Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. ทุติยปณฺณาสกํ
2. Dutiyapaṇṇāsakaṃ
(๖) ๑. นีวรณวโคฺค
(6) 1. Nīvaraṇavaggo
๑-๒. อาวรณสุตฺตาทิวณฺณนา
1-2. Āvaraṇasuttādivaṇṇanā
๕๑-๕๒. ทุติยสฺส ปฐเม อาวรนฺตีติ อาวรณา, นีวารยนฺตีติ นีวรณาฯ เอตฺถ จ อาวรนฺตีติ กุสลธมฺมุปฺปตฺติํ อาทิโต ปริวาเรนฺติฯ นีวารยนฺตีติ นิรวเสสโต วารยนฺตีติ อโตฺถ, ตสฺมา อาวรณวเสนาติ อาทิโต กุสลุปฺปตฺติวารณวเสนฯ นีวรณวเสนาติ นิรวเสสโต วารณวเสนาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยสฺมา ปญฺจ นีวรณา อุปฺปชฺชมานา อนุปฺปนฺนาย โลกิยโลกุตฺตราย ปญฺญาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ, อุปฺปนฺนาปิ อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปญฺจ วา อภิญฺญา อุปจฺฉินฺทิตฺวา ปาเตนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปญฺญาย ทุพฺพลีกรณา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อุปจฺฉินฺทนํ ปาตนเญฺจตฺถ ตาสํ ปญฺญานํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานเมวฯ อิติ มหคฺคตานุตฺตรปญฺญานํ เอกจฺจาย จ ปริตฺตปญฺญาย อนุปฺปตฺติเหตุภูตา นีวรณธมฺมา อิตราสํ สมตฺถตํ วิหนนฺติเยวาติ ปญฺญาย ทุพฺพลีกรณา วุตฺตาฯ ภาวนามนสิกาเรน วินา ปกติยา มนุเสฺสหิ นิพฺพเตฺตตโพฺพ ธโมฺมติ มนุสฺสธโมฺม, มนุสฺสตฺตภาวาวโห วา ธโมฺม มนุสฺสธโมฺม, อนุฬารํ ปริตฺตกุสลํฯ ยํ อสติปิ พุทฺธุปฺปาเท วตฺตติ, ยญฺจ สนฺธายาห ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชตี’’ติ (ชา. ๑.๘.๗๕)ฯ อลํ อริยาย อริยภาวายาติ อลมริโย, อริยภาวาย สมโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ ญาณทสฺสนเมว ญาณทสฺสนวิเสโส, อลมริโย จ โส ญาณทสฺสนวิเสโส จาติ อลมริยญาณทสฺสนวิเสโสฯ
51-52. Dutiyassa paṭhame āvarantīti āvaraṇā, nīvārayantīti nīvaraṇā. Ettha ca āvarantīti kusaladhammuppattiṃ ādito parivārenti. Nīvārayantīti niravasesato vārayantīti attho, tasmā āvaraṇavasenāti ādito kusaluppattivāraṇavasena. Nīvaraṇavasenāti niravasesato vāraṇavasenāti evamettha attho daṭṭhabbo. Yasmā pañca nīvaraṇā uppajjamānā anuppannāya lokiyalokuttarāya paññāya uppajjituṃ na denti, uppannāpi aṭṭha samāpattiyo pañca vā abhiññā upacchinditvā pātenti, tasmā ‘‘paññāya dubbalīkaraṇā’’ti vuccanti. Upacchindanaṃ pātanañcettha tāsaṃ paññānaṃ anuppannānaṃ uppajjituṃ appadānameva. Iti mahaggatānuttarapaññānaṃ ekaccāya ca parittapaññāya anuppattihetubhūtā nīvaraṇadhammā itarāsaṃ samatthataṃ vihanantiyevāti paññāya dubbalīkaraṇā vuttā. Bhāvanāmanasikārena vinā pakatiyā manussehi nibbattetabbo dhammoti manussadhammo, manussattabhāvāvaho vā dhammo manussadhammo, anuḷāraṃ parittakusalaṃ. Yaṃ asatipi buddhuppāde vattati, yañca sandhāyāha ‘‘hīnena brahmacariyena, khattiye upapajjatī’’ti (jā. 1.8.75). Alaṃ ariyāya ariyabhāvāyāti alamariyo, ariyabhāvāya samatthoti vuttaṃ hoti. Ñāṇadassanameva ñāṇadassanaviseso, alamariyo ca so ñāṇadassanaviseso cāti alamariyañāṇadassanaviseso.
ญาณทสฺสนนฺติ จ ทิพฺพจกฺขุปิ วิปสฺสนาปิ มโคฺคปิ ผลมฺปิ ปจฺจเวกฺขณญาณมฺปิ สพฺพญฺญุตญฺญาณมฺปิ วุจฺจติฯ ‘‘อปฺปมโตฺต สมาโน ญาณทสฺสนํ อาราเธตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๑๑) หิ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุ ญาณทสฺสนํ นามฯ ‘‘ญาณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๔) เอตฺถ วิปสฺสนาญาณํฯ ‘‘อภพฺพา เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สโมฺพธายา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๖) เอตฺถ มโคฺคฯ ‘‘อยมโญฺญ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) เอตฺถ ผลํฯ ‘‘ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ, อกุปฺปา เม วิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; ปฎิ. ม. ๒.๓๐) เอตฺถ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ ‘‘ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ‘สตฺตาหกาลกโต อาฬาโร กาลาโม’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๐) เอตฺถ สพฺพญฺญุตญฺญาณํฯ อิธ ปน โลกุตฺตรธโมฺม อธิเปฺปโตฯ เอตฺถ จ รูปายตนํ ชานาติ จกฺขุวิญฺญาณํ วิย ปสฺสติ จาติ ญาณทสฺสนํ, ทิพฺพจกฺขุฯ สมฺมสนูปจาเร จ ธมฺมลกฺขณตฺตยญฺจ ตถา ชานาติ ปสฺสติ จาติ ญาณทสฺสนํ, วิปสฺสนาฯ นิพฺพานํ จตฺตาริ วา สจฺจานิ อสโมฺมหปฺปฎิเวธโต ชานาติ ปสฺสติ จาติ ญาณทสฺสนํ, มโคฺคฯ ผลํ ปน นิพฺพานวเสเนว โยเชตพฺพํฯ ปจฺจเวกฺขณา มคฺคาธิคตสฺส อตฺถสฺส สพฺพโส โชตนเฎฺฐน ญาณทสฺสนํฯ สพฺพญฺญุตา อนาวรณตาย สมนฺตจกฺขุตาย จ ญาณทสฺสนํฯ พฺยาทิณฺณกาโลติ ปริยาทินฺนกาโลฯ ทุติยํ อุตฺตานเมวฯ
Ñāṇadassananti ca dibbacakkhupi vipassanāpi maggopi phalampi paccavekkhaṇañāṇampi sabbaññutaññāṇampi vuccati. ‘‘Appamatto samāno ñāṇadassanaṃ ārādhetī’’ti (ma. ni. 1.311) hi ettha dibbacakkhu ñāṇadassanaṃ nāma. ‘‘Ñāṇadassanāya cittaṃ abhinīharati abhininnāmetī’’ti (dī. ni. 1.234) ettha vipassanāñāṇaṃ. ‘‘Abhabbā te ñāṇāya dassanāya anuttarāya sambodhāyā’’ti (a. ni. 4.196) ettha maggo. ‘‘Ayamañño uttarimanussadhammā alamariyañāṇadassanaviseso adhigato phāsuvihāro’’ti (ma. ni. 1.328) ettha phalaṃ. ‘‘Ñāṇañca pana me dassanaṃ udapādi, akuppā me vimutti, ayamantimā jāti, natthi dāni punabbhavo’’ti (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 16; paṭi. ma. 2.30) ettha paccavekkhaṇañāṇaṃ. ‘‘Ñāṇañca pana me dassanaṃ udapādi ‘sattāhakālakato āḷāro kālāmo’’’ti (ma. ni. 1.284; 2.340) ettha sabbaññutaññāṇaṃ. Idha pana lokuttaradhammo adhippeto. Ettha ca rūpāyatanaṃ jānāti cakkhuviññāṇaṃ viya passati cāti ñāṇadassanaṃ, dibbacakkhu. Sammasanūpacāre ca dhammalakkhaṇattayañca tathā jānāti passati cāti ñāṇadassanaṃ, vipassanā. Nibbānaṃ cattāri vā saccāni asammohappaṭivedhato jānāti passati cāti ñāṇadassanaṃ, maggo. Phalaṃ pana nibbānavaseneva yojetabbaṃ. Paccavekkhaṇā maggādhigatassa atthassa sabbaso jotanaṭṭhena ñāṇadassanaṃ. Sabbaññutā anāvaraṇatāya samantacakkhutāya ca ñāṇadassanaṃ. Byādiṇṇakāloti pariyādinnakālo. Dutiyaṃ uttānameva.
อาวรณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āvaraṇasuttādivaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya
๑. อาวรณสุตฺตํ • 1. Āvaraṇasuttaṃ
๒. อกุสลราสิสุตฺตํ • 2. Akusalarāsisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อาวรณสุตฺตวณฺณนา • 1. Āvaraṇasuttavaṇṇanā