Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๒. อฎฺฐกนาครสุตฺตํ
2. Aṭṭhakanāgarasuttaṃ
๑๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา อานโนฺท เวสาลิยํ วิหรติ เพลุวคามเก 1ฯ เตน โข ปน สมเยน ทสโม คหปติ อฎฺฐกนาคโร ปาฎลิปุตฺตํ อนุปฺปโตฺต โหติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อถ โข ทสโม คหปติ อฎฺฐกนาคโร เยน กุกฺกุฎาราโม เยน อญฺญตโร ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ทสโม คหปติ อฎฺฐกนาคโร ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท เอตรหิ วิหรติ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ อายสฺมนฺตํ อานนฺท’’นฺติฯ ‘‘เอโส, คหปติ, อายสฺมา อานโนฺท เวสาลิยํ วิหรติ เพลุวคามเก’’ติฯ อถ โข ทสโม คหปติ อฎฺฐกนาคโร ปาฎลิปุเตฺต ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา เยน เวสาลี เยน เพลุวคามโก เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
17. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ āyasmā ānando vesāliyaṃ viharati beluvagāmake 2. Tena kho pana samayena dasamo gahapati aṭṭhakanāgaro pāṭaliputtaṃ anuppatto hoti kenacideva karaṇīyena. Atha kho dasamo gahapati aṭṭhakanāgaro yena kukkuṭārāmo yena aññataro bhikkhu tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ bhikkhuṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho dasamo gahapati aṭṭhakanāgaro taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kahaṃ nu kho, bhante, āyasmā ānando etarahi viharati? Dassanakāmā hi mayaṃ taṃ āyasmantaṃ ānanda’’nti. ‘‘Eso, gahapati, āyasmā ānando vesāliyaṃ viharati beluvagāmake’’ti. Atha kho dasamo gahapati aṭṭhakanāgaro pāṭaliputte taṃ karaṇīyaṃ tīretvā yena vesālī yena beluvagāmako yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi.
๑๘. เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ทสโม คหปติ อฎฺฐกนาคโร อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภเนฺต อานนฺท, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน เอกธโมฺม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตเญฺจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ , อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ?
18. Ekamantaṃ nisinno kho dasamo gahapati aṭṭhakanāgaro āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘atthi nu kho, bhante ānanda, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena ekadhammo akkhāto yattha bhikkhuno appamattassa ātāpino pahitattassa viharato avimuttañceva cittaṃ vimuccati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti , ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇātī’’ti?
‘‘อตฺถิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน เอกธโมฺม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตเญฺจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาตี’’ติฯ
‘‘Atthi kho, gahapati, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena ekadhammo akkhāto yattha bhikkhuno appamattassa ātāpino pahitattassa viharato avimuttañceva cittaṃ vimuccati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇātī’’ti.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต อานนฺท, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน เอกธโมฺม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตเญฺจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ?
‘‘Katamo pana, bhante ānanda, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena ekadhammo akkhāto yattha bhikkhuno appamattassa ātāpino pahitattassa viharato avimuttañceva cittaṃ vimuccati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇātī’’ti?
๑๙. ‘‘อิธ, คหปติ, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ ปฐมํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํฯ ยํ โข ปน กิญฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติฯ โส ตตฺถ ฐิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติฯ โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ, เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน เอกธโมฺม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตเญฺจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ
19. ‘‘Idha, gahapati, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘idampi paṭhamaṃ jhānaṃ abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ. Yaṃ kho pana kiñci abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ tadaniccaṃ nirodhadhamma’nti pajānāti. So tattha ṭhito āsavānaṃ khayaṃ pāpuṇāti. No ce āsavānaṃ khayaṃ pāpuṇāti, teneva dhammarāgena tāya dhammanandiyā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko hoti tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā. Ayampi kho, gahapati, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena ekadhammo akkhāto yattha bhikkhuno appamattassa ātāpino pahitattassa viharato avimuttañceva cittaṃ vimuccati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti.
๒๐. ‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข ทุติยํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ… อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ
20. ‘‘Puna caparaṃ, gahapati, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘idampi kho dutiyaṃ jhānaṃ abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ… anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข ตติยํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ…เป.… อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapati, bhikkhu pītiyā ca virāgā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘idampi kho tatiyaṃ jhānaṃ abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ…pe… anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา …เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข จตุตฺถํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ… อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapati, bhikkhu sukhassa ca pahānā …pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘idampi kho catutthaṃ jhānaṃ abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ… anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ 3ฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน 4 ผริตฺวา วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ อภิสงฺขตา อภิสเญฺจตยิตาฯ ยํ โข ปน กิญฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติฯ โส ตตฺถ ฐิโต…เป.… อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapati, bhikkhu mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ 5. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena 6 pharitvā viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ayampi kho mettācetovimutti abhisaṅkhatā abhisañcetayitā. Yaṃ kho pana kiñci abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ tadaniccaṃ nirodhadhamma’nti pajānāti. So tattha ṭhito…pe… anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺติ อภิสงฺขตา อภิสเญฺจตยิตาฯ ยํ โข ปน กิญฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺตฺนฺตฺติ ปชานาติฯ โส ตตฺถ ฐิโต… อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapati, bhikkhu karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ayampi kho upekkhācetovimutti abhisaṅkhatā abhisañcetayitā. Yaṃ kho pana kiñci abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ tadaniccaṃ nirodhadhamma’ntntti pajānāti. So tattha ṭhito… anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสเญฺจตยิตาฯ ยํ โข ปน กิญฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติฯ โส ตตฺถ ฐิโต…เป.… อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapati, bhikkhu sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ayampi kho ākāsānañcāyatanasamāpatti abhisaṅkhatā abhisañcetayitā. Yaṃ kho pana kiñci abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ tadaniccaṃ nirodhadhamma’nti pajānāti. So tattha ṭhito…pe… anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสเญฺจตยิตาฯ ยํ โข ปน กิญฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติฯ โส ตตฺถ ฐิโต…เป.… อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapati, bhikkhu sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ayampi kho viññāṇañcāyatanasamāpatti abhisaṅkhatā abhisañcetayitā. Yaṃ kho pana kiñci abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ tadaniccaṃ nirodhadhamma’nti pajānāti. So tattha ṭhito…pe… anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇāti.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสเญฺจตยิตาฯ ยํ โข ปน กิญฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติฯ โส ตตฺถ ฐิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติฯ โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ, เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อยมฺปิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน เอกธโมฺม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตเญฺจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตญฺจ อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ อนุปาปุณาตี’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, gahapati, bhikkhu sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati. So iti paṭisañcikkhati – ‘ayampi kho ākiñcaññāyatanasamāpatti abhisaṅkhatā abhisañcetayitā. Yaṃ kho pana kiñci abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitaṃ tadaniccaṃ nirodhadhamma’nti pajānāti. So tattha ṭhito āsavānaṃ khayaṃ pāpuṇāti. No ce āsavānaṃ khayaṃ pāpuṇāti, teneva dhammarāgena tāya dhammanandiyā pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko hoti tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā. Ayampi kho, gahapati, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena ekadhammo akkhāto yattha bhikkhuno appamattassa ātāpino pahitattassa viharato avimuttañceva cittaṃ vimuccati, aparikkhīṇā ca āsavā parikkhayaṃ gacchanti, ananuppattañca anuttaraṃ yogakkhemaṃ anupāpuṇātī’’ti.
๒๑. เอวํ วุเตฺต, ทสโม คหปติ อฎฺฐกนาคโร อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต อานนฺท, ปุริโส เอกํว นิธิมุขํ คเวสโนฺต สกิเทว เอกาทส นิธิมุขานิ อธิคเจฺฉยฺย; เอวเมว โข อหํ, ภเนฺต, เอกํ อมตทฺวารํ คเวสโนฺต สกิเทว 7 เอกาทส อมตทฺวารานิ อลตฺถํ ภาวนายฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ปุริสสฺส อคารํ เอกาทสทฺวารํ, โส ตสฺมิํ อคาเร อาทิเตฺต เอกเมเกนปิ ทฺวาเรน สกฺกุเณยฺย อตฺตานํ โสตฺถิํ กาตุํ; เอวเมว โข อหํ, ภเนฺต, อิเมสํ เอกาทสนฺนํ อมตทฺวารานํ เอกเมเกนปิ อมตทฺวาเรน สกฺกุณิสฺสามิ อตฺตานํ โสตฺถิํ กาตุํฯ อิเมหิ นาม, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิยา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ 8 ปนาหํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปูชํ น กริสฺสามี’’ติ ! อถ โข ทสโม คหปติ อฎฺฐกนาคโร ปาฎลิปุตฺตกญฺจ เวสาลิกญฺจ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิ, เอกเมกญฺจ ภิกฺขุํ ปเจฺจกํ ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทสิ, อายสฺมนฺตญฺจ อานนฺทํ ติจีวเรน อจฺฉาเทสิ, อายสฺมโต จ อานนฺทสฺส ปญฺจสตวิหารํ การาเปสีติฯ
21. Evaṃ vutte, dasamo gahapati aṭṭhakanāgaro āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘seyyathāpi, bhante ānanda, puriso ekaṃva nidhimukhaṃ gavesanto sakideva ekādasa nidhimukhāni adhigaccheyya; evameva kho ahaṃ, bhante, ekaṃ amatadvāraṃ gavesanto sakideva 9 ekādasa amatadvārāni alatthaṃ bhāvanāya. Seyyathāpi, bhante, purisassa agāraṃ ekādasadvāraṃ, so tasmiṃ agāre āditte ekamekenapi dvārena sakkuṇeyya attānaṃ sotthiṃ kātuṃ; evameva kho ahaṃ, bhante, imesaṃ ekādasannaṃ amatadvārānaṃ ekamekenapi amatadvārena sakkuṇissāmi attānaṃ sotthiṃ kātuṃ. Imehi nāma, bhante, aññatitthiyā ācariyassa ācariyadhanaṃ pariyesissanti, kimaṅgaṃ 10 panāhaṃ āyasmato ānandassa pūjaṃ na karissāmī’’ti ! Atha kho dasamo gahapati aṭṭhakanāgaro pāṭaliputtakañca vesālikañca bhikkhusaṅghaṃ sannipātetvā paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi, ekamekañca bhikkhuṃ paccekaṃ dussayugena acchādesi, āyasmantañca ānandaṃ ticīvarena acchādesi, āyasmato ca ānandassa pañcasatavihāraṃ kārāpesīti.
อฎฺฐกนาครสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ
Aṭṭhakanāgarasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อฎฺฐกนาครสุตฺตวณฺณนา • 2. Aṭṭhakanāgarasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. อฎฺฐกนาครสุตฺตวณฺณนา • 2. Aṭṭhakanāgarasuttavaṇṇanā