Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    สํยุตฺตนิกาเย

    Saṃyuttanikāye

    มหาวคฺค-อฎฺฐกถา

    Mahāvagga-aṭṭhakathā

    ๑. มคฺคสํยุตฺตํ

    1. Maggasaṃyuttaṃ

    ๑. อวิชฺชาวโคฺค

    1. Avijjāvaggo

    ๑-๒. อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา

    1-2. Avijjāsuttādivaṇṇanā

    ๑-๒. มหาวคฺคสฺส ปฐเม ปุพฺพงฺคมาติ สหชาตวเสน จ อุปนิสฺสยวเสน จาติ ทฺวีหากาเรหิ ปุพฺพงฺคมาฯ สมาปตฺติยาติ สมาปชฺชนาย สภาวปฎิลาภาย, อุปฺปตฺติยาติ อโตฺถฯ อนฺวเทว อหิริกํ อโนตฺตปฺปนฺติ สา ปเนสา ยเทตํ อลชฺชนาการสณฺฐิกํ อหิริกํ, อภายนาการสณฺฐิตญฺจ อโนตฺตปฺปํ, เอตํ อนุเทว สเหว เอกโตว, น วินา เตน อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ อวิชฺชาคตสฺสาติ อวิชฺชาย อุปคตสฺส สมนฺนาคตสฺสฯ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ อยาถาวทิฎฺฐิ อนิยฺยานิกทิฎฺฐิฯ ปโหตีติ โหติ อุปฺปชฺชติฯ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีสุปิ อยาถาวอนิยฺยานิกวเสเนว มิจฺฉาภาโว เวทิตโพฺพฯ อิติ อิมานิ อฎฺฐปิ อกุสลธมฺมสมาปตฺติยา มิจฺฉตฺตองฺคานิ นาม โหนฺติฯ ตานิ ปน น เอกกฺขเณ สพฺพานิ ลพฺภนฺติ, นานกฺขเณ ลพฺภนฺติฯ

    1-2. Mahāvaggassa paṭhame pubbaṅgamāti sahajātavasena ca upanissayavasena cāti dvīhākārehi pubbaṅgamā. Samāpattiyāti samāpajjanāya sabhāvapaṭilābhāya, uppattiyāti attho. Anvadeva ahirikaṃ anottappanti sā panesā yadetaṃ alajjanākārasaṇṭhikaṃ ahirikaṃ, abhāyanākārasaṇṭhitañca anottappaṃ, etaṃ anudeva saheva ekatova, na vinā tena uppajjatīti attho. Avijjāgatassāti avijjāya upagatassa samannāgatassa. Micchādiṭṭhīti ayāthāvadiṭṭhi aniyyānikadiṭṭhi. Pahotīti hoti uppajjati. Micchāsaṅkappādīsupi ayāthāvaaniyyānikavaseneva micchābhāvo veditabbo. Iti imāni aṭṭhapi akusaladhammasamāpattiyā micchattaaṅgāni nāma honti. Tāni pana na ekakkhaṇe sabbāni labbhanti, nānakkhaṇe labbhanti.

    กถํ? ยทา หิ ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตจิตฺตํ กายวิญฺญตฺติํ สมุฎฺฐาเปนฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา มิจฺฉาทิฎฺฐิ มิจฺฉาสงฺกโปฺป มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสติ มิจฺฉาสมาธิ มิจฺฉากมฺมโนฺตติ ฉ องฺคานิ โหนฺติฯ ยทา ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตํ, ตทา มิจฺฉาทิฎฺฐิวชฺชานิ ปญฺจฯ ยทา ตาเนว เทฺว วจีวิญฺญตฺติํ สมุฎฺฐาเปนฺติ, ตทา มิจฺฉากมฺมนฺตฎฺฐาเน มิจฺฉาวาจาย สทฺธิํ ตาเนว ฉ วา ปญฺจ วาฯ อยํ อาชีโว นาม กุปฺปมาโน กายวจีทฺวาเรสุเยว อญฺญตรสฺมิํ กุปฺปติ, น มโนทฺวาเรฯ ตสฺมา ยทา อาชีวสีเสน ตาเนว จิตฺตานิ กายวจีวิญฺญตฺติโย สมุฎฺฐาเปนฺติ, ตทา กายกมฺมํ มิจฺฉาชีโว นาม โหติ, ตถา วจีกมฺมนฺติ มิจฺฉาชีวสฺส วเสน ตาเนว ฉ วา ปญฺจ วาฯ ยทา ปน วิญฺญตฺติํ อสมุฎฺฐาเปตฺวา ตานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ , ตทา มิจฺฉาทิฎฺฐิมิจฺฉาสงฺกปฺปมิจฺฉาวายามมิจฺฉาสติมิจฺฉาสมาธิวเสน ปญฺจ วา, มิจฺฉาสงฺกปฺปาทิวเสน จตฺตาริ วา โหนฺตีติ เอวํ น เอกกฺขเณ สพฺพานิ ลพฺภนฺติ, นานกฺขเณ ลพฺภนฺตีติฯ

    Kathaṃ? Yadā hi diṭṭhisampayuttacittaṃ kāyaviññattiṃ samuṭṭhāpentaṃ uppajjati, tadā micchādiṭṭhi micchāsaṅkappo micchāvāyāmo micchāsati micchāsamādhi micchākammantoti cha aṅgāni honti. Yadā diṭṭhivippayuttaṃ, tadā micchādiṭṭhivajjāni pañca. Yadā tāneva dve vacīviññattiṃ samuṭṭhāpenti, tadā micchākammantaṭṭhāne micchāvācāya saddhiṃ tāneva cha vā pañca vā. Ayaṃ ājīvo nāma kuppamāno kāyavacīdvāresuyeva aññatarasmiṃ kuppati, na manodvāre. Tasmā yadā ājīvasīsena tāneva cittāni kāyavacīviññattiyo samuṭṭhāpenti, tadā kāyakammaṃ micchājīvo nāma hoti, tathā vacīkammanti micchājīvassa vasena tāneva cha vā pañca vā. Yadā pana viññattiṃ asamuṭṭhāpetvā tāni cittāni uppajjanti , tadā micchādiṭṭhimicchāsaṅkappamicchāvāyāmamicchāsatimicchāsamādhivasena pañca vā, micchāsaṅkappādivasena cattāri vā hontīti evaṃ na ekakkhaṇe sabbāni labbhanti, nānakkhaṇe labbhantīti.

    สุกฺกปเกฺข วิชฺชาติ กมฺมสฺสกตญาณํฯ อิหาปิ สหชาตวเสน จ อุปนิสฺสยวเสน จาติ ทฺวีหากาเรหิ ปุพฺพงฺคมตา เวทิตพฺพาฯ หิโรตฺตปฺปนฺติ หิรี จ โอตฺตปฺปญฺจฯ ตตฺถ ลชฺชนาการสณฺฐิตา หิรี, ภายนาการสณฺฐิตํ โอตฺตปฺปํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค วุโตฺตวฯ วิชฺชาคตสฺสาติ วิชฺชาย อุปคตสฺส สมนฺนาคตสฺสฯ วิทฺทสุโนติ วิทุโน ปณฺฑิตสฺสฯ สมฺมาทิฎฺฐีติ ยาถาวทิฎฺฐิ นิยฺยานิกทิฎฺฐิฯ สมฺมากมฺมนฺตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ กุสลธมฺมสมาปตฺติยา อิมานิ อฎฺฐงฺคานิ โหนฺติ, ตานิ โลกิยมคฺคกฺขเณ น เอกโต สพฺพานิ ลพฺภนฺติ, โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน ลพฺภนฺติฯ ตานิ จ โข ปฐมชฺฌานิกมเคฺค, ทุติยชฺฌานิกาทีสุ ปน สมฺมาสงฺกปฺปวชฺชานิ สเตฺตว โหนฺติฯ

    Sukkapakkhe vijjāti kammassakatañāṇaṃ. Ihāpi sahajātavasena ca upanissayavasena cāti dvīhākārehi pubbaṅgamatā veditabbā. Hirottappanti hirī ca ottappañca. Tattha lajjanākārasaṇṭhitā hirī, bhāyanākārasaṇṭhitaṃ ottappaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge vuttova. Vijjāgatassāti vijjāya upagatassa samannāgatassa. Viddasunoti viduno paṇḍitassa. Sammādiṭṭhīti yāthāvadiṭṭhi niyyānikadiṭṭhi. Sammākammantādīsupi eseva nayo. Iti kusaladhammasamāpattiyā imāni aṭṭhaṅgāni honti, tāni lokiyamaggakkhaṇe na ekato sabbāni labbhanti, lokuttaramaggakkhaṇe pana labbhanti. Tāni ca kho paṭhamajjhānikamagge, dutiyajjhānikādīsu pana sammāsaṅkappavajjāni satteva honti.

    ตตฺถ โย เอวํ วเทยฺย ‘‘ยสฺมา มชฺฌิมนิกายมฺหิ มหาสฬายตนิกสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๔๓๑) ‘ยา ตถาภูตสฺส ทิฎฺฐิ, สาสฺส โหติ สมฺมาทิฎฺฐิฯ โย ตถาภูตสฺส, สงฺกโปฺป, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกโปฺปฯ โย ตถาภูตสฺส วายาโม, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาวายาโมฯ ยา ตถาภูตสฺส สติ, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสติฯ โย ตถาภูตสฺส สมาธิ, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสมาธิฯ ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว จ สุปริสุโทฺธ’ติ วุตฺตํ ตสฺมา ปญฺจงฺคิโกปิ โลกุตฺตรมโคฺค โหตี’’ติ โส วตฺตโพฺพ – ตสฺมิํเยว สุเตฺต ‘‘เอวมสฺสายํ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตี’’ติ อิทํ กสฺมา น ปสฺสสิ ? ยํ ปเนตํ ‘‘ปุเพฺพว โข ปนสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปพฺพชิตทิวสโต ปฎฺฐาย ปริสุทฺธภาวทสฺสนตฺถํฯ ปพฺพชิตทิวสโต ปฎฺฐาย หิ ปริสุทฺธานิ กายกมฺมาทีนิ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อติปริสุทฺธานิ โหนฺตีติ อยมโตฺถ ทีปิโตฯ

    Tattha yo evaṃ vadeyya ‘‘yasmā majjhimanikāyamhi mahāsaḷāyatanikasutte (ma. ni. 3.431) ‘yā tathābhūtassa diṭṭhi, sāssa hoti sammādiṭṭhi. Yo tathābhūtassa, saṅkappo, svāssa hoti sammāsaṅkappo. Yo tathābhūtassa vāyāmo, svāssa hoti sammāvāyāmo. Yā tathābhūtassa sati, svāssa hoti sammāsati. Yo tathābhūtassa samādhi, svāssa hoti sammāsamādhi. Pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo ca suparisuddho’ti vuttaṃ tasmā pañcaṅgikopi lokuttaramaggo hotī’’ti so vattabbo – tasmiṃyeva sutte ‘‘evamassāyaṃ ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvanāpāripūriṃ gacchatī’’ti idaṃ kasmā na passasi ? Yaṃ panetaṃ ‘‘pubbeva kho panassā’’ti vuttaṃ, taṃ pabbajitadivasato paṭṭhāya parisuddhabhāvadassanatthaṃ. Pabbajitadivasato paṭṭhāya hi parisuddhāni kāyakammādīni lokuttaramaggakkhaṇe atiparisuddhāni hontīti ayamattho dīpito.

    ยมฺปิ อภิธเมฺม วุตฺตํ ‘‘ตสฺมิํ โข ปน สมเย ปญฺจงฺคิโก มโคฺค โหตี’’ติ (วิภ. ๒๑๒), ตํ เอกํ กิจฺจนฺตรํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ยสฺมิญฺหิ กาเล มิจฺฉากมฺมนฺตํ ปหาย สมฺมากมฺมนฺตํ ปูเรติ, ตสฺมิํ กาเล มิจฺฉาวาจา วา มิจฺฉาชีโว วา น โหติ, ทิฎฺฐิ สงฺกโปฺป วายาโม สติ สมาธีติ อิเมสุเยว ปญฺจสุ การกเงฺคสุ สมฺมากมฺมโนฺต ปูรติฯ วิรติวเสน หิ สมฺมากมฺมโนฺต ปูรติ นามฯ สมฺมาวาจาสมฺมาอาชีเวสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ อิมํ กิจฺจนฺตรํ ทเสฺสตุํ เอวํ วุตฺตํฯ โลกิยมคฺคกฺขเณ จ ปเญฺจว โหนฺติ, วิรติ ปน อนิยตาฯ ตสฺมา ‘‘ฉองฺคิโก’’ติ อวตฺวา ‘‘ปญฺจงฺคิโก’’เตฺวว วุตฺตํฯ ‘‘ยา จ, ภิกฺขเว, อริยจิตฺตสฺส อนาสวจิตฺตสฺส อริยมคฺคสมงฺคิโน อริยมคฺคํ ภาวยโต ตีหิ กายทุจฺจริเตหิ อารติ วิรติ ปฎิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ, อยํ ภิกฺขเว สมฺมากมฺมโนฺต อริโย อนาสโว โลกุตฺตรมโคฺค’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๓๙)ฯ เอวํ ปน มหาจตฺตาลีสกสุตฺตาทีสุ อเนเกสุ สุเตฺตสุ สมฺมากมฺมนฺตาทีนญฺจ โลกุตฺตรมคฺคสฺส องฺคภาวสิทฺธิโต อฎฺฐงฺคิโกว โลกุตฺตรมโคฺค โหตีติ เวทิตโพฺพติฯ อิมสฺมิํ สุเตฺต อยํ อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโกว กถิโตฯ ทุติยํ โกสลสํยุเตฺต วุตฺตเมวฯ

    Yampi abhidhamme vuttaṃ ‘‘tasmiṃ kho pana samaye pañcaṅgiko maggo hotī’’ti (vibha. 212), taṃ ekaṃ kiccantaraṃ dassetuṃ vuttaṃ. Yasmiñhi kāle micchākammantaṃ pahāya sammākammantaṃ pūreti, tasmiṃ kāle micchāvācā vā micchājīvo vā na hoti, diṭṭhi saṅkappo vāyāmo sati samādhīti imesuyeva pañcasu kārakaṅgesu sammākammanto pūrati. Virativasena hi sammākammanto pūrati nāma. Sammāvācāsammāājīvesupi eseva nayo. Iti imaṃ kiccantaraṃ dassetuṃ evaṃ vuttaṃ. Lokiyamaggakkhaṇe ca pañceva honti, virati pana aniyatā. Tasmā ‘‘chaaṅgiko’’ti avatvā ‘‘pañcaṅgiko’’tveva vuttaṃ. ‘‘Yā ca, bhikkhave, ariyacittassa anāsavacittassa ariyamaggasamaṅgino ariyamaggaṃ bhāvayato tīhi kāyaduccaritehi ārati virati paṭivirati veramaṇī akiriyā akaraṇaṃ, ayaṃ bhikkhave sammākammanto ariyo anāsavo lokuttaramaggo’’ti (ma. ni. 3.139). Evaṃ pana mahācattālīsakasuttādīsu anekesu suttesu sammākammantādīnañca lokuttaramaggassa aṅgabhāvasiddhito aṭṭhaṅgikova lokuttaramaggo hotīti veditabboti. Imasmiṃ sutte ayaṃ aṭṭhaṅgiko maggo lokiyalokuttaramissakova kathito. Dutiyaṃ kosalasaṃyutte vuttameva.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya
    ๑. อวิชฺชาสุตฺตํ • 1. Avijjāsuttaṃ
    ๒. อุปฑฺฒสุตฺตํ • 2. Upaḍḍhasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑-๒. อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-2. Avijjāsuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact