Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๒. อฎฺฐกนาครสุตฺตวณฺณนา
2. Aṭṭhakanāgarasuttavaṇṇanā
๑๗. อวิทูเรติ อิมินา ปาฬิยํ ‘‘เวสาลิย’’นฺติ อิทํ สมีเป ภุมฺมวจนนฺติ ทเสฺสติฯ สารปฺปตฺตกุลคณนายาติ (อ. นิ. ฎี. ๓.๑๑.๑๖) มหาสารมหปฺปตฺตกุลคณนายฯ ทสเม ฐาเนติ อเญฺญ อเญฺญติ ทสคณนฎฺฐาเนฯ อฎฺฐกนคเร ชาโต ภโว อฎฺฐกนาคโรฯ กุกฺกุฎาราโมติ ปาฎลิปุเตฺต กุกฺกุฎาราโม, น โกสมฺพิยํฯ
17.Avidūreti iminā pāḷiyaṃ ‘‘vesāliya’’nti idaṃ samīpe bhummavacananti dasseti. Sārappattakulagaṇanāyāti (a. ni. ṭī. 3.11.16) mahāsāramahappattakulagaṇanāya. Dasame ṭhāneti aññe aññeti dasagaṇanaṭṭhāne. Aṭṭhakanagare jāto bhavo aṭṭhakanāgaro. Kukkuṭārāmoti pāṭaliputte kukkuṭārāmo, na kosambiyaṃ.
๑๘. ปกตตฺถนิเทฺทโส ต-สโทฺทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตสฺส เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต อธิคโต สุปากโฎ จ, ตํ อภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธิํ อาคมนียปฎิปทาย อตฺถภาเวน ทเสฺสโนฺต ‘‘โย โส…เป.… อภิสมฺพุโทฺธ’’ติ อาหฯ สติปิ ญาณทสฺสน-สทฺทานํ อิธ ปญฺญาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เตสํ วิสยวิเสเส ปวตฺติทสฺสนตฺถํ อสาธารณญาณวิเสสวเสน วิชฺชาตฺตยวเสน วิชฺชาอภิญฺญานาวรณญาณวเสน สพฺพญฺญุตญาณมํสจกฺขุวเสน ปฎิเวธเทสนาญาณวเสน จ ตทตฺถํ โยเชตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘เตสํ เตส’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาสยานุสยํ ชานตา อาสยานุสยญาเณน สพฺพํ เญยฺยธมฺมํ ปสฺสตา สพฺพญฺญุตานาวรณญาเณหิฯ ปุเพฺพนิวาสาทีหีติ ปุเพฺพนิวาสาสวกฺขยญาเณหิฯ ปฎิเวธปญฺญายาติ อริยมคฺคปญฺญายฯ เทสนาปญฺญาย ปสฺสตาติ เทเสตพฺพธมฺมานํ เทเสตพฺพปฺปการํ โพธเนยฺยปุคฺคลานญฺจ อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิเภทํ ธมฺมเทสนาปญฺญาย ยาถาวโต ปสฺสตาฯ อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปญฺจวิธมารานํ วา, สาสนสฺส วา ปจฺจตฺถิกานํ อญฺญติตฺถิยานํ เตสํ ปน หนนํ ปาฎิหาริเยหิ อภิภวนํ อปฺปฎิภานตากรณํ อชฺฌุเปกฺขนเมว วา, เกสิวินยสุตฺตเญฺจตฺถ นิทสฺสนํฯ
18. Pakatatthaniddeso ta-saddoti tassa ‘‘bhagavatā’’tiādīhi padehi samānādhikaraṇabhāvena vuttassa yena abhisambuddhabhāvena bhagavā pakato adhigato supākaṭo ca, taṃ abhisambuddhabhāvaṃ saddhiṃ āgamanīyapaṭipadāya atthabhāvena dassento ‘‘yo so…pe… abhisambuddho’’ti āha. Satipi ñāṇadassana-saddānaṃ idha paññāvevacanabhāve tena tena visesena tesaṃ visayavisese pavattidassanatthaṃ asādhāraṇañāṇavisesavasena vijjāttayavasena vijjāabhiññānāvaraṇañāṇavasena sabbaññutañāṇamaṃsacakkhuvasena paṭivedhadesanāñāṇavasena ca tadatthaṃ yojetvā dassento ‘‘tesaṃ tesa’’ntiādimāha. Tattha āsayānusayaṃ jānatā āsayānusayañāṇena sabbaṃ ñeyyadhammaṃ passatā sabbaññutānāvaraṇañāṇehi. Pubbenivāsādīhīti pubbenivāsāsavakkhayañāṇehi. Paṭivedhapaññāyāti ariyamaggapaññāya. Desanāpaññāya passatāti desetabbadhammānaṃ desetabbappakāraṃ bodhaneyyapuggalānañca āsayānusayacaritādhimuttiādibhedaṃ dhammadesanāpaññāya yāthāvato passatā. Arīnanti kilesārīnaṃ, pañcavidhamārānaṃ vā, sāsanassa vā paccatthikānaṃ aññatitthiyānaṃ tesaṃ pana hananaṃ pāṭihāriyehi abhibhavanaṃ appaṭibhānatākaraṇaṃ ajjhupekkhanameva vā, kesivinayasuttañcettha nidassanaṃ.
ตถา ฐานาฎฺฐานาทิวิภาคํ ชานตา ยถากมฺมูปคสเตฺต ปสฺสตา, สวาสนานํ อาสวานํ ขีณตฺตา อรหตา, อภิเญฺญยฺยาทิเภเท ธเมฺม อภิเญฺญยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพธโต สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฎิหตญาณตาย ชานตา, กายกมฺมาทิวเสน ติณฺณํ กมฺมานํ ญาณานุปริวตฺติโต นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา, ทวาทีนํ อภาวสาธิกาย ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อกฺขยปฎิภานสาธิกาย สพฺพญฺญุตาย สมฺมาสมฺพุเทฺธนาติ เอวํ ทสพลอฎฺฐารสอาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสนปิ โยชนา กาตพฺพาฯ
Tathā ṭhānāṭṭhānādivibhāgaṃ jānatā yathākammūpagasatte passatā, savāsanānaṃ āsavānaṃ khīṇattā arahatā, abhiññeyyādibhede dhamme abhiññeyyādito aviparītāvabodhato sammāsambuddhena. Atha vā tīsu kālesu appaṭihatañāṇatāya jānatā, kāyakammādivasena tiṇṇaṃ kammānaṃ ñāṇānuparivattito nisammakāritāya passatā, davādīnaṃ abhāvasādhikāya pahānasampadāya arahatā, chandādīnaṃ ahānihetubhūtāya akkhayapaṭibhānasādhikāya sabbaññutāya sammāsambuddhenāti evaṃ dasabalaaṭṭhārasaāveṇikabuddhadhammavasenapi yojanā kātabbā.
๑๙. อภิสงฺขตนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อภิสมฺมุขภาเวน สเมจฺจ สมฺภูยฺย กตํ, สฺวสฺส กตภาโว อุปฺปาทเนน เวทิตโพฺพ, น อุปฺปนฺนสฺส ปฎิสงฺขรเณนาติ อาห ‘‘อุปฺปาทิต’’นฺติฯ เต จสฺส ปจฺจยา เจตนาปธานาติ ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ‘‘เจตยิตํ ปกปฺปิต’’นฺติ อตฺถมาหฯ อภิสงฺขตํ อภิสเญฺจตยิตนฺติ จ ฌานสฺส ปาตุภาวทสฺสนมุเขน วิทฺธํสนภาวํ อุลฺลิเงฺคติ ยญฺหิ อหุตฺวา สมฺภวติ, ตํ หุตฺวา ปฎิเวติฯ เตนาห ปาฬิยํ ‘อภิสงฺขต’นฺติอาทิฯ สมถวิปสฺสนาธเมฺม ฐิโตติ สมถธเมฺม ฐิตตฺตา สมาหิโต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสญฺญาทโย ปชหโนฺต อนุกฺกเมน ตํ อนุโลมญาณํ ปาเปตา หุตฺวา วิปสฺสนาธเมฺม ฐิโตฯ สมถวิปสฺสนาสงฺขาเตสุ ธเมฺมสุ รญฺชนเฎฺฐน ราโค, นนฺทนเฎฺฐน นนฺทีติฯ ตตฺถ สุขุมา อเปกฺขา วุตฺตา, ยา ‘‘นิกนฺตี’’ติ วุจฺจติฯ
19.Abhisaṅkhatanti attano paccayehi abhisammukhabhāvena samecca sambhūyya kataṃ, svassa katabhāvo uppādanena veditabbo, na uppannassa paṭisaṅkharaṇenāti āha ‘‘uppādita’’nti. Te cassa paccayā cetanāpadhānāti dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘abhisaṅkhataṃ abhisañcetayita’’nti vuttanti ‘‘cetayitaṃ pakappita’’nti atthamāha. Abhisaṅkhataṃ abhisañcetayitanti ca jhānassa pātubhāvadassanamukhena viddhaṃsanabhāvaṃ ulliṅgeti yañhi ahutvā sambhavati, taṃ hutvā paṭiveti. Tenāha pāḷiyaṃ ‘abhisaṅkhata’ntiādi. Samathavipassanādhamme ṭhitoti samathadhamme ṭhitattā samāhito vipassanaṃ paṭṭhapetvā aniccānupassanādīhi niccasaññādayo pajahanto anukkamena taṃ anulomañāṇaṃ pāpetā hutvā vipassanādhamme ṭhito. Samathavipassanāsaṅkhātesu dhammesu rañjanaṭṭhena rāgo, nandanaṭṭhena nandīti. Tattha sukhumā apekkhā vuttā, yā ‘‘nikantī’’ti vuccati.
เอวํ สเนฺตติ เอวํ ยถารุตวเสน จ อิมสฺส สุตฺตปทสฺส อเตฺถ คเหตเพฺพ สติฯ สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราโค กตฺตโพฺพติ อนาคามิผลํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตทตฺถาย สมถวิปสฺสนาปิ อนิพฺพเตฺตตฺวา เกวลํ ตตฺถ ฉนฺทราโค กตฺตโพฺพ ภวิสฺสติฯ กสฺมา? เตสุ สมถวิปสฺสนาสงฺขาเตสุ ธเมฺมสุ ฉนฺทราคมเตฺตน อนาคามินา ลทฺธพฺพสฺส อลทฺธานาคามิผเลน ลทฺธพฺพตฺตา ตถา สติ เตน อนาคามิผลมฺปิ ลทฺธพฺพเมว นาม โหติฯ เตนาห – ‘‘อนาคามิผลํ ปฎิวิทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติฯ สภาวโต รสิตพฺพตฺตา อวิปรีโต อโตฺถ เอว อตฺถรโสฯ อญฺญาปิ กาจิ สุคติโยติ วินิปาติเก สนฺธายาหฯ อญฺญาปิ กาจิ ทุคฺคติโยติ อสุรกายมาหฯ
Evaṃ santeti evaṃ yathārutavasena ca imassa suttapadassa atthe gahetabbe sati. Samathavipassanāsu chandarāgo kattabboti anāgāmiphalaṃ nibbattetvā tadatthāya samathavipassanāpi anibbattetvā kevalaṃ tattha chandarāgo kattabbo bhavissati. Kasmā? Tesu samathavipassanāsaṅkhātesu dhammesu chandarāgamattena anāgāminā laddhabbassa aladdhānāgāmiphalena laddhabbattā tathā sati tena anāgāmiphalampi laddhabbameva nāma hoti. Tenāha – ‘‘anāgāmiphalaṃ paṭividdhaṃ bhavissatī’’ti. Sabhāvato rasitabbattā aviparīto attho eva attharaso. Aññāpi kāci sugatiyoti vinipātike sandhāyāha. Aññāpi kāci duggatiyoti asurakāyamāha.
สมถธุรเมว ธุรํ สมถยานิกสฺส วเสน เทสนาย อาคตตฺตาฯ มหามาลุโกฺยวาเท ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ ปาทกชฺฌานํ กตฺวา ‘‘โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคต’’นฺติอาทินา วิปสฺสนํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘โส ตตฺถ ฐิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๓) อาคตตฺตา ‘‘มหามาลุโกฺยวาเท วิปสฺสนาว ธุร’’นฺติ อาหฯ มหาสติปฎฺฐานสุเตฺต (ที. นิ. ๒.๓๗๓ อาทโย; ม. นิ. ๑.๑๐๖ อาทโย) สพฺพตฺถกเมว ติกฺขตราย วิปสฺสนาย อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนุตฺตรํ กถิต’’นฺติฯ กายคตาสติสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๑๕๓-๑๕๔) อานาปานชฺฌานาทิวเสน สวิเสสํ สมถวิปสฺสนาย อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สมถุตฺตรํ กถิต’’นฺติฯ
Samathadhurameva dhuraṃ samathayānikassa vasena desanāya āgatattā. Mahāmālukyovāde ‘‘vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāra’’nti pādakajjhānaṃ katvā ‘‘so yadeva tattha hoti rūpagataṃ vedanāgata’’ntiādinā vipassanaṃ vitthāretvā ‘‘so tattha ṭhito āsavānaṃ khayaṃ pāpuṇātī’’ti (ma. ni. 2.133) āgatattā ‘‘mahāmālukyovāde vipassanāva dhura’’nti āha. Mahāsatipaṭṭhānasutte (dī. ni. 2.373 ādayo; ma. ni. 1.106 ādayo) sabbatthakameva tikkhatarāya vipassanāya āgatattā vuttaṃ ‘‘vipassanuttaraṃ kathita’’nti. Kāyagatāsatisutte (ma. ni. 3.153-154) ānāpānajjhānādivasena savisesaṃ samathavipassanāya āgatattā vuttaṃ ‘‘samathuttaraṃ kathita’’nti.
อปฺปํ ยาจิเตน พหุํ เทเนฺตน อุฬารปุริเสน วิย เอกํ ธมฺมํ ปุจฺฉิเตน ‘‘อยมฺปิ เอกธโมฺม’’ติ กถิตตฺตา เอกาทสปิ ธมฺมา ปุจฺฉาวเสน เอกธโมฺม นาม ชาโต ปเจฺจกํ วากฺยปริสมาปนญาเยนฯ เอกวีสติ ปพฺพานิ เตหิ โพธิยมานาย ปฎิปทาย เอกรูปตฺตา ปฎิปทาวเสน เอกธโมฺม นาม ชาโตติฯ อิธ อิมสฺมิํ อฎฺฐกนาครสุเตฺตฯ เนวสญฺญานาสญฺญายตนธมฺมานํ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตาย ตตฺถ สาวกานํ ทุกฺกรนฺติ น จตุตฺถารุปฺปวเสเนตฺถ เทสนา อาคตาติ จตุนฺนํ พฺรหฺมวิหารานํ, เหฎฺฐิมานํ ติณฺณํ อารุปฺปานญฺจ วเสน เอกาทสฯ ปุจฺฉาวเสนาติ ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภเนฺต อานนฺท, เตน…เป.… สมฺมาสมฺพุเทฺธน เอกธโมฺม อกฺขาโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘) เอวํ ปวตฺตปุจฺฉาวเสนฯ อมตุปฺปตฺติยเตฺถนาติ อมตภาวสฺส อุปฺปตฺติเหตุตาย, สพฺพานิปิ กมฺมฎฺฐานานิ เอกรสมฺปิ อมตาธิคมปฎิปตฺติยาติ อโตฺถ, เอวเมตฺถ อคฺคผลภูมิ อนาคามิผลภูมีติ เทฺวว ภูมิโย สรูปโต อาคตา, นานนฺตริยตาย ปน เหฎฺฐิมาปิ เทฺว ภูมิโย อตฺถโต อาคตา เอวาติ ทฎฺฐพฺพาฯ
Appaṃ yācitena bahuṃ dentena uḷārapurisena viya ekaṃ dhammaṃ pucchitena ‘‘ayampi ekadhammo’’tikathitattā ekādasapi dhammā pucchāvasena ekadhammo nāma jāto paccekaṃ vākyaparisamāpanañāyena. Ekavīsati pabbāni tehi bodhiyamānāya paṭipadāya ekarūpattā paṭipadāvasena ekadhammo nāma jātoti. Idha imasmiṃ aṭṭhakanāgarasutte. Nevasaññānāsaññāyatanadhammānaṃ saṅkhārāvasesasukhumabhāvappattatāya tattha sāvakānaṃ dukkaranti na catutthāruppavasenettha desanā āgatāti catunnaṃ brahmavihārānaṃ, heṭṭhimānaṃ tiṇṇaṃ āruppānañca vasena ekādasa. Pucchāvasenāti ‘‘atthi nu kho, bhante ānanda, tena…pe… sammāsambuddhena ekadhammo akkhāto’’ti (ma. ni. 2.18) evaṃ pavattapucchāvasena. Amatuppattiyatthenāti amatabhāvassa uppattihetutāya, sabbānipi kammaṭṭhānāni ekarasampi amatādhigamapaṭipattiyāti attho, evamettha aggaphalabhūmi anāgāmiphalabhūmīti dveva bhūmiyo sarūpato āgatā, nānantariyatāya pana heṭṭhimāpi dve bhūmiyo atthato āgatā evāti daṭṭhabbā.
๒๑. ปญฺจ สตานิ อโคฺฆ เอตสฺสาติ ปญฺจสตํฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ
21. Pañca satāni aggho etassāti pañcasataṃ. Sesaṃ uttānameva.
อฎฺฐกนาครสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Aṭṭhakanāgarasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๒. อฎฺฐกนาครสุตฺตํ • 2. Aṭṭhakanāgarasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อฎฺฐกนาครสุตฺตวณฺณนา • 2. Aṭṭhakanāgarasuttavaṇṇanā