Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā |
อวิสฺสชฺชิยวตฺถุกถา
Avissajjiyavatthukathā
๓๒๑. ปญฺจิมานีติ ราสิวเสน ปญฺจ, สรูปวเสน ปเนตานิ พหูนิ โหนฺติฯ ตตฺถ อาราโม นาม ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วาฯ อารามวตฺถุ นาม เตสํเยว อารามานํ อตฺถาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ฐปิโตกาโส; เตสุ วา อาราเมสุ วินเฎฺฐสุ เตสํ โปราณกภูมิภาโคฯ วิหาโร นาม ยํกิญฺจิ ปาสาทาทิเสนาสนํฯ วิหารวตฺถุ นาม ตสฺส ปติฎฺฐาโนกาโสฯ มโญฺจ นาม – มสารโก, พุนฺทิกาพโทฺธ, กุฬีรปาทโก อาหจฺจปาทโกติ อิเมสํ ปุเพฺพ วุตฺตานํ จตุนฺนํ มญฺจานํ อญฺญตโร ฯ ปีฐํ นาม มสารกาทีนํเยว จตุนฺนํ ปีฐานํ อญฺญตรํฯ ภิสิ นาม อุณฺณภิสิอาทีนํ ปญฺจนฺนํ อญฺญตราฯ พิโมฺพหนํ นาม วุตฺตปฺปการานํ พิโมฺพหนานํ อญฺญตรํฯ โลหกุมฺภี นาม กาฬโลเหน วา ตมฺพโลเหน วา เยน เกนจิ โลเหน กตา กุมฺภีฯ โลหภาณกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ ปน ภาณกนฺติ อรญฺชโร วุจฺจติฯ วารโกติ ฆโฎฯ กฎาหํ กฎาหเมวฯ วาสิอาทีสุ วลฺลิอาทีสุ จ ทุวิเญฺญยฺยํ นาม นตฺถิฯ เอวํ –
321.Pañcimānīti rāsivasena pañca, sarūpavasena panetāni bahūni honti. Tattha ārāmo nāma pupphārāmo vā phalārāmo vā. Ārāmavatthu nāma tesaṃyeva ārāmānaṃ atthāya paricchinditvā ṭhapitokāso; tesu vā ārāmesu vinaṭṭhesu tesaṃ porāṇakabhūmibhāgo. Vihāro nāma yaṃkiñci pāsādādisenāsanaṃ. Vihāravatthu nāma tassa patiṭṭhānokāso. Mañco nāma – masārako, bundikābaddho, kuḷīrapādako āhaccapādakoti imesaṃ pubbe vuttānaṃ catunnaṃ mañcānaṃ aññataro . Pīṭhaṃ nāma masārakādīnaṃyeva catunnaṃ pīṭhānaṃ aññataraṃ. Bhisi nāma uṇṇabhisiādīnaṃ pañcannaṃ aññatarā. Bimbohanaṃ nāma vuttappakārānaṃ bimbohanānaṃ aññataraṃ. Lohakumbhī nāma kāḷalohena vā tambalohena vā yena kenaci lohena katā kumbhī. Lohabhāṇakādīsupi eseva nayo. Ettha pana bhāṇakanti arañjaro vuccati. Vārakoti ghaṭo. Kaṭāhaṃ kaṭāhameva. Vāsiādīsu valliādīsu ca duviññeyyaṃ nāma natthi. Evaṃ –
ทฺวิสงฺคหานิ เทฺว โหนฺติ, ตติยํ จตุสงฺคหํ;
Dvisaṅgahāni dve honti, tatiyaṃ catusaṅgahaṃ;
จตุตฺถํ นวโกฎฺฐาสํ, ปญฺจมํ อฎฺฐเภทนํฯ
Catutthaṃ navakoṭṭhāsaṃ, pañcamaṃ aṭṭhabhedanaṃ.
อิติ ปญฺจหิ ราสีหิ, ปญฺจนิมฺมลโลจโน;
Iti pañcahi rāsīhi, pañcanimmalalocano;
ปญฺจวีสวิธํ นาโถ, ครุภณฺฑํ ปกาสยิฯ
Pañcavīsavidhaṃ nātho, garubhaṇḍaṃ pakāsayi.
ตตฺรายํ วินิจฺฉยกถา – อิทญฺหิ สพฺพมฺปิ ครุภณฺฑํ อิธ อวิสฺสชฺชิยํ, กีฎาคิริวตฺถุสฺมิํ ‘‘อเวภงฺคิย’’นฺติ วุตฺตํฯ ปริวาเร ปน –
Tatrāyaṃ vinicchayakathā – idañhi sabbampi garubhaṇḍaṃ idha avissajjiyaṃ, kīṭāgirivatthusmiṃ ‘‘avebhaṅgiya’’nti vuttaṃ. Parivāre pana –
‘‘อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิยํ, ปญฺจ วุตฺตา มเหสินา;
‘‘Avissajjiyaṃ avebhaṅgiyaṃ, pañca vuttā mahesinā;
วิสฺสเชฺชนฺตสฺส ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติ,
Vissajjentassa paribhuñjantassa anāpatti,
ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๗๙) –
Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 479) –
อาคตํฯ ตสฺมา มูลเจฺฉชฺชวเสน อวิสฺสชฺชิยํ อเวภงฺคิยญฺจ ปริวตฺตนวเสน ปน วิสฺสเชฺชนฺตสฺส ปริภุญฺชนฺตสฺส จ อนาปตฺตีติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ
Āgataṃ. Tasmā mūlacchejjavasena avissajjiyaṃ avebhaṅgiyañca parivattanavasena pana vissajjentassa paribhuñjantassa ca anāpattīti evamettha adhippāyo veditabbo.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อิทํ ตาว ปญฺจวิธมฺปิ จีวรปิณฺฑปาตเภสชฺชตฺถาย อุปเนตุํ น วฎฺฎติฯ ถาวเรน จ ถาวรํ ครุภเณฺฑน จ ครุภณฺฑํ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ ถาวเร ปน เขตฺตํ วตฺถุ ตฬากํ มาติกาติ เอวรูปํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิจาเรตุํ วา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วา อธิวาเสตุํ วา น วฎฺฎติ, กปฺปิยการเกเหว วิจาริตโต กปฺปิยภณฺฑํ วฎฺฎติฯ อาราเมน ปน อารามํ อารามวตฺถุํ วิหารํ วิหารวตฺถุนฺติ อิมานิ จตฺตาริ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎติฯ
Tatrāyaṃ anupubbikathā – idaṃ tāva pañcavidhampi cīvarapiṇḍapātabhesajjatthāya upanetuṃ na vaṭṭati. Thāvarena ca thāvaraṃ garubhaṇḍena ca garubhaṇḍaṃ parivattetuṃ vaṭṭati. Thāvare pana khettaṃ vatthu taḷākaṃ mātikāti evarūpaṃ bhikkhusaṅghassa vicāretuṃ vā sampaṭicchituṃ vā adhivāsetuṃ vā na vaṭṭati, kappiyakārakeheva vicāritato kappiyabhaṇḍaṃ vaṭṭati. Ārāmena pana ārāmaṃ ārāmavatthuṃ vihāraṃ vihāravatthunti imāni cattāri parivattetuṃ vaṭṭati.
ตตฺรายํ ปริวตฺตนนโย – สงฺฆสฺส นาฬิเกราราโม ทูเร โหติ, กปฺปิยการกา วา พหุตรํ ขาทนฺติฯ ยมฺปิ น ขาทนฺติ, ตโต สกฎเวตนํ ทตฺวา อปฺปเมว หรนฺติฯ อเญฺญสํ ปน ตสฺส อารามสฺส อวิทูรคามวาสีนํ มนุสฺสานํ วิหารสฺส สมีเป อาราโม โหติ, เต สงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา สเกน อาราเมน ตํ อารามํ ยาจนฺติ, สเงฺฆน ‘‘รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ อปโลเกตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพฯ สเจปิ ภิกฺขูนํ รุกฺขสหสฺสํ โหติ, มนุสฺสานํ ปญฺจ สตานิ, ‘‘ตุมฺหากํ อาราโม ขุทฺทโก’’ติ น วตฺตพฺพํฯ กิญฺจาปิ หิ อยํ ขุทฺทโก, อถ โข อิตรโต พหุตรํ อายํ เทติฯ สเจปิ สมกเมว เทติ; เอวมฺปิ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ปริภุญฺชิตุํ สกฺกาติ คเหตพฺพเมวฯ สเจ ปน มนุสฺสานํ พหุตรา รุกฺขา โหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ พหุตรา รุกฺขา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ‘‘อติเรกํ อมฺหากํ ปุญฺญํ โหตุ, สงฺฆสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขูนํ รุกฺขา ผลธาริโน, มนุสฺสานํ รุกฺขา น ตาว ผลํ คณฺหนฺติ, กิญฺจาปิ น คณฺหนฺติ, น จิเรน คณฺหิสฺสนฺตีติ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพเมวฯ มนุสฺสานํ รุกฺขา ผลธาริโน, ภิกฺขูนํ น ตาว ผลํ คณฺหนฺติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ รุกฺขา ผลธาริโน’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ ‘‘คณฺหถ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปุญฺญํ ภวิสฺสตี’’ติ เทนฺติ, ชานาเปตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติ; เอวํ อาราเมน อาราโม ปริวเตฺตตโพฺพฯ เอเตเนว นเยน อารามวตฺถุปิ วิหาโรปิ วิหารวตฺถุปิ อาราเมน ปริวเตฺตตพฺพํฯ อารามวตฺถุนา จ มหเนฺตน วา ขุทฺทเกน วา อารามอารามวตฺถุ วิหารวิหารวตฺถูนิ ฯ
Tatrāyaṃ parivattananayo – saṅghassa nāḷikerārāmo dūre hoti, kappiyakārakā vā bahutaraṃ khādanti. Yampi na khādanti, tato sakaṭavetanaṃ datvā appameva haranti. Aññesaṃ pana tassa ārāmassa avidūragāmavāsīnaṃ manussānaṃ vihārassa samīpe ārāmo hoti, te saṅghaṃ upasaṅkamitvā sakena ārāmena taṃ ārāmaṃ yācanti, saṅghena ‘‘ruccati saṅghassā’’ti apaloketvā sampaṭicchitabbo. Sacepi bhikkhūnaṃ rukkhasahassaṃ hoti, manussānaṃ pañca satāni, ‘‘tumhākaṃ ārāmo khuddako’’ti na vattabbaṃ. Kiñcāpi hi ayaṃ khuddako, atha kho itarato bahutaraṃ āyaṃ deti. Sacepi samakameva deti; evampi icchiticchitakkhaṇe paribhuñjituṃ sakkāti gahetabbameva. Sace pana manussānaṃ bahutarā rukkhā honti, ‘‘nanu tumhākaṃ bahutarā rukkhā’’ti vattabbaṃ. Sace ‘‘atirekaṃ amhākaṃ puññaṃ hotu, saṅghassa demā’’ti vadanti, jānāpetvā sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Bhikkhūnaṃ rukkhā phaladhārino, manussānaṃ rukkhā na tāva phalaṃ gaṇhanti, kiñcāpi na gaṇhanti, na cirena gaṇhissantīti sampaṭicchitabbameva. Manussānaṃ rukkhā phaladhārino, bhikkhūnaṃ na tāva phalaṃ gaṇhanti, ‘‘nanu tumhākaṃ rukkhā phaladhārino’’ti vattabbaṃ. Sace ‘‘gaṇhatha, bhante, amhākaṃ puññaṃ bhavissatī’’ti denti, jānāpetvā sampaṭicchituṃ vaṭṭati; evaṃ ārāmena ārāmo parivattetabbo. Eteneva nayena ārāmavatthupi vihāropi vihāravatthupi ārāmena parivattetabbaṃ. Ārāmavatthunā ca mahantena vā khuddakena vā ārāmaārāmavatthu vihāravihāravatthūni .
กถํ วิหาเรน วิหาโร ปริวเตฺตตโพฺพ? สงฺฆสฺส อโนฺตคาเม เคหํ โหติ, มนุสฺสานํ วิหารมเชฺฌ ปาสาโท, อุโภปิ อเคฺฆน สมกา, สเจ มนุสฺสา เตน ปาสาเทน ตํ เคหํ ยาจนฺติ, สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขูนํ เจ มหคฺฆตรํ เคหํ โหติ, ‘‘มหคฺฆตรํ อมฺหากํ เคห’’นฺติ วุเตฺต ‘‘กิญฺจาปิ มหคฺฆตรํ, ปพฺพชิตานํ อสารุปฺปํ, น สกฺกา ตตฺถ ปพฺพชิเตหิ วสิตุํ, อิทํ ปน สารุปฺปํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติ; เอวมฺปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปน มนุสฺสานํ มหคฺฆํ โหติ, ‘‘นนุ ตุมฺหากํ เคหํ มหคฺฆ’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ ‘‘โหตุ, ภเนฺต, อมฺหากํ ปุญฺญํ ภวิสฺสติ, คณฺหถา’’ติ วุเตฺต ปน สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ วิหาเรน วิหาโร ปริวเตฺตตโพฺพฯ เอเตเนว นเยน วิหารวตฺถุปิ อาราโมปิ อารามวตฺถุปิ วิหาเรน ปริวเตฺตตพฺพํฯ วิหารวตฺถุนา จ มหเคฺฆน วา อปฺปเคฺฆน วา วิหารวิหารวตฺถุอารามอารามวตฺถูนิฯ เอวํ ตาว ถาวเรน ถาวรปริวตฺตนํ เวทิตพฺพํฯ
Kathaṃ vihārena vihāro parivattetabbo? Saṅghassa antogāme gehaṃ hoti, manussānaṃ vihāramajjhe pāsādo, ubhopi agghena samakā, sace manussā tena pāsādena taṃ gehaṃ yācanti, sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Bhikkhūnaṃ ce mahagghataraṃ gehaṃ hoti, ‘‘mahagghataraṃ amhākaṃ geha’’nti vutte ‘‘kiñcāpi mahagghataraṃ, pabbajitānaṃ asāruppaṃ, na sakkā tattha pabbajitehi vasituṃ, idaṃ pana sāruppaṃ gaṇhathā’’ti vadanti; evampi sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Sace pana manussānaṃ mahagghaṃ hoti, ‘‘nanu tumhākaṃ gehaṃ mahaggha’’nti vattabbaṃ. ‘‘Hotu, bhante, amhākaṃ puññaṃ bhavissati, gaṇhathā’’ti vutte pana sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Evaṃ vihārena vihāro parivattetabbo. Eteneva nayena vihāravatthupi ārāmopi ārāmavatthupi vihārena parivattetabbaṃ. Vihāravatthunā ca mahagghena vā appagghena vā vihāravihāravatthuārāmaārāmavatthūni. Evaṃ tāva thāvarena thāvaraparivattanaṃ veditabbaṃ.
ครุภเณฺฑน ครุภณฺฑปริวตฺตเน ปน มญฺจปีฐํ มหนฺตํ วา โหตุ ขุทฺทกํ วา, อนฺตมโส จตุรงฺคุลปาทกํ วา คามทารเกหิ ปํสฺวาคารเกสุ กีฬเนฺตหิ กตมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํ โหติฯ สเจปิ ราชราชมหามตฺตาทโย เอกปฺปหาเรเนว มญฺจสตํ วา มญฺจสหสฺสํ วา เทนฺติ, สเพฺพ กปฺปิยมญฺจา สมฺปฎิจฺฉิตพฺพา, สมฺปฎิจฺฉิตฺวา วุฑฺฒปฎิปาฎิยา ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ ทาตพฺพา, ปุคฺคลิกวเสน น ทาตพฺพาฯ อติเรกมเญฺจ ภณฺฑาคาราทีสุ ปญฺญเปตฺวา ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ พหิสีมาย ‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนมโญฺจ สงฺฆเตฺถรสฺส วสนฎฺฐาเน ทาตโพฺพฯ ตตฺถ เจ พหู มญฺจา โหนฺติ, มเญฺจน กมฺมํ นตฺถิ; ยสฺส วสนฎฺฐาเน กมฺมํ อตฺถิ, ตตฺถ ‘‘สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชถา’’ติ ทาตโพฺพฯ มหเคฺฆน สตคฺฆนเกน วา สหสฺสคฺฆนเกน วา สตสหสฺสคฺฆนเกน วา มเญฺจน อญฺญํ มญฺจสตํ ลภติ, ปริวเตฺตตฺวา คเหตพฺพํฯ น เกวลํ มเญฺจน มโญฺจเยว, อารามอารามวตฺถุวิหารวิหารวตฺถุปีฐภิสิพิโมฺพหนานิปิ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎนฺติฯ เอส นโย ปีฐภิสิพิโมฺพหเนสุปิฯ เอเตสุ หิ กปฺปิยากปฺยิยํ วุตฺตนยเมวฯ ตตฺถ อกปฺปิยํ น ปริภุญฺชิตพฺพํ, กปฺปิยํ สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อกปฺปิยํ วา มหคฺฆํ กปฺปิยํ วา ปริวเตฺตตฺวา วุตฺตวตฺถูนิ คเหตพฺพานิฯ อครุภณฺฑุปคํ ปน ภิสิพิโมฺพหนํ นาม นตฺถิฯ
Garubhaṇḍena garubhaṇḍaparivattane pana mañcapīṭhaṃ mahantaṃ vā hotu khuddakaṃ vā, antamaso caturaṅgulapādakaṃ vā gāmadārakehi paṃsvāgārakesu kīḷantehi katampi saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ hoti. Sacepi rājarājamahāmattādayo ekappahāreneva mañcasataṃ vā mañcasahassaṃ vā denti, sabbe kappiyamañcā sampaṭicchitabbā, sampaṭicchitvā vuḍḍhapaṭipāṭiyā ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti dātabbā, puggalikavasena na dātabbā. Atirekamañce bhaṇḍāgārādīsu paññapetvā pattacīvaraṃ nikkhipitumpi vaṭṭati. Bahisīmāya ‘‘saṅghassa demā’’ti dinnamañco saṅghattherassa vasanaṭṭhāne dātabbo. Tattha ce bahū mañcā honti, mañcena kammaṃ natthi; yassa vasanaṭṭhāne kammaṃ atthi, tattha ‘‘saṅghikaparibhogena paribhuñjathā’’ti dātabbo. Mahagghena satagghanakena vā sahassagghanakena vā satasahassagghanakena vā mañcena aññaṃ mañcasataṃ labhati, parivattetvā gahetabbaṃ. Na kevalaṃ mañcena mañcoyeva, ārāmaārāmavatthuvihāravihāravatthupīṭhabhisibimbohanānipi parivattetuṃ vaṭṭanti. Esa nayo pīṭhabhisibimbohanesupi. Etesu hi kappiyākapyiyaṃ vuttanayameva. Tattha akappiyaṃ na paribhuñjitabbaṃ, kappiyaṃ saṅghikaparibhogena paribhuñjitabbaṃ. Akappiyaṃ vā mahagghaṃ kappiyaṃ vā parivattetvā vuttavatthūni gahetabbāni. Agarubhaṇḍupagaṃ pana bhisibimbohanaṃ nāma natthi.
โลหกุมฺภี โลหภาณกํ โลหกฎาหนฺติ อิมานิ ตีณิ มหนฺตานิ วา โหนฺตุ ขุทฺทกานิ วา อนฺตมโส ปสตมตฺตอุทกคณฺหนกานิปิ ครุภณฺฑานิเยวฯ โลหวารโก ปน กาฬโลหตมฺพโลหวฎฺฎโลหกํสโลหานํ เยน เกนจิ กโต สีหฬทีเป ปาทคณฺหนโก ภาเชตโพฺพฯ ปาโท จ นาม มคธนาฬิยา ปญฺจนาฬิมตฺตํ คณฺหาติ, ตโต อธิกคณฺหนโก ครุภณฺฑํฯ อิมานิ ตาว ปาฬิยํ อาคตานิ โลหภาชนานิฯ
Lohakumbhī lohabhāṇakaṃ lohakaṭāhanti imāni tīṇi mahantāni vā hontu khuddakāni vā antamaso pasatamattaudakagaṇhanakānipi garubhaṇḍāniyeva. Lohavārako pana kāḷalohatambalohavaṭṭalohakaṃsalohānaṃ yena kenaci kato sīhaḷadīpe pādagaṇhanako bhājetabbo. Pādo ca nāma magadhanāḷiyā pañcanāḷimattaṃ gaṇhāti, tato adhikagaṇhanako garubhaṇḍaṃ. Imāni tāva pāḷiyaṃ āgatāni lohabhājanāni.
ปาฬิยํ ปน อนาคตานิปิ ภิงฺคารปฎิคฺคหอุฬุงฺกทพฺพิกฎจฺฉุปาติตฎฺฎกสรกสมุคฺคองฺคารกปลฺลธูมกฎจฺฉุอาทีนิ ขุทฺทกานิ วา มหนฺตานิ วา สพฺพานิ ครุภณฺฑานิฯ ปโตฺต, อยถาลกํ, ตมฺพโลหถาลกนฺติ อิมานิ ปน ภาชนียานิฯ กํสโลหวฎฺฎโลหภาชนวิกติ สงฺฆิกปริโภเคน วา คิหิวิกฎา วา วฎฺฎติ, ปุคฺคลิกปริโภเคน น วฎฺฎติฯ กํสโลหาทิภาชนํ สงฺฆสฺส ทินฺนมฺปิ หิ ปาริหาริยํ น วฎฺฎติฯ ‘‘คิหิวิกฎนิหาเรเนว ปริภุญฺชิตพฺพ’’นฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ
Pāḷiyaṃ pana anāgatānipi bhiṅgārapaṭiggahauḷuṅkadabbikaṭacchupātitaṭṭakasarakasamuggaaṅgārakapalladhūmakaṭacchuādīni khuddakāni vā mahantāni vā sabbāni garubhaṇḍāni. Patto, ayathālakaṃ, tambalohathālakanti imāni pana bhājanīyāni. Kaṃsalohavaṭṭalohabhājanavikati saṅghikaparibhogena vā gihivikaṭā vā vaṭṭati, puggalikaparibhogena na vaṭṭati. Kaṃsalohādibhājanaṃ saṅghassa dinnampi hi pārihāriyaṃ na vaṭṭati. ‘‘Gihivikaṭanihāreneva paribhuñjitabba’’nti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ.
ฐเปตฺวา ปน ภาชนวิกติํ อญฺญสฺมิมฺปิ กปฺปิยโลหภเณฺฑ – อญฺชนี, อญฺชนิสลากา, กณฺณมลหรณี, สูจิ, ปณฺณสูจิ, ขุทฺทโก, ปิปฺผลโก, ขุทฺทกํ, อารกณฺฎกํ, กุญฺจิกา, ตาฬํ, กตฺตรยฎฺฐิ เวธโก, นตฺถุทานํ, ภินฺทิวาโล, โลหกูโฎ, โลหกุฎฺฎิ, โลหคุโฬ, โลหปิณฺฑิ, โลหจกฺกลิกํ, อญฺญมฺปิ วิปฺปกตโลหภณฺฑํ ภาชนียํฯ ธูมเนตฺตผาลทีปรุกฺขทีปกปลฺลกโอลมฺพกทีปอิตฺถิปุริสติรจฺฉานคตรูปกานิ ปน อญฺญานิ วา ภิตฺติจฺฉทนกวาฎาทีสุ อุปเนตพฺพานิ, อนฺตมโส โลหขิลกํ อุปาทาย สพฺพานิ โลหภณฺฑานิ ครุภณฺฑานิเยว โหนฺติ, อตฺตนา ลทฺธานิปิ ปริหริตฺวา ปุคฺคลิกปริโภเคน น ปริภุญฺชิตพฺพานิ, สงฺฆิกปริโภเคน วา คิหิวิกฎานิ วา วฎฺฎนฺติฯ ติปุภเณฺฑปิ เอเสว นโยฯ ขีรปาสาณมยานิ ตฎฺฎกสรกาทีนิ ครุภณฺฑานิเยวฯ
Ṭhapetvā pana bhājanavikatiṃ aññasmimpi kappiyalohabhaṇḍe – añjanī, añjanisalākā, kaṇṇamalaharaṇī, sūci, paṇṇasūci, khuddako, pipphalako, khuddakaṃ, ārakaṇṭakaṃ, kuñcikā, tāḷaṃ, kattarayaṭṭhi vedhako, natthudānaṃ, bhindivālo, lohakūṭo, lohakuṭṭi, lohaguḷo, lohapiṇḍi, lohacakkalikaṃ, aññampi vippakatalohabhaṇḍaṃ bhājanīyaṃ. Dhūmanettaphāladīparukkhadīpakapallakaolambakadīpaitthipurisatiracchānagatarūpakāni pana aññāni vā bhitticchadanakavāṭādīsu upanetabbāni, antamaso lohakhilakaṃ upādāya sabbāni lohabhaṇḍāni garubhaṇḍāniyeva honti, attanā laddhānipi pariharitvā puggalikaparibhogena na paribhuñjitabbāni, saṅghikaparibhogena vā gihivikaṭāni vā vaṭṭanti. Tipubhaṇḍepi eseva nayo. Khīrapāsāṇamayāni taṭṭakasarakādīni garubhaṇḍāniyeva.
ฆฎโก ปน เตลภาชนํ วา ปาทคณฺหนกโต อติเรกเมว ครุภณฺฑํฯ สุวณฺณรชตหารกูฎชาติผลิกภาชนานิ คิหิวิกฎานิปิ น วฎฺฎนฺติ, ปเคว สงฺฆิกปริโภเคน วา ปุคฺคลิกปริโภเคน วาฯ เสนาสนปริโภเค ปน อามาสมฺปิ อนามาสมฺปิ สพฺพํ วฎฺฎติฯ
Ghaṭako pana telabhājanaṃ vā pādagaṇhanakato atirekameva garubhaṇḍaṃ. Suvaṇṇarajatahārakūṭajātiphalikabhājanāni gihivikaṭānipi na vaṭṭanti, pageva saṅghikaparibhogena vā puggalikaparibhogena vā. Senāsanaparibhoge pana āmāsampi anāmāsampi sabbaṃ vaṭṭati.
วาสิอาทีสุ ยาย วาสิยา ฐเปตฺวา ทณฺฑกฎฺฐเจฺฉทนํ วา อุจฺฉุตจฺฉนํ วา อญฺญํ มหากมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, อยํ ภาชนียาฯ ตโต มหตฺตรี เยน เกนจิ อากาเรน กตา วาสิ ครุภณฺฑเมวฯ ผรสุ ปน อนฺตมโส เวชฺชานํ สิราเวธนผรสุปิ ครุภณฺฑเมวฯ กุฐาริยํ ผรสุสทิโส เอว วินิจฺฉโยฯ ยา ปน อาวุธสเงฺขเปน กตา, อยํ อนามาสาฯ กุทาโล อนฺตมโส จตุรงฺคุลมโตฺตปิ ครุภณฺฑเมวฯ นิขาทนํ จตุรสฺสมุขํ วา โหตุ โทณิมุขํ วา วงฺกํ วา อุชุกํ วา, อนฺตมโส สมฺมุญฺชนิทณฺฑกเวธนมฺปิ ทณฺฑพทฺธํ เจ, ครุภณฺฑเมวฯ สมฺมุญฺชนิทณฺฑขณนกํ ปน อทณฺฑกํ ผลมตฺตเมว, ยํ สกฺกา สิปาฎิกาย ปกฺขิปิตฺวา ปริหริตุํ, ตํ ภาชนียํฯ สิขรมฺปิ นิขาทเนเนว สงฺคหิตํฯ เยหิ มนุเสฺสหิ วิหาเร วาสิอาทีนิ ทินฺนานิ โหนฺติ, เต จ ฆเร ทเฑฺฒ วา โจเรหิ วา วิลุเตฺต ‘‘เทถ โน, ภเนฺต, อุปกรเณ, ปุน ปากติเก กริสฺสามา’’ติ วทนฺติ, ทาตพฺพาฯ สเจ อาหรนฺติ , น วาเรตพฺพา; อนาหรนฺตาปิ น โจเทตพฺพาฯ
Vāsiādīsu yāya vāsiyā ṭhapetvā daṇḍakaṭṭhacchedanaṃ vā ucchutacchanaṃ vā aññaṃ mahākammaṃ kātuṃ na sakkā, ayaṃ bhājanīyā. Tato mahattarī yena kenaci ākārena katā vāsi garubhaṇḍameva. Pharasu pana antamaso vejjānaṃ sirāvedhanapharasupi garubhaṇḍameva. Kuṭhāriyaṃ pharasusadiso eva vinicchayo. Yā pana āvudhasaṅkhepena katā, ayaṃ anāmāsā. Kudālo antamaso caturaṅgulamattopi garubhaṇḍameva. Nikhādanaṃ caturassamukhaṃ vā hotu doṇimukhaṃ vā vaṅkaṃ vā ujukaṃ vā, antamaso sammuñjanidaṇḍakavedhanampi daṇḍabaddhaṃ ce, garubhaṇḍameva. Sammuñjanidaṇḍakhaṇanakaṃ pana adaṇḍakaṃ phalamattameva, yaṃ sakkā sipāṭikāya pakkhipitvā pariharituṃ, taṃ bhājanīyaṃ. Sikharampi nikhādaneneva saṅgahitaṃ. Yehi manussehi vihāre vāsiādīni dinnāni honti, te ca ghare daḍḍhe vā corehi vā vilutte ‘‘detha no, bhante, upakaraṇe, puna pākatike karissāmā’’ti vadanti, dātabbā. Sace āharanti , na vāretabbā; anāharantāpi na codetabbā.
กมฺมารตฎฺฎการจุนฺทการนฬการมณิการปตฺตพนฺธกานํ อธิกรณิมุฎฺฐิกสณฺฑาสตุลาทีนิ สพฺพานิ โลหมยอุปกรณานิ สเงฺฆ ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑานิฯ ติปุโกฎฺฎกสุวณฺณการจมฺมการอุปกรเณสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – ติปุโกฎฺฎกอุปกรเณสุปิ ติปุเจฺฉทนสตฺถกํ, สุวณฺณการอุปกรเณสุ สุวณฺณเจฺฉทนสตฺถกํ, จมฺมการอุปกรเณสุ กตปริกมฺมจมฺมฉิทฺทนกํ ขุทฺทกสตฺถกนฺติ อิมานิ ภาชนียภณฺฑานิฯ นหาปิตตุนฺนการอุปกรเณสุปิ ฐเปตฺวา มหากตฺตริํ มหาสณฺฑาสํ มหาปิปฺผลกญฺจ สพฺพํ ภาชนียํฯ มหากตฺตริอาทีนิ ครุภณฺฑานิฯ
Kammārataṭṭakāracundakāranaḷakāramaṇikārapattabandhakānaṃ adhikaraṇimuṭṭhikasaṇḍāsatulādīni sabbāni lohamayaupakaraṇāni saṅghe dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍāni. Tipukoṭṭakasuvaṇṇakāracammakāraupakaraṇesupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – tipukoṭṭakaupakaraṇesupi tipucchedanasatthakaṃ, suvaṇṇakāraupakaraṇesu suvaṇṇacchedanasatthakaṃ, cammakāraupakaraṇesu kataparikammacammachiddanakaṃ khuddakasatthakanti imāni bhājanīyabhaṇḍāni. Nahāpitatunnakāraupakaraṇesupi ṭhapetvā mahākattariṃ mahāsaṇḍāsaṃ mahāpipphalakañca sabbaṃ bhājanīyaṃ. Mahākattariādīni garubhaṇḍāni.
วลฺลิอาทีสุ เวตฺตวลฺลิอาทิกา ยา กาจิ อฑฺฒพาหุปฺปมาณา วลฺลิ สงฺฆสฺส ทินฺนา วา ตตฺถชาตกา วา รกฺขิตโคปิตา ครุภณฺฑํ โหติ, สา สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต สเจ อติเรกา โหติ, ปุคฺคลิกกเมฺมปิ อุปเนตุํ วฎฺฎติ; อรกฺขิตา ปน ครุภณฺฑเมว น โหติฯ สุตฺตมกจิวากนาฬิเกรหีรจมฺมมยา รชฺชุกา วา โยตฺตานิ วา วาเก จ นาฬิเกรหีเร จ วเฎฺฎตฺวา กตา เอกวฎฺฎา วา ทฺวิวฎฺฎา วา สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํฯ สุตฺตํ ปน อวเฎฺฎตฺวา ทินฺนํ มกจิวากนาฬิเกรหีรา จ ภาชนียาฯ เยหิ ปเนตานิ รชฺชุกโยตฺตาทีนิ ทินฺนานิ โหนฺติ, เต อตฺตโน กรณีเยน หรนฺตา น วาเรตพฺพาฯ
Valliādīsu vettavalliādikā yā kāci aḍḍhabāhuppamāṇā valli saṅghassa dinnā vā tatthajātakā vā rakkhitagopitā garubhaṇḍaṃ hoti, sā saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate sace atirekā hoti, puggalikakammepi upanetuṃ vaṭṭati; arakkhitā pana garubhaṇḍameva na hoti. Suttamakacivākanāḷikerahīracammamayā rajjukā vā yottāni vā vāke ca nāḷikerahīre ca vaṭṭetvā katā ekavaṭṭā vā dvivaṭṭā vā saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ. Suttaṃ pana avaṭṭetvā dinnaṃ makacivākanāḷikerahīrā ca bhājanīyā. Yehi panetāni rajjukayottādīni dinnāni honti, te attano karaṇīyena harantā na vāretabbā.
โย โกจิ อนฺตมโส อฎฺฐงฺคุลสูจิทณฺฑมโตฺตปิ เวฬุ สงฺฆสฺส ทิโนฺน วา ตตฺถชาตโก วา รกฺขิตโคปิโต ครุภณฺฑํ, โสปิ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต อติเรโก ปุคฺคลิกกเมฺม ทาตุํ วฎฺฎติฯ ปาทคณฺหนกเตลนาฬิ ปน กตฺตรยฎฺฐิ, อุปาหนทณฺฑโก, ฉตฺตทโณฺฑ, ฉตฺตสลากาติ อิทเมตฺถ ภาชนียภณฺฑํฯ ทฑฺฒเคหมนุสฺสา คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺตา น วาเรตพฺพาฯ รกฺขิตโคปิตํ เวฬุํ คณฺหเนฺตน สมกํ วา อติเรกํ วา ถาวรํ อนฺตมโส ตํอคฺฆนกมฺปิ ผาติกมฺมํ กตฺวา คเหตโพฺพ ฯ ผาติกมฺมํ อกตฺวา คณฺหเนฺตน ตเตฺถว วฬเญฺชตโพฺพ , คมนกาเล สงฺฆิกาวาเส ฐเปตฺวา คนฺตพฺพํฯ อสติยา คเหตฺวา คเตน ปหิณิตฺวา ทาตโพฺพฯ เทสนฺตรํ คเตน สมฺปตฺตวิหาเร สงฺฆิกาวาเส ฐเปตโพฺพฯ
Yo koci antamaso aṭṭhaṅgulasūcidaṇḍamattopi veḷu saṅghassa dinno vā tatthajātako vā rakkhitagopito garubhaṇḍaṃ, sopi saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate atireko puggalikakamme dātuṃ vaṭṭati. Pādagaṇhanakatelanāḷi pana kattarayaṭṭhi, upāhanadaṇḍako, chattadaṇḍo, chattasalākāti idamettha bhājanīyabhaṇḍaṃ. Daḍḍhagehamanussā gaṇhitvā gacchantā na vāretabbā. Rakkhitagopitaṃ veḷuṃ gaṇhantena samakaṃ vā atirekaṃ vā thāvaraṃ antamaso taṃagghanakampi phātikammaṃ katvā gahetabbo . Phātikammaṃ akatvā gaṇhantena tattheva vaḷañjetabbo , gamanakāle saṅghikāvāse ṭhapetvā gantabbaṃ. Asatiyā gahetvā gatena pahiṇitvā dātabbo. Desantaraṃ gatena sampattavihāre saṅghikāvāse ṭhapetabbo.
ติณนฺติ มุญฺชํ ปพฺพชญฺจ ฐเปตฺวา อวเสสํ ยํกิญฺจิ ติณํฯ ยตฺถ ปน ติณํ นตฺถิ, ตตฺถ ปเณฺณหิ ฉาเทนฺติ; ตสฺมา ปณฺณมฺปิ ติเณเนว สงฺคหิตํฯ อิติ มุญฺชาทีสุ ยํกิญฺจิ มุฎฺฐิปฺปมาณมฺปิ ติณํ ตาลปณฺณาทีสุ จ เอกํ ปณฺณมฺปิ สงฺฆสฺส ทินฺนํ วา ตตฺถชาตกํ วา พหาราเม สงฺฆสฺส ติณวตฺถุโต ชาตติณํ วา รกฺขิตโคปิตํ ครุภณฺฑํ โหติ, ตมฺปิ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ กเต อติเรกํ ปุคฺคลิกกเมฺม ทาตุํ วฎฺฎติฯ ทฑฺฒเคหมนุสฺสา คเหตฺวา คจฺฉนฺตา น วาเรตพฺพาฯ อฎฺฐงฺคุลปฺปมาโณปิ ริตฺตโปตฺถโก ครุภณฺฑเมวฯ
Tiṇanti muñjaṃ pabbajañca ṭhapetvā avasesaṃ yaṃkiñci tiṇaṃ. Yattha pana tiṇaṃ natthi, tattha paṇṇehi chādenti; tasmā paṇṇampi tiṇeneva saṅgahitaṃ. Iti muñjādīsu yaṃkiñci muṭṭhippamāṇampi tiṇaṃ tālapaṇṇādīsu ca ekaṃ paṇṇampi saṅghassa dinnaṃ vā tatthajātakaṃ vā bahārāme saṅghassa tiṇavatthuto jātatiṇaṃ vā rakkhitagopitaṃ garubhaṇḍaṃ hoti, tampi saṅghakamme ca cetiyakamme ca kate atirekaṃ puggalikakamme dātuṃ vaṭṭati. Daḍḍhagehamanussā gahetvā gacchantā na vāretabbā. Aṭṭhaṅgulappamāṇopi rittapotthako garubhaṇḍameva.
มตฺติกา ปกติมตฺติกา วา โหตุ ปญฺจวณฺณา วา สุธา วา สชฺชุรสกงฺคุฎฺฐสิเลสาทีสุ วา ยํกิญฺจิ, ทุลฺลภฎฺฐาเน อาเนตฺวา วา ทินฺนํ ตตฺถชาตกํ วา รกฺขิตโคปิตํ ตาลผลปกฺกมตฺตํ ครุภณฺฑํ โหติฯ ตมฺปิ สงฺฆกเมฺม จ เจติยกเมฺม จ นิฎฺฐิเต อติเรกํ ปุคฺคลิกกเมฺม ทาตุํ วฎฺฎติฯ หิงฺคุหิงฺคุลกหริตาลมโนสิลญฺชนานิ ปน ภาชนียภณฺฑานิฯ
Mattikā pakatimattikā vā hotu pañcavaṇṇā vā sudhā vā sajjurasakaṅguṭṭhasilesādīsu vā yaṃkiñci, dullabhaṭṭhāne ānetvā vā dinnaṃ tatthajātakaṃ vā rakkhitagopitaṃ tālaphalapakkamattaṃ garubhaṇḍaṃ hoti. Tampi saṅghakamme ca cetiyakamme ca niṭṭhite atirekaṃ puggalikakamme dātuṃ vaṭṭati. Hiṅguhiṅgulakaharitālamanosilañjanāni pana bhājanīyabhaṇḍāni.
ทารุภเณฺฑ โย โกจิ อฎฺฐงฺคุลสูจิทณฺฑมโตฺตปิ ทารุภณฺฑโก ทารุทุลฺลภฎฺฐาเน สงฺฆสฺส ทิโนฺน วา ตตฺถชาตโก วา รกฺขิตโคปิโต, อยํ ครุภณฺฑํ โหตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน สพฺพมฺปิ ทารุเวฬุจมฺมปาสาณาทิวิกติํ ทารุภเณฺฑน สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘เตน โข ปน สมเยน สงฺฆสฺส อาสนฺทิโก อุปฺปโนฺน โหตี’’ติ อิโต ปฎฺฐาย ทารุภณฺฑวินิจฺฉโย วุโตฺตฯ
Dārubhaṇḍe yo koci aṭṭhaṅgulasūcidaṇḍamattopi dārubhaṇḍako dārudullabhaṭṭhāne saṅghassa dinno vā tatthajātako vā rakkhitagopito, ayaṃ garubhaṇḍaṃ hotīti kurundiyaṃ vuttaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana sabbampi dāruveḷucammapāsāṇādivikatiṃ dārubhaṇḍena saṅgaṇhitvā ‘‘tena kho pana samayena saṅghassa āsandiko uppanno hotī’’ti ito paṭṭhāya dārubhaṇḍavinicchayo vutto.
ตตฺรายํ อตฺถุทฺธาโร, อาสนฺทิโก, สตฺตโงฺค, ภทฺทปีฐํ, ปีฐิกา, เอฬกปาทกปีฐํ, อามลกวฎฺฎกปีฐํ, ผลกํ, โกจฺฉํ, ปลาลปีฐกนฺติ อิเมสุ ตาว ยํกิญฺจิ ขุทฺทกํ วา โหตุ มหนฺตํ วา, สงฺฆสฺส ทินฺนํ ครุภณฺฑํ โหติฯ ปลาลปีเฐน เจตฺถ กทลิปตฺตาทิปีฐานิปิ สงฺคหิตานิฯ พฺยคฺฆจมฺมโอนทฺธมฺปิ วาฬรูปปริกฺขิตฺตํ, รตนปริสิพฺพิตํ, โกจฺฉกํ ครุภณฺฑเมวฯ
Tatrāyaṃ atthuddhāro, āsandiko, sattaṅgo, bhaddapīṭhaṃ, pīṭhikā, eḷakapādakapīṭhaṃ, āmalakavaṭṭakapīṭhaṃ, phalakaṃ, kocchaṃ, palālapīṭhakanti imesu tāva yaṃkiñci khuddakaṃ vā hotu mahantaṃ vā, saṅghassa dinnaṃ garubhaṇḍaṃ hoti. Palālapīṭhena cettha kadalipattādipīṭhānipi saṅgahitāni. Byagghacammaonaddhampi vāḷarūpaparikkhittaṃ, ratanaparisibbitaṃ, kocchakaṃ garubhaṇḍameva.
วงฺกผลกํ, ทีฆผลกํ, จีวรโธวนผลกํ, ฆฎฺฎนผลกํ, ฆฎฺฎนมุคฺคโร, ทนฺตกฎฺฐเจฺฉทนคณฺฐิกา, ทณฺฑมุคฺคโร, อมฺพณํ, รชนโทณิ, อุทกปฎิจฺฉโก, ทารุมโย วา ทนฺตมโย วา เวฬุมโย วา สปาทโกปิ อปาทโกปิ สมุโคฺค, มญฺชูสา, ปาทคณฺหนกโต อติเรกปฺปมาโณ กรโณฺฑ, อุทกโทณิ, อุทกกฎาหํ, อุฬุโงฺก, กฎจฺฉุ, ปานียสราวํ, ปานียสโงฺขติ เอเตสุปิ ยํกิญฺจิ สเงฺฆ ทินฺนํ ครุภณฺฑํฯ สงฺขถาลกํ ปน ภาชนียํ, ตถา ทารุมโย อุทกตุโมฺพฯ
Vaṅkaphalakaṃ, dīghaphalakaṃ, cīvaradhovanaphalakaṃ, ghaṭṭanaphalakaṃ, ghaṭṭanamuggaro, dantakaṭṭhacchedanagaṇṭhikā, daṇḍamuggaro, ambaṇaṃ, rajanadoṇi, udakapaṭicchako, dārumayo vā dantamayo vā veḷumayo vā sapādakopi apādakopi samuggo, mañjūsā, pādagaṇhanakato atirekappamāṇo karaṇḍo, udakadoṇi, udakakaṭāhaṃ, uḷuṅko, kaṭacchu, pānīyasarāvaṃ, pānīyasaṅkhoti etesupi yaṃkiñci saṅghe dinnaṃ garubhaṇḍaṃ. Saṅkhathālakaṃ pana bhājanīyaṃ, tathā dārumayo udakatumbo.
ปาทกถลิกมณฺฑลํ ทารุมยํ วา โหตุ โจฬปณฺณาทิมยํ วา สพฺพํ ครุภณฺฑํฯ อาธารโก ปตฺตปิธานํ, ตาลวณฺฎํ, พีชนี, จโงฺกฎกํ, ปจฺฉิ, ยฎฺฐิสมฺมุญฺชนี มุฎฺฐิสมฺมุญฺชนีติ เอเตสุปิ ยํกิญฺจิ ขุทฺทกํ วา มหนฺตํ วา ทารุเวฬุปณฺณจมฺมาทีสุ เยน เกนจิ กตํ ครุภณฺฑเมวฯ
Pādakathalikamaṇḍalaṃ dārumayaṃ vā hotu coḷapaṇṇādimayaṃ vā sabbaṃ garubhaṇḍaṃ. Ādhārako pattapidhānaṃ, tālavaṇṭaṃ, bījanī, caṅkoṭakaṃ, pacchi, yaṭṭhisammuñjanī muṭṭhisammuñjanīti etesupi yaṃkiñci khuddakaṃ vā mahantaṃ vā dāruveḷupaṇṇacammādīsu yena kenaci kataṃ garubhaṇḍameva.
ถมฺภตุลาโสปานผลกาทีสุ ทารุมยํ วา ปาสาณมยํ วา ยํกิญฺจิ เคหสมฺภารรูปํ, โย โกจิ กฎสารโก, ยํกิญฺจิ ภูมตฺถรณํ, ยํกิญฺจิ อกปฺปิยจมฺมํ, สพฺพํ สเงฺฆ ทินฺนํ ครุภณฺฑํ, ภูมตฺถรณํ กาตุํ วฎฺฎติฯ เอฬกจมฺมํ ปน ปจฺจตฺถรณคติกํ โหติ, ตมฺปิ ครุภณฺฑเมวฯ กปฺปิยจมฺมานิ ภาชนียานิฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘‘สพฺพํ มญฺจปฺปมาณํ จมฺมํ ครุภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Thambhatulāsopānaphalakādīsu dārumayaṃ vā pāsāṇamayaṃ vā yaṃkiñci gehasambhārarūpaṃ, yo koci kaṭasārako, yaṃkiñci bhūmattharaṇaṃ, yaṃkiñci akappiyacammaṃ, sabbaṃ saṅghe dinnaṃ garubhaṇḍaṃ, bhūmattharaṇaṃ kātuṃ vaṭṭati. Eḷakacammaṃ pana paccattharaṇagatikaṃ hoti, tampi garubhaṇḍameva. Kappiyacammāni bhājanīyāni. Kurundiyaṃ pana ‘‘sabbaṃ mañcappamāṇaṃ cammaṃ garubhaṇḍa’’nti vuttaṃ.
อุทุกฺขลํ, มุสลํ, สุปฺปํ, นิสทํ, นิสทโปโต, ปาสาณโทณิ, ปาสาณกฎาหํ, ตุริเวมภสฺตาทิ สพฺพํ เปสการาทิภณฺฑํ, สพฺพํ กสิภณฺฑํ, สพฺพํ จกฺกยุตฺตกยานํ ครุภณฺฑเมวฯ มญฺจปาโท , มญฺจอฎนี, ปีฐปาโท, ปีฐอฎนี, วาสิผรสุอาทีนํ ทณฺฑาติ เอเตสุ ยํกิญฺจิ วิปฺปกตตจฺฉนกมฺมํ อนิฎฺฐิตเมว ภาชนียํ, ตจฺฉิตมฎฺฐํ ปน ครุภณฺฑํ โหติฯ อนุญฺญาตวาสิยา ปน ทโณฺฑ ฉตฺตมุฎฺฐิปณฺณํ กตฺตรยฎฺฐิ อุปาหนา อรณิสหิตํ ธมฺมกรโณ ปาทคณฺหนกโต อนติริตฺตํ อามลกตุมฺพํ อามลกฆโฎ ลาพุกตุมฺพํ ลาพุฆโฎ วิสาณกตุมฺพนฺติ สพฺพเมตํ ภาชนียํ, ตโต มหนฺตตรํ ครุภณฺฑํฯ
Udukkhalaṃ, musalaṃ, suppaṃ, nisadaṃ, nisadapoto, pāsāṇadoṇi, pāsāṇakaṭāhaṃ, turivemabhastādi sabbaṃ pesakārādibhaṇḍaṃ, sabbaṃ kasibhaṇḍaṃ, sabbaṃ cakkayuttakayānaṃ garubhaṇḍameva. Mañcapādo , mañcaaṭanī, pīṭhapādo, pīṭhaaṭanī, vāsipharasuādīnaṃ daṇḍāti etesu yaṃkiñci vippakatatacchanakammaṃ aniṭṭhitameva bhājanīyaṃ, tacchitamaṭṭhaṃ pana garubhaṇḍaṃ hoti. Anuññātavāsiyā pana daṇḍo chattamuṭṭhipaṇṇaṃ kattarayaṭṭhi upāhanā araṇisahitaṃ dhammakaraṇo pādagaṇhanakato anatirittaṃ āmalakatumbaṃ āmalakaghaṭo lābukatumbaṃ lābughaṭo visāṇakatumbanti sabbametaṃ bhājanīyaṃ, tato mahantataraṃ garubhaṇḍaṃ.
หตฺถิทโนฺต วา ยํกิญฺจิ วิสาณํ วา อตจฺฉิตํ ยถาชาตเมว ภาชนียํ, เตหิ กตมญฺจปาทาทีสุ ปุริมสทิโสเยว วินิจฺฉโยฯ ตจฺฉิตนิฎฺฐิโตปิ หิงฺคุกรณฺฑโก อญฺชนกรณฺฑโก คณฺฐิกา วิโธ อญฺชนี อญฺชนิสลากา อุทกปุญฺฉนีติ อิทํ สพฺพํ ภาชนียเมวฯ
Hatthidanto vā yaṃkiñci visāṇaṃ vā atacchitaṃ yathājātameva bhājanīyaṃ, tehi katamañcapādādīsu purimasadisoyeva vinicchayo. Tacchitaniṭṭhitopi hiṅgukaraṇḍako añjanakaraṇḍako gaṇṭhikā vidho añjanī añjanisalākā udakapuñchanīti idaṃ sabbaṃ bhājanīyameva.
มตฺติกาภเณฺฑ สพฺพํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ ฆฎปิฐราทิกุลาลภาชนํ ปตฺตกฎาหํ องฺคารกฎาหํ ธูมทานกํ ทีปรุกฺขโก ทีปกปลฺลิกา จยนิฎฺฐกา ฉทนิฎฺฐกา ถูปิกาติ สงฺฆสฺส ทินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ครุภณฺฑํ, ปาทคณฺหนกโต อนติริตฺตปฺปมาโณ ปน ฆฎโก ปตฺตํ ถาลกํ กญฺจนโก กุณฺฑิกาติ อิทเมตฺถ ภาชนียภณฺฑํฯ ยถา จ มตฺติกาภเณฺฑ; เอวํ โลหภเณฺฑปิ กุณฺฑิกา ภาชนียโกฎฺฐาสเมว ภชตีติ อยเมตฺถ อนุปุพฺพิกถาฯ
Mattikābhaṇḍe sabbaṃ manussānaṃ upabhogaparibhogaṃ ghaṭapiṭharādikulālabhājanaṃ pattakaṭāhaṃ aṅgārakaṭāhaṃ dhūmadānakaṃ dīparukkhako dīpakapallikā cayaniṭṭhakā chadaniṭṭhakā thūpikāti saṅghassa dinnakālato paṭṭhāya garubhaṇḍaṃ, pādagaṇhanakato anatirittappamāṇo pana ghaṭako pattaṃ thālakaṃ kañcanako kuṇḍikāti idamettha bhājanīyabhaṇḍaṃ. Yathā ca mattikābhaṇḍe; evaṃ lohabhaṇḍepi kuṇḍikā bhājanīyakoṭṭhāsameva bhajatīti ayamettha anupubbikathā.
อวิสฺสชฺชิยวตฺถุกถา นิฎฺฐิตาฯ
Avissajjiyavatthukathā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi / อวิสฺสชฺชิยวตฺถุ • Avissajjiyavatthu
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อวิสฺสชฺชิยวตฺถุกถาวณฺณนา • Avissajjiyavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อวิสฺสชฺชิยวตฺถุกถาวณฺณนา • Avissajjiyavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อวิสฺสชฺชิยวตฺถุกถาวณฺณนา • Avissajjiyavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / อวิสฺสชฺชิยวตฺถุกถา • Avissajjiyavatthukathā