Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi

    ๒. อายตนวิภโงฺค

    2. Āyatanavibhaṅgo

    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียํ

    1. Suttantabhājanīyaṃ

    ๑๕๔. ทฺวาทสายตนานิ – จกฺขายตนํ, รูปายตนํ, โสตายตนํ, สทฺทายตนํ, ฆานายตนํ, คนฺธายตนํ, ชิวฺหายตนํ, รสายตนํ, กายายตนํ, โผฎฺฐพฺพายตนํ, มนายตนํ, ธมฺมายตนํฯ

    154. Dvādasāyatanāni – cakkhāyatanaṃ, rūpāyatanaṃ, sotāyatanaṃ, saddāyatanaṃ, ghānāyatanaṃ, gandhāyatanaṃ, jivhāyatanaṃ, rasāyatanaṃ, kāyāyatanaṃ, phoṭṭhabbāyatanaṃ, manāyatanaṃ, dhammāyatanaṃ.

    จกฺขุํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา วิปริณามธมฺมํฯ รูปา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา วิปริณามธมฺมาฯ โสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา วิปริณามธมฺมํฯ สทฺทา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา วิปริณามธมฺมาฯ ฆานํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา วิปริณามธมฺมํฯ คนฺธา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา วิปริณามธมฺมาฯ ชิวฺหา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา วิปริณามธมฺมาฯ รสา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา วิปริณามธมฺมาฯ กาโย อนิโจฺจ ทุโกฺข อนตฺตา วิปริณามธโมฺมฯ โผฎฺฐพฺพา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา วิปริณามธมฺมาฯ มโน อนิโจฺจ ทุโกฺข อนตฺตา วิปริณามธโมฺมฯ ธมฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา วิปริณามธมฺมาฯ

    Cakkhuṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā vipariṇāmadhammaṃ. Rūpā aniccā dukkhā anattā vipariṇāmadhammā. Sotaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā vipariṇāmadhammaṃ. Saddā aniccā dukkhā anattā vipariṇāmadhammā. Ghānaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā vipariṇāmadhammaṃ. Gandhā aniccā dukkhā anattā vipariṇāmadhammā. Jivhā aniccā dukkhā anattā vipariṇāmadhammā. Rasā aniccā dukkhā anattā vipariṇāmadhammā. Kāyo anicco dukkho anattā vipariṇāmadhammo. Phoṭṭhabbā aniccā dukkhā anattā vipariṇāmadhammā. Mano anicco dukkho anattā vipariṇāmadhammo. Dhammā aniccā dukkhā anattā vipariṇāmadhammā.

    สุตฺตนฺตภาชนียํฯ

    Suttantabhājanīyaṃ.

    ๒. อภิธมฺมภาชนียํ

    2. Abhidhammabhājanīyaṃ

    ๑๕๕. ทฺวาทสายตนานิ – จกฺขายตนํ, โสตายตนํ, ฆานายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, มนายตนํ, รูปายตนํ, สทฺทายตนํ, คนฺธายตนํ, รสายตนํ, โผฎฺฐพฺพายตนํ, ธมฺมายตนํฯ

    155. Dvādasāyatanāni – cakkhāyatanaṃ, sotāyatanaṃ, ghānāyatanaṃ, jivhāyatanaṃ, kāyāyatanaṃ, manāyatanaṃ, rūpāyatanaṃ, saddāyatanaṃ, gandhāyatanaṃ, rasāyatanaṃ, phoṭṭhabbāyatanaṃ, dhammāyatanaṃ.

    ๑๕๖. ตตฺถ กตมํ จกฺขายตนํ? ยํ จกฺขุ 1 จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท อตฺตภาวปริยาปโนฺน อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ, เยน จกฺขุนา อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน รูปํ สนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ ปสฺสิ วา ปสฺสติ วา ปสฺสิสฺสติ วา ปเสฺส วา, จกฺขุเมฺปตํ จกฺขายตนเมฺปตํ จกฺขุธาตุเปสา จกฺขุนฺทฺริยเมฺปตํ โลโกเปโส ทฺวาราเปสา สมุโทฺทเปโส ปณฺฑรเมฺปตํ เขตฺตเมฺปตํ วตฺถุเมฺปตํ เนตฺตเมฺปตํ นยนเมฺปตํ โอริมํ ตีรเมฺปตํ สุโญฺญ คาโมเปโสฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘จกฺขายตนํ’’ ฯ

    156. Tattha katamaṃ cakkhāyatanaṃ? Yaṃ cakkhu 2 catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo attabhāvapariyāpanno anidassano sappaṭigho, yena cakkhunā anidassanena sappaṭighena rūpaṃ sanidassanaṃ sappaṭighaṃ passi vā passati vā passissati vā passe vā, cakkhumpetaṃ cakkhāyatanampetaṃ cakkhudhātupesā cakkhundriyampetaṃ lokopeso dvārāpesā samuddopeso paṇḍarampetaṃ khettampetaṃ vatthumpetaṃ nettampetaṃ nayanampetaṃ orimaṃ tīrampetaṃ suñño gāmopeso. Idaṃ vuccati ‘‘cakkhāyatanaṃ’’ .

    ๑๕๗. ตตฺถ กตมํ โสตายตนํ? ยํ โสตํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท อตฺตภาวปริยาปโนฺน อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ, เยน โสเตน อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน สทฺทํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ สุณิ วา สุณาติ วา สุณิสฺสติ วา สุเณ วา, โสตเมฺปตํ โสตายตนเมฺปตํ โสตธาตุเปสา โสตินฺทฺริยเมฺปตํ โลโกเปโส ทฺวาราเปสา สมุโทฺทเปโส ปณฺฑรเมฺปตํ เขตฺตเมฺปตํ วตฺถุเมฺปตํ โอริมํ ตีรเมฺปตํ สุโญฺญ คาโมเปโสฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘โสตายตนํ’’ฯ

    157. Tattha katamaṃ sotāyatanaṃ? Yaṃ sotaṃ catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo attabhāvapariyāpanno anidassano sappaṭigho, yena sotena anidassanena sappaṭighena saddaṃ anidassanaṃ sappaṭighaṃ suṇi vā suṇāti vā suṇissati vā suṇe vā, sotampetaṃ sotāyatanampetaṃ sotadhātupesā sotindriyampetaṃ lokopeso dvārāpesā samuddopeso paṇḍarampetaṃ khettampetaṃ vatthumpetaṃ orimaṃ tīrampetaṃ suñño gāmopeso. Idaṃ vuccati ‘‘sotāyatanaṃ’’.

    ๑๕๘. ตตฺถ กตมํ ฆานายตนํ? ยํ ฆานํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท อตฺตภาวปริยาปโนฺน อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ, เยน ฆาเนน อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน คนฺธํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ ฆายิ วา ฆายติ วา ฆายิสฺสติ วา ฆาเย วา, ฆานเมฺปตํ ฆานายตนเมฺปตํ ฆานธาตุเปสา ฆานินฺทฺริยเมฺปตํ โลโกเปโส ทฺวาราเปสา สมุโทฺทเปโส ปณฺฑรเมฺปตํ เขตฺตเมฺปตํ วตฺถุเมฺปตํ โอริมํ ตีรเมฺปตํ สุโญฺญ คาโมเปโสฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ฆานายตนํ’’ฯ

    158. Tattha katamaṃ ghānāyatanaṃ? Yaṃ ghānaṃ catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo attabhāvapariyāpanno anidassano sappaṭigho, yena ghānena anidassanena sappaṭighena gandhaṃ anidassanaṃ sappaṭighaṃ ghāyi vā ghāyati vā ghāyissati vā ghāye vā, ghānampetaṃ ghānāyatanampetaṃ ghānadhātupesā ghānindriyampetaṃ lokopeso dvārāpesā samuddopeso paṇḍarampetaṃ khettampetaṃ vatthumpetaṃ orimaṃ tīrampetaṃ suñño gāmopeso. Idaṃ vuccati ‘‘ghānāyatanaṃ’’.

    ๑๕๙. ตตฺถ กตมํ ชิวฺหายตนํ? ยา ชิวฺหา จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท อตฺตภาวปริยาปโนฺน อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ, ยาย ชิวฺหาย อนิทสฺสนาย สปฺปฎิฆาย รสํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ สายิ วา สายติ วา สายิสฺสติ วา สาเย วา, ชิวฺหาเปสา ชิวฺหายตนเมฺปตํ ชิวฺหาธาตุเปสา ชีวฺหินฺทฺริยเมฺปตํ โลโกเปโส ทฺวาราเปสา สมุโทฺทเปโส ปณฺฑรเมฺปตํ เขตฺตเมฺปตํ วตฺถุเมฺปตํ โอริมํ ตีรเมฺปตํ สุโญฺญ คาโมเปโสฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘ชิวฺหายตนํ’’ฯ

    159. Tattha katamaṃ jivhāyatanaṃ? Yā jivhā catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo attabhāvapariyāpanno anidassano sappaṭigho, yāya jivhāya anidassanāya sappaṭighāya rasaṃ anidassanaṃ sappaṭighaṃ sāyi vā sāyati vā sāyissati vā sāye vā, jivhāpesā jivhāyatanampetaṃ jivhādhātupesā jīvhindriyampetaṃ lokopeso dvārāpesā samuddopeso paṇḍarampetaṃ khettampetaṃ vatthumpetaṃ orimaṃ tīrampetaṃ suñño gāmopeso. Idaṃ vuccati ‘‘jivhāyatanaṃ’’.

    ๑๖๐. ตตฺถ กตมํ กายายตนํ? โย กาโย จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท อตฺตภาวปริยาปโนฺน อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ, เยน กาเยน อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน โผฎฺฐพฺพํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ ผุสิ วา ผุสติ วา ผุสิสฺสติ วา ผุเส วา, กาโยเปโส กายายตนเมฺปตํ กายธาตุเปสา กายินฺทฺริยเมฺปตํ โลโกเปโส ทฺวาราเปสา สมุโทฺทเปโส ปณฺฑรเมฺปตํ เขตฺตเมฺปตํ วตฺถุเมฺปตํ โอริมํ ตีรเมฺปตํ สุโญฺญ คาโมเปโสฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘กายายตนํ’’ฯ

    160. Tattha katamaṃ kāyāyatanaṃ? Yo kāyo catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo attabhāvapariyāpanno anidassano sappaṭigho, yena kāyena anidassanena sappaṭighena phoṭṭhabbaṃ anidassanaṃ sappaṭighaṃ phusi vā phusati vā phusissati vā phuse vā, kāyopeso kāyāyatanampetaṃ kāyadhātupesā kāyindriyampetaṃ lokopeso dvārāpesā samuddopeso paṇḍarampetaṃ khettampetaṃ vatthumpetaṃ orimaṃ tīrampetaṃ suñño gāmopeso. Idaṃ vuccati ‘‘kāyāyatanaṃ’’.

    ๑๖๑. ตตฺถ กตมํ มนายตนํ? เอกวิเธน มนายตนํ – ผสฺสสมฺปยุตฺตํฯ

    161. Tattha katamaṃ manāyatanaṃ? Ekavidhena manāyatanaṃ – phassasampayuttaṃ.

    ทุวิเธน มนายตนํ – อตฺถิ สเหตุกํ, อตฺถิ อเหตุกํฯ

    Duvidhena manāyatanaṃ – atthi sahetukaṃ, atthi ahetukaṃ.

    ติวิเธน มนายตนํ – อตฺถิ กุสลํ, อตฺถิ อกุสลํ, อตฺถิ อพฺยากตํฯ

    Tividhena manāyatanaṃ – atthi kusalaṃ, atthi akusalaṃ, atthi abyākataṃ.

    จตุพฺพิเธน มนายตนํ – อตฺถิ กามาวจรํ, อตฺถิ รูปาวจรํ, อตฺถิ อรูปาวจรํ, อตฺถิ อปริยาปนฺนํฯ

    Catubbidhena manāyatanaṃ – atthi kāmāvacaraṃ, atthi rūpāvacaraṃ, atthi arūpāvacaraṃ, atthi apariyāpannaṃ.

    ปญฺจวิเธน มนายตนํ – อตฺถิ สุขินฺทฺริยสมฺปยุตฺตํ, อตฺถิ ทุกฺขินฺทฺริยสมฺปยุตฺตํ, อตฺถิ โสมนสฺสินฺทฺริยสมฺปยุตฺตํ, อตฺถิ โทมนสฺสินฺทฺริยสมฺปยุตฺตํ, อตฺถิ อุเปกฺขินฺทฺริยสมฺปยุตฺตํฯ

    Pañcavidhena manāyatanaṃ – atthi sukhindriyasampayuttaṃ, atthi dukkhindriyasampayuttaṃ, atthi somanassindriyasampayuttaṃ, atthi domanassindriyasampayuttaṃ, atthi upekkhindriyasampayuttaṃ.

    ฉพฺพิเธน มนายตนํ – จกฺขุวิญฺญาณํ, โสตวิญฺญาณํ, ฆานวิญฺญาณํ, ชิวฺหาวิญฺญาณํ, กายวิญฺญาณํ, มโนวิญฺญาณํฯ เอวํ ฉพฺพิเธน มนายตนํฯ

    Chabbidhena manāyatanaṃ – cakkhuviññāṇaṃ, sotaviññāṇaṃ, ghānaviññāṇaṃ, jivhāviññāṇaṃ, kāyaviññāṇaṃ, manoviññāṇaṃ. Evaṃ chabbidhena manāyatanaṃ.

    สตฺตวิเธน มนายตนํ – จกฺขุวิญฺญาณํ, โสตวิญฺญาณํ, ฆานวิญฺญาณํ, ชิวฺหาวิญฺญาณํ, กายวิญฺญาณํ, มโนธาตุ, มโนวิญฺญาณธาตุฯ เอวํ สตฺตวิเธน มนายตนํฯ

    Sattavidhena manāyatanaṃ – cakkhuviññāṇaṃ, sotaviññāṇaṃ, ghānaviññāṇaṃ, jivhāviññāṇaṃ, kāyaviññāṇaṃ, manodhātu, manoviññāṇadhātu. Evaṃ sattavidhena manāyatanaṃ.

    อฎฺฐวิเธน มนายตนํ – จกฺขุวิญฺญาณํ, โสตวิญฺญาณํ, ฆานวิญฺญาณํ, ชิวฺหาวิญฺญาณํ, กายวิญฺญาณํ อตฺถิ สุขสหคตํ, อตฺถิ ทุกฺขสหคตํ, มโนธาตุ, มโนวิญฺญาณธาตุฯ เอวํ อฎฺฐวิเธน มนายตนํฯ

    Aṭṭhavidhena manāyatanaṃ – cakkhuviññāṇaṃ, sotaviññāṇaṃ, ghānaviññāṇaṃ, jivhāviññāṇaṃ, kāyaviññāṇaṃ atthi sukhasahagataṃ, atthi dukkhasahagataṃ, manodhātu, manoviññāṇadhātu. Evaṃ aṭṭhavidhena manāyatanaṃ.

    นววิเธน มนายตนํ – จกฺขุวิญฺญาณํ, โสตวิญฺญาณํ, ฆานวิญฺญาณํ, ชิวฺหาวิญฺญาณํ, กายวิญฺญาณํ, มโนธาตุ, มโนวิญฺญาณธาตุ อตฺถิ กุสลํ, อตฺถิ อกุสลํ, อตฺถิ อพฺยากตํฯ เอวํ นววิเธน มนายตนํฯ

    Navavidhena manāyatanaṃ – cakkhuviññāṇaṃ, sotaviññāṇaṃ, ghānaviññāṇaṃ, jivhāviññāṇaṃ, kāyaviññāṇaṃ, manodhātu, manoviññāṇadhātu atthi kusalaṃ, atthi akusalaṃ, atthi abyākataṃ. Evaṃ navavidhena manāyatanaṃ.

    ทสวิเธน มนายตนํ – จกฺขุวิญฺญาณํ, โสตวิญฺญาณํ, ฆานวิญฺญาณํ, ชิวฺหาวิญฺญาณํ, กายวิญฺญาณํ อตฺถิ สุขสหคตํ, อตฺถิ ทุกฺขสหคตํ, มโนธาตุ, มโนวิญฺญาณธาตุ อตฺถิ กุสลํ, อตฺถิ อกุสลํ, อตฺถิ อพฺยากตํฯ เอวํ ทสวิเธน มนายตนํฯ

    Dasavidhena manāyatanaṃ – cakkhuviññāṇaṃ, sotaviññāṇaṃ, ghānaviññāṇaṃ, jivhāviññāṇaṃ, kāyaviññāṇaṃ atthi sukhasahagataṃ, atthi dukkhasahagataṃ, manodhātu, manoviññāṇadhātu atthi kusalaṃ, atthi akusalaṃ, atthi abyākataṃ. Evaṃ dasavidhena manāyatanaṃ.

    เอกวิเธน มนายตนํ – ผสฺสสมฺปยุตฺตํฯ

    Ekavidhena manāyatanaṃ – phassasampayuttaṃ.

    ทุวิเธน มนายตนํ – อตฺถิ สเหตุกํ, อตฺถิ อเหตุกํฯ

    Duvidhena manāyatanaṃ – atthi sahetukaṃ, atthi ahetukaṃ.

    ติวิเธน มนายตนํ – อตฺถิ สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, อตฺถิ ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, อตฺถิ อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ…เป.…ฯ เอวํ พหุวิเธน มนายตนํฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘มนายตนํ’’ฯ

    Tividhena manāyatanaṃ – atthi sukhāya vedanāya sampayuttaṃ, atthi dukkhāya vedanāya sampayuttaṃ, atthi adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttaṃ…pe…. Evaṃ bahuvidhena manāyatanaṃ. Idaṃ vuccati ‘‘manāyatanaṃ’’.

    ๑๖๒. ตตฺถ กตมํ รูปายตนํ? ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ นีลํ ปีตกํ โลหิตกํ 3 โอทาตํ กาฬกํ มญฺชิฎฺฐกํ 4 หริ หริวณฺณํ อมฺพงฺกุรวณฺณํ ทีฆํ รสฺสํ อณุํ ถูลํ วฎฺฎํ ปริมณฺฑลํ จตุรสฺสํ ฉฬํสํ อฎฺฐํสํ โสฬสํสํ นินฺนํ ถลํ ฉายา อาตโป อาโลโก อนฺธกาโร อพฺภา มหิกา ธูโม รโช จนฺทมณฺฑลสฺส วณฺณนิภา สูริยมณฺฑลสฺส 5 วณฺณนิภา ตารกรูปานํ วณฺณนิภา อาทาสมณฺฑลสฺส วณฺณนิภา มณิสงฺขมุตฺตเวฬุริยสฺส วณฺณนิภา ชาตรูปรชตสฺส วณฺณนิภา, ยํ วา ปนญฺญมฺปิ อตฺถิ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ, ยํ รูปํ สนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ จกฺขุนา อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน ปสฺสิ วา ปสฺสติ วา ปสฺสิสฺสติ วา ปเสฺส วา, รูปเมฺปตํ รูปายตนเมฺปตํ รูปธาตุเปสาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘รูปายตนํ’’ฯ

    162. Tattha katamaṃ rūpāyatanaṃ? Yaṃ rūpaṃ catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya vaṇṇanibhā sanidassanaṃ sappaṭighaṃ nīlaṃ pītakaṃ lohitakaṃ 6 odātaṃ kāḷakaṃ mañjiṭṭhakaṃ 7 hari harivaṇṇaṃ ambaṅkuravaṇṇaṃ dīghaṃ rassaṃ aṇuṃ thūlaṃ vaṭṭaṃ parimaṇḍalaṃ caturassaṃ chaḷaṃsaṃ aṭṭhaṃsaṃ soḷasaṃsaṃ ninnaṃ thalaṃ chāyā ātapo āloko andhakāro abbhā mahikā dhūmo rajo candamaṇḍalassa vaṇṇanibhā sūriyamaṇḍalassa 8 vaṇṇanibhā tārakarūpānaṃ vaṇṇanibhā ādāsamaṇḍalassa vaṇṇanibhā maṇisaṅkhamuttaveḷuriyassa vaṇṇanibhā jātarūparajatassa vaṇṇanibhā, yaṃ vā panaññampi atthi rūpaṃ catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya vaṇṇanibhā sanidassanaṃ sappaṭighaṃ, yaṃ rūpaṃ sanidassanaṃ sappaṭighaṃ cakkhunā anidassanena sappaṭighena passi vā passati vā passissati vā passe vā, rūpampetaṃ rūpāyatanampetaṃ rūpadhātupesā. Idaṃ vuccati ‘‘rūpāyatanaṃ’’.

    ๑๖๓. ตตฺถ กตมํ สทฺทายตนํ? โย สโทฺท จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ เภริสโทฺท มุทิงฺคสโทฺท 9 สงฺขสโทฺท ปณวสโทฺท คีตสโทฺท วาทิตสโทฺท สมฺมสโทฺท ปาณิสโทฺท สตฺตานํ นิโคฺฆสสโทฺท ธาตูนํ สนฺนิฆาตสโทฺท วาตสโทฺท อุทกสโทฺท มนุสฺสสโทฺท อมนุสฺสสโทฺท, โย วา ปนโญฺญปิ อตฺถิ สโทฺท จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ, ยํ สทฺทํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ โสเตน อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน สุณิ วา สุณาติ วา สุณิสฺสติ วา สุเณ วา, สโทฺทเปโส สทฺทายตนเมฺปตํ สทฺทธาตุเปสาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘สทฺทายตนํ’’ฯ

    163. Tattha katamaṃ saddāyatanaṃ? Yo saddo catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya anidassano sappaṭigho bherisaddo mudiṅgasaddo 10 saṅkhasaddo paṇavasaddo gītasaddo vāditasaddo sammasaddo pāṇisaddo sattānaṃ nigghosasaddo dhātūnaṃ sannighātasaddo vātasaddo udakasaddo manussasaddo amanussasaddo, yo vā panaññopi atthi saddo catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya anidassano sappaṭigho, yaṃ saddaṃ anidassanaṃ sappaṭighaṃ sotena anidassanena sappaṭighena suṇi vā suṇāti vā suṇissati vā suṇe vā, saddopeso saddāyatanampetaṃ saddadhātupesā. Idaṃ vuccati ‘‘saddāyatanaṃ’’.

    ๑๖๔. ตตฺถ กตมํ คนฺธายตนํ? โย คโนฺธ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ มูลคโนฺธ สารคโนฺธ ตจคโนฺธ ปตฺตคโนฺธ ปุปฺผคโนฺธ ผลคโนฺธ อามคโนฺธ วิสฺสคโนฺธ สุคโนฺธ ทุคฺคโนฺธ, โย วา ปนโญฺญปิ อตฺถิ คโนฺธ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ , ยํ คนฺธํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ ฆาเนน อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน ฆายิ วา ฆายติ วา ฆายิสฺสติ วา ฆาเย วา, คโนฺธเปโส คนฺธายตนเมฺปตํ คนฺธธาตุเปสาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘คนฺธายตนํ’’ฯ

    164. Tattha katamaṃ gandhāyatanaṃ? Yo gandho catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya anidassano sappaṭigho mūlagandho sāragandho tacagandho pattagandho pupphagandho phalagandho āmagandho vissagandho sugandho duggandho, yo vā panaññopi atthi gandho catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya anidassano sappaṭigho , yaṃ gandhaṃ anidassanaṃ sappaṭighaṃ ghānena anidassanena sappaṭighena ghāyi vā ghāyati vā ghāyissati vā ghāye vā, gandhopeso gandhāyatanampetaṃ gandhadhātupesā. Idaṃ vuccati ‘‘gandhāyatanaṃ’’.

    ๑๖๕. ตตฺถ กตมํ รสายตนํ? โย รโส จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ มูลรโส ขนฺธรโส ตจรโส ปตฺตรโส ปุปฺผรโส ผลรโส อมฺพิลํ มธุรํ ติตฺตกํ กฎุกํ โลณิกํ 11 ขาริกํ ลมฺพิกํ กสาโว สาทุ อสาทุ, โย วา ปนโญฺญปิ อตฺถิ รโส จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย อนิทสฺสโน สปฺปฎิโฆ, ยํ รสํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ ชิวฺหาย อนิทสฺสนาย สปฺปฎิฆาย สายิ วา สายติ วา สายิสฺสติ วา สาเย วา, รโสเปโส รสายตนเมฺปตํ รสธาตุเปสาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘รสายตนํ’’ฯ

    165. Tattha katamaṃ rasāyatanaṃ? Yo raso catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya anidassano sappaṭigho mūlaraso khandharaso tacaraso pattaraso puppharaso phalaraso ambilaṃ madhuraṃ tittakaṃ kaṭukaṃ loṇikaṃ 12 khārikaṃ lambikaṃ kasāvo sādu asādu, yo vā panaññopi atthi raso catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya anidassano sappaṭigho, yaṃ rasaṃ anidassanaṃ sappaṭighaṃ jivhāya anidassanāya sappaṭighāya sāyi vā sāyati vā sāyissati vā sāye vā, rasopeso rasāyatanampetaṃ rasadhātupesā. Idaṃ vuccati ‘‘rasāyatanaṃ’’.

    ๑๖๖. ตตฺถ กตมํ โผฎฺฐพฺพายตนํ? ปถวีธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ กกฺขฬํ มุทุกํ สณฺหํ ผรุสํ สุขสมฺผสฺสํ ทุกฺขสมฺผสฺสํ ครุกํ ลหุกํ, ยํ โผฎฺฐพฺพํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ กาเยน อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน ผุสิ วา ผุสติ วา ผุสิสฺสติ วา ผุเส วา, โผฎฺฐโพฺพเปโส โผฎฺฐพฺพายตนเมฺปตํ โผฎฺฐพฺพธาตุเปสาฯ อิทํ วุจฺจติ ‘‘โผฎฺฐพฺพายตนํ’’ฯ

    166. Tattha katamaṃ phoṭṭhabbāyatanaṃ? Pathavīdhātu tejodhātu vāyodhātu kakkhaḷaṃ mudukaṃ saṇhaṃ pharusaṃ sukhasamphassaṃ dukkhasamphassaṃ garukaṃ lahukaṃ, yaṃ phoṭṭhabbaṃ anidassanaṃ sappaṭighaṃ kāyena anidassanena sappaṭighena phusi vā phusati vā phusissati vā phuse vā, phoṭṭhabbopeso phoṭṭhabbāyatanampetaṃ phoṭṭhabbadhātupesā. Idaṃ vuccati ‘‘phoṭṭhabbāyatanaṃ’’.

    ๑๖๗. ตตฺถ กตมํ ธมฺมายตนํ? เวทนากฺขโนฺธ, สญฺญากฺขโนฺธ, สงฺขารกฺขโนฺธ, ยญฺจ รูปํ อนิทสฺสนอปฺปฎิฆํ ธมฺมายตนปริยาปนฺนํ, อสงฺขตา จ ธาตุฯ

    167. Tattha katamaṃ dhammāyatanaṃ? Vedanākkhandho, saññākkhandho, saṅkhārakkhandho, yañca rūpaṃ anidassanaappaṭighaṃ dhammāyatanapariyāpannaṃ, asaṅkhatā ca dhātu.

    ตตฺถ กตโม เวทนากฺขโนฺธ? เอกวิเธน เวทนากฺขโนฺธ – ผสฺสสมฺปยุโตฺตฯ ทุวิเธน เวทนากฺขโนฺธ – อตฺถิ สเหตุโก, อตฺถิ อเหตุโกฯ ติวิเธน เวทนากฺขโนฺธ – อตฺถิ กุสโล, อตฺถิ อกุสโล, อตฺถิ อพฺยากโต…เป.… เอวํ ทสวิเธน เวทนากฺขโนฺธ…เป.… เอวํ พหุวิเธน เวทนากฺขโนฺธฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘เวทนากฺขโนฺธ’’ฯ

    Tattha katamo vedanākkhandho? Ekavidhena vedanākkhandho – phassasampayutto. Duvidhena vedanākkhandho – atthi sahetuko, atthi ahetuko. Tividhena vedanākkhandho – atthi kusalo, atthi akusalo, atthi abyākato…pe… evaṃ dasavidhena vedanākkhandho…pe… evaṃ bahuvidhena vedanākkhandho. Ayaṃ vuccati ‘‘vedanākkhandho’’.

    ตตฺถ กตโม สญฺญากฺขโนฺธ? เอกวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ – ผสฺสสมฺปยุโตฺตฯ ทุวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ – อตฺถิ สเหตุโก, อตฺถิ อเหตุโกฯ ติวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ – อตฺถิ กุสโล, อตฺถิ อกุสโล, อตฺถิ อพฺยากโต…เป.… เอวํ ทสวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ…เป.… เอวํ พหุวิเธน สญฺญากฺขโนฺธฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘สญฺญากฺขโนฺธ’’ฯ

    Tattha katamo saññākkhandho? Ekavidhena saññākkhandho – phassasampayutto. Duvidhena saññākkhandho – atthi sahetuko, atthi ahetuko. Tividhena saññākkhandho – atthi kusalo, atthi akusalo, atthi abyākato…pe… evaṃ dasavidhena saññākkhandho…pe… evaṃ bahuvidhena saññākkhandho. Ayaṃ vuccati ‘‘saññākkhandho’’.

    ตตฺถ กตโม สงฺขารกฺขโนฺธ? เอกวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธ – จิตฺตสมฺปยุโตฺตฯ ทุวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธ – อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ น เหตุฯ ติวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธ – อตฺถิ กุสโล, อตฺถิ อกุสโล, อตฺถิ อพฺยากโต…เป.… เอวํ ทสวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธ…เป.… เอวํ พหุวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘สงฺขารกฺขโนฺธ’’ฯ

    Tattha katamo saṅkhārakkhandho? Ekavidhena saṅkhārakkhandho – cittasampayutto. Duvidhena saṅkhārakkhandho – atthi hetu, atthi na hetu. Tividhena saṅkhārakkhandho – atthi kusalo, atthi akusalo, atthi abyākato…pe… evaṃ dasavidhena saṅkhārakkhandho…pe… evaṃ bahuvidhena saṅkhārakkhandho. Ayaṃ vuccati ‘‘saṅkhārakkhandho’’.

    ตตฺถ กตมํ รูปํ อนิทสฺสนอปฺปฎิฆํ ธมฺมายตนปริยาปนฺนํ? อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ…เป.… กพฬีกาโร อาหาโรฯ อิทํ วุจฺจติ รูปํ ‘‘อนิทสฺสนอปฺปฎิฆํ ธมฺมายตนปริยาปนฺนํ’’ฯ

    Tattha katamaṃ rūpaṃ anidassanaappaṭighaṃ dhammāyatanapariyāpannaṃ? Itthindriyaṃ purisindriyaṃ…pe… kabaḷīkāro āhāro. Idaṃ vuccati rūpaṃ ‘‘anidassanaappaṭighaṃ dhammāyatanapariyāpannaṃ’’.

    ตตฺถ กตมา อสงฺขตา ธาตุ? ราคกฺขโย , โทสกฺขโย, โมหกฺขโย – อยํ วุจฺจติ ‘‘อสงฺขตา ธาตุ’’ฯ

    Tattha katamā asaṅkhatā dhātu? Rāgakkhayo , dosakkhayo, mohakkhayo – ayaṃ vuccati ‘‘asaṅkhatā dhātu’’.

    อิทํ วุจฺจติ ธมฺมายตนํฯ

    Idaṃ vuccati dhammāyatanaṃ.

    อภิธมฺมภาชนียํฯ

    Abhidhammabhājanīyaṃ.

    ๓. ปญฺหาปุจฺฉกํ

    3. Pañhāpucchakaṃ

    ๑๖๘. ทฺวาทสายตนานิ – จกฺขายตนํ, รูปายตนํ, โสตายตนํ, สทฺทายตนํ, ฆานายตนํ, คนฺธายตนํ, ชิวฺหายตนํ, รสายตนํ, กายายตนํ, โผฎฺฐพฺพายตนํ, มนายตนํ, ธมฺมายตนํฯ

    168. Dvādasāyatanāni – cakkhāyatanaṃ, rūpāyatanaṃ, sotāyatanaṃ, saddāyatanaṃ, ghānāyatanaṃ, gandhāyatanaṃ, jivhāyatanaṃ, rasāyatanaṃ, kāyāyatanaṃ, phoṭṭhabbāyatanaṃ, manāyatanaṃ, dhammāyatanaṃ.

    ๑๖๙. ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ กติ กุสลา, กติ อกุสลา, กติ อพฺยากตา…เป.… กติ สรณา, กติ อรณา?

    169. Dvādasannaṃ āyatanānaṃ kati kusalā, kati akusalā, kati abyākatā…pe… kati saraṇā, kati araṇā?

    ๑. ติกํ

    1. Tikaṃ

    ๑๗๐. ทสายตนา อพฺยากตาฯ ทฺวายตนา สิยา กุสลา, สิยา อกุสลา, สิยา อพฺยากตาฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา’’ติปิ, ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา’’ติปิ, ‘‘อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา’’ติปิฯ มนายตนํ สิยา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, สิยา ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, สิยา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํฯ ธมฺมายตนํ สิยา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, สิยา ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, สิยา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺต’’นฺติปิฯ ทสายตนา เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมาฯ ทฺวายตนา สิยา วิปากา, สิยา วิปากธมฺมธมฺมา, สิยา เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมาฯ

    170. Dasāyatanā abyākatā. Dvāyatanā siyā kusalā, siyā akusalā, siyā abyākatā. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘sukhāya vedanāya sampayuttā’’tipi, ‘‘dukkhāya vedanāya sampayuttā’’tipi, ‘‘adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttā’’tipi. Manāyatanaṃ siyā sukhāya vedanāya sampayuttaṃ, siyā dukkhāya vedanāya sampayuttaṃ, siyā adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttaṃ. Dhammāyatanaṃ siyā sukhāya vedanāya sampayuttaṃ, siyā dukkhāya vedanāya sampayuttaṃ, siyā adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘sukhāya vedanāya sampayutta’’ntipi, ‘‘dukkhāya vedanāya sampayutta’’ntipi, ‘‘adukkhamasukhāya vedanāya sampayutta’’ntipi. Dasāyatanā nevavipākanavipākadhammadhammā. Dvāyatanā siyā vipākā, siyā vipākadhammadhammā, siyā nevavipākanavipākadhammadhammā.

    ปญฺจายตนา อุปาทินฺนุปาทานิยาฯ สทฺทายตนํ อนุปาทินฺนุปาทานิยํฯ จตฺตาโร อายตนา สิยา อุปาทินฺนุปาทานิยา, สิยา อนุปาทินฺนุปาทานิยา, สิยา อนุปาทานิยาฯ ทฺวายตนา สิยา อุปาทินฺนุปาทานิยา, สิยา อนุปาทินฺนุปาทานิยา, สิยา อนุปาทินฺนอนุปาทานิยาฯ ทสายตนา อสํกิลิฎฺฐสํกิเลสิกาฯ ทฺวายตนา สิยา สํกิลิฎฺฐสํกิเลสิกา, สิยา อสํกิลิฎฺฐสํกิเลสิกา, สิยา อสํกิลิฎฺฐอสํกิเลสิกาฯ ทสายตนา อวิตกฺกอวิจาราฯ มนายตนํ สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกอวิจารํฯ ธมฺมายตนํ สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกอวิจารํ , สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สวิตกฺกสวิจาร’’นฺติปิ, ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺต’’นฺติปิ, ‘‘อวิตกฺกอวิจาร’’นฺติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘ปีติสหคตา’’ติปิ, ‘‘สุขสหคตา’’ติปิ, ‘‘อุเปกฺขาสหคตา’’ติปิฯ ทฺวายตนา สิยา ปีติสหคตา, สิยา สุขสหคตา, สิยา อุเปกฺขาสหคตา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘ปีติสหคตา’’ติปิ, ‘‘สุขสหคตา’’ติปิ, ‘‘อุเปกฺขาสหคตา’’ติปิฯ

    Pañcāyatanā upādinnupādāniyā. Saddāyatanaṃ anupādinnupādāniyaṃ. Cattāro āyatanā siyā upādinnupādāniyā, siyā anupādinnupādāniyā, siyā anupādāniyā. Dvāyatanā siyā upādinnupādāniyā, siyā anupādinnupādāniyā, siyā anupādinnaanupādāniyā. Dasāyatanā asaṃkiliṭṭhasaṃkilesikā. Dvāyatanā siyā saṃkiliṭṭhasaṃkilesikā, siyā asaṃkiliṭṭhasaṃkilesikā, siyā asaṃkiliṭṭhaasaṃkilesikā. Dasāyatanā avitakkaavicārā. Manāyatanaṃ siyā savitakkasavicāraṃ, siyā avitakkavicāramattaṃ, siyā avitakkaavicāraṃ. Dhammāyatanaṃ siyā savitakkasavicāraṃ, siyā avitakkavicāramattaṃ, siyā avitakkaavicāraṃ , siyā na vattabbaṃ – ‘‘savitakkasavicāra’’ntipi, ‘‘avitakkavicāramatta’’ntipi, ‘‘avitakkaavicāra’’ntipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘pītisahagatā’’tipi, ‘‘sukhasahagatā’’tipi, ‘‘upekkhāsahagatā’’tipi. Dvāyatanā siyā pītisahagatā, siyā sukhasahagatā, siyā upekkhāsahagatā, siyā na vattabbā – ‘‘pītisahagatā’’tipi, ‘‘sukhasahagatā’’tipi, ‘‘upekkhāsahagatā’’tipi.

    ทสายตนา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ ทฺวายตนา สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพา, สิยา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ ทสายตนา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ ทฺวายตนา สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกา, สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกา, สิยา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ ทสายตนา เนวาจยคามินาปจยคามิโนฯ ทฺวายตนา สิยา อาจยคามิโน, สิยา อปจยคามิโน, สิยา เนวาจยคามินาปจยคามิโนฯ ทสายตนา เนวเสกฺขนาเสกฺขาฯ ทฺวายตนา สิยา เสกฺขา, สิยา อเสกฺขา , สิยา เนวเสกฺขนาเสกฺขาฯ ทสายตนา ปริตฺตาฯ ทฺวายตนา สิยา ปริตฺตา, สิยา มหคฺคตา, สิยา อปฺปมาณาฯ ทสายตนา อนารมฺมณาฯ ทฺวายตนา สิยา ปริตฺตารมฺมณา, สิยา มหคฺคตารมฺมณา, สิยา อปฺปมาณารมฺมณา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘ปริตฺตารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘มหคฺคตารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘อปฺปมาณารมฺมณา’’ติปิฯ ทสายตนา มชฺฌิมาฯ ทฺวายตนา สิยา หีนา, สิยา มชฺฌิมา, สิยา ปณีตาฯ ทสายตนา อนิยตาฯ ทฺวายตนา สิยา มิจฺฉตฺตนิยตา, สิยา สมฺมตฺตนิยตา, สิยา อนิยตาฯ

    Dasāyatanā neva dassanena na bhāvanāya pahātabbā. Dvāyatanā siyā dassanena pahātabbā, siyā bhāvanāya pahātabbā, siyā neva dassanena na bhāvanāya pahātabbā. Dasāyatanā neva dassanena na bhāvanāya pahātabbahetukā. Dvāyatanā siyā dassanena pahātabbahetukā, siyā bhāvanāya pahātabbahetukā, siyā neva dassanena na bhāvanāya pahātabbahetukā. Dasāyatanā nevācayagāmināpacayagāmino. Dvāyatanā siyā ācayagāmino, siyā apacayagāmino, siyā nevācayagāmināpacayagāmino. Dasāyatanā nevasekkhanāsekkhā. Dvāyatanā siyā sekkhā, siyā asekkhā , siyā nevasekkhanāsekkhā. Dasāyatanā parittā. Dvāyatanā siyā parittā, siyā mahaggatā, siyā appamāṇā. Dasāyatanā anārammaṇā. Dvāyatanā siyā parittārammaṇā, siyā mahaggatārammaṇā, siyā appamāṇārammaṇā, siyā na vattabbā – ‘‘parittārammaṇā’’tipi, ‘‘mahaggatārammaṇā’’tipi, ‘‘appamāṇārammaṇā’’tipi. Dasāyatanā majjhimā. Dvāyatanā siyā hīnā, siyā majjhimā, siyā paṇītā. Dasāyatanā aniyatā. Dvāyatanā siyā micchattaniyatā, siyā sammattaniyatā, siyā aniyatā.

    ทสายตนา อนารมฺมณาฯ ทฺวายตนา สิยา มคฺคารมฺมณา, สิยา มคฺคเหตุกา, สิยา มคฺคาธิปติโน, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘มคฺคารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘มคฺคเหตุกา’’ติปิ, ‘‘มคฺคาธิปติโน’’ติปิฯ ปญฺจายตนา สิยา อุปฺปนฺนา, สิยา อุปฺปาทิโน, น วตฺตพฺพา – ‘‘อนุปฺปนฺนา’’ติฯ สทฺทายตนํ สิยา อุปฺปนฺนํ, สิยา อนุปฺปนฺนํ, น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปฺปาที’’ติฯ ปญฺจายตนา สิยา อุปฺปนฺนา, สิยา อนุปฺปนฺนา, สิยา อุปฺปาทิโนฯ ธมฺมายตนํ สิยา อุปฺปนฺนํ, สิยา อนุปฺปนฺนํ, สิยา อุปฺปาทิ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติปิ, ‘‘อนุปฺปนฺน’’นฺติปิ, ‘‘อุปฺปาที’’ติปิฯ เอกาทสายตนา สิยา อตีตา, สิยา อนาคตา, สิยา ปจฺจุปฺปนฺนาฯ ธมฺมายตนํ สิยา อตีตํ, สิยา อนาคตํ, สิยา ปจฺจุปฺปนฺนํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อตีต’’นฺติปิ, ‘‘อนาคต’’นฺติปิ, ‘‘ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติปิฯ ทสายตนา อนารมฺมณาฯ ทฺวายตนา สิยา อตีตารมฺมณา, สิยา อนาคตารมฺมณา , สิยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘อตีตารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘อนาคตารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติปิ; สิยา อชฺฌตฺตา, สิยา พหิทฺธา, สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธาฯ ทสายตนา อนารมฺมณาฯ ทฺวายตนา สิยา อชฺฌตฺตารมฺมณา, สิยา พหิทฺธารมฺมณา, สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘อชฺฌตฺตารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘พหิทฺธารมฺมณา’’ติปิ, ‘‘อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา’’ติปิฯ รูปายตนํ สนิทสฺสนสปฺปฎิฆํฯ นวายตนา อนิทสฺสนสปฺปฎิฆาฯ ทฺวายตนา อนิทสฺสนอปฺปฎิฆาฯ

    Dasāyatanā anārammaṇā. Dvāyatanā siyā maggārammaṇā, siyā maggahetukā, siyā maggādhipatino, siyā na vattabbā – ‘‘maggārammaṇā’’tipi, ‘‘maggahetukā’’tipi, ‘‘maggādhipatino’’tipi. Pañcāyatanā siyā uppannā, siyā uppādino, na vattabbā – ‘‘anuppannā’’ti. Saddāyatanaṃ siyā uppannaṃ, siyā anuppannaṃ, na vattabbaṃ – ‘‘uppādī’’ti. Pañcāyatanā siyā uppannā, siyā anuppannā, siyā uppādino. Dhammāyatanaṃ siyā uppannaṃ, siyā anuppannaṃ, siyā uppādi, siyā na vattabbaṃ – ‘‘uppanna’’ntipi, ‘‘anuppanna’’ntipi, ‘‘uppādī’’tipi. Ekādasāyatanā siyā atītā, siyā anāgatā, siyā paccuppannā. Dhammāyatanaṃ siyā atītaṃ, siyā anāgataṃ, siyā paccuppannaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘atīta’’ntipi, ‘‘anāgata’’ntipi, ‘‘paccuppanna’’ntipi. Dasāyatanā anārammaṇā. Dvāyatanā siyā atītārammaṇā, siyā anāgatārammaṇā , siyā paccuppannārammaṇā, siyā na vattabbā – ‘‘atītārammaṇā’’tipi, ‘‘anāgatārammaṇā’’tipi, ‘‘paccuppannārammaṇā’’tipi; siyā ajjhattā, siyā bahiddhā, siyā ajjhattabahiddhā. Dasāyatanā anārammaṇā. Dvāyatanā siyā ajjhattārammaṇā, siyā bahiddhārammaṇā, siyā ajjhattabahiddhārammaṇā, siyā na vattabbā – ‘‘ajjhattārammaṇā’’tipi, ‘‘bahiddhārammaṇā’’tipi, ‘‘ajjhattabahiddhārammaṇā’’tipi. Rūpāyatanaṃ sanidassanasappaṭighaṃ. Navāyatanā anidassanasappaṭighā. Dvāyatanā anidassanaappaṭighā.

    ๒. ทุกํ

    2. Dukaṃ

    ๑๗๑. เอกาทสายตนา น เหตูฯ ธมฺมายตนํ สิยา เหตุ, สิยา น เหตุฯ ทสายตนา อเหตุกาฯ ทฺวายตนา สิยา สเหตุกา, สิยา อเหตุกาฯ ทสายตนา เหตุวิปฺปยุตฺตาฯ ทฺวายตนา สิยา เหตุสมฺปยุตฺตา, สิยา เหตุวิปฺปยุตฺตาฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘เหตู เจว สเหตุกา จา’’ติปิ, ‘‘สเหตุกา เจว น จ เหตู’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุ เจว สเหตุกญฺจา’’ติ, สิยา สเหตุกเญฺจว น จ เหตุ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สเหตุกเญฺจว น จ เหตู’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา เหตุ เจว สเหตุกญฺจ, สิยา สเหตุกเญฺจว น จ เหตุ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุ เจว สเหตุกญฺจา’’ติปิ, ‘‘สเหตุกเญฺจว น จ เหตู’’ติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘เหตู เจว เหตุสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตา เจว น จ เหตู’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุ เจว เหตุสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติ, สิยา เหตุสมฺปยุตฺตเญฺจว น จ เหตุ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตเญฺจว น จ เหตู’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา เหตุ เจว เหตุสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา เหตุสมฺปยุตฺตเญฺจว น จ เหตุ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘เหตุ เจว เหตุสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตเญฺจว น จ เหตู’’ติปิฯ ทสายตนา น เหตูอเหตุกาฯ มนายตนํ สิยา น เหตุสเหตุกํ, สิยา น เหตุอเหตุกํฯ ธมฺมายตนํ สิยา น เหตุสเหตุกํ, สิยา น เหตุอเหตุกํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘น เหตุสเหตุก’’นฺติปิ, ‘‘น เหตุอเหตุก’’นฺติปิฯ

    171. Ekādasāyatanā na hetū. Dhammāyatanaṃ siyā hetu, siyā na hetu. Dasāyatanā ahetukā. Dvāyatanā siyā sahetukā, siyā ahetukā. Dasāyatanā hetuvippayuttā. Dvāyatanā siyā hetusampayuttā, siyā hetuvippayuttā. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘hetū ceva sahetukā cā’’tipi, ‘‘sahetukā ceva na ca hetū’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘hetu ceva sahetukañcā’’ti, siyā sahetukañceva na ca hetu, siyā na vattabbaṃ – ‘‘sahetukañceva na ca hetū’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā hetu ceva sahetukañca, siyā sahetukañceva na ca hetu, siyā na vattabbaṃ – ‘‘hetu ceva sahetukañcā’’tipi, ‘‘sahetukañceva na ca hetū’’tipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘hetū ceva hetusampayuttā cā’’tipi, ‘‘hetusampayuttā ceva na ca hetū’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘hetu ceva hetusampayuttañcā’’ti, siyā hetusampayuttañceva na ca hetu, siyā na vattabbaṃ – ‘‘hetusampayuttañceva na ca hetū’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā hetu ceva hetusampayuttañca, siyā hetusampayuttañceva na ca hetu, siyā na vattabbaṃ – ‘‘hetu ceva hetusampayuttañcā’’tipi, ‘‘hetusampayuttañceva na ca hetū’’tipi. Dasāyatanā na hetūahetukā. Manāyatanaṃ siyā na hetusahetukaṃ, siyā na hetuahetukaṃ. Dhammāyatanaṃ siyā na hetusahetukaṃ, siyā na hetuahetukaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘na hetusahetuka’’ntipi, ‘‘na hetuahetuka’’ntipi.

    เอกาทสายตนา สปฺปจฺจยาฯ ธมฺมายตนํ สิยา สปฺปจฺจยํ, สิยา อปฺปจฺจยํฯ เอกาทสายตนา สงฺขตาฯ ธมฺมายตนํ สิยา สงฺขตํ, สิยา อสงฺขตํฯ รูปายตนํ สนิทสฺสนํฯ เอกาทสายตนา อนิทสฺสนาฯ ทสายตนา สปฺปฎิฆาฯ ทฺวายตนา อปฺปฎิฆาฯ ทสายตนา รูปาฯ มนายตนํ อรูปํฯ ธมฺมายตนํ สิยา รูปํ, สิยา อรูปํฯ ทสายตนา โลกิยาฯ ทฺวายตนา สิยา โลกิยา, สิยา โลกุตฺตรา; เกนจิ วิเญฺญยฺยา, เกนจิ น วิเญฺญยฺยาฯ

    Ekādasāyatanā sappaccayā. Dhammāyatanaṃ siyā sappaccayaṃ, siyā appaccayaṃ. Ekādasāyatanā saṅkhatā. Dhammāyatanaṃ siyā saṅkhataṃ, siyā asaṅkhataṃ. Rūpāyatanaṃ sanidassanaṃ. Ekādasāyatanā anidassanā. Dasāyatanā sappaṭighā. Dvāyatanā appaṭighā. Dasāyatanā rūpā. Manāyatanaṃ arūpaṃ. Dhammāyatanaṃ siyā rūpaṃ, siyā arūpaṃ. Dasāyatanā lokiyā. Dvāyatanā siyā lokiyā, siyā lokuttarā; kenaci viññeyyā, kenaci na viññeyyā.

    เอกาทสายตนา โน อาสวาฯ ธมฺมายตนํ สิยา อาสโว, สิยา โน อาสโวฯ ทสายตนา สาสวาฯ ทฺวายตนา สิยา สาสวา, สิยา อนาสวาฯ ทสายตนา อาสววิปฺปยุตฺตาฯ ทฺวายตนา สิยา อาสวสมฺปยุตฺตา, สิยา อาสววิปฺปยุตฺตาฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘อาสวา เจว สาสวา จา’’ติ, ‘‘สาสวา เจว โน จ อาสวา’’ฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘อาสโว เจว สาสวญฺจา’’ติ, สิยา สาสวเญฺจว โน จ อาสโว, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สาสวเญฺจว โน จ อาสโว’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา อาสโว เจว สาสวญฺจ, สิยา สาสวเญฺจว โน จ อาสโว, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อาสโว เจว สาสวญฺจา’’ติปิ, ‘‘สาสวเญฺจว โน จ อาสโว’’ติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘อาสวา เจว อาสวสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘อาสวสมฺปยุตฺตา เจว โน จ อาสวา’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘อาสโว เจว อาสวสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติ, สิยา อาสวสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อาสโว, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อาสวสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อาสโว’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา อาสโว เจว อาสวสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา อาสวสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อาสโว, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อาสโว เจว อาสวสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘อาสวสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อาสโว’’ติปิฯ ทสายตนา อาสววิปฺปยุตฺตสาสวาฯ ทฺวายตนา สิยา อาสววิปฺปยุตฺตสาสวา, สิยา อาสววิปฺปยุตฺตอนาสวา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘อาสววิปฺปยุตฺตสาสวา’’ติปิ, ‘‘อาสววิปฺปยุตฺตอนาสวา’’ติปิฯ

    Ekādasāyatanā no āsavā. Dhammāyatanaṃ siyā āsavo, siyā no āsavo. Dasāyatanā sāsavā. Dvāyatanā siyā sāsavā, siyā anāsavā. Dasāyatanā āsavavippayuttā. Dvāyatanā siyā āsavasampayuttā, siyā āsavavippayuttā. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘āsavā ceva sāsavā cā’’ti, ‘‘sāsavā ceva no ca āsavā’’. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘āsavo ceva sāsavañcā’’ti, siyā sāsavañceva no ca āsavo, siyā na vattabbaṃ – ‘‘sāsavañceva no ca āsavo’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā āsavo ceva sāsavañca, siyā sāsavañceva no ca āsavo, siyā na vattabbaṃ – ‘‘āsavo ceva sāsavañcā’’tipi, ‘‘sāsavañceva no ca āsavo’’tipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘āsavā ceva āsavasampayuttā cā’’tipi, ‘‘āsavasampayuttā ceva no ca āsavā’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘āsavo ceva āsavasampayuttañcā’’ti, siyā āsavasampayuttañceva no ca āsavo, siyā na vattabbaṃ – ‘‘āsavasampayuttañceva no ca āsavo’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā āsavo ceva āsavasampayuttañca, siyā āsavasampayuttañceva no ca āsavo, siyā na vattabbaṃ – ‘‘āsavo ceva āsavasampayuttañcā’’tipi, ‘‘āsavasampayuttañceva no ca āsavo’’tipi. Dasāyatanā āsavavippayuttasāsavā. Dvāyatanā siyā āsavavippayuttasāsavā, siyā āsavavippayuttaanāsavā, siyā na vattabbā – ‘‘āsavavippayuttasāsavā’’tipi, ‘‘āsavavippayuttaanāsavā’’tipi.

    เอกาทสายตนา โน สํโยชนาฯ ธมฺมายตนํ สิยา สํโยชนํ, สิยา โน สํโยชนํฯ ทสายตนา สํโยชนิยาฯ ทฺวายตนา สิยา สํโยชนิยา, สิยา อสํโยชนิยาฯ ทสายตนา สํโยชนวิปฺปยุตฺตาฯ ทฺวายตนา สิยา สํโยชนสมฺปยุตฺตา, สิยา สํโยชนวิปฺปยุตฺตาฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘สํโยชนา เจว สํโยชนิยา จา’’ติ, สํโยชนิยา เจว โน จ สํโยชนาฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนเญฺจว สํโยชนิยญฺจา’’ติ, สิยา สํโยชนิยเญฺจว โน จ สํโยชนํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนิยเญฺจว โน จ สํโยชน’’นฺติฯ ธมฺมายตนํ สิยา สํโยชนเญฺจว สํโยชนิยญฺจ, สิยา สํโยชนิยเญฺจว โน จ สํโยชนํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนเญฺจว สํโยชนิย’’นฺติปิ, ‘‘สํโยชนิยเญฺจว โน จ สํโยชน’’นฺติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘สํโยชนา เจว สํโยชนสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘สํโยชนสมฺปยุตฺตา เจว โน จ สํโยชนา’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนเญฺจว สํโยชนสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติ, สิยา สํโยชนสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ สํโยชนํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ สํโยชน’’นฺติฯ ธมฺมายตนํ สิยา สํโยชนเญฺจว สํโยชนสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา สํโยชนสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ สํโยชนํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํโยชนเญฺจว สํโยชนสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘สํโยชนสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ สํโยชน’’นฺติปิฯ ทสายตนา สํโยชนวิปฺปยุตฺตสํโยชนิยา ฯ ทฺวายตนา สิยา สํโยชนวิปฺปยุตฺตสํโยชนิยา, สิยา สํโยชนวิปฺปยุตฺตอสํโยชนิยา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘สํโยชนวิปฺปยุตฺตสํโยชนิยา’’ติปิ, ‘‘สํโยชนวิปฺปยุตฺตอสํโยชนิยา’’ติปิฯ

    Ekādasāyatanā no saṃyojanā. Dhammāyatanaṃ siyā saṃyojanaṃ, siyā no saṃyojanaṃ. Dasāyatanā saṃyojaniyā. Dvāyatanā siyā saṃyojaniyā, siyā asaṃyojaniyā. Dasāyatanā saṃyojanavippayuttā. Dvāyatanā siyā saṃyojanasampayuttā, siyā saṃyojanavippayuttā. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘saṃyojanā ceva saṃyojaniyā cā’’ti, saṃyojaniyā ceva no ca saṃyojanā. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojanañceva saṃyojaniyañcā’’ti, siyā saṃyojaniyañceva no ca saṃyojanaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojaniyañceva no ca saṃyojana’’nti. Dhammāyatanaṃ siyā saṃyojanañceva saṃyojaniyañca, siyā saṃyojaniyañceva no ca saṃyojanaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojanañceva saṃyojaniya’’ntipi, ‘‘saṃyojaniyañceva no ca saṃyojana’’ntipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘saṃyojanā ceva saṃyojanasampayuttā cā’’tipi, ‘‘saṃyojanasampayuttā ceva no ca saṃyojanā’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojanañceva saṃyojanasampayuttañcā’’ti, siyā saṃyojanasampayuttañceva no ca saṃyojanaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojanasampayuttañceva no ca saṃyojana’’nti. Dhammāyatanaṃ siyā saṃyojanañceva saṃyojanasampayuttañca, siyā saṃyojanasampayuttañceva no ca saṃyojanaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘saṃyojanañceva saṃyojanasampayuttañcā’’tipi, ‘‘saṃyojanasampayuttañceva no ca saṃyojana’’ntipi. Dasāyatanā saṃyojanavippayuttasaṃyojaniyā . Dvāyatanā siyā saṃyojanavippayuttasaṃyojaniyā, siyā saṃyojanavippayuttaasaṃyojaniyā, siyā na vattabbā – ‘‘saṃyojanavippayuttasaṃyojaniyā’’tipi, ‘‘saṃyojanavippayuttaasaṃyojaniyā’’tipi.

    เอกาทสายตนา โน คนฺถาฯ ธมฺมายตนํ สิยา คโนฺถ, สิยา โน คโนฺถฯ ทสายตนา คนฺถนิยาฯ ทฺวายตนา สิยา คนฺถนิยา, สิยา อคนฺถนิยาฯ ทสายตนา คนฺถวิปฺปยุตฺตาฯ ทฺวายตนา สิยา คนฺถสมฺปยุตฺตา, สิยา คนฺถวิปฺปยุตฺตาฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘คนฺถา เจว คนฺถนิยา จา’’ติ, คนฺถนิยา เจว โน จ คนฺถาฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘คโนฺถ เจว คนฺถนิยญฺจา’’ติ, สิยา คนฺถนิยเญฺจว โน จ คโนฺถ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘คนฺถนิยเญฺจว โน จ คโนฺถ’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา คโนฺถ เจว คนฺถนิยญฺจ, สิยา คนฺถนิยเญฺจว โน จ คโนฺถ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘คโนฺถ เจว คนฺถนิยญฺจา’’ติปิ, ‘‘คนฺถนิยเญฺจว โน จ คโนฺถ’’ติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘คนฺถา เจว คนฺถสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘คนฺถสมฺปยุตฺตา เจว โน จ คนฺถา’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘คโนฺถ เจว คนฺถสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติ, สิยา คนฺถสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ คโนฺถ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘คนฺถสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ คโนฺถ’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา คโนฺถ เจว คนฺถสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา คนฺถสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ คโนฺถ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘คโนฺถ เจว คนฺถสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘คนฺถสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ คโนฺถ’’ติปิฯ ทสายตนา คนฺถวิปฺปยุตฺตคนฺถนิยาฯ ทฺวายตนา สิยา คนฺถวิปฺปยุตฺตคนฺถนิยา, สิยา คนฺถวิปฺปยุตฺตอคนฺถนิยา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘คนฺถวิปฺปยุตฺตคนฺถนิยา’’ติปิ, ‘‘คนฺถวิปฺปยุตฺตอคนฺถนิยา’’ติปิฯ

    Ekādasāyatanā no ganthā. Dhammāyatanaṃ siyā gantho, siyā no gantho. Dasāyatanā ganthaniyā. Dvāyatanā siyā ganthaniyā, siyā aganthaniyā. Dasāyatanā ganthavippayuttā. Dvāyatanā siyā ganthasampayuttā, siyā ganthavippayuttā. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘ganthā ceva ganthaniyā cā’’ti, ganthaniyā ceva no ca ganthā. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘gantho ceva ganthaniyañcā’’ti, siyā ganthaniyañceva no ca gantho, siyā na vattabbaṃ – ‘‘ganthaniyañceva no ca gantho’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā gantho ceva ganthaniyañca, siyā ganthaniyañceva no ca gantho, siyā na vattabbaṃ – ‘‘gantho ceva ganthaniyañcā’’tipi, ‘‘ganthaniyañceva no ca gantho’’tipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘ganthā ceva ganthasampayuttā cā’’tipi, ‘‘ganthasampayuttā ceva no ca ganthā’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘gantho ceva ganthasampayuttañcā’’ti, siyā ganthasampayuttañceva no ca gantho, siyā na vattabbaṃ – ‘‘ganthasampayuttañceva no ca gantho’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā gantho ceva ganthasampayuttañca, siyā ganthasampayuttañceva no ca gantho, siyā na vattabbaṃ – ‘‘gantho ceva ganthasampayuttañcā’’tipi, ‘‘ganthasampayuttañceva no ca gantho’’tipi. Dasāyatanā ganthavippayuttaganthaniyā. Dvāyatanā siyā ganthavippayuttaganthaniyā, siyā ganthavippayuttaaganthaniyā, siyā na vattabbā – ‘‘ganthavippayuttaganthaniyā’’tipi, ‘‘ganthavippayuttaaganthaniyā’’tipi.

    เอกาทสายตนา โน โอฆา…เป.… โน โยคา…เป.… โน นีวรณาฯ ธมฺมายตนํ สิยา นีวรณํ, สิยา โน นีวรณํฯ ทสายตนา นีวรณิยาฯ ทฺวายตนา สิยา นีวรณิยา, สิยา อนีวรณิยาฯ ทสายตนา นีวรณวิปฺปยุตฺตาฯ ทฺวายตนา สิยา นีวรณสมฺปยุตฺตา, สิยา นีวรณวิปฺปยุตฺตาฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘นีวรณา เจว นีวรณิยา จา’’ติ, นีวรณิยา เจว โน จ นีวรณาฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณเญฺจว นีวรณิยญฺจา’’ติ , สิยา นีวรณิยเญฺจว โน จ นีวรณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณิยเญฺจว โน จ นีวรณ’’นฺติฯ ธมฺมายตนํ สิยา นีวรณเญฺจว นีวรณิยญฺจ, สิยา นีวรณิยเญฺจว โน จ นีวรณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณเญฺจว นีวรณิยญฺจา’’ติปิ, ‘‘นีวรณิยเญฺจว โน จ นีวรณ’’นฺติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘นีวรณา เจว นีวรณสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘นีวรณสมฺปยุตฺตา เจว โน จ นีวรณา’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณเญฺจว นีวรณสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติ, สิยา นีวรณสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ นีวรณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ นีวรณ’’นฺติฯ ธมฺมายตนํ สิยา นีวรณเญฺจว นีวรณสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา นีวรณสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ นีวรณํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘นีวรณเญฺจว นีวรณสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘นีวรณสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ นีวรณ’’นฺติปิฯ ทสายตนา นีวรณวิปฺปยุตฺตนีวรณิยาฯ ทฺวายตนา สิยา นีวรณวิปฺปยุตฺตนีวรณิยา, สิยา นีวรณวิปฺปยุตฺตอนีวรณิยา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘นีวรณวิปฺปยุตฺตนีวรณิยา’’ติปิ, ‘‘นีวรณวิปฺปยุตฺตอนีวรณิยา’’ติปิฯ

    Ekādasāyatanā no oghā…pe… no yogā…pe… no nīvaraṇā. Dhammāyatanaṃ siyā nīvaraṇaṃ, siyā no nīvaraṇaṃ. Dasāyatanā nīvaraṇiyā. Dvāyatanā siyā nīvaraṇiyā, siyā anīvaraṇiyā. Dasāyatanā nīvaraṇavippayuttā. Dvāyatanā siyā nīvaraṇasampayuttā, siyā nīvaraṇavippayuttā. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘nīvaraṇā ceva nīvaraṇiyā cā’’ti, nīvaraṇiyā ceva no ca nīvaraṇā. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇañceva nīvaraṇiyañcā’’ti , siyā nīvaraṇiyañceva no ca nīvaraṇaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇiyañceva no ca nīvaraṇa’’nti. Dhammāyatanaṃ siyā nīvaraṇañceva nīvaraṇiyañca, siyā nīvaraṇiyañceva no ca nīvaraṇaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇañceva nīvaraṇiyañcā’’tipi, ‘‘nīvaraṇiyañceva no ca nīvaraṇa’’ntipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘nīvaraṇā ceva nīvaraṇasampayuttā cā’’tipi, ‘‘nīvaraṇasampayuttā ceva no ca nīvaraṇā’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇañceva nīvaraṇasampayuttañcā’’ti, siyā nīvaraṇasampayuttañceva no ca nīvaraṇaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇasampayuttañceva no ca nīvaraṇa’’nti. Dhammāyatanaṃ siyā nīvaraṇañceva nīvaraṇasampayuttañca, siyā nīvaraṇasampayuttañceva no ca nīvaraṇaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘nīvaraṇañceva nīvaraṇasampayuttañcā’’tipi, ‘‘nīvaraṇasampayuttañceva no ca nīvaraṇa’’ntipi. Dasāyatanā nīvaraṇavippayuttanīvaraṇiyā. Dvāyatanā siyā nīvaraṇavippayuttanīvaraṇiyā, siyā nīvaraṇavippayuttaanīvaraṇiyā, siyā na vattabbā – ‘‘nīvaraṇavippayuttanīvaraṇiyā’’tipi, ‘‘nīvaraṇavippayuttaanīvaraṇiyā’’tipi.

    เอกาทสายตนา โน ปรามาสาฯ ธมฺมายตนํ สิยา ปรามาโส, สิยา โน ปรามาโสฯ ทสายตนา ปรามฎฺฐาฯ ทฺวายตนา สิยา ปรามฎฺฐา, สิยา อปรามฎฺฐาฯ ทสายตนา ปรามาสวิปฺปยุตฺตาฯ มนายตนํ สิยา ปรามาสสมฺปยุตฺตํ, สิยา ปรามาสวิปฺปยุตฺตํฯ ธมฺมายตนํ สิยา ปรามาสสมฺปยุตฺตํ, สิยา ปรามาสวิปฺปยุตฺตํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปรามาสสมฺปยุตฺต’’นฺติปิ, ‘‘ปรามาสวิปฺปยุตฺต’’นฺติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘ปรามาสา เจว ปรามฎฺฐา จา’’ติ, ‘‘ปรามฎฺฐา เจว โน จ ปรามาสา’’ฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปรามาโส เจว ปรามฎฺฐญฺจา’’ติ, สิยา ปรามฎฺฐเญฺจว โน จ ปรามาโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปรามฎฺฐเญฺจว โน จ ปรามาโส’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา ปรามาโส เจว ปรามฎฺฐญฺจ, สิยา ปรามฎฺฐเญฺจว โน จ ปรามาโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘ปรามาโส เจว ปรามฎฺฐญฺจา’’ติปิ, ‘‘ปรามฎฺฐเญฺจว โน จ ปรามาโส’’ติปิฯ ทสายตนา ปรามาสวิปฺปยุตฺตปรามฎฺฐาฯ ทฺวายตนา สิยา ปรามาสวิปฺปยุตฺตปรามฎฺฐา , สิยา ปรามาสวิปฺปยุตฺตอปรามฎฺฐา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘ปรามาสวิปฺปยุตฺตปรามฎฺฐา’’ติปิ , ‘‘ปรามาสวิปฺปยุตฺตอปรามฎฺฐา’’ติปิฯ

    Ekādasāyatanā no parāmāsā. Dhammāyatanaṃ siyā parāmāso, siyā no parāmāso. Dasāyatanā parāmaṭṭhā. Dvāyatanā siyā parāmaṭṭhā, siyā aparāmaṭṭhā. Dasāyatanā parāmāsavippayuttā. Manāyatanaṃ siyā parāmāsasampayuttaṃ, siyā parāmāsavippayuttaṃ. Dhammāyatanaṃ siyā parāmāsasampayuttaṃ, siyā parāmāsavippayuttaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘parāmāsasampayutta’’ntipi, ‘‘parāmāsavippayutta’’ntipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘parāmāsā ceva parāmaṭṭhā cā’’ti, ‘‘parāmaṭṭhā ceva no ca parāmāsā’’. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘parāmāso ceva parāmaṭṭhañcā’’ti, siyā parāmaṭṭhañceva no ca parāmāso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘parāmaṭṭhañceva no ca parāmāso’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā parāmāso ceva parāmaṭṭhañca, siyā parāmaṭṭhañceva no ca parāmāso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘parāmāso ceva parāmaṭṭhañcā’’tipi, ‘‘parāmaṭṭhañceva no ca parāmāso’’tipi. Dasāyatanā parāmāsavippayuttaparāmaṭṭhā. Dvāyatanā siyā parāmāsavippayuttaparāmaṭṭhā , siyā parāmāsavippayuttaaparāmaṭṭhā, siyā na vattabbā – ‘‘parāmāsavippayuttaparāmaṭṭhā’’tipi , ‘‘parāmāsavippayuttaaparāmaṭṭhā’’tipi.

    ทสายตนา อนารมฺมณาฯ มนายตนํ สารมฺมณํฯ ธมฺมายตนํ สิยา สารมฺมณํ, สิยา อนารมฺมณํฯ มนายตนํ จิตฺตํฯ เอกาทสายตนา โน จิตฺตาฯ เอกาทสายตนา อเจตสิกาฯ ธมฺมายตนํ สิยา เจตสิกํ, สิยา อเจตสิกํฯ ทสายตนา จิตฺตวิปฺปยุตฺตาฯ ธมฺมายตนํ สิยา จิตฺตสมฺปยุตฺตํ, สิยา จิตฺตวิปฺปยุตฺตํฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘จิเตฺตน สมฺปยุตฺต’’นฺติปิ , ‘‘จิเตฺตน วิปฺปยุตฺต’’นฺติปิฯ ทสายตนา จิตฺตวิสํสฎฺฐาฯ ธมฺมายตนํ สิยา จิตฺตสํสฎฺฐํ, สิยา จิตฺตวิสํสฎฺฐํฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘จิเตฺตน สํสฎฺฐ’’นฺติปิ, ‘‘จิเตฺตน วิสํสฎฺฐ’’นฺติปิฯ ฉายตนา โน จิตฺตสมุฎฺฐานาฯ ฉายตนา สิยา จิตฺตสมุฎฺฐานา, สิยา โน จิตฺตสมุฎฺฐานาฯ เอกาทสายตนา โน จิตฺตสหภุโนฯ ธมฺมายตนํ สิยา จิตฺตสหภู , สิยา โน จิตฺตสหภูฯ เอกาทสายตนา โน จิตฺตานุปริวตฺติโนฯ ธมฺมายตนํ สิยา จิตฺตานุปริวตฺติ, สิยา โน จิตฺตานุปริวตฺติฯ เอกาทสายตนา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานาฯ ธมฺมายตนํ สิยา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานํ, สิยา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานํฯ เอกาทสายตนา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานสหภุโนฯ ธมฺมายตนํ สิยา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานสหภู, สิยา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานสหภูฯ เอกาทสายตนา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานานุปริวตฺติโนฯ ธมฺมายตนํ สิยา จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานานุปริวตฺติ, สิยา โน จิตฺตสํสฎฺฐสมุฎฺฐานานุปริวตฺติฯ

    Dasāyatanā anārammaṇā. Manāyatanaṃ sārammaṇaṃ. Dhammāyatanaṃ siyā sārammaṇaṃ, siyā anārammaṇaṃ. Manāyatanaṃ cittaṃ. Ekādasāyatanā no cittā. Ekādasāyatanā acetasikā. Dhammāyatanaṃ siyā cetasikaṃ, siyā acetasikaṃ. Dasāyatanā cittavippayuttā. Dhammāyatanaṃ siyā cittasampayuttaṃ, siyā cittavippayuttaṃ. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘cittena sampayutta’’ntipi , ‘‘cittena vippayutta’’ntipi. Dasāyatanā cittavisaṃsaṭṭhā. Dhammāyatanaṃ siyā cittasaṃsaṭṭhaṃ, siyā cittavisaṃsaṭṭhaṃ. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘cittena saṃsaṭṭha’’ntipi, ‘‘cittena visaṃsaṭṭha’’ntipi. Chāyatanā no cittasamuṭṭhānā. Chāyatanā siyā cittasamuṭṭhānā, siyā no cittasamuṭṭhānā. Ekādasāyatanā no cittasahabhuno. Dhammāyatanaṃ siyā cittasahabhū , siyā no cittasahabhū. Ekādasāyatanā no cittānuparivattino. Dhammāyatanaṃ siyā cittānuparivatti, siyā no cittānuparivatti. Ekādasāyatanā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānā. Dhammāyatanaṃ siyā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānaṃ, siyā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānaṃ. Ekādasāyatanā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānasahabhuno. Dhammāyatanaṃ siyā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānasahabhū, siyā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānasahabhū. Ekādasāyatanā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānānuparivattino. Dhammāyatanaṃ siyā cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānānuparivatti, siyā no cittasaṃsaṭṭhasamuṭṭhānānuparivatti.

    ฉายตนา อชฺฌตฺติกาฯ ฉายตนา พาหิราฯ นวายตนา อุปาทาฯ ทฺวายตนา โน อุปาทาฯ ธมฺมายตนํ สิยา อุปาทา, สิยา โน อุปาทาฯ ปญฺจายตนา อุปาทินฺนาฯ สทฺทายตนํ อนุปาทินฺนํฯ ฉายตนา สิยา อุปาทินฺนา, สิยา อนุปาทินฺนาฯ เอกาทสายตนา โน อุปาทานาฯ ธมฺมายตนํ สิยา อุปาทานํ, สิยา โน อุปาทานํฯ ทสายตนา อุปาทานิยาฯ ทฺวายตนา สิยา อุปาทานิยา, สิยา อนุปาทานิยาฯ ทสายตนา อุปาทานวิปฺปยุตฺตาฯ ทฺวายตนา สิยา อุปาทานสมฺปยุตฺตา, สิยา อุปาทานวิปฺปยุตฺตาฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘อุปาทานา เจว อุปาทานิยา จา’’ติ, อุปาทานิยา เจว โน จ อุปาทานาฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปาทานเญฺจว อุปาทานิยญฺจา’’ติ, สิยา อุปาทานิยเญฺจว โน จ อุปาทานํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปาทานิยเญฺจว โน จ อุปาทาน’’นฺติฯ ธมฺมายตนํ สิยา อุปาทานเญฺจว อุปาทานิยญฺจ, สิยา อุปาทานิยเญฺจว โน จ อุปาทานํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปาทานเญฺจว อุปาทานิยญฺจา’’ติปิ, ‘‘อุปาทานิยเญฺจว โน จ อุปาทาน’’นฺติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘อุปาทานา เจว อุปาทานสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘อุปาทานสมฺปยุตฺตา เจว โน จ อุปาทานา’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปาทานิยเญฺจว อุปาทานสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติ, สิยา อุปาทานสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อุปาทานํ, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปาทานสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อุปาทาน’’นฺติฯ ธมฺมายตนํ สิยา อุปาทานเญฺจว อุปาทานสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา อุปาทานสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อุปาทานํ , สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘อุปาทานเญฺจว อุปาทานสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘อุปาทานสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ อุปาทาน’’นฺติปิฯ ทสายตนา อุปาทานวิปฺปยุตฺตอุปาทานิยาฯ ทฺวายตนา สิยา อุปาทานสมฺปยุตฺตอุปาทานิยา, สิยา อุปาทานวิปฺปยุตฺตอนุปาทานิยา, สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘อุปาทานวิปฺปยุตฺตอุปาทานิยา’’ติปิ, ‘‘อุปาทานวิปฺปยุตฺตอนุปาทานิยา’’ติปิฯ

    Chāyatanā ajjhattikā. Chāyatanā bāhirā. Navāyatanā upādā. Dvāyatanā no upādā. Dhammāyatanaṃ siyā upādā, siyā no upādā. Pañcāyatanā upādinnā. Saddāyatanaṃ anupādinnaṃ. Chāyatanā siyā upādinnā, siyā anupādinnā. Ekādasāyatanā no upādānā. Dhammāyatanaṃ siyā upādānaṃ, siyā no upādānaṃ. Dasāyatanā upādāniyā. Dvāyatanā siyā upādāniyā, siyā anupādāniyā. Dasāyatanā upādānavippayuttā. Dvāyatanā siyā upādānasampayuttā, siyā upādānavippayuttā. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘upādānā ceva upādāniyā cā’’ti, upādāniyā ceva no ca upādānā. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘upādānañceva upādāniyañcā’’ti, siyā upādāniyañceva no ca upādānaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘upādāniyañceva no ca upādāna’’nti. Dhammāyatanaṃ siyā upādānañceva upādāniyañca, siyā upādāniyañceva no ca upādānaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘upādānañceva upādāniyañcā’’tipi, ‘‘upādāniyañceva no ca upādāna’’ntipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘upādānā ceva upādānasampayuttā cā’’tipi, ‘‘upādānasampayuttā ceva no ca upādānā’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘upādāniyañceva upādānasampayuttañcā’’ti, siyā upādānasampayuttañceva no ca upādānaṃ, siyā na vattabbaṃ – ‘‘upādānasampayuttañceva no ca upādāna’’nti. Dhammāyatanaṃ siyā upādānañceva upādānasampayuttañca, siyā upādānasampayuttañceva no ca upādānaṃ , siyā na vattabbaṃ – ‘‘upādānañceva upādānasampayuttañcā’’tipi, ‘‘upādānasampayuttañceva no ca upādāna’’ntipi. Dasāyatanā upādānavippayuttaupādāniyā. Dvāyatanā siyā upādānasampayuttaupādāniyā, siyā upādānavippayuttaanupādāniyā, siyā na vattabbā – ‘‘upādānavippayuttaupādāniyā’’tipi, ‘‘upādānavippayuttaanupādāniyā’’tipi.

    เอกาทสายตนา โน กิเลสาฯ ธมฺมายตนํ สิยา กิเลโส, สิยา โน กิเลโสฯ ทสายตนา สํกิเลสิกาฯ ทฺวายตนา สิยา สํกิเลสิกา, สิยา อสํกิเลสิกาฯ ทสายตนา อสํกิลิฎฺฐาฯ ทฺวายตนา สิยา สํกิลิฎฺฐา, สิยา อสํกิลิฎฺฐาฯ ทสายตนา กิเลสวิปฺปยุตฺตาฯ ทฺวายตนา สิยา กิเลสสมฺปยุตฺตา, สิยา กิเลสวิปฺปยุตฺตาฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘กิเลสา เจว สํกิเลสิกา จา’’ติ, ‘‘สํกิเลสิกา เจว โน จ กิเลสา’’ฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลโส เจว สํกิเลสิกญฺจา’’ติ, สิยา สํกิเลสิกเญฺจว โน จ กิเลโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํกิเลสิกเญฺจว โน จ กิเลโส’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา กิเลโส เจว สํกิเลสิกญฺจ, สิยา สํกิเลสิกเญฺจว โน จ กิเลโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลโส เจว สํกิเลสิกญฺจา’’ติปิ, ‘‘สํกิเลสิกเญฺจว โน จ กิเลโส’’ติปิฯ ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘กิเลสา เจว สํกิลิฎฺฐา จา’’ติปิ, ‘‘สํกิลิฎฺฐา เจว โน จ กิเลสา’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลโส เจว สํกิลิฎฺฐญฺจา’’ติ, สิยา สํกิลิฎฺฐเญฺจว โน จ กิเลโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘สํกิลิฎฺฐเญฺจว โน จ กิเลโส’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา กิเลโส เจว สํกิลิฎฺฐญฺจ, สิยา สํกิลิฎฺฐเญฺจว โน จ กิเลโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลโส เจว สํกิลิฎฺฐญฺจา’’ติปิ, ‘‘สํกิลิฎฺฐเญฺจว โน จ กิเลโส’’ติปิฯ

    Ekādasāyatanā no kilesā. Dhammāyatanaṃ siyā kileso, siyā no kileso. Dasāyatanā saṃkilesikā. Dvāyatanā siyā saṃkilesikā, siyā asaṃkilesikā. Dasāyatanā asaṃkiliṭṭhā. Dvāyatanā siyā saṃkiliṭṭhā, siyā asaṃkiliṭṭhā. Dasāyatanā kilesavippayuttā. Dvāyatanā siyā kilesasampayuttā, siyā kilesavippayuttā. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘kilesā ceva saṃkilesikā cā’’ti, ‘‘saṃkilesikā ceva no ca kilesā’’. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘kileso ceva saṃkilesikañcā’’ti, siyā saṃkilesikañceva no ca kileso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘saṃkilesikañceva no ca kileso’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā kileso ceva saṃkilesikañca, siyā saṃkilesikañceva no ca kileso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘kileso ceva saṃkilesikañcā’’tipi, ‘‘saṃkilesikañceva no ca kileso’’tipi. Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘kilesā ceva saṃkiliṭṭhā cā’’tipi, ‘‘saṃkiliṭṭhā ceva no ca kilesā’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘kileso ceva saṃkiliṭṭhañcā’’ti, siyā saṃkiliṭṭhañceva no ca kileso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘saṃkiliṭṭhañceva no ca kileso’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā kileso ceva saṃkiliṭṭhañca, siyā saṃkiliṭṭhañceva no ca kileso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘kileso ceva saṃkiliṭṭhañcā’’tipi, ‘‘saṃkiliṭṭhañceva no ca kileso’’tipi.

    ทสายตนา น วตฺตพฺพา – ‘‘กิเลสา เจว กิเลสสมฺปยุตฺตา จา’’ติปิ, ‘‘กิเลสสมฺปยุตฺตา เจว โน จ น กิเลสา’’ติปิฯ มนายตนํ น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลโส เจว กิเลสสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติ , สิยา กิเลสสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ กิเลโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลสสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ กิเลโส’’ติฯ ธมฺมายตนํ สิยา กิเลโส เจว กิเลสสมฺปยุตฺตญฺจ, สิยา กิเลสสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ กิเลโส, สิยา น วตฺตพฺพํ – ‘‘กิเลโส เจว กิเลสสมฺปยุตฺตญฺจา’’ติปิ, ‘‘กิเลสสมฺปยุตฺตเญฺจว โน จ กิเลโส’’ติปิฯ ทสายตนา กิเลสวิปฺปยุตฺตสํกิเลสิกาฯ ทฺวายตนา สิยา กิเลสวิปฺปยุตฺตสํกิเลสิกา, สิยา กิเลสวิปฺปยุตฺตอสํกิเลสิกา , สิยา น วตฺตพฺพา – ‘‘กิเลสวิปฺปยุตฺตสํกิเลสิกา’’ติปิ, ‘‘กิเลสวิปฺปยุตฺตอสํกิเลสิกา’’ติปิ ฯ

    Dasāyatanā na vattabbā – ‘‘kilesā ceva kilesasampayuttā cā’’tipi, ‘‘kilesasampayuttā ceva no ca na kilesā’’tipi. Manāyatanaṃ na vattabbaṃ – ‘‘kileso ceva kilesasampayuttañcā’’ti , siyā kilesasampayuttañceva no ca kileso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘kilesasampayuttañceva no ca kileso’’ti. Dhammāyatanaṃ siyā kileso ceva kilesasampayuttañca, siyā kilesasampayuttañceva no ca kileso, siyā na vattabbaṃ – ‘‘kileso ceva kilesasampayuttañcā’’tipi, ‘‘kilesasampayuttañceva no ca kileso’’tipi. Dasāyatanā kilesavippayuttasaṃkilesikā. Dvāyatanā siyā kilesavippayuttasaṃkilesikā, siyā kilesavippayuttaasaṃkilesikā , siyā na vattabbā – ‘‘kilesavippayuttasaṃkilesikā’’tipi, ‘‘kilesavippayuttaasaṃkilesikā’’tipi .

    ทสายตนา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพาฯ ทฺวายตนา สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, สิยา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพาฯ ทสายตนา น ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ ทฺวายตนา สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพา, สิยา น ภาวนาย ปหาตพฺพาฯ ทสายตนา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกาฯ ทฺวายตนา สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกา, สิยา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกาฯ ทสายตนา น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ ทฺวายตนา สิยา ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกา, สิยา น ภาวนาย ปหาตพฺพเหตุกาฯ ทสายตนา อวิตกฺกาฯ ทฺวายตนา สิยา สวิตกฺกา, สิยา อวิตกฺกาฯ ทสายตนา อวิจาราฯ ทฺวายตนา สิยา สวิจารา, สิยา อวิจาราฯ ทสายตนา อปฺปีติกาฯ ทฺวายตนา สิยา สปฺปีติกา, สิยา อปฺปีติกาฯ ทสายตนา น ปีติสหคตาฯ ทฺวายตนา สิยา ปีติสหคตา, สิยา น ปีติสหคตาฯ ทสายตนา น สุขสหคตาฯ ทฺวายตนา สิยา สุขสหคตา, สิยา น สุขสหคตาฯ ทสายตนา น อุเปกฺขาสหคตาฯ ทฺวายตนา สิยา อุเปกฺขาสหคตา, สิยา น อุเปกฺขาสหคตาฯ

    Dasāyatanā na dassanena pahātabbā. Dvāyatanā siyā dassanena pahātabbā, siyā na dassanena pahātabbā. Dasāyatanā na bhāvanāya pahātabbā. Dvāyatanā siyā bhāvanāya pahātabbā, siyā na bhāvanāya pahātabbā. Dasāyatanā na dassanena pahātabbahetukā. Dvāyatanā siyā dassanena pahātabbahetukā, siyā na dassanena pahātabbahetukā. Dasāyatanā na bhāvanāya pahātabbahetukā. Dvāyatanā siyā bhāvanāya pahātabbahetukā, siyā na bhāvanāya pahātabbahetukā. Dasāyatanā avitakkā. Dvāyatanā siyā savitakkā, siyā avitakkā. Dasāyatanā avicārā. Dvāyatanā siyā savicārā, siyā avicārā. Dasāyatanā appītikā. Dvāyatanā siyā sappītikā, siyā appītikā. Dasāyatanā na pītisahagatā. Dvāyatanā siyā pītisahagatā, siyā na pītisahagatā. Dasāyatanā na sukhasahagatā. Dvāyatanā siyā sukhasahagatā, siyā na sukhasahagatā. Dasāyatanā na upekkhāsahagatā. Dvāyatanā siyā upekkhāsahagatā, siyā na upekkhāsahagatā.

    ทสายตนา กามาวจราฯ ทฺวายตนา สิยา กามาวจรา, สิยา น กามาวจราฯ ทสายตนา น รูปาวจราฯ ทฺวายตนา สิยา รูปาวจรา, สิยา น รูปาวจราฯ ทสายตนา น อรูปาวจราฯ ทฺวายตนา สิยา อรูปาวจรา, สิยา น อรูปาวจราฯ ทสายตนา ปริยาปนฺนาฯ ทฺวายตนา สิยา ปริยาปนฺนา, สิยา อปริยาปนฺนาฯ ทสายตนา อนิยฺยานิกาฯ ทฺวายตนา สิยา นิยฺยานิกา , สิยา อนิยฺยานิกาฯ ทสายตนา อนิยตาฯ ทฺวายตนา สิยา นิยตา, สิยา อนิยตาฯ ทสายตนา สอุตฺตราฯ ทฺวายตนา สิยา สอุตฺตรา, สิยา อนุตฺตราฯ ทสายตนา อรณาฯ ทฺวายตนา สิยา สรณา, สิยา อรณาติฯ

    Dasāyatanā kāmāvacarā. Dvāyatanā siyā kāmāvacarā, siyā na kāmāvacarā. Dasāyatanā na rūpāvacarā. Dvāyatanā siyā rūpāvacarā, siyā na rūpāvacarā. Dasāyatanā na arūpāvacarā. Dvāyatanā siyā arūpāvacarā, siyā na arūpāvacarā. Dasāyatanā pariyāpannā. Dvāyatanā siyā pariyāpannā, siyā apariyāpannā. Dasāyatanā aniyyānikā. Dvāyatanā siyā niyyānikā , siyā aniyyānikā. Dasāyatanā aniyatā. Dvāyatanā siyā niyatā, siyā aniyatā. Dasāyatanā sauttarā. Dvāyatanā siyā sauttarā, siyā anuttarā. Dasāyatanā araṇā. Dvāyatanā siyā saraṇā, siyā araṇāti.

    ปญฺหาปุจฺฉกํฯ

    Pañhāpucchakaṃ.

    อายตนวิภโงฺค นิฎฺฐิโตฯ

    Āyatanavibhaṅgo niṭṭhito.







    Footnotes:
    1. จกฺขุํ (สี. สฺยา. ก.) ธ. ส. ๕๙๖-๕๙๙
    2. cakkhuṃ (sī. syā. ka.) dha. sa. 596-599
    3. ปีตํ โลหิตํ (สี.)
    4. มเญฺชฎฺฐกํ (สี. สฺยา.)
    5. สุริยมณฺฑลสฺส (สี. สฺยา. กํ.)
    6. pītaṃ lohitaṃ (sī.)
    7. mañjeṭṭhakaṃ (sī. syā.)
    8. suriyamaṇḍalassa (sī. syā. kaṃ.)
    9. มุติงฺคสโทฺธ (สี.)
    10. mutiṅgasaddho (sī.)
    11. ลปิลกํ (สี.), ลมฺปิกํ (ก. สี.)
    12. lapilakaṃ (sī.), lampikaṃ (ka. sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
    ๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา • 1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
    ๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
    ๓. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา • 3. Pañhāpucchakavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๒. อายตนวิภโงฺค • 2. Āyatanavibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๒. อายตนวิภโงฺค • 2. Āyatanavibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact