Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๖. อวสฺสุตปริยายสุตฺตวณฺณนา

    6. Avassutapariyāyasuttavaṇṇanā

    ๒๔๓. สนฺถาคารนฺติ สญฺญาปนาคารํฯ เตนาห ‘‘อุโยฺยคกาลาทีสู’’ติอาทิฯ อาทิ-สเทฺทน มงฺคลมหาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สนฺถรนฺตีติ วิสฺสมนฺติ , ปริสฺสมํ วิโนเทนฺตีติ อโตฺถฯ สหาติ สนฺนิปาตวเสน เอกชฺฌํฯ สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติ ตสฺมิํ อเตฺถ ตฺถ-การสฺส นฺถ-การํ กตฺวา ‘‘สนฺถาคาร’’นฺติ วุจฺจตีติ ทฎฺฐพฺพํ, ปฐมํ ตตฺถ สมฺมนฺตนวเสน สนฺถรนฺติ วิจาเรนฺตีติ อโตฺถฯ

    243.Santhāgāranti saññāpanāgāraṃ. Tenāha ‘‘uyyogakālādīsū’’tiādi. Ādi-saddena maṅgalamahādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Santharantīti vissamanti , parissamaṃ vinodentīti attho. Sahāti sannipātavasena ekajjhaṃ. Saha atthānusāsanaṃ agāranti tasmiṃ atthe ttha-kārassa ntha-kāraṃ katvā ‘‘santhāgāra’’nti vuccatīti daṭṭhabbaṃ, paṭhamaṃ tattha sammantanavasena santharanti vicārentīti attho.

    เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสตีติ พุทฺธวจนสฺส อาคมนสีเสน อริยผลธมฺมานมฺปิ อาคมนํ วุตฺตเมวฯ ติยามรตฺติํ ตตฺถ วสนฺตานํ ผลสมาปตฺติวฬญฺชนํ โหตีติฯ ตสฺมิญฺจ ภิกฺขุสเงฺฆ กลฺยาณธมฺมา กลฺยาณปุถุชฺชนา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตา โหนฺตีติ อริยมคฺคธมฺมานมฺปิ ตตฺถ อาคมนํ โหติเยวฯ

    Tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ āgatameva bhavissatīti buddhavacanassa āgamanasīsena ariyaphaladhammānampi āgamanaṃ vuttameva. Tiyāmarattiṃ tattha vasantānaṃ phalasamāpattivaḷañjanaṃ hotīti. Tasmiñca bhikkhusaṅghe kalyāṇadhammā kalyāṇaputhujjanā vipassanaṃ ussukkāpentā hontīti ariyamaggadhammānampi tattha āgamanaṃ hotiyeva.

    อลฺลโคมเยนาติ อเจฺฉน อลฺลโคมยรเสนฯ โอปุญฺชาเปตฺวาติ วิลิเมฺปตฺวาฯ จตุชฺชาติยคเนฺธหีติ กุงฺกุมตุรุกฺขยวนปุปฺผตมาลปตฺตคเนฺธหิฯ นานาวเณฺณติ นีลาทิวเสน นานาวเณฺณ, ภิตฺติวิเสสวเสน นานาสณฺฐานรูเปฯ ‘‘มหาปิฎฺฐิกโกชเวติ หตฺถิปิฎฺฐิอาทีสุ อตฺถริตพฺพตาย ‘มหาปิฎฺฐิกา’ติ ลทฺธสมเญฺญ โกชเว’’ติ วทนฺติฯ กุตฺตเก ปน สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, ‘‘จตุรงฺคุลาธิกปุปฺผา มหาปิฎฺฐิกโกชวา’’ติปิ วทนฺติฯ หตฺถตฺถรอสฺสตฺถรา หตฺถิอสฺสปิฎฺฐีสุ อตฺถริตพฺพา หตฺถิอสฺสรูปวิจิตฺตา จ อตฺถรกาฯ สีหตฺถรกาทโย ปน สีหรูปาทิวิจิตฺตา เอว อตฺถรกาฯ จิตฺตตฺถรกํ นานาวิธรูเปหิ เจว นานาวิธมาลากมฺมาทีหิ จ วิจิตฺตํ อตฺถรกํฯ

    Allagomayenāti acchena allagomayarasena. Opuñjāpetvāti vilimpetvā. Catujjātiyagandhehīti kuṅkumaturukkhayavanapupphatamālapattagandhehi. Nānāvaṇṇeti nīlādivasena nānāvaṇṇe, bhittivisesavasena nānāsaṇṭhānarūpe. ‘‘Mahāpiṭṭhikakojaveti hatthipiṭṭhiādīsu attharitabbatāya ‘mahāpiṭṭhikā’ti laddhasamaññe kojave’’ti vadanti. Kuttake pana sandhāyetaṃ vuttaṃ, ‘‘caturaṅgulādhikapupphā mahāpiṭṭhikakojavā’’tipi vadanti. Hatthattharaassattharā hatthiassapiṭṭhīsu attharitabbā hatthiassarūpavicittā ca attharakā. Sīhattharakādayo pana sīharūpādivicittā eva attharakā. Cittattharakaṃ nānāvidharūpehi ceva nānāvidhamālākammādīhi ca vicittaṃ attharakaṃ.

    อุปธานนฺติ อปสฺสยนํฯ อุปทหิตฺวาติ อปสฺสยโยคฺคภาเวน ฐเปตฺวาฯ คเนฺธหิ กตมาลา คนฺธทามํฯ ตมาลปตฺตาทีหิ กตมาลา ปตฺตทามํฯ อาทิ-สเทฺทน หิงฺคุลตโกฺกลชาติผลชาติปุปฺผาทีหิ กตทามํ สงฺคณฺหาติฯ ปลฺลงฺกากาเรน กตปีฐํ ปลฺลงฺกปีฐํฯ ตีสุ ปเสฺสสุ เอกปเสฺส เอว วา สอุปสฺสยํ อปสฺสยปีฐํฯ อนปสฺสยํ มุณฺฑปีฐํฯ โยชนาวเฎฺฎติ โยชนปริเกฺขโปกาเสฯ

    Upadhānanti apassayanaṃ. Upadahitvāti apassayayoggabhāvena ṭhapetvā. Gandhehi katamālā gandhadāmaṃ. Tamālapattādīhi katamālā pattadāmaṃ. Ādi-saddena hiṅgulatakkolajātiphalajātipupphādīhi katadāmaṃ saṅgaṇhāti. Pallaṅkākārena katapīṭhaṃ pallaṅkapīṭhaṃ. Tīsu passesu ekapasse eva vā saupassayaṃ apassayapīṭhaṃ. Anapassayaṃ muṇḍapīṭhaṃ. Yojanāvaṭṭeti yojanaparikkhepokāse.

    สํวิธายาติ อนฺตรวาสกสฺส โกณปเทสํ อิตรปเทสญฺจ สมํ กตฺวา วิธายฯ เตนาห – ‘‘กตฺตริยา ปทุมํ กเนฺตโนฺต วิยา’’ติ, ‘‘ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทโนฺต’’ติ จฯ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปสมฺปทา วิย อากปฺปสมฺปทาปิ ปรมุกฺกํสตํ คตา, ตสฺมา ตทา ภควา เอวํ โสเภยฺยาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุวณฺณปามเงฺคนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘อสเมน พุทฺธเวเสนา’’ติอาทินา ตทา ภควา พุทฺธานุภาวสฺส นิคุหเน การณาภาวโต ตตฺถ สนฺนิปติตเทวมนุสฺสนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีนํ ปสาทชนนตฺถํ อตฺตโน สภาวปกติยาว กปิลวตฺถุํ ปาวิสีติ ทเสฺสติฯ พุทฺธานํ กายปภา นาม ปกติยา อสีติหตฺถมตฺตปเทสํ วิสรตีติ อาห ‘‘อสีติหตฺถฎฺฐานํ อคฺคเหสี’’ติฯ นีลปีตโลหิโตทาตมญฺชิฎฺฐปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย

    Saṃvidhāyāti antaravāsakassa koṇapadesaṃ itarapadesañca samaṃ katvā vidhāya. Tenāha – ‘‘kattariyā padumaṃ kantento viyā’’ti, ‘‘timaṇḍalaṃ paṭicchādento’’ti ca. Yasmā buddhānaṃ rūpasampadā viya ākappasampadāpi paramukkaṃsataṃ gatā, tasmā tadā bhagavā evaṃ sobheyyāti dassento ‘‘suvaṇṇapāmaṅgenā’’tiādimāha. Tattha ‘‘asamena buddhavesenā’’tiādinā tadā bhagavā buddhānubhāvassa niguhane kāraṇābhāvato tattha sannipatitadevamanussanāgayakkhagandhabbādīnaṃ pasādajananatthaṃ attano sabhāvapakatiyāva kapilavatthuṃ pāvisīti dasseti. Buddhānaṃ kāyapabhā nāma pakatiyā asītihatthamattapadesaṃ visaratīti āha ‘‘asītihatthaṭṭhānaṃ aggahesī’’ti. Nīlapītalohitodātamañjiṭṭhapabhassarānaṃ vasena chabbaṇṇā buddharasmiyo.

    สพฺพปาลิผุโลฺลติ มูลโต ปฎฺฐาย ยาว สาขคฺคา สมนฺตโต ผุโลฺล วิกสิโตฯ ปฎิปาฎิยา ฐปิตานนฺติอาทิ ปริกปฺปูปมา, ยถา ตํ…เป.… อลงฺกตํ อญฺญํ วิโรจติ, เอวํ วิโรจิตฺถ, สมติํสาย ปารมิตาหิ อภิสงฺขตตฺตา เอวํ วิโรจิตฺถาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘ปญฺจวีสติยา คงฺคานนฺติ สตมุขา หุตฺวา สมุทฺทํ ปวิฎฺฐาย มหาคงฺคาย มหนฺตมหนฺตานํ คงฺคานํ ปญฺจวีสตี’’ติ วทนฺติฯ ปปญฺจสูทนิยํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒๒) ‘‘ปญฺจวีสติยา นทีน’’นฺติ วุตฺตํ, คงฺคาทีนํ จนฺทภาคาปริโยสานานํ ปญฺจวีสติยา มหานทีนนฺติ อโตฺถฯ ปริกปฺปวจนเญฺหตํฯ สมฺภิชฺชาติ สเมฺภทํ มิสฺสีภาวํ ปตฺวา มุขทฺวาเรติ สมุทฺทํ ปวิฎฺฐฎฺฐาเนฯ

    Sabbapāliphulloti mūlato paṭṭhāya yāva sākhaggā samantato phullo vikasito. Paṭipāṭiyā ṭhapitānantiādi parikappūpamā, yathā taṃ…pe… alaṅkataṃ aññaṃ virocati, evaṃ virocittha, samatiṃsāya pāramitāhi abhisaṅkhatattā evaṃ virocitthāti vuttaṃ hoti. ‘‘Pañcavīsatiyā gaṅgānanti satamukhā hutvā samuddaṃ paviṭṭhāya mahāgaṅgāya mahantamahantānaṃ gaṅgānaṃ pañcavīsatī’’ti vadanti. Papañcasūdaniyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 2.22) ‘‘pañcavīsatiyā nadīna’’nti vuttaṃ, gaṅgādīnaṃ candabhāgāpariyosānānaṃ pañcavīsatiyā mahānadīnanti attho. Parikappavacanañhetaṃ. Sambhijjāti sambhedaṃ missībhāvaṃ patvā mukhadvāreti samuddaṃ paviṭṭhaṭṭhāne.

    นาคสุปณฺณคนฺธพฺพยกฺขาทีนนฺติอาทิ ปริกปฺปวเสน วุตฺตํฯ สหเสฺสนาติ ปทสหเสฺสน, ภาณวารปฺปมาเณน คเนฺถนาติ อโตฺถฯ

    Nāgasupaṇṇagandhabbayakkhādīnantiādi parikappavasena vuttaṃ. Sahassenāti padasahassena, bhāṇavārappamāṇena ganthenāti attho.

    กมฺปยโนฺต วสุนฺธรนฺติ อตฺตโน คุณวิเสเสหิ ปถวีกมฺมํ อุนฺนาเทโนฺต, เอวํภูโตปิ อเหฐยโนฺต ปาณานิฯ สพฺพปทกฺขิณตฺตา พุทฺธานํ ทกฺขิณํ ปฐมํ ปาทํ อุทฺธรโนฺตฯ สมํ สมฺผุสเต ภูมิํ สุปฺปติฎฺฐิตปาทตายฯ ยทิปิ ภูมิํ สมํ ผุสติ, รชสา นุปลิปฺปติ สุขุมตฺตา ฉวิยาฯ นินฺนฎฺฐานํ อุนฺนมตีติอาทิ พุทฺธานํ สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาสงฺขาตมหาปุริสลกฺขณปฎิลาภสฺส นิสฺสนฺทผลํฯ นาติทูเร อุทฺธรตีติ อติทูเร ฐเปตุํ น อุทฺธรติฯ นจฺจาสเนฺน จ นิกฺขิปนฺติ อจฺจาสเนฺน จ ฐาเน อนิกฺขิปโนฺต นิยฺยาติฯ หาสยโนฺต สเทวเก โลเก โตเสโนฺตฯ จตูหิ ปาเทหิ จรตีติ จตุจารี

    Kampayanto vasundharanti attano guṇavisesehi pathavīkammaṃ unnādento, evaṃbhūtopi aheṭhayanto pāṇāni. Sabbapadakkhiṇattā buddhānaṃ dakkhiṇaṃ paṭhamaṃ pādaṃ uddharanto. Samaṃ samphusate bhūmiṃ suppatiṭṭhitapādatāya. Yadipi bhūmiṃ samaṃ phusati, rajasā nupalippati sukhumattā chaviyā. Ninnaṭṭhānaṃ unnamatītiādi buddhānaṃ suppatiṭṭhitapādatāsaṅkhātamahāpurisalakkhaṇapaṭilābhassa nissandaphalaṃ. Nātidūre uddharatīti atidūre ṭhapetuṃ na uddharati. Naccāsanne ca nikkhipanti accāsanne ca ṭhāne anikkhipanto niyyāti. Hāsayanto sadevake loke tosento. Catūhi pādehi caratīti catucārī.

    พุทฺธานุภาวสฺส ปกาสนวเสน คตตฺตา วณฺณกาโล นาม เอสฯ สรีรวเณฺณ วา คุณวเณฺณ วา กถิยมาเน ทุกฺกถิตนฺติ น วตฺตพฺพํฯ กสฺมา? อปฺปมาณวณฺณา หิ พุทฺธา ภควโนฺต, พุทฺธคุณสํวณฺณนา ชานนฺตสฺส ยถารทฺธสํวณฺณนํเยว อนุปวิสติฯ ทุกูลจุมฺพฎเกนาติ คนฺถิตฺวา คหิตทุกูลวเตฺถนฯ

    Buddhānubhāvassa pakāsanavasena gatattā vaṇṇakālo nāma esa. Sarīravaṇṇe vā guṇavaṇṇe vā kathiyamāne dukkathitanti na vattabbaṃ. Kasmā? Appamāṇavaṇṇā hi buddhā bhagavanto, buddhaguṇasaṃvaṇṇanā jānantassa yathāraddhasaṃvaṇṇanaṃyeva anupavisati. Dukūlacumbaṭakenāti ganthitvā gahitadukūlavatthena.

    นาควิกฺกนฺตจารโณติ หตฺถินาคสทิสปทนิเกฺขโปฯ สตปุญฺญลกฺขโณติ อเนกสตปุญฺญาภินิพฺพตฺตมหาปุริสลกฺขโณฯ มณิเวโรจโน ยถาติ จตุราสีติสหสฺสมณิปริวาริโต อติวิย วิโรจมาโน วิโชฺชตมาโน มณิ วิยฯ ‘‘เวโรจโน นาม เอโก มณี’’ติ เกจิฯ มหาสาโลวาติ มหโนฺต สาลรุโกฺข วิย, สุทฺธฎฺฐิโต โกวิฬาราทิ มหารุโกฺข วิย วาฯ ปทุโม โกกนโท ยถาติ โกกนทสงฺขาตํ มหาปทุมํ วิย, วิกสมานปทุมํ วิย วาฯ

    Nāgavikkantacāraṇoti hatthināgasadisapadanikkhepo. Satapuññalakkhaṇoti anekasatapuññābhinibbattamahāpurisalakkhaṇo. Maṇiverocano yathāti caturāsītisahassamaṇiparivārito ativiya virocamāno vijjotamāno maṇi viya. ‘‘Verocano nāma eko maṇī’’ti keci. Mahāsālovāti mahanto sālarukkho viya, suddhaṭṭhito koviḷārādi mahārukkho viya vā. Padumo kokanado yathāti kokanadasaṅkhātaṃ mahāpadumaṃ viya, vikasamānapadumaṃ viya vā.

    อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิยาติอาทิ ตสฺสา ปกิณฺณกกถาย อเญฺญสํ สุทุกฺกรภาวทสฺสนเญฺจว สุณนฺตานํ อจฺจนฺตสุขาวหภาวทสฺสนญฺจฯ ปถโวชํ อากฑฺฒโนฺต วิยาติ นาฬิยนฺตํ โยเชตฺวา มหาปถวิยา เหฎฺฐิมตเล ปปฺปฎโกชํ อุทฺธํ มุขํ กตฺวา อากฑฺฒโนฺต วิยฯ โยชนิกนฺติ โยชนปมาณํฯ มธุภณฺฑนฺติ มธุปฎลํฯ

    Ākāsagaṅgaṃ otārento viyātiādi tassā pakiṇṇakakathāya aññesaṃ sudukkarabhāvadassanañceva suṇantānaṃ accantasukhāvahabhāvadassanañca. Pathavojaṃ ākaḍḍhanto viyāti nāḷiyantaṃ yojetvā mahāpathaviyā heṭṭhimatale pappaṭakojaṃ uddhaṃ mukhaṃ katvā ākaḍḍhanto viya. Yojanikanti yojanapamāṇaṃ. Madhubhaṇḍanti madhupaṭalaṃ.

    มหนฺตนฺติ วิปุลํ อุฬารปุญฺญํฯ สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหตีติ สพฺพเมว ปจฺจยชาตํ อาวาสทายเกน ทินฺนเมว โหติฯ ตถา หิ เทฺว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิญฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นฺหายิตฺวา ปฎิสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา อุฎฺฐาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติฯ พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปฎิสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฎฺฐาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติ, พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฎกา วิชฺฌนฺติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสยา เจว โจรภยญฺจ อุปฺปชฺชติ, ปฎิสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส ปน สเพฺพเปเต ปริสฺสยา น โหนฺติฯ สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฎฺฐานํ มนสิกโรนฺตสฺส อุปสมสุขํ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธา วิเกฺขปาภาวโตฯ พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มญฺจปีฐาทีนิ น ปญฺญายนฺติ, มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิโตฺต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมญฺจปีฐาทีนิ ปญฺญายนฺติฯ เอตสฺมิญฺจ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อาวาสทานสฺมิญฺหิ ทิเนฺน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหตี’’ติฯ ภูมฎฺฐก…เป.… น สกฺกาติ อยมโตฺถ มหาสุทสฺสนวตฺถุนา (ที. นิ. ๒.๒๔๑ อาทโย) ทีเปตโพฺพฯ มาตุกุจฺฉิ อสมฺพาโธว โหตีติ อยมโตฺถ อนฺติมภวิกานํ มหาโพธิสตฺตานํ ปฎิสนฺธิวเสน ทีเปตโพฺพฯ

    Mahantanti vipulaṃ uḷārapuññaṃ. Sabbadānaṃ dinnameva hotīti sabbameva paccayajātaṃ āvāsadāyakena dinnameva hoti. Tathā hi dve tayo gāme piṇḍāya caritvā kiñci aladdhā āgatassapi chāyūdakasampannaṃ ārāmaṃ pavisitvā nhāyitvā paṭissaye muhuttaṃ nipajjitvā uṭṭhāya nisinnassa kāye balaṃ āharitvā pakkhittaṃ viya hoti. Bahi vicarantassa ca kāye vaṇṇadhātu vātātapehi kilamati, paṭissayaṃ pavisitvā dvāraṃ pidhāya muhuttaṃ nisinnassa visabhāgasantati vūpasammati, sabhāgasantati patiṭṭhāti, vaṇṇadhātu āharitvā pakkhittā viya hoti, bahi vicarantassa ca pāde kaṇṭakā vijjhanti, khāṇu paharati, sarīsapādiparissayā ceva corabhayañca uppajjati, paṭissayaṃ pavisitvā dvāraṃ pidhāya nisinnassa pana sabbepete parissayā na honti. Sajjhāyantassa dhammapītisukhaṃ, kammaṭṭhānaṃ manasikarontassa upasamasukhaṃ uppajjati bahiddhā vikkhepābhāvato. Bahi vicarantassa ca kāye sedā muccanti, akkhīni phandanti, senāsanaṃ pavisanakkhaṇe mañcapīṭhādīni na paññāyanti, muhuttaṃ nisinnassa pana akkhipasādo āharitvā pakkhitto viya hoti, dvāravātapānamañcapīṭhādīni paññāyanti. Etasmiñca āvāse vasantaṃ disvā manussā catūhi paccayehi sakkaccaṃ upaṭṭhahanti. Tena vuttaṃ – ‘‘āvāsadānasmiñhi dinne sabbadānaṃ dinnameva hotī’’ti. Bhūmaṭṭhaka…pe… nasakkāti ayamattho mahāsudassanavatthunā (dī. ni. 2.241 ādayo) dīpetabbo. Mātukucchi asambādhova hotīti ayamattho antimabhavikānaṃ mahābodhisattānaṃ paṭisandhivasena dīpetabbo.

    สีตนฺติ อชฺฌตฺตํ ธาตุโกฺขภวเสน วา พหิทฺธา อุตุวิปริณามวเสน วา อุปฺปชฺชนกสีตํฯ อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํ, ตสฺส จ ทวทาหาทีสุ สมฺภโว ทฎฺฐโพฺพฯ ปฎิหนฺตีติ ปฎิหนติฯ ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ อาพาโธ น หนติ, เอวํ กโรติฯ สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิโตฺต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สโกฺกติฯ วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิเคฯ คุตฺตเสนาสนญฺหิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺติฯ สรีสเปติ เย เกจิ สรนฺตา คจฺฉเนฺต ทีฆชาติเก สปฺปาทิเก อเญฺญ จ ตถารูเปฯ มกเสติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, ฑํสาทีนํ เอเตเนว สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สิสิเรติ สีตกาลวเสน สตฺตาหวทฺทลิกาทิวเสน จ อุปฺปเนฺน สิสิรสมฺผเสฺสฯ วุฎฺฐิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฎฺฐิโย ปฎิหนตีติ โยชนาฯ

    Sītanti ajjhattaṃ dhātukkhobhavasena vā bahiddhā utuvipariṇāmavasena vā uppajjanakasītaṃ. Uṇhanti aggisantāpaṃ, tassa ca davadāhādīsu sambhavo daṭṭhabbo. Paṭihantīti paṭihanati. Yathā tadubhayavasena kāyacittānaṃ ābādho na hanati, evaṃ karoti. Sītuṇhabbhāhate hi sarīre vikkhittacitto bhikkhu yoniso padahituṃ na sakkoti. Vāḷamigānīti sīhabyagghādivāḷamige. Guttasenāsanañhi pavisitvā dvāraṃ pidhāya nisinnassa te parissayā na honti. Sarīsapeti ye keci sarantā gacchante dīghajātike sappādike aññe ca tathārūpe. Makaseti nidassanamattametaṃ, ḍaṃsādīnaṃ eteneva saṅgaho daṭṭhabbo. Sisireti sītakālavasena sattāhavaddalikādivasena ca uppanne sisirasamphasse. Vuṭṭhiyoti yadā tadā uppannā vassavuṭṭhiyo paṭihanatīti yojanā.

    วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุพฺพหนภญฺชนาทิวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จฯ ปฎิหญฺญตีติ ปฎิพาหียติฯ เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวตฺติตฺวา ปฎิสลฺลาณารามตฺถํฯ สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํฯ ฌายิตุนฺติ อฎฺฐติํสาย อารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิพนฺธิตฺวา สมาทหนวเสน ฌายิตุํฯ วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิวเสน สงฺขาเร สมฺมสิตุํฯ

    Vātātapo ghoroti rukkhagacchādīnaṃ ubbahanabhañjanādivasena pavattiyā ghoro sarajaarajādibhedo vāto ceva gimhapariḷāhasamayesu uppattiyā ghoro sūriyātapo ca. Paṭihaññatīti paṭibāhīyati. Leṇatthanti nānārammaṇato cittaṃ nivattitvā paṭisallāṇārāmatthaṃ. Sukhatthanti vuttaparissayābhāvena phāsuvihāratthaṃ. Jhāyitunti aṭṭhatiṃsāya ārammaṇesu yattha katthaci cittaṃ upanibandhitvā samādahanavasena jhāyituṃ. Vipassitunti aniccādivasena saṅkhāre sammasituṃ.

    วิหาเรติ ปฎิสฺสเยฯ การเยติ การาเปยฺยฯ รเมฺมติ มโนรเมฯ วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเรสุ พหุสฺสุเต สีลวเนฺต กลฺยาณธเมฺม นิวาเสยฺยฯ เต นิวาเสโนฺต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติฯ เอวํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปเนฺนสุ กมฺมผลานํ รตนตฺตยคุณานญฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ อิทานิ คหฎฺฐปพฺพชิตานํ อญฺญมญฺญูปการตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ เตติ พหุสฺสุตาฯ ตสฺสาติ อุปาสกสฺสฯ ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฎฺฎทุกฺขปนูทนํ นิยฺยานิกํ ธมฺมํ กเถนฺติฯ ยํ โส ธมฺมํ อิธญฺญายาติ โส ปุคฺคโล ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมิํ สาสเน สมฺมาปฎิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพายติฯ

    Vihāreti paṭissaye. Kārayeti kārāpeyya. Rammeti manorame. Vāsayettha bahussuteti kāretvā pana ettha vihāresu bahussute sīlavante kalyāṇadhamme nivāseyya. Te nivāsento pana tesaṃ bahussutānaṃ yathā paccayehi kilamatho na hoti. Evaṃ annañca pānañca vatthasenāsanāni ca dadeyya ujubhūtesu ajjhāsayasampannesu kammaphalānaṃ ratanattayaguṇānañca saddahanena vippasannena cetasā. Idāni gahaṭṭhapabbajitānaṃ aññamaññūpakārataṃ dassetuṃ ‘‘te tassā’’ti gāthamāha. Tattha teti bahussutā. Tassāti upāsakassa. Dhammaṃ desentīti sakalavaṭṭadukkhapanūdanaṃ niyyānikaṃ dhammaṃ kathenti. Yaṃ so dhammaṃ idhaññāyāti so puggalo yaṃ saddhammaṃ imasmiṃ sāsane sammāpaṭipajjanena jānitvā aggamaggādhigamena anāsavo hutvā parinibbāyati.

    อาวาเสติ อาวาสทาเนฯ อานิสํโสติ อุทฺรโยฯ ปูชาสกฺการวเสน ปฐมยาโม เขปิโต, สตฺถุ ธมฺมเทสนาย อปฺปาวเสโส มชฺฌิมยาโม คโตติ ปาฬิยํ ‘‘พหุเทว รตฺติ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยาม’’นฺติฯ สงฺคหํ นาโรหติ วิปุลวิตฺถารภาวโตฯ พุทฺธานญฺหิ ภตฺตานุโมทนาปิ โถกํ วเฑฺฒตฺวา วุจฺจมานา ทีฆมชฺฌิมปมาณาปิ โหติฯ ตถา หิ สุผุสิตํ ทนฺตาวรณํ, ชิวฺหา ตนุกา, ภวงฺคปริวาโส ปริโตฺต, นตฺถิ เวคายิตํ, นตฺถิ วิตฺถายิตํ, นตฺถิ อพฺยาวฎมโน, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ สมุปพฺยูฬฺหํ, อปริกฺขยา ปฎิสมฺภิทาฯ

    Āvāseti āvāsadāne. Ānisaṃsoti udrayo. Pūjāsakkāravasena paṭhamayāmo khepito, satthu dhammadesanāya appāvaseso majjhimayāmo gatoti pāḷiyaṃ ‘‘bahudeva ratti’’nti vuttanti āha ‘‘atirekataraṃ diyaḍḍhayāma’’nti. Saṅgahaṃ nārohati vipulavitthārabhāvato. Buddhānañhi bhattānumodanāpi thokaṃ vaḍḍhetvā vuccamānā dīghamajjhimapamāṇāpi hoti. Tathā hi suphusitaṃ dantāvaraṇaṃ, jivhā tanukā, bhavaṅgaparivāso paritto, natthi vegāyitaṃ, natthi vitthāyitaṃ, natthi abyāvaṭamano, sabbaññutaññāṇaṃ samupabyūḷhaṃ, aparikkhayā paṭisambhidā.

    สนฺทเสฺสตฺวาติอาทีสุ สนฺทเสฺสตฺวา อาวาสทานปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํ กตฺวาฯ ตโต ปรํ, มหาราช, อิติปิ สีลํ, อิติปิ สมาธิ, อิติปิ ปญฺญาติ สีลาทิคุเณ เตสํ สมฺมา ทเสฺสตฺวา หเตฺถน คเหตฺวา วิย ปจฺจกฺขโต ปกาเสตฺวาฯ สมาทเปตฺวาติ เอวํ สีลํ สมาทาตพฺพํ, สีเล ปติฎฺฐิเตน เอวํ สมาธิปญฺญา ภาเวตพฺพาติ ยถา เต สีลาทิคุเณ สมฺมา อาทิยนฺติ, ตถา คณฺหาเปตฺวาฯ สมุเตฺตเชตฺวาติ ยถาสมาทินฺนํ สีลํ สุวิสุทฺธํ โหติ, สมถวิปสฺสนา จ ภาวิยมานา ยถา สุฎฺฐุ วิโสธิตา อุปรูปริ วิเสสาวหา โหนฺติ, เอวํ สมุเตฺตเชตฺวา นิสามนวเสน โวทาเปตฺวาฯ สมฺปหํเสตฺวาติ ยถานุสิฎฺฐํ ฐิตสีลาทิคุเณหิ สมฺปติ ปฎิลทฺธคุณานิสํเสหิ เจว อุปริลทฺธพฺพผลวิเสเสหิ จ จิตฺตํ สมฺปหํเสตฺวา ลทฺธสฺสาสวเสน สุฎฺฐุ โตเสตฺวาฯ เอวเมเตสํ ปทานํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สกฺยราชาโน เยภุเยฺยน ภควโต ธมฺมเทสนาย สาสเน ลทฺธสฺสาทา ลทฺธปฺปติฎฺฐา จฯ

    Sandassetvātiādīsu sandassetvā āvāsadānapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ katvā. Tato paraṃ, mahārāja, itipi sīlaṃ, itipi samādhi, itipi paññāti sīlādiguṇe tesaṃ sammā dassetvā hatthena gahetvā viya paccakkhato pakāsetvā. Samādapetvāti evaṃ sīlaṃ samādātabbaṃ, sīle patiṭṭhitena evaṃ samādhipaññā bhāvetabbāti yathā te sīlādiguṇe sammā ādiyanti, tathā gaṇhāpetvā. Samuttejetvāti yathāsamādinnaṃ sīlaṃ suvisuddhaṃ hoti, samathavipassanā ca bhāviyamānā yathā suṭṭhu visodhitā uparūpari visesāvahā honti, evaṃ samuttejetvā nisāmanavasena vodāpetvā. Sampahaṃsetvāti yathānusiṭṭhaṃ ṭhitasīlādiguṇehi sampati paṭiladdhaguṇānisaṃsehi ceva upariladdhabbaphalavisesehi ca cittaṃ sampahaṃsetvā laddhassāsavasena suṭṭhu tosetvā. Evametesaṃ padānaṃ attho veditabbo. Sakyarājāno yebhuyyena bhagavato dhammadesanāya sāsane laddhassādā laddhappatiṭṭhā ca.

    อุปสคฺคสทฺทานํ อเนกตฺถตฺตา อภิ-สโทฺท อติ-สเทฺทน สมานโตฺถปิ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา’’ติฯ

    Upasaggasaddānaṃ anekatthattā abhi-saddo ati-saddena samānatthopi hotīti vuttaṃ ‘‘abhikkantāti atikkantā’’ti.

    ตตฺร กิราติอาทิ เกจิวาโทติ พโทฺธปิ น โหติฯ เตนาห ‘‘อการณเมต’’นฺติอาทิฯ กายจิตฺตลหุตาทโย อุปฺปชฺชนฺตีติ อิทํ กายิกเจตสิกอญฺญถาภาวสฺส การณวจนํ, ลหุตาทิอุปฺปเนฺน สวนานุตฺตริยปฎิลาเภน ลทฺธพฺพธมฺมตฺถเวทสมธิคมโตฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Tatra kirātiādi kecivādoti baddhopi na hoti. Tenāha ‘‘akāraṇameta’’ntiādi. Kāyacittalahutādayo uppajjantīti idaṃ kāyikacetasikaaññathābhāvassa kāraṇavacanaṃ, lahutādiuppanne savanānuttariyapaṭilābhena laddhabbadhammatthavedasamadhigamato. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ยถา , ยถาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา วา ธมฺมํ เทเสติ อญฺญตโร วา ครุฎฺฐานิโก สพฺรหฺมจารี, ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺช’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๒๒, ๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๖)ฯ

    ‘‘Yathā , yathāvuso, bhikkhuno satthā vā dhammaṃ deseti aññataro vā garuṭṭhāniko sabrahmacārī, tathā tathā so tasmiṃ dhamme labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojja’’ntiādi (dī. ni. 3.322, 355; a. ni. 5.26).

    ปิฎฺฐิวาโต อุปฺปชฺชิ อุปาทินฺนสรีรสฺส ตถารูปตฺตา สงฺขารานญฺจ อนิจฺจตาย ทุกฺขานุพนฺธตฺตาฯ อการณํ วา เอตนฺติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตเมว อธิปฺปายํ วิวริตุํ ‘‘ปโหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกปลฺลเงฺกน นิสีทิตุํ ปโหติ ยถา ตํ เวลุวคามเกฯ เอตฺตเก ฐาเนติ เอตฺตเก ฐาเน ฐานํ นิปฺผนฺนนฺติ โยชนาฯ ตญฺจ โขติ วุฎฺฐานสญฺญํ จิเตฺต ฐปนํฯ ธมฺมกถํ สุณมาโน ธมฺมคารเวนฯ

    Piṭṭhivāto uppajji upādinnasarīrassa tathārūpattā saṅkhārānañca aniccatāya dukkhānubandhattā. Akāraṇaṃ vā etanti yenādhippāyena vuttaṃ, tameva adhippāyaṃ vivarituṃ ‘‘pahotī’’tiādi vuttaṃ. Ekapallaṅkena nisīdituṃ pahoti yathā taṃ veluvagāmake. Ettake ṭhāneti ettake ṭhāne ṭhānaṃ nipphannanti yojanā. Tañca khoti vuṭṭhānasaññaṃ citte ṭhapanaṃ. Dhammakathaṃ suṇamāno dhammagāravena.

    อวสฺสุตสฺสาติ อวสฺสุตภาวสฺส ราคาทิวเสนฯ อวสฺสุตสฺส การณนฺติ ตินฺตภาวการณํฯ กิเลสาธิมุจฺจเนนาติ กิเลสวเสน ปริปฺผนฺทิตวเสนฯ นิพฺพาปนํ วิยาติ วูปสโม วิยฯ นิพฺพิเสวนานนฺติ ปริปฺผนฺทนรหิตานํฯ

    Avassutassāti avassutabhāvassa rāgādivasena. Avassutassa kāraṇanti tintabhāvakāraṇaṃ. Kilesādhimuccanenāti kilesavasena paripphanditavasena. Nibbāpanaṃ viyāti vūpasamo viya. Nibbisevanānanti paripphandanarahitānaṃ.

    อวสฺสุตปริยายสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Avassutapariyāyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๖. อวสฺสุตปริยายสุตฺตํ • 6. Avassutapariyāyasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อวสฺสุตปริยายสุตฺตวณฺณนา • 6. Avassutapariyāyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact