Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๐๓] ๘. อฎฺฐิเสนชาตกวณฺณนา
[403] 8. Aṭṭhisenajātakavaṇṇanā
เยเม อหํ น ชานามีติ อิทํ สตฺถา อาฬวิํ นิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรโนฺต กุฎิการสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิฯ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฎฺฐา มณิกณฺฐชาตเก (ชา. ๑.๓.๗ อาทโย) กถิตเมวฯ สตฺถา ปน เต ภิกฺขู อามเนฺตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตา ปุเพฺพ อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ พาหิรกปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ราชูหิ ปวาริตาปิ ‘ยาจนา นาม ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ น ยาจิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yeme ahaṃ na jānāmīti idaṃ satthā āḷaviṃ nissāya aggāḷave cetiye viharanto kuṭikārasikkhāpadaṃ ārabbha kathesi. Paccuppannavatthu heṭṭhā maṇikaṇṭhajātake (jā. 1.3.7 ādayo) kathitameva. Satthā pana te bhikkhū āmantetvā ‘‘bhikkhave, porāṇakapaṇḍitā pubbe anuppanne buddhe bāhirakapabbajjāya pabbajitvā rājūhi pavāritāpi ‘yācanā nāma paresaṃ appiyā amanāpā’ti na yāciṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ นิคเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, อฎฺฐิเสนกุมาโรติสฺส นามํ กริํสุฯ โส วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสโต นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิญฺญาสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ โอตริตฺวา อนุปุเพฺพน พาราณสิํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขาย จรโนฺต ราชงฺคณํ อคมาสิฯ ราชา ตสฺสาจารวิหาเร ปสีทิตฺวา ตํ นิมนฺตาเปตฺวา ปาสาทตเล ปลฺลเงฺก นิสีทาเปตฺวา สุโภชนํ โภเชตฺวา โภชนาวสาเน อนุโมทนํ สุตฺวา ปสโนฺน ปฎิญฺญํ คเหตฺวา มหาสตฺตํ ราชุยฺยาเน วสาเปสิ, ทิวสสฺส จ เทฺว ตโย วาเร อุปฎฺฐานํ อคมาสิฯ โส เอกทิวสํ ธมฺมกถาย ปสโนฺน รชฺชํ อาทิํ กตฺวา ‘‘เยน โว อโตฺถ, ตํ วเทยฺยาถา’’ติ ปวาเรสิฯ โพธิสโตฺต ‘‘อิทํ นาม เม เทหี’’ติ น วทติฯ อเญฺญ ยาจกา ‘‘อิทํ เทหิ, อิทํ เทหี’’ติ อิจฺฉิติจฺฉิตํ ยาจนฺติ, ราชา อสชฺชมาโน เทติเยวฯ โส เอกทิวสํ จิเนฺตสิ ‘‘อเญฺญ ยาจนกวนิพฺพกา ‘อิทญฺจิทญฺจ อมฺหากํ เทหี’ติ มํ ยาจนฺติ, อโยฺย ปน อฎฺฐิเสโน ปวาริตกาลโต ปฎฺฐาย น กิญฺจิ ยาจติ, ปญฺญวา โข ปเนส อุปายกุสโล, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติฯ โส เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน อเญฺญสํ ยาจนการณํ ตสฺส จ อยาจนการณํ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ nigame brāhmaṇakule nibbatti, aṭṭhisenakumārotissa nāmaṃ kariṃsu. So vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā aparabhāge kāmesu ādīnavaṃ disvā gharāvāsato nikkhamitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā jhānābhiññāsamāpattiyo nibbattetvā himavantapadese ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya manussapathaṃ otaritvā anupubbena bārāṇasiṃ patvā rājuyyāne vasitvā punadivase bhikkhāya caranto rājaṅgaṇaṃ agamāsi. Rājā tassācāravihāre pasīditvā taṃ nimantāpetvā pāsādatale pallaṅke nisīdāpetvā subhojanaṃ bhojetvā bhojanāvasāne anumodanaṃ sutvā pasanno paṭiññaṃ gahetvā mahāsattaṃ rājuyyāne vasāpesi, divasassa ca dve tayo vāre upaṭṭhānaṃ agamāsi. So ekadivasaṃ dhammakathāya pasanno rajjaṃ ādiṃ katvā ‘‘yena vo attho, taṃ vadeyyāthā’’ti pavāresi. Bodhisatto ‘‘idaṃ nāma me dehī’’ti na vadati. Aññe yācakā ‘‘idaṃ dehi, idaṃ dehī’’ti icchiticchitaṃ yācanti, rājā asajjamāno detiyeva. So ekadivasaṃ cintesi ‘‘aññe yācanakavanibbakā ‘idañcidañca amhākaṃ dehī’ti maṃ yācanti, ayyo pana aṭṭhiseno pavāritakālato paṭṭhāya na kiñci yācati, paññavā kho panesa upāyakusalo, pucchissāmi na’’nti. So ekadivasaṃ bhuttapātarāso gantvā vanditvā ekamantaṃ nisinno aññesaṃ yācanakāraṇaṃ tassa ca ayācanakāraṇaṃ pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๕๔.
54.
‘‘เยเม อหํ น ชานามิ, อฎฺฐิเสน วนิพฺพเก;
‘‘Yeme ahaṃ na jānāmi, aṭṭhisena vanibbake;
เต มํ สงฺคมฺม ยาจนฺติ, กสฺมา มํ ตฺวํ น ยาจสี’’ติฯ
Te maṃ saṅgamma yācanti, kasmā maṃ tvaṃ na yācasī’’ti.
ตตฺถ วนิพฺพเกติ ยาจนเกฯ สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยฺย, อฎฺฐิเสน, เยเม วนิพฺพเก อหํ นามโคตฺตชาติกุลปฺปเทเสน ‘‘อิเม นาเมเต’’ติปิ น ชานามิ, เต มํ สมาคนฺตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตํ ยาจนฺติ, ตฺวํ ปน กสฺมา มํ กิญฺจิ น ยาจสีติฯ
Tattha vanibbaketi yācanake. Saṅgammāti samāgantvā. Idaṃ vuttaṃ hoti – ayya, aṭṭhisena, yeme vanibbake ahaṃ nāmagottajātikulappadesena ‘‘ime nāmete’’tipi na jānāmi, te maṃ samāgantvā icchiticchitaṃ yācanti, tvaṃ pana kasmā maṃ kiñci na yācasīti.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā bodhisatto dutiyaṃ gāthamāha –
๕๕.
55.
‘‘ยาจโก อปฺปิโย โหติ, ยาจํ อททมปฺปิโย;
‘‘Yācako appiyo hoti, yācaṃ adadamappiyo;
ตสฺมาหํ ตํ น ยาจามิ, มา เม วิเทสฺสนา อหู’’ติฯ
Tasmāhaṃ taṃ na yācāmi, mā me videssanā ahū’’ti.
ตตฺถ ยาจโก อปฺปิโย โหตีติ โย หิ, มหาราช, ปุคฺคโล ‘‘อิทํ เม เทหี’’ติ ยาจโก, โส มาตาปิตูนมฺปิ มิตฺตามจฺจาทีนมฺปิ อปฺปิโย โหติ อมนาโปฯ ตสฺส อปฺปิยภาโว มณิกณฺฐชาตเกน ทีเปตโพฺพฯ ยาจนฺติ ยาจิตภณฺฑํฯ อททนฺติ อททมาโนฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โยปิ ยาจิตํ น เทติ, โส มาตาปิตโร อาทิํ กตฺวา อททมาโน ปุคฺคโล ยาจกสฺส อปฺปิโย โหตีติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ยาจโกปิ ทายกสฺส, ยาจิตํ ภณฺฑํ อททโนฺตปิ ยาจกสฺส อปฺปิโย โหติ, ตสฺมา อหํ ตํ น ยาจามิฯ มา เม วิเทสฺสนา อหูติ สเจ หิ อหํ ยาเจยฺยเมว, ตว วิเทโสฺส ภเวยฺย, สา เม ตว สนฺติกา อุปฺปนฺนา วิเทสฺสนา, สเจ ปน ตฺวํ น ทเทยฺยาสิ, มม วิเทโสฺส ภเวยฺยาสิ, สา จ มม ตยิ วิเทสฺสนา, เอวํ สพฺพถาปิ มา เม วิเทสฺสนา อหุ, มา โน อุภินฺนมฺปิ เมตฺตา ภิชฺชีติ เอตมตฺถํ สมฺปสฺสโนฺต อหํ ตํ น กิญฺจิ ยาจามีติฯ
Tattha yācako appiyo hotīti yo hi, mahārāja, puggalo ‘‘idaṃ me dehī’’ti yācako, so mātāpitūnampi mittāmaccādīnampi appiyo hoti amanāpo. Tassa appiyabhāvo maṇikaṇṭhajātakena dīpetabbo. Yācanti yācitabhaṇḍaṃ. Adadanti adadamāno. Idaṃ vuttaṃ hoti – yopi yācitaṃ na deti, so mātāpitaro ādiṃ katvā adadamāno puggalo yācakassa appiyo hotīti. Tasmāti yasmā yācakopi dāyakassa, yācitaṃ bhaṇḍaṃ adadantopi yācakassa appiyo hoti, tasmā ahaṃ taṃ na yācāmi. Mā me videssanā ahūti sace hi ahaṃ yāceyyameva, tava videsso bhaveyya, sā me tava santikā uppannā videssanā, sace pana tvaṃ na dadeyyāsi, mama videsso bhaveyyāsi, sā ca mama tayi videssanā, evaṃ sabbathāpi mā me videssanā ahu, mā no ubhinnampi mettā bhijjīti etamatthaṃ sampassanto ahaṃ taṃ na kiñci yācāmīti.
อถสฺส วจนํ สุตฺวา ราชา ติโสฺส คาถา อภาสิ –
Athassa vacanaṃ sutvā rājā tisso gāthā abhāsi –
๕๖.
56.
‘‘โย เว ยาจนชีวาโน, กาเล ยาจํ น ยาจติ;
‘‘Yo ve yācanajīvāno, kāle yācaṃ na yācati;
ปรญฺจ ปุญฺญา ธํเสติ, อตฺตนาปิ น ชีวติฯ
Parañca puññā dhaṃseti, attanāpi na jīvati.
๕๗.
57.
‘‘โย จ ยาจนชีวาโน, กาเล ยาจญฺหิ ยาจติ;
‘‘Yo ca yācanajīvāno, kāle yācañhi yācati;
ปรญฺจ ปุญฺญํ ลเพฺภติ, อตฺตนาปิ จ ชีวติฯ
Parañca puññaṃ labbheti, attanāpi ca jīvati.
๕๘.
58.
‘‘น เวเทสฺสนฺติ สปฺปญฺญา, ทิสฺวา ยาจกมาคเต;
‘‘Na vedessanti sappaññā, disvā yācakamāgate;
พฺรหฺมจาริ ปิโย เมสิ, วท ตฺวํ ภญฺญมิจฺฉสี’’ติฯ
Brahmacāri piyo mesi, vada tvaṃ bhaññamicchasī’’ti.
ตตฺถ ยาจนชีวาโนติ ยาจนชีวมาโน, อยเมว วา ปาโฐฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยฺย, อฎฺฐิเสน โย ยาจเนน ชีวมาโน ธมฺมิโก สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ยาจิตพฺพยุตฺตปตฺตกาเล กิญฺจิเทว ยาจิตพฺพํ น ยาจติ, โส ปรญฺจ ทายกํ ปุญฺญา ธํเสติ ปริหาเปติ, อตฺตนาปิ จ สุขํ น ชีวติฯ ปุญฺญํ ลเพฺภตีติ กาเล ปน ยาจิตพฺพํ ยาจโนฺต ปรญฺจ ปุญฺญํ อธิคเมติ, อตฺตนาปิ จ สุขํ ชีวติฯ น เวเทสฺสนฺตีติ ยํ ตฺวํ วเทสิ ‘‘มา เม วิเทสฺสนา อหู’’ติ, ตํ กสฺมา วทสิฯ สปฺปญฺญา หิ ทานญฺจ ทานผลญฺจ ชานนฺตา ปณฺฑิตา ยาจเก อาคเต ทิสฺวา น เทสฺสนฺติ น กุชฺฌนฺติ, อญฺญทตฺถุ ปน ปมุทิตาว โหนฺตีติ ทีเปติฯ ยาจกมาคเตติ ม-กาโร พฺยญฺชนสนฺธิวเสน วุโตฺต, ยาจเก อาคเตติ อโตฺถฯ พฺรหฺมจาริ ปิโย เมสีติ อยฺย อฎฺฐิเสน, ปริสุทฺธจาริ มหาปุญฺญ, ตฺวํ มยฺหํ อติวิย ปิโย, ตสฺมา วรํ ตฺวํ มํ วเทหิ ยาจาหิเยวฯ ภญฺญมิจฺฉสีติ ยํกิญฺจิ วตฺตพฺพํ อิจฺฉสิ, สพฺพํ วท, รชฺชมฺปิ เต ทสฺสามิเยวาติฯ
Tattha yācanajīvānoti yācanajīvamāno, ayameva vā pāṭho. Idaṃ vuttaṃ hoti – ayya, aṭṭhisena yo yācanena jīvamāno dhammiko samaṇo vā brāhmaṇo vā yācitabbayuttapattakāle kiñcideva yācitabbaṃ na yācati, so parañca dāyakaṃ puññā dhaṃseti parihāpeti, attanāpi ca sukhaṃ na jīvati. Puññaṃ labbhetīti kāle pana yācitabbaṃ yācanto parañca puññaṃ adhigameti, attanāpi ca sukhaṃ jīvati. Na vedessantīti yaṃ tvaṃ vadesi ‘‘mā me videssanā ahū’’ti, taṃ kasmā vadasi. Sappaññā hi dānañca dānaphalañca jānantā paṇḍitā yācake āgate disvā na dessanti na kujjhanti, aññadatthu pana pamuditāva hontīti dīpeti. Yācakamāgateti ma-kāro byañjanasandhivasena vutto, yācake āgateti attho. Brahmacāri piyo mesīti ayya aṭṭhisena, parisuddhacāri mahāpuñña, tvaṃ mayhaṃ ativiya piyo, tasmā varaṃ tvaṃ maṃ vadehi yācāhiyeva. Bhaññamicchasīti yaṃkiñci vattabbaṃ icchasi, sabbaṃ vada, rajjampi te dassāmiyevāti.
เอวํ โพธิสโตฺต รญฺญา รเชฺชนาปิ ปวาริโต เนว กิญฺจิ ยาจิฯ รโญฺญ ปน เอวํ อตฺตโน อชฺฌาสเย กถิเต มหาสโตฺตปิ ปพฺพชิตปฎิปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘มหาราช, ยาจนา หิ นาเมสา กามโภคีนํ คิหีนํ อาจิณฺณา, น ปพฺพชิตานํ, ปพฺพชิเตน ปน ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย คิหีหิ อสมานปริสุทฺธาชีเวน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปพฺพชิตปฎิปทํ ทเสฺสโนฺต ฉฎฺฐํ คาถมาห –
Evaṃ bodhisatto raññā rajjenāpi pavārito neva kiñci yāci. Rañño pana evaṃ attano ajjhāsaye kathite mahāsattopi pabbajitapaṭipattiṃ dassetuṃ ‘‘mahārāja, yācanā hi nāmesā kāmabhogīnaṃ gihīnaṃ āciṇṇā, na pabbajitānaṃ, pabbajitena pana pabbajitakālato paṭṭhāya gihīhi asamānaparisuddhājīvena bhavitabba’’nti pabbajitapaṭipadaṃ dassento chaṭṭhaṃ gāthamāha –
๕๙.
59.
‘‘น เว ยาจนฺติ สปฺปญฺญา, ธีโร จ เวทิตุมรหติ;
‘‘Na ve yācanti sappaññā, dhīro ca veditumarahati;
อุทฺทิสฺส อริยา ติฎฺฐนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติฯ
Uddissa ariyā tiṭṭhanti, esā ariyāna yācanā’’ti.
ตตฺถ สปฺปญฺญาติ พุทฺธา จ พุทฺทสาวกา จ โพธิยา ปฎิปนฺนา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา โพธิสตฺตา จ สเพฺพปิ สปฺปญฺญา จ สุสีลา จ, เอเต เอวรูปา สปฺปญฺญา ‘‘อมฺหากํ อิทญฺจิทญฺจ เทถา’’ติ น ยาจนฺติฯ ธีโร จ เวทิตุมรหตีติ อุปฎฺฐาโก ปน ธีโร ปณฺฑิโต คิลานกาเล จ อคิลานกาเล จ เยน เยนโตฺถ, ตํ สพฺพํ สยเมว เวทิตุํ ชานิตุํ อรหติฯ อุทฺทิสฺส อริยา ติฎฺฐนฺตีติ อริยา ปน วาจํ อภินฺทิตฺวา เยนตฺถิกา โหนฺติ, ตํ อุทฺทิสฺส เกวลํ ภิกฺขาจารวเตฺตน ติฎฺฐนฺติ, เนว กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา โกเปนฺติฯ กายวิการํ ทเสฺสตฺวา นิมิตฺตํ กโรโนฺต หิ กายงฺคํ โกเปติ นาม, วจีเภทํ กโรโนฺต วาจงฺคํ โกเปติ นาม, ตทุภยํ อกตฺวา พุทฺธาทโย อริยา ติฎฺฐนฺติฯ เอสา อริยาน ยาจนาติ เอสา กายงฺควาจงฺคํ อโกเปตฺวา ภิกฺขาย ติฎฺฐมานา อริยานํ ยาจนา นามฯ
Tattha sappaññāti buddhā ca buddasāvakā ca bodhiyā paṭipannā isipabbajjaṃ pabbajitā bodhisattā ca sabbepi sappaññā ca susīlā ca, ete evarūpā sappaññā ‘‘amhākaṃ idañcidañca dethā’’ti na yācanti. Dhīro ca veditumarahatīti upaṭṭhāko pana dhīro paṇḍito gilānakāle ca agilānakāle ca yena yenattho, taṃ sabbaṃ sayameva vedituṃ jānituṃ arahati. Uddissa ariyā tiṭṭhantīti ariyā pana vācaṃ abhinditvā yenatthikā honti, taṃ uddissa kevalaṃ bhikkhācāravattena tiṭṭhanti, neva kāyaṅgaṃ vā vācaṅgaṃ vā kopenti. Kāyavikāraṃ dassetvā nimittaṃ karonto hi kāyaṅgaṃ kopeti nāma, vacībhedaṃ karonto vācaṅgaṃ kopeti nāma, tadubhayaṃ akatvā buddhādayo ariyā tiṭṭhanti. Esā ariyāna yācanāti esā kāyaṅgavācaṅgaṃ akopetvā bhikkhāya tiṭṭhamānā ariyānaṃ yācanā nāma.
ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ภเนฺต, ยทิ สปฺปโญฺญ อุปฎฺฐาโก อตฺตนาว ญตฺวา กุลูปกสฺส ทาตพฺพํ เทติ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ อิทญฺจิทญฺจ ทมฺมี’’ติ วทโนฺต สตฺตมํ คาถมาห –
Rājā bodhisattassa vacanaṃ sutvā ‘‘bhante, yadi sappañño upaṭṭhāko attanāva ñatvā kulūpakassa dātabbaṃ deti, ahampi tumhākaṃ idañcidañca dammī’’ti vadanto sattamaṃ gāthamāha –
๖๐.
60.
‘‘ททามิ เต พฺราหฺมณ โรหิณีนํ, ควํ สหสฺสํ สห ปุงฺคเวน;
‘‘Dadāmi te brāhmaṇa rohiṇīnaṃ, gavaṃ sahassaṃ saha puṅgavena;
อริโย หิ อริยสฺส กถํ น ทชฺชา, สุตฺวาน คาถา ตว ธมฺมยุตฺตา’’ติฯ
Ariyo hi ariyassa kathaṃ na dajjā, sutvāna gāthā tava dhammayuttā’’ti.
ตตฺถ โรหิณีนนฺติ รตฺตวณฺณานํฯ ควํ สหสฺสนฺติ ขีรทธิอาทิมธุรรสปริโภคตฺถาย เอวรูปานํ คุนฺนํ สหสฺสํ ตุยฺหํ ทมฺมิ, ตํ เม ปฎิคฺคณฺหฯ อริโยติ อาจารอริโยฯ อริยสฺสาติ อาจารอริยสฺสฯ กถํ น ทชฺชาติ เกน การเณน น ทเทยฺยฯ
Tattha rohiṇīnanti rattavaṇṇānaṃ. Gavaṃ sahassanti khīradadhiādimadhurarasaparibhogatthāya evarūpānaṃ gunnaṃ sahassaṃ tuyhaṃ dammi, taṃ me paṭiggaṇha. Ariyoti ācāraariyo. Ariyassāti ācāraariyassa. Kathaṃ na dajjāti kena kāraṇena na dadeyya.
เอวํ วุเตฺต โพธิสโตฺต ‘‘อหํ มหาราช, อกิญฺจโน ปพฺพชิโต, น เม คาวีหิ อโตฺถ’’ติ ปฎิกฺขิปิฯ ราชา ตโสฺสวาเท ฐตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิฯ โสปิ อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิฯ
Evaṃ vutte bodhisatto ‘‘ahaṃ mahārāja, akiñcano pabbajito, na me gāvīhi attho’’ti paṭikkhipi. Rājā tassovāde ṭhatvā dānādīni puññāni katvā saggaparāyaṇo ahosi. Sopi aparihīnajjhāno brahmaloke uppajji.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฎฺฐิตาฯ ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, อฎฺฐิเสโน ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne bahū sotāpattiphalādīsu patiṭṭhitā. Tadā rājā ānando ahosi, aṭṭhiseno pana ahameva ahosinti.
อฎฺฐิเสนชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Aṭṭhisenajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๐๓. อฎฺฐิเสนกชาตกํ • 403. Aṭṭhisenakajātakaṃ