Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๖. อวสฺสุตปริยายสุตฺตวณฺณนา

    6. Avassutapariyāyasuttavaṇṇanā

    ๒๔๓. ฉเฎฺฐ นวํ สนฺถาคารนฺติ อธุนา การิตํ สนฺถาคารํ, เอกา มหาสาลาติ อโตฺถฯ อุโยฺยคกาลาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ฐตฺวา, ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา, เอตฺตกา อุโภหิ ปเสฺสหิ, เอตฺตกา หตฺถี อภิรุหนฺตุ, เอตฺตกา อเสฺส, เอตฺตกา รเถสุ ติฎฺฐนฺตู’’ติ เอวํ สนฺถํ กโรนฺติ, มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ ฐานํ สนฺถาคารนฺติ วุจฺจติฯ อุโยฺยคฎฺฐานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคเหสุ อลฺลโคมยปริภณฺฑาทีนิ กาเรนฺติ, ตาว เทฺว ตีณิ ทิวสานิ เต ราชาโน ตตฺถ สนฺถรนฺตีติปิ สนฺถาคารํฯ เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคารํฯ คณราชาโน หิ เต, ตสฺมา อุปฺปนฺนํ กิจฺจํ เอกสฺส วเสน น ฉิชฺชติ, สเพฺพสํ ฉโนฺทปิ ลทฺธุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา สเพฺพ ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา อนุสาสนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคาร’’นฺติฯ ยสฺมา ปน เต ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา, ‘‘อิมสฺมิํ กาเล กสิตุํ วฎฺฎติ, อิมสฺมิํ กาเล วปิตุ’’นฺติ เอวมาทินา นเยน ฆราวาสกิจฺจานิ สมฺมนฺตยนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ ตตฺถ สนฺถรนฺตีติปิ, สนฺถาคารํฯ อจิรการิตํ โหตีติ อิฎฺฐกกมฺมสุธากมฺมจิตฺตกมฺมาทิวเสน สุสชฺชิตํ เทววิมานํ วิย อธุนา นิฎฺฐาปิตํฯ สมเณน วาติ เอตฺถ ยสฺมา ฆรวตฺถุปริคฺคหณกาเลเยว เทวตา อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา ‘‘เทเวน วา’’ติ อวตฺวา, ‘‘สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํฯ

    243. Chaṭṭhe navaṃ santhāgāranti adhunā kāritaṃ santhāgāraṃ, ekā mahāsālāti attho. Uyyogakālādīsu hi rājāno tattha ṭhatvā, ‘‘ettakā purato gacchantu, ettakā pacchā, ettakā ubhohi passehi, ettakā hatthī abhiruhantu, ettakā asse, ettakā rathesu tiṭṭhantū’’ti evaṃ santhaṃ karonti, mariyādaṃ bandhanti, tasmā taṃ ṭhānaṃ santhāgāranti vuccati. Uyyogaṭṭhānato ca āgantvā yāva gehesu allagomayaparibhaṇḍādīni kārenti, tāva dve tīṇi divasāni te rājāno tattha santharantītipi santhāgāraṃ. Tesaṃ rājūnaṃ saha atthānusāsanaṃ agārantipi santhāgāraṃ. Gaṇarājāno hi te, tasmā uppannaṃ kiccaṃ ekassa vasena na chijjati, sabbesaṃ chandopi laddhuṃ vaṭṭati, tasmā sabbe tattha sannipatitvā anusāsanti. Tena vuttaṃ ‘‘saha atthānusāsanaṃ agārantipi santhāgāra’’nti. Yasmā pana te tattha sannipatitvā, ‘‘imasmiṃ kāle kasituṃ vaṭṭati, imasmiṃ kāle vapitu’’nti evamādinā nayena gharāvāsakiccāni sammantayanti, tasmā chiddāvachiddaṃ gharāvāsaṃ tattha santharantītipi, santhāgāraṃ. Acirakāritaṃ hotīti iṭṭhakakammasudhākammacittakammādivasena susajjitaṃ devavimānaṃ viya adhunā niṭṭhāpitaṃ. Samaṇena vāti ettha yasmā gharavatthupariggahaṇakāleyeva devatā attano vasanaṭṭhānaṃ gaṇhanti, tasmā ‘‘devena vā’’ti avatvā, ‘‘samaṇena vā brāhmaṇena vā kenaci vā manussabhūtenā’’ti vuttaṃ.

    เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ สนฺถาคารํ นิฎฺฐิตนฺติ สุตฺวา ‘‘คจฺฉาม นํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ทฺวารโกฎฺฐกโต ปฎฺฐาย สพฺพํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ สนฺถาคารํ อติวิย มโนรมํ สสฺสิริกํฯ เกน ปฐมํ ปริภุตฺตํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’’ติ จิเนฺตตฺวา – ‘‘อมฺหากํ ญาติเสฎฺฐสฺส ปฐมํ ทิยฺยมาเนปิ สตฺถุโนว อนุจฺฉวิกํ, ทกฺขิเณยฺยวเสน ทิยฺยมาเนปิ สตฺถุโนว อนุจฺฉวิกํ, ตสฺมา สตฺถารํ ปฐมํ ปริภุญฺชาเปสฺสาม, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อาคมนํ กริสฺสาม, ภิกฺขุสเงฺฆ อาคเต เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสติ, สตฺถารํ ติยามรตฺติํ อมฺหากํ ธมฺมกถํ กถาเปสฺสาม, อิติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุตฺตํ ปจฺฉา มยํ ปริภุญฺชิสฺสาม, เอวํ โน ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา อุปสงฺกมิํสุฯ

    Yenabhagavā tenupasaṅkamiṃsūti santhāgāraṃ niṭṭhitanti sutvā ‘‘gacchāma naṃ passissāmā’’ti gantvā dvārakoṭṭhakato paṭṭhāya sabbaṃ oloketvā ‘‘idaṃ santhāgāraṃ ativiya manoramaṃ sassirikaṃ. Kena paṭhamaṃ paribhuttaṃ amhākaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya assā’’ti cintetvā – ‘‘amhākaṃ ñātiseṭṭhassa paṭhamaṃ diyyamānepi satthunova anucchavikaṃ, dakkhiṇeyyavasena diyyamānepi satthunova anucchavikaṃ, tasmā satthāraṃ paṭhamaṃ paribhuñjāpessāma, bhikkhusaṅghassa ca āgamanaṃ karissāma, bhikkhusaṅghe āgate tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ āgatameva bhavissati, satthāraṃ tiyāmarattiṃ amhākaṃ dhammakathaṃ kathāpessāma, iti tīhi ratanehi paribhuttaṃ pacchā mayaṃ paribhuñjissāma, evaṃ no dīgharattaṃ hitāya sukhāya bhavissatī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā upasaṅkamiṃsu.

    เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมิํสูติ ตํทิวสํ กิร สนฺถาคารํ กิญฺจาปิ ราชกุลานํ ทสฺสนตฺถาย เทววิมานํ วิย สุสชฺชิตํ โหติ สุปฎิชคฺคิตํ, พุทฺธารหํ ปน กตฺวา อปญฺญตฺตํฯ พุทฺธา หิ นาม อรญฺญชฺฌาสยา อรญฺญารามา อโนฺตคาเม วเสยฺยุํ วา โน วา, ตสฺมา ‘‘ภควโต มนํ ชานิตฺวาว, ปญฺญาเปสฺสามา’’ติ จิเนฺตตฺวา, เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํสุ, อิทานิ ปน มนํ ลภิตฺวา ปญฺญาเปตุกามา เยน สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมิํสุฯ

    Yena navaṃ santhāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsūti taṃdivasaṃ kira santhāgāraṃ kiñcāpi rājakulānaṃ dassanatthāya devavimānaṃ viya susajjitaṃ hoti supaṭijaggitaṃ, buddhārahaṃ pana katvā apaññattaṃ. Buddhā hi nāma araññajjhāsayā araññārāmā antogāme vaseyyuṃ vā no vā, tasmā ‘‘bhagavato manaṃ jānitvāva, paññāpessāmā’’ti cintetvā, te bhagavantaṃ upasaṅkamiṃsu, idāni pana manaṃ labhitvā paññāpetukāmā yena santhāgāraṃ tenupasaṅkamiṃsu.

    สพฺพสนฺถริํ สนฺถาคารํ สนฺถริตฺวาติ ยถา สพฺพเมว สนฺถตํ โหติ, เอวํ ตํ สนฺถราเปตฺวาฯ สพฺพปฐมํ ตาว ‘‘โคมยํ นาม สพฺพมงฺคเลสุ วฎฺฎตี’’ติ สุธาปริกมฺมกตมฺปิ ภูมิํ อลฺลโคมเยน โอปุญฺชาเปตฺวา, ปริสุกฺขภาวํ ญตฺวา, ยถา อกฺกนฺตฎฺฐาเน ปทํ ปญฺญายติ, เอวํ จตุชฺชาติยคเนฺธหิ ลิมฺปาเปตฺวา อุปริ นานาวณฺณกฎสารเก สนฺถริตฺวา เตสํ อุปริ มหาปิฎฺฐิกโกชเว อาทิํ กตฺวา หตฺถตฺถรอสฺสตฺถรสีหตฺถรพฺยคฺฆตฺถรจนฺทตฺถรกสูริยตฺถรกจิตฺตตฺถรกาทีหิ นานาวเณฺณหิ อตฺถรเกหิ สนฺถริตพฺพยุตฺตกํ สโพฺพกาสํ สนฺถราเปสุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพสนฺถริํ สนฺถาคารํ สนฺถริตฺวา’’ติฯ

    Sabbasanthariṃ santhāgāraṃ santharitvāti yathā sabbameva santhataṃ hoti, evaṃ taṃ santharāpetvā. Sabbapaṭhamaṃ tāva ‘‘gomayaṃ nāma sabbamaṅgalesu vaṭṭatī’’ti sudhāparikammakatampi bhūmiṃ allagomayena opuñjāpetvā, parisukkhabhāvaṃ ñatvā, yathā akkantaṭṭhāne padaṃ paññāyati, evaṃ catujjātiyagandhehi limpāpetvā upari nānāvaṇṇakaṭasārake santharitvā tesaṃ upari mahāpiṭṭhikakojave ādiṃ katvā hatthattharaassattharasīhattharabyagghattharacandattharakasūriyattharakacittattharakādīhi nānāvaṇṇehi attharakehi santharitabbayuttakaṃ sabbokāsaṃ santharāpesuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘sabbasanthariṃ santhāgāraṃ santharitvā’’ti.

    อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวาติ มชฺฌฎฺฐาเน ตาว มงฺคลถมฺภํ นิสฺสาย มหารหํ พุทฺธาสนํ ปญฺญาเปตฺวา, ตตฺถ ตตฺถ ยํ ยํ มุทุกญฺจ มโนรมญฺจ ปจฺจตฺถรณํ , ตํ ตํ ปจฺจตฺถริตฺวา อุภโตโลหิตกํ มนุญฺญทสฺสนํ อุปธานํ อุปทหิตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกวิจิตฺตวิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธทามปุปฺผทามปตฺตทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา สมนฺตา ทฺวาทสหเตฺถ ฐาเน ปุปฺผชาลํ กาเรตฺวา, ติํสหตฺถมตฺตํ ฐานํ ปฎสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา ปจฺฉิมภิตฺติํ นิสฺสาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปลฺลงฺกปีฐอปสฺสยปีฐมุณฺฑปีฐานิ ปญฺญาเปตฺวา อุปริ เสตปจฺจตฺถรเณหิ ปจฺจตฺถราเปตฺวา ปาจีนภิตฺติํ นิสฺสาย อตฺตโน อตฺตโน มหาปิฎฺฐิกโกชเว ปญฺญาเปตฺวา มโนรมานิ หํสโลมาทิปูริตานิ อุปธานานิ ฐปาเปสุํ ‘‘เอวํ อกิลมมานา สพฺพรตฺติํ ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อาสนานิ ปญฺญาเปตฺวา’’ติฯ

    Āsanāni paññāpetvāti majjhaṭṭhāne tāva maṅgalathambhaṃ nissāya mahārahaṃ buddhāsanaṃ paññāpetvā, tattha tattha yaṃ yaṃ mudukañca manoramañca paccattharaṇaṃ , taṃ taṃ paccattharitvā ubhatolohitakaṃ manuññadassanaṃ upadhānaṃ upadahitvā upari suvaṇṇarajatatārakavicittavitānaṃ bandhitvā gandhadāmapupphadāmapattadāmādīhi alaṅkaritvā samantā dvādasahatthe ṭhāne pupphajālaṃ kāretvā, tiṃsahatthamattaṃ ṭhānaṃ paṭasāṇiyā parikkhipāpetvā pacchimabhittiṃ nissāya bhikkhusaṅghassa pallaṅkapīṭhaapassayapīṭhamuṇḍapīṭhāni paññāpetvā upari setapaccattharaṇehi paccattharāpetvā pācīnabhittiṃ nissāya attano attano mahāpiṭṭhikakojave paññāpetvā manoramāni haṃsalomādipūritāni upadhānāni ṭhapāpesuṃ ‘‘evaṃ akilamamānā sabbarattiṃ dhammaṃ suṇissāmā’’ti. Idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘āsanāni paññāpetvā’’ti.

    อุทกมณิกํ ปติฎฺฐาเปตฺวาติ มหากุจฺฉิกํ อุทกจาฎิํ ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘เอวํ ภควา จ ภิกฺขุสโงฺฆ จ ยถารุจิยา หเตฺถ วา โธวิสฺสนฺติ ปาเท วา, มุขํ วา วิกฺขาเลสฺสนฺตี’’ติ เตสุ เตสุ ฐาเนสุ มณิวณฺณสฺส อุทกสฺส ปูราเปตฺวา วาสตฺถาย นานาปุปฺผานิ เจว อุทกวาสจุณฺณานิ จ ปกฺขิปิตฺวา กทลิปเณฺณหิ ปิทหิตฺวา ปติฎฺฐาเปสุํฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุทกมณิกํ ปติฎฺฐาเปตฺวา’’ติฯ

    Udakamaṇikaṃ patiṭṭhāpetvāti mahākucchikaṃ udakacāṭiṃ patiṭṭhāpetvā ‘‘evaṃ bhagavā ca bhikkhusaṅgho ca yathāruciyā hatthe vā dhovissanti pāde vā, mukhaṃ vā vikkhālessantī’’ti tesu tesu ṭhānesu maṇivaṇṇassa udakassa pūrāpetvā vāsatthāya nānāpupphāni ceva udakavāsacuṇṇāni ca pakkhipitvā kadalipaṇṇehi pidahitvā patiṭṭhāpesuṃ. Idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘udakamaṇikaṃ patiṭṭhāpetvā’’ti.

    เตลปฺปทีปํ อาโรเปตฺวาติ รชตสุวณฺณาทิมยทณฺฑทีปิกาสุ โยนกรูปกิราตรูปกาทีนํ หเตฺถ ฐปิตสุวณฺณรชตาทิมยกปลฺลิกาสุ จ เตลปฺปทีปํ ชาลาเปตฺวาติ อโตฺถฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสูติ เอตฺถ ปน เต สกฺยราชาโน น เกวลํ สนฺถาคารเมว, อถ โข โยชนาวเฎฺฎ กปิลวตฺถุสฺมิํ นครวีถิโยปิ สมฺมชฺชาเปตฺวา ธเช อุสฺสาเปตฺวา เคหทฺวาเรสุ ปุณฺณฆเฎ จ กทลิโย จ ฐปาเปเตวา สกลนครํ ทีปมาลาทีหิ วิปฺปกิณฺณตารกํ วิย กตฺวา ‘‘ขีรูปเค ทารเก ขีรํ ปาเยถ, ทหเร กุมาเร ลหุํ ลหุํ โภเชตฺวา สยาเปถ, อุจฺจาสทฺทํ มา กริตฺถ, อชฺช เอกรตฺติํ สตฺถา อโนฺตคาเม วสิสฺสติ, พุทฺธา นาม อปฺปสทฺทกามา โหนฺตี’’ติ เภริํ จราเปตฺวา สยํ ทณฺฑทีปิกา อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุฯ

    Telappadīpaṃ āropetvāti rajatasuvaṇṇādimayadaṇḍadīpikāsu yonakarūpakirātarūpakādīnaṃ hatthe ṭhapitasuvaṇṇarajatādimayakapallikāsu ca telappadīpaṃ jālāpetvāti attho. Yenabhagavā tenupasaṅkamiṃsūti ettha pana te sakyarājāno na kevalaṃ santhāgārameva, atha kho yojanāvaṭṭe kapilavatthusmiṃ nagaravīthiyopi sammajjāpetvā dhaje ussāpetvā gehadvāresu puṇṇaghaṭe ca kadaliyo ca ṭhapāpetevā sakalanagaraṃ dīpamālādīhi vippakiṇṇatārakaṃ viya katvā ‘‘khīrūpage dārake khīraṃ pāyetha, dahare kumāre lahuṃ lahuṃ bhojetvā sayāpetha, uccāsaddaṃ mā karittha, ajja ekarattiṃ satthā antogāme vasissati, buddhā nāma appasaddakāmā hontī’’ti bheriṃ carāpetvā sayaṃ daṇḍadīpikā ādāya yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu.

    อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมีติ ‘‘ยสฺส ทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติ เอวํ กิร กาเล อาโรจิเต ภควา ลาขารสตินฺตรตฺตโกวิฬารปุปฺผวณฺณํ รตฺตทุปฎฺฎํ กตฺตริยา ปทุมํ กเนฺตโนฺต วิย, สํวิธาย ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทโนฺต นิวาเสตฺวา สุวณฺณปามเงฺคน ปทุมกลาปํ ปริกฺขิปโนฺต วิย, วิชฺชุลตาสสฺสิริกํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพเลน คชกุมฺภํ ปริโยนนฺธโนฺต วิย, รตนสตุเพฺพเธ สุวณฺณคฺฆิเก ปวาฬชาลํ ขิปมาโน วิย สุวณฺณเจติเย รตฺตกมฺพลกญฺจุกํ ปฎิมุญฺจโนฺต วิย, คจฺฉนฺตํ ปุณฺณจนฺทํ รตฺตวณฺณวลาหเกน ปฎิจฺฉาทยมาโน วิย, กญฺจนปพฺพตมตฺถเก สุปกฺกลาขารสํ ปริสิญฺจโนฺต วิย, จิตฺตกูฎปพฺพตมตฺถกํ วิชฺชุลตาย ปริกฺขิปโนฺต วิย จ สจกฺกวาฬสิเนรุยุคนฺธรํ มหาปถวิํ สญฺจาเลตฺวา คหิตํ นิโคฺรธปลฺลวสมานวณฺณํ รตฺตวรปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา, คนฺธกุฎิทฺวารโต นิกฺขมิ กญฺจนคุหโต สีโห วิย อุทยปพฺพตกูฎโต ปุณฺณจโนฺท วิย จฯ นิกฺขมิตฺวา ปน คนฺธกุฎิปมุเข อฎฺฐาสิฯ

    Athakho bhagavā nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena navaṃ santhāgāraṃ tenupasaṅkamīti ‘‘yassa dāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti evaṃ kira kāle ārocite bhagavā lākhārasatintarattakoviḷārapupphavaṇṇaṃ rattadupaṭṭaṃ kattariyā padumaṃ kantento viya, saṃvidhāya timaṇḍalaṃ paṭicchādento nivāsetvā suvaṇṇapāmaṅgena padumakalāpaṃ parikkhipanto viya, vijjulatāsassirikaṃ kāyabandhanaṃ bandhitvā rattakambalena gajakumbhaṃ pariyonandhanto viya, ratanasatubbedhe suvaṇṇagghike pavāḷajālaṃ khipamāno viya suvaṇṇacetiye rattakambalakañcukaṃ paṭimuñcanto viya, gacchantaṃ puṇṇacandaṃ rattavaṇṇavalāhakena paṭicchādayamāno viya, kañcanapabbatamatthake supakkalākhārasaṃ parisiñcanto viya, cittakūṭapabbatamatthakaṃ vijjulatāya parikkhipanto viya ca sacakkavāḷasineruyugandharaṃ mahāpathaviṃ sañcāletvā gahitaṃ nigrodhapallavasamānavaṇṇaṃ rattavarapaṃsukūlaṃ pārupitvā, gandhakuṭidvārato nikkhami kañcanaguhato sīho viya udayapabbatakūṭato puṇṇacando viya ca. Nikkhamitvā pana gandhakuṭipamukhe aṭṭhāsi.

    อถสฺส กายโต เมฆมุเขหิ วิชฺชุกลาปา วิย รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสธาราปริเสกปิญฺชรปตฺตปุปฺผผลวิฎเป วิย อารามรุเกฺข กริํสุฯ ตาวเทว จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย มหาภิกฺขุสโงฺฆ ภควนฺตํ ปริวาเรสิฯ เต ปน ปริวาเรตฺวา ฐิตา ภิกฺขู เอวรูปา อเหสุํ – อปฺปิจฺฉา สนฺตุฎฺฐา ปวิวิตฺตา อสํสฎฺฐา อารทฺธวีริยา วตฺตาโร วจนกฺขมา โจทกา ปาปครหิโน สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนสมฺปนฺนาฯ เตหิ ปริวาริโต ภควา รตฺตกมฺพลปริกฺขิโตฺต วิย สุวณฺณกฺขโนฺธ, รตฺตปทุมสณฺฑมชฺฌคตา วิย สุวณฺณนาวา, ปวาฬเวทิกาปริกฺขิโตฺต วิย สุวณฺณปาสาโท วิโรจิตฺถฯ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย มหาเถราปิ นํ เมฆวณฺณํ ปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา มณิวมฺมวมฺมิกา วิย มหานาคา ปริวารยิํสุ วนฺตราคา ภินฺนกิเลสา วิชฎิตชฎา ฉินฺนพนฺธนา กุเล วา คเณ วา อลคฺคาฯ

    Athassa kāyato meghamukhehi vijjukalāpā viya rasmiyo nikkhamitvā suvaṇṇarasadhārāparisekapiñjarapattapupphaphalaviṭape viya ārāmarukkhe kariṃsu. Tāvadeva ca attano attano pattacīvaramādāya mahābhikkhusaṅgho bhagavantaṃ parivāresi. Te pana parivāretvā ṭhitā bhikkhū evarūpā ahesuṃ – appicchā santuṭṭhā pavivittā asaṃsaṭṭhā āraddhavīriyā vattāro vacanakkhamā codakā pāpagarahino sīlasampannā samādhisampannā paññāvimuttivimuttiñāṇadassanasampannā. Tehi parivārito bhagavā rattakambalaparikkhitto viya suvaṇṇakkhandho, rattapadumasaṇḍamajjhagatā viya suvaṇṇanāvā, pavāḷavedikāparikkhitto viya suvaṇṇapāsādo virocittha. Sāriputtamoggallānādayo mahātherāpi naṃ meghavaṇṇaṃ paṃsukūlaṃ pārupitvā maṇivammavammikā viya mahānāgā parivārayiṃsu vantarāgā bhinnakilesā vijaṭitajaṭā chinnabandhanā kule vā gaṇe vā alaggā.

    อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ, วีตโทโส วีตโทเสหิ, วีตโมโห วีตโมเหหิ , นิตฺตโณฺห นิตฺตเณฺหหิ, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลเสหิ, สยํ พุโทฺธ พหุสฺสุตพุเทฺธหิ ปริวาริโต ปตฺตปริวาริตํ วิย เกสรํ, เกสรปริวาริตา วิย กณฺณิกา, อฎฺฐนาคสหสฺสปริวาริโต วิย ฉทฺทโนฺต นาคราชา, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรโฎฺฐ หํสราชา, เสนงฺคปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติราชา, มรุคณปริวาริโต วิย สโกฺก เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวาริโต วิย หาริตมหาพฺรหฺมา, ตาราคณปริวาริโต วิย ปุณฺณจโนฺท อสเมน พุทฺธเวเสน อปริมาเณน พุทฺธวิลาเสน กปิลวตฺถุคามิมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ

    Iti bhagavā sayaṃ vītarāgo vītarāgehi, vītadoso vītadosehi, vītamoho vītamohehi , nittaṇho nittaṇhehi, nikkileso nikkilesehi, sayaṃ buddho bahussutabuddhehi parivārito pattaparivāritaṃ viya kesaraṃ, kesaraparivāritā viya kaṇṇikā, aṭṭhanāgasahassaparivārito viya chaddanto nāgarājā, navutihaṃsasahassaparivārito viya dhataraṭṭho haṃsarājā, senaṅgaparivārito viya cakkavattirājā, marugaṇaparivārito viya sakko devarājā, brahmagaṇaparivārito viya hāritamahābrahmā, tārāgaṇaparivārito viya puṇṇacando asamena buddhavesena aparimāṇena buddhavilāsena kapilavatthugāmimaggaṃ paṭipajji.

    อถสฺส ปุรตฺถิมกายโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสิ ปจฺฉิม-กายโต, ทกฺขิณหตฺถโต, วามหตฺถโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสิฯ อุปริ เกสนฺตโต ปฎฺฐาย สพฺพเกสาวเฎฺฎหิ โมรคีววณฺณา รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา คคนตเล อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสิฯ เหฎฺฐา ปาทตเลหิ ปวาฬวณฺณา รสฺมิ อุฎฺฐหิตฺวา ฆนปถวิํ อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสิฯ เอวํ สมนฺตา อสีติหตฺถฎฺฐานํ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิโชฺชตมานา วิปฺผนฺทมานา กญฺจนทณฺฑทีปิกาหิ นิจฺฉริตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทชาลา วิย จาตุทฺทีปิกมหาเมฆโต นิกฺขนฺตวิชฺชุลตา วิย วิธาวิํสุฯ สพฺพทิสาภาคา สุวณฺณจมฺปกปุเปฺผหิ วิกิริยมานา วิย, สุวณฺณฆฎโต นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธาราหิ สิญฺจมานา วิย, ปสาริตสุวณฺณปฎปริกฺขิตฺตา วิย, เวรมฺภวาตสมุฎฺฐิตกิํสุกกณิการปุปฺผจุณฺณสโมกิณฺณา วิย วิปฺปภาสิํสุฯ

    Athassa puratthimakāyato suvaṇṇavaṇṇā rasmi uṭṭhahitvā asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesi pacchima-kāyato, dakkhiṇahatthato, vāmahatthato suvaṇṇavaṇṇā rasmi uṭṭhahitvā asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesi. Upari kesantato paṭṭhāya sabbakesāvaṭṭehi moragīvavaṇṇā rasmi uṭṭhahitvā gaganatale asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesi. Heṭṭhā pādatalehi pavāḷavaṇṇā rasmi uṭṭhahitvā ghanapathaviṃ asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesi. Evaṃ samantā asītihatthaṭṭhānaṃ chabbaṇṇā buddharasmiyo vijjotamānā vipphandamānā kañcanadaṇḍadīpikāhi niccharitvā ākāsaṃ pakkhandajālā viya cātuddīpikamahāmeghato nikkhantavijjulatā viya vidhāviṃsu. Sabbadisābhāgā suvaṇṇacampakapupphehi vikiriyamānā viya, suvaṇṇaghaṭato nikkhantasuvaṇṇarasadhārāhi siñcamānā viya, pasāritasuvaṇṇapaṭaparikkhittā viya, verambhavātasamuṭṭhitakiṃsukakaṇikārapupphacuṇṇasamokiṇṇā viya vippabhāsiṃsu.

    ภควโตปิ อสีติอนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภาทฺวตฺติํสวรลกฺขณสมุชฺชลสรีรํ สมุคฺคตตารกํ วิย คคนตลํ, วิกสิตมิว ปทุมวนํ, สพฺพปาลิผุโลฺล วิย โยชนสติโก ปาริจฺฉตฺตโก, ปฎิปาฎิยา ฐปิตานํ ทฺวตฺติํสจนฺทานํ ทฺวตฺติํสสูริยานํ ทฺวตฺติํสจกฺกวตฺตีนํ ทฺวตฺติํสเทวราชานํ ทฺวตฺติํสมหาพฺรหฺมานํ สิริยา สิริํ อภิภวมานํ วิย วิโรจิตฺถ, ยถา ตํ ทสหิ ปารมีหิ ทสหิ อุปปารมีหิ ทสหิ ปรมตฺถปารมีหิ สมฺมเทว ปูริตาหิ สมติํสปารมิตาหิ อลงฺกตํฯ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ทินฺนทานํ รกฺขิตสีลํ กตกลฺยาณกมฺมํ เอกสฺมิํ อตฺตภาเว โอตริตฺวา วิปากํ ทาตุํ ฐานํ อลภมานํ สมฺพาธปตฺตํ วิย อโหสิฯ นาวาสหสฺสภณฺฑํ เอกนาวํ อาโรปนกาโล วิย, สกฎสหสฺสภณฺฑํ เอกสกฎํ อาโรปนกาโล วิย, ปญฺจวีสติยา คงฺคานํ โอฆสฺส สมฺภิชฺช มุขทฺวาเร เอกโต ราสิภูตกาโล วิย อโหสิฯ

    Bhagavatopi asītianubyañjanabyāmappabhādvattiṃsavaralakkhaṇasamujjalasarīraṃ samuggatatārakaṃ viya gaganatalaṃ, vikasitamiva padumavanaṃ, sabbapāliphullo viya yojanasatiko pāricchattako, paṭipāṭiyā ṭhapitānaṃ dvattiṃsacandānaṃ dvattiṃsasūriyānaṃ dvattiṃsacakkavattīnaṃ dvattiṃsadevarājānaṃ dvattiṃsamahābrahmānaṃ siriyā siriṃ abhibhavamānaṃ viya virocittha, yathā taṃ dasahi pāramīhi dasahi upapāramīhi dasahi paramatthapāramīhi sammadeva pūritāhi samatiṃsapāramitāhi alaṅkataṃ. Kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni dinnadānaṃ rakkhitasīlaṃ katakalyāṇakammaṃ ekasmiṃ attabhāve otaritvā vipākaṃ dātuṃ ṭhānaṃ alabhamānaṃ sambādhapattaṃ viya ahosi. Nāvāsahassabhaṇḍaṃ ekanāvaṃ āropanakālo viya, sakaṭasahassabhaṇḍaṃ ekasakaṭaṃ āropanakālo viya, pañcavīsatiyā gaṅgānaṃ oghassa sambhijja mukhadvāre ekato rāsibhūtakālo viya ahosi.

    อิมาย พุทฺธสิริยา โอภาสมานสฺสาปิ จ ภควโต ปุรโต อเนกานิ ทณฺฑทีปิกาสหสฺสานิ อุกฺขิปิํสุ, ตถา ปจฺฉโต, วามปเสฺส, ทกฺขิณปเสฺสฯ ชาติสุมนจมฺปกวนมลฺลิการตฺตุปฺปล-นีลุปฺปล-พกุลสินฺทุวารปุปฺผานิ เจว นีลปีตาทิวณฺณสุคนฺธคนฺธจุณฺณานิ จ จาตุทฺทีปิกเมฆวิสฺสฎฺฐา อุทกวุฎฺฐิโย วิย วิปฺปกิริยิํสุฯ ปญฺจงฺคิกตูริยนิโคฺฆสา เจว พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณปฎิสํยุตฺตา ถุติโฆสา จ สพฺพา ทิสา ปูรยิํสุฯ เทวมนุสฺสนาคสุปณฺณคนฺธพฺพยกฺขาทีนํ อกฺขีนิ อมตปานํ วิย ลภิํสุฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ฐตฺวา ปทสหเสฺสน คมนวณฺณํ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ตตฺริทํ มุขมตฺตํ –

    Imāya buddhasiriyā obhāsamānassāpi ca bhagavato purato anekāni daṇḍadīpikāsahassāni ukkhipiṃsu, tathā pacchato, vāmapasse, dakkhiṇapasse. Jātisumanacampakavanamallikārattuppala-nīluppala-bakulasinduvārapupphāni ceva nīlapītādivaṇṇasugandhagandhacuṇṇāni ca cātuddīpikameghavissaṭṭhā udakavuṭṭhiyo viya vippakiriyiṃsu. Pañcaṅgikatūriyanigghosā ceva buddhadhammasaṅghaguṇapaṭisaṃyuttā thutighosā ca sabbā disā pūrayiṃsu. Devamanussanāgasupaṇṇagandhabbayakkhādīnaṃ akkhīni amatapānaṃ viya labhiṃsu. Imasmiṃ pana ṭhāne ṭhatvā padasahassena gamanavaṇṇaṃ vattuṃ vaṭṭati. Tatridaṃ mukhamattaṃ –

    ‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปโนฺน, กมฺปยโนฺต วสุนฺธรํ;

    ‘‘Evaṃ sabbaṅgasampanno, kampayanto vasundharaṃ;

    อเหฐยโนฺต ปาณานิ, ยาติ โลกวินายโกฯ

    Aheṭhayanto pāṇāni, yāti lokavināyako.

    ‘‘ทกฺขิณํ ปฐมํ ปาทํ, อุทฺธรโนฺต นราสโภ

    ‘‘Dakkhiṇaṃ paṭhamaṃ pādaṃ, uddharanto narāsabho

    คจฺฉโนฺต สิริสมฺปโนฺน, โสภเต ทฺวิปทุตฺตโมฯ

    Gacchanto sirisampanno, sobhate dvipaduttamo.

    ‘‘คจฺฉโต พุทฺธเสฎฺฐสฺส, เหฎฺฐาปาทตลํ มุทุ;

    ‘‘Gacchato buddhaseṭṭhassa, heṭṭhāpādatalaṃ mudu;

    สมํ สมฺผุสเต ภูมิํ, รชสา นุปลิปฺปติฯ

    Samaṃ samphusate bhūmiṃ, rajasā nupalippati.

    ‘‘นินฺนฎฺฐานํ อุนฺนมติ, คจฺฉเนฺต โลกนายเก;

    ‘‘Ninnaṭṭhānaṃ unnamati, gacchante lokanāyake;

    อุนฺนตญฺจ สมํ โหติ, ปถวี จ อเจตนาฯ

    Unnatañca samaṃ hoti, pathavī ca acetanā.

    ‘‘ปาสาณา สกฺขรา เจว, กถลา ขาณุกณฺฎกา;

    ‘‘Pāsāṇā sakkharā ceva, kathalā khāṇukaṇṭakā;

    สเพฺพ มคฺคา วิวชฺชนฺติ, คจฺฉเนฺต โลกนายเกฯ

    Sabbe maggā vivajjanti, gacchante lokanāyake.

    ‘‘นาติทูเร อุทฺธรติ, นจฺจาสเนฺน จ นิกฺขิปํ;

    ‘‘Nātidūre uddharati, naccāsanne ca nikkhipaṃ;

    อฆฎฺฎยโนฺต นิยฺยาติ, อุโภ ชาณู จ โคปฺผเกฯ

    Aghaṭṭayanto niyyāti, ubho jāṇū ca gopphake.

    ‘‘นาติสีฆํ ปกฺกมติ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;

    ‘‘Nātisīghaṃ pakkamati, sampannacaraṇo muni;

    น จาปิ สณิกํ ยาติ, คจฺฉมาโน สมาหิโตฯ

    Na cāpi saṇikaṃ yāti, gacchamāno samāhito.

    ‘‘อุทฺธํ อโธ จ ติริยญฺจ, ทิสญฺจ วิทิสํ ตถา;

    ‘‘Uddhaṃ adho ca tiriyañca, disañca vidisaṃ tathā;

    น เปกฺขมาโน โส ยาติ, ยุคมตฺตญฺหิ เปกฺขติฯ

    Na pekkhamāno so yāti, yugamattañhi pekkhati.

    ‘‘นาควิกฺกนฺตจาโร โส, คมเน โสภเต ชิโน;

    ‘‘Nāgavikkantacāro so, gamane sobhate jino;

    จารุํ คจฺฉติ โลกโคฺค, หาสยโนฺต สเทวเกฯ

    Cāruṃ gacchati lokaggo, hāsayanto sadevake.

    ‘‘อุฬุราชาว โสภโนฺต, จตุจารีว เกสรี;

    ‘‘Uḷurājāva sobhanto, catucārīva kesarī;

    โตสยโนฺต พหู สเตฺต, ปุรํ เสฎฺฐํ อุปาคมี’’ติฯ

    Tosayanto bahū satte, puraṃ seṭṭhaṃ upāgamī’’ti.

    วณฺณกาโล นาม กิเรส, เอวํวิเธสุ กาเลสุ พุทฺธสฺส สรีรวเณฺณ วา คุณวเณฺณ วา ธมฺมกถิกสฺส ถาโมเยว ปมาณํฯ จุณฺณิยปเทหิ วา คาถาพเนฺธน วา ยตฺตกํ สโกฺกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํฯ ทุกฺกถิตนฺติ น วตฺตพฺพํฯ อปฺปมาณวณฺณา หิ พุทฺธาฯ เตสํ พุทฺธาปิ อนวเสสโต วณฺณํ วตฺตุํ อสมตฺถา, ปเคว อิตรา ปชาติฯ อิมินา สิริวิลาเสน อลงฺกตปฎิยตฺตํ สกฺยราชกุลํ ปวิสิตฺวา ภควา ปสนฺนจิเตฺตน ชเนน คนฺธธูมวาสจุณฺณาทีหิ ปูชิยมาโน สนฺถาคารํ ปาวิสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมี’’ติฯ

    Vaṇṇakālo nāma kiresa, evaṃvidhesu kālesu buddhassa sarīravaṇṇe vā guṇavaṇṇe vā dhammakathikassa thāmoyeva pamāṇaṃ. Cuṇṇiyapadehi vā gāthābandhena vā yattakaṃ sakkoti, tattakaṃ vattabbaṃ. Dukkathitanti na vattabbaṃ. Appamāṇavaṇṇā hi buddhā. Tesaṃ buddhāpi anavasesato vaṇṇaṃ vattuṃ asamatthā, pageva itarā pajāti. Iminā sirivilāsena alaṅkatapaṭiyattaṃ sakyarājakulaṃ pavisitvā bhagavā pasannacittena janena gandhadhūmavāsacuṇṇādīhi pūjiyamāno santhāgāraṃ pāvisi. Tena vuttaṃ ‘‘atha kho bhagavā nivāsetvā pattacīvaramādāya saddhiṃ bhikkhusaṅghena yena navaṃ santhāgāraṃ tenupasaṅkamī’’ti.

    ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาติ ภควนฺตํ ปุรโต กตฺวาฯ ตตฺถ ภควา ภิกฺขูนเญฺจว อุปาสกานญฺจ มเชฺฌ นิสิโนฺน คโนฺธทเกน นฺหาเปตฺวา ทุกูลจุมฺพฎเกน โวทกํ กตฺวา ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา รตฺตกมฺพลปลิเวฐิเต ปีเฐ ฐปิตรตฺตสุวณฺณฆนปฎิมา วิย อติวิโรจิตฺถฯ อยํ ปเนตฺถ โปราณานํ วณฺณภณนมโคฺค –

    Bhagavantaṃyeva purakkhatvāti bhagavantaṃ purato katvā. Tattha bhagavā bhikkhūnañceva upāsakānañca majjhe nisinno gandhodakena nhāpetvā dukūlacumbaṭakena vodakaṃ katvā jātihiṅgulakena majjitvā rattakambalapaliveṭhite pīṭhe ṭhapitarattasuvaṇṇaghanapaṭimā viya ativirocittha. Ayaṃ panettha porāṇānaṃ vaṇṇabhaṇanamaggo –

    ‘‘คนฺตฺวาน มณฺฑลมาฬํ, นาควิกฺกนฺตจารโณ;

    ‘‘Gantvāna maṇḍalamāḷaṃ, nāgavikkantacāraṇo;

    โอภาสยโนฺต โลกโคฺค, นิสีทิ วรมาสเนฯ

    Obhāsayanto lokaggo, nisīdi varamāsane.

    ‘‘ตหิํ นิสิโนฺน นรทมฺมสารถิ,

    ‘‘Tahiṃ nisinno naradammasārathi,

    เทวาติเทโว สตปุญฺญลกฺขโณ;

    Devātidevo satapuññalakkhaṇo;

    พุทฺธาสเน มชฺฌคโต วิโรจติ,

    Buddhāsane majjhagato virocati,

    สุวณฺณเนกฺขํ วิย ปณฺฑุกมฺพเลฯ

    Suvaṇṇanekkhaṃ viya paṇḍukambale.

    ‘‘เนกฺขํ ชโมฺพนทเสฺสว, นิกฺขิตฺตํ ปณฺฑุกมฺพเล;

    ‘‘Nekkhaṃ jambonadasseva, nikkhittaṃ paṇḍukambale;

    วิโรจติ วีตมโล, มณิเวโรจโน ยถาฯ

    Virocati vītamalo, maṇiverocano yathā.

    ‘‘มหาสาโลว สมฺผุโลฺล, เนรุราชาว’ลงฺกโต;

    ‘‘Mahāsālova samphullo, nerurājāva’laṅkato;

    สุวณฺณยูปสงฺกาโส, ปทุโม โกกนโท ยถาฯ

    Suvaṇṇayūpasaṅkāso, padumo kokanado yathā.

    ‘‘ชลโนฺต ทีปรุโกฺขว, ปพฺพตเคฺค ยถา สิขี;

    ‘‘Jalanto dīparukkhova, pabbatagge yathā sikhī;

    เทวานํ ปาริจฺฉโตฺตว, สพฺพผุโลฺล วิโรจตี’’ติฯ

    Devānaṃ pāricchattova, sabbaphullo virocatī’’ti.

    กาปิลวตฺถเว สเกฺย พหุเทว รตฺติํ ธมฺมิยา กถายาติ เอตฺถ ธมฺมกถา นาม สนฺถาคารานุโมทนาปฎิสํยุตฺตา ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพาฯ ตทา หิ ภควา อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย ปถโวชํ อากฑฺฒโนฺต วิย มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลโนฺต วิย โยชนิกํ มธุภณฺฑํ จกฺกยเนฺตน ปีเฬตฺวา มธุปานํ ปายมาโน วิย กปิลวตฺถุวาสีนํ สกฺยานํ หิตสุขาวหํ ปกิณฺณกกถํ กเถสิฯ ‘‘อาวาสทานํ นาเมตํ, มหาราช, มหนฺตํ, ตุมฺหากํ อาวาโส มยา ปริภุโตฺต, ภิกฺขุสเงฺฆน จ ปริภุโตฺต , มยา จ ภิกฺขุสเงฺฆน จ ปริภุโตฺต ปน ธมฺมรตเนน ปริภุโตฺตเยวาติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุโตฺต นาม โหติฯ อาวาสทานสฺมิญฺหิ ทิเนฺน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหติฯ ภุมฺมฎฺฐกปณฺณสาลาย วา สาขามณฺฑปสฺส วาปิ อานิสํโส นาม ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺกาฯ อาวาสทานานุภาเวน หิ ภเว ภเว นิพฺพตฺตสฺสาปิ สมฺพาธิตคพฺภวาโส น โหติ, ทฺวาทสหโตฺถ โอวรโก วิย มาตุกุจฺฉิ อสมฺพาโธว โหตี’’ติฯ เอวํ นานานยวิจิตฺตํ พหุํ ธมฺมิํ กถํ กเถตฺวา –

    Kāpilavatthave sakye bahudeva rattiṃ dhammiyā kathāyāti ettha dhammakathā nāma santhāgārānumodanāpaṭisaṃyuttā pakiṇṇakakathā veditabbā. Tadā hi bhagavā ākāsagaṅgaṃ otārento viya pathavojaṃ ākaḍḍhanto viya mahājambuṃ matthake gahetvā cālento viya yojanikaṃ madhubhaṇḍaṃ cakkayantena pīḷetvā madhupānaṃ pāyamāno viya kapilavatthuvāsīnaṃ sakyānaṃ hitasukhāvahaṃ pakiṇṇakakathaṃ kathesi. ‘‘Āvāsadānaṃ nāmetaṃ, mahārāja, mahantaṃ, tumhākaṃ āvāso mayā paribhutto, bhikkhusaṅghena ca paribhutto , mayā ca bhikkhusaṅghena ca paribhutto pana dhammaratanena paribhuttoyevāti tīhi ratanehi paribhutto nāma hoti. Āvāsadānasmiñhi dinne sabbadānaṃ dinnameva hoti. Bhummaṭṭhakapaṇṇasālāya vā sākhāmaṇḍapassa vāpi ānisaṃso nāma paricchindituṃ na sakkā. Āvāsadānānubhāvena hi bhave bhave nibbattassāpi sambādhitagabbhavāso na hoti, dvādasahattho ovarako viya mātukucchi asambādhova hotī’’ti. Evaṃ nānānayavicittaṃ bahuṃ dhammiṃ kathaṃ kathetvā –

    ‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฎิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;

    ‘‘Sītaṃ uṇhaṃ paṭihanti, tato vāḷamigāni ca;

    สิรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฎฺฐิโยฯ

    Sirīsape ca makase, sisire cāpi vuṭṭhiyo.

    ‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สญฺชาโต ปฎิหญฺญติ;

    ‘‘Tato vātātapo ghoro, sañjāto paṭihaññati;

    เลณตฺถญฺจ สุขตฺถญฺจ, ฌายิตุญฺจ วิปสฺสิตุํฯ

    Leṇatthañca sukhatthañca, jhāyituñca vipassituṃ.

    ‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุเทฺธน วณฺณิตํ;

    ‘‘Vihāradānaṃ saṅghassa, aggaṃ buddhena vaṇṇitaṃ;

    ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโนฯ

    Tasmā hi paṇḍito poso, sampassaṃ atthamattano.

    ‘‘วิหาเร การเย รเมฺม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;

    ‘‘Vihāre kāraye ramme, vāsayettha bahussute;

    เตสํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จฯ

    Tesaṃ annañca pānañca, vatthasenāsanāni ca.

    ‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสเนฺนน เจตสา;

    ‘‘Dadeyya ujubhūtesu, vippasannena cetasā;

    เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;

    Te tassa dhammaṃ desenti, sabbadukkhāpanūdanaṃ;

    ยํ โส ธมฺมํ อิธญฺญาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติฯ (จูฬว. ๒๙๕) –

    Yaṃ so dhammaṃ idhaññāya, parinibbāti anāsavo’’ti. (cūḷava. 295) –

    เอวํ ‘‘อยมฺปิ อาวาเส อานิสํโส, อยมฺปิ อาวาเส อานิสํโส’’ติ พหุเทว รตฺติํ อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยามํ อาวาสานิสํสกถํ กเถสิฯ ตตฺถ อิมา ตาว คาถาว สงฺคหํ อารุฬฺหา, ปกิณฺณกธมฺมเทสนา ปน สงฺคหํ นาโรหติฯ สนฺทเสฺสตฺวาติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ

    Evaṃ ‘‘ayampi āvāse ānisaṃso, ayampi āvāse ānisaṃso’’ti bahudeva rattiṃ atirekataraṃ diyaḍḍhayāmaṃ āvāsānisaṃsakathaṃ kathesi. Tattha imā tāva gāthāva saṅgahaṃ āruḷhā, pakiṇṇakadhammadesanā pana saṅgahaṃ nārohati. Sandassetvātiādīni vuttatthāneva.

    อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา เทฺว ยามา คตาฯ ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญถาติ ยสฺส ตุเมฺห คมนสฺส กาลํ มญฺญถ, คมนกาโล ตุมฺหากํ, คจฺฉถาติ วุตฺตํ โหติฯ กสฺมา ปน ภควา เต อุโยฺยเชสีติ? อนุกมฺปายฯ สุขุมาลา หิ เต, ติยามรตฺติํ นิสีทิตฺวา วีตินาเมนฺตานํ สรีเร อาพาโธ อุปฺปเชฺชยฺยฯ ภิกฺขุสโงฺฆปิ มหา, ตสฺส ฐานนิสชฺชานํ โอกาโส ลทฺธุํ วฎฺฎตีติ อุภยานุกมฺปาย อุโยฺยเชสิฯ

    Abhikkantāti atikkantā dve yāmā gatā. Yassa dāni kālaṃ maññathāti yassa tumhe gamanassa kālaṃ maññatha, gamanakālo tumhākaṃ, gacchathāti vuttaṃ hoti. Kasmā pana bhagavā te uyyojesīti? Anukampāya. Sukhumālā hi te, tiyāmarattiṃ nisīditvā vītināmentānaṃ sarīre ābādho uppajjeyya. Bhikkhusaṅghopi mahā, tassa ṭhānanisajjānaṃ okāso laddhuṃ vaṭṭatīti ubhayānukampāya uyyojesi.

    วิคตถินมิโทฺธติ ตตฺร กิร ภิกฺขู ยามทฺวยํ ฐิตาปิ นิสินฺนาปิ อจาลยิํสุ, ปจฺฉิมยาเม ปน อาหาโร ปริณมติ, ตสฺส ปริณตตฺตา ภิกฺขุสโงฺฆ วิคตถินมิโทฺธ ชาโตติ อการณเมตํฯ พุทฺธานญฺหิ กถํ สุณนฺตสฺส กายิกเจตสิกทรถา น โหนฺติ, กายจิตฺตลหุตาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, เตน เตสํ เทฺว ยาเม ฐิตานมฺปิ นิสินฺนานมฺปิ ธมฺมํ สุณนฺตานํ ถินมิทฺธํ วิคตํ, ปจฺฉิมยาเมปิ สมฺปเตฺต ตถา วิคตเมว ชาตํฯ เตนาห ‘‘วิคตถินมิโทฺธ’’ติฯ

    Vigatathinamiddhoti tatra kira bhikkhū yāmadvayaṃ ṭhitāpi nisinnāpi acālayiṃsu, pacchimayāme pana āhāro pariṇamati, tassa pariṇatattā bhikkhusaṅgho vigatathinamiddho jātoti akāraṇametaṃ. Buddhānañhi kathaṃ suṇantassa kāyikacetasikadarathā na honti, kāyacittalahutādayo uppajjanti, tena tesaṃ dve yāme ṭhitānampi nisinnānampi dhammaṃ suṇantānaṃ thinamiddhaṃ vigataṃ, pacchimayāmepi sampatte tathā vigatameva jātaṃ. Tenāha ‘‘vigatathinamiddho’’ti.

    ปิฎฺฐิ เม อาคิลายตีติ กสฺมา อาคิลายติ? ภควโต หิ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตสฺส มหนฺตํ กายทุกฺขํ อโหสิ, อถสฺส อปรภาเค มหลฺลกกาเล ปิฎฺฐิวาโต อุปฺปชฺชีติฯ อการณํ วา เอตํฯ ปโหติ หิ ภควา อุปฺปนฺนํ เวทนํ วิกฺขเมฺภตฺวา เอกมฺปิ เทฺวปิ สตฺตาหานิ เอกปลฺลเงฺกน นิสีทิตุํฯ สนฺถาคารสาลํ ปน จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุญฺชิตุกาโม อโหสิฯ ตตฺถ ปาทโธวนฎฺฐานโต ยาว ธมฺมาสนา อคมาสิ, เอตฺตเก ฐาเน คมนํ นิปฺผนฺนํฯ ธมฺมาสนํ ปตฺตํ โถกํ ฐตฺวา นิสีทิ, เอตฺตเก ฐาเน ฐานํ นิปฺผนฺนํฯ เทฺวยามํ ธมฺมาสเน นิสีทิ, เอตฺตเก ฐาเน นิสชฺชา นิปฺผนฺนาฯ อิทานิ ทกฺขิเณน ปเสฺสน โถกํ นิปเนฺน สยนํ นิปฺผชฺชิสฺสตีติ เอวํ จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุญฺชิตุกาโม อโหสิฯ อุปาทินฺนกสรีรญฺจ นาม ‘‘โน อาคิลายตี’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา จิรนิสชฺชาย สญฺชาตํ อปฺปกมฺปิ อาคิลายนํ คเหตฺวา เอวมาหฯ

    Piṭṭhime āgilāyatīti kasmā āgilāyati? Bhagavato hi chabbassāni mahāpadhānaṃ padahantassa mahantaṃ kāyadukkhaṃ ahosi, athassa aparabhāge mahallakakāle piṭṭhivāto uppajjīti. Akāraṇaṃ vā etaṃ. Pahoti hi bhagavā uppannaṃ vedanaṃ vikkhambhetvā ekampi dvepi sattāhāni ekapallaṅkena nisīdituṃ. Santhāgārasālaṃ pana catūhi iriyāpathehi paribhuñjitukāmo ahosi. Tattha pādadhovanaṭṭhānato yāva dhammāsanā agamāsi, ettake ṭhāne gamanaṃ nipphannaṃ. Dhammāsanaṃ pattaṃ thokaṃ ṭhatvā nisīdi, ettake ṭhāne ṭhānaṃ nipphannaṃ. Dveyāmaṃ dhammāsane nisīdi, ettake ṭhāne nisajjā nipphannā. Idāni dakkhiṇena passena thokaṃ nipanne sayanaṃ nipphajjissatīti evaṃ catūhi iriyāpathehi paribhuñjitukāmo ahosi. Upādinnakasarīrañca nāma ‘‘no āgilāyatī’’ti na vattabbaṃ, tasmā ciranisajjāya sañjātaṃ appakampi āgilāyanaṃ gahetvā evamāha.

    สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวาติ สนฺถาคารสฺส กิร เอกปเสฺส เต ราชาโน ปฎสาณิํ ปริกฺขิปาเปตฺวา กปฺปิยมญฺจกํ ปญฺญาเปตฺวา กปฺปิยปจฺจตฺถรเณน อตฺถริตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกคนฺธมาลาทิทามปฎิมณฺฑิตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธเตลปฺปทีปํ อาโรปยิํสุ, ‘‘อเปฺปว นาม สตฺถา ธมฺมาสนโต วุฎฺฐาย โถกํ วิสฺสมโนฺต อิธ นิปเชฺชยฺย, เอวํ โน อิมํ สนฺถาคารํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติฯ สตฺถาปิ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฎิํ ปญฺญาเปตฺวา นิปชฺชิฯ อุฎฺฐานสญฺญํ มนสิ กริตฺวาติ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อติกฺกมิตฺวา วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ วุฎฺฐานสญฺญํ จิเตฺต ฐเปตฺวา, ตญฺจ โข อนิทฺทายโนฺตว เถรสฺส ธมฺมกถํ สุณมาโนฯ

    Saṅghāṭiṃ paññāpetvāti santhāgārassa kira ekapasse te rājāno paṭasāṇiṃ parikkhipāpetvā kappiyamañcakaṃ paññāpetvā kappiyapaccattharaṇena attharitvā upari suvaṇṇatārakagandhamālādidāmapaṭimaṇḍitaṃ vitānaṃ bandhitvā gandhatelappadīpaṃ āropayiṃsu, ‘‘appeva nāma satthā dhammāsanato vuṭṭhāya thokaṃ vissamanto idha nipajjeyya, evaṃ no imaṃ santhāgāraṃ bhagavatā catūhi iriyāpathehi paribhuttaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya bhavissatī’’ti. Satthāpi tadeva sandhāya tattha saṅghāṭiṃ paññāpetvā nipajji. Uṭṭhānasaññaṃ manasi karitvāti ‘‘ettakaṃ kālaṃ atikkamitvā vuṭṭhahissāmī’’ti vuṭṭhānasaññaṃ citte ṭhapetvā, tañca kho aniddāyantova therassa dhammakathaṃ suṇamāno.

    อวสฺสุตปริยายนฺติ อวสฺสุตสฺส ปริยายํ, อวสฺสุตสฺส การณนฺติ อโตฺถฯ อธิมุจฺจตีติ กิเลสาธิมุจฺจเนน อธิมุจฺจติ, คิโทฺธ โหติฯ พฺยาปชฺชตีติ พฺยาปาทวเสน ปูติจิโตฺต โหติฯ จกฺขุโตติ จกฺขุภาเวนฯ มาโรติ กิเลสมาโรปิ เทวปุตฺตมาโรปิฯ โอตารนฺติ วิวรํฯ อารมฺมณนฺติ ปจฺจยํฯ นฬาคารติณาคารํ วิย หิ สวิเสวนานิ อายตนานิ, ติณุกฺกา วิย กิเลสุปฺปตฺติรหํ อารมฺมณํ, ติณุกฺกาย ฐปิตฐปิตฎฺฐาเน องฺคารสฺสุชฺชลนํ วิย อารมฺมเณ อาปาถมาคเต กิเลสานํ อุปฺปตฺติฯ เตน วุตฺตํ ลเภถ มาโร โอตารนฺติฯ

    Avassutapariyāyanti avassutassa pariyāyaṃ, avassutassa kāraṇanti attho. Adhimuccatīti kilesādhimuccanena adhimuccati, giddho hoti. Byāpajjatīti byāpādavasena pūticitto hoti. Cakkhutoti cakkhubhāvena. Māroti kilesamāropi devaputtamāropi. Otāranti vivaraṃ. Ārammaṇanti paccayaṃ. Naḷāgāratiṇāgāraṃ viya hi savisevanāni āyatanāni, tiṇukkā viya kilesuppattirahaṃ ārammaṇaṃ, tiṇukkāya ṭhapitaṭhapitaṭṭhāne aṅgārassujjalanaṃ viya ārammaṇe āpāthamāgate kilesānaṃ uppatti. Tena vuttaṃ labhetha māro otāranti.

    สุกฺกปเกฺข พหลมตฺติกปิณฺฑาวเลปนํ กูฎาคารํ วิย นิพฺพิเสวนานิ อายตนานิ, ติณุกฺกา วิย วุตฺตปการารมฺมณํ, ติณุกฺกาย ฐปิตฐปิตฎฺฐาเน นิพฺพาปนํ วิย นิพฺพิเสวนานํ อายตนานํ อารมฺมเณ อาปาถมาคเต กิเลสปริฬาหสฺส อนุปฺปตฺติฯ เตน วุตฺตํ เนว ลเภถ มาโร โอตารนฺติฯ

    Sukkapakkhe bahalamattikapiṇḍāvalepanaṃ kūṭāgāraṃ viya nibbisevanāni āyatanāni, tiṇukkā viya vuttapakārārammaṇaṃ, tiṇukkāya ṭhapitaṭhapitaṭṭhāne nibbāpanaṃ viya nibbisevanānaṃ āyatanānaṃ ārammaṇe āpāthamāgate kilesapariḷāhassa anuppatti. Tena vuttaṃ neva labhetha māro otāranti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๖. อวสฺสุตปริยายสุตฺตํ • 6. Avassutapariyāyasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖. อวสฺสุตปริยายสุตฺตวณฺณนา • 6. Avassutapariyāyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact