Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๑๐. อวกุชฺชสุตฺตํ
10. Avakujjasuttaṃ
๓๐. ‘‘ตโยเม , ภิกฺขเว 1, ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิํฯ กตเม ตโย? อวกุชฺชปโญฺญ ปุคฺคโล, อุจฺฉงฺคปโญฺญ ปุคฺคโล, ปุถุปโญฺญ ปุคฺคโลฯ กตโม จ, ภิกฺขเว, อวกุชฺชปโญฺญ ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติฯ โส ตสฺมิํ อาสเน นิสิโนฺน ตสฺสา กถาย เนว อาทิํ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติ; วุฎฺฐิโตปิ ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย เนว อาทิํ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุโมฺภ นิกฺกุโชฺช 2 ตตฺร อุทกํ อาสิตฺตํ วิวฎฺฎติ, โน สณฺฐาติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติฯ โส ตสฺมิํ อาสเน นิสิโนฺน ตสฺสา กถาย เนว อาทิํ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติ; วุฎฺฐิโตปิ ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย เนวาทิํ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อวกุชฺชปโญฺญ ปุคฺคโลฯ
30. ‘‘Tayome , bhikkhave 3, puggalā santo saṃvijjamānā lokasmiṃ. Katame tayo? Avakujjapañño puggalo, ucchaṅgapañño puggalo, puthupañño puggalo. Katamo ca, bhikkhave, avakujjapañño puggalo? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ārāmaṃ gantā hoti abhikkhaṇaṃ bhikkhūnaṃ santike dhammassavanāya. Tassa bhikkhū dhammaṃ desenti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsenti. So tasmiṃ āsane nisinno tassā kathāya neva ādiṃ manasi karoti, na majjhaṃ manasi karoti, na pariyosānaṃ manasi karoti; vuṭṭhitopi tamhā āsanā tassā kathāya neva ādiṃ manasi karoti, na majjhaṃ manasi karoti, na pariyosānaṃ manasi karoti. Seyyathāpi, bhikkhave, kumbho nikkujjo 4 tatra udakaṃ āsittaṃ vivaṭṭati, no saṇṭhāti; evamevaṃ kho, bhikkhave, idhekacco puggalo ārāmaṃ gantā hoti abhikkhaṇaṃ bhikkhūnaṃ santike dhammassavanāya. Tassa bhikkhū dhammaṃ desenti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsenti. So tasmiṃ āsane nisinno tassā kathāya neva ādiṃ manasi karoti, na majjhaṃ manasi karoti, na pariyosānaṃ manasi karoti; vuṭṭhitopi tamhā āsanā tassā kathāya nevādiṃ manasi karoti, na majjhaṃ manasi karoti, na pariyosānaṃ manasi karoti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, avakujjapañño puggalo.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อุจฺฉงฺคปโญฺญ ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติฯ โส ตสฺมิํ อาสเน นิสิโนฺน ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ; วุฎฺฐิโต จ โข ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย เนวาทิํ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส อุจฺฉเงฺค นานาขชฺชกานิ อากิณฺณานิ – ติลา ตณฺฑุลา โมทกา พทราฯ โส ตมฺหา อาสนา วุฎฺฐหโนฺต สติสโมฺมสา ปกิเรยฺย ฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติฯ โส ตสฺมิํ อาสเน นิสิโนฺน ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ; วุฎฺฐิโต จ โข ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย เนว อาทิํ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อุจฺฉงฺคปโญฺญ ปุคฺคโลฯ
‘‘Katamo ca, bhikkhave, ucchaṅgapañño puggalo? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ārāmaṃ gantā hoti abhikkhaṇaṃ bhikkhūnaṃ santike dhammassavanāya. Tassa bhikkhū dhammaṃ desenti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsenti. So tasmiṃ āsane nisinno tassā kathāya ādimpi manasi karoti, majjhampi manasi karoti, pariyosānampi manasi karoti; vuṭṭhito ca kho tamhā āsanā tassā kathāya nevādiṃ manasi karoti, na majjhaṃ manasi karoti, na pariyosānaṃ manasi karoti. Seyyathāpi, bhikkhave, purisassa ucchaṅge nānākhajjakāni ākiṇṇāni – tilā taṇḍulā modakā badarā. So tamhā āsanā vuṭṭhahanto satisammosā pakireyya . Evamevaṃ kho, bhikkhave, idhekacco puggalo ārāmaṃ gantā hoti abhikkhaṇaṃ bhikkhūnaṃ santike dhammassavanāya. Tassa bhikkhū dhammaṃ desenti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsenti. So tasmiṃ āsane nisinno tassā kathāya ādimpi manasi karoti, majjhampi manasi karoti, pariyosānampi manasi karoti; vuṭṭhito ca kho tamhā āsanā tassā kathāya neva ādiṃ manasi karoti, na majjhaṃ manasi karoti, na pariyosānaṃ manasi karoti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, ucchaṅgapañño puggalo.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุถุปโญฺญ ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติฯ โส ตสฺมิํ อาสเน นิสิโนฺน ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ; วุฎฺฐิโตปิ ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุโมฺภ อุกฺกุโชฺช ตตฺร อุทกํ อาสิตฺตํ สณฺฐาติ โน วิวฎฺฎติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติฯ โส ตสฺมิํ อาสเน นิสิโนฺน ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ; วุฎฺฐิโตปิ ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุถุปโญฺญ ปุคฺคโลฯ ‘อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สโนฺต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’’นฺติฯ
‘‘Katamo ca, bhikkhave, puthupañño puggalo? Idha, bhikkhave, ekacco puggalo ārāmaṃ gantā hoti abhikkhaṇaṃ bhikkhūnaṃ santike dhammassavanāya. Tassa bhikkhū dhammaṃ desenti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsenti. So tasmiṃ āsane nisinno tassā kathāya ādimpi manasi karoti, majjhampi manasi karoti, pariyosānampi manasi karoti; vuṭṭhitopi tamhā āsanā tassā kathāya ādimpi manasi karoti, majjhampi manasi karoti, pariyosānampi manasi karoti. Seyyathāpi, bhikkhave, kumbho ukkujjo tatra udakaṃ āsittaṃ saṇṭhāti no vivaṭṭati; evamevaṃ kho, bhikkhave, idhekacco puggalo ārāmaṃ gantā hoti abhikkhaṇaṃ bhikkhūnaṃ santike dhammassavanāya. Tassa bhikkhū dhammaṃ desenti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsenti. So tasmiṃ āsane nisinno tassā kathāya ādimpi manasi karoti, majjhampi manasi karoti, pariyosānampi manasi karoti; vuṭṭhitopi tamhā āsanā tassā kathāya ādimpi manasi karoti, majjhampi manasi karoti, pariyosānampi manasi karoti. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, puthupañño puggalo. ‘Ime kho, bhikkhave, tayo puggalā santo saṃvijjamānā lokasmi’’’nti.
‘‘อวกุชฺชปโญฺญ ปุริโส, ทุเมฺมโธ อวิจกฺขโณ;
‘‘Avakujjapañño puriso, dummedho avicakkhaṇo;
อภิกฺขณมฺปิ เจ โหติ, คนฺตา ภิกฺขูน สนฺติเกฯ
Abhikkhaṇampi ce hoti, gantā bhikkhūna santike.
‘‘อาทิํ กถาย มชฺฌญฺจ, ปริโยสานญฺจ ตาทิโส;
‘‘Ādiṃ kathāya majjhañca, pariyosānañca tādiso;
อุคฺคเหตุํ น สโกฺกติ, ปญฺญา หิสฺส น วิชฺชติฯ
Uggahetuṃ na sakkoti, paññā hissa na vijjati.
‘‘อุจฺฉงฺคปโญฺญ ปุริโส, เสโยฺย เอเตน วุจฺจติ;
‘‘Ucchaṅgapañño puriso, seyyo etena vuccati;
อภิกฺขณมฺปิ เจ โหติ, คนฺตา ภิกฺขูน สนฺติเกฯ
Abhikkhaṇampi ce hoti, gantā bhikkhūna santike.
‘‘อาทิํ กถาย มชฺฌญฺจ, ปริโยสานญฺจ ตาทิโส;
‘‘Ādiṃ kathāya majjhañca, pariyosānañca tādiso;
นิสิโนฺน อาสเน ตสฺมิํ, อุคฺคเหตฺวาน พฺยญฺชนํ;
Nisinno āsane tasmiṃ, uggahetvāna byañjanaṃ;
อภิกฺขณมฺปิ เจ โหติ, คนฺตา ภิกฺขูน สนฺติเกฯ
Abhikkhaṇampi ce hoti, gantā bhikkhūna santike.
‘‘อาทิํ กถาย มชฺฌญฺจ, ปริโยสานญฺจ ตาทิโส;
‘‘Ādiṃ kathāya majjhañca, pariyosānañca tādiso;
นิสิโนฺน อาสเน ตสฺมิํ, อุคฺคเหตฺวาน พฺยญฺชนํฯ
Nisinno āsane tasmiṃ, uggahetvāna byañjanaṃ.
‘‘ธาเรติ เสฎฺฐสงฺกโปฺป, อพฺยคฺคมานโส นโร;
‘‘Dhāreti seṭṭhasaṅkappo, abyaggamānaso naro;
ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน, ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยา’’ติฯ ทสมํ;
Dhammānudhammappaṭipanno, dukkhassantakaro siyā’’ti. dasamaṃ;
ปุคฺคลวโคฺค ตติโยฯ
Puggalavaggo tatiyo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
เสวิ-ชิคุจฺฉ-คูถภาณี, อโนฺธ จ อวกุชฺชตาติฯ
Sevi-jiguccha-gūthabhāṇī, andho ca avakujjatāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. อวกุชฺชสุตฺตวณฺณนา • 10. Avakujjasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. อวกุชฺชสุตฺตวณฺณนา • 10. Avakujjasuttavaṇṇanā