Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
สํยุตฺตนิกาเย
Saṃyuttanikāye
มหาวคฺคฎีกา
Mahāvaggaṭīkā
๑. มคฺคสํยุตฺตํ
1. Maggasaṃyuttaṃ
๑. อวิชฺชาวโคฺค
1. Avijjāvaggo
๑-๒. อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา
1-2. Avijjāsuttādivaṇṇanā
๑-๒. ปุพฺพงฺคมาติ ปุเพฺพจราฯ อวิชฺชา หิ อญฺญาณลกฺขณา สมฺมุยฺหนากาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตตีติ สมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ ตทาการานุวิธานตาย ปจฺจโย โหติฯ ตถา หิ เต อนิจฺจาสุภทุกฺขานตฺตสภาเวปิ ธเมฺม นิจฺจาทิโต คณฺหนฺติ, อยมสฺสา เตสํ สหชาตวเสน ปุพฺพงฺคมตาฯ ยํ ปน โมเหน อภิภูโต ปาปกิริยาย อาทีนวํ อปสฺสโนฺต ปาณํ หนติ, อทินฺนํ อาทิยติ, กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, มุสา ภณติ, อญฺญมฺปิ วิวิธํ ทุสฺสีลฺยํ อาจรติ, อยมสฺส สหชาตวเสน จ อุปนิสฺสยวเสน จ ปุพฺพงฺคมตาฯ สมาปชฺชนายาติ ตพฺภาวาปชฺชนาย อกุสลปฺปตฺติยาฯ สภาวปฎิลาภายาติ อตฺตลาภายฯ เตนาห ‘‘อุปฺปตฺติยา’’ติฯ สา ปเนสา วุตฺตากาเรน อกุสลานํ ปุพฺพงฺคมภูตา อวิชฺชา อุปฺปชฺชตีติ สมฺพโนฺธฯ ยเทตนฺติ ยํ เอตํ ปาปาชิคุจฺฉนตาย ปาปโต อลชฺชนาการสณฺฐิตํ อหิริกํ, ปาปานุตฺราสตาย ปาปโต อภายนาการสณฺฐิตญฺจ อโนตฺตปฺปํ, เอตํ ทฺวยํ อนุเทว อนฺวาคตเมวฯ อนุ-สเทฺทน เจตฺถ เอตนฺติ อุปโยควจนํฯ อนุเทวาติ เอตสฺส อโตฺถ สเหว เอกโตติฯ เอตฺถ อวิชฺชาย วุตฺตนยานุสาเรน ตปฺปฎิปกฺขโต จ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ยถา อกุสลกมฺมปถวเสน ปวตฺติยํ ปุพฺพงฺคมตา อวิชฺชาย, เอวํ กุสลกมฺมปถวเสน ปุญฺญกิริยวตฺถุวเสน จ ปวตฺติยํ วิชฺชาย ปุพฺพงฺคมตา วตฺตพฺพาฯ วีมํสาธิปติวเสน ปวตฺติยํ อาธิปจฺจาการวเสน จ ปุพฺพงฺคมตา เวทิตพฺพาฯ ทฺวีเหวาติ จ อวธารณํ อาธิปจฺจาการสฺส สหชาเตเนว สงฺคเหตพฺพโตฯ
1-2.Pubbaṅgamāti pubbecarā. Avijjā hi aññāṇalakkhaṇā sammuyhanākārena ārammaṇe pavattatīti sampayuttadhammānampi tadākārānuvidhānatāya paccayo hoti. Tathā hi te aniccāsubhadukkhānattasabhāvepi dhamme niccādito gaṇhanti, ayamassā tesaṃ sahajātavasena pubbaṅgamatā. Yaṃ pana mohena abhibhūto pāpakiriyāya ādīnavaṃ apassanto pāṇaṃ hanati, adinnaṃ ādiyati, kāmesu micchā carati, musā bhaṇati, aññampi vividhaṃ dussīlyaṃ ācarati, ayamassa sahajātavasena ca upanissayavasena ca pubbaṅgamatā. Samāpajjanāyāti tabbhāvāpajjanāya akusalappattiyā. Sabhāvapaṭilābhāyāti attalābhāya. Tenāha ‘‘uppattiyā’’ti. Sā panesā vuttākārena akusalānaṃ pubbaṅgamabhūtā avijjā uppajjatīti sambandho. Yadetanti yaṃ etaṃ pāpājigucchanatāya pāpato alajjanākārasaṇṭhitaṃ ahirikaṃ, pāpānutrāsatāya pāpato abhāyanākārasaṇṭhitañca anottappaṃ, etaṃ dvayaṃ anudeva anvāgatameva. Anu-saddena cettha etanti upayogavacanaṃ. Anudevāti etassa attho saheva ekatoti. Ettha avijjāya vuttanayānusārena tappaṭipakkhato ca attho veditabbo. Ayaṃ pana viseso – tattha yathā akusalakammapathavasena pavattiyaṃ pubbaṅgamatā avijjāya, evaṃ kusalakammapathavasena puññakiriyavatthuvasena ca pavattiyaṃ vijjāya pubbaṅgamatā vattabbā. Vīmaṃsādhipativasena pavattiyaṃ ādhipaccākāravasena ca pubbaṅgamatā veditabbā. Dvīhevāti ca avadhāraṇaṃ ādhipaccākārassa sahajāteneva saṅgahetabbato.
ลชฺชนาการสณฺฐิตาติ ปาปโต ชิคุจฺฉนาการสณฺฐิตาฯ ภายนาการสณฺฐิตนฺติ อุตฺตสนาการสณฺฐิตํฯ เอตฺถาติ หิริโอตฺตเปฺปฯ วิทติ, วินฺทตีติ วา วิชฺชาฯ วิทฺทสูติ จ สปฺปญฺญปริยาโยติ อาห ‘‘วิทฺทสุโนติ วิทุโน’’ติฯ ยาถาวทิฎฺฐีติ อวิปรีตา ทิฎฺฐิ, สํกิเลสโต นิยฺยานิกทิฎฺฐิฯ สมฺมาทิฎฺฐิ ปโหตีติ เอตฺถ สา วิชฺชา สมฺมาทิฎฺฐิ เวทิตพฺพาฯ น เอกโต สพฺพานิ ลพฺภนฺติ สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวานํ ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส อเนกรูปตฺตาฯ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ เอกโต ลพฺภนฺติ กิจฺจโต ภินฺนานมฺปิ ตาสํ ตตฺถ สรูปโต อภินฺนตฺตาฯ เอกา เอว หิ วิรติ มคฺคกฺขเณ ติสฺสนฺนมฺปิ วิรตีนํ กิจฺจํ สาเธนฺตี ปวตฺตติ, ยถา เอกา เอว สมฺมาทิฎฺฐิ ปริชานนาทิวเสน จตุพฺพิธกิจฺจํ สาเธนฺตี ปวตฺตติฯ ตานิ จ โข สพฺพานิ อฎฺฐปิ ปฐมชฺฌานิเก มเคฺค ลพฺภนฺตีติ โยชนาฯ ปฐมชฺฌานิเกติ ปฐมฌานวเนฺตฯ
Lajjanākārasaṇṭhitāti pāpato jigucchanākārasaṇṭhitā. Bhāyanākārasaṇṭhitanti uttasanākārasaṇṭhitaṃ. Etthāti hiriottappe. Vidati, vindatīti vā vijjā. Viddasūti ca sappaññapariyāyoti āha ‘‘viddasunoti viduno’’ti. Yāthāvadiṭṭhīti aviparītā diṭṭhi, saṃkilesato niyyānikadiṭṭhi. Sammādiṭṭhi pahotīti ettha sā vijjā sammādiṭṭhi veditabbā. Na ekato sabbāni labbhanti sammāvācākammantājīvānaṃ pubbābhisaṅkhārassa anekarūpattā. Lokuttaramaggakkhaṇe ekato labbhanti kiccato bhinnānampi tāsaṃ tattha sarūpato abhinnattā. Ekā eva hi virati maggakkhaṇe tissannampi viratīnaṃ kiccaṃ sādhentī pavattati, yathā ekā eva sammādiṭṭhi parijānanādivasena catubbidhakiccaṃ sādhentī pavattati. Tāni ca kho sabbāni aṭṭhapi paṭhamajjhānike magge labbhantīti yojanā. Paṭhamajjhāniketi paṭhamajhānavante.
ตถาภูตสฺสาติ อริยมคฺคสมงฺคิโนฯ ยสฺมา มหาสฬายตนสุเตฺต วุตฺตํ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ ปญฺจนฺนํ เอว องฺคานํ วเสนา’’ติ, ตสฺมา ปญฺจงฺคิโก โลกุตฺตรมโคฺค โหติฯ ‘‘ปุเพฺพว โข ปนา’’ติ หิ วจนํ ตทา มคฺคกฺขเณ วิรตีนํ อภาวํ ญาเปติ, ตสฺมา กามาวจรจิเตฺตสุ วิย โลกุตฺตรจิเตฺตสุ วิรติ อนิยตาติ อธิปฺปาโยฯ ปริสุทฺธภาวทสฺสนนฺติ ปริสุทฺธสีลภาวทสฺสนตฺถํฯ อยมโตฺถ ทีปิโต, น อริยมเคฺค วิรตีนํ อภาโวฯ
Tathābhūtassāti ariyamaggasamaṅgino. Yasmā mahāsaḷāyatanasutte vuttaṃ ‘‘sammādiṭṭhiādīnaṃ pañcannaṃ eva aṅgānaṃ vasenā’’ti, tasmā pañcaṅgiko lokuttaramaggo hoti. ‘‘Pubbeva kho panā’’ti hi vacanaṃ tadā maggakkhaṇe viratīnaṃ abhāvaṃ ñāpeti, tasmā kāmāvacaracittesu viya lokuttaracittesu virati aniyatāti adhippāyo. Parisuddhabhāvadassananti parisuddhasīlabhāvadassanatthaṃ. Ayamattho dīpito, na ariyamagge viratīnaṃ abhāvo.
ยทิ เอวํ กสฺมา อภิธเมฺม มคฺควิภเงฺค ปญฺจงฺคิกวาโร อาคโตติ อาห ‘‘ยมฺปิ อภิธเมฺม’’ติอาทิฯ ตนฺติ ‘‘ปญฺจงฺคิโก มโคฺค โหตี’’ติ วจนํฯ ‘‘เอกํ กิจฺจนฺตรํ ทเสฺสตุํ วุตฺต’’นฺติ วตฺวา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺมิญฺหิ กาเล’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยสฺมิญฺหิ กาเลติ โลกิยกาเล ฯ เตน ‘‘เอกํ กิจฺจนฺตร’’นฺติ วุตฺตํ อฎฺฐงฺคิกกิจฺจํ ทเสฺสติฯ วิรติอุปฺปาทเนน มิจฺฉาวาจาทีนิ ปุคฺคเลน มคฺคสมเย ปชหาเปนฺตีติ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนิ ‘‘ปญฺจ การกงฺคานี’’ติ วุตฺตานิฯ สมฺมาวาจาทิกิริยา หิ วิรติ, ตญฺจ เอตานิ การาเปนฺตีติฯ วิรติวเสนาติ วิรมณกิริยาวเสน การาปกภาเวน, กตฺตุภาเวน วาติ อโตฺถฯ ‘‘วิรติตฺตยวเสนา’’ติ วา ปาโฐฯ
Yadi evaṃ kasmā abhidhamme maggavibhaṅge pañcaṅgikavāro āgatoti āha ‘‘yampi abhidhamme’’tiādi. Tanti ‘‘pañcaṅgiko maggo hotī’’ti vacanaṃ. ‘‘Ekaṃkiccantaraṃ dassetuṃ vutta’’nti vatvā taṃ dassetuṃ ‘‘yasmiñhi kāle’’tiādi vuttaṃ. Yasmiñhi kāleti lokiyakāle . Tena ‘‘ekaṃ kiccantara’’nti vuttaṃ aṭṭhaṅgikakiccaṃ dasseti. Viratiuppādanena micchāvācādīni puggalena maggasamaye pajahāpentīti sammādiṭṭhiādīni ‘‘pañca kārakaṅgānī’’ti vuttāni. Sammāvācādikiriyā hi virati, tañca etāni kārāpentīti. Virativasenāti viramaṇakiriyāvasena kārāpakabhāvena, kattubhāvena vāti attho. ‘‘Viratittayavasenā’’ti vā pāṭho.
สมฺมากมฺมโนฺต ปูรตีติ อิเมหิ สมฺมาทิฎฺฐิอาทีหิ สมฺมากมฺมนฺตกิจฺจํ ปูรติ นาม เตหิ วีริยาทิเกหิ ตทตฺถสิทฺธิโตฯ ตมฺปิ สนฺธาย ‘‘เอกํ กิจฺจนฺตรํ ทเสฺสตุ’’นฺติ วุตฺตํฯ อิมํ กิจฺจนฺตรํ ทเสฺสตุนฺติ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณปิ อิมาเนว ปญฺจ สมฺมาวาจาทิวิรติตฺตยสฺส เอกกฺขเณ การาปกงฺคานีติ ทเสฺสตุํฯ เอวํ วุตฺตนฺติ ‘‘ตสฺมิํ สมเย ปญฺจงฺคิโก มโคฺค โหตี’’ติ (วิภ. ๔๙๔) เอวํ วุตฺตํฯ โลกิยมคฺคกฺขเณ ปเญฺจว โหนฺติ, วิรติ ปน อนิยตา, ตสฺมา ‘‘ฉองฺคิโก’’ติ อวตฺวา ‘‘ปญฺจงฺคิโก’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ ตยิทํ อภิธเมฺม ปญฺจงฺคิกวารเทสนาย การณกิตฺตนมโคฺค, อริยมโคฺค ปน อฎฺฐงฺคิโกวาติ ทเสฺสตุํ, ‘‘ยา จ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทิกา ทส, ตปฺปจฺจยา อกุสลา จ ทสาติ วีสติ อกุสลปกฺขิยา, สมฺมาทิฎฺฐิอาทิกา ทส, ตปฺปจฺจยา กุสลา จ ทสาติ วีสติ กุสลปกฺขิยา มหาจตฺตารีสกสุเตฺต วุตฺตาฯ มหาจตฺตารีสกนฺติ ตเสฺสตํ นามํฯ มิสฺสโกว กถิโต โลกุตฺตรสฺสปิ อิธ ลพฺภมานตฺตาฯ
Sammākammanto pūratīti imehi sammādiṭṭhiādīhi sammākammantakiccaṃ pūrati nāma tehi vīriyādikehi tadatthasiddhito. Tampi sandhāya ‘‘ekaṃ kiccantaraṃ dassetu’’nti vuttaṃ. Imaṃ kiccantaraṃ dassetunti lokuttaramaggakkhaṇepi imāneva pañca sammāvācādiviratittayassa ekakkhaṇe kārāpakaṅgānīti dassetuṃ. Evaṃ vuttanti ‘‘tasmiṃ samaye pañcaṅgiko maggo hotī’’ti (vibha. 494) evaṃ vuttaṃ. Lokiyamaggakkhaṇe pañceva honti, virati pana aniyatā, tasmā ‘‘chaaṅgiko’’ti avatvā ‘‘pañcaṅgiko’’icceva vuttaṃ. Tayidaṃ abhidhamme pañcaṅgikavāradesanāya kāraṇakittanamaggo, ariyamaggo pana aṭṭhaṅgikovāti dassetuṃ, ‘‘yā ca, bhikkhave’’tiādimāha, taṃ suviññeyyameva. Micchādiṭṭhiādikā dasa, tappaccayā akusalā ca dasāti vīsati akusalapakkhiyā, sammādiṭṭhiādikā dasa, tappaccayā kusalā ca dasāti vīsati kusalapakkhiyā mahācattārīsakasutte vuttā. Mahācattārīsakanti tassetaṃ nāmaṃ. Missakova kathito lokuttarassapi idha labbhamānattā.
ยสฺมา โกสลสํยุเตฺตปิ อิธ จ เถเรน ‘‘อุปฑฺฒมิทํ, ภเนฺต, พฺรหฺมจริยสฺสา’’ติอาทินา วุตฺตํ ‘‘มา เหวํ อานนฺทา’’ติอาทินา ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘สกลเมวิทํ อานนฺทา’’ติอาทินา ภควตา เทสิตํ สุตฺตํ อาคตํฯ ตสฺสโตฺถ โกสลสํยุตฺตวณฺณนายํ วุโตฺต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โกสลสํยุเตฺต วุตฺตตฺถเมวา’’ติฯ
Yasmā kosalasaṃyuttepi idha ca therena ‘‘upaḍḍhamidaṃ, bhante, brahmacariyassā’’tiādinā vuttaṃ ‘‘mā hevaṃ ānandā’’tiādinā paṭikkhipitvā ‘‘sakalamevidaṃ ānandā’’tiādinā bhagavatā desitaṃ suttaṃ āgataṃ. Tassattho kosalasaṃyuttavaṇṇanāyaṃ vutto, tasmā vuttaṃ ‘‘kosalasaṃyutte vuttatthamevā’’ti.
อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Avijjāsuttādivaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya
๑. อวิชฺชาสุตฺตํ • 1. Avijjāsuttaṃ
๒. อุปฑฺฒสุตฺตํ • 2. Upaḍḍhasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑-๒. อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-2. Avijjāsuttādivaṇṇanā