Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๖. อวุฎฺฐิกสุตฺตวณฺณนา

    6. Avuṭṭhikasuttavaṇṇanā

    ๗๕. ฉเฎฺฐ อวุฎฺฐิกสโมติ อวุฎฺฐิกเมฆสโมฯ เอกโจฺจ หิ เมโฆ สตปฎลสหสฺสปฎโล หุตฺวา อุฎฺฐหิตฺวา ถนโนฺต คชฺชโนฺต วิโชฺชตโนฺต เอกํ อุทกพินฺทุมฺปิ อปาเตตฺวา วิคจฺฉติ, ตถูปโม เอกโจฺจ ปุคฺคโลติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อวุฎฺฐิกสโม’’ติฯ ปเทสวสฺสีติ เอกเทสวสฺสิเมฆสโมฯ ปเทสวสฺสี วิยาติ หิ ปเทสวสฺสีฯ เอกโจฺจ เอกสฺมิํเยว ฐาเน ฐิเตสุ มนุเสฺสสุ ยถา เอกเจฺจ เตเมนฺติ, เอกเจฺจ น เตเมนฺติ, เอวํ มนฺทํ วสฺสติ, ตถูปมํ เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ทเสฺสติ ‘‘ปเทสวสฺสี’’ติฯ สพฺพตฺถาภิวสฺสีติ สพฺพสฺมิํ ปถวีปพฺพตสมุทฺทาทิเก ชคติปฺปเทเส อภิวสฺสิเมฆสโมฯ เอกโจฺจ หิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปตฺถริตฺวา สพฺพตฺถกเมว อภิวสฺสติ, ตํ จาตุทฺทีปิกมหาเมฆํ เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อุปมํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สพฺพตฺถาภิวสฺสี’’ติฯ

    75. Chaṭṭhe avuṭṭhikasamoti avuṭṭhikameghasamo. Ekacco hi megho satapaṭalasahassapaṭalo hutvā uṭṭhahitvā thananto gajjanto vijjotanto ekaṃ udakabindumpi apātetvā vigacchati, tathūpamo ekacco puggaloti dassento āha ‘‘avuṭṭhikasamo’’ti. Padesavassīti ekadesavassimeghasamo. Padesavassī viyāti hi padesavassī. Ekacco ekasmiṃyeva ṭhāne ṭhitesu manussesu yathā ekacce tementi, ekacce na tementi, evaṃ mandaṃ vassati, tathūpamaṃ ekaccaṃ puggalaṃ dasseti ‘‘padesavassī’’ti. Sabbatthābhivassīti sabbasmiṃ pathavīpabbatasamuddādike jagatippadese abhivassimeghasamo. Ekacco hi sakalacakkavāḷagabbhaṃ pattharitvā sabbatthakameva abhivassati, taṃ cātuddīpikamahāmeghaṃ ekaccassa puggalassa upamaṃ katvā vuttaṃ ‘‘sabbatthābhivassī’’ti.

    สเพฺพสานนฺติ สเพฺพสํ, อยเมว วา ปาโฐฯ น ทาตา โหตีติ อทานสีโล โหติ, ถทฺธมจฺฉริตาย น กสฺสจิ กิญฺจิ เทตีติ อโตฺถฯ อิทานิ ทานสฺส เขตฺตํ เทยฺยธมฺมญฺจ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมิตปาปสมณา เจว ปพฺพชฺชมตฺตสมณา จ พาหิตปาปพฺราหฺมณา เจว ชาติมตฺตพฺราหฺมณา จ อิธ ‘‘สมณพฺราหฺมณา’’ติ อธิเปฺปตาฯ กปณา นาม ทุคฺคตา ทลิทฺทมนุสฺสาฯ อทฺธิกา นาม ปถาวิโน ปริพฺพยวิหีนาฯ วนิพฺพกา นาม เย ‘‘อิฎฺฐํ เทถ กนฺตํ มนาปํ กาเลน อนวชฺชํ อุทคฺคจิตฺตา ปสนฺนจิตฺตา, เอวํ เทนฺตา คจฺฉถ สุคติํ, คจฺฉถ พฺรหฺมโลก’’นฺติอาทินา นเยน ทาเน นิโยเชนฺตา ทานสฺส วณฺณํ โถเมนฺตา วิจรนฺติฯ ยาจกา นาม เย เกวลํ ‘‘มุฎฺฐิมตฺตํ เทถ, ปสตมตฺตํ เทถ, สราวมตฺตํ เทถา’’ติ อปฺปกมฺปิ ยาจมานา วิจรนฺติฯ ตตฺถ สมณพฺราหฺมณคฺคหเณน คุณเขตฺตํ อุปการิเขตฺตญฺจ ทเสฺสติ, กปณาทิคฺคหเณน กรุณาเขตฺตํฯ อนฺนนฺติ ยํกิญฺจิ ขาทนียํ โภชนียํฯ ปานนฺติ อมฺพปานาทิปานกํฯ วตฺถนฺติ นิวาสนปารุปนาทิอจฺฉาทนํฯ ยานนฺติ รถวยฺหาทิ อนฺตมโส อุปาหนํ อุปาทาย คมนสาธนํฯ มาลาติ คนฺถิตาคนฺถิตเภทํ สพฺพํ ปุปฺผํฯ คนฺธนฺติ ยํกิญฺจิ คนฺธชาตํ ปิสิตํ อปิสิตํ คนฺธูปกรณญฺจฯ วิเลปนนฺติ ฉวิราคกรณํฯ เสยฺยาติ มญฺจปีฐาทิ เจว ปาวารโกชวาทิ จ สยิตพฺพวตฺถุฯ เสยฺยคฺคหเณน เจตฺถ อาสนมฺปิ คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อาวสถนฺติ วาตาตปาทิปริสฺสยวิโนทนํ ปติสฺสยํฯ ปทีเปยฺยนฺติ ทีปกปลฺลิกาทิปทีปูปกรณํฯ

    Sabbesānanti sabbesaṃ, ayameva vā pāṭho. Na dātā hotīti adānasīlo hoti, thaddhamaccharitāya na kassaci kiñci detīti attho. Idāni dānassa khettaṃ deyyadhammañca vibhāgena dassetuṃ ‘‘samaṇabrāhmaṇā’’tiādimāha. Tattha samitapāpasamaṇā ceva pabbajjamattasamaṇā ca bāhitapāpabrāhmaṇā ceva jātimattabrāhmaṇā ca idha ‘‘samaṇabrāhmaṇā’’ti adhippetā. Kapaṇā nāma duggatā daliddamanussā. Addhikā nāma pathāvino paribbayavihīnā. Vanibbakā nāma ye ‘‘iṭṭhaṃ detha kantaṃ manāpaṃ kālena anavajjaṃ udaggacittā pasannacittā, evaṃ dentā gacchatha sugatiṃ, gacchatha brahmaloka’’ntiādinā nayena dāne niyojentā dānassa vaṇṇaṃ thomentā vicaranti. Yācakā nāma ye kevalaṃ ‘‘muṭṭhimattaṃ detha, pasatamattaṃ detha, sarāvamattaṃ dethā’’ti appakampi yācamānā vicaranti. Tattha samaṇabrāhmaṇaggahaṇena guṇakhettaṃ upakārikhettañca dasseti, kapaṇādiggahaṇena karuṇākhettaṃ. Annanti yaṃkiñci khādanīyaṃ bhojanīyaṃ. Pānanti ambapānādipānakaṃ. Vatthanti nivāsanapārupanādiacchādanaṃ. Yānanti rathavayhādi antamaso upāhanaṃ upādāya gamanasādhanaṃ. Mālāti ganthitāganthitabhedaṃ sabbaṃ pupphaṃ. Gandhanti yaṃkiñci gandhajātaṃ pisitaṃ apisitaṃ gandhūpakaraṇañca. Vilepananti chavirāgakaraṇaṃ. Seyyāti mañcapīṭhādi ceva pāvārakojavādi ca sayitabbavatthu. Seyyaggahaṇena cettha āsanampi gahitanti daṭṭhabbaṃ. Āvasathanti vātātapādiparissayavinodanaṃ patissayaṃ. Padīpeyyanti dīpakapallikādipadīpūpakaraṇaṃ.

    เอวํ โข, ภิกฺขเวติ วิชฺชมาเนปิ เทยฺยธเมฺม ปฎิคฺคาหกานํ เอวํ ทาตพฺพวตฺถุํ สเพฺพน สพฺพํ อเทโนฺต ปุคฺคโล อวสฺสิกเมฆสทิโส โหติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, ยถา โส เมโฆ สตปฎลสหสฺสปฎโล หุตฺวา อุฎฺฐหิตฺวา น กิญฺจิ วสฺสิ วิคจฺฉติ, เอวเมว โย อุฬารํ วิปุลญฺจ โภคํ สํหริตฺวา เคหํ อาวสโนฺต กสฺสจิ กฎจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขํ วา อุฬุงฺกมตฺตํ ยาคุํ วา อทตฺวา วิคจฺฉติ, วิวโส มจฺจุวสํ คจฺฉติ, โส อวุฎฺฐิกสโม นาม โหตีติฯ อิมินา นเยน เสเสสุปิ นิคมนํ เวทิตพฺพํฯ อิเมสุ จ ตีสุ ปุคฺคเลสุ ปฐโม เอกํเสเนว ครหิตโพฺพ, ทุติโย ปสํสนีโย, ตติโย, ปสํสนียตโรฯ ปฐโม วา เอกเนฺตเนว สพฺพนิหีโน, ทุติโย มชฺฌิโม, ตติโย อุตฺตโมติ เวทิตโพฺพฯ

    Evaṃkho, bhikkhaveti vijjamānepi deyyadhamme paṭiggāhakānaṃ evaṃ dātabbavatthuṃ sabbena sabbaṃ adento puggalo avassikameghasadiso hoti. Idaṃ vuttaṃ hoti – bhikkhave, yathā so megho satapaṭalasahassapaṭalo hutvā uṭṭhahitvā na kiñci vassi vigacchati, evameva yo uḷāraṃ vipulañca bhogaṃ saṃharitvā gehaṃ āvasanto kassaci kaṭacchumattaṃ bhikkhaṃ vā uḷuṅkamattaṃ yāguṃ vā adatvā vigacchati, vivaso maccuvasaṃ gacchati, so avuṭṭhikasamo nāma hotīti. Iminā nayena sesesupi nigamanaṃ veditabbaṃ. Imesu ca tīsu puggalesu paṭhamo ekaṃseneva garahitabbo, dutiyo pasaṃsanīyo, tatiyo, pasaṃsanīyataro. Paṭhamo vā ekanteneva sabbanihīno, dutiyo majjhimo, tatiyo uttamoti veditabbo.

    คาถาสุ สมเณติ อุปโยควเสน พหุวจนํ ตถา เสเสสุปิฯ ลทฺธานาติ ลภิตฺวา, สมเณ ทกฺขิเณเยฺย ปวาเรตฺวา ปุโฎฺฐ น สํวิภชติฯ อนฺนํ ปานญฺจ โภชนนฺติ อนฺนํ วา ปานํ วา อญฺญํ วา ภุญฺชิตพฺพยุตฺตกํ โภชนํ, ตํ น สํวิภชติฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – โย อตฺถิกภาเวน อุปคเต สมฺปฎิคฺคาหเก ลภิตฺวา อนฺนาทินา สํวิภาคมตฺตมฺปิ น กโรติ, กิํ โส อญฺญํ ทานํ ทสฺสติ, ตํ เอวรูปํ ถทฺธมจฺฉริยํ ปุริสาธมํ นิหีนปุคฺคลํ ปณฺฑิตา อวุฎฺฐิกสโมติ อาหุ กถยนฺตีติฯ

    Gāthāsu samaṇeti upayogavasena bahuvacanaṃ tathā sesesupi. Laddhānāti labhitvā, samaṇe dakkhiṇeyye pavāretvā puṭṭho na saṃvibhajati. Annaṃ pānañca bhojananti annaṃ vā pānaṃ vā aññaṃ vā bhuñjitabbayuttakaṃ bhojanaṃ, taṃ na saṃvibhajati. Ayañhettha saṅkhepattho – yo atthikabhāvena upagate sampaṭiggāhake labhitvā annādinā saṃvibhāgamattampi na karoti, kiṃ so aññaṃ dānaṃ dassati, taṃ evarūpaṃ thaddhamacchariyaṃ purisādhamaṃ nihīnapuggalaṃ paṇḍitā avuṭṭhikasamoti āhu kathayantīti.

    เอกจฺจานํ น ททาตีติ วิชฺชมาเนปิ มหติ ทาตพฺพธเมฺม เอเกสํ สตฺตานํ เตสุ โกธวเสน วา, เทยฺยธเมฺม โลภวเสน วา น ททาติฯ เอกจฺจานํ ปเวจฺฉตีติ เอเกสํเยว ปน ททาติฯ เมธาวิโนติ ปญฺญวโนฺต ปณฺฑิตา ชนาฯ

    Ekaccānaṃna dadātīti vijjamānepi mahati dātabbadhamme ekesaṃ sattānaṃ tesu kodhavasena vā, deyyadhamme lobhavasena vā na dadāti. Ekaccānaṃ pavecchatīti ekesaṃyeva pana dadāti. Medhāvinoti paññavanto paṇḍitā janā.

    สุภิกฺขวาโจติ โย อุปคตานํ ยาจกานํ ‘‘อนฺนํ เทถ, ปานํ เทถา’’ติอาทินา ตํ ตํ ทาเปติ, โส สุลภภิกฺขตาย สุภิกฺขา วาจา เอตสฺสาติ สุภิกฺขวาโจฯ ‘‘สุภิกฺขวสฺสี’’ติปิ ปฐนฺติฯ ยถา โลโก สุภิโกฺข โหติ, เอวํ สพฺพตฺถาภิวสฺสิตมหาเมโฆ สุภิกฺขวสฺสี นาม โหติฯ เอวมยมฺปิ มหาทาเนหิ สพฺพตฺถาภิวสฺสี สุภิกฺขวสฺสีติฯ อาโมทมาโน ปกิเรตีติ ตุฎฺฐหฎฺฐมานโส สหเตฺถน ทานํ เทโนฺต ปฎิคฺคาหกเขเตฺต เทยฺยธมฺมํ ปกิเรโนฺต วิย โหติ, วาจายปิ ‘‘เทถ เทถา’’ติ ภาสติ

    Subhikkhavācoti yo upagatānaṃ yācakānaṃ ‘‘annaṃ detha, pānaṃ dethā’’tiādinā taṃ taṃ dāpeti, so sulabhabhikkhatāya subhikkhā vācā etassāti subhikkhavāco. ‘‘Subhikkhavassī’’tipi paṭhanti. Yathā loko subhikkho hoti, evaṃ sabbatthābhivassitamahāmegho subhikkhavassī nāma hoti. Evamayampi mahādānehi sabbatthābhivassī subhikkhavassīti. Āmodamāno pakiretīti tuṭṭhahaṭṭhamānaso sahatthena dānaṃ dento paṭiggāhakakhette deyyadhammaṃ pakirento viya hoti, vācāyapi ‘‘detha dethā’’ti bhāsati.

    อิทานิ นํ สุภิกฺขวสฺสิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถาปิ เมโฆ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – ยถา มหาเมโฆ ปฐมํ มนฺทนิโคฺฆเสน ถนยิตฺวา ปุน สกลนทีกนฺทรานิ เอกนินฺนาทํ กโรโนฺต คชฺชยิตฺวา ปวสฺสติ, สพฺพตฺถกเมว วารินา อุทเกน ถลํ นินฺนญฺจ อภิสนฺทโนฺต ปูเรติ เอโกฆํ กโรติ, เอวเมว อิธ อิมสฺมิํ สตฺตโลเก เอกโจฺจ อุฬารปุคฺคโล สพฺพสมตาย โส มหาเมโฆ วิย วสฺสิตพฺพตฺตา ตาทิโส ยถา ธนํ อุฎฺฐานาธิคตํ อตฺตโน อุฎฺฐานวีริยาภินิพฺพตฺตํ โหติ, เอวํ อนลโส หุตฺวา ตญฺจ ธเมฺมน ญาเยน สํหริตฺวา ตนฺนิพฺพเตฺตน อเนฺนน ปาเนน อเญฺญน จ เทยฺยธเมฺมน ปเตฺต สมฺปเตฺต วนิพฺพเก สมฺมา สมฺมเทว เทสกาลานุรูปเญฺจว อิจฺฉานุรูปญฺจ ตเปฺปติ สมฺปวาเรตีติฯ

    Idāni naṃ subhikkhavassitabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘yathāpi megho’’tiādi vuttaṃ. Tatrāyaṃ saṅkhepattho – yathā mahāmegho paṭhamaṃ mandanigghosena thanayitvā puna sakalanadīkandarāni ekaninnādaṃ karonto gajjayitvā pavassati, sabbatthakameva vārinā udakena thalaṃ ninnañca abhisandanto pūreti ekoghaṃ karoti, evameva idha imasmiṃ sattaloke ekacco uḷārapuggalo sabbasamatāya so mahāmegho viya vassitabbattā tādiso yathā dhanaṃ uṭṭhānādhigataṃ attano uṭṭhānavīriyābhinibbattaṃ hoti, evaṃ analaso hutvā tañca dhammena ñāyena saṃharitvā tannibbattena annena pānena aññena ca deyyadhammena patte sampatte vanibbake sammā sammadeva desakālānurūpañceva icchānurūpañca tappeti sampavāretīti.

    ฉฎฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chaṭṭhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๖. อวุฎฺฐิกสุตฺตํ • 6. Avuṭṭhikasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact