Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga |
๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทํ
4. Attakāmapāricariyasikkhāpadaṃ
๒๙๐. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุทายี สาวตฺถิยํ กุลูปโก โหติ, พหุกานิ กุลานิ อุปสงฺกมติฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี มตปติกา อภิรูปา โหติ ทสฺสนียา ปาสาทิกาฯ อถ โข อายสฺมา อุทายี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ตสฺสา อิตฺถิยา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข สา อิตฺถี เยนายสฺมา อุทายี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายิํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ อิตฺถิํ อายสฺมา อุทายี ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข สา อิตฺถี อายสฺมตา อุทายินา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุเตฺตชิตา สมฺปหํสิตา อายสฺมนฺตํ อุทายิํ เอตทโวจ – ‘‘วเทยฺยาถ, ภเนฺต, เยน อโตฺถฯ ปฎิพลา มยํ อยฺยสฺส ทาตุํ ยทิทํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาร’’นฺติฯ
290. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā udāyī sāvatthiyaṃ kulūpako hoti, bahukāni kulāni upasaṅkamati. Tena kho pana samayena aññatarā itthī matapatikā abhirūpā hoti dassanīyā pāsādikā. Atha kho āyasmā udāyī pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena tassā itthiyā nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho sā itthī yenāyasmā udāyī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ udāyiṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho taṃ itthiṃ āyasmā udāyī dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho sā itthī āyasmatā udāyinā dhammiyā kathāya sandassitā samādapitā samuttejitā sampahaṃsitā āyasmantaṃ udāyiṃ etadavoca – ‘‘vadeyyātha, bhante, yena attho. Paṭibalā mayaṃ ayyassa dātuṃ yadidaṃ cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhāra’’nti.
‘‘น โข เต, ภคินิ, อมฺหากํ ทุลฺลภา ยทิทํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราฯ อปิจ, โย อมฺหากํ ทุลฺลโภ ตํ เทหี’’ติฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต’’ติ? ‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติฯ ‘‘อโตฺถ , ภเนฺต’’ติ? ‘‘อโตฺถ, ภคินี’’ติฯ ‘‘เอหิ, ภเนฺต’’ติ, โอวรกํ ปวิสิตฺวา สาฎกํ นิกฺขิปิตฺวา มญฺจเก อุตฺตานา นิปชฺชิฯ อถ โข อายสฺมา อุทายี เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘โก อิมํ วสลํ ทุคฺคนฺธํ อามสิสฺสตี’’ติ, นิฎฺฐุหิตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข สา อิตฺถี อุชฺฌายติ ขิยฺยติ วิปาเจติ – ‘‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา มุสาวาทิโนฯ อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา ปฎิชานิสฺสนฺติ! นตฺถิ อิเมสํ สามญฺญํ นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, นฎฺฐํ อิเมสํ สามญฺญํ นฎฺฐํ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, กุโต อิเมสํ สามญฺญํ กุโต อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, อปคตา อิเม สามญฺญา อปคตา อิเม พฺรหฺมญฺญาฯ กถญฺหิ นาม สมโณ อุทายี มํ สามํ เมถุนธมฺมํ ยาจิตฺวา, ‘โก อิมํ วสลํ ทุคฺคนฺธํ อามสิสฺสตี’’ติ นิฎฺฐุหิตฺวา ปกฺกมิสฺสติ! กิํ เม ปาปกํ กิํ เม ทุคฺคนฺธํ, กสฺสาหํ เกน หายามี’’ติ? อญฺญาปิ อิตฺถิโย อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา มุสาวาทิโน…เป.… กถญฺหิ นาม สมโณ อุทายี อิมิสฺสา สามํ เมถุนธมฺมํ ยาจิตฺวา, ‘โก อิมํ วสลํ ทุคฺคนฺธํ อามสิสฺสตี’ติ นิฎฺฐุหิตฺวา ปกฺกมิสฺสติ! กิํ อิมิสฺสา ปาปกํ กิํ อิมิสฺสา ทุคฺคนฺธํ, กสฺสายํ เกน หายตี’’ติ? อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู ตาสํ อิตฺถีนํ อุชฺฌายนฺตีนํ ขิยฺยนฺตีนํ วิปาเจนฺตีนํฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา อุทายี มาตุคามสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสิสฺสตี’’ติ!
‘‘Na kho te, bhagini, amhākaṃ dullabhā yadidaṃ cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā. Apica, yo amhākaṃ dullabho taṃ dehī’’ti. ‘‘Kiṃ, bhante’’ti? ‘‘Methunadhamma’’nti. ‘‘Attho , bhante’’ti? ‘‘Attho, bhaginī’’ti. ‘‘Ehi, bhante’’ti, ovarakaṃ pavisitvā sāṭakaṃ nikkhipitvā mañcake uttānā nipajji. Atha kho āyasmā udāyī yena sā itthī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā – ‘‘ko imaṃ vasalaṃ duggandhaṃ āmasissatī’’ti, niṭṭhuhitvā pakkāmi. Atha kho sā itthī ujjhāyati khiyyati vipāceti – ‘‘alajjino ime samaṇā sakyaputtiyā dussīlā musāvādino. Ime hi nāma dhammacārino samacārino brahmacārino saccavādino sīlavanto kalyāṇadhammā paṭijānissanti! Natthi imesaṃ sāmaññaṃ natthi imesaṃ brahmaññaṃ, naṭṭhaṃ imesaṃ sāmaññaṃ naṭṭhaṃ imesaṃ brahmaññaṃ, kuto imesaṃ sāmaññaṃ kuto imesaṃ brahmaññaṃ, apagatā ime sāmaññā apagatā ime brahmaññā. Kathañhi nāma samaṇo udāyī maṃ sāmaṃ methunadhammaṃ yācitvā, ‘ko imaṃ vasalaṃ duggandhaṃ āmasissatī’’ti niṭṭhuhitvā pakkamissati! Kiṃ me pāpakaṃ kiṃ me duggandhaṃ, kassāhaṃ kena hāyāmī’’ti? Aññāpi itthiyo ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘alajjino ime samaṇā sakyaputtiyā dussīlā musāvādino…pe… kathañhi nāma samaṇo udāyī imissā sāmaṃ methunadhammaṃ yācitvā, ‘ko imaṃ vasalaṃ duggandhaṃ āmasissatī’ti niṭṭhuhitvā pakkamissati! Kiṃ imissā pāpakaṃ kiṃ imissā duggandhaṃ, kassāyaṃ kena hāyatī’’ti? Assosuṃ kho bhikkhū tāsaṃ itthīnaṃ ujjhāyantīnaṃ khiyyantīnaṃ vipācentīnaṃ. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā udāyī mātugāmassa santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsissatī’’ti!
อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อุทายิํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายิํ ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อุทายิ, มาตุคามสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา – ‘‘อนนุจฺฉวิกํ, โมฆปุริส, อนนุโลมิกํ อปฺปติรูปํ อสฺสามณกํ อกปฺปิยํ อกรณียํฯ กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, มาตุคามสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสิสฺสสิ! นนุ มยา , โมฆปุริส, อเนกปริยาเยน วิราคาย ธโมฺม เทสิโต โน สราคาย…เป.… กามปริฬาหานํ วูปสโม อกฺขาโต? เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –
Atha kho te bhikkhū āyasmantaṃ udāyiṃ anekapariyāyena vigarahitvā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā āyasmantaṃ udāyiṃ paṭipucchi – ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, udāyi, mātugāmassa santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsasī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā – ‘‘ananucchavikaṃ, moghapurisa, ananulomikaṃ appatirūpaṃ assāmaṇakaṃ akappiyaṃ akaraṇīyaṃ. Kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, mātugāmassa santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsissasi! Nanu mayā , moghapurisa, anekapariyāyena virāgāya dhammo desito no sarāgāya…pe… kāmapariḷāhānaṃ vūpasamo akkhāto? Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –
๒๙๑. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ โอติโณฺณ วิปริณเตน จิเตฺตน มาตุคามสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย – ‘เอตทคฺคํ, ภคินิ, ปาริจริยานํ ยา มาทิสํ สีลวนฺตํ กลฺยาณธมฺมํ พฺรหฺมจาริํ เอเตน ธเมฺมน ปริจเรยฺยาติ เมถุนุปสํหิเตน’, สงฺฆาทิเสโส’’ติฯ
291.‘‘Yo pana bhikkhu otiṇṇo vipariṇatena cittena mātugāmassa santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāseyya – ‘etadaggaṃ, bhagini, pāricariyānaṃ yā mādisaṃ sīlavantaṃ kalyāṇadhammaṃ brahmacāriṃ etena dhammena paricareyyāti methunupasaṃhitena’, saṅghādiseso’’ti.
๒๙๒. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ
292.Yopanāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.
โอติโณฺณ นาม สารโตฺต อเปกฺขวา ปฎิพทฺธจิโตฺตฯ
Otiṇṇo nāma sāratto apekkhavā paṭibaddhacitto.
วิปริณตนฺติ รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตฺตํ, ทุฎฺฐมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, มูฬฺหมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํฯ อปิจ, รตฺตํ จิตฺตํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปตํ วิปริณตนฺติฯ
Vipariṇatanti rattampi cittaṃ vipariṇattaṃ, duṭṭhampi cittaṃ vipariṇataṃ, mūḷhampi cittaṃ vipariṇataṃ. Apica, rattaṃ cittaṃ imasmiṃ atthe adhippetaṃ vipariṇatanti.
มาตุคาโม นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี, น เปตี, น ติรจฺฉานคตาฯ วิญฺญู ปฎิพลา สุภาสิตทุพฺภาสิตํ ทุฎฺฐลฺลาทุฎฺฐุลฺลํ อาชานิตุํฯ
Mātugāmo nāma manussitthī, na yakkhī, na petī, na tiracchānagatā. Viññū paṭibalā subhāsitadubbhāsitaṃ duṭṭhallāduṭṭhullaṃ ājānituṃ.
มาตุคามสฺส สนฺติเกติ มาตุคามสฺส สามนฺตา, มาตุคามสฺส อวิทูเรฯ
Mātugāmassa santiketi mātugāmassa sāmantā, mātugāmassa avidūre.
อตฺตกามนฺติ อตฺตโน กามํ อตฺตโน เหตุํ อตฺตโน อธิปฺปายํ อตฺตโน ปาริจริยํฯ
Attakāmanti attano kāmaṃ attano hetuṃ attano adhippāyaṃ attano pāricariyaṃ.
เอตทคฺคนฺติ เอตํ อคฺคํ เอตํ เสฎฺฐํ เอตํ โมกฺขํ เอตํ อุตฺตมํ เอตํ ปวรํฯ
Etadagganti etaṃ aggaṃ etaṃ seṭṭhaṃ etaṃ mokkhaṃ etaṃ uttamaṃ etaṃ pavaraṃ.
ยาติ ขตฺติยี 1 วา พฺราหฺมณี วา เวสฺสี วา สุทฺที วาฯ
Yāti khattiyī 2 vā brāhmaṇī vā vessī vā suddī vā.
มาทิสนฺติ ขตฺติยํ วา พฺราหฺมณํ วา เวสฺสํ วา สุทฺทํ วาฯ
Mādisanti khattiyaṃ vā brāhmaṇaṃ vā vessaṃ vā suddaṃ vā.
สีลวนฺตนฺติ ปาณาติปาตา ปฎิวิรตํ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรตํ, มุสาวาทา ปฎิวิรตํฯ
Sīlavantanti pāṇātipātā paṭivirataṃ, adinnādānā paṭivirataṃ, musāvādā paṭivirataṃ.
พฺรหฺมจารินฺติ เมถุนธมฺมา ปฎิวิรตํฯ
Brahmacārinti methunadhammā paṭivirataṃ.
กลฺยาณธโมฺม นาม เตน จ สีเลน เตน จ พฺรหฺมจริเยน กลฺยาณธโมฺม โหติฯ
Kalyāṇadhammo nāma tena ca sīlena tena ca brahmacariyena kalyāṇadhammo hoti.
เอเตน ธเมฺมนาติ เมถุนธเมฺมนฯ
Etenadhammenāti methunadhammena.
ปริจเรยฺยาติ อภิรเมยฺยฯ
Paricareyyāti abhirameyya.
เมถุนุปสํหิเตนาติ เมถุนธมฺมปฺปฎิสํยุเตฺตนฯ
Methunupasaṃhitenāti methunadhammappaṭisaṃyuttena.
สงฺฆาทิเสโสติ…เป.… เตนปิ วุจฺจติ สงฺฆาทิเสโสติฯ
Saṅghādisesoti…pe… tenapi vuccati saṅghādisesoti.
๒๙๓. อิตฺถี จ โหติ อิตฺถิสญฺญี สารโตฺต จฯ ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส ฯ
293. Itthī ca hoti itthisaññī sāratto ca. Bhikkhu ca naṃ itthiyā santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsati, āpatti saṅghādisesassa .
อิตฺถี จ โหติ เวมติโก…เป.… ปณฺฑกสญฺญี… ปุริสสญฺญี… ติรจฺฉานคตสญฺญี สารโตฺต จฯ ภิกฺขุ จ นํ อิตฺถิยา สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ
Itthī ca hoti vematiko…pe… paṇḍakasaññī… purisasaññī… tiracchānagatasaññī sāratto ca. Bhikkhu ca naṃ itthiyā santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsati, āpatti thullaccayassa.
ปณฺฑโก จ โหติ ปณฺฑกสญฺญี สารโตฺต จฯ ภิกฺขุ จ นํ ปณฺฑกสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ
Paṇḍako ca hoti paṇḍakasaññī sāratto ca. Bhikkhu ca naṃ paṇḍakassa santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsati, āpatti thullaccayassa.
ปณฺฑโก จ โหติ เวมติโก…เป.… ปุริสสญฺญี… ติรจฺฉานคตสญฺญี… อิตฺถิสญฺญี สารโตฺต จฯ ภิกฺขุ จ นํ ปณฺฑกสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Paṇḍako ca hoti vematiko…pe… purisasaññī… tiracchānagatasaññī… itthisaññī sāratto ca. Bhikkhu ca naṃ paṇḍakassa santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsati, āpatti dukkaṭassa.
ปุริโส จ โหติ…เป.… ติรจฺฉานคโต จ โหติ ติรจฺฉานคตสญฺญี…เป.… เวมติโก อิตฺถิสญฺญี… ปณฺฑกสญฺญี… ปุริสสญฺญี สารโตฺต จฯ ภิกฺขุ จ นํ ติรจฺฉานคตสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ
Puriso ca hoti…pe… tiracchānagato ca hoti tiracchānagatasaññī…pe… vematiko itthisaññī… paṇḍakasaññī… purisasaññī sāratto ca. Bhikkhu ca naṃ tiracchānagatassa santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsati, āpatti dukkaṭassa.
เทฺว อิตฺถิโย ทฺวินฺนํ อิตฺถีนํ อิตฺถิสญฺญี สารโตฺต จฯ ภิกฺขุ จ นํ ทฺวินฺนํ อิตฺถีนํ สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสติ, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ สงฺฆาทิเสสานํ…เป.… ฯ
Dve itthiyo dvinnaṃ itthīnaṃ itthisaññī sāratto ca. Bhikkhu ca naṃ dvinnaṃ itthīnaṃ santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsati, āpatti dvinnaṃ saṅghādisesānaṃ…pe… .
อิตฺถี จ ปณฺฑโก จ อุภินฺนํ อิตฺถิสญฺญี สารโตฺต จฯ ภิกฺขุ จ นํ อุภินฺนํ สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสเสน ทุกฺกฎสฺส…เป.… ฯ
Itthī ca paṇḍako ca ubhinnaṃ itthisaññī sāratto ca. Bhikkhu ca naṃ ubhinnaṃ santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsati, āpatti saṅghādisesena dukkaṭassa…pe… .
๒๙๔. อนาปตฺติ ‘‘จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน อุปฎฺฐหา’’ติ ภณติ, อุมฺมตฺตกสฺส อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
294. Anāpatti ‘‘cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārena upaṭṭhahā’’ti bhaṇati, ummattakassa ādikammikassāti.
วินีตวตฺถุอุทฺทานคาถา
Vinītavatthuuddānagāthā
กถํ วญฺฌา ลเภ ปุตฺตํ, ปิยา จ สุภคา สิยํ;
Kathaṃ vañjhā labhe puttaṃ, piyā ca subhagā siyaṃ;
กิํ ทชฺชํ เกนุปเฎฺฐยฺยํ, กถํ คเจฺฉยฺยํ สุคฺคตินฺติฯ
Kiṃ dajjaṃ kenupaṭṭheyyaṃ, kathaṃ gaccheyyaṃ suggatinti.
วินีตวตฺถุ
Vinītavatthu
๒๙๕. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา วญฺฌา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กถาหํ, ภเนฺต, วิชาเยยฺย’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภคินิ, อคฺคทานํ เทหี’’ติฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, อคฺคทาน’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน สงฺฆาทิเสส’’นฺติฯ
295. Tena kho pana samayena aññatarā vañjhā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kathāhaṃ, bhante, vijāyeyya’’nti? ‘‘Tena hi, bhagini, aggadānaṃ dehī’’ti. ‘‘Kiṃ, bhante, aggadāna’’nti? ‘‘Methunadhamma’’nti. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno saṅghādisesa’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา วิชายินี อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กถาหํ, ภเนฺต, ปุตฺตํ ลเภยฺย’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภคินิ, อคฺคทานํ เทหี’’ติฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, อคฺคทาน’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน สงฺฆาทิเสส’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññatarā vijāyinī itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kathāhaṃ, bhante, puttaṃ labheyya’’nti? ‘‘Tena hi, bhagini, aggadānaṃ dehī’’ti. ‘‘Kiṃ, bhante, aggadāna’’nti? ‘‘Methunadhamma’’nti. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno saṅghādisesa’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กถาหํ, ภเนฺต, สามิกสฺส ปิยา อสฺส’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภคินิ, อคฺคทานํ เทหี’’ติฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, อคฺคทาน’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน สงฺฆาทิเสส’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññatarā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kathāhaṃ, bhante, sāmikassa piyā assa’’nti? ‘‘Tena hi, bhagini, aggadānaṃ dehī’’ti. ‘‘Kiṃ, bhante, aggadāna’’nti? ‘‘Methunadhamma’’nti. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno saṅghādisesa’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กถาหํ, ภเนฺต, สุภคา อสฺส’’นฺติ? ‘‘เตน หิ , ภคินิ, อคฺคทานํ เทหี’’ติฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, อคฺคทาน’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน สงฺฆาทิเสส’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññatarā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kathāhaṃ, bhante, subhagā assa’’nti? ‘‘Tena hi , bhagini, aggadānaṃ dehī’’ti. ‘‘Kiṃ, bhante, aggadāna’’nti? ‘‘Methunadhamma’’nti. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno saṅghādisesa’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กฺยาหํ, ภเนฺต, อยฺยสฺส ทชฺชามี’’ติ? ‘‘อคฺคทานํ, ภคินี’’ติฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, อคฺคทาน’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน สงฺฆาทิเสส’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññatarā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kyāhaṃ, bhante, ayyassa dajjāmī’’ti? ‘‘Aggadānaṃ, bhaginī’’ti. ‘‘Kiṃ, bhante, aggadāna’’nti? ‘‘Methunadhamma’’nti. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno saṅghādisesa’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘เกนาหํ, ภเนฺต, อยฺยํ อุปเฎฺฐมี’’ติ? ‘‘อคฺคทาเนน, ภคินี’’ติฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, อคฺคทาน’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน สงฺฆาทิเสส’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena aññatarā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kenāhaṃ, bhante, ayyaṃ upaṭṭhemī’’ti? ‘‘Aggadānena, bhaginī’’ti. ‘‘Kiṃ, bhante, aggadāna’’nti? ‘‘Methunadhamma’’nti. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno saṅghādisesa’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กถาหํ,
Tena kho pana samayena aññatarā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kathāhaṃ,
ภเนฺต, สุคติํ คเจฺฉยฺย’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภคินิ, อคฺคทานํ เทหี’’ติฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต, อคฺคทาน’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺม’’นฺติฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน สงฺฆาทิเสส’’นฺติฯ
Bhante, sugatiṃ gaccheyya’’nti? ‘‘Tena hi, bhagini, aggadānaṃ dehī’’ti. ‘‘Kiṃ, bhante, aggadāna’’nti? ‘‘Methunadhamma’’nti. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno saṅghādisesa’’nti.
อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Attakāmapāricariyasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā