Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā

    ๑๖. อตฺถทสฺสีพุทฺธวํสวณฺณนา

    16. Atthadassībuddhavaṃsavaṇṇanā

    ปิยทสฺสิมฺหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธ ปรินิพฺพุเต ตสฺส สาสเน จ อนฺตรหิเต ปริหายิตฺวา วฑฺฒิตฺวา อปริมิตายุเกสุ มนุเสฺสสุ อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา วสฺสสตสหสฺสายุเกสุ ชาเตสุ ปรมตฺถทสฺสี อตฺถทสฺสี นาม พุโทฺธ โลเก อุปฺปชฺชิฯ โส ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา ปรมโสภเน โสภเน นาม นคเร สาครสฺส นาม รโญฺญ กุเล อคฺคมเหสิยา สุทสฺสนเทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทส มาเส คเพฺภ วสิตฺวา สุจินฺธนุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ มาตุกุจฺฉิโต มหาปุริเส นิกฺขนฺตมเตฺต สุจิรกาลนิหิตานิ กุลปรมฺปราคตานิ มหานิธานานิ ธนสามิกา ปฎิลภิํสูติ ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘อตฺถทสฺสี’’ติ นามมกํสุฯ โส ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ อมรคิริ-สุรคิริ-คิริวาหนนามกา ปรมสุรภิชนกา ตโย จสฺส ปาสาทา อเหสุํฯ วิสาขาเทวิปฺปมุขานิ เตตฺติํส อิตฺถิสหสฺสานิ อเหสุํฯ

    Piyadassimhi sammāsambuddhe parinibbute tassa sāsane ca antarahite parihāyitvā vaḍḍhitvā aparimitāyukesu manussesu anukkamena parihāyitvā vassasatasahassāyukesu jātesu paramatthadassī atthadassī nāma buddho loke uppajji. So pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā paramasobhane sobhane nāma nagare sāgarassa nāma rañño kule aggamahesiyā sudassanadeviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā dasa māse gabbhe vasitvā sucindhanuyyāne mātukucchito nikkhami. Mātukucchito mahāpurise nikkhantamatte sucirakālanihitāni kulaparamparāgatāni mahānidhānāni dhanasāmikā paṭilabhiṃsūti tassa nāmaggahaṇadivase ‘‘atthadassī’’ti nāmamakaṃsu. So dasavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Amaragiri-suragiri-girivāhananāmakā paramasurabhijanakā tayo cassa pāsādā ahesuṃ. Visākhādevippamukhāni tettiṃsa itthisahassāni ahesuṃ.

    โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา วิสาขาเทวิยา เสลกุมาเร นาม ปุเตฺต อุปฺปเนฺน สุทสฺสนํ นาม อสฺสราชํ อภิรุหิตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ ตํ นว มนุสฺสโกฎิโย อนุปพฺพชิํสุฯ เตหิ ปริวุโต โส มหาปุริโส อฎฺฐ มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย สุจินฺธรนาคิยา อุปหารตฺถาย อานีตํ มธุปายาสํ มหาชเนน สนฺทิสฺสมานสพฺพสรีราย นาคิยา สห สุวณฺณปาติยา ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา ตรุณตรุสตสมลงฺกเต ตรุณสาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย ธมฺมรุจินา มหารุจินา นาม นาคราเชน ทินฺนา อฎฺฐ กุสติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา จมฺปกโพธิํ อุปสงฺกมิตฺวา เตปญฺญาสหตฺถายามวิตฺถตํ กุสติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา สโมฺพธิํ ปตฺวา สพฺพพุทฺธาจิณฺณํ – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนายาจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อตฺตนา สห ปพฺพชิตนวภิกฺขุโกฎิโย อริยธมฺมปฎิเวธสมเตฺถ ทิสฺวา อากาเสน คนฺตฺวา อโนมนครสมีเป อโนมุยฺยาเน โอตริตฺวา เตหิ ปริวุโต ตตฺถ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิฯ ตทา โกฎิสตสหสฺสานํ ปฐโม ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ

    So cattāri nimittāni disvā visākhādeviyā selakumāre nāma putte uppanne sudassanaṃ nāma assarājaṃ abhiruhitvā mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbaji. Taṃ nava manussakoṭiyo anupabbajiṃsu. Tehi parivuto so mahāpuriso aṭṭha māse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya sucindharanāgiyā upahāratthāya ānītaṃ madhupāyāsaṃ mahājanena sandissamānasabbasarīrāya nāgiyā saha suvaṇṇapātiyā dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā taruṇatarusatasamalaṅkate taruṇasālavane divāvihāraṃ vītināmetvā sāyanhasamaye dhammarucinā mahārucinā nāma nāgarājena dinnā aṭṭha kusatiṇamuṭṭhiyo gahetvā campakabodhiṃ upasaṅkamitvā tepaññāsahatthāyāmavitthataṃ kusatiṇasantharaṃ santharitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā sambodhiṃ patvā sabbabuddhāciṇṇaṃ – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ bodhisamīpeyeva vītināmetvā brahmuno dhammadesanāyācanaṃ sampaṭicchitvā attanā saha pabbajitanavabhikkhukoṭiyo ariyadhammapaṭivedhasamatthe disvā ākāsena gantvā anomanagarasamīpe anomuyyāne otaritvā tehi parivuto tattha dhammacakkaṃ pavattesi. Tadā koṭisatasahassānaṃ paṭhamo dhammābhisamayo ahosi.

    ปุน ภควติ โลกนายเก เทวโลกจาริกํ จริตฺวา ตตฺถ ธมฺมํ เทเสเนฺต โกฎิสตสหสฺสานํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ ยทา ปน ภควา อตฺถทสฺสี อมฺหากํ ภควา วิย กปิลวตฺถุปุรํ โสภนปุรํ ปวิสิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, ตทา โกฎิสตสหสฺสานํ ตติโย ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Puna bhagavati lokanāyake devalokacārikaṃ caritvā tattha dhammaṃ desente koṭisatasahassānaṃ dutiyo abhisamayo ahosi. Yadā pana bhagavā atthadassī amhākaṃ bhagavā viya kapilavatthupuraṃ sobhanapuraṃ pavisitvā dhammaṃ desesi, tadā koṭisatasahassānaṃ tatiyo dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    1.

    ‘‘ตเตฺถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อตฺถทสฺสี มหายโส;

    ‘‘Tattheva maṇḍakappamhi, atthadassī mahāyaso;

    มหาตมํ นิหนฺตฺวาน, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํฯ

    Mahātamaṃ nihantvāna, patto sambodhimuttamaṃ.

    .

    2.

    ‘‘พฺรหฺมุนา ยาจิโต สโนฺต, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิ;

    ‘‘Brahmunā yācito santo, dhammacakkaṃ pavattayi;

    อมเตน ตปฺปยี โลกํ, ทสสหสฺสี สเทวกํฯ

    Amatena tappayī lokaṃ, dasasahassī sadevakaṃ.

    .

    3.

    ‘‘ตสฺสาปิ โลกนาถสฺส, อเหสุํ อภิสมยา ตโย;

    ‘‘Tassāpi lokanāthassa, ahesuṃ abhisamayā tayo;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ปฐมาภิสมโย อหุฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, paṭhamābhisamayo ahu.

    .

    4.

    ‘‘ยทา พุโทฺธ อตฺถทสฺสี, จรติ เทวจาริกํ;

    ‘‘Yadā buddho atthadassī, carati devacārikaṃ;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหุฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahu.

    .

    5.

    ‘‘ปุนาปรํ ยทา พุโทฺธ, เทเสสิ ปิตุสนฺติเก;

    ‘‘Punāparaṃ yadā buddho, desesi pitusantike;

    โกฎิสตสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ

    Koṭisatasahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.

    ตตฺถ ตเตฺถวาติ ตสฺมิเญฺญว กเปฺปติ อโตฺถฯ เอตฺถ ปน วรกโปฺป ‘‘มณฺฑกโปฺป’’ติ อธิเปฺปโตฯ ‘‘ยสฺมิํ กเปฺป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, โส กโปฺป วรกโปฺป’’ติ เหฎฺฐา ปทุมุตฺตรพุทฺธวํสวณฺณนายํ วุโตฺตฯ ตสฺมา วรกโปฺป อิธ ‘‘มณฺฑกโปฺป’’ติ วุโตฺตฯ นิหนฺตฺวานาติ นิหนิตฺวาฯ อยเมว วา ปาโฐฯ สโนฺตติ สมาโนฯ อมเตนาติ มคฺคผลาธิคมามตปาเนนฯ ตปฺปยีติ อตปฺปยิ, ปีเณสีติ อโตฺถฯ ทสสหสฺสีติ ทสสหสฺสิโลกธาตุํฯ เทวจาริกนฺติ เทวานํ วินยนตฺถํ เทวโลกจาริกนฺติ อโตฺถฯ

    Tattha tatthevāti tasmiññeva kappeti attho. Ettha pana varakappo ‘‘maṇḍakappo’’ti adhippeto. ‘‘Yasmiṃ kappe tayo buddhā nibbattanti, so kappo varakappo’’ti heṭṭhā padumuttarabuddhavaṃsavaṇṇanāyaṃ vutto. Tasmā varakappo idha ‘‘maṇḍakappo’’ti vutto. Nihantvānāti nihanitvā. Ayameva vā pāṭho. Santoti samāno. Amatenāti maggaphalādhigamāmatapānena. Tappayīti atappayi, pīṇesīti attho. Dasasahassīti dasasahassilokadhātuṃ. Devacārikanti devānaṃ vinayanatthaṃ devalokacārikanti attho.

    สุจนฺทกนคเร กิร สโนฺต จ ราชปุโตฺต อุปสโนฺต จ ปุโรหิตปุโตฺต ตีสุ เวเทสุ สพฺพสมยนฺตเรสุ จ สารมทิสฺวา นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาโร ปณฺฑิเต วิสารเท จ มนุเสฺส ฐเปสุํ – ‘‘ยํ ปน ตุเมฺห ปณฺฑิตํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปสฺสถ สุณาถ วา, ตํ อมฺหากํ อาคนฺตฺวา อาโรเจถา’’ติฯ เตน จ สมเยน อตฺถทสฺสี โลกนาโถ สุจนฺทกนครํ สมฺปาปุณิฯ อถ เตหิ นิเวทิตา ปุริสา คนฺตฺวา เตสํ ทสพลสฺส ตตฺถาคมนํ ปฎิเวเทสุํฯ ตโต เต สโนฺตปสนฺตา ตถาคตาคมนํ สุตฺวา ปหฎฺฐมานสา สหสฺสปริวารา ทสพลํ อสมํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา นิมเนฺตตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อสทิสํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส สกลนครวาสีหิ มนุเสฺสหิ สทฺธิํ ธมฺมกถํ สุณิํสุฯ ตสฺมิํ กิร ทิวเส อฎฺฐนวุติสหสฺสานิ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ ตาย ปริสาย มเชฺฌ ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ

    Sucandakanagare kira santo ca rājaputto upasanto ca purohitaputto tīsu vedesu sabbasamayantaresu ca sāramadisvā nagarassa catūsu dvāresu cattāro paṇḍite visārade ca manusse ṭhapesuṃ – ‘‘yaṃ pana tumhe paṇḍitaṃ samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā passatha suṇātha vā, taṃ amhākaṃ āgantvā ārocethā’’ti. Tena ca samayena atthadassī lokanātho sucandakanagaraṃ sampāpuṇi. Atha tehi niveditā purisā gantvā tesaṃ dasabalassa tatthāgamanaṃ paṭivedesuṃ. Tato te santopasantā tathāgatāgamanaṃ sutvā pahaṭṭhamānasā sahassaparivārā dasabalaṃ asamaṃ paccuggantvā abhivādetvā nimantetvā sattāhaṃ buddhappamukhassa saṅghassa asadisaṃ mahādānaṃ datvā sattame divase sakalanagaravāsīhi manussehi saddhiṃ dhammakathaṃ suṇiṃsu. Tasmiṃ kira divase aṭṭhanavutisahassāni ehibhikkhupabbajjāya pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Tāya parisāya majjhe bhagavā pātimokkhaṃ uddisi, so paṭhamo sannipāto ahosi.

    ยทา ปน ภควา อตฺตโน ปุตฺตสฺส เสลเตฺถรสฺส ธมฺมํ เทเสโนฺต อฎฺฐาสีติสหสฺสานิ ปสาเทตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ ปุน มหามงฺคลสมาคเม มาฆปุณฺณมายํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมํ เทเสโนฺต อฎฺฐสตฺตติสหสฺสานิ อรหตฺตํ ปาเปตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Yadā pana bhagavā attano puttassa selattherassa dhammaṃ desento aṭṭhāsītisahassāni pasādetvā ehibhikkhubhāvena pabbājetvā arahattaṃ pāpetvā pātimokkhaṃ uddisi, so dutiyo sannipāto ahosi. Puna mahāmaṅgalasamāgame māghapuṇṇamāyaṃ devamanussānaṃ dhammaṃ desento aṭṭhasattatisahassāni arahattaṃ pāpetvā pātimokkhaṃ uddisi, so tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –

    .

    6.

    ‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ตสฺสาปิ จ มเหสิโน;

    ‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, tassāpi ca mahesino;

    ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ

    Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.

    .

    7.

    ‘‘อฎฺฐนวุติสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโม;

    ‘‘Aṭṭhanavutisahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo;

    อฎฺฐาสีติสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโมฯ

    Aṭṭhāsītisahassānaṃ, dutiyo āsi samāgamo.

    .

    8.

    ‘‘อฎฺฐสตฺตติสหสฺสานํ, ตติโย อาสิ สมาคโม;

    ‘‘Aṭṭhasattatisahassānaṃ, tatiyo āsi samāgamo;

    อนุปาทา วิมุตฺตานํ, วิมลานํ มเหสิน’’นฺติฯ

    Anupādā vimuttānaṃ, vimalānaṃ mahesina’’nti.

    ตทา กิร อมฺหากํ โพธิสโตฺต จมฺปกนคเร สุสีโม นาม พฺราหฺมณมหาสาโล โลกสมฺมโต อโหสิฯ โส สพฺพวิภวชาตํ ทีนานาถกปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสเชฺชตฺวา หิมวนฺตสมีปํ คนฺตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปญฺจ อภิญฺญาโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา มหิทฺธิโก มหานุภาโว หุตฺวา มหาชนสฺส กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ อนวชฺชสาวชฺชภาวญฺจ ทเสฺสตฺวา พุทฺธุปฺปาทํ อาคมยมาโน อฎฺฐาสิฯ

    Tadā kira amhākaṃ bodhisatto campakanagare susīmo nāma brāhmaṇamahāsālo lokasammato ahosi. So sabbavibhavajātaṃ dīnānāthakapaṇaddhikādīnaṃ vissajjetvā himavantasamīpaṃ gantvā tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā aṭṭha samāpattiyo pañca abhiññāyo ca nibbattetvā mahiddhiko mahānubhāvo hutvā mahājanassa kusalākusalānaṃ dhammānaṃ anavajjasāvajjabhāvañca dassetvā buddhuppādaṃ āgamayamāno aṭṭhāsi.

    อถาปเรน สมเยน อตฺถทสฺสิมฺหิ โลกนายเก โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สุทสฺสนมหานคเร อฎฺฐนฺนํ ปริสานํ มเชฺฌ ธมฺมามตวสฺสํ วเสฺสเนฺต ตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา สคฺคโลกํ คนฺตฺวา ทิพฺพานิ มนฺทารวปทุมปาริจฺฉตฺตกาทีนิ ปุปฺผานิ เทวโลกโต อาหริตฺวา อตฺตโน อานุภาวํ ทเสฺสโนฺต ทิสฺสมานสรีโร จตูสุ ทิสาสุ จตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วิย ปุปฺผวสฺสํ วเสฺสตฺวา สมนฺตโต ปุปฺผมณฺฑปํ ปุปฺผมยคฺฆิโตรณเหมชาลาทีนิ ปุปฺผมยานิ กตฺวา มนฺทารวปุปฺผจฺฉเตฺตน ทสพลํ ปูเชสิฯ โสปิ นํ ภควา – ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –

    Athāparena samayena atthadassimhi lokanāyake loke uppajjitvā sudassanamahānagare aṭṭhannaṃ parisānaṃ majjhe dhammāmatavassaṃ vassente tassa dhammaṃ sutvā saggalokaṃ gantvā dibbāni mandāravapadumapāricchattakādīni pupphāni devalokato āharitvā attano ānubhāvaṃ dassento dissamānasarīro catūsu disāsu catuddīpikamahāmegho viya pupphavassaṃ vassetvā samantato pupphamaṇḍapaṃ pupphamayagghitoraṇahemajālādīni pupphamayāni katvā mandāravapupphacchattena dasabalaṃ pūjesi. Sopi naṃ bhagavā – ‘‘anāgate gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –

    .

    9.

    ‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฎิโล อุคฺคตาปโน;

    ‘‘Ahaṃ tena samayena, jaṭilo uggatāpano;

    สุสีโม นาม นาเมน, มหิยา เสฎฺฐสมฺมโตฯ

    Susīmo nāma nāmena, mahiyā seṭṭhasammato.

    ๑๐.

    10.

    ‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริจฺฉตฺตกํ;

    ‘‘Dibbaṃ mandāravaṃ pupphaṃ, padumaṃ pāricchattakaṃ;

    เทวโลกา หริตฺวาน, สมฺพุทฺธมภิปูชยิํฯ

    Devalokā haritvāna, sambuddhamabhipūjayiṃ.

    ๑๑.

    11.

    ‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, อตฺถทสฺสี มหามุนิ;

    ‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, atthadassī mahāmuni;

    อฎฺฐารเส กปฺปสเต, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Aṭṭhārase kappasate, ayaṃ buddho bhavissati.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ

    ‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, หโฎฺฐ สํวิคฺคมานโส;

    ‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, haṭṭho saṃviggamānaso;

    อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ

    Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā’’ti.

    ตตฺถ ชฎิโลติ ชฎา อสฺส อตฺถีติ ชฎิโลฯ มหิยา เสฎฺฐสมฺมโตติ สกเลนปิ โลเกน เสโฎฺฐ อุตฺตโม ปวโรติ เอวํ สมฺมโต สมฺภาวิโตติ อโตฺถฯ

    Tattha jaṭiloti jaṭā assa atthīti jaṭilo. Mahiyā seṭṭhasammatoti sakalenapi lokena seṭṭho uttamo pavaroti evaṃ sammato sambhāvitoti attho.

    ตสฺส ปน ภควโต โสภนํ นาม นครํ อโหสิฯ สาคโร นาม ราชา ปิตา, สุทสฺสนา นาม มาตา, สโนฺต อุปสโนฺต จ เทฺว อคฺคสาวกา, อภโย นามุปฎฺฐาโก, ธมฺมา จ สุธมฺมา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, จมฺปกรุโกฺข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุเพฺพธํ อโหสิฯ สรีรปฺปภา สมนฺตโต สพฺพกาลํ โยชนมตฺตํ ผริตฺวา อฎฺฐาสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสํ, วิสาขา นามสฺส อคฺคมเหสี, เสโล นาม ปุโตฺต, อสฺสยาเนน นิกฺขมิฯ เตน วุตฺตํ –

    Tassa pana bhagavato sobhanaṃ nāma nagaraṃ ahosi. Sāgaro nāma rājā pitā, sudassanā nāma mātā, santo upasanto ca dve aggasāvakā, abhayo nāmupaṭṭhāko, dhammā ca sudhammā ca dve aggasāvikā, campakarukkho bodhi, sarīraṃ asītihatthubbedhaṃ ahosi. Sarīrappabhā samantato sabbakālaṃ yojanamattaṃ pharitvā aṭṭhāsi, āyu vassasatasahassaṃ, visākhā nāmassa aggamahesī, selo nāma putto, assayānena nikkhami. Tena vuttaṃ –

    ๑๔.

    14.

    ‘‘โสภนํ นาม นครํ, สาคโร นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Sobhanaṃ nāma nagaraṃ, sāgaro nāma khattiyo;

    สุทสฺสนา นาม ชนิกา, อตฺถทสฺสิสฺส สตฺถุโนฯ

    Sudassanā nāma janikā, atthadassissa satthuno.

    ๑๙.

    19.

    ‘‘สโนฺต จ อุปสโนฺต จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

    ‘‘Santo ca upasanto ca, ahesuṃ aggasāvakā;

    อภโย นามุปฎฺฐาโก, อตฺถทสฺสิสฺส สตฺถุโนฯ

    Abhayo nāmupaṭṭhāko, atthadassissa satthuno.

    ๒๐.

    20.

    ‘‘ธมฺมา เจว สุธมฺมา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

    ‘‘Dhammā ceva sudhammā ca, ahesuṃ aggasāvikā;

    โพธิ ตสฺส ภควโต, จมฺปโกติ ปวุจฺจติฯ

    Bodhi tassa bhagavato, campakoti pavuccati.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘โสปิ พุโทฺธ อสมสโม, อสีติหตฺถมุคฺคโต;

    ‘‘Sopi buddho asamasamo, asītihatthamuggato;

    โสภเต สาลราชาว, อุฬุราชาว ปูริโตฯ

    Sobhate sālarājāva, uḷurājāva pūrito.

    ๒๓.

    23.

    ‘‘ตสฺส ปากติกา รํสี, อเนกสตโกฎิโย;

    ‘‘Tassa pākatikā raṃsī, anekasatakoṭiyo;

    อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ผรนฺติ โยชนํ สทาฯ

    Uddhaṃ adho dasa disā, pharanti yojanaṃ sadā.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘โสปิ พุโทฺธ นราสโภ, สพฺพสตฺตุตฺตโม มุนิ;

    ‘‘Sopi buddho narāsabho, sabbasattuttamo muni;

    วสฺสสตสหสฺสานิ, โลเก อฎฺฐาสิ จกฺขุมาฯ

    Vassasatasahassāni, loke aṭṭhāsi cakkhumā.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘อตุลํ ทเสฺสตฺวา โอภาสํ, วิโรเจตฺวา สเทวเก;

    ‘‘Atulaṃ dassetvā obhāsaṃ, virocetvā sadevake;

    โสปิ อนิจฺจตํ ปโตฺต, ยถคฺคุปาทานสงฺขยา’’ติฯ

    Sopi aniccataṃ patto, yathaggupādānasaṅkhayā’’ti.

    ตตฺถ อุฬุราชาว ปูริโตติ สรทสมยปริปุณฺณวิมลสกลมณฺฑโล ตารกราชา วิยาติ อโตฺถฯ ปากติกาติ ปกติวเสน อุปฺปชฺชมานา, น อธิฎฺฐานวเสนฯ ยทา อิจฺฉติ ภควา, ตทา อเนกโกฎิสตสหเสฺสปิ จกฺกวาเฬ อาภาย ผเรยฺยฯ รํสีติ รสฺมิโยฯ อุปาทานสงฺขยาติ อุปาทานกฺขยา อินฺธนกฺขยา อคฺคิ วิยฯ โสปิ ภควา จตุนฺนํ อุปาทานานํ ขเยน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา อนุปมนคเร อโนมาราเม ปรินิพฺพายิฯ ธาตุโย ปนสฺส อธิฎฺฐาเนน วิกิริํสุฯ เสสเมตฺถ คาถาสุ อุตฺตานเมวาติฯ

    Tattha uḷurājāva pūritoti saradasamayaparipuṇṇavimalasakalamaṇḍalo tārakarājā viyāti attho. Pākatikāti pakativasena uppajjamānā, na adhiṭṭhānavasena. Yadā icchati bhagavā, tadā anekakoṭisatasahassepi cakkavāḷe ābhāya phareyya. Raṃsīti rasmiyo. Upādānasaṅkhayāti upādānakkhayā indhanakkhayā aggi viya. Sopi bhagavā catunnaṃ upādānānaṃ khayena anupādisesāya nibbānadhātuyā anupamanagare anomārāme parinibbāyi. Dhātuyo panassa adhiṭṭhānena vikiriṃsu. Sesamettha gāthāsu uttānamevāti.

    อตฺถทสฺสีพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Atthadassībuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิโต จุทฺทสโม พุทฺธวํโสฯ

    Niṭṭhito cuddasamo buddhavaṃso.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๑๖. อตฺถทสฺสีพุทฺธวํโส • 16. Atthadassībuddhavaṃso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact