Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā
๒๙๐. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควาติ อตฺตกามสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ กุลูปโกติ กุลปยิรุปาสนโก จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อตฺถาย กุลูปสงฺกมเน นิจฺจปฺปยุโตฺตฯ
290.Tena samayena buddho bhagavāti attakāmasikkhāpadaṃ. Tattha kulūpakoti kulapayirupāsanako catunnaṃ paccayānaṃ atthāya kulūpasaṅkamane niccappayutto.
จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ จีวรญฺจ ปิณฺฑปาตญฺจ เสนาสนญฺจ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารญฺจฯ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ เจตฺถ ปติกรณเตฺถน ปจฺจโย, ยสฺส กสฺสจิ สปฺปายเสฺสตํ อธิวจนํฯ ภิสกฺกสฺส กมฺมํ เตน อนุญฺญาตตฺตาติ เภสชฺชํฯ คิลานปจฺจโยว เภสชฺชํ คิลานปจฺจยเภสชฺชํ, ยํกิญฺจิ คิลานสฺส สปฺปายํ ภิสกฺกกมฺมํ เตลมธุผาณิตาทีติ วุตฺตํ โหติฯ ปริกฺขาโรติ ปน ‘‘สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิ สุปริกฺขตํ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๗) ปริวาโร วุจฺจติฯ ‘‘รโถ สีสปริกฺขาโร ฌานโกฺข จกฺกวีริโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔) อลงฺกาโรฯ ‘‘เย จิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา’’ติอาทีสุ (โร. นิ. ๑.๑.๑๙๑) สมฺภาโรฯ อิธ ปน สมฺภาโรปิ ปริวาโรปิ วฎฺฎติฯ ตญฺหิ คิลานปจฺจยเภสชฺชํ ชีวิตสฺส ปริวาโรปิ โหติ ชีวิตวินาสกาพาธุปฺปตฺติยา อนฺตรํ อทตฺวา รกฺขณโต, สมฺภาโรปิ ยถา จิรํ ปวตฺตติ เอวมสฺส การณภาวโต, ตสฺมา ปริกฺขาโรติ วุจฺจติฯ เอวํ คิลานปจฺจยเภสชฺชญฺจ ตํ ปริกฺขาโร จาติ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาโร, ตํ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhāranti cīvarañca piṇḍapātañca senāsanañca gilānapaccayabhesajjaparikkhārañca. Gilānapaccayabhesajjaparikkhāranti cettha patikaraṇatthena paccayo, yassa kassaci sappāyassetaṃ adhivacanaṃ. Bhisakkassa kammaṃ tena anuññātattāti bhesajjaṃ. Gilānapaccayova bhesajjaṃ gilānapaccayabhesajjaṃ, yaṃkiñci gilānassa sappāyaṃ bhisakkakammaṃ telamadhuphāṇitādīti vuttaṃ hoti. Parikkhāroti pana ‘‘sattahi nagaraparikkhārehi suparikkhataṃ hotī’’tiādīsu (a. ni. 7.67) parivāro vuccati. ‘‘Ratho sīsaparikkhāro jhānakkho cakkavīriyo’’tiādīsu (saṃ. ni. 5.4) alaṅkāro. ‘‘Ye cime pabbajitena jīvitaparikkhārā samudānetabbā’’tiādīsu (ro. ni. 1.1.191) sambhāro. Idha pana sambhāropi parivāropi vaṭṭati. Tañhi gilānapaccayabhesajjaṃ jīvitassa parivāropi hoti jīvitavināsakābādhuppattiyā antaraṃ adatvā rakkhaṇato, sambhāropi yathā ciraṃ pavattati evamassa kāraṇabhāvato, tasmā parikkhāroti vuccati. Evaṃ gilānapaccayabhesajjañca taṃ parikkhāro cāti gilānapaccayabhesajjaparikkhāro, taṃ gilānapaccayabhesajjaparikkhāranti evamattho daṭṭhabbo.
วสลนฺติ หีนํ ลามกํฯ อถ วา วสฺสตีติ วสโล, ปคฺฆรตีติ อโตฺถ, ตํ วสลํ, อสุจิปคฺฆรณกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ นิฎฺฐุหิตฺวาติ เขฬํ ปาเตตฺวาฯ
Vasalanti hīnaṃ lāmakaṃ. Atha vā vassatīti vasalo, paggharatīti attho, taṃ vasalaṃ, asucipaggharaṇakanti vuttaṃ hoti. Niṭṭhuhitvāti kheḷaṃ pātetvā.
กสฺสาหํ เกน หายามีติ อหํ กสฺสา อญฺญิสฺสา อิตฺถิยา เกน โภเคน วา อลงฺกาเรน วา รูเปน วา ปริหายามิ, กา นาม มยา อุตฺตริตราติ ทีเปติฯ
Kassāhaṃ kena hāyāmīti ahaṃ kassā aññissā itthiyā kena bhogena vā alaṅkārena vā rūpena vā parihāyāmi, kā nāma mayā uttaritarāti dīpeti.
๒๙๑. สนฺติเกติ อุปจาเร ฐตฺวา สามนฺตา อวิทูเร, ปทภาชเนปิ อยเมวอโตฺถ ทีปิโต ฯ อตฺตกามปาริจริยายาติ เมถุนธมฺมสงฺขาเตน กาเมน ปาริจริยา กามปาริจริยาฯ อตฺตโน อตฺถาย กามปาริจริยา อตฺตกามปาริจริยา, อตฺตนา วา กามิตา อิจฺฉิตาติ อตฺตกามา, สยํ เมถุนราควเสน ปตฺถิตาติ อโตฺถฯ อตฺตกามา จ สา ปาริจริยา จาติ อตฺตกามปาริจริยา, ตสฺสา อตฺตกามปาริจริยายฯ วณฺณํ ภาเสยฺยาติ คุณํ อานิสํสํ ปกาเสยฺยฯ
291.Santiketi upacāre ṭhatvā sāmantā avidūre, padabhājanepi ayamevaattho dīpito . Attakāmapāricariyāyāti methunadhammasaṅkhātena kāmena pāricariyā kāmapāricariyā. Attano atthāya kāmapāricariyā attakāmapāricariyā, attanā vā kāmitā icchitāti attakāmā, sayaṃ methunarāgavasena patthitāti attho. Attakāmā ca sā pāricariyā cāti attakāmapāricariyā, tassā attakāmapāricariyāya. Vaṇṇaṃ bhāseyyāti guṇaṃ ānisaṃsaṃ pakāseyya.
ตตฺร ยสฺมา ‘‘อตฺตโน อตฺถาย กามปาริจริยา’’ติ อิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป กาโม เจว เหตุ จ ปาริจริยา จ อโตฺถ, เสสํ พฺยญฺชนํฯ ‘‘อตฺตกามา จ สา ปาริจริยา จาติ อตฺตกามปาริจริยา’’ติ อิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป อธิปฺปาโย เจว ปาริจริยา จาติ อโตฺถ, เสสํ พฺยญฺชนํฯ ตสฺมา พฺยญฺชเน อาทรํ อกตฺวา อตฺถมตฺตเมว ทเสฺสตุํ ‘‘อตฺตโน กามํ อตฺตโน เหตุํ อตฺตโน อธิปฺปายํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ ปทภาชนํ วุตฺตํฯ ‘‘อตฺตโน กามํ อตฺตโน เหตุํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ หิ วุเตฺต ชานิสฺสนฺติ ปณฺฑิตา ‘‘เอตฺตาวตา อตฺตโน อตฺถาย กามปาริจริยา วุตฺตา’’ติฯ ‘‘อตฺตโน อธิปฺปายํ อตฺตโน ปาริจริย’’นฺติ วุเตฺตปิ ชานิสฺสนฺติ ‘‘เอตฺตาวตา อตฺตนา อิจฺฉิตกามิตเฎฺฐน อตฺตกามปาริจริยา วุตฺตา’’ติฯ
Tatra yasmā ‘‘attano atthāya kāmapāricariyā’’ti imasmiṃ atthavikappe kāmo ceva hetu ca pāricariyā ca attho, sesaṃ byañjanaṃ. ‘‘Attakāmā ca sā pāricariyā cāti attakāmapāricariyā’’ti imasmiṃ atthavikappe adhippāyo ceva pāricariyā cāti attho, sesaṃ byañjanaṃ. Tasmā byañjane ādaraṃ akatvā atthamattameva dassetuṃ ‘‘attano kāmaṃ attano hetuṃ attano adhippāyaṃ attano pāricariya’’nti padabhājanaṃ vuttaṃ. ‘‘Attano kāmaṃ attano hetuṃ attano pāricariya’’nti hi vutte jānissanti paṇḍitā ‘‘ettāvatā attano atthāya kāmapāricariyā vuttā’’ti. ‘‘Attano adhippāyaṃ attano pāricariya’’nti vuttepi jānissanti ‘‘ettāvatā attanā icchitakāmitaṭṭhena attakāmapāricariyā vuttā’’ti.
อิทานิ ตสฺสา อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณภาสนาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอตทคฺค’’นฺติอาทิมาหฯ ตํ อุเทฺทสโตปิ นิเทฺทสโตปิ อุตฺตานตฺถเมวฯ อยํ ปเนตฺถ ปทสมฺพโนฺธ จ อาปตฺติวินิจฺฉโย จ – เอตทคฺคํ…เป.… ปริจเรยฺยาติ ยา มาทิสํ สีลวนฺตํ กลฺยาณธมฺมํ พฺรหฺมจาริํ เอเตน ธเมฺมน ปริจเรยฺย, ตสฺสา เอวํ มาทิสํ ปริจรนฺติยา ยา อยํ ปาริจริยา นาม, เอตทคฺคํ ปาริจริยานนฺติฯ
Idāni tassā attakāmapāricariyāya vaṇṇabhāsanākāraṃ dassento ‘‘etadagga’’ntiādimāha. Taṃ uddesatopi niddesatopi uttānatthameva. Ayaṃ panettha padasambandho ca āpattivinicchayo ca – etadaggaṃ…pe… paricareyyāti yā mādisaṃ sīlavantaṃ kalyāṇadhammaṃ brahmacāriṃ etena dhammena paricareyya, tassā evaṃ mādisaṃ paricarantiyā yā ayaṃ pāricariyā nāma, etadaggaṃ pāricariyānanti.
เมถุนุปสํหิเตน สงฺฆาทิเสโสติ เอวํ อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาสโนฺต จ เมถุนุปสํหิเตน เมถุนธมฺมปฎิสํยุเตฺตเนว วจเนน โย ภาเสยฺย, ตสฺส สงฺฆาทิเสโสติฯ
Methunupasaṃhitena saṅghādisesoti evaṃ attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsanto ca methunupasaṃhitena methunadhammapaṭisaṃyutteneva vacanena yo bhāseyya, tassa saṅghādisesoti.
อิธานิ ยสฺมา เมถุนุปสํหิเตเนว ภาสนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโส วุโตฺต, ตสฺมา ‘‘อหมฺปิ ขตฺติโย, ตฺวมฺปิ ขตฺติยา, อรหติ ขตฺติยา ขตฺติยสฺส ทาตุํ สมชาติกตฺตา’’ติ เอวมาทีหิ วจเนหิ ปาริจริยาย วณฺณํ ภาสมานสฺสาปิ สงฺฆาทิเสโส นตฺถิฯ ‘‘อหมฺปิ ขตฺติโย’’ติอาทิเก ปน พหูปิ ปริยาเย วตฺวา ‘‘อรหสิ ตฺวํ มยฺหํ เมถุนธมฺมํ ทาตุ’’นฺติ เอวํ เมถุนปฺปฎิสํยุเตฺตเนว ภาสมานสฺส สงฺฆาทิเสโสติฯ
Idhāni yasmā methunupasaṃhiteneva bhāsantassa saṅghādiseso vutto, tasmā ‘‘ahampi khattiyo, tvampi khattiyā, arahati khattiyā khattiyassa dātuṃ samajātikattā’’ti evamādīhi vacanehi pāricariyāya vaṇṇaṃ bhāsamānassāpi saṅghādiseso natthi. ‘‘Ahampi khattiyo’’tiādike pana bahūpi pariyāye vatvā ‘‘arahasi tvaṃ mayhaṃ methunadhammaṃ dātu’’nti evaṃ methunappaṭisaṃyutteneva bhāsamānassa saṅghādisesoti.
อิตฺถี จ โหตีติอาทิ ปุเพฺพ วุตฺตนยเมวฯ อิธ อุทายิเตฺถโร อาทิกมฺมิโก, ตสฺส อนาปตฺติ อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ
Itthīca hotītiādi pubbe vuttanayameva. Idha udāyitthero ādikammiko, tassa anāpatti ādikammikassāti.
สมุฎฺฐานาทิ สพฺพํ ทุฎฺฐุลฺลวาจาสทิสํฯ วินีตวตฺถูนิ อุตฺตานตฺถาเนวาติฯ
Samuṭṭhānādi sabbaṃ duṭṭhullavācāsadisaṃ. Vinītavatthūni uttānatthānevāti.
อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทํ • 4. Attakāmapāricariyasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๔. อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Attakāmapāricariyasikkhāpadavaṇṇanā