ ยสฺส หิ สํโยชนานิ อจฺฉินฺนานิ, ตสฺส ชาติชราย อเจฺฉโท อสมุคฺฆาโตวฯ ยสฺส ปน ตานิ ฉินฺนานิ, ตสฺส ชาติชราปิ ฉินฺนาว การณสฺส สมุคฺฆาติตตฺตาฯ ตสฺมา สํโยชนํ ฉินฺทโนฺต เอว ชาติชราปิ ฉินฺทติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สํโยชนํ ชาติชราย เฉตฺวา’’ติฯ อิเธว สโมฺพธิมนุตฺตรํ ผุเสติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว อคฺคมคฺคํ อรหตฺตํ วา ผุเส ปาปุเณยฺยฯ
Satimāti cirakatacirabhāsitānaṃ anussaraṇe samatthassa satinepakkassa bhāvena catusatipaṭṭhānayogena satimā. Nipakoti sattaṭṭhāniyasampajaññasaṅkhātena ceva kammaṭṭhānapariharaṇapaññāsaṅkhātena ca nepakkena samannāgatattā nipako. Jhāyīti ārammaṇūpanijjhānena lakkhaṇūpanijjhānena cāti dvīhipi jhānehi jhāyī. Appamattoti ‘‘divasaṃ caṅkamena nisajjāya āvaraṇiyehi dhammehi cittaṃ parisodhetī’’tiādinā nayena kammaṭṭhānabhāvanāya appamatto. Saṃyojanaṃ jātijarāya chetvāti jātiyā ceva jarāya ca satte saṃyojetīti saṃyojananti laddhanāmaṃ kāmarāgādikaṃ dasavidhampi kilesajātaṃ anusayasamugghātavasena mūlato chinditvā. Atha vā saṃyojanaṃ jātijarāya chetvāti jātijarāya saṃyojanaṃ chinditvā. Yassa hi saṃyojanāni acchinnāni, tassa jātijarāya acchedo asamugghātova. Yassa pana tāni chinnāni, tassa jātijarāpi chinnāva kāraṇassa samugghātitattā. Tasmā saṃyojanaṃ chindanto eva jātijarāpi chindati. Tena vuttaṃ ‘‘saṃyojanaṃ jātijarāya chetvā’’ti. Idheva sambodhimanuttaraṃ phuseti imasmiṃyeva attabhāve aggamaggaṃ arahattaṃ vā phuse pāpuṇeyya.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sattamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๗. อาตาปีสุตฺตํ • 7. Ātāpīsuttaṃ