Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๔. อตฺถิราคสุตฺตวณฺณนา
4. Atthirāgasuttavaṇṇanā
๖๔. จตุเตฺถ โสติ โลโภฯ รญฺชนวเสนาติ รงฺคชาตํ วิย ตสฺส จิตฺตสฺส อนุรญฺชนวเสนฯ นนฺทนวเสนาติ สปฺปีติกตาย อารมฺมณสฺส อภินนฺทนวเสนฯ ตณฺหายนวเสนาติ วิสยกตฺตุกามตาย วเสนฯ เอโก เอว หิ โลโภ ปวตฺติอาการวเสน ตถา วุโตฺตฯ ปติฎฺฐิตนฺติ ลทฺธสภาวํฯ ตตฺถาติ วเฎฺฎฯ อาหาเรติ เกจิฯ วิญฺญาณนฺติ อภิสงฺขารวิญฺญาณํฯ วิรุฬฺหนฺติ ผลนิพฺพตฺติยา วิรุฬฺหิปฺปตฺตํฯ เตนาห ‘‘กมฺมํ ชวาเปตฺวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ชวาเปตฺวาติ ผลํ คาหาเปตฺวาฯ อภิสงฺขารวิญฺญาณญฺหิ อตฺตนา สหชาตานํ สหชาตาทิปจฺจเยหิ เจว อาหารปจฺจเยน จ ปจฺจโย หุตฺวา ตสฺส อตฺตโน ผลุปฺปาทเน สามตฺถิยตฺตา วิรุฬฺหิปฺปตฺตํฯ เตนาห ‘‘กมฺมํ สนฺตาเน ลทฺธภาวํ วิรุฬฺหิปฺปตฺตญฺจสฺส โหตี’’ติฯ วฎฺฎกถา เอสาติ กตฺวา ‘‘ยตฺถาติ เตภูมกวเฎฺฎ ภุมฺม’’นฺติ วุตฺตํฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุฯ ปุริมปเท เอตํ ภุมฺมนฺติ ‘‘ยตฺถ ตตฺถา’’ติ อาคตํ เอตํ ภุมฺมวจนํ ปุริมสฺมิํ ปุริมสฺมิํ ปเท วิสยภูเตฯ ตญฺหิ อารพฺภ เอตํ ‘‘ยตฺถ ตตฺถา’’ติ ภุมฺมวจนํ วุตฺตํฯ อิมสฺมิํ วิปากวเฎฺฎติ ปจฺจุปฺปเนฺน วิปากวเฎฺฎฯ อายติํ วฎฺฎเหตุเก สงฺขาเร สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ อตฺถิ อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติ วจนโต ฯ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ จ ปฎิสนฺธิ อธิเปฺปตาติ วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ อตฺถิ อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ, อตฺถิ ตตฺถ อายติํ ชาติชรามรณ’’นฺติฯ ชาตีติ เจตฺถ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนํ อธิเปฺปตํฯ ยสฺมิํ ฐาเนติ ยสฺมิํ การเณ สติฯ
64. Catutthe soti lobho. Rañjanavasenāti raṅgajātaṃ viya tassa cittassa anurañjanavasena. Nandanavasenāti sappītikatāya ārammaṇassa abhinandanavasena. Taṇhāyanavasenāti visayakattukāmatāya vasena. Eko eva hi lobho pavattiākāravasena tathā vutto. Patiṭṭhitanti laddhasabhāvaṃ. Tatthāti vaṭṭe. Āhāreti keci. Viññāṇanti abhisaṅkhāraviññāṇaṃ. Viruḷhanti phalanibbattiyā viruḷhippattaṃ. Tenāha ‘‘kammaṃ javāpetvā’’tiādi. Tattha javāpetvāti phalaṃ gāhāpetvā. Abhisaṅkhāraviññāṇañhi attanā sahajātānaṃ sahajātādipaccayehi ceva āhārapaccayena ca paccayo hutvā tassa attano phaluppādane sāmatthiyattā viruḷhippattaṃ. Tenāha ‘‘kammaṃ santāne laddhabhāvaṃ viruḷhippattañcassa hotī’’ti. Vaṭṭakathā esāti katvā ‘‘yatthāti tebhūmakavaṭṭe bhumma’’nti vuttaṃ. Sabbatthāti sabbesu. Purimapade etaṃ bhummanti ‘‘yattha tatthā’’ti āgataṃ etaṃ bhummavacanaṃ purimasmiṃ purimasmiṃ pade visayabhūte. Tañhi ārabbha etaṃ ‘‘yattha tatthā’’ti bhummavacanaṃ vuttaṃ. Imasmiṃ vipākavaṭṭeti paccuppanne vipākavaṭṭe. Āyatiṃ vaṭṭahetuke saṅkhāre sandhāya vuttaṃ ‘‘yattha atthi āyatiṃ punabbhavābhinibbattī’’ti vacanato . Punabbhavābhinibbattīti ca paṭisandhi adhippetāti vuttaṃ ‘‘yattha atthi āyatiṃ punabbhavābhinibbatti, atthi tattha āyatiṃ jātijarāmaraṇa’’nti. Jātīti cettha mātukucchito nikkhamanaṃ adhippetaṃ. Yasmiṃ ṭhāneti yasmiṃ kāraṇe sati.
การณเญฺจตฺถ สงฺขารา เวทิตพฺพาฯ เต หิ อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา เหตู, ตณฺหาอวิชฺชาโย, กาลคติอาทโย จ กมฺมสฺส สมฺภาราฯ เกจิ ปน กิเลสวฎฺฎกมฺมคติกาลา จาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กาลคติอาทโย จ กมฺมสฺส สมฺภารา’’ติ วทนฺติฯ ตํตํภวปตฺถนาย ตถา ตถา คโต ติวิโธ ภโวว เตภูมกวฎฺฎํฯ เตนาห ‘‘ยตฺถาติ เตภูมกวเฎฺฎ’’ติฯ ตถา จาห ‘‘สสมฺภารกกมฺมํ ภเวสุ รูปํ สมุฎฺฐาเปตี’’ติฯ รูปนฺติ อตฺตภาวํฯ
Kāraṇañcettha saṅkhārā veditabbā. Te hi āyatiṃ punabbhavābhinibbattiyā hetū, taṇhāavijjāyo, kālagatiādayo ca kammassa sambhārā. Keci pana kilesavaṭṭakammagatikālā cāti adhippāyena ‘‘kālagatiādayo ca kammassa sambhārā’’ti vadanti. Taṃtaṃbhavapatthanāya tathā tathā gato tividho bhavova tebhūmakavaṭṭaṃ. Tenāha ‘‘yatthāti tebhūmakavaṭṭe’’ti. Tathā cāha ‘‘sasambhārakakammaṃ bhavesu rūpaṃ samuṭṭhāpetī’’ti. Rūpanti attabhāvaṃ.
สงฺขิปิตฺวาติ ตีสุ อกตฺวา วิญฺญาเณน เอกสเงฺขปํ กตฺวาติ อโตฺถฯ เอโก สนฺธีติ เอโก เหตุผลสนฺธิฯ วิปากวิธินฺติ สฬายตนาทิกํ เวทนาวสานํ วิปากวิธิํฯ ‘‘นามรูเปน สทฺธิ’’นฺติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ นามรูเปนาติ วา สหโยเค กรณวจนํฯ อิธ เอโก สนฺธีติ เอโก เหตุผลสนฺธิฯ อายติภวสฺสาติ อายติํ อุปปตฺติภวสฺสฯ เตน เจตฺถ เอโก สนฺธิ เหตุผลสนฺธิ เวทิตโพฺพฯ
Saṅkhipitvāti tīsu akatvā viññāṇena ekasaṅkhepaṃ katvāti attho. Eko sandhīti eko hetuphalasandhi. Vipākavidhinti saḷāyatanādikaṃ vedanāvasānaṃ vipākavidhiṃ. ‘‘Nāmarūpena saddhi’’nti padaṃ ānetvā sambandho. Nāmarūpenāti vā sahayoge karaṇavacanaṃ. Idha eko sandhīti eko hetuphalasandhi. Āyatibhavassāti āyatiṃ upapattibhavassa. Tena cettha eko sandhi hetuphalasandhi veditabbo.
ขีณาสวสฺส อคฺคมคฺคาธิคมนโตว ปวตฺตกมฺมสฺส มเคฺคน สหายเวกลฺลสฺส กตตฺตา อวิชฺชมานํฯ สูริยรสฺมิสมนฺติ ตโต เอว วุตฺตนเยเนว อปฺปติฎฺฐิตสูริยรสฺมิสมํฯ สาติ รสฺมิฯ กายาทโยติ กายทฺวาราทโยฯ กตกมฺมนฺติ ปจฺจเยหิ กตภาวํ อุปาทาย วุตฺตํ, น กมฺมลกฺขณปตฺตโตฯ เตนาห ‘‘กุสลากุสลํ นาม น โหตี’’ติฯ กิริยมเตฺตติ อวิปากธมฺมตฺตา กายิกาทิปโยคมเตฺต ฐตฺวาฯ อวิปากํ โหติ เตสํ อวิปากธมฺมตฺตาฯ
Khīṇāsavassa aggamaggādhigamanatova pavattakammassa maggena sahāyavekallassa katattā avijjamānaṃ. Sūriyarasmisamanti tato eva vuttanayeneva appatiṭṭhitasūriyarasmisamaṃ. Sāti rasmi. Kāyādayoti kāyadvārādayo. Katakammanti paccayehi katabhāvaṃ upādāya vuttaṃ, na kammalakkhaṇapattato. Tenāha ‘‘kusalākusalaṃ nāma na hotī’’ti. Kiriyamatteti avipākadhammattā kāyikādipayogamatte ṭhatvā. Avipākaṃ hoti tesaṃ avipākadhammattā.
อตฺถิราคสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Atthirāgasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๔. อตฺถิราคสุตฺตํ • 4. Atthirāgasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. อตฺถิราคสุตฺตวณฺณนา • 4. Atthirāgasuttavaṇṇanā