Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    เมณฺฑกปญฺหารมฺภกถา

    Meṇḍakapañhārambhakathā

    อฎฺฐมนฺตปริวชฺชนียฎฺฐานานิ

    Aṭṭhamantaparivajjanīyaṭṭhānāni

    ภสฺสปฺปวาโท 1 เวตณฺฑี, อติพุทฺธิ วิจกฺขโณ;

    Bhassappavādo 2 vetaṇḍī, atibuddhi vicakkhaṇo;

    มิลิโนฺท ญาณเภทาย, นาคเสนมุปาคมิฯ

    Milindo ñāṇabhedāya, nāgasenamupāgami.

    วสโนฺต ตสฺส ฉายาย, ปริปุจฺฉํ ปุนปฺปุนํ;

    Vasanto tassa chāyāya, paripucchaṃ punappunaṃ;

    ปภินฺนพุทฺธิ หุตฺวาน, โสปิ อาสิ ติเปฎโกฯ

    Pabhinnabuddhi hutvāna, sopi āsi tipeṭako.

    นวงฺคํ อนุมชฺชโนฺต, รตฺติภาเค รโหคโต;

    Navaṅgaṃ anumajjanto, rattibhāge rahogato;

    อทฺทกฺขิ เมณฺฑเก ปเญฺห, ทุนฺนิเวเฐ สนิคฺคเหฯ

    Addakkhi meṇḍake pañhe, dunniveṭhe saniggahe.

    ‘‘ปริยายภาสิตํ อตฺถิ, อตฺถิ สนฺธายภาสิตํ;

    ‘‘Pariyāyabhāsitaṃ atthi, atthi sandhāyabhāsitaṃ;

    สภาวภาสิตํ อตฺถิ, ธมฺมราชสฺส สาสเนฯ

    Sabhāvabhāsitaṃ atthi, dhammarājassa sāsane.

    ‘‘เตสมตฺถํ อวิญฺญาย, เมณฺฑเก ชินภาสิเต;

    ‘‘Tesamatthaṃ aviññāya, meṇḍake jinabhāsite;

    อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, วิคฺคโห ตตฺถ เหสฺสติฯ

    Anāgatamhi addhāne, viggaho tattha hessati.

    ‘‘หนฺท กถิํ ปสาเทตฺวา, เฉชฺชาเปสฺสามิ เมณฺฑเก;

    ‘‘Handa kathiṃ pasādetvā, chejjāpessāmi meṇḍake;

    ตสฺส นิทฺทิฎฺฐมเคฺคน, นิทฺทิสิสฺสนฺตฺยนาคเต’’ติฯ

    Tassa niddiṭṭhamaggena, niddisissantyanāgate’’ti.

    อถ โข มิลิโนฺท ราชา ปภาตาย รตฺติยา อุทฺธเสฺต 3 อรุเณ สีสํ นฺหตฺวา สิรสิ อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺน สมฺมาสมฺพุเทฺธ อนุสฺสริตฺวา อฎฺฐ วตฺตปทานิ สมาทิยิ ‘‘อิโต เม อนาคตานิ สตฺต ทิวสานิ อฎฺฐ คุเณ สมาทิยิตฺวา ตโป จริตโพฺพ ภวิสฺสติ , โสหํ จิณฺณตโป สมาโน อาจริยํ อาราเธตฺวา เมณฺฑเก ปเญฺห ปุจฺฉิสฺสามี’’ติฯ อถ โข มิลิโนฺท ราชา ปกติทุสฺสยุคํ อปเนตฺวา อาภรณานิ จ โอมุญฺจิตฺวา กาสาวํ นิวาเสตฺวา มุณฺฑกปฎิสีสกํ สีเส ปฎิมุญฺจิตฺวา มุนิภาวมุปคนฺตฺวา อฎฺฐ คุเณ สมาทิยิ ‘‘อิมํ สตฺตาหํ มยา น ราชโตฺถ อนุสาสิตโพฺพ, น ราคูปสญฺหิตํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ, น โทสูปสญฺหิตํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ, น โมหูปสญฺหิตํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ, ทาสกมฺมกรโปริเส ชเนปิ นิวาตวุตฺตินา ภวิตพฺพํ, กายิกํ วาจสิกํ อนุรกฺขิตพฺพํ, ฉปิ อายตนานิ นิรวเสสโต อนุรกฺขิตพฺพานิ, เมตฺตาภาวนาย มานสํ ปกฺขิปิตพฺพ’’นฺติฯ อิเม อฎฺฐ คุเณ สมาทิยิตฺวา เตเสฺวว อฎฺฐสุ คุเณสุ มานสํ ปติฎฺฐเปตฺวา พหิ อนิกฺขมิตฺวา สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อฎฺฐเม ทิวเส ปภาตาย รตฺติยา ปเคว ปาตราสํ กตฺวา โอกฺขิตฺตจกฺขุ มิตภาณี สุสณฺฐิเตน อิริยาปเถน อวิกฺขิเตฺตน จิเตฺตน หเฎฺฐน อุทเคฺคน วิปฺปสเนฺนน เถรํ นาคเสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เถรสฺส ปาเท สิรสา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิโต อิทมโวจ –

    Atha kho milindo rājā pabhātāya rattiyā uddhaste 4 aruṇe sīsaṃ nhatvā sirasi añjaliṃ paggahetvā atītānāgatapaccuppanne sammāsambuddhe anussaritvā aṭṭha vattapadāni samādiyi ‘‘ito me anāgatāni satta divasāni aṭṭha guṇe samādiyitvā tapo caritabbo bhavissati , sohaṃ ciṇṇatapo samāno ācariyaṃ ārādhetvā meṇḍake pañhe pucchissāmī’’ti. Atha kho milindo rājā pakatidussayugaṃ apanetvā ābharaṇāni ca omuñcitvā kāsāvaṃ nivāsetvā muṇḍakapaṭisīsakaṃ sīse paṭimuñcitvā munibhāvamupagantvā aṭṭha guṇe samādiyi ‘‘imaṃ sattāhaṃ mayā na rājattho anusāsitabbo, na rāgūpasañhitaṃ cittaṃ uppādetabbaṃ, na dosūpasañhitaṃ cittaṃ uppādetabbaṃ, na mohūpasañhitaṃ cittaṃ uppādetabbaṃ, dāsakammakaraporise janepi nivātavuttinā bhavitabbaṃ, kāyikaṃ vācasikaṃ anurakkhitabbaṃ, chapi āyatanāni niravasesato anurakkhitabbāni, mettābhāvanāya mānasaṃ pakkhipitabba’’nti. Ime aṭṭha guṇe samādiyitvā tesveva aṭṭhasu guṇesu mānasaṃ patiṭṭhapetvā bahi anikkhamitvā sattāhaṃ vītināmetvā aṭṭhame divase pabhātāya rattiyā pageva pātarāsaṃ katvā okkhittacakkhu mitabhāṇī susaṇṭhitena iriyāpathena avikkhittena cittena haṭṭhena udaggena vippasannena theraṃ nāgasenaṃ upasaṅkamitvā therassa pāde sirasā vanditvā ekamantaṃ ṭhito idamavoca –

    ‘‘อตฺถิ เม, ภเนฺต นาคเสน, โกจิ อโตฺถ ตุเมฺหหิ สทฺธิํ มนฺตยิตโพฺพ, น ตตฺถ อโญฺญ โกจิ ตติโย อิจฺฉิตโพฺพ, สุเญฺญ โอกาเส ปวิวิเตฺต อรเญฺญ อฎฺฐงฺคุปาคเต สมณสารุเปฺปฯ ตตฺถ โส ปโญฺห ปุจฺฉิตโพฺพ ภวิสฺสติ, ตตฺถ เม คุยฺหํ น กาตพฺพํ น รหสฺสกํ, อรหามหํ รหสฺสกํ สุณิตุํ สุมนฺตเน อุปคเต, อุปมายปิ โส อโตฺถ อุปปริกฺขิตโพฺพ, ยถา กิํ วิย, ยถา นาม, ภเนฺต นาคเสน, มหาปถวี นิเกฺขปํ อรหติ นิเกฺขเป อุปคเตฯ เอวเมว โข, ภเนฺต นาคเสน, อรหามหํ รหสฺสกํ สุณิตุํ สุมนฺตเน อุปคเต’’ติฯ ครุนา สห ปวิวิตฺตปวนํ ปวิสิตฺวา อิทมโวจ – ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อิธ ปุริเสน มนฺตยิตุกาเมน อฎฺฐ ฐานานิ ปริวชฺชยิตพฺพานิ ภวนฺติ, น เตสุ ฐาเนสุ วิญฺญู ปุริโส อตฺถํ มเนฺตติ, มนฺติโตปิ อโตฺถ ปริปตติ น สมฺภวติฯ กตมานิ อฎฺฐ ฐานานิ? วิสมฎฺฐานํ ปริวชฺชนียํ, สภยํ ปริวชฺชนียํ, อติวาตฎฺฐานํ ปริวชฺชนียํ, ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐานํ ปริวชฺชนียํ, เทวฎฺฐานํ ปริวชฺชนียํ, ปโนฺถ ปริวชฺชนีโย, สงฺคาโม 5 ปริวชฺชนีโย, อุทกติตฺถํ ปริวชฺชนียํฯ อิมานิ อฎฺฐ ฐานานิ ปริวชฺชนียานี’’ติฯ

    ‘‘Atthi me, bhante nāgasena, koci attho tumhehi saddhiṃ mantayitabbo, na tattha añño koci tatiyo icchitabbo, suññe okāse pavivitte araññe aṭṭhaṅgupāgate samaṇasāruppe. Tattha so pañho pucchitabbo bhavissati, tattha me guyhaṃ na kātabbaṃ na rahassakaṃ, arahāmahaṃ rahassakaṃ suṇituṃ sumantane upagate, upamāyapi so attho upaparikkhitabbo, yathā kiṃ viya, yathā nāma, bhante nāgasena, mahāpathavī nikkhepaṃ arahati nikkhepe upagate. Evameva kho, bhante nāgasena, arahāmahaṃ rahassakaṃ suṇituṃ sumantane upagate’’ti. Garunā saha pavivittapavanaṃ pavisitvā idamavoca – ‘‘bhante nāgasena, idha purisena mantayitukāmena aṭṭha ṭhānāni parivajjayitabbāni bhavanti, na tesu ṭhānesu viññū puriso atthaṃ manteti, mantitopi attho paripatati na sambhavati. Katamāni aṭṭha ṭhānāni? Visamaṭṭhānaṃ parivajjanīyaṃ, sabhayaṃ parivajjanīyaṃ, ativātaṭṭhānaṃ parivajjanīyaṃ, paṭicchannaṭṭhānaṃ parivajjanīyaṃ, devaṭṭhānaṃ parivajjanīyaṃ, pantho parivajjanīyo, saṅgāmo 6 parivajjanīyo, udakatitthaṃ parivajjanīyaṃ. Imāni aṭṭha ṭhānāni parivajjanīyānī’’ti.

    เถโร อาห ‘‘โก โทโส วิสมฎฺฐาเน, สภเย, อติวาเต, ปฎิจฺฉเนฺน, เทวฎฺฐาเน, ปเนฺถ, สงฺคาเม, อุทกติเตฺถ’’ติ? ‘‘วิสเม, ภเนฺต นาคเสน, มนฺติโต อโตฺถ วิกิรติ วิธมติ ปคฺฆรติ น สมฺภวติ, สภเย มโน สนฺตสฺสติ, สนฺตสฺสิโต น สมฺมา อตฺถํ สมนุปสฺสติ, อติวาเต สโทฺท อวิภูโต โหติ, ปฎิจฺฉเนฺน อุปสฺสุติํ ติฎฺฐนฺติ, เทวฎฺฐาเน มนฺติโต อโตฺถ ครุกํ ปริณมติ, ปเนฺถ มนฺติโต อโตฺถ ตุโจฺฉ ภวติ, สงฺคาเม จญฺจโล ภวติ, อุทกติเตฺถ ปากโฎ ภวติฯ ภวตีห –

    Thero āha ‘‘ko doso visamaṭṭhāne, sabhaye, ativāte, paṭicchanne, devaṭṭhāne, panthe, saṅgāme, udakatitthe’’ti? ‘‘Visame, bhante nāgasena, mantito attho vikirati vidhamati paggharati na sambhavati, sabhaye mano santassati, santassito na sammā atthaṃ samanupassati, ativāte saddo avibhūto hoti, paṭicchanne upassutiṃ tiṭṭhanti, devaṭṭhāne mantito attho garukaṃ pariṇamati, panthe mantito attho tuccho bhavati, saṅgāme cañcalo bhavati, udakatitthe pākaṭo bhavati. Bhavatīha –

    ‘‘‘วิสมํ สภยํ อติวาโต, ปฎิจฺฉนฺนํ เทวนิสฺสิตํ;

    ‘‘‘Visamaṃ sabhayaṃ ativāto, paṭicchannaṃ devanissitaṃ;

    ปโนฺถ จ สงฺคาโม ติตฺถํ, อเฎฺฐเต ปริวชฺชิยา’’’ติฯ

    Pantho ca saṅgāmo titthaṃ, aṭṭhete parivajjiyā’’’ti.

    อฎฺฐ มนฺตนสฺส ปริวชฺชนียฎฺฐานานิฯ

    Aṭṭha mantanassa parivajjanīyaṭṭhānāni.







    Footnotes:
    1. ภสฺสปฺปเวที (สี. ปี.)
    2. bhassappavedī (sī. pī.)
    3. อุฎฺฐิเต (สฺยา.), อุคฺคเต (สี. ปี.)
    4. uṭṭhite (syā.), uggate (sī. pī.)
    5. สงฺกโม (สี. ปี.)
    6. saṅkamo (sī. pī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact