Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๖. อฎฺฐกนาครสุตฺตวณฺณนา
6. Aṭṭhakanāgarasuttavaṇṇanā
๑๖. ฉเฎฺฐ ทสโมติ ชาติโคตฺตวเสน เจว สารปตฺตกุลคณนาย จ ทสเม ฐาเน คณียติ, เตนสฺส ทสโมเตฺวว นามํ ชาตํฯ อฎฺฐกนาคโรติ อฎฺฐกนครวาสีฯ กุกฺกุฎาราเมติ กุกฺกุฎเสฎฺฐินา การิเต อาราเมฯ
16. Chaṭṭhe dasamoti jātigottavasena ceva sārapattakulagaṇanāya ca dasame ṭhāne gaṇīyati, tenassa dasamotveva nāmaṃ jātaṃ. Aṭṭhakanāgaroti aṭṭhakanagaravāsī. Kukkuṭārāmeti kukkuṭaseṭṭhinā kārite ārāme.
เตน ภควตา…เป.… สมฺมทกฺขาโตติ เอตฺถ อยํ สเงฺขปโตฺถ – โย โส ภควา สมติํส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภญฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ, เตน ภควตา เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยานุสยํ ชานตา, หตฺถตเล ฐปิตํ อามลกํ วิย สพฺพเญยฺยธเมฺม ปสฺสตา, อปิจ ปุเพฺพนิวาสาทีหิ ชานตา, ทิเพฺพน จกฺขุนา ปสฺสตา, ตีหิ วา วิชฺชาหิ ฉหิ วา ปน อภิญฺญาหิ ชานตา, สพฺพตฺถ อปฺปฎิหเตน สมนฺตจกฺขุนา ปสฺสตา, สพฺพธมฺมชานนสมตฺถาย ปญฺญาย ชานตา, สพฺพสตฺตานํ จกฺขุวิสยาตีตานิ ติโรกุฎฺฎาทิคตานิ จาปิ รูปานิ อติวิสุเทฺธน มํสจกฺขุนา วา ปสฺสตา, อตฺตหิตสาธิกาย สมาธิปทฎฺฐานาย ปฎิเวธปญฺญาย ชานตา, ปรหิตสาธิกาย กรุณาปทฎฺฐานาย เทสนาปญฺญาย ปสฺสตา, อนฺตรายิกธเมฺม วา ชานตา, นิยฺยานิกธเมฺม ปสฺสตา, อรีนํ หตตฺตา อรหตา, สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุเทฺธนาติ เอวํ จตุเวสารชฺชวเสน จตูหิ การเณหิ โถมิเตน อตฺถิ นุ โข เอโก ธโมฺม อกฺขาโตติฯ
Tena bhagavatā…pe… sammadakkhātoti ettha ayaṃ saṅkhepattho – yo so bhagavā samatiṃsa pāramiyo pūretvā sabbakilese bhañjitvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho, tena bhagavatā tesaṃ tesaṃ sattānaṃ āsayānusayaṃ jānatā, hatthatale ṭhapitaṃ āmalakaṃ viya sabbañeyyadhamme passatā, apica pubbenivāsādīhi jānatā, dibbena cakkhunā passatā, tīhi vā vijjāhi chahi vā pana abhiññāhi jānatā, sabbattha appaṭihatena samantacakkhunā passatā, sabbadhammajānanasamatthāya paññāya jānatā, sabbasattānaṃ cakkhuvisayātītāni tirokuṭṭādigatāni cāpi rūpāni ativisuddhena maṃsacakkhunā vā passatā, attahitasādhikāya samādhipadaṭṭhānāya paṭivedhapaññāya jānatā, parahitasādhikāya karuṇāpadaṭṭhānāya desanāpaññāya passatā, antarāyikadhamme vā jānatā, niyyānikadhamme passatā, arīnaṃ hatattā arahatā, sammā sāmaṃ sabbadhammānaṃ buddhattā sammāsambuddhenāti evaṃ catuvesārajjavasena catūhi kāraṇehi thomitena atthi nu kho eko dhammo akkhātoti.
อภิสงฺขตนฺติ กตํ อุปฺปาทิตํฯ อภิสเญฺจตยิตนฺติ เจตยิตํ กปฺปยิตํฯ โส ตตฺถ ฐิโตติ โส ตสฺมิํ สมถวิปสฺสนาธเมฺม ฐิโตฯ ธมฺมราเคน ธมฺมนนฺทิยาติ ปททฺวเยนปิ สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราโค วุโตฺตฯ สมถวิปสฺสนาสุ หิ สเพฺพน สพฺพํ ฉนฺทราคํ ปริยาทิยิตุํ สโกฺกโนฺต อรหา โหติ, อสโกฺกโนฺต อนาคามี โหติฯ โส สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราคสฺส อปฺปหีนตฺตา จตุตฺถชฺฌานเจตนาย สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺตติฯ อยํ อาจริยานํ สมานตฺถกถาฯ
Abhisaṅkhatanti kataṃ uppāditaṃ. Abhisañcetayitanti cetayitaṃ kappayitaṃ. Sotattha ṭhitoti so tasmiṃ samathavipassanādhamme ṭhito. Dhammarāgena dhammanandiyāti padadvayenapi samathavipassanāsu chandarāgo vutto. Samathavipassanāsu hi sabbena sabbaṃ chandarāgaṃ pariyādiyituṃ sakkonto arahā hoti, asakkonto anāgāmī hoti. So samathavipassanāsu chandarāgassa appahīnattā catutthajjhānacetanāya suddhāvāse nibbattati. Ayaṃ ācariyānaṃ samānatthakathā.
วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘‘เตเนว ธมฺมราเคนาติ วจนโต อกุสเลน สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺตตี’’ติฯ โส ‘‘สุตฺตํ อาหราหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ อทฺธา อญฺญํ อปสฺสโนฺต อิทเมว อาหริสฺสติฯ ตโต วตฺตโพฺพ ‘‘กิมฺปนิทํ สุตฺตํ นีตตฺถํ, อุทาหุ เนยฺยตฺถ’’นฺติฯ อทฺธา ‘‘นีตตฺถ’’นฺติ วกฺขติฯ ตโต วตฺตโพฺพ – เอวํ สเนฺต อนาคามิผลตฺถิเกน สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราโค กตฺตโพฺพ ภวิสฺสติ, ฉนฺทราเค อุปฺปาทิเต อนาคามิผลํ ปฎิลทฺธํ ภวิสฺสติ, มา ‘‘สุตฺตํ เม ลทฺธ’’นฺติ ยํ วา ตํ วา ทีเปหิฯ ปญฺหํ กเถเนฺตน หิ อาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา อตฺถรสํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา กเถตุํ วฎฺฎติฯ อกุสเลน หิ สเคฺค, กุสเลน จ อปาเย ปฎิสนฺธิ นาม นตฺถิฯ วุตฺตเญฺจตํ ภควตา –
Vitaṇḍavādī panāha – ‘‘teneva dhammarāgenāti vacanato akusalena suddhāvāse nibbattatī’’ti. So ‘‘suttaṃ āharāhī’’ti vattabbo. Addhā aññaṃ apassanto idameva āharissati. Tato vattabbo ‘‘kimpanidaṃ suttaṃ nītatthaṃ, udāhu neyyattha’’nti. Addhā ‘‘nītattha’’nti vakkhati. Tato vattabbo – evaṃ sante anāgāmiphalatthikena samathavipassanāsu chandarāgo kattabbo bhavissati, chandarāge uppādite anāgāmiphalaṃ paṭiladdhaṃ bhavissati, mā ‘‘suttaṃ me laddha’’nti yaṃ vā taṃ vā dīpehi. Pañhaṃ kathentena hi ācariyassa santike uggahetvā attharasaṃ paṭivijjhitvā kathetuṃ vaṭṭati. Akusalena hi sagge, kusalena ca apāye paṭisandhi nāma natthi. Vuttañcetaṃ bhagavatā –
‘‘น, ภิกฺขเว, โลภเชน กเมฺมน, โทสเชน กเมฺมน, โมหเชน กเมฺมน เทวา ปญฺญายนฺติ, มนุสฺสา ปญฺญายนฺติ, ยา วา ปนญฺญาปิ กาจิ สุคติโยฯ อถ โข, ภิกฺขเว, โลภเชน กเมฺมน, โทสเชน กเมฺมน, โมหเชน กเมฺมน นิรโย ปญฺญายติ, ติรจฺฉานโยนิ ปญฺญายติ, เปตฺติวิสโย ปญฺญายติ, ยา วา ปนญฺญาปิ กาจิ ทุคฺคติโย’’ติ (อ. นิ. ๖.๓๙) –
‘‘Na, bhikkhave, lobhajena kammena, dosajena kammena, mohajena kammena devā paññāyanti, manussā paññāyanti, yā vā panaññāpi kāci sugatiyo. Atha kho, bhikkhave, lobhajena kammena, dosajena kammena, mohajena kammena nirayo paññāyati, tiracchānayoni paññāyati, pettivisayo paññāyati, yā vā panaññāpi kāci duggatiyo’’ti (a. ni. 6.39) –
เอวํ สญฺญาเปตโพฺพฯ สเจ สญฺชานาติ, สญฺชานาตุฯ โน เจ สญฺชานาติ, ‘‘คจฺฉ ปาโตว วิหารํ ปวิสิตฺวา ยาคุํ ปิวา’’ติ อุโยฺยเชตโพฺพฯ
Evaṃ saññāpetabbo. Sace sañjānāti, sañjānātu. No ce sañjānāti, ‘‘gaccha pātova vihāraṃ pavisitvā yāguṃ pivā’’ti uyyojetabbo.
อยํ โข, คหปติ, เอกธโมฺม อกฺขาโตติ เอกํ ธมฺมํ ปุจฺฉิเตน ‘‘อยมฺปิ เอกธโมฺม อกฺขาโต, อยมฺปิ เอกธโมฺม อกฺขาโต’’ติ เอวํ ปุจฺฉาวเสน กถิตตฺตา เอกาทสปิ ธมฺมา เอกธโมฺม นาม กโตฯ อมตุปฺปตฺติอเตฺถน วา สเพฺพปิ เอกธโมฺมติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ
Ayaṃ kho, gahapati, ekadhammo akkhātoti ekaṃ dhammaṃ pucchitena ‘‘ayampi ekadhammo akkhāto, ayampi ekadhammo akkhāto’’ti evaṃ pucchāvasena kathitattā ekādasapi dhammā ekadhammo nāma kato. Amatuppattiatthena vā sabbepi ekadhammoti vattuṃ vaṭṭati.
นิธิมุขํ คเวสโนฺตติ นิธิํ ปริเยสโนฺตฯ สกิเทวาติ เอกปฺปโยเคเนวฯ กถํ ปน เอกปฺปโยเคเนว เอกาทสนฺนํ นิธีนํ อธิคโม โหตีติ? อิเธกโจฺจ อรเญฺญ ชีวิตวุตฺติํ คเวสมาโน จรติฯ ตเมนํ อญฺญตโร อตฺถจรโก ทิสฺวา ‘‘กิํ, โภ, จรสี’’ติ ปุจฺฉติฯ โส ‘‘ชีวิตวุตฺติํ ปริเยสามี’’ติ อาหฯ อิตโร ‘‘เตน หิ สมฺม อาคจฺฉ, เอตํ ปาสาณํ ปวเฎฺฎหี’’ติ อาหฯ โส ตํ ปวเฎฺฎตฺวา อุปรูปริฎฺฐิตา วา กุจฺฉิยา กุจฺฉิํ อาหจฺจ ฐิตา วา เอกาทส กุมฺภิโย ปสฺสติฯ เอวํ เอกปฺปโยเคน เอกาทสนฺนํ อธิคโม โหติฯ
Nidhimukhaṃgavesantoti nidhiṃ pariyesanto. Sakidevāti ekappayogeneva. Kathaṃ pana ekappayogeneva ekādasannaṃ nidhīnaṃ adhigamo hotīti? Idhekacco araññe jīvitavuttiṃ gavesamāno carati. Tamenaṃ aññataro atthacarako disvā ‘‘kiṃ, bho, carasī’’ti pucchati. So ‘‘jīvitavuttiṃ pariyesāmī’’ti āha. Itaro ‘‘tena hi samma āgaccha, etaṃ pāsāṇaṃ pavaṭṭehī’’ti āha. So taṃ pavaṭṭetvā uparūpariṭṭhitā vā kucchiyā kucchiṃ āhacca ṭhitā vā ekādasa kumbhiyo passati. Evaṃ ekappayogena ekādasannaṃ adhigamo hoti.
อาจริยธนํ ปริเยสิสฺสนฺตีติ อญฺญติตฺถิยา หิ ยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ, ตสฺส สิปฺปุคฺคหณโต ปุเร วา ปจฺฉา วา อนฺตรนฺตรา วา เคหโต นีหริตฺวา ธนํ เทนฺติฯ เยสํ เคเห นตฺถิ, เต ญาติสภาคโต ปริเยสนฺติฯ เยสํ ตมฺปิ นตฺถิ, เต สภาคโต ปริเยสนฺติฯ ตถา อลภมานา ภิกฺขมฺปิ จริตฺวา เทนฺติเยวฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ
Ācariyadhanaṃ pariyesissantīti aññatitthiyā hi yassa santike sippaṃ uggaṇhanti, tassa sippuggahaṇato pure vā pacchā vā antarantarā vā gehato nīharitvā dhanaṃ denti. Yesaṃ gehe natthi, te ñātisabhāgato pariyesanti. Yesaṃ tampi natthi, te sabhāgato pariyesanti. Tathā alabhamānā bhikkhampi caritvā dentiyeva. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.
กิํ ปนาหนฺติ พาหิรกา ตาว อนิยฺยานิเกปิ สาสเน สิปฺปมตฺตทายกสฺส ธนํ ปริเยสนฺติ, อหํ ปน เอวํวิเธ นิยฺยานิกสาสเน เอกาทสวิธํ อมตุปฺปตฺติปฎิปทํ เทเสนฺตสฺส อาจริยสฺส ปูชํ กิํ น กริสฺสามิ, กริสฺสามิเยวาติ วทติฯ ปเจฺจกํ ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทสีติ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน เอเกกํ ทุสฺสยุคํ อทาสีติ อโตฺถฯ สมุทาจารวจนํ ปเนตฺถ เอวรูปํ โหติ, ตสฺมา อจฺฉาเทสีติ วุตฺตํฯ ปญฺจสตํ วิหารนฺติ ปญฺจสตคฺฆนิกํ ปณฺณสาลํ กาเรสีติ อโตฺถฯ
Kiṃ panāhanti bāhirakā tāva aniyyānikepi sāsane sippamattadāyakassa dhanaṃ pariyesanti, ahaṃ pana evaṃvidhe niyyānikasāsane ekādasavidhaṃ amatuppattipaṭipadaṃ desentassa ācariyassa pūjaṃ kiṃ na karissāmi, karissāmiyevāti vadati. Paccekaṃ dussayugena acchādesīti ekamekassa bhikkhuno ekekaṃ dussayugaṃ adāsīti attho. Samudācāravacanaṃ panettha evarūpaṃ hoti, tasmā acchādesīti vuttaṃ. Pañcasataṃ vihāranti pañcasatagghanikaṃ paṇṇasālaṃ kāresīti attho.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๖. อฎฺฐกนาครสุตฺตํ • 6. Aṭṭhakanāgarasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. อฎฺฐกนาครสุตฺตวณฺณนา • 6. Aṭṭhakanāgarasuttavaṇṇanā