Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๔๐. อเวภงฺคิยนิเทฺทสวณฺณนา
40. Avebhaṅgiyaniddesavaṇṇanā
๓๒๒-๔. อารามารามวตฺถูนีติ เอตฺถ (จูฬว. ๓๒๑; จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อาราโม นาม ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วาฯ มโญฺจ ปีฐํ ภิสิ พิโพฺพหนาทิสยนาสนํฯ โลหกุมฺภีอาทโย กาฬโลหตมฺพโลหาทิมยาฯ ภาณโก อุทกจาฎิฯ ปเญฺจเต อวิภาชิยาติ ภาเชตฺวา น คเหตพฺพา, คหิตาปิ สงฺฆสนฺตกา เอวาติ อโตฺถฯ เอตฺถ ปน อาราโม อารามวตฺถูติ ปฐมํ, วิหาโร วิหารวตฺถูติ ทุติยํ, มโญฺจ ปีฐํ ภิสิ พิโพฺพหนนฺติ ตติยํ, โลหกุมฺภี…เป.… นิขาทนนฺติ จตุตฺถํ, วลฺลิ…เป.… ทารุภณฺฑํ มตฺติกภณฺฑนฺติ ปญฺจมนฺติ เอวํ อิมานิ ราสิวเสน ปญฺจ โหนฺติ, สรุปวเสน อเนกานิ โหนฺติฯ โหนฺติ เจตฺถ –
322-4.Ārāmārāmavatthūnīti ettha (cūḷava. 321; cūḷava. aṭṭha. 321) ārāmo nāma pupphārāmo vā phalārāmo vā. Mañco pīṭhaṃ bhisi bibbohanādisayanāsanaṃ. Lohakumbhīādayo kāḷalohatambalohādimayā. Bhāṇako udakacāṭi. Pañcete avibhājiyāti bhājetvā na gahetabbā, gahitāpi saṅghasantakā evāti attho. Ettha pana ārāmo ārāmavatthūti paṭhamaṃ, vihāro vihāravatthūti dutiyaṃ, mañco pīṭhaṃ bhisi bibbohananti tatiyaṃ, lohakumbhī…pe… nikhādananti catutthaṃ, valli…pe… dārubhaṇḍaṃ mattikabhaṇḍanti pañcamanti evaṃ imāni rāsivasena pañca honti, sarupavasena anekāni honti. Honti cettha –
‘‘ทฺวิสงฺคหานิ เทฺว โหนฺติ, ตติยํ จตุสงฺคหํ;
‘‘Dvisaṅgahāni dve honti, tatiyaṃ catusaṅgahaṃ;
จตุตฺถํ นวโกฎฺฐาสํ, ปญฺจมํ อฎฺฐเภทน’’นฺติฯ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑);
Catutthaṃ navakoṭṭhāsaṃ, pañcamaṃ aṭṭhabhedana’’nti. (cūḷava. aṭṭha. 321);
๓๒๕. ‘‘ปญฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อวิสฺสชฺชิยานิ น วิสฺสเชฺชตพฺพานิ สเงฺฆน วา คเณน วา ปุคฺคเลน วา, วิสฺสชฺชิตานิปิ อวิสฺสชฺชิตานิ โหนฺติฯ โย วิสฺสเชฺชยฺย, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๒๑) วุตฺตตฺตา ‘‘ภาชิตาปิ อภาชิตา’’ติ วุตฺตํฯ เอเตติ วุตฺตปฺปการา ปญฺจปิ ‘‘ครุภณฺฑานี’’ติ จ ‘‘อวิสฺสชฺชิยานี’’ติ จ จ-สเทฺทน ‘‘อเวภงฺคิยานี’’ติ จ วุจฺจนฺตีติ อโตฺถฯ
325. ‘‘Pañcimāni, bhikkhave, avissajjiyāni na vissajjetabbāni saṅghena vā gaṇena vā puggalena vā, vissajjitānipi avissajjitāni honti. Yo vissajjeyya, āpatti thullaccayassā’’ti (cūḷava. 321) vuttattā ‘‘bhājitāpi abhājitā’’ti vuttaṃ. Eteti vuttappakārā pañcapi ‘‘garubhaṇḍānī’’ti ca ‘‘avissajjiyānī’’ti ca ca-saddena ‘‘avebhaṅgiyānī’’ti ca vuccantīti attho.
๓๒๖-๘. อิทานิ ปุริเมสุ ตีสุ ราสีสุ สพฺพสฺส ครุภณฺฑตฺตา เต อนามสิตฺวา ปจฺฉิเมสุ ทฺวีสุ ราสีสุ เอกจฺจสฺส อครุภณฺฑสฺสาปิ อตฺถิตาย ตํ ทเสฺสตุํ อารภโนฺตปิ เตสุ ทฺวีสุ พหุวิสยํ ปฐมํ ทเสฺสตุํ ‘‘วลฺลิฑฺฒพาหุมตฺตาปี’’ติอาทิมาหาติ ญาตพฺพํฯ ตสฺสายํ สเงฺขโป (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) – วลฺลิ อฑฺฒพาหุมตฺตาปิ เวฬุ อฎฺฐงฺคุลายโตปิ ติณาทิ มุฎฺฐิมตฺตมฺปีติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน มุญฺชปพฺพชํ สงฺคณฺหาติ, ปณฺณํ เอกมฺปิ มตฺติกา ปากตา วา ปญฺจวณฺณา วา สุธากงฺคุฎฺฐอาทิกาติ อาทิ-สเทฺทน สชฺชุลสชาติหิงฺคุลกาทิ วา ตาลปกฺกปฺปมาณาปิ เยหิ เกหิจิ สงฺฆสฺส ทินฺนา วา สงฺฆิเก ติณเขตฺตาทิมฺหิ ชาตา วา รกฺขิตโคปิตภูมิภาเค อุปฺปนฺนา ตตฺถชาตกา วา สงฺฆิกา รกฺขิตา เอว อภาชิยาติ อโตฺถฯ
326-8. Idāni purimesu tīsu rāsīsu sabbassa garubhaṇḍattā te anāmasitvā pacchimesu dvīsu rāsīsu ekaccassa agarubhaṇḍassāpi atthitāya taṃ dassetuṃ ārabhantopi tesu dvīsu bahuvisayaṃ paṭhamaṃ dassetuṃ ‘‘valliḍḍhabāhumattāpī’’tiādimāhāti ñātabbaṃ. Tassāyaṃ saṅkhepo (cūḷava. aṭṭha. 321) – valli aḍḍhabāhumattāpi veḷu aṭṭhaṅgulāyatopi tiṇādi muṭṭhimattampīti ettha ādi-saddena muñjapabbajaṃ saṅgaṇhāti, paṇṇaṃ ekampi mattikā pākatā vā pañcavaṇṇā vā sudhākaṅguṭṭhaādikāti ādi-saddena sajjulasajātihiṅgulakādi vā tālapakkappamāṇāpi yehi kehici saṅghassa dinnā vā saṅghike tiṇakhettādimhi jātā vā rakkhitagopitabhūmibhāge uppannā tatthajātakā vā saṅghikā rakkhitā eva abhājiyāti attho.
อิทานิ เย เจตฺถ ภาชิตพฺพา, เต ทเสฺสตุํ ‘‘นิฎฺฐิเต’’ติอาทิมาห, สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา กเมฺม นิฎฺฐิเต ภาชิยาติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถ ปน ยํ กิญฺจิ วลฺลิเวฬุติณปณฺณมตฺติกาทิ สงฺฆสฺส ทินฺนํ วา สงฺฆิเก ติณเขตฺตาทิมฺหิ ชาตกํ วา รกฺขิตโคปิตํ ครุภณฺฑํ, ตํ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ นิฎฺฐิเต อวเสสํ ปุคฺคลิกกเมฺมปิ ทาตุํ วฎฺฎติ, อครุภณฺฑตฺตา ภาชิตุมฺปิ ลพฺภติฯ เสนาสนตฺถาย รกฺขิตโคปิตเมว ครุภณฺฑํ โหติ, น อิตรํฯ สีหฬทีเป ตุมูลโสมวิหาเร สงฺฆสฺส ปากวตฺตมฺปิ ตาลปณฺณํ วิกฺกิณิตฺวา กรียติฯ กสฺมา? น หิ ตตฺถ ปเณฺณน อโตฺถ อตฺถิ, สเพฺพปิ อิฎฺฐกจฺฉนฺนา ปาสาทาทโยติฯ เอวํ อญฺญตฺถาปิ กรียติ เอวาติ วทนฺติฯ
Idāni ye cettha bhājitabbā, te dassetuṃ ‘‘niṭṭhite’’tiādimāha, saṅghassa vā cetiyassa vā kamme niṭṭhite bhājiyāti adhippāyo. Ettha pana yaṃ kiñci valliveḷutiṇapaṇṇamattikādi saṅghassa dinnaṃ vā saṅghike tiṇakhettādimhi jātakaṃ vā rakkhitagopitaṃ garubhaṇḍaṃ, taṃ saṅghakamme ca cetiyakamme ca niṭṭhite avasesaṃ puggalikakammepi dātuṃ vaṭṭati, agarubhaṇḍattā bhājitumpi labbhati. Senāsanatthāya rakkhitagopitameva garubhaṇḍaṃ hoti, na itaraṃ. Sīhaḷadīpe tumūlasomavihāre saṅghassa pākavattampi tālapaṇṇaṃ vikkiṇitvā karīyati. Kasmā? Na hi tattha paṇṇena attho atthi, sabbepi iṭṭhakacchannā pāsādādayoti. Evaṃ aññatthāpi karīyati evāti vadanti.
๓๒๙. อิทานิ โลหภณฺฑาทีสุ เอกนฺตภาเชตพฺพภณฺฑํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปตฺตาที’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๒๑) ปน อาทิ-สเทฺทน โลหถาลกตมฺพ กุณฺฑิกา กฎจฺฉุ สรก อญฺชนิ อญฺชนิสลากากณฺณมลหรณีสูจิสณฺฑาสกตฺตรยฎฺฐิอาทีนิ คหิตาเนวฯ ตถาติ ภาชิยเมวาติ อโตฺถฯ วิปฺปกตญฺจ อวิปฺปกตญฺจฯ ปาทคณฺหกนฺติ มคธนาฬิยา ปญฺจนาฬิยา คณฺหนํฯ
329. Idāni lohabhaṇḍādīsu ekantabhājetabbabhaṇḍaṃ dassetuṃ ‘‘pattādī’’tiādimāha. Ettha (cūḷava. aṭṭha. 221) pana ādi-saddena lohathālakatamba kuṇḍikā kaṭacchu saraka añjani añjanisalākākaṇṇamalaharaṇīsūcisaṇḍāsakattarayaṭṭhiādīni gahitāneva. Tathāti bhājiyamevāti attho. Vippakatañca avippakatañca. Pādagaṇhakanti magadhanāḷiyā pañcanāḷiyā gaṇhanaṃ.
๓๓๑-๒. อนุญฺญาตวาสิ ยํ สกฺกา สิปาฎิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตุนฺติ วุตฺตาฯ ตจฺฉิตานิฎฺฐิตนฺติ วิปฺปกตํฯ ยทิ ตจฺฉิตํ, ครุภณฺฑเมวฯ ทนฺตํ ปน อตจฺฉิตญฺจ อนิฎฺฐิตญฺจ ภาชิยเมวฯ อนิฎฺฐิตํ มญฺจปาทาทิกํ ครุภณฺฑํฯ อิทานิ มตฺติกภณฺฑํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภิกฺขูปกรเณ’’ติอาทิมาหฯ ปตฺตถาลกกุณฺฑิกาทิภิกฺขูปกรเณ จฯ ปาทฆฎโกติ ปาทคณฺหนโก ฆฎโก จ มตฺติกามโย ภาชิโย ภาเชตโพฺพติ อโตฺถฯ สงฺขถาลกมฺปิ ภาชิยเมวฯ
331-2.Anuññātavāsi yaṃ sakkā sipāṭikāya pakkhipitvā pariharitunti vuttā. Tacchitāniṭṭhitanti vippakataṃ. Yadi tacchitaṃ, garubhaṇḍameva. Dantaṃ pana atacchitañca aniṭṭhitañca bhājiyameva. Aniṭṭhitaṃ mañcapādādikaṃ garubhaṇḍaṃ. Idāni mattikabhaṇḍaṃ dassetuṃ ‘‘bhikkhūpakaraṇe’’tiādimāha. Pattathālakakuṇḍikādibhikkhūpakaraṇe ca. Pādaghaṭakoti pādagaṇhanako ghaṭako ca mattikāmayo bhājiyo bhājetabboti attho. Saṅkhathālakampi bhājiyameva.
๓๓๓-๔. มิคจมฺมาทิกํ กปฺปิยจมฺมํ ภาชิยํ, สีหจมฺมาทิกํ อกปฺปิยจมฺมํ ครุภณฺฑํฯ ตํ ปน ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฎฺฎติฯ เอฬจมฺมํ ปน ปจฺจตฺถรณคติกตฺตา ครุภณฺฑํ โหติฯ อิทานิ อิมานิ ปน ปญฺจ จีวรปิณฺฑปาตเภสชฺชานํ อตฺถาย ปริวเตฺตตุํ น วฎฺฎติ, ครุภเณฺฑน ปน ครุภณฺฑญฺจ ถาวรญฺจ ถาวเรน ถาวรเมว ปริวเตฺตตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพานีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ครุนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) ครุนาติ ครุภเณฺฑน ครุภณฺฑญฺจ ถาวรญฺจ ปริวเตฺตยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ ถาวเรน จ ถาวรเมว ปริวเตฺตยฺย, น ครุภณฺฑนฺติ อธิปฺปาโยฯ ปญฺจสุ โกฎฺฐาเสสุ ปจฺฉิมตฺตยํ ครุภณฺฑํ, ปุริมทฺวยํ ถาวรนฺติ เวทิตพฺพํ ฯ ตถา กตฺวา จ ภุญฺชตูติ เอวํ ปริวเตฺตตฺวา ตโต อาภตํ กปฺปิยภณฺฑํ ปริภุญฺชตูติ อโตฺถฯ กถํ ญายตีติ เจ? วุตฺตเญฺหตํ ปริวาเร-
333-4. Migacammādikaṃ kappiyacammaṃ bhājiyaṃ, sīhacammādikaṃ akappiyacammaṃ garubhaṇḍaṃ. Taṃ pana bhūmattharaṇaṃ kātuṃ vaṭṭati. Eḷacammaṃ pana paccattharaṇagatikattā garubhaṇḍaṃ hoti. Idāni imāni pana pañca cīvarapiṇḍapātabhesajjānaṃ atthāya parivattetuṃ na vaṭṭati, garubhaṇḍena pana garubhaṇḍañca thāvarañca thāvarena thāvarameva parivattetvā paribhuñjitabbānīti dassetuṃ ‘‘garunā’’tiādimāha. Tattha (cūḷava. aṭṭha. 321) garunāti garubhaṇḍena garubhaṇḍañca thāvarañca parivatteyyāti sambandho. Thāvarena ca thāvarameva parivatteyya, na garubhaṇḍanti adhippāyo. Pañcasu koṭṭhāsesu pacchimattayaṃ garubhaṇḍaṃ, purimadvayaṃ thāvaranti veditabbaṃ . Tathā katvā ca bhuñjatūti evaṃ parivattetvā tato ābhataṃ kappiyabhaṇḍaṃ paribhuñjatūti attho. Kathaṃ ñāyatīti ce? Vuttañhetaṃ parivāre-
‘‘อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิยํ, ปญฺจ วุตฺตา มเหสินา;
‘‘Avissajjiyaṃ avebhaṅgiyaṃ, pañca vuttā mahesinā;
วิสฺสเชฺชนฺตสฺส ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติ,
Vissajjentassa paribhuñjantassa anāpatti,
ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๗๙);
Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 479);
เอตฺถ ปน ครุภเณฺฑน ครุภณฺฑญฺจ ถาวรญฺจ ถาวเรน ถาวรเมว ปริวตฺตนวิธิํ สนฺธาย ‘‘วิสฺสชฺชนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ปุน ตโต นิพฺพตฺตญฺจ จตุปจฺจยํ ปริภุญฺชิตุํ ลพฺภตีติ ทีเปตุํ ‘‘ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ อยํ อิมิสฺสา คาถาย อธิปฺปาโยฯ เสสนฺติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๑) อารามาทิ อภาชิยนฺติ อโตฺถฯ อเวภงฺคิยวินิจฺฉโยฯ
Ettha pana garubhaṇḍena garubhaṇḍañca thāvarañca thāvarena thāvarameva parivattanavidhiṃ sandhāya ‘‘vissajjantassa anāpattī’’ti vuttaṃ. Puna tato nibbattañca catupaccayaṃ paribhuñjituṃ labbhatīti dīpetuṃ ‘‘paribhuñjantassa anāpattī’’ti vuttaṃ. Ayaṃ imissā gāthāya adhippāyo. Sesanti (cūḷava. aṭṭha. 321) ārāmādi abhājiyanti attho. Avebhaṅgiyavinicchayo.
อเวภงฺคิยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Avebhaṅgiyaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.