Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi |
๑๕. อตฺตทณฺฑสุตฺตํ
15. Attadaṇḍasuttaṃ
๙๔๑.
941.
‘‘อตฺตทณฺฑา ภยํ ชาตํ, ชนํ ปสฺสถ เมธคํ;
‘‘Attadaṇḍā bhayaṃ jātaṃ, janaṃ passatha medhagaṃ;
สํเวคํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา สํวิชิตํ มยาฯ
Saṃvegaṃ kittayissāmi, yathā saṃvijitaṃ mayā.
๙๔๒.
942.
‘‘ผนฺทมานํ ปชํ ทิสฺวา, มเจฺฉ อโปฺปทเก ยถา;
‘‘Phandamānaṃ pajaṃ disvā, macche appodake yathā;
อญฺญมเญฺญหิ พฺยารุเทฺธ, ทิสฺวา มํ ภยมาวิสิฯ
Aññamaññehi byāruddhe, disvā maṃ bhayamāvisi.
๙๔๓.
943.
‘‘สมนฺตมสาโร โลโก, ทิสา สพฺพา สเมริตา;
‘‘Samantamasāro loko, disā sabbā sameritā;
อิจฺฉํ ภวนมตฺตโน, นาทฺทสาสิํ อโนสิตํฯ
Icchaṃ bhavanamattano, nāddasāsiṃ anositaṃ.
๙๔๔.
944.
‘‘โอสาเนเตฺวว พฺยารุเทฺธ, ทิสฺวา เม อรตี อหุ;
‘‘Osānetveva byāruddhe, disvā me aratī ahu;
อเถตฺถ สลฺลมทฺทกฺขิํ, ทุทฺทสํ หทยนิสฺสิตํฯ
Athettha sallamaddakkhiṃ, duddasaṃ hadayanissitaṃ.
๙๔๕.
945.
‘‘เยน สเลฺลน โอติโณฺณ, ทิสา สพฺพา วิธาวติ;
‘‘Yena sallena otiṇṇo, disā sabbā vidhāvati;
ตเมว สลฺลมพฺพุยฺห, น ธาวติ น สีทติฯ
Tameva sallamabbuyha, na dhāvati na sīdati.
๙๔๖.
946.
น เตสุ ปสุโต สิยา, นิพฺพิชฺฌ สพฺพโส กาเม;
Na tesu pasuto siyā, nibbijjha sabbaso kāme;
สิเกฺข นิพฺพานมตฺตโนฯ
Sikkhe nibbānamattano.
๙๔๗.
947.
‘‘สโจฺจ สิยา อปฺปคโพฺภ, อมาโย ริตฺตเปสุโณ;
‘‘Sacco siyā appagabbho, amāyo rittapesuṇo;
อโกฺกธโน โลภปาปํ, เววิจฺฉํ วิตเร มุนิฯ
Akkodhano lobhapāpaṃ, vevicchaṃ vitare muni.
๙๔๘.
948.
‘‘นิทฺทํ ตนฺทิํ สเห ถีนํ, ปมาเทน น สํวเส;
‘‘Niddaṃ tandiṃ sahe thīnaṃ, pamādena na saṃvase;
อติมาเน น ติเฎฺฐยฺย, นิพฺพานมนโส นโรฯ
Atimāne na tiṭṭheyya, nibbānamanaso naro.
๙๔๙.
949.
‘‘โมสวเชฺช น นีเยถ, รูเป เสฺนหํ น กุพฺพเย;
‘‘Mosavajje na nīyetha, rūpe snehaṃ na kubbaye;
มานญฺจ ปริชาเนยฺย, สาหสา วิรโต จเรฯ
Mānañca parijāneyya, sāhasā virato care.
๙๕๐.
950.
‘‘ปุราณํ นาภินเนฺทยฺย, นเว ขนฺติํ น กุพฺพเย;
‘‘Purāṇaṃ nābhinandeyya, nave khantiṃ na kubbaye;
หิยฺยมาเน น โสเจยฺย, อากาสํ น สิโต สิยาฯ
Hiyyamāne na soceyya, ākāsaṃ na sito siyā.
๙๕๑.
951.
‘‘เคธํ พฺรูมิ มโหโฆติ, อาชวํ พฺรูมิ ชปฺปนํ;
‘‘Gedhaṃ brūmi mahoghoti, ājavaṃ brūmi jappanaṃ;
อารมฺมณํ ปกปฺปนํ, กามปโงฺก ทุรจฺจโยฯ
Ārammaṇaṃ pakappanaṃ, kāmapaṅko duraccayo.
๙๕๒.
952.
๙๕๓.
953.
‘‘ส เว วิทฺวา ส เวทคู, ญตฺวา ธมฺมํ อนิสฺสิโต;
‘‘Sa ve vidvā sa vedagū, ñatvā dhammaṃ anissito;
สมฺมา โส โลเก อิริยาโน, น ปิเหตีธ กสฺสจิฯ
Sammā so loke iriyāno, na pihetīdha kassaci.
๙๕๔.
954.
‘‘โยธ กาเม อจฺจตริ, สงฺคํ โลเก ทุรจฺจยํ;
‘‘Yodha kāme accatari, saṅgaṃ loke duraccayaṃ;
น โส โสจติ นาเชฺฌติ, ฉินฺนโสโต อพนฺธโนฯ
Na so socati nājjheti, chinnasoto abandhano.
๙๕๕.
955.
‘‘ยํ ปุเพฺพ ตํ วิโสเสหิ, ปจฺฉา เต มาหุ กิญฺจนํ;
‘‘Yaṃ pubbe taṃ visosehi, pacchā te māhu kiñcanaṃ;
มเชฺฌ เจ โน คเหสฺสสิ, อุปสโนฺต จริสฺสสิฯ
Majjhe ce no gahessasi, upasanto carissasi.
๙๕๖.
956.
‘‘สพฺพโส นามรูปสฺมิํ, ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ;
‘‘Sabbaso nāmarūpasmiṃ, yassa natthi mamāyitaṃ;
อสตา จ น โสจติ, ส เว โลเก น ชียติฯ
Asatā ca na socati, sa ve loke na jīyati.
๙๕๗.
957.
‘‘ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ, ปเรสํ วาปิ กิญฺจนํ;
‘‘Yassa natthi idaṃ meti, paresaṃ vāpi kiñcanaṃ;
มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ, นตฺถิ เมติ น โสจติฯ
Mamattaṃ so asaṃvindaṃ, natthi meti na socati.
๙๕๘.
958.
‘‘อนิฎฺฐุรี อนนุคิโทฺธ, อเนโช สพฺพธี สโม;
‘‘Aniṭṭhurī ananugiddho, anejo sabbadhī samo;
ตมานิสํสํ ปพฺรูมิ, ปุจฺฉิโต อวิกมฺปินํฯ
Tamānisaṃsaṃ pabrūmi, pucchito avikampinaṃ.
๙๕๙.
959.
วิรโต โส วิยารพฺภา, เขมํ ปสฺสติ สพฺพธิฯ
Virato so viyārabbhā, khemaṃ passati sabbadhi.
๙๖๐.
960.
‘‘น สเมสุ น โอเมสุ, น อุเสฺสสุ วทเต มุนิ;
‘‘Na samesu na omesu, na ussesu vadate muni;
สโนฺต โส วีตมจฺฉโร, นาเทติ น นิรสฺสตี’’ติฯ
Santo so vītamaccharo, nādeti na nirassatī’’ti.
อตฺตทณฺฑสุตฺตํ ปนฺนรสมํ นิฎฺฐิตํฯ
Attadaṇḍasuttaṃ pannarasamaṃ niṭṭhitaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๑๕. อตฺตทณฺฑสุตฺตวณฺณนา • 15. Attadaṇḍasuttavaṇṇanā