Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๔. อวิชฺชานีวรณสุตฺตวณฺณนา

    4. Avijjānīvaraṇasuttavaṇṇanā

    ๑๔. จตุเตฺถ – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว’’ติอาทีสุ -กาโร ปฎิเสธโตฺถฯ อหนฺติ ภควา อตฺตานํ นิทฺทิสติฯ อญฺญนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพอวิชฺชานีวรณโต อญฺญํฯ เอกนีวรณมฺปีติ เอกนีวรณธมฺมมฺปิฯ สมนุปสฺสามีติ เทฺว สมนุปสฺสนา – ทิฎฺฐิสมนุปสฺสนา จ ญาณสมนุปสฺสนา จฯ ตตฺถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๒๐๐; ปฎิ. ม. ๑.๑๓๐) อาคตา อยํ ทิฎฺฐิสมนุปสฺสนา นามฯ ‘‘อนิจฺจโต สมนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๓.๓๕) ปน อาคตา อยํ ญาณสมนุปสฺสนา นามฯ อิธาปิ ญาณสมนุปสฺสนาว อธิเปฺปตาฯ ‘‘สมนุปสฺสามี’’ติ จ ปทสฺส น-กาเรน สมฺพโนฺธฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, สพฺพญฺญุตญฺญาณสงฺขาเตน สมนฺตจกฺขุนา สพฺพธเมฺม หตฺถามลกํ วิย โอโลเกโนฺตปิ อญฺญํ เอกนีวรณมฺปิ น สมนุปสฺสามี’’ติฯ

    14. Catutthe – ‘‘nāhaṃ, bhikkhave’’tiādīsu na-kāro paṭisedhattho. Ahanti bhagavā attānaṃ niddisati. Aññanti idāni vattabbaavijjānīvaraṇato aññaṃ. Ekanīvaraṇampīti ekanīvaraṇadhammampi. Samanupassāmīti dve samanupassanā – diṭṭhisamanupassanā ca ñāṇasamanupassanā ca. Tattha ‘‘rūpaṃ attato samanupassatī’’tiādinā (a. ni. 4.200; paṭi. ma. 1.130) āgatā ayaṃ diṭṭhisamanupassanā nāma. ‘‘Aniccato samanupassati, no niccato’’tiādinā (paṭi. ma. 3.35) pana āgatā ayaṃ ñāṇasamanupassanā nāma. Idhāpi ñāṇasamanupassanāva adhippetā. ‘‘Samanupassāmī’’ti ca padassa na-kārena sambandho. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘ahaṃ, bhikkhave, sabbaññutaññāṇasaṅkhātena samantacakkhunā sabbadhamme hatthāmalakaṃ viya olokentopi aññaṃ ekanīvaraṇampi na samanupassāmī’’ti.

    เยน นีวรเณน นิวุตา ปชา ทีฆรตฺตํ สนฺธาวนฺติ สํสรนฺตีติ เยน นีวรณกสภาวตฺตา นีวรเณน ธมฺมสภาวํ ชานิตุํ ปสฺสิตุํ ปฎิวิชฺฌิตุํ อทตฺวา ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ฐาเนน อนฺธกาเรน นิวุตา สตฺตา อนาทิมตสํสาเร อปริมาเณ กเปฺป มหเนฺตสุ เจว ขุทฺทเกสุ จ ภวาทีสุ อปราปรุปฺปตฺติวเสน สพฺพโต ธาวนฺติ เจว สํสรนฺติ, จฯ อารมฺมณนฺตรสงฺกมนวเสน วา สนฺธาวนํ, ภวนฺตรสงฺกมนวเสน สํสรณํฯ กิเลสานํ พลวภาเวน วา สนฺธาวนํ, ทุพฺพลภาเวน สํสรณํฯ ขณิกมรณวเสน วา เอกชาติยํ สนฺธาวนํ, โวหารมรณวเสน อเนกาสุ ชาตีสุ สํสรณํฯ จิตฺตวเสน วา สนฺธาวนํ, ‘‘จิตฺตมสฺส วิธาวตี’’ติ หิ วุตฺตํ, กมฺมวเสน สํสรณํฯ เอวํ สนฺธาวนสํสรณานํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ

    Yena nīvaraṇena nivutā pajā dīgharattaṃ sandhāvanti saṃsarantīti yena nīvaraṇakasabhāvattā nīvaraṇena dhammasabhāvaṃ jānituṃ passituṃ paṭivijjhituṃ adatvā chādetvā pariyonandhitvā ṭhānena andhakārena nivutā sattā anādimatasaṃsāre aparimāṇe kappe mahantesu ceva khuddakesu ca bhavādīsu aparāparuppattivasena sabbato dhāvanti ceva saṃsaranti, ca. Ārammaṇantarasaṅkamanavasena vā sandhāvanaṃ, bhavantarasaṅkamanavasena saṃsaraṇaṃ. Kilesānaṃ balavabhāvena vā sandhāvanaṃ, dubbalabhāvena saṃsaraṇaṃ. Khaṇikamaraṇavasena vā ekajātiyaṃ sandhāvanaṃ, vohāramaraṇavasena anekāsu jātīsu saṃsaraṇaṃ. Cittavasena vā sandhāvanaṃ, ‘‘cittamassa vidhāvatī’’ti hi vuttaṃ, kammavasena saṃsaraṇaṃ. Evaṃ sandhāvanasaṃsaraṇānaṃ viseso veditabbo.

    ยถยิทนฺติ ยถา อิทํฯ ย-กาโร ปทสนฺธิกโร, สนฺธิวเสน รสฺสตฺตํฯ อวิชฺชานีวรณนฺติ เอตฺถ ปูเรตุํ อยุตฺตเฎฺฐน กายทุจฺจริตาทิ อวินฺทิยํ นาม, อลทฺธพฺพนฺติ อโตฺถฯ ตํ อวินฺทิยํ วินฺทตีติ อวิชฺชาฯ วิปรีตโต กายสุจริตาทิ วินฺทิยํ นาม, ตํ วินฺทิยํ น วินฺทตีติ อวิชฺชาฯ ขนฺธานํ ราสฎฺฐํ, อายตนานํ อายตนฎฺฐํ, ธาตูนํ สุญฺญฎฺฐํ, อินฺทฺริยานํ อาธิปเตยฺยฎฺฐํ, สจฺจานํ ตถฎฺฐํ ทุกฺขาทีนํ ปีฬนาทิวเสน วุตฺตํ จตุพฺพิธํ อตฺถํ อวิทิตํ กโรตีติปิ อวิชฺชาฯ อนฺตวิรหิเต สํสาเร สเตฺต ชวาเปตีติ วา อวิชฺชา, ปรมตฺถโต วา อวิชฺชมาเนสุ อิตฺถิปุริสาทีสุ ชวติ ปวตฺตติ, วิชฺชมาเนสุ ขนฺธาทีสุ น ชวติ, น ปวตฺตตีติ อวิชฺชาฯ อปิจ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ วตฺถารมฺมณานํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทปฎิจฺจสมุปฺปนฺนานญฺจ ธมฺมานํ ฉาทนโตปิ อวิชฺชาฯ อวิชฺชาว นีวรณนฺติ อวิชฺชานีวรณํฯ

    Yathayidanti yathā idaṃ. Ya-kāro padasandhikaro, sandhivasena rassattaṃ. Avijjānīvaraṇanti ettha pūretuṃ ayuttaṭṭhena kāyaduccaritādi avindiyaṃ nāma, aladdhabbanti attho. Taṃ avindiyaṃ vindatīti avijjā. Viparītato kāyasucaritādi vindiyaṃ nāma, taṃ vindiyaṃ na vindatīti avijjā. Khandhānaṃ rāsaṭṭhaṃ, āyatanānaṃ āyatanaṭṭhaṃ, dhātūnaṃ suññaṭṭhaṃ, indriyānaṃ ādhipateyyaṭṭhaṃ, saccānaṃ tathaṭṭhaṃ dukkhādīnaṃ pīḷanādivasena vuttaṃ catubbidhaṃ atthaṃ aviditaṃ karotītipi avijjā. Antavirahite saṃsāre satte javāpetīti vā avijjā, paramatthato vā avijjamānesu itthipurisādīsu javati pavattati, vijjamānesu khandhādīsu na javati, na pavattatīti avijjā. Apica cakkhuviññāṇādīnaṃ vatthārammaṇānaṃ paṭiccasamuppādapaṭiccasamuppannānañca dhammānaṃ chādanatopi avijjā. Avijjāva nīvaraṇanti avijjānīvaraṇaṃ.

    อวิชฺชานีวรเณน หิ, ภิกฺขเว, นิวุตา ปชา ทีฆรตฺตํ สนฺธาวนฺติ สํสรนฺตีติ อิทํ ปุริมเสฺสว ทฬฺหีกรณตฺถํ วุตฺตํฯ ปุริมํ วา – ‘‘ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อวิชฺชานีวรณ’’นฺติ เอวํ โอปมฺมทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อิทํ นีวรณานุภาวทสฺสนวเสนฯ กสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชาว เอวํ วุตฺตา, น อเญฺญ ธมฺมาติ? อาทีนวปฎิจฺฉาทเนน กามจฺฉนฺทาทีนํ วิเสสปฺปจฺจยภาวโตฯ ตถา หิ ตาย ปฎิจฺฉาทิตาทีนเว วิสเย กามจฺฉนฺทาทโย ปวตฺตนฺติฯ

    Avijjānīvaraṇena hi, bhikkhave, nivutā pajā dīgharattaṃ sandhāvanti saṃsarantīti idaṃ purimasseva daḷhīkaraṇatthaṃ vuttaṃ. Purimaṃ vā – ‘‘yathayidaṃ, bhikkhave, avijjānīvaraṇa’’nti evaṃ opammadassanavasena vuttaṃ, idaṃ nīvaraṇānubhāvadassanavasena. Kasmā panettha avijjāva evaṃ vuttā, na aññe dhammāti? Ādīnavapaṭicchādanena kāmacchandādīnaṃ visesappaccayabhāvato. Tathā hi tāya paṭicchāditādīnave visaye kāmacchandādayo pavattanti.

    นตฺถโญฺญติ อาทิกา คาถา วุตฺตสฺส อวุตฺตสฺส จ อตฺถสฺส สงฺคณฺหนวเสน ภาสิตาฯ ตตฺถ นิวุตาติ นิวาริตา ปลิคุณฺฐิตา, ปฎิจฺฉาทิตาติ อโตฺถฯ อโหรตฺตนฺติ ทิวา เจว รตฺติญฺจ, สพฺพกาลนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ยถา โมเหน อาวุตาติ เยน ปกาเรน อวิชฺชานีวรณสงฺขาเตน โมเหน อาวุตา ปฎิจฺฉาทิตา สุวิเญฺญยฺยมฺปิ อชานนฺติโย ปชา สํสาเร สํสรนฺติ, ตถารูโป อโญฺญ เอกธโมฺมปิ เอกนีวรณมฺปิ นตฺถีติ โยเชตพฺพํฯ เย จ โมหํ ปหนฺตฺวาน, ตโมขนฺธํ ปทาลยุนฺติ เย ปน อริยสาวกา ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิปฺปหานวเสน, เหฎฺฐิมมเคฺคหิ วา ตํตํมคฺควชฺฌํ โมหํ ปชหิตฺวา อคฺคมเคฺคน วชิรูปมญาเณน โมหสงฺขาตเมว ตโมราสิํ ปทาลยิํสุ, อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทิํสุฯ น เต ปุน สํสรนฺตีติ เต อรหโนฺต –

    Natthaññoti ādikā gāthā vuttassa avuttassa ca atthassa saṅgaṇhanavasena bhāsitā. Tattha nivutāti nivāritā paliguṇṭhitā, paṭicchāditāti attho. Ahorattanti divā ceva rattiñca, sabbakālanti vuttaṃ hoti. Yathāmohena āvutāti yena pakārena avijjānīvaraṇasaṅkhātena mohena āvutā paṭicchāditā suviññeyyampi ajānantiyo pajā saṃsāre saṃsaranti, tathārūpo añño ekadhammopi ekanīvaraṇampi natthīti yojetabbaṃ. Ye ca mohaṃ pahantvāna, tamokhandhaṃ padālayunti ye pana ariyasāvakā pubbabhāge tadaṅgādippahānavasena, heṭṭhimamaggehi vā taṃtaṃmaggavajjhaṃ mohaṃ pajahitvā aggamaggena vajirūpamañāṇena mohasaṅkhātameva tamorāsiṃ padālayiṃsu, anavasesato samucchindiṃsu. Na te puna saṃsarantīti te arahanto –

    ‘‘ขนฺธานญฺจ ปฎิปาฎิ, ธาตุอายตนาน จ;

    ‘‘Khandhānañca paṭipāṭi, dhātuāyatanāna ca;

    อโพฺพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติฯ –

    Abbocchinnaṃ vattamānā, saṃsāroti pavuccatī’’ti. –

    เอวํ วุเตฺต อิมสฺมิํ สํสาเร น สํสรนฺติ น ปริพฺภมนฺติฯ กิํ การณา? เหตุ เตสํ น วิชฺชติ , ยสฺมา สํสารสฺส เหตุ มูลการณํ อวิชฺชา, สา เตสํ น วิชฺชติ, สพฺพโส นตฺถิ สมุจฺฉินฺนตฺตาติฯ

    Evaṃ vutte imasmiṃ saṃsāre na saṃsaranti na paribbhamanti. Kiṃ kāraṇā? Hetu tesaṃ na vijjati, yasmā saṃsārassa hetu mūlakāraṇaṃ avijjā, sā tesaṃ na vijjati, sabbaso natthi samucchinnattāti.

    จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catutthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๔. อวิชฺชานีวรณสุตฺตํ • 4. Avijjānīvaraṇasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact