Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    (๗) ๒. ยมกวโคฺค

    (7) 2. Yamakavaggo

    ๑. อวิชฺชาสุตฺตํ

    1. Avijjāsuttaṃ

    ๖๑. ‘‘ปุริมา , ภิกฺขเว, โกฎิ น ปญฺญายติ อวิชฺชาย – ‘อิโต ปุเพฺพ อวิชฺชา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติฯ เอวเญฺจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ, อถ จ ปน ปญฺญายติ – ‘อิทปฺปจฺจยา อวิชฺชา’ติฯ

    61. ‘‘Purimā , bhikkhave, koṭi na paññāyati avijjāya – ‘ito pubbe avijjā nāhosi, atha pacchā samabhavī’ti. Evañcetaṃ, bhikkhave, vuccati, atha ca pana paññāyati – ‘idappaccayā avijjā’ti.

    ‘‘อวิชฺชมฺปาหํ 1, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร อวิชฺชาย? ‘ปญฺจ นีวรณา’ติสฺส วจนียํฯ ปญฺจปาหํ, ภิกฺขเว, นีวรเณ สาหาเร วทามิ , โน อนาหาเรฯ โก จาหาโร ปญฺจนฺนํ นีวรณานํ? ‘ตีณิ ทุจฺจริตานี’ติสฺส วจนียํฯ ตีณิปาหํ, ภิกฺขเว, ทุจฺจริตานิ สาหารานิ วทามิ, โน อนาหารานิฯ โก จาหาโร ติณฺณํ ทุจฺจริตานํ? ‘อินฺทฺริยอสํวโร’ติสฺส วจนียํฯ อินฺทฺริยอสํวรมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร อินฺทฺริยอสํวรสฺส? ‘อสตาสมฺปชญฺญ’นฺติสฺส วจนียํฯ อสตาสมฺปชญฺญมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร อสตาสมฺปชญฺญสฺส? ‘อโยนิโสมนสิกาโร’ติสฺส วจนียํฯ อโยนิโสมนสิการมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร อโยนิโสมนสิการสฺส? ‘อสฺสทฺธิย’นฺติสฺส วจนียํฯ อสฺสทฺธิยมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร อสฺสทฺธิยสฺส? ‘อสทฺธมฺมสฺสวน’นฺติสฺส วจนียํฯ อสทฺธมฺมสฺสวนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร อสทฺธมฺมสฺสวนสฺส? ‘อสปฺปุริสสํเสโว’ติสฺส วจนียํฯ

    ‘‘Avijjampāhaṃ 2, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro avijjāya? ‘Pañca nīvaraṇā’tissa vacanīyaṃ. Pañcapāhaṃ, bhikkhave, nīvaraṇe sāhāre vadāmi , no anāhāre. Ko cāhāro pañcannaṃ nīvaraṇānaṃ? ‘Tīṇi duccaritānī’tissa vacanīyaṃ. Tīṇipāhaṃ, bhikkhave, duccaritāni sāhārāni vadāmi, no anāhārāni. Ko cāhāro tiṇṇaṃ duccaritānaṃ? ‘Indriyaasaṃvaro’tissa vacanīyaṃ. Indriyaasaṃvarampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro indriyaasaṃvarassa? ‘Asatāsampajañña’ntissa vacanīyaṃ. Asatāsampajaññampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro asatāsampajaññassa? ‘Ayonisomanasikāro’tissa vacanīyaṃ. Ayonisomanasikārampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro ayonisomanasikārassa? ‘Assaddhiya’ntissa vacanīyaṃ. Assaddhiyampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro assaddhiyassa? ‘Asaddhammassavana’ntissa vacanīyaṃ. Asaddhammassavanampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro asaddhammassavanassa? ‘Asappurisasaṃsevo’tissa vacanīyaṃ.

    ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสสํเสโว ปริปูโร อสทฺธมฺมสฺสวนํ ปริปูเรติ, อสทฺธมฺมสฺสวนํ ปริปูรํ อสฺสทฺธิยํ ปริปูเรติ, อสฺสทฺธิยํ ปริปูรํ อโยนิโสมนสิการํ ปริปูเรติ, อโยนิโสมนสิกาโร ปริปูโร อสตาสมฺปชญฺญํ ปริปูเรติ, อสตาสมฺปชญฺญํ ปริปูรํ อินฺทฺริยอสํวรํ ปริปูเรติ, อินฺทฺริยอสํวโร ปริปูโร ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริปูเรติ, ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริปูรานิ ปญฺจ นีวรเณ ปริปูเรนฺติ, ปญฺจ นีวรณา ปริปูรา อวิชฺชํ ปริปูเรนฺติฯ เอวเมติสฺสา อวิชฺชาย อาหาโร โหติ, เอวญฺจ ปาริปูริฯ

    ‘‘Iti kho, bhikkhave, asappurisasaṃsevo paripūro asaddhammassavanaṃ paripūreti, asaddhammassavanaṃ paripūraṃ assaddhiyaṃ paripūreti, assaddhiyaṃ paripūraṃ ayonisomanasikāraṃ paripūreti, ayonisomanasikāro paripūro asatāsampajaññaṃ paripūreti, asatāsampajaññaṃ paripūraṃ indriyaasaṃvaraṃ paripūreti, indriyaasaṃvaro paripūro tīṇi duccaritāni paripūreti, tīṇi duccaritāni paripūrāni pañca nīvaraṇe paripūrenti, pañca nīvaraṇā paripūrā avijjaṃ paripūrenti. Evametissā avijjāya āhāro hoti, evañca pāripūri.

    ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, อุปริปพฺพเต ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสเนฺต ( ) 3 ตํ อุทกํ ยถานินฺนํ ปวตฺตมานํ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูเรติ, ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูรา กุโสเพฺภ 4 ปริปูเรนฺติฯ กุโสพฺภา ปริปูรา มหาโสเพฺภ 5 ปริปูเรนฺติ, มหาโสพฺภา ปริปูรา กุนฺนทิโย ปริปูเรนฺติ, กุนฺนทิโย ปริปูรา มหานทิโย ปริปูเรนฺติ, มหานทิโย ปริปูรา มหาสมุทฺทํ สาครํ ปริปูเรนฺติ; เอวเมตสฺส มหาสมุทฺทสฺส สาครสฺส อาหาโร โหติ, เอวญฺจ ปาริปูริฯ

    ‘‘Seyyathāpi , bhikkhave, uparipabbate thullaphusitake deve vassante ( ) 6 taṃ udakaṃ yathāninnaṃ pavattamānaṃ pabbatakandarapadarasākhā paripūreti, pabbatakandarapadarasākhā paripūrā kusobbhe 7 paripūrenti. Kusobbhā paripūrā mahāsobbhe 8 paripūrenti, mahāsobbhā paripūrā kunnadiyo paripūrenti, kunnadiyo paripūrā mahānadiyo paripūrenti, mahānadiyo paripūrā mahāsamuddaṃ sāgaraṃ paripūrenti; evametassa mahāsamuddassa sāgarassa āhāro hoti, evañca pāripūri.

    ‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสสํเสโว ปริปูโร อสทฺธมฺมสฺสวนํ ปริปูเรติ, อสทฺธมฺมสฺสวนํ ปริปูรํ อสฺสทฺธิยํ ปริปูเรติ, อสฺสทฺธิยํ ปริปูรํ อโยนิโสมนสิการํ ปริปูเรติ, อโยนิโสมนสิกาโร ปริปูโร อสตาสมฺปชญฺญํ ปริปูเรติ, อสตาสมฺปชญฺญํ ปริปูรํ อินฺทฺริยอสํวรํ ปริปูเรติ, อินฺทฺริยอสํวโร ปริปูโร ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริปูเรติ, ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริปูรานิ ปญฺจ นีวรเณ ปริปูเรนฺติ, ปญฺจ นีวรณา ปริปูรา อวิชฺชํ ปริปูเรนฺติ; เอวเมติสฺสา อวิชฺชาย อาหาโร โหติ, เอวญฺจ ปาริปูริฯ

    ‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, asappurisasaṃsevo paripūro asaddhammassavanaṃ paripūreti, asaddhammassavanaṃ paripūraṃ assaddhiyaṃ paripūreti, assaddhiyaṃ paripūraṃ ayonisomanasikāraṃ paripūreti, ayonisomanasikāro paripūro asatāsampajaññaṃ paripūreti, asatāsampajaññaṃ paripūraṃ indriyaasaṃvaraṃ paripūreti, indriyaasaṃvaro paripūro tīṇi duccaritāni paripūreti, tīṇi duccaritāni paripūrāni pañca nīvaraṇe paripūrenti, pañca nīvaraṇā paripūrā avijjaṃ paripūrenti; evametissā avijjāya āhāro hoti, evañca pāripūri.

    ‘‘วิชฺชาวิมุตฺติมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร วิชฺชาวิมุตฺติยา? ‘สตฺต โพชฺฌงฺคา’ติสฺส วจนียํฯ สตฺตปาหํ, ภิกฺขเว, โพชฺฌเงฺค สาหาเร วทามิ, โน อนาหาเรฯ โก จาหาโร สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ? ‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’ติสฺส วจนียํฯ จตฺตาโรปาหํ, ภิกฺขเว, สติปฎฺฐาเน สาหาเร วทามิ, โน อนาหาเรฯ โก จาหาโร จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ? ‘ตีณิ สุจริตานี’ติสฺส วจนียํฯ ตีณิปาหํ, ภิกฺขเว, สุจริตานิ สาหารานิ วทามิ, โน อนาหารานิฯ โก จาหาโร ติณฺณํ สุจริตานํ? ‘อินฺทฺริยสํวโร’ติสฺส วจนียํฯ อินฺทฺริยสํวรมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร อินฺทฺริยสํวรสฺส? ‘สติสมฺปชญฺญ’นฺติสฺส วจนียํฯ สติสมฺปชญฺญมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร สติสมฺปชญฺญสฺส? ‘โยนิโสมนสิกาโร’ติสฺส วจนียํฯ โยนิโสมนสิการมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร โยนิโสมนสิการสฺส? ‘สทฺธา’ติสฺส วจนียํฯ สทฺธมฺปาหํ, ภิกฺขเว, สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร สทฺธาย ? ‘สทฺธมฺมสฺสวน’นฺติสฺส วจนียํฯ สทฺธมฺมสฺสวนมฺปาหํ, ภิกฺขเว , สาหารํ วทามิ, โน อนาหารํฯ โก จาหาโร สทฺธมฺมสฺสวนสฺส? ‘สปฺปุริสสํเสโว’ติสฺส วจนียํฯ

    ‘‘Vijjāvimuttimpāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro vijjāvimuttiyā? ‘Satta bojjhaṅgā’tissa vacanīyaṃ. Sattapāhaṃ, bhikkhave, bojjhaṅge sāhāre vadāmi, no anāhāre. Ko cāhāro sattannaṃ bojjhaṅgānaṃ? ‘Cattāro satipaṭṭhānā’tissa vacanīyaṃ. Cattāropāhaṃ, bhikkhave, satipaṭṭhāne sāhāre vadāmi, no anāhāre. Ko cāhāro catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ? ‘Tīṇi sucaritānī’tissa vacanīyaṃ. Tīṇipāhaṃ, bhikkhave, sucaritāni sāhārāni vadāmi, no anāhārāni. Ko cāhāro tiṇṇaṃ sucaritānaṃ? ‘Indriyasaṃvaro’tissa vacanīyaṃ. Indriyasaṃvarampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro indriyasaṃvarassa? ‘Satisampajañña’ntissa vacanīyaṃ. Satisampajaññampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro satisampajaññassa? ‘Yonisomanasikāro’tissa vacanīyaṃ. Yonisomanasikārampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro yonisomanasikārassa? ‘Saddhā’tissa vacanīyaṃ. Saddhampāhaṃ, bhikkhave, sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro saddhāya ? ‘Saddhammassavana’ntissa vacanīyaṃ. Saddhammassavanampāhaṃ, bhikkhave , sāhāraṃ vadāmi, no anāhāraṃ. Ko cāhāro saddhammassavanassa? ‘Sappurisasaṃsevo’tissa vacanīyaṃ.

    ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริสสํเสโว ปริปูโร สทฺธมฺมสฺสวนํ ปริปูเรติ, สทฺธมฺมสฺสวนํ ปริปูรํ สทฺธํ ปริปูเรติ, สทฺธา ปริปูรา โยนิโสมนสิการํ ปริปูเรติ, โยนิโสมนสิกาโร ปริปูโร สติสมฺปชญฺญํ ปริปูเรติ, สติสมฺปชญฺญํ ปริปูรํ อินฺทฺริยสํวรํ ปริปูเรติ, อินฺทฺริยสํวโร ปริปูโร ตีณิ สุจริตานิ ปริปูเรติ, ตีณิ สุจริตานิ ปริปูรานิ จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน ปริปูเรนฺติ, จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ปริปูรา สตฺต โพชฺฌเงฺค ปริปูเรนฺติ, สตฺต โพชฺฌงฺคา ปริปูรา วิชฺชาวิมุตฺติํ ปริปูเรนฺติ; เอวเมติสฺสา วิชฺชาวิมุตฺติยา อาหาโร โหติ, เอวญฺจ ปาริปูริฯ

    ‘‘Iti kho, bhikkhave, sappurisasaṃsevo paripūro saddhammassavanaṃ paripūreti, saddhammassavanaṃ paripūraṃ saddhaṃ paripūreti, saddhā paripūrā yonisomanasikāraṃ paripūreti, yonisomanasikāro paripūro satisampajaññaṃ paripūreti, satisampajaññaṃ paripūraṃ indriyasaṃvaraṃ paripūreti, indriyasaṃvaro paripūro tīṇi sucaritāni paripūreti, tīṇi sucaritāni paripūrāni cattāro satipaṭṭhāne paripūrenti, cattāro satipaṭṭhānā paripūrā satta bojjhaṅge paripūrenti, satta bojjhaṅgā paripūrā vijjāvimuttiṃ paripūrenti; evametissā vijjāvimuttiyā āhāro hoti, evañca pāripūri.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุปริปพฺพเต ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสเนฺต ตํ อุทกํ ยถานินฺนํ ปวตฺตมานํ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูเรติ, ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูรา กุโสเพฺภ ปริปูเรนฺติ, กุโสพฺภา ปริปูรา มหาโสเพฺภ ปริปูเรนฺติ, มหาโสพฺภา ปริปูรา กุนฺนทิโย ปริปูเรนฺติ, กุนฺนทิโย ปริปูรา มหานทิโย ปริปูเรนฺติ, มหานทิโย ปริปูรา มหาสมุทฺทํ สาครํ ปริปูเรนฺติ; เอวเมตสฺส มหาสมุทฺทสฺส สาครสฺส อาหาโร โหติ, เอวญฺจ ปาริปูริฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, uparipabbate thullaphusitake deve vassante taṃ udakaṃ yathāninnaṃ pavattamānaṃ pabbatakandarapadarasākhā paripūreti, pabbatakandarapadarasākhā paripūrā kusobbhe paripūrenti, kusobbhā paripūrā mahāsobbhe paripūrenti, mahāsobbhā paripūrā kunnadiyo paripūrenti, kunnadiyo paripūrā mahānadiyo paripūrenti, mahānadiyo paripūrā mahāsamuddaṃ sāgaraṃ paripūrenti; evametassa mahāsamuddassa sāgarassa āhāro hoti, evañca pāripūri.

    ‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริสสํเสโว ปริปูโร สทฺธมฺมสฺสวนํ ปริปูเรติ, สทฺธมฺมสฺสวนํ ปริปูรํ สทฺธํ ปริปูเรติ, สทฺธา ปริปูรา โยนิโสมนสิการํ ปริปูเรติ, โยนิโสมนสิกาโร ปริปูโร สติสมฺปชญฺญํ ปริปูเรติ, สติสมฺปชญฺญํ ปริปูรํ อินฺทฺริยสํวรํ ปริปูเรติ, อินฺทฺริยสํวโร ปริปูโร ตีณิ สุจริตานิ ปริปูเรติ, ตีณิ สุจริตานิ ปริปูรานิ จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน ปริปูเรนฺติ, จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ปริปูรา สตฺต โพชฺฌเงฺค ปริปูเรนฺติ, สตฺต โพชฺฌงฺคา ปริปูรา วิชฺชาวิมุตฺติํ ปริปูเรนฺติ; เอวเมติสฺสา วิชฺชาวิมุตฺติยา อาหาโร โหติ, เอวญฺจ ปาริปูรี’’ติฯ ปฐมํฯ

    ‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, sappurisasaṃsevo paripūro saddhammassavanaṃ paripūreti, saddhammassavanaṃ paripūraṃ saddhaṃ paripūreti, saddhā paripūrā yonisomanasikāraṃ paripūreti, yonisomanasikāro paripūro satisampajaññaṃ paripūreti, satisampajaññaṃ paripūraṃ indriyasaṃvaraṃ paripūreti, indriyasaṃvaro paripūro tīṇi sucaritāni paripūreti, tīṇi sucaritāni paripūrāni cattāro satipaṭṭhāne paripūrenti, cattāro satipaṭṭhānā paripūrā satta bojjhaṅge paripūrenti, satta bojjhaṅgā paripūrā vijjāvimuttiṃ paripūrenti; evametissā vijjāvimuttiyā āhāro hoti, evañca pāripūrī’’ti. Paṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. อวิชฺชมฺปหํ (สี. สฺยา.)
    2. avijjampahaṃ (sī. syā.)
    3. (คลคลายเนฺต) (สี.), (คฬคฬายเนฺต) (สฺยา.)
    4. กุสฺสุเพฺภ (สี.), กุสุเพฺภ (สฺยา.), กุโสเมฺภ (ก.) อ. นิ. ๓.๙๖
    5. มหาโสเมฺภ (ก.)
    6. (galagalāyante) (sī.), (gaḷagaḷāyante) (syā.)
    7. kussubbhe (sī.), kusubbhe (syā.), kusombhe (ka.) a. ni. 3.96
    8. mahāsombhe (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา • 1. Avijjāsuttādivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๗. อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-7. Avijjāsuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact