Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๔. อฎฺฐิปุญฺชสุตฺตวณฺณนา
4. Aṭṭhipuñjasuttavaṇṇanā
๒๔. จตุเตฺถ เอกปุคฺคลสฺสาติ เอตฺถ ปุคฺคโลติ อยํ โวหารกถาฯ พุทฺธสฺส หิ ภควโต ทุวิธา เทสนา สมฺมุติเทสนา จ ปรมตฺถเทสนา จาติฯ ตตฺถ ‘‘ปุคฺคโล, สโตฺต, อิตฺถี, ปุริโส, ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ, เทโว, มาโร’’ติ เอวรูปา สมฺมุติเทสนาฯ ‘‘อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา, ขนฺธา, ธาตุ, อายตนา, สติปฎฺฐานา’’ติ เอวรูปา ปรมตฺถเทสนาฯ ตตฺถ ภควา เย สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวา วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เนสํ สมฺมุติเทสนํ เทเสติฯ เย ปน ปรมตฺถวเสน เทสนํ สุตฺวา วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ ปรมตฺถเทสนํ เทเสติฯ
24. Catutthe ekapuggalassāti ettha puggaloti ayaṃ vohārakathā. Buddhassa hi bhagavato duvidhā desanā sammutidesanā ca paramatthadesanā cāti. Tattha ‘‘puggalo, satto, itthī, puriso, khattiyo, brāhmaṇo, devo, māro’’ti evarūpā sammutidesanā. ‘‘Aniccaṃ, dukkhaṃ, anattā, khandhā, dhātu, āyatanā, satipaṭṭhānā’’ti evarūpā paramatthadesanā. Tattha bhagavā ye sammutivasena desanaṃ sutvā visesamadhigantuṃ samatthā, nesaṃ sammutidesanaṃ deseti. Ye pana paramatthavasena desanaṃ sutvā visesamadhigantuṃ samatthā, tesaṃ paramatthadesanaṃ deseti.
ตตฺถายํ อุปมา – ยถา หิ เทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานํ อตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย เย ทมิฬภาสาย วุเตฺต อตฺถํ ชานนฺติ, เตสํ ทมิฬภาสาย อาจิกฺขติฯ เย อนฺธกภาสาทีสุ อญฺญตราย, เตสํ ตาย ตาย ภาสายฯ เอวํ เต มาณวกา เฉกํ พฺยตฺตํ อาจริยมาคมฺม ขิปฺปเมว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติฯ ตตฺถ อาจริโย วิย พุโทฺธ ภควา, ตโย เวทา วิย กเถตพฺพภาเว ฐิตานิ ตีณิ ปิฎกานิ, เทสภาสาโกสลฺลมิว สมฺมุติปรมตฺถโกสลฺลํ, นานาเทสภาสา มาณวกา วิย สมฺมุติปรมตฺถวเสน ปฎิวิชฺฌนสมตฺถา เวเนยฺยา, อาจริยสฺส ทมิฬภาสาทิอาจิกฺขนํ วิย ภควโต สมฺมุติปรมตฺถวเสน เทสนา เวทิตพฺพาฯ อาห เจตฺถ –
Tatthāyaṃ upamā – yathā hi desabhāsākusalo tiṇṇaṃ vedānaṃ atthasaṃvaṇṇanako ācariyo ye damiḷabhāsāya vutte atthaṃ jānanti, tesaṃ damiḷabhāsāya ācikkhati. Ye andhakabhāsādīsu aññatarāya, tesaṃ tāya tāya bhāsāya. Evaṃ te māṇavakā chekaṃ byattaṃ ācariyamāgamma khippameva sippaṃ uggaṇhanti. Tattha ācariyo viya buddho bhagavā, tayo vedā viya kathetabbabhāve ṭhitāni tīṇi piṭakāni, desabhāsākosallamiva sammutiparamatthakosallaṃ, nānādesabhāsā māṇavakā viya sammutiparamatthavasena paṭivijjhanasamatthā veneyyā, ācariyassa damiḷabhāsādiācikkhanaṃ viya bhagavato sammutiparamatthavasena desanā veditabbā. Āha cettha –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุโทฺธ วทตํ วโร;
‘‘Duve saccāni akkhāsi, sambuddho vadataṃ varo;
สมฺมุติํ ปรมตฺถญฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติฯ
Sammutiṃ paramatthañca, tatiyaṃ nūpalabbhati.
‘‘สเงฺกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
‘‘Saṅketavacanaṃ saccaṃ, lokasammutikāraṇā;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณาฯ
Paramatthavacanaṃ saccaṃ, dhammānaṃ bhūtakāraṇā.
‘‘ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
‘‘Tasmā vohārakusalassa, lokanāthassa satthuno;
สมฺมุติํ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติฯ
Sammutiṃ voharantassa, musāvādo na jāyatī’’ti.
อปิจ อฎฺฐหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ – หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, , อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุเพฺพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถํ, จาติฯ ‘‘ขนฺธธาตุอายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ หิ วุเตฺต มหาชโน น ชานาติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติ, ปฎิสตฺตุ วา โหติ – ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติ? ‘‘อิตฺถี หิริยติ โอตฺตปฺปติ, ปุริโส, ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ, เทโว, มาโร’’ติ ปน วุเตฺต ชานาติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติ, น ปฎิสตฺตุ วา โหติฯ ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ
Apica aṭṭhahi kāraṇehi bhagavā puggalakathaṃ katheti – hirottappadīpanatthaṃ, kammassakatādīpanatthaṃ, paccattapurisakāradīpanatthaṃ, , ānantariyadīpanatthaṃ, brahmavihāradīpanatthaṃ, pubbenivāsadīpanatthaṃ, dakkhiṇāvisuddhidīpanatthaṃ, lokasammutiyā appahānatthaṃ, cāti. ‘‘Khandhadhātuāyatanāni hiriyanti ottappantī’’ti hi vutte mahājano na jānāti, sammohaṃ āpajjati, paṭisattu vā hoti – ‘‘kimidaṃ khandhadhātuāyatanāni hiriyanti ottappanti nāmā’’ti? ‘‘Itthī hiriyati ottappati, puriso, khattiyo, brāhmaṇo, devo, māro’’ti pana vutte jānāti, na sammohaṃ āpajjati, na paṭisattu vā hoti. Tasmā bhagavā hirottappadīpanatthaṃ puggalakathaṃ katheti.
‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ
‘‘Khandhā kammassakā, dhātuyo āyatanānī’’ti vuttepi eseva nayo. Tasmā kammassakatādīpanatthampi puggalakathaṃ katheti.
‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขเนฺธหิ การาปิตา, ธาตูหิ อายตเนหี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ตถา ‘‘ขนฺธา มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, ปิตรํ, อรหนฺตํ, รุหิรุปฺปาทกมฺมํ, สงฺฆเภทกมฺมํ กโรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ‘‘ขนฺธา ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ อานนฺตริยทีปนตฺถํ พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุเพฺพนิวาสทีปนตฺถญฺจ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ
‘‘Veḷuvanādayo mahāvihārā khandhehi kārāpitā, dhātūhi āyatanehī’’ti vuttepi eseva nayo. Tathā ‘‘khandhā mātaraṃ jīvitā voropenti, pitaraṃ, arahantaṃ, ruhiruppādakammaṃ, saṅghabhedakammaṃ karonti, dhātuyo āyatanānī’’ti vuttepi eseva nayo. ‘‘Khandhā mettāyanti, dhātuyo āyatanānī’’ti vuttepi eseva nayo. ‘‘Khandhā pubbenivāsaṃ anussaranti, dhātuyo āyatanānī’’ti vuttepi eseva nayo. Tasmā bhagavā paccattapurisakāradīpanatthaṃ ānantariyadīpanatthaṃ brahmavihāradīpanatthaṃ pubbenivāsadīpanatthañca puggalakathaṃ katheti.
‘‘ขนฺธา ทานํ ปฎิคฺคณฺหนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุเตฺตปิ มหาชโน น ชานาติ, สโมฺมหํ อาปชฺชติ, ปฎิสตฺตุ วา โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ ปฎิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติ? ‘‘ปุคฺคลา ปฎิคฺคณฺหนฺตี’’ติ ปน วุเตฺต ชานาติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติ, น ปฎิสตฺตุ วา โหติฯ ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ
‘‘Khandhā dānaṃ paṭiggaṇhanti, dhātuyo āyatanānī’’ti vuttepi mahājano na jānāti, sammohaṃ āpajjati, paṭisattu vā hoti ‘‘kimidaṃ khandhā dhātuyo āyatanāni paṭiggaṇhanti nāmā’’ti? ‘‘Puggalā paṭiggaṇhantī’’ti pana vutte jānāti, na sammohaṃ āpajjati, na paṭisattu vā hoti. Tasmā bhagavā dakkhiṇāvisuddhidīpanatthaṃ puggalakathaṃ katheti.
โลกสมฺมุติญฺจ พุทฺธา ภควโนฺต น ปชหนฺติ, โลกสมญฺญาย โลกนิรุตฺติยา โลกาภิลาเป ฐิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติฯ ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติฯ โส อิธาปิ โลกโวหารวเสน เทเสตพฺพมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกปุคฺคลสฺสา’’ติอาทิมาหฯ
Lokasammutiñca buddhā bhagavanto na pajahanti, lokasamaññāya lokaniruttiyā lokābhilāpe ṭhitāyeva dhammaṃ desenti. Tasmā bhagavā lokasammutiyā appahānatthampi puggalakathaṃ katheti. So idhāpi lokavohāravasena desetabbamatthaṃ dassento ‘‘ekapuggalassā’’tiādimāha.
ตตฺถ เอกปุคฺคลสฺสาติ เอกสตฺตสฺสฯ กปฺปนฺติ มหากปฺปํฯ ยทิปิ อจฺจนฺตสํโยเค อิทํ อุปโยควจนํ, ยตฺถ ปน สตฺตานํ สนฺธาวนํ สํสรณํ สมฺภวติ, ตสฺส วเสน คเหตพฺพํฯ อฎฺฐิกงฺกโลติ อฎฺฐิภาโคฯ ‘‘อฎฺฐิขโล’’ติปิ ปฐนฺติ, อฎฺฐิสญฺจโยติ อโตฺถฯ อฎฺฐิปุโญฺชติ อฎฺฐิสมูโหฯ อฎฺฐิราสีติ ตเสฺสว เววจนํฯ เกจิ ปน ‘‘กฎิปฺปมาณโต เหฎฺฐา สมูโห กงฺกโล นาม, ตโต อุปริ ยาว ตาลปฺปมาณํ ปุโญฺช, ตโต อุปริ ราสี’’ติ วทนฺติฯ ตํ เตสํ มติมตฺตํฯ สพฺพเมตํ สมูหเสฺสว ปริยายวจนํ เวปุลฺลเสฺสว อุปมาภาเวน อาหฎตฺตาฯ
Tattha ekapuggalassāti ekasattassa. Kappanti mahākappaṃ. Yadipi accantasaṃyoge idaṃ upayogavacanaṃ, yattha pana sattānaṃ sandhāvanaṃ saṃsaraṇaṃ sambhavati, tassa vasena gahetabbaṃ. Aṭṭhikaṅkaloti aṭṭhibhāgo. ‘‘Aṭṭhikhalo’’tipi paṭhanti, aṭṭhisañcayoti attho. Aṭṭhipuñjoti aṭṭhisamūho. Aṭṭhirāsīti tasseva vevacanaṃ. Keci pana ‘‘kaṭippamāṇato heṭṭhā samūho kaṅkalo nāma, tato upari yāva tālappamāṇaṃ puñjo, tato upari rāsī’’ti vadanti. Taṃ tesaṃ matimattaṃ. Sabbametaṃ samūhasseva pariyāyavacanaṃ vepullasseva upamābhāvena āhaṭattā.
สเจ สํหารโก อสฺสาติ อวิปฺปกิรณวเสน สํหริตฺวา ฐเปตา โกจิ ยทิ สิยาติ ปริกปฺปนวเสน วทติฯ สมฺภตญฺจ น วินเสฺสยฺยาติ ตถา เกนจิ สมฺภตญฺจ ตํ อฎฺฐิกงฺกลํ อนฺตรธานาภาเวน ปูติภูตํ จุณฺณวิจุณฺณญฺจ อหุตฺวา สเจ น วินเสฺสยฺยาติ ปริกปฺปนวเสเนว วทติฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ภิกฺขเว, เอกสฺส สตฺตสฺส กมฺมกิเลเสหิ อปราปรุปฺปตฺติวเสน เอกํ มหากปฺปํ สนฺธาวนฺตสฺส สํสรนฺตสฺส เอวํ มหาอฎฺฐิสญฺจโย ภเวยฺย, อาโรหปริณาเหหิ ยตฺตโกยํ เวปุลฺลปพฺพโตฯ สเจ ปนสฺส โกจิ สํหริตฺวา ฐเปตา ภเวยฺย, สมฺภตญฺจ ตํ สเจ อวินสฺสนฺตํ ติเฎฺฐยฺยาติฯ อยญฺจ นโย นิพฺพุตปฺปทีเป วิย ภิชฺชนสภาเว กเฬวรนิเกฺขปรหิเต โอปปาติกตฺตภาเว สเพฺพน สพฺพํ อนฎฺฐิเก จ ขุทฺทกตฺตภาเว วเชฺชตฺวา วุโตฺตฯ เกจิ ปน ‘‘ปริกปฺปนวเสน อิมสฺส นยสฺส อาหฎตฺตา เตสมฺปิ ยทิ สิยา อฎฺฐิกงฺกโล, เตนาปิ สเหว อยํ อฎฺฐิปุญฺชปริมาโณ วุโตฺต’’ติ วทนฺติฯ อปเร ปน ‘‘นยิทเมวํ ลพฺภมานเสฺสว อฎฺฐิปุญฺชสฺส วเสน สพฺพญฺญุตญฺญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อิมสฺส ปริมาณสฺส วุตฺตตาฯ ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ คเหตโพฺพ’’ติฯ
Sace saṃhārako assāti avippakiraṇavasena saṃharitvā ṭhapetā koci yadi siyāti parikappanavasena vadati. Sambhatañca na vinasseyyāti tathā kenaci sambhatañca taṃ aṭṭhikaṅkalaṃ antaradhānābhāvena pūtibhūtaṃ cuṇṇavicuṇṇañca ahutvā sace na vinasseyyāti parikappanavaseneva vadati. Ayañhettha attho – bhikkhave, ekassa sattassa kammakilesehi aparāparuppattivasena ekaṃ mahākappaṃ sandhāvantassa saṃsarantassa evaṃ mahāaṭṭhisañcayo bhaveyya, ārohapariṇāhehi yattakoyaṃ vepullapabbato. Sace panassa koci saṃharitvā ṭhapetā bhaveyya, sambhatañca taṃ sace avinassantaṃ tiṭṭheyyāti. Ayañca nayo nibbutappadīpe viya bhijjanasabhāve kaḷevaranikkheparahite opapātikattabhāve sabbena sabbaṃ anaṭṭhike ca khuddakattabhāve vajjetvā vutto. Keci pana ‘‘parikappanavasena imassa nayassa āhaṭattā tesampi yadi siyā aṭṭhikaṅkalo, tenāpi saheva ayaṃ aṭṭhipuñjaparimāṇo vutto’’ti vadanti. Apare pana ‘‘nayidamevaṃ labbhamānasseva aṭṭhipuñjassa vasena sabbaññutaññāṇena paricchinditvā imassa parimāṇassa vuttatā. Tasmā vuttanayeneva attho gahetabbo’’ti.
คาถาสุ มเหสินาติ มหเนฺต สีลกฺขนฺธาทโย เอสติ คเวสตีติ มเหสี, สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ‘‘อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’ติ จ ภควา ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทีสุ วิย อตฺตานํ อญฺญํ วิย กตฺวา ทเสฺสติฯ เวปุโลฺลติ ราชคหํ ปริวาเรตฺวา ฐิเตสุ ปญฺจสุ ปพฺพเตสุ วิปุลภาวโต เวปุโลฺลติ ลทฺธนาโมฯ ตโต เอว มหา, ฐิตทิสาภาควเสน อุตฺตโร คิชฺฌกูฎสฺสฯ คิริพฺพเชติ คิริพฺพชปุรนามกสฺส ราชคหสฺส สมีเปฯ
Gāthāsu mahesināti mahante sīlakkhandhādayo esati gavesatīti mahesī, sammāsambuddho. ‘‘Iti vuttaṃ mahesinā’’ti ca bhagavā ‘‘dasabalasamannāgato, bhikkhave, tathāgato’’tiādīsu viya attānaṃ aññaṃ viya katvā dasseti. Vepulloti rājagahaṃ parivāretvā ṭhitesu pañcasu pabbatesu vipulabhāvato vepulloti laddhanāmo. Tato eva mahā, ṭhitadisābhāgavasena uttaro gijjhakūṭassa. Giribbajeti giribbajapuranāmakassa rājagahassa samīpe.
เอตฺตาวตา ภควา ‘‘เอตฺตเกนาปิ กาเลน อนุปจฺฉินฺนภวมูลสฺส อปริญฺญาตวตฺถุกสฺส ปุถุชฺชนสฺส อยมีทิสี กฎสิวฑฺฒนา’’ติ วเฎฺฎ อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ เยสํ อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฎิเวธา อนฺธปุถุชฺชนสฺส เอวํ กฎสิวฑฺฒนา, ตานิ อริยสจฺจานิ ทิฎฺฐวโต อริยปุคฺคลสฺส อยํ นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยโต จ อริยสจฺจานี’’ติอาทิมาหฯ
Ettāvatā bhagavā ‘‘ettakenāpi kālena anupacchinnabhavamūlassa apariññātavatthukassa puthujjanassa ayamīdisī kaṭasivaḍḍhanā’’ti vaṭṭe ādīnavaṃ dassetvā idāni yesaṃ ariyasaccānaṃ ananubodhā appaṭivedhā andhaputhujjanassa evaṃ kaṭasivaḍḍhanā, tāni ariyasaccāni diṭṭhavato ariyapuggalassa ayaṃ natthīti dassento ‘‘yato ca ariyasaccānī’’tiādimāha.
ตตฺถ ยโตติ ยทาฯ อริยสจฺจานีติ อรณียโต อริยานิ, อวิตถภาเวน สจฺจานิ จาติ อริยสจฺจานิ, อริยภาวกรานิ วา สจฺจานิ อริยสจฺจานิ, อริเยหิ วา พุทฺธาทีหิ ปฎิวิชฺฌิตพฺพานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานิฯ อถ วา อริยสฺส สจฺจานิ อริยสจฺจานิฯ สเทวเกน หิ โลเกน สรณนฺติ อรณียโต อริโย ภควา, เตน สยมฺภุญาเณน ทิฎฺฐตฺตา ตสฺส สจฺจานีติ อริยสจฺจานิฯ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสตีติ สมฺมา เหตุนา ญาเยน วิปสฺสนาปญฺญาสหิตาย มคฺคปญฺญาย ปริญฺญาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน ปสฺสติฯ ทุกฺขนฺติอาทิ อริยสจฺจานํ สรูปทสฺสนํฯ ตตฺถ อเนกูปทฺทวาธิฎฺฐานตาย กุจฺฉิตภาวโต พาลชนปริกปฺปิตธุวสุภสุขตฺตวิรเหน ตุจฺฉภาวโต จ ทุกฺขํฯ ทุกฺขํ สมุปฺปชฺชติ เอเตนาติ ทุกฺขสมุปฺปาโท, ทุกฺขสมุทโยฯ ทุกฺขํ อติกฺกมติ เอเตน อารมฺมณปฺปจฺจยภูเตน, เอตฺถ วาติ ทุกฺขสฺส อติกฺกโม, นิพฺพานํฯ อารกตฺตา กิเลเสหิ อรณียโต จ อริโยฯ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ อฎฺฐนฺนํ องฺคานํ วเสน อฎฺฐงฺคิโกฯ มาเรโนฺต กิเลเส คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มโคฺคฯ ตโต เอว ทุกฺขสฺส อุปสมํ นิโรธํ คจฺฉตีติ ทุกฺขูปสมคามีฯ ยโต สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
Tattha yatoti yadā. Ariyasaccānīti araṇīyato ariyāni, avitathabhāvena saccāni cāti ariyasaccāni, ariyabhāvakarāni vā saccāni ariyasaccāni, ariyehi vā buddhādīhi paṭivijjhitabbāni saccāni ariyasaccāni. Atha vā ariyassa saccāni ariyasaccāni. Sadevakena hi lokena saraṇanti araṇīyato ariyo bhagavā, tena sayambhuñāṇena diṭṭhattā tassa saccānīti ariyasaccāni. Sammappaññāya passatīti sammā hetunā ñāyena vipassanāpaññāsahitāya maggapaññāya pariññāpahānasacchikiriyābhāvanābhisamayavasena passati. Dukkhantiādi ariyasaccānaṃ sarūpadassanaṃ. Tattha anekūpaddavādhiṭṭhānatāya kucchitabhāvato bālajanaparikappitadhuvasubhasukhattavirahena tucchabhāvato ca dukkhaṃ. Dukkhaṃ samuppajjati etenāti dukkhasamuppādo, dukkhasamudayo. Dukkhaṃ atikkamati etena ārammaṇappaccayabhūtena, ettha vāti dukkhassa atikkamo, nibbānaṃ. Ārakattā kilesehi araṇīyato ca ariyo. Sammādiṭṭhiādīnaṃ aṭṭhannaṃ aṅgānaṃ vasena aṭṭhaṅgiko. Mārento kilese gacchati, nibbānatthikehi maggīyati, sayaṃ vā nibbānaṃ maggatīti maggo. Tato eva dukkhassa upasamaṃ nirodhaṃ gacchatīti dukkhūpasamagāmī. Yato sammappaññāya passatīti sambandho.
ส สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมํ, สนฺธาวิตฺวาน ปุคฺคโลติ โส เอวํ จตุสจฺจทสฺสาวี อริยปุคฺคโล โสตาปโนฺน สพฺพมุทินฺทฺริโย สมาโน สตฺตวารปรมํเยว ภวาทีสุ อปราปรุปฺปตฺติวเสน สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวาฯ เอกพีชี, โกลํโกโล, สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ตโย หิ โสตาปนฺนาฯ เตสุ สพฺพมุทินฺทฺริยสฺส วเสนิทํ วุตฺตํ ‘‘ส สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมํ, สนฺธาวิตฺวานา’’ติ ฯ ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ วฎฺฎทุกฺขสฺส อนฺตกโร ปริโยสานกโร โหติฯ กถํ? สพฺพสํโยชนกฺขยา อนุปุเพฺพน อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา นิรวเสสานํ สํโยชนานํ เขปนาติ อรหตฺตผเลเนว เทสนาย กูฎํ คณฺหิฯ
Sasattakkhattuṃ paramaṃ, sandhāvitvāna puggaloti so evaṃ catusaccadassāvī ariyapuggalo sotāpanno sabbamudindriyo samāno sattavāraparamaṃyeva bhavādīsu aparāparuppattivasena sandhāvitvā saṃsaritvā. Ekabījī, kolaṃkolo, sattakkhattuparamoti indriyānaṃ tikkhamajjhimamudubhāvena tayo hi sotāpannā. Tesu sabbamudindriyassa vasenidaṃ vuttaṃ ‘‘sa sattakkhattuṃ paramaṃ, sandhāvitvānā’’ti . Dukkhassantakaro hotīti vaṭṭadukkhassa antakaro pariyosānakaro hoti. Kathaṃ? Sabbasaṃyojanakkhayā anupubbena aggamaggaṃ adhigantvā niravasesānaṃ saṃyojanānaṃ khepanāti arahattaphaleneva desanāya kūṭaṃ gaṇhi.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๔. อฎฺฐิปุญฺชสุตฺตํ • 4. Aṭṭhipuñjasuttaṃ