Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๘. อตฺตนฺตปสุตฺตวณฺณนา

    8. Attantapasuttavaṇṇanā

    ๑๙๘. อฎฺฐเม อตฺตนฺตปาทีสุ อตฺตานํ ตปติ ทุกฺขาเปตีติ อตฺตนฺตโปฯ อตฺตโน ปริตาปนานุโยคํ อตฺตปริตาปนานุโยคํฯ ปรํ ตปตีติ ปรนฺตโปฯ ปเรสํ ปริตาปนานุโยคํ ปรปริตาปนานุโยคํฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ นิจฺฉาโตติ ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหา, สา อสฺส นตฺถีติ นิจฺฉาโตฯ สพฺพกิเลสานํ นิพฺพุตตฺตา นิพฺพุโตฯ อโนฺต ตาปนกิเลสานํ อภาวา สีตโล ชาโตติ สีตีภูโตฯ ฌานมคฺคผลนิพฺพานสุขานิ ปฎิสํเวเทตีติ สุขปฺปฎิสํเวทีฯ พฺรหฺมภูเตน อตฺตนาติ เสฎฺฐภูเตน อตฺตนาฯ

    198. Aṭṭhame attantapādīsu attānaṃ tapati dukkhāpetīti attantapo. Attano paritāpanānuyogaṃ attaparitāpanānuyogaṃ. Paraṃ tapatīti parantapo. Paresaṃ paritāpanānuyogaṃ paraparitāpanānuyogaṃ. Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Nicchātoti chātaṃ vuccati taṇhā, sā assa natthīti nicchāto. Sabbakilesānaṃ nibbutattā nibbuto. Anto tāpanakilesānaṃ abhāvā sītalo jātoti sītībhūto. Jhānamaggaphalanibbānasukhāni paṭisaṃvedetīti sukhappaṭisaṃvedī. Brahmabhūtena attanāti seṭṭhabhūtena attanā.

    อเจลโกติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ โอรพฺภิกาทีสุ อุรพฺภา วุจฺจนฺติ เอฬกา, อุรเพฺภ หนตีติ โอรพฺภิโกฯ สูกริกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ลุโทฺทติ ทารุโณ กกฺขโฬฯ มจฺฉฆาตโกติ มจฺฉพโนฺธ เกวโฎฺฎฯ พนฺธนาคาริโกติ พนฺธนาคารโคปโกฯ กุรูรกมฺมนฺตาติ ทารุณกมฺมนฺตาฯ

    Acelakotiādīni vuttatthāneva. Orabbhikādīsu urabbhā vuccanti eḷakā, urabbhe hanatīti orabbhiko. Sūkarikādīsupi eseva nayo. Luddoti dāruṇo kakkhaḷo. Macchaghātakoti macchabandho kevaṭṭo. Bandhanāgārikoti bandhanāgāragopako. Kurūrakammantāti dāruṇakammantā.

    มุทฺธาวสิโตฺตติ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อภิสิโตฺตฯ ปุรตฺถิเมน นครสฺสาติ นครโต ปุรตฺถิมาย ทิสายฯ สนฺถาคารนฺติ ยญฺญสาลํฯ ขราชินํ นิวาเสตฺวาติ สขุรํ อชินจมฺมํ นิวาเสตฺวาฯ สปฺปิเตเลนาติ สปฺปินา เจว เตเลน จฯ ฐเปตฺวา หิ สปฺปิํ อวเสโส โย โกจิ เสฺนโห เตลนฺติ วุจฺจติฯ กณฺฑุวมาโนติ นขานํ ฉินฺนตฺตา กณฺฑุวิตพฺพกาเล เตน กณฺฑุวมาโนฯ อนนฺตรหิตายาติ อสนฺถตายฯ สรูปวจฺฉายาติ สทิสวจฺฉายฯ สเจ คาวี เสตา โหติ, วโจฺฉปิ เสตโกวฯ สเจ กปิลา วา รตฺตา วา, วจฺฉโกปิ ตาทิโสวาติ เอวํ สรูปวจฺฉายฯ โส เอวมาหาติ โส ราชา เอวํ วเทติฯ วจฺฉตราติ ตรุณวจฺฉกภาวํ อติกฺกนฺตา พลววจฺฉาฯ วจฺฉตรีสุปิ เอเสว นโยฯ พริหิสตฺถายาติ ปริเกฺขปกรณตฺถาย เจว ยญฺญภูมิยํ อตฺถรณตฺถาย จฯ

    Muddhāvasittoti khattiyābhisekena muddhani abhisitto. Puratthimena nagarassāti nagarato puratthimāya disāya. Santhāgāranti yaññasālaṃ. Kharājinaṃ nivāsetvāti sakhuraṃ ajinacammaṃ nivāsetvā. Sappitelenāti sappinā ceva telena ca. Ṭhapetvā hi sappiṃ avaseso yo koci sneho telanti vuccati. Kaṇḍuvamānoti nakhānaṃ chinnattā kaṇḍuvitabbakāle tena kaṇḍuvamāno. Anantarahitāyāti asanthatāya. Sarūpavacchāyāti sadisavacchāya. Sace gāvī setā hoti, vacchopi setakova. Sace kapilā vā rattā vā, vacchakopi tādisovāti evaṃ sarūpavacchāya. So evamāhāti so rājā evaṃ vadeti. Vacchatarāti taruṇavacchakabhāvaṃ atikkantā balavavacchā. Vacchatarīsupi eseva nayo. Barihisatthāyāti parikkhepakaraṇatthāya ceva yaññabhūmiyaṃ attharaṇatthāya ca.

    จตุตฺถปุคฺคลํ พุทฺธุปฺปาทโต ปฎฺฐาย ทเสฺสตุํ อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตถาคโตติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ ตํ ธมฺมนฺติ ตํ วุตฺตปฺปการสมฺปทํ ธมฺมํฯ สุณาติ, คหปติ, วาติ กสฺมา ปฐมํ คหปติํ นิทฺทิสติ? นิหตมานตฺตา อุสฺสนฺนตฺตา จฯ เยภุเยฺยน หิ ขตฺติยกุลโต ปพฺพชิตา ชาติํ นิสฺสาย มานํ กโรนฺติฯ พฺราหฺมณกุลา ปพฺพชิตา มเนฺต นิสฺสาย มานํ กโรนฺติ, หีนชจฺจกุลา ปพฺพชิตา อตฺตโน วิชาติตาย ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกนฺติฯ คหปติทารกา ปน กเจฺฉหิ เสทํ มุญฺจเนฺตหิ ปิฎฺฐิยา โลณํ ปุปฺผมานาย ภูมิํ กสิตฺวา ตาทิสสฺส มานสฺส อภาวโต นิหตมานทปฺปา โหนฺติฯ เต ปพฺพชิตฺวา มานํ วา ทปฺปํ วา อกตฺวา ยถาพลํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตา สโกฺกนฺติ อรหเตฺต ปติฎฺฐาตุํฯ อิตเรหิ จ กุเลหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตา น พหุกา, คหปติกาว พหุกาฯ อิติ นิหตมานตฺตา อุสฺสนฺนตฺตา จ ปฐมํ คหปติํ นิทฺทิสตีติฯ

    Catutthapuggalaṃ buddhuppādato paṭṭhāya dassetuṃ idha, bhikkhave, tathāgatotiādimāha. Tattha tathāgatotiādīni vuttatthāneva. Taṃ dhammanti taṃ vuttappakārasampadaṃ dhammaṃ. Suṇāti, gahapati, vāti kasmā paṭhamaṃ gahapatiṃ niddisati? Nihatamānattā ussannattā ca. Yebhuyyena hi khattiyakulato pabbajitā jātiṃ nissāya mānaṃ karonti. Brāhmaṇakulā pabbajitā mante nissāya mānaṃ karonti, hīnajaccakulā pabbajitā attano vijātitāya patiṭṭhātuṃ na sakkonti. Gahapatidārakā pana kacchehi sedaṃ muñcantehi piṭṭhiyā loṇaṃ pupphamānāya bhūmiṃ kasitvā tādisassa mānassa abhāvato nihatamānadappā honti. Te pabbajitvā mānaṃ vā dappaṃ vā akatvā yathābalaṃ buddhavacanaṃ uggahetvā vipassanāya kammaṃ karontā sakkonti arahatte patiṭṭhātuṃ. Itarehi ca kulehi nikkhamitvā pabbajitā na bahukā, gahapatikāva bahukā. Iti nihatamānattā ussannattā ca paṭhamaṃ gahapatiṃ niddisatīti.

    อญฺญตรสฺมิํ วาติ อิตเรสํ วา กุลานํ อญฺญตรสฺมิํฯ ปจฺจาชาโตติ ปติชาโตฯ ตถาคเต สทฺธํ ปฎิลภตีติ ปริสุทฺธํ ธมฺมํ สุตฺวา ธมฺมสามิมฺหิ ตถาคเต ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ วต ภควา’’ติ สทฺธํ ปฎิลภติฯ อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ เอวํ ปจฺจเวกฺขติฯ สมฺพาโธ ฆราวาโสติ สเจปิ สฎฺฐิหเตฺถ ฆเร โยชนสตนฺตเรปิ วา เทฺว ชายมฺปติกา วสนฺติ, ตถาปิ เนสํ สกิญฺจนสปลิโพธเฎฺฐน ฆราวาโส สมฺพาโธวฯ รชาปโถติ ราครชาทีนํ อุฎฺฐานฎฺฐานนฺติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ อาคมนปโถติปิ วฎฺฎติฯ อลคฺคนเฎฺฐน อโพฺภกาโส วิยาติ อโพฺภกาโสฯ ปพฺพชิโต หิ กูฎาคารรตนปาสาทเทววิมานาทีสุ ปิหิตทฺวารวาตปาเนสุ ปฎิจฺฉเนฺนสุ วสโนฺตปิ เนว ลคฺคติ น สชฺชติ น พชฺฌติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติฯ อปิจ สมฺพาโธ ฆราวาโส กุสลกิริยาย ยถาสุขํ โอกาสาภาวโต, รชาปโถ อสํวุตสงฺการฎฺฐานํ วิย รชานํ, กิเลสรชานํ สนฺนิปาตฎฺฐานโตฯ อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชา กุสลกิริยาย ยถาสุขํ โอกาสสพฺภาวโตฯ

    Aññatarasmiṃ vāti itaresaṃ vā kulānaṃ aññatarasmiṃ. Paccājātoti patijāto. Tathāgate saddhaṃ paṭilabhatīti parisuddhaṃ dhammaṃ sutvā dhammasāmimhi tathāgate ‘‘sammāsambuddho vata bhagavā’’ti saddhaṃ paṭilabhati. Iti paṭisañcikkhatīti evaṃ paccavekkhati. Sambādho gharāvāsoti sacepi saṭṭhihatthe ghare yojanasatantarepi vā dve jāyampatikā vasanti, tathāpi nesaṃ sakiñcanasapalibodhaṭṭhena gharāvāso sambādhova. Rajāpathoti rāgarajādīnaṃ uṭṭhānaṭṭhānanti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Āgamanapathotipi vaṭṭati. Alagganaṭṭhena abbhokāso viyāti abbhokāso. Pabbajito hi kūṭāgāraratanapāsādadevavimānādīsu pihitadvāravātapānesu paṭicchannesu vasantopi neva laggati na sajjati na bajjhati. Tena vuttaṃ – ‘‘abbhokāso pabbajjā’’ti. Apica sambādho gharāvāso kusalakiriyāya yathāsukhaṃ okāsābhāvato, rajāpatho asaṃvutasaṅkāraṭṭhānaṃ viya rajānaṃ, kilesarajānaṃ sannipātaṭṭhānato. Abbhokāso pabbajjā kusalakiriyāya yathāsukhaṃ okāsasabbhāvato.

    นยิทํ สุกรํ…เป.… ปพฺพเชยฺยนฺติ เอตฺถ อยํ สเงฺขปกถา – ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ, เอกทิวสมฺปิ จ กิเลสมเลน อมลินํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ, สงฺขลิขิตํ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฎิภาคํ จริตพฺพํฯ อิทํ น สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมเชฺฌ วสเนฺตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป.… จริตุํฯ ยํนูนาหํ เกเส จ มสฺสุญฺจ โอหาเรตฺวา กสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ปริทหิตฺวา อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺติฯ เอตฺถ จ ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตญฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยาติ ญาตพฺพา, ตํ อนคาริยํฯ ปพฺพเชยฺยนฺติ ปฎิปเชฺชยฺยํฯ

    Nayidaṃ sukaraṃ…pe… pabbajeyyanti ettha ayaṃ saṅkhepakathā – yadetaṃ sikkhattayabrahmacariyaṃ ekampi divasaṃ akhaṇḍaṃ katvā carimakacittaṃ pāpetabbatāya ekantaparipuṇṇaṃ, ekadivasampi ca kilesamalena amalinaṃ katvā carimakacittaṃ pāpetabbatāya ekantaparisuddhaṃ, saṅkhalikhitaṃ likhitasaṅkhasadisaṃ dhotasaṅkhasappaṭibhāgaṃ caritabbaṃ. Idaṃ na sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā agāramajjhe vasantena ekantaparipuṇṇaṃ…pe… carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ kese ca massuñca ohāretvā kasāyarasapītatāya kāsāyāni brahmacariyaṃ carantānaṃ anucchavikāni vatthāni acchādetvā paridahitvā agārasmā nikkhamitvā anagāriyaṃ pabbajeyyanti. Ettha ca yasmā agārassa hitaṃ kasivaṇijjādikammaṃ agāriyanti vuccati, tañca pabbajjāya natthi, tasmā pabbajjā anagāriyāti ñātabbā, taṃ anagāriyaṃ. Pabbajeyyanti paṭipajjeyyaṃ.

    อปฺปํ วาติ สหสฺสโต เหฎฺฐา โภคกฺขโนฺธ อโปฺป นาม โหติ, สหสฺสโต ปฎฺฐาย มหาฯ อาพนฺธนเฎฺฐน ญาติเยว ญาติปริวโฎฺฎฯ โส วีสติยา เหฎฺฐา อโปฺป นาม โหติ, วีสติยา ปฎฺฐาย มหาฯ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปโนฺนติ ยา ภิกฺขูนํ อธิสีลสงฺขาตา สิกฺขา, ตญฺจ, ยตฺถ เจเต สห ชีวนฺติ, เอกชีวิกา สภาควุตฺติโน โหนฺติ, ตํ ภควตา ปญฺญตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตํ สาชีวญฺจ ตตฺถ สิกฺขนภาเวน สมาปโนฺนติ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปโนฺนฯ สมาปโนฺนติ สิกฺขํ ปริปูเรโนฺต สาชีวญฺจ อวีติกฺกมโนฺต หุตฺวา ตทุภยํ อุปคโตติ อโตฺถฯ

    Appaṃ vāti sahassato heṭṭhā bhogakkhandho appo nāma hoti, sahassato paṭṭhāya mahā. Ābandhanaṭṭhena ñātiyeva ñātiparivaṭṭo. So vīsatiyā heṭṭhā appo nāma hoti, vīsatiyā paṭṭhāya mahā. Bhikkhūnaṃ sikkhāsājīvasamāpannoti yā bhikkhūnaṃ adhisīlasaṅkhātā sikkhā, tañca, yattha cete saha jīvanti, ekajīvikā sabhāgavuttino honti, taṃ bhagavatā paññattasikkhāpadasaṅkhātaṃ sājīvañca tattha sikkhanabhāvena samāpannoti bhikkhūnaṃ sikkhāsājīvasamāpanno. Samāpannoti sikkhaṃ paripūrento sājīvañca avītikkamanto hutvā tadubhayaṃ upagatoti attho.

    ปาณาติปาตํ ปหายาติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ อิเมสํ เภทายาติ เยสํ อิโตติ วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ, เตสํ เภทายฯ ภินฺนานํ วา สนฺธาตาติ ทฺวินฺนํ มิตฺตานํ วา สมานุปชฺฌายกาทีนํ วา เกนจิเทว การเณน ภินฺนานํ เอกเมกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อีทิเส กุเล ชาตานํ เอวํ พหุสฺสุตานํ อิทํ น ยุตฺต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา สนฺธานํ กตฺตาฯ อนุปฺปทาตาติ สนฺธานานุปฺปทาตา, เทฺว ชเน สมเคฺค ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ เอวรูเป กุเล ชาตานํ เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตานํ อนุจฺฉวิกเมต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ทฬฺหีกมฺมํ กตฺตาติ อโตฺถฯ สมโคฺค อาราโม อสฺสาติ สมคฺคาราโมฯ ยตฺถ สมคฺคา นตฺถิ, ตตฺถ วสิตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อโตฺถฯ สมคฺคราโมติปิ ปาฬิ, อยเมว อโตฺถฯ สมคฺครโตติ สมเคฺคสุ รโต, เต ปหาย อญฺญตฺถ คนฺตุํ น อิจฺฉตีติ อโตฺถฯ สมเคฺค ทิสฺวาปิ สุตฺวาปิ นนฺทตีติ สมคฺคนนฺทีฯ สมคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตาติ ยา วาจา สเตฺต สมเคฺคเยว กโรติ, ตํ สามคฺคิคุณปริทีปิกเมว วาจํ ภาสติ, น อิตรนฺติฯ

    Pāṇātipātaṃ pahāyātiādīni vuttatthāneva. Imesaṃ bhedāyāti yesaṃ itoti vuttānaṃ santike sutaṃ, tesaṃ bhedāya. Bhinnānaṃ vā sandhātāti dvinnaṃ mittānaṃ vā samānupajjhāyakādīnaṃ vā kenacideva kāraṇena bhinnānaṃ ekamekaṃ upasaṅkamitvā ‘‘tumhākaṃ īdise kule jātānaṃ evaṃ bahussutānaṃ idaṃ na yutta’’ntiādīni vatvā sandhānaṃ kattā. Anuppadātāti sandhānānuppadātā, dve jane samagge disvā ‘‘tumhākaṃ evarūpe kule jātānaṃ evarūpehi guṇehi samannāgatānaṃ anucchavikameta’’ntiādīni vatvā daḷhīkammaṃ kattāti attho. Samaggo ārāmo assāti samaggārāmo. Yattha samaggā natthi, tattha vasitumpi na icchatīti attho. Samaggarāmotipi pāḷi, ayameva attho. Samaggaratoti samaggesu rato, te pahāya aññattha gantuṃ na icchatīti attho. Samagge disvāpi sutvāpi nandatīti samagganandī. Samaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitāti yā vācā satte samaggeyeva karoti, taṃ sāmaggiguṇaparidīpikameva vācaṃ bhāsati, na itaranti.

    เนลาติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, นาสฺสา เอลนฺติ เนลา, นิโทฺทสาติ อโตฺถ ‘‘เนลโงฺค เสตปจฺฉาโท’’ติ (อุทา. ๖๕) เอตฺถ วุตฺตเนลํ วิยฯ กณฺณสุขาติ พฺยญฺชนมธุรตาย กณฺณานํ สุขา, สูจิวิชฺฌนํ วิย กณฺณสูลํ น ชเนติฯ อตฺถมธุรตาย สกลสรีเร โกปํ อชเนตฺวา เปมํ ชเนตีติ เปมนียาฯ หทยํ คจฺฉติ อปฺปฎิหญฺญมานา สุเขน จิตฺตํ ปวิสตีติ หทยงฺคมา ฯ คุณปริปุณฺณตาย ปุเร ภวาติ โปรีฯ ปุเร สํวฑฺฒนารี วิย สุกุมาราติปิ โปรีฯ ปุรสฺส เอสาติปิ โปรี, นครวาสีนํ กถาติ อโตฺถฯ นครวาสิโน หิ ยุตฺตกถา โหนฺติ, ปิติมตฺตํ ปิตาติ, ภาติมตฺตํ ภาตาติ วทนฺติฯ เอวรูปี กถา พหุโน ชนสฺส กนฺตา โหตีติ พหุชนกนฺตาฯ กนฺตภาเวเนว พหุชนสฺส มนาปา จิตฺตวุฑฺฒิกราติ พหุชนมนาปา

    Nelāti elaṃ vuccati doso, nāssā elanti nelā, niddosāti attho ‘‘nelaṅgo setapacchādo’’ti (udā. 65) ettha vuttanelaṃ viya. Kaṇṇasukhāti byañjanamadhuratāya kaṇṇānaṃ sukhā, sūcivijjhanaṃ viya kaṇṇasūlaṃ na janeti. Atthamadhuratāya sakalasarīre kopaṃ ajanetvā pemaṃ janetīti pemanīyā. Hadayaṃ gacchati appaṭihaññamānā sukhena cittaṃ pavisatīti hadayaṅgamā. Guṇaparipuṇṇatāya pure bhavāti porī. Pure saṃvaḍḍhanārī viya sukumārātipi porī. Purassa esātipi porī, nagaravāsīnaṃ kathāti attho. Nagaravāsino hi yuttakathā honti, pitimattaṃ pitāti, bhātimattaṃ bhātāti vadanti. Evarūpī kathā bahuno janassa kantā hotīti bahujanakantā. Kantabhāveneva bahujanassa manāpā cittavuḍḍhikarāti bahujanamanāpā.

    กาเล วทตีติ กาลวาที, วตฺตพฺพยุตฺตกาลํ สลฺลเกฺขตฺวา วทตีติ อโตฺถฯ ภูตํ ตจฺฉํ สภาวเมว วทตีติ ภูตวาทีฯ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกอตฺถสนฺนิสฺสิตเมว กตฺวา วทตีติ อตฺถวาทีฯ นวโลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ ธมฺมวาทีฯ สํวรวินยปหานวินยสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ วินยวาทีฯ นิธานํ วุจฺจติ ฐปโนกาโส, นิธานมสฺสา อตฺถีติ นิธานวตีฯ หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ วาจํ ภาสิตาติ อโตฺถฯ กาเลนาติ เอวรูปิํ ภาสมาโนปิ จ ‘‘อหํ นิธานวติํ วาจํ ภาสิสฺสามี’’ติ น อกาเลน ภาสติ, ยุตฺตกาลํ ปน อเวกฺขิตฺวาว ภาสตีติ อโตฺถฯ สาปเทสนฺติ สอุปมํ, สการณนฺติ อโตฺถฯ ปริยนฺตวตินฺติ ปริเจฺฉทํ ทเสฺสตฺวา, ยถาสฺสา ปริเจฺฉโท ปญฺญายติ, เอวํ ภาสตีติ อโตฺถฯ อตฺถสํหิตนฺติ อเนเกหิปิ นเยหิ วิภชเนฺตน ปริยาทาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อตฺถสมฺปนฺนํ ภาสติฯ ยํ วา โส อตฺถวาที อตฺถํ วทติ, เตน อเตฺถน สํหิตตฺตา อตฺถสํหิตํ วาจํ ภาสติ, น อญฺญํ นิกฺขิปิตฺวา อญฺญํ ภาสตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    Kāle vadatīti kālavādī, vattabbayuttakālaṃ sallakkhetvā vadatīti attho. Bhūtaṃ tacchaṃ sabhāvameva vadatīti bhūtavādī. Diṭṭhadhammikasamparāyikaatthasannissitameva katvā vadatīti atthavādī. Navalokuttaradhammasannissitaṃ katvā vadatīti dhammavādī. Saṃvaravinayapahānavinayasannissitaṃ katvā vadatīti vinayavādī. Nidhānaṃ vuccati ṭhapanokāso, nidhānamassā atthīti nidhānavatī. Hadaye nidhetabbayuttakaṃ vācaṃ bhāsitāti attho. Kālenāti evarūpiṃ bhāsamānopi ca ‘‘ahaṃ nidhānavatiṃ vācaṃ bhāsissāmī’’ti na akālena bhāsati, yuttakālaṃ pana avekkhitvāva bhāsatīti attho. Sāpadesanti saupamaṃ, sakāraṇanti attho. Pariyantavatinti paricchedaṃ dassetvā, yathāssā paricchedo paññāyati, evaṃ bhāsatīti attho. Atthasaṃhitanti anekehipi nayehi vibhajantena pariyādātuṃ asakkuṇeyyatāya atthasampannaṃ bhāsati. Yaṃ vā so atthavādī atthaṃ vadati, tena atthena saṃhitattā atthasaṃhitaṃ vācaṃ bhāsati, na aññaṃ nikkhipitvā aññaṃ bhāsatīti vuttaṃ hoti.

    พีชคามภูตคามสมารมฺภาติ มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผฬุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชนฺติ ปญฺจวิธสฺส พีชคามสฺส เจว ยสฺส กสฺสจิ นีลติณรุกฺขาทิกสฺส ภูตคามสฺส จ สมารมฺภา, เฉทนเภทนปจนาทิภาเวน วิโกปนา ปฎิวิรโตติ อโตฺถฯ

    Bījagāmabhūtagāmasamārambhāti mūlabījaṃ khandhabījaṃ phaḷubījaṃ aggabījaṃ bījabījanti pañcavidhassa bījagāmassa ceva yassa kassaci nīlatiṇarukkhādikassa bhūtagāmassa ca samārambhā, chedanabhedanapacanādibhāvena vikopanā paṭiviratoti attho.

    เอกภตฺติโกติ ปาตราสภตฺตํ สายมาสภตฺตนฺติ เทฺว ภตฺตานิฯ เตสุ ปาตราสภตฺตํ อโนฺตมชฺฌนฺหิเกน ปริจฺฉินฺนํ, อิตรํ มชฺฌนฺหิกโต อุทฺธํ อโนฺตอรุเณนฯ ตสฺมา อโนฺตมชฺฌนฺหิเก ทสกฺขตฺตุํ ภุญฺชมาโนปิ เอกภตฺติโกว โหติฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เอกภตฺติโก’’ติฯ รตฺติยา โภชนํ รตฺติ, ตโต อุปรโตติ รตฺตูปรโตฯ อติกฺกเนฺต มชฺฌนฺหิเก ยาว สูริยตฺถงฺคมนา โภชนํ วิกาลโภชนํ นาม, ตโต วิรตตฺตา วิรโต วิกาลโภชนา

    Ekabhattikoti pātarāsabhattaṃ sāyamāsabhattanti dve bhattāni. Tesu pātarāsabhattaṃ antomajjhanhikena paricchinnaṃ, itaraṃ majjhanhikato uddhaṃ antoaruṇena. Tasmā antomajjhanhike dasakkhattuṃ bhuñjamānopi ekabhattikova hoti. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘ekabhattiko’’ti. Rattiyā bhojanaṃ ratti, tato uparatoti rattūparato. Atikkante majjhanhike yāva sūriyatthaṅgamanā bhojanaṃ vikālabhojanaṃ nāma, tato viratattā virato vikālabhojanā.

    ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํฯ รชตนฺติ กหาปโณ โลหมาสโก ชตุมาสโก ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺติฯ ตสฺส อุภยสฺสาปิ ปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต, เนว ตํ อุคฺคณฺหาติ, น อุคฺคณฺหาเปติ, น อุปนิกฺขิตฺตํ สาทิยตีติ อโตฺถฯ

    Jātarūpanti suvaṇṇaṃ. Rajatanti kahāpaṇo lohamāsako jatumāsako dārumāsakoti ye vohāraṃ gacchanti. Tassa ubhayassāpi paṭiggahaṇā paṭivirato, neva taṃ uggaṇhāti, na uggaṇhāpeti, na upanikkhittaṃ sādiyatīti attho.

    อามกธญฺญปฎิคฺคหณาติ สาลิวีหิยวโคธูมกงฺคุวรกกุทฺรูสกสงฺขาตสฺส สตฺตวิธสฺสปิ อามกธญฺญสฺส ปฎิคฺคหณาฯ น เกวลญฺจ เอเตสํ ปฎิคฺคหณเมว, อามสนมฺปิ ภิกฺขูนํ น วฎฺฎติเยวฯ อามกมํสปฎิคฺคหณาติ เอตฺถ อญฺญตฺร โอทิสฺส อนุญฺญาตา อามกมํสมจฺฉานํ ปฎิคฺคหณเมว ภิกฺขูนํ น วฎฺฎติ, โน อามสนนฺติฯ

    Āmakadhaññapaṭiggahaṇāti sālivīhiyavagodhūmakaṅguvarakakudrūsakasaṅkhātassa sattavidhassapi āmakadhaññassa paṭiggahaṇā. Na kevalañca etesaṃ paṭiggahaṇameva, āmasanampi bhikkhūnaṃ na vaṭṭatiyeva. Āmakamaṃsapaṭiggahaṇāti ettha aññatra odissa anuññātā āmakamaṃsamacchānaṃ paṭiggahaṇameva bhikkhūnaṃ na vaṭṭati, no āmasananti.

    อิตฺถิกุมาริกปฎิคฺคหณาติ เอตฺถ อิตฺถีติ ปุริสนฺตรคตา, อิตรา กุมาริกา นาม, ตาสํ ปฎิคฺคหณมฺปิ อามสนมฺปิ อกปฺปิยเมวฯ ทาสิทาสปฎิคฺคหณาติ เอตฺถ ทาสิทาสวเสเนว เตสํ ปฎิคฺคหณํ น วฎฺฎติ, ‘‘กปฺปิยการกํ ทมฺมิ, อารามิกํ ทมฺมี’’ติ เอวํ วุเตฺต ปน วฎฺฎติฯ อเชฬกาทีสุปิ เขตฺตวตฺถุปริโยสาเนสุ กปฺปิยากปฺปิยนโย วินยวเสน อุปปริกฺขิตโพฺพฯ ตตฺถ เขตฺตํ นาม ยสฺมิํ ปุพฺพณฺณํ รุหติฯ วตฺถุ นาม ยสฺมิํ อปรณฺณํ รุหติฯ ยตฺถ วา อุภยมฺปิ รุหติ, ตํ เขตฺตํฯ ตทตฺถาย อกตภูมิภาโค วตฺถุฯ เขตฺตวตฺถุสีเสน เจตฺถ วาปิ-ตฬากาทีนิปิ สงฺคหิตาเนวฯ

    Itthikumārikapaṭiggahaṇāti ettha itthīti purisantaragatā, itarā kumārikā nāma, tāsaṃ paṭiggahaṇampi āmasanampi akappiyameva. Dāsidāsapaṭiggahaṇāti ettha dāsidāsavaseneva tesaṃ paṭiggahaṇaṃ na vaṭṭati, ‘‘kappiyakārakaṃ dammi, ārāmikaṃ dammī’’ti evaṃ vutte pana vaṭṭati. Ajeḷakādīsupi khettavatthupariyosānesu kappiyākappiyanayo vinayavasena upaparikkhitabbo. Tattha khettaṃ nāma yasmiṃ pubbaṇṇaṃ ruhati. Vatthu nāma yasmiṃ aparaṇṇaṃ ruhati. Yattha vā ubhayampi ruhati, taṃ khettaṃ. Tadatthāya akatabhūmibhāgo vatthu. Khettavatthusīsena cettha vāpi-taḷākādīnipi saṅgahitāneva.

    ทูเตยฺยํ วุจฺจติ ทูตกมฺมํ คิหีนํ ปณฺณํ วา สาสนํ วา คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คมนํฯ ปหิณคมนํ วุจฺจติ ฆรา ฆรํ เปสิตสฺส ขุทฺทกคมนํฯ อนุโยโค นาม ตทุภยกรณํฯ ตสฺมา ทุเตยฺยปหิณคมนานํ อนุโยโคติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ กยวิกฺกยาติ กยา จ วิกฺกยา จฯ ตุลากูฎาทีสุ กูฎนฺติ วญฺจนํฯ ตตฺถ ตุลากูฎํ ตาว รูปกูฎํ, องฺคกูฎํ, คหณกูฎํ, ปฎิจฺฉนฺนกูฎนฺติ จตุพฺพิธํ โหติฯ ตตฺถ รูปกูฎํ นาม เทฺว ตุลา สมรูปา กตฺวา คณฺหโนฺต มหติยา คณฺหาติ, ททโนฺต ขุทฺทิกาย เทติฯ องฺคกูฎํ นาม คณฺหโนฺต ปจฺฉาภาเค หเตฺถน ตุลํ อกฺกมติ, ททโนฺต ปุพฺพภาเคฯ คหณกูฎํ นาม คณฺหโนฺต มูเล รชฺชุํ คณฺหาติ , ททโนฺต อเคฺคฯ ปฎิจฺฉนฺนกูฎํ นาม ตุลํ สุสิรํ กตฺวา อโนฺต อยจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหโนฺต ตํ ปจฺฉาภาเค กโรติ, ททโนฺต อคฺคภาเคฯ

    Dūteyyaṃ vuccati dūtakammaṃ gihīnaṃ paṇṇaṃ vā sāsanaṃ vā gahetvā tattha tattha gamanaṃ. Pahiṇagamanaṃ vuccati gharā gharaṃ pesitassa khuddakagamanaṃ. Anuyogo nāma tadubhayakaraṇaṃ. Tasmā duteyyapahiṇagamanānaṃ anuyogoti evamettha attho veditabbo. Kayavikkayāti kayā ca vikkayā ca. Tulākūṭādīsu kūṭanti vañcanaṃ. Tattha tulākūṭaṃ tāva rūpakūṭaṃ, aṅgakūṭaṃ, gahaṇakūṭaṃ, paṭicchannakūṭanti catubbidhaṃ hoti. Tattha rūpakūṭaṃ nāma dve tulā samarūpā katvā gaṇhanto mahatiyā gaṇhāti, dadanto khuddikāya deti. Aṅgakūṭaṃ nāma gaṇhanto pacchābhāge hatthena tulaṃ akkamati, dadanto pubbabhāge. Gahaṇakūṭaṃ nāma gaṇhanto mūle rajjuṃ gaṇhāti , dadanto agge. Paṭicchannakūṭaṃ nāma tulaṃ susiraṃ katvā anto ayacuṇṇaṃ pakkhipitvā gaṇhanto taṃ pacchābhāge karoti, dadanto aggabhāge.

    กํโส วุจฺจติ สุวณฺณปาติ, ตาย วญฺจนํ กํสกูฎํฯ กถํ? เอกํ สุวณฺณปาติํ กตฺวา อญฺญา เทฺว ติโสฺส โลหปาติโย สุวณฺณวณฺณา กโรติฯ ตโต ชนปทํ คนฺตฺวา กิญฺจิเทว อฑฺฒกุลํ ปวิสิตฺวา ‘‘สุวณฺณภาชนานิ กิณถา’’ติ วตฺวา อเคฺฆ ปุจฺฉิเต สมคฺฆตรํ ทาตุกามา โหนฺติฯ ตโต เตหิ ‘‘กถํ อิเมสํ สุวณฺณภาโว ชานิตโพฺพ’’ติ วุเตฺต ‘‘วีมํสิตฺวา คณฺหถา’’ติ สุวณฺณปาติํ ปาสาเณ ฆํสิตฺวา สพฺพปาติโย ทตฺวา คจฺฉติฯ

    Kaṃso vuccati suvaṇṇapāti, tāya vañcanaṃ kaṃsakūṭaṃ. Kathaṃ? Ekaṃ suvaṇṇapātiṃ katvā aññā dve tisso lohapātiyo suvaṇṇavaṇṇā karoti. Tato janapadaṃ gantvā kiñcideva aḍḍhakulaṃ pavisitvā ‘‘suvaṇṇabhājanāni kiṇathā’’ti vatvā agghe pucchite samagghataraṃ dātukāmā honti. Tato tehi ‘‘kathaṃ imesaṃ suvaṇṇabhāvo jānitabbo’’ti vutte ‘‘vīmaṃsitvā gaṇhathā’’ti suvaṇṇapātiṃ pāsāṇe ghaṃsitvā sabbapātiyo datvā gacchati.

    มานกูฎํ นาม หทยเภท-สิขาเภท-รชฺชุเภทวเสน ติวิธํ โหติฯ ตตฺถ หทยเภโท สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติฯ ตานิ หิ คณฺหโนฺต เหฎฺฐาฉิเทฺทน มาเนน ‘‘สณิกํ อาสิญฺจา’’ติ วตฺวา อตฺตโน ภาชเน พหุํ ปคฺฆราเปตฺวา คณฺหาติ, ททโนฺต ฉิทฺทํ ปิธาย สีฆํ ปูเรตฺวา เทติฯ สิขาเภโท ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภติฯ ตานิ หิ คณฺหโนฺต สณิกํ สิขํ อุสฺสาเปตฺวา คณฺหาติ, ททโนฺต เวเคน ปูเรตฺวา สิขํ ฉินฺทโนฺต เทติฯ รชฺชุเภโท เขตฺตวตฺถุมินนกาเล ลพฺภติฯ ลญฺชํ อลภนฺตา หิ เขตฺตํ อมหนฺตมฺปิ มหนฺตํ กตฺวา มินนฺติฯ

    Mānakūṭaṃ nāma hadayabheda-sikhābheda-rajjubhedavasena tividhaṃ hoti. Tattha hadayabhedo sappitelādiminanakāle labbhati. Tāni hi gaṇhanto heṭṭhāchiddena mānena ‘‘saṇikaṃ āsiñcā’’ti vatvā attano bhājane bahuṃ paggharāpetvā gaṇhāti, dadanto chiddaṃ pidhāya sīghaṃ pūretvā deti. Sikhābhedo tilataṇḍulādiminanakāle labbhati. Tāni hi gaṇhanto saṇikaṃ sikhaṃ ussāpetvā gaṇhāti, dadanto vegena pūretvā sikhaṃ chindanto deti. Rajjubhedo khettavatthuminanakāle labbhati. Lañjaṃ alabhantā hi khettaṃ amahantampi mahantaṃ katvā minanti.

    อุโกฺกฎนาทีสุ อุโกฺกฎนนฺติ สามิเก อสฺสามิเก กาตุํ ลญฺชคฺคหณํฯ วญฺจนนฺติ เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปเรสํ วญฺจนํฯ ตตฺริทเมกํ วตฺถุ – เอโก กิร ลุทฺทโก มิคญฺจ มิคโปตกญฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉติฯ ตเมโก ธุโตฺต ‘‘กิํ โภ มิโค อคฺฆติ, กิํ มิคโปตโก’’ติ อาหฯ ‘‘มิโค เทฺว กหาปเณ, มิคโปตโก เอก’’นฺติ จ วุเตฺต เอกํ กหาปณํ ทตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวโตฺต ‘‘น เม โภ มิคโปตเกนโตฺถ, มิคํ เม เทหี’’ติ อาหฯ เตน หิ เทฺว กหาปเณ เทหีติฯ โส อาห – ‘‘นนุ เต โภ มยา ปฐมํ เอโก กหาปโณ ทิโนฺน’’ติ? อาม ทิโนฺนติฯ อิมมฺปิ มิคโปตกํ คณฺห, เอวํ โส จ กหาปโณ อยญฺจ กหาปณคฺฆนโก มิคโปตโก’’ติ เทฺว กหาปณา ภวิสฺสนฺตีติฯ โส ‘‘การณํ วทตี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา มิคํ อทาสีติฯ นิกตีติ โยควเสน วา มายาวเสน วา อปามงฺคํ ปามงฺคนฺติ, อมณิํ มณินฺติ, อสุวณฺณํ สุวณฺณนฺติ กตฺวา ปติรูปเกน วญฺจนํฯ สาจิโยโคติ กุฎิลโยโคฯ เอเตสํเยว อุโกฺกฎนาทีนเมตํ นามํฯ ตสฺมา อุโกฺกฎนสาจิโยโค วญฺจนสาจิโยโค นิกติสาจิโยโคติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เกจิ อญฺญํ ทเสฺสตฺวา อญฺญสฺส ปริวตฺตนํ สาจิโยโคติ วทนฺติ, ตํ ปน วญฺจเนเนว สงฺคหิตํฯ

    Ukkoṭanādīsu ukkoṭananti sāmike assāmike kātuṃ lañjaggahaṇaṃ. Vañcananti tehi tehi upāyehi paresaṃ vañcanaṃ. Tatridamekaṃ vatthu – eko kira luddako migañca migapotakañca gahetvā āgacchati. Tameko dhutto ‘‘kiṃ bho migo agghati, kiṃ migapotako’’ti āha. ‘‘Migo dve kahāpaṇe, migapotako eka’’nti ca vutte ekaṃ kahāpaṇaṃ datvā migapotakaṃ gahetvā thokaṃ gantvā nivatto ‘‘na me bho migapotakenattho, migaṃ me dehī’’ti āha. Tena hi dve kahāpaṇe dehīti. So āha – ‘‘nanu te bho mayā paṭhamaṃ eko kahāpaṇo dinno’’ti? Āma dinnoti. Imampi migapotakaṃ gaṇha, evaṃ so ca kahāpaṇo ayañca kahāpaṇagghanako migapotako’’ti dve kahāpaṇā bhavissantīti. So ‘‘kāraṇaṃ vadatī’’ti sallakkhetvā migapotakaṃ gahetvā migaṃ adāsīti. Nikatīti yogavasena vā māyāvasena vā apāmaṅgaṃ pāmaṅganti, amaṇiṃ maṇinti, asuvaṇṇaṃ suvaṇṇanti katvā patirūpakena vañcanaṃ. Sāciyogoti kuṭilayogo. Etesaṃyeva ukkoṭanādīnametaṃ nāmaṃ. Tasmā ukkoṭanasāciyogo vañcanasāciyogo nikatisāciyogoti evamettha attho daṭṭhabbo. Keci aññaṃ dassetvā aññassa parivattanaṃ sāciyogoti vadanti, taṃ pana vañcaneneva saṅgahitaṃ.

    เฉทนาทีสุ เฉทนนฺติ หตฺถเจฺฉทนาทิฯ วโธติ มารณํฯ พโนฺธติ รชฺชุพนฺธนาทีหิ พนฺธนํฯ วิปราโมโสติ หิมวิปราโมโส, คุมฺพวิปราโมโสติ ทุวิโธฯ ยํ หิมปาตสมเย หิเมน ปฎิจฺฉนฺนา หุตฺวา มคฺคปฺปฎิปนฺนํ ชนํ มุสนฺติ, อยํ หิมวิปราโมโสฯ ยํ คุมฺพาทีหิ ปฎิจฺฉนฺนา มุสนฺติ, อยํ คุมฺพวิปราโมโสฯ อาโลโป วุจฺจติ คามนิคมาทีนํ วิโลปกรณํฯ สหสากาโรติ สาหสิกกิริยา, เคหํ ปวิสิตฺวา มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ ฐเปตฺวา อิจฺฉิตภณฺฑคฺคหณํฯ เอวเมตสฺมา เฉทน…เป.… สหสาการา ปฎิวิรโต โหติฯ

    Chedanādīsu chedananti hatthacchedanādi. Vadhoti māraṇaṃ. Bandhoti rajjubandhanādīhi bandhanaṃ. Viparāmosoti himaviparāmoso, gumbaviparāmosoti duvidho. Yaṃ himapātasamaye himena paṭicchannā hutvā maggappaṭipannaṃ janaṃ musanti, ayaṃ himaviparāmoso. Yaṃ gumbādīhi paṭicchannā musanti, ayaṃ gumbaviparāmoso. Ālopo vuccati gāmanigamādīnaṃ vilopakaraṇaṃ. Sahasākāroti sāhasikakiriyā, gehaṃ pavisitvā manussānaṃ ure satthaṃ ṭhapetvā icchitabhaṇḍaggahaṇaṃ. Evametasmā chedana…pe… sahasākārā paṭivirato hoti.

    โส สนฺตุโฎฺฐ โหตีติ สฺวายํ ภิกฺขุ เหฎฺฐา วุเตฺตน จตูสุ ปจฺจเยสุ ทฺวาทสวิเธน อิตรีตรปจฺจยสโนฺตเสน สมนฺนาคโต โหติฯ อิมินา ปน ทฺวาทสวิเธน อิตรีตรปจฺจยสโนฺตเสน สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อฎฺฐ ปริกฺขารา วฎฺฎนฺติ – ตีณิ จีวรานิ, ปโตฺต, ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนวาสิ, เอกา สูจิ, กายพนฺธนํ ปริสฺสาวนนฺติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    So santuṭṭho hotīti svāyaṃ bhikkhu heṭṭhā vuttena catūsu paccayesu dvādasavidhena itarītarapaccayasantosena samannāgato hoti. Iminā pana dvādasavidhena itarītarapaccayasantosena samannāgatassa bhikkhuno aṭṭha parikkhārā vaṭṭanti – tīṇi cīvarāni, patto, dantakaṭṭhacchedanavāsi, ekā sūci, kāyabandhanaṃ parissāvananti. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ติจีวรญฺจ ปโตฺต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;

    ‘‘Ticīvarañca patto ca, vāsi sūci ca bandhanaṃ;

    ปริสฺสาวเนน อเฎฺฐเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ

    Parissāvanena aṭṭhete, yuttayogassa bhikkhuno’’ti.

    เต สเพฺพ กายปริหาริกาปิ โหนฺติ, กุจฺฉิปริหาริกาปิฯ กถํ? ติจีวรํ ตาว นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา จ วิจรณกาเล กายํ ปริหรติ โปเสตีติ กายปริหาริกํ โหติฯ จีวรกเณฺณน อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา ปิวนกาเล, ขาทิตพฺพผลาผลํ คหณกาเล จ กุจฺฉิํ ปริหรติ โปเสตีติ กุจฺฉิปริหาริกํ โหติฯ ปโตฺตปิ เตน อุทกํ อุทฺธริตฺวา นฺหานกาเล กุฎิปริภณฺฑกรณกาเล จ กายปริหาริโก โหติ, อาหารํ คเหตฺวา ภุญฺชนกาเล กุจฺฉิปริหาริโกฯ วาสิปิ ตาย ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนกาเล มญฺจปีฐานํ องฺคปาทจีวรกุฎิทณฺฑกสชฺชนกาเล จ กายปริหาริกา โหติ, อุจฺฉุเจฺฉทนนาฬิเกราทิตจฺฉนกาเล กุจฺฉิปริหาริกาฯ สูจิปิ จีวรสิพฺพนกาเล กายปริหาริกา โหติ, ปูวํ วา ผลํ วา วิชฺฌิตฺวา ขาทนกาเล กุจฺฉิปริหาริกาฯ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา วิจรณกาเล กายปริหาริกํ, อุจฺฉุอาทีนิ พนฺธิตฺวา คหณกาเล กุจฺฉิปริหาริกํฯ ปริสฺสาวนํ เตน อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา นฺหานกาเล เสนาสนปริภณฺฑกรณกาเล จ กายปริหาริกํ, ปานียปานกปริสฺสาวนกาเล เตเนว ติลตณฺฑุลปุถุกาทีนิ คเหตฺวา ขาทนกาเล จ กุจฺฉิปริหาริกํฯ อยํ ตาว อฎฺฐปริกฺขาริกสฺส ปริกฺขารมตฺตาฯ

    Te sabbe kāyaparihārikāpi honti, kucchiparihārikāpi. Kathaṃ? Ticīvaraṃ tāva nivāsetvā pārupitvā ca vicaraṇakāle kāyaṃ pariharati posetīti kāyaparihārikaṃ hoti. Cīvarakaṇṇena udakaṃ parissāvetvā pivanakāle, khāditabbaphalāphalaṃ gahaṇakāle ca kucchiṃ pariharati posetīti kucchiparihārikaṃ hoti. Pattopi tena udakaṃ uddharitvā nhānakāle kuṭiparibhaṇḍakaraṇakāle ca kāyaparihāriko hoti, āhāraṃ gahetvā bhuñjanakāle kucchiparihāriko. Vāsipi tāya dantakaṭṭhacchedanakāle mañcapīṭhānaṃ aṅgapādacīvarakuṭidaṇḍakasajjanakāle ca kāyaparihārikā hoti, ucchucchedananāḷikerāditacchanakāle kucchiparihārikā. Sūcipi cīvarasibbanakāle kāyaparihārikā hoti, pūvaṃ vā phalaṃ vā vijjhitvā khādanakāle kucchiparihārikā. Kāyabandhanaṃ bandhitvā vicaraṇakāle kāyaparihārikaṃ, ucchuādīni bandhitvā gahaṇakāle kucchiparihārikaṃ. Parissāvanaṃ tena udakaṃ parissāvetvā nhānakāle senāsanaparibhaṇḍakaraṇakāle ca kāyaparihārikaṃ, pānīyapānakaparissāvanakāle teneva tilataṇḍulaputhukādīni gahetvā khādanakāle ca kucchiparihārikaṃ. Ayaṃ tāva aṭṭhaparikkhārikassa parikkhāramattā.

    นวปริกฺขาริกสฺส ปน เสยฺยํ ปวิสนฺตสฺส ตตฺรฎฺฐกปจฺจตฺถรณํ วา กุญฺจิกา วา วฎฺฎติฯ ทสปริกฺขาริกสฺส นิสีทนํ วา จมฺมขณฺฑํ วา วฎฺฎติฯ เอกาทสปริกฺขาริกสฺส กตฺตรยฎฺฐิ วา เตลนาฬิกา วา วฎฺฎติฯ ทฺวาทสปริกฺขาริกสฺส ฉตฺตํ วา อุปาหนํ วา วฎฺฎติฯ เอเตสุ จ อฎฺฐปริกฺขาริโกว สนฺตุโฎฺฐ, อิตเร อสนฺตุฎฺฐา มหิจฺฉา มหาภาราติ น วตฺตพฺพาฯ เอเตปิ อปฺปิจฺฉาว สนฺตุฎฺฐาว สุภราว สลฺลหุกวุตฺติโนวฯ ภควา ปน น อิมํ สุตฺตํ เตสํ วเสน กเถสิ, อฎฺฐปริกฺขาริกสฺส วเสน กเถสิฯ โส หิ ขุทฺทกวาสิญฺจ สูจิญฺจ ปริสฺสาวเน ปกฺขิปิตฺวา ปตฺตสฺส อโนฺต ฐเปตฺวา ปตฺตํ อํสกูเฎ ลเคฺคตฺวา ติจีวรํ กายปฺปฎิพทฺธํ กตฺวา เยนิจฺฉกํ สุขํ ปกฺกมติ, ปฎินิวตฺติตฺวา คเหตพฺพํ นามสฺส น โหติฯ อิติ อิมสฺส ภิกฺขุโน สลฺลหุกวุตฺติตํ ทเสฺสโนฺต ภควา สนฺตุโฎฺฐ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรนาติอาทิมาหฯ

    Navaparikkhārikassa pana seyyaṃ pavisantassa tatraṭṭhakapaccattharaṇaṃ vā kuñcikā vā vaṭṭati. Dasaparikkhārikassa nisīdanaṃ vā cammakhaṇḍaṃ vā vaṭṭati. Ekādasaparikkhārikassa kattarayaṭṭhi vā telanāḷikā vā vaṭṭati. Dvādasaparikkhārikassa chattaṃ vā upāhanaṃ vā vaṭṭati. Etesu ca aṭṭhaparikkhārikova santuṭṭho, itare asantuṭṭhā mahicchā mahābhārāti na vattabbā. Etepi appicchāva santuṭṭhāva subharāva sallahukavuttinova. Bhagavā pana na imaṃ suttaṃ tesaṃ vasena kathesi, aṭṭhaparikkhārikassa vasena kathesi. So hi khuddakavāsiñca sūciñca parissāvane pakkhipitvā pattassa anto ṭhapetvā pattaṃ aṃsakūṭe laggetvā ticīvaraṃ kāyappaṭibaddhaṃ katvā yenicchakaṃ sukhaṃ pakkamati, paṭinivattitvā gahetabbaṃ nāmassa na hoti. Iti imassa bhikkhuno sallahukavuttitaṃ dassento bhagavā santuṭṭho hoti kāyaparihārikena cīvarenātiādimāha.

    ตตฺถ กายปริหาริเกนาติ กายปริหรณมตฺตเกนฯ กุจฺฉิปริหาริเกนาติ กุจฺฉิปริหรณมตฺตเกนฯ สมาทาเยว ปกฺกมตีติ ตํ อฎฺฐปริกฺขารมตฺตกํ สพฺพํ คเหตฺวาว กายปฺปฎิพทฺธํ กตฺวาว คจฺฉติ, ‘‘มม วิหาโร ปริเวณํ อุปฎฺฐาโก’’ติสฺส สโงฺค วา พโนฺธ วา น โหติฯ โส ชิยา มุโตฺต สโร วิย, ยูถา อปกฺกโนฺต มตฺตหตฺถี วิย อิจฺฉิติจฺฉิตํ เสนาสนํ, วนสณฺฑํ, รุกฺขมูลํ, นวํ ปพฺภารํ ปริภุญฺชโนฺต เอโก ติฎฺฐติ, เอโก นิสีทติ, สพฺพิริยาปเถสุ เอโก อทุติโยฯ

    Tattha kāyaparihārikenāti kāyapariharaṇamattakena. Kucchiparihārikenāti kucchipariharaṇamattakena. Samādāyeva pakkamatīti taṃ aṭṭhaparikkhāramattakaṃ sabbaṃ gahetvāva kāyappaṭibaddhaṃ katvāva gacchati, ‘‘mama vihāro pariveṇaṃ upaṭṭhāko’’tissa saṅgo vā bandho vā na hoti. So jiyā mutto saro viya, yūthā apakkanto mattahatthī viya icchiticchitaṃ senāsanaṃ, vanasaṇḍaṃ, rukkhamūlaṃ, navaṃ pabbhāraṃ paribhuñjanto eko tiṭṭhati, eko nisīdati, sabbiriyāpathesu eko adutiyo.

    ‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฎิโฆ จ โหติ,

    ‘‘Cātuddiso appaṭigho ca hoti,

    สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน;

    Santussamāno itarītarena;

    ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภี,

    Parissayānaṃ sahitā achambhī,

    เอโก จเร ขคฺควิสาณกโปฺป’’ติฯ (สุ. นิ. ๔๒; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทโส ๑๒๘) –

    Eko care khaggavisāṇakappo’’ti. (su. ni. 42; cūḷani. khaggavisāṇasuttaniddeso 128) –

    เอวํ วณฺณิตํ ขคฺควิสาณกปฺปตํ อาปชฺชติฯ

    Evaṃ vaṇṇitaṃ khaggavisāṇakappataṃ āpajjati.

    อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย สาเธโนฺต เสยฺยถาปีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปกฺขี สกุโณติ ปกฺขยุโตฺต สกุโณฯ เฑตีติ อุปฺปตติฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – สกุณา นาม ‘‘อสุกสฺมิํ ปเทเส รุโกฺข ปริปกฺกผโล’’ติ ญตฺวา นานาทิสาหิ อาคนฺตฺวา นขปกฺขตุณฺฑาทีหิ ตสฺส ผลานิ วิชฺฌนฺตา วิธุนนฺตา ขาทนฺติ, ‘‘อิทํ อชฺชตนาย, อิทํ สฺวาตนาย ภวิสฺสตี’’ติ เนสํ น โหติฯ ผเล ปน ขีเณ เนว รุกฺขสฺส อารกฺขํ ฐเปนฺติ, น ตตฺถ ปกฺขํ วา ปตฺตํ วา นขํ วา ตุณฺฑํ วา ฐเปนฺติ, อถ โข ตสฺมิํ รุเกฺข อนเปกฺขา หุตฺวา โย ยํ ทิสาภาคํ อิจฺฉติ, โส เตน สปตฺตภาโรว อุปฺปติตฺวา คจฺฉติฯ เอวเมว อยํ ภิกฺขุ นิสฺสโงฺค นิรเปโกฺขเยว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติฯ อริเยนาติ นิโทฺทเสนฯ อชฺฌตฺตนฺติ สเก อตฺตภาเวฯ อนวชฺชสุขนฺติ นิโทฺทสสุขํฯ

    Idāni tamatthaṃ upamāya sādhento seyyathāpītiādimāha. Tattha pakkhī sakuṇoti pakkhayutto sakuṇo. Ḍetīti uppatati. Ayaṃ panettha saṅkhepattho – sakuṇā nāma ‘‘asukasmiṃ padese rukkho paripakkaphalo’’ti ñatvā nānādisāhi āgantvā nakhapakkhatuṇḍādīhi tassa phalāni vijjhantā vidhunantā khādanti, ‘‘idaṃ ajjatanāya, idaṃ svātanāya bhavissatī’’ti nesaṃ na hoti. Phale pana khīṇe neva rukkhassa ārakkhaṃ ṭhapenti, na tattha pakkhaṃ vā pattaṃ vā nakhaṃ vā tuṇḍaṃ vā ṭhapenti, atha kho tasmiṃ rukkhe anapekkhā hutvā yo yaṃ disābhāgaṃ icchati, so tena sapattabhārova uppatitvā gacchati. Evameva ayaṃ bhikkhu nissaṅgo nirapekkhoyeva pakkamati, samādāyeva pakkamati. Ariyenāti niddosena. Ajjhattanti sake attabhāve. Anavajjasukhanti niddosasukhaṃ.

    โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ โส อิมินา อริเยน สีลกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จกฺขุวิญฺญาเณน รูปํ ปสฺสิตฺวาติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๕) วุตฺตํฯ อพฺยาเสกสุขนฺติ กิเลเสหิ อนาสิตฺตสุขํ, อวิกิณฺณสุขนฺติปิ วุตฺตํฯ อินฺทฺริยสํวรสุขํ หิ ทิฎฺฐาทีสุ ทิฎฺฐมตฺตาทิวเสน ปวตฺตตาย อวิกิณฺณํ โหติฯ

    So cakkhunā rūpaṃ disvāti so iminā ariyena sīlakkhandhena samannāgato bhikkhu cakkhuviññāṇena rūpaṃ passitvāti attho. Sesapadesupi yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.15) vuttaṃ. Abyāsekasukhanti kilesehi anāsittasukhaṃ, avikiṇṇasukhantipi vuttaṃ. Indriyasaṃvarasukhaṃ hi diṭṭhādīsu diṭṭhamattādivasena pavattatāya avikiṇṇaṃ hoti.

    โส อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺตติ โส มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ สํวเรน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อิเมสุ อภิกฺกนฺตปฎิกฺกนฺตาทีสุ สตฺตสุ ฐาเนสุ สติสมฺปชญฺญวเสน สมฺปชานการี โหติฯ ตตฺถ อภิกฺกนฺตนฺติ ปุรโต คมนํฯ ปฎิกฺกนฺตนฺติ ปจฺฉาคมนํฯ

    So abhikkante paṭikkanteti so manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ saṃvarena samannāgato bhikkhu imesu abhikkantapaṭikkantādīsu sattasu ṭhānesu satisampajaññavasena sampajānakārī hoti. Tattha abhikkantanti purato gamanaṃ. Paṭikkantanti pacchāgamanaṃ.

    สมฺปชานการี โหตีติ สาตฺถกสมฺปชญฺญํ, สปฺปายสมฺปชญฺญํ, โคจรสมฺปชญฺญํ, อสโมฺมหสมฺปชญฺญนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ สติสมฺปยุตฺตานํ สมฺปชญฺญานํ วเสน สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาเยว ตานิ อภิกฺกนฺตปฎิกฺกนฺตานิ กโรติฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน อิจฺฉเนฺตน ทีฆนิกาเย สามญฺญผลวณฺณนาโต วา มชฺฌิมนิกาเย สติปฎฺฐานวณฺณนาโต วา คเหตโพฺพฯ

    Sampajānakārīhotīti sātthakasampajaññaṃ, sappāyasampajaññaṃ, gocarasampajaññaṃ, asammohasampajaññanti imesaṃ catunnaṃ satisampayuttānaṃ sampajaññānaṃ vasena satiṃ upaṭṭhapetvā ñāṇena paricchinditvāyeva tāni abhikkantapaṭikkantāni karoti. Sesapadesupi eseva nayo. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana icchantena dīghanikāye sāmaññaphalavaṇṇanāto vā majjhimanikāye satipaṭṭhānavaṇṇanāto vā gahetabbo.

    โส อิมินา จาติอาทินา กิํ ทเสฺสติ? อรญฺญวาสสฺส ปจฺจยสมฺปตฺติํ ทเสฺสติฯ ยสฺส หิ อิเม จตฺตาโร ปจฺจยา นตฺถิ, ตสฺส อรญฺญวาโส น อิชฺฌติ, ติรจฺฉานคเตหิ วา วนจรเกหิ วา สทฺธิํ วตฺถพฺพตํ อาปชฺชติฯ อรเญฺญ อธิวตฺถา เทวตา ‘‘กิํ เอวรูปสฺส ปาปภิกฺขุโน อรญฺญวาเสนา’’ติ เภรวสทฺทํ สาเวนฺติ, หเตฺถหิ สีสํ ปหริตฺวา ปลายนาการํ กโรนฺติฯ ‘‘อสุโก ภิกฺขุ อรญฺญํ ปวิสิตฺวา อิทญฺจิทญฺจ ปาปกมฺมมกาสี’’ติ อยโส ปตฺถรติฯ ยสฺส ปเนเต จตฺตาโร ปจฺจยา อตฺถิ, ตสฺส อรญฺญวาโส อิชฺฌติฯ โส หิ อตฺตโน สีลํ ปจฺจเวกฺขโนฺต กิญฺจิ กาฬกํ วา ติลกํ วา อปสฺสโนฺต ปีติํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ขยโต วยโต สมฺมสโนฺต อริยภูมิํ โอกฺกมติฯ อรเญฺญ อธิวตฺถา เทวตา อตฺตมนา วณฺณํ ภาสนฺติฯ อิติสฺส อุทเก ปกฺขิตฺตเตลพินฺทุ วิย ยโส วิตฺถาริโก โหติฯ

    So iminā cātiādinā kiṃ dasseti? Araññavāsassa paccayasampattiṃ dasseti. Yassa hi ime cattāro paccayā natthi, tassa araññavāso na ijjhati, tiracchānagatehi vā vanacarakehi vā saddhiṃ vatthabbataṃ āpajjati. Araññe adhivatthā devatā ‘‘kiṃ evarūpassa pāpabhikkhuno araññavāsenā’’ti bheravasaddaṃ sāventi, hatthehi sīsaṃ paharitvā palāyanākāraṃ karonti. ‘‘Asuko bhikkhu araññaṃ pavisitvā idañcidañca pāpakammamakāsī’’ti ayaso pattharati. Yassa panete cattāro paccayā atthi, tassa araññavāso ijjhati. So hi attano sīlaṃ paccavekkhanto kiñci kāḷakaṃ vā tilakaṃ vā apassanto pītiṃ uppādetvā taṃ khayato vayato sammasanto ariyabhūmiṃ okkamati. Araññe adhivatthā devatā attamanā vaṇṇaṃ bhāsanti. Itissa udake pakkhittatelabindu viya yaso vitthāriko hoti.

    ตตฺถ วิวิตฺตนฺติ สุญฺญํ, อปฺปสทฺทํ, อปฺปนิโคฺฆสนฺติ อโตฺถฯ เอตเทว หิ สนฺธาย วิภเงฺค ‘‘วิวิตฺตนฺติ สนฺติเก เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตญฺจ อนากิณฺณํ คหเฎฺฐหิ ปพฺพชิเตหิ, เตน ตํ วิวิตฺต’’นฺติ (วิภ. ๕๒๖) วุตฺตํฯ เสติ เจว อาสติ จ เอตฺถาติ เสนาสนํฯ มญฺจปีฐานเมตํ อธิวจนํฯ เตนาห – ‘‘เสนาสนนฺติ มโญฺจปิ เสนาสนํ, ปีฐมฺปิ, ภิสิปิ, พิโมฺพหนมฺปิ, วิหาโรปิ, อฑฺฒโยโคปิ, ปาสาโทปิ, หมฺมิยมฺปิ, คุหาปิ, อโฎฺฎปิ, มาโฬปิ, เลณมฺปิ, เวฬุคุโมฺพปิ, รุกฺขมูลมฺปิ, มณฺฑโปปิ เสนาสนํ, ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺติ, สพฺพเมตํ เสนาสน’’นฺติ (วิภ. ๕๒๗)ฯ อปิจ วิหาโร, อฑฺฒโยโค, ปาสาโท, หมฺมิยํ, คุหาติ อิทํ วิหารเสนาสนํ นามฯ มโญฺจ, ปีฐํ, ภิสิ, พิโมฺพหนนฺติ อิทํ มญฺจปีฐเสนาสนํ นามฯ จิมิลิกา, จมฺมขโณฺฑ, ติณสนฺถาโร, ปณฺณสนฺถาโรติ อิทํ สนฺถตเสนาสนํ นามฯ ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฎิกฺกมนฺตีติ เอตํ โอกาสเสนาสนํ นามาติ เอวํ จตุพฺพิธํ เสนาสนํ โหติฯ ตํ สพฺพมฺปิ เสนาสนคฺคหเณน คหิตเมวฯ

    Tattha vivittanti suññaṃ, appasaddaṃ, appanigghosanti attho. Etadeva hi sandhāya vibhaṅge ‘‘vivittanti santike cepi senāsanaṃ hoti, tañca anākiṇṇaṃ gahaṭṭhehi pabbajitehi, tena taṃ vivitta’’nti (vibha. 526) vuttaṃ. Seti ceva āsati ca etthāti senāsanaṃ. Mañcapīṭhānametaṃ adhivacanaṃ. Tenāha – ‘‘senāsananti mañcopi senāsanaṃ, pīṭhampi, bhisipi, bimbohanampi, vihāropi, aḍḍhayogopi, pāsādopi, hammiyampi, guhāpi, aṭṭopi, māḷopi, leṇampi, veḷugumbopi, rukkhamūlampi, maṇḍapopi senāsanaṃ, yattha vā pana bhikkhū paṭikkamanti, sabbametaṃ senāsana’’nti (vibha. 527). Apica vihāro, aḍḍhayogo, pāsādo, hammiyaṃ, guhāti idaṃ vihārasenāsanaṃ nāma. Mañco, pīṭhaṃ, bhisi, bimbohananti idaṃ mañcapīṭhasenāsanaṃ nāma. Cimilikā, cammakhaṇḍo, tiṇasanthāro, paṇṇasanthāroti idaṃ santhatasenāsanaṃ nāma. Yattha vā pana bhikkhū paṭikkamantīti etaṃ okāsasenāsanaṃ nāmāti evaṃ catubbidhaṃ senāsanaṃ hoti. Taṃ sabbampi senāsanaggahaṇena gahitameva.

    อิมสฺส ปน สกุณสทิสสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกํ ทเสฺสโนฺต อรญฺญํ รุกฺขมูลนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อรญฺญนฺติ ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรญฺญ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) ‘‘อิทํ ภิกฺขุนีนํ วเสน อาคตํ อรญฺญํฯ ‘‘อารญฺญกํ นาม เสนาสนํ ปญฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อิทํ ปน อิมสฺส ภิกฺขุโน อนุรูปํฯ ตสฺส ลกฺขณํ วิสุทฺธิมเคฺค ธุตงฺคนิเทฺทเส วุตฺตํฯ รุกฺขมูลนฺติ ยํกิญฺจิ สีตจฺฉายํ วิวิตฺตํ รุกฺขมูลํฯ ปพฺพตนฺติ เสลํฯ ตตฺถ หิ อุทกโสณฺฑีสุ อุทกกิจฺจํ กตฺวา สีตาย รุกฺขจฺฉายาย นิสินฺนสฺส นานาทิสาสุ ขายมานาสุ สีเตน วาเตน พีชิยมานสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติฯ กนฺทรนฺติ กํ วุจฺจติ อุทกํ, เตน ทาริตํ อุทกภินฺนํ ปพฺพตปเทสํ, ยํ นิตมฺพนฺติปิ นทีนิกุญฺชนฺติปิ วทนฺติฯ ตตฺถ หิ รชตปฎฺฎสทิสา วาลิกา โหติ, มตฺถเก มณิวิตานํ วิย วนคหนํ, มณิกฺขนฺธสทิสํ อุทกํ สนฺทติฯ เอวรูปํ กนฺทรํ โอรุยฺห ปานียํ ปิวิตฺวา คตฺตานิ สีตานิ กตฺวา วาลิกํ อุสฺสาเปตฺวา ปํสุกูลจีวรํ ปญฺญาเปตฺวา นิสินฺนสฺส สมณธมฺมํ กโรโต จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติฯ คิริคุหนฺติ ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ อนฺตรํ, เอกสฺมิํเยว วา อุมงฺคสทิสํ มหาวิวรํฯ สุสานลกฺขณํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๔) วุตฺตํฯ วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฎฺฐานํ, ยตฺถ น กสนฺติ น วปนฺติฯ เตเนวาห – ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติอาทิฯ อโพฺภกาสนฺติ อจฺฉนฺนํฯ อากงฺขมาโน ปเนตฺถ จีวรกุฎิํ กตฺวา วสติฯ ปลาลปุญฺชนฺติ ปลาลราสิํ ฯ มหาปลาลปุญฺชโต หิ ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา ปพฺภารเลณสทิเส อาลเย กโรนฺติ, คจฺฉคุมฺพาทีนมฺปิ อุปริ ปลาลํ ปกฺขิปิตฺวา เหฎฺฐา นิสินฺนา สมณธมฺมํ กโรนฺติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ

    Imassa pana sakuṇasadisassa cātuddisassa bhikkhuno anucchavikaṃ dassento araññaṃ rukkhamūlantiādimāha. Tattha araññanti ‘‘nikkhamitvā bahi indakhīlā sabbametaṃ arañña’’nti (vibha. 529) ‘‘idaṃ bhikkhunīnaṃ vasena āgataṃ araññaṃ. ‘‘Āraññakaṃ nāma senāsanaṃ pañcadhanusatikaṃ pacchima’’nti (pārā. 654) idaṃ pana imassa bhikkhuno anurūpaṃ. Tassa lakkhaṇaṃ visuddhimagge dhutaṅganiddese vuttaṃ. Rukkhamūlanti yaṃkiñci sītacchāyaṃ vivittaṃ rukkhamūlaṃ. Pabbatanti selaṃ. Tattha hi udakasoṇḍīsu udakakiccaṃ katvā sītāya rukkhacchāyāya nisinnassa nānādisāsu khāyamānāsu sītena vātena bījiyamānassa cittaṃ ekaggaṃ hoti. Kandaranti kaṃ vuccati udakaṃ, tena dāritaṃ udakabhinnaṃ pabbatapadesaṃ, yaṃ nitambantipi nadīnikuñjantipi vadanti. Tattha hi rajatapaṭṭasadisā vālikā hoti, matthake maṇivitānaṃ viya vanagahanaṃ, maṇikkhandhasadisaṃ udakaṃ sandati. Evarūpaṃ kandaraṃ oruyha pānīyaṃ pivitvā gattāni sītāni katvā vālikaṃ ussāpetvā paṃsukūlacīvaraṃ paññāpetvā nisinnassa samaṇadhammaṃ karoto cittaṃ ekaggaṃ hoti. Giriguhanti dvinnaṃ pabbatānaṃ antaraṃ, ekasmiṃyeva vā umaṅgasadisaṃ mahāvivaraṃ. Susānalakkhaṇaṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.34) vuttaṃ. Vanapatthanti gāmantaṃ atikkamitvā manussānaṃ anupacāraṭṭhānaṃ, yattha na kasanti na vapanti. Tenevāha – ‘‘vanapatthanti dūrānametaṃ senāsanānaṃ adhivacana’’ntiādi. Abbhokāsanti acchannaṃ. Ākaṅkhamāno panettha cīvarakuṭiṃ katvā vasati. Palālapuñjanti palālarāsiṃ . Mahāpalālapuñjato hi palālaṃ nikkaḍḍhitvā pabbhāraleṇasadise ālaye karonti, gacchagumbādīnampi upari palālaṃ pakkhipitvā heṭṭhā nisinnā samaṇadhammaṃ karonti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.

    ปจฺฉาภตฺตนฺติ ภตฺตสฺส ปจฺฉโตฯ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺตติ ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฎิกฺกโนฺตฯ ปลฺลงฺกนฺติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํฯ อาภุชิตฺวาติ พนฺธิตฺวาฯ อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมสรีรํ อุชุกํ ฐเปตฺวา อฎฺฐารส ปิฎฺฐิกณฺฎเก โกฎิยา โกฎิํ ปฎิปาเทตฺวาฯ เอวญฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนฺหารูนิ น ปณมนฺติฯ อถสฺส ยา เตสํ ปณมนปจฺจยา ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปเชฺชยฺยุํ, ตา น อุปฺปชฺชนฺติฯ ตาสุ น อุปฺปชฺชมานาสุ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฎฺฐานํ น ปริปตติ, วุทฺธิํ ผาติํ อุปคจฺฉติฯ ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาติ กมฺมฎฺฐานาภิมุขํ สติํ ฐปยิตฺวา, มุขสมีเป วา กตฺวาติ อโตฺถฯ เตเนว วิภเงฺค วุตฺตํ – ‘‘อยํ สติ อุปฎฺฐิตา โหติ สูปฎฺฐิตา นาสิกเคฺค วา มุขนิมิเตฺต วาฯ เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติ (วิภ. ๕๓๗)ฯ อถ วา ‘‘ปรีติ ปริคฺคหโฎฺฐฯ มุขนฺติ นิยฺยานโฎฺฐฯ สตีติ อุปฎฺฐานโฎฺฐฯ เตน วุจฺจติ – ‘ปริมุขํ สติ’’’นฺติ เอวํ ปฎิสมฺภิทายํ (ปฎิ. ม. ๑.๑๖๔) วุตฺตนเยน ปเนตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ตตฺรายํ สเงฺขโป ‘‘ปริคฺคหิตนิยฺยานํ สติํ กตฺวา’’ติฯ

    Pacchābhattanti bhattassa pacchato. Piṇḍapātapaṭikkantoti piṇḍapātapariyesanato paṭikkanto. Pallaṅkanti samantato ūrubaddhāsanaṃ. Ābhujitvāti bandhitvā. Ujuṃ kāyaṃ paṇidhāyāti uparimasarīraṃ ujukaṃ ṭhapetvā aṭṭhārasa piṭṭhikaṇṭake koṭiyā koṭiṃ paṭipādetvā. Evañhi nisinnassa cammamaṃsanhārūni na paṇamanti. Athassa yā tesaṃ paṇamanapaccayā khaṇe khaṇe vedanā uppajjeyyuṃ, tā na uppajjanti. Tāsu na uppajjamānāsu cittaṃ ekaggaṃ hoti, kammaṭṭhānaṃ na paripatati, vuddhiṃ phātiṃ upagacchati. Parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvāti kammaṭṭhānābhimukhaṃ satiṃ ṭhapayitvā, mukhasamīpe vā katvāti attho. Teneva vibhaṅge vuttaṃ – ‘‘ayaṃ sati upaṭṭhitā hoti sūpaṭṭhitā nāsikagge vā mukhanimitte vā. Tena vuccati parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā’’ti (vibha. 537). Atha vā ‘‘parīti pariggahaṭṭho. Mukhanti niyyānaṭṭho. Satīti upaṭṭhānaṭṭho. Tena vuccati – ‘parimukhaṃ sati’’’nti evaṃ paṭisambhidāyaṃ (paṭi. ma. 1.164) vuttanayena panettha attho daṭṭhabbo. Tatrāyaṃ saṅkhepo ‘‘pariggahitaniyyānaṃ satiṃ katvā’’ti.

    อภิชฺฌํ โลเกติ เอตฺถ ลุชฺชน-ปลุชฺชนเฎฺฐน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา โลโกฯ ตสฺมา ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ ราคํ ปหาย กามจฺฉนฺทํ วิกฺขเมฺภตฺวาติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ วิคตาภิเชฺฌนาติ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนตฺตา วิคตาภิเชฺฌน, น จกฺขุวิญฺญาณสทิเสนาติ อโตฺถฯ อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธตีติ อภิชฺฌาโต จิตฺตํ ปริโมเจติ, ยถา นํ สา มุญฺจติ เจว มุญฺจิตฺวา จ น ปุน คณฺหาติ, เอวํ กโรตีติ อโตฺถฯ พฺยาปาทปโทสํ ปหายาติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ พฺยาปชฺชติ อิมินา จิตฺตํ ปูติกุมฺมาสาทโย วิย ปุริมปกติํ ปชหตีติ พฺยาปาโทฯ วิการปฺปตฺติยา ปทุสฺสติ, ปรํ วา ปทูเสติ วินาเสตีติ ปโทโสฯ อุภยเมฺปตํ โกธเสฺสว อธิวจนํ ฯ ถินํ จิตฺตเคลญฺญํ, มิทฺธํ เจตสิกเคลญฺญํฯ ถินญฺจ มิทฺธญฺจ ถินมิทฺธํฯ อาโลกสญฺญีติ รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ทิฎฺฐอาโลกสญฺชานนสมตฺถาย วิคตนีวรณาย ปริสุทฺธาย สญฺญาย สมนฺนาคโต ฯ สโต สมฺปชาโนติ สติยา จ ญาเณน จ สมนฺนาคโตฯ อิทํ อุภยํ อาโลกสญฺญาย อุปการกตฺตา วุตฺตํฯ อุทฺธจฺจญฺจ กุกฺกุจฺจญฺจ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํฯ ติณฺณวิจิกิโจฺฉติ วิจิกิจฺฉํ ตริตฺวา อติกฺกมิตฺวา ฐิโตฯ ‘‘กถมิทํ กถมิท’’นฺติ เอวํ นปฺปวตฺตตีติ อกถํกถีฯ กุสเลสุ ธเมฺมสูติ อนวเชฺชสุ ธเมฺมสุฯ ‘‘อิเม นุ โข กุสลา, กถมิเม กุสลา’’ติ เอวํ น วิจิกิจฺฉติ น กงฺขตีติ อโตฺถฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ อิเมสุ ปน นีวรเณสุ วจนตฺถลกฺขณาทิเภทโต ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๗๑-๗๒) วุตฺตํฯ ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณติ ยสฺมา อิเม ปญฺจ นีวรณา อุปฺปชฺชมานา อนุปฺปนฺนาย โลกิยโลกุตฺตราย ปญฺญาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ, อุปฺปนฺนาปิ อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปญฺจ วา อภิญฺญา อุจฺฉินฺทิตฺวา ปาเตนฺติฯ ตสฺมา ปญฺญาย ทุพฺพลีกรณาติ วุจฺจนฺติฯ วิวิเจฺจว กาเมหีติอาทีนิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตานิฯ

    Abhijjhaṃ loketi ettha lujjana-palujjanaṭṭhena pañcupādānakkhandhā loko. Tasmā pañcasu upādānakkhandhesu rāgaṃ pahāya kāmacchandaṃ vikkhambhetvāti ayamettha attho. Vigatābhijjhenāti vikkhambhanavasena pahīnattā vigatābhijjhena, na cakkhuviññāṇasadisenāti attho. Abhijjhāya cittaṃ parisodhetīti abhijjhāto cittaṃ parimoceti, yathā naṃ sā muñcati ceva muñcitvā ca na puna gaṇhāti, evaṃ karotīti attho. Byāpādapadosaṃ pahāyātiādīsupi eseva nayo. Byāpajjati iminā cittaṃ pūtikummāsādayo viya purimapakatiṃ pajahatīti byāpādo. Vikārappattiyā padussati, paraṃ vā padūseti vināsetīti padoso. Ubhayampetaṃ kodhasseva adhivacanaṃ . Thinaṃ cittagelaññaṃ, middhaṃ cetasikagelaññaṃ. Thinañca middhañca thinamiddhaṃ. Ālokasaññīti rattimpi divāpi diṭṭhaālokasañjānanasamatthāya vigatanīvaraṇāya parisuddhāya saññāya samannāgato . Sato sampajānoti satiyā ca ñāṇena ca samannāgato. Idaṃ ubhayaṃ ālokasaññāya upakārakattā vuttaṃ. Uddhaccañca kukkuccañca uddhaccakukkuccaṃ. Tiṇṇavicikicchoti vicikicchaṃ taritvā atikkamitvā ṭhito. ‘‘Kathamidaṃ kathamida’’nti evaṃ nappavattatīti akathaṃkathī. Kusalesu dhammesūti anavajjesu dhammesu. ‘‘Ime nu kho kusalā, kathamime kusalā’’ti evaṃ na vicikicchati na kaṅkhatīti attho. Ayamettha saṅkhepo. Imesu pana nīvaraṇesu vacanatthalakkhaṇādibhedato yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.71-72) vuttaṃ. Paññāya dubbalīkaraṇeti yasmā ime pañca nīvaraṇā uppajjamānā anuppannāya lokiyalokuttarāya paññāya uppajjituṃ na denti, uppannāpi aṭṭha samāpattiyo pañca vā abhiññā ucchinditvā pātenti. Tasmā paññāya dubbalīkaraṇāti vuccanti. Vivicceva kāmehītiādīni visuddhimagge vitthāritāni.

    อิเม อาสวาติอาทิ อปเรนาปิ ปริยาเยน จตุสจฺจปฺปกาสนตฺถํ วุตฺตํฯ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติ เอตฺตาวตา เหฎฺฐา ตีหิ อเงฺคหิ พาหิรสมยสฺส นิปฺผลภาวํ ทเสฺสตฺวา จตุเตฺถน อเงฺคน อตฺตโน สาสนสฺส คมฺภีรภาวํ ปกาเสตฺวา เทสนาย อรหเตฺตน กูฎํ คณฺหิฯ อิทานิ เทสนํ อเปฺปโนฺต เอวํ โข, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ

    Ime āsavātiādi aparenāpi pariyāyena catusaccappakāsanatthaṃ vuttaṃ. Nāparaṃ itthattāyāti pajānātīti ettāvatā heṭṭhā tīhi aṅgehi bāhirasamayassa nipphalabhāvaṃ dassetvā catutthena aṅgena attano sāsanassa gambhīrabhāvaṃ pakāsetvā desanāya arahattena kūṭaṃ gaṇhi. Idāni desanaṃ appento evaṃ kho, bhikkhavetiādimāha.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๘. อตฺตนฺตปสุตฺตํ • 8. Attantapasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘. อตฺตนฺตปสุตฺตวณฺณนา • 8. Attantapasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact