Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā |
๒. อายตนวิภโงฺค
2. Āyatanavibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
๑๕๒. วิเสสโตติ อายตน-สทฺทโตฺถ วิย อสาธารณโต จกฺขาทิสทฺทตฺถโตติ อโตฺถฯ อสฺสาเทตีติ จกฺขติ-สโทฺท ‘‘มธุํ จกฺขติ พฺยญฺชนํ จกฺขตี’’ติ รสสายนโตฺถ อตฺถีติ ตสฺส วเสน อตฺถํ วทติฯ ‘‘จกฺขุํ โข, มาคณฺฑิย, รูปารามํ รูปรตํ รูปสมฺมุทิต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๙) วจนโต จกฺขุ รูปํ อสฺสาเทติฯ สติปิ โสตาทีนํ สทฺทารมฺมณาทิรติภาเว นิรุฬฺหตฺตา จกฺขุมฺหิเยว จกฺขุ-สโทฺท ปวตฺตติ ปทุมาทีสุ ปงฺกชาทิสทฺทา วิยาติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิภาเวติ จาติ สทฺทลกฺขณสิทฺธสฺส จกฺขติ-สทฺทสฺส วเสน อตฺถํ วทติฯ จกฺขตีติ หิ อาจิกฺขติ, อภิพฺยตฺตํ วทตีติ อโตฺถฯ นยนสฺส จ วทนฺตสฺส วิย สมวิสมวิภาวนเมว อาจิกฺขนนฺติ กตฺวา อาห ‘‘วิภาเวติ จาติ อโตฺถ’’ติฯ อเนกตฺถตฺตา วา ธาตูนํ วิภาวนตฺถตา จกฺขุ-สทฺทสฺส ทฎฺฐพฺพาฯ รตฺตทุฎฺฐาทิกาเลสุ กกณฺฎกรูปํ วิย อุทฺทรูปํ วิย จ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ รูปํ หทยงฺคตภาวํ รูปยติ รูปมิว ปกาสํ กโรติ, สวิคฺคหมิว กตฺวา ทเสฺสตีติ อโตฺถฯ วิตฺถารณํ วา รูป-สทฺทสฺส อโตฺถ, วิตฺถารณญฺจ ปกาสนเมวาติ อาห ‘‘ปกาเสตี’’ติฯ อเนกตฺถตฺตา วา ธาตูนํ ปกาสนโตฺถเยว รูป-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพ, วณฺณวาจกสฺส รูป-สทฺทสฺส รูปยตีติ นิพฺพจนํ, รูปวาจกสฺส รุปฺปตีติ อยํ วิเสโสฯ
152. Visesatoti āyatana-saddattho viya asādhāraṇato cakkhādisaddatthatoti attho. Assādetīti cakkhati-saddo ‘‘madhuṃ cakkhati byañjanaṃ cakkhatī’’ti rasasāyanattho atthīti tassa vasena atthaṃ vadati. ‘‘Cakkhuṃ kho, māgaṇḍiya, rūpārāmaṃ rūparataṃ rūpasammudita’’nti (ma. ni. 2.209) vacanato cakkhu rūpaṃ assādeti. Satipi sotādīnaṃ saddārammaṇādiratibhāve niruḷhattā cakkhumhiyeva cakkhu-saddo pavattati padumādīsu paṅkajādisaddā viyāti daṭṭhabbaṃ. Vibhāveti cāti saddalakkhaṇasiddhassa cakkhati-saddassa vasena atthaṃ vadati. Cakkhatīti hi ācikkhati, abhibyattaṃ vadatīti attho. Nayanassa ca vadantassa viya samavisamavibhāvanameva ācikkhananti katvā āha ‘‘vibhāveti cāti attho’’ti. Anekatthattā vā dhātūnaṃ vibhāvanatthatā cakkhu-saddassa daṭṭhabbā. Rattaduṭṭhādikālesu kakaṇṭakarūpaṃ viya uddarūpaṃ viya ca vaṇṇavikāraṃ āpajjamānaṃ rūpaṃ hadayaṅgatabhāvaṃ rūpayati rūpamiva pakāsaṃ karoti, saviggahamiva katvā dassetīti attho. Vitthāraṇaṃ vā rūpa-saddassa attho, vitthāraṇañca pakāsanamevāti āha ‘‘pakāsetī’’ti. Anekatthattā vā dhātūnaṃ pakāsanatthoyeva rūpa-saddo daṭṭhabbo, vaṇṇavācakassa rūpa-saddassa rūpayatīti nibbacanaṃ, rūpavācakassa ruppatīti ayaṃ viseso.
อุทาหรียตีติ วุจฺจตีติ-อเตฺถ วจนเมว คหิตํ สิยา, น จ วจน-สโทฺทเยว เอตฺถ สโทฺท, อถ โข สโพฺพปิ โสตวิเญฺญโยฺยติ สปฺปตีติ สเกหิ ปจฺจเยหิ สปฺปียติ โสตวิเญฺญยฺยภาวํ คมียตีติ อโตฺถฯ สูจยตีติ อตฺตโน วตฺถุํ คนฺธวเสน อปากฎํ ‘‘อิทํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธ’’นฺติ ปกาเสติ, ปฎิจฺฉนฺนํ วา ปุปฺผาทิวตฺถุํ ‘‘เอตฺถ ปุปฺผํ อตฺถิ จมฺปกาทิ, ผลมตฺถิ อมฺพาที’’ติ เปสุญฺญํ กโรนฺตํ วิย โหตีติ อโตฺถฯ รสคฺคหณมูลกตฺตา อาหารโชฺฌหรณสฺส ชีวิตเหตุมฺหิ อาหารรเส นินฺนตาย ชีวิตํ อวฺหายตีติ ชิวฺหา วุตฺตา นิรุตฺติลกฺขเณนฯ กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโยติ วิเสเสน กาโย วุโตฺต อนุตฺตริยเหตุภาวํ อนาคจฺฉเนฺตสุ กามราคนิทานกมฺมชนิเตสุ กามราคสฺส จ วิเสสปจฺจเยสุ ฆานชิวฺหากาเยสุ กายสฺส วิเสสตรสาสวปจฺจยตฺตาฯ เตน หิ โผฎฺฐพฺพํ อสฺสาเทนฺตา สตฺตา เมถุนมฺปิ เสวนฺติฯ อุปฺปตฺติเทโสติ อุปฺปตฺติการณนฺติ อโตฺถฯ กายินฺทฺริยวตฺถุกา วา จตฺตาโร ขนฺธา พลวกามาสวาทิเหตุภาวโต วิเสเสน ‘‘สาสวา’’ติ วุตฺตา, เตสํ อุปฺปชฺชนฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ อตฺตโน ลกฺขณํ ธารยนฺตีติ เย วิเสสลกฺขเณน อายตนสทฺทปรา วตฺตพฺพา, เต จกฺขาทโย ตถา วุตฺตาติ อเญฺญ มโนโคจรภูตา ธมฺมา สามญฺญลกฺขเณเนว เอกายตนตฺตํ อุปเนตฺวา วุตฺตาฯ โอฬาริกวตฺถารมฺมณมนนสงฺขาเตหิ วิสยวิสยิภาเวหิ ปุริมานิ ปากฎานีติ ตถา อปากฎา จ อเญฺญ มโนโคจรา น อตฺตโน สภาวํ น ธาเรนฺตีติ อิมสฺสตฺถสฺส ทีปนโตฺถ ธมฺม-สโทฺทติฯ
Udāharīyatīti vuccatīti-atthe vacanameva gahitaṃ siyā, na ca vacana-saddoyeva ettha saddo, atha kho sabbopi sotaviññeyyoti sappatīti sakehi paccayehi sappīyati sotaviññeyyabhāvaṃ gamīyatīti attho. Sūcayatīti attano vatthuṃ gandhavasena apākaṭaṃ ‘‘idaṃ sugandhaṃ duggandha’’nti pakāseti, paṭicchannaṃ vā pupphādivatthuṃ ‘‘ettha pupphaṃ atthi campakādi, phalamatthi ambādī’’ti pesuññaṃ karontaṃ viya hotīti attho. Rasaggahaṇamūlakattā āhārajjhoharaṇassa jīvitahetumhi āhārarase ninnatāya jīvitaṃ avhāyatīti jivhā vuttā niruttilakkhaṇena. Kucchitānaṃ sāsavadhammānaṃ āyoti visesena kāyo vutto anuttariyahetubhāvaṃ anāgacchantesu kāmarāganidānakammajanitesu kāmarāgassa ca visesapaccayesu ghānajivhākāyesu kāyassa visesatarasāsavapaccayattā. Tena hi phoṭṭhabbaṃ assādentā sattā methunampi sevanti. Uppattidesoti uppattikāraṇanti attho. Kāyindriyavatthukā vā cattāro khandhā balavakāmāsavādihetubhāvato visesena ‘‘sāsavā’’ti vuttā, tesaṃ uppajjanaṭṭhānanti attho. Attano lakkhaṇaṃ dhārayantīti ye visesalakkhaṇena āyatanasaddaparā vattabbā, te cakkhādayo tathā vuttāti aññe manogocarabhūtā dhammā sāmaññalakkhaṇeneva ekāyatanattaṃ upanetvā vuttā. Oḷārikavatthārammaṇamananasaṅkhātehi visayavisayibhāvehi purimāni pākaṭānīti tathā apākaṭā ca aññe manogocarā na attano sabhāvaṃ na dhārentīti imassatthassa dīpanattho dhamma-saddoti.
วายมนฺตีติ อตฺตโน กิจฺจํ กโรนฺติเจฺจว อโตฺถฯ อิมสฺมิญฺจ อเตฺถ อายตนฺติ เอตฺถาติ อายตนนฺติ อธิกรณโตฺถ อายตน-สโทฺท, ทุติยตติเยสุ กตฺตุอโตฺถฯ เต จาติ จิตฺตเจตสิกธเมฺมฯ เต หิ ตํตํทฺวารารมฺมเณสุ อายนฺติ อาคจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อายาติฯ วิตฺถาเรนฺตีติ ปุเพฺพ อนุปฺปนฺนตฺตา ลีนานิ อปากฎานิ ปุพฺพนฺตโต อุทฺธํ ปสาเรนฺติ ปากฎานิ กโรนฺติ อุปฺปาเทนฺตีติ อโตฺถฯ
Vāyamantīti attano kiccaṃ karonticceva attho. Imasmiñca atthe āyatanti etthāti āyatananti adhikaraṇattho āyatana-saddo, dutiyatatiyesu kattuattho. Te cāti cittacetasikadhamme. Te hi taṃtaṃdvārārammaṇesu āyanti āgacchanti pavattantīti āyāti. Vitthārentīti pubbe anuppannattā līnāni apākaṭāni pubbantato uddhaṃ pasārenti pākaṭāni karonti uppādentīti attho.
รุฬฺหีวเสน อายตน-สทฺทสฺสตฺถํ วตฺตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตํ นิสฺสิตตฺตาติ เอตฺถ มโน มโนวิญฺญาณาทีนํ จิตฺตเจตสิกานํ นิสฺสยปจฺจโย น โหตีติ ตสฺส เนสํ ทฺวารภาโว นิสฺสยภาโวติ ทฎฺฐโพฺพฯ อตฺถโตติ วจนตฺถโต, น วจนียตฺถโตฯ วจนโตฺถ เหตฺถ วุโตฺต ‘‘จกฺขตี’’ติอาทินา, น วจนียโตฺถ ‘‘ยํ จกฺขุ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท’’ติอาทินา (ธ. ส. ๕๙๗) วิยาติฯ
Ruḷhīvasena āyatana-saddassatthaṃ vattuṃ ‘‘apicā’’tiādi āraddhaṃ. Taṃ nissitattāti ettha mano manoviññāṇādīnaṃ cittacetasikānaṃ nissayapaccayo na hotīti tassa nesaṃ dvārabhāvo nissayabhāvoti daṭṭhabbo. Atthatoti vacanatthato, na vacanīyatthato. Vacanattho hettha vutto ‘‘cakkhatī’’tiādinā, na vacanīyattho ‘‘yaṃ cakkhu catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo’’tiādinā (dha. sa. 597) viyāti.
ตาวตฺวโตติ อนูนาธิกภาวํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ทฺวาทสายตนวินิมุตฺตสฺส กสฺสจิ ธมฺมสฺส อภาวา อธิกภาวโต โจทนา นตฺถิ, สลกฺขณธารณํ ปน สเพฺพสํ สามญฺญลกฺขณนฺติ อูนโจทนา สมฺภวตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘จกฺขาทโยปิ หี’’ติอาทิฯ อสาธารณนฺติ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ อสาธารณํฯ สติปิ อสาธารณารมฺมณภาเว จกฺขาทีนํ ทฺวารภาเวน คหิตตฺตา ธมฺมายตเน อคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ทฺวารารมฺมณภาเวหิ วา อสาธารณตํ สนฺธาย ‘‘อสาธารณ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Tāvatvatoti anūnādhikabhāvaṃ dasseti. Tattha dvādasāyatanavinimuttassa kassaci dhammassa abhāvā adhikabhāvato codanā natthi, salakkhaṇadhāraṇaṃ pana sabbesaṃ sāmaññalakkhaṇanti ūnacodanā sambhavatīti dassento āha ‘‘cakkhādayopi hī’’tiādi. Asādhāraṇanti cakkhuviññāṇādīnaṃ asādhāraṇaṃ. Satipi asādhāraṇārammaṇabhāve cakkhādīnaṃ dvārabhāvena gahitattā dhammāyatane aggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Dvārārammaṇabhāvehi vā asādhāraṇataṃ sandhāya ‘‘asādhāraṇa’’nti vuttaṃ.
เยภุยฺยสหุปฺปตฺติอาทีหิ อุปฺปตฺติกฺกมาทิอยุตฺติ โยเชตพฺพาฯ อชฺฌตฺติเกสุ หีติ เอเตน อชฺฌตฺติกภาเวน วิสยิภาเวน จ อชฺฌตฺติกานํ ปฐมํ เทเสตพฺพตํ ทเสฺสติฯ เตสุ หิ ปฐมํ เทเสตเพฺพสุ ปากฎตฺตา ปฐมตรํ จกฺขายตนํ เทสิตนฺติฯ ตโต ฆานายตนาทีนีติ เอตฺถ พหูปการตฺตาภาเวน จกฺขุโสเตหิ ปุริมตรํ อเทเสตพฺพานิ สห วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา เอเกน กเมน เทเสตพฺพานีติ ฆานาทิกฺกเมน เทสิตานีติ อธิปฺปาโยฯ อญฺญถาปิ หิ เทสิเตสุ น น สกฺกา โจเทตุํ, น จ สกฺกา โสเธตพฺพานิ น เทเสตุนฺติฯ โคจโร วิสโย เอตสฺสาติ โคจรวิสโย, มโนฯ กสฺส ปน โคจโร เอตสฺส วิสโยติ? จกฺขาทีนํ ปญฺจนฺนมฺปิฯ วิญฺญาณุปฺปตฺติการณววตฺถานโตติ เอเตน จ จกฺขาทิอนนฺตรํ รูปาทิวจนสฺส การณมาหฯ
Yebhuyyasahuppattiādīhi uppattikkamādiayutti yojetabbā. Ajjhattikesu hīti etena ajjhattikabhāvena visayibhāvena ca ajjhattikānaṃ paṭhamaṃ desetabbataṃ dasseti. Tesu hi paṭhamaṃ desetabbesu pākaṭattā paṭhamataraṃ cakkhāyatanaṃ desitanti. Tato ghānāyatanādīnīti ettha bahūpakārattābhāvena cakkhusotehi purimataraṃ adesetabbāni saha vattuṃ asakkuṇeyyattā ekena kamena desetabbānīti ghānādikkamena desitānīti adhippāyo. Aññathāpi hi desitesu na na sakkā codetuṃ, na ca sakkā sodhetabbāni na desetunti. Gocaro visayo etassāti gocaravisayo, mano. Kassa pana gocaro etassa visayoti? Cakkhādīnaṃ pañcannampi. Viññāṇuppattikāraṇavavatthānatoti etena ca cakkhādianantaraṃ rūpādivacanassa kāraṇamāha.
ปจฺจยเภโท กมฺมาทิเภโทฯ นิรยาทิโก อปทาทิคตินานากรณญฺจ คติเภโทฯ หตฺถิอสฺสาทิโก ขตฺติยาทิโก จ นิกายเภโทฯ ตํตํสตฺตสนฺตานเภโท ปุคฺคลเภโทฯ ยา จ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ อนนฺตเภทตา วุตฺตา, โสเยว หทยวตฺถุสฺส จ เภโท โหติฯ ตโต มนายตนสฺส อนนฺตปฺปเภทตา โยเชตพฺพา ทุกฺขาปฎิปทาทิโต อารมฺมณาธิปติอาทิเภทโต จฯ อิมสฺมิํ สุตฺตนฺตภาชนีเย วิปสฺสนา วุตฺตาติ วิปสฺสนุปคมนญฺจ วิญฺญาณํ คเหตฺวา เอกาสีติเภทตา มนายตนสฺส วุตฺตา นิเทฺทสวเสนฯ นีลํ นีลเสฺสว สภาคํ, อญฺญํ วิสภาคํ, เอวํ กุสลสมุฎฺฐานาทิเภเทสุ โยเชตพฺพํฯ เตภูมกธมฺมารมฺมณวเสนาติ ปุเพฺพ วุตฺตํ จกฺขาทิวชฺชํ ธมฺมารมฺมณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Paccayabhedo kammādibhedo. Nirayādiko apadādigatinānākaraṇañca gatibhedo. Hatthiassādiko khattiyādiko ca nikāyabhedo. Taṃtaṃsattasantānabhedo puggalabhedo. Yā ca cakkhādīnaṃ vatthūnaṃ anantabhedatā vuttā, soyeva hadayavatthussa ca bhedo hoti. Tato manāyatanassa anantappabhedatā yojetabbā dukkhāpaṭipadādito ārammaṇādhipatiādibhedato ca. Imasmiṃ suttantabhājanīye vipassanā vuttāti vipassanupagamanañca viññāṇaṃ gahetvā ekāsītibhedatā manāyatanassa vuttā niddesavasena. Nīlaṃ nīlasseva sabhāgaṃ, aññaṃ visabhāgaṃ, evaṃ kusalasamuṭṭhānādibhedesu yojetabbaṃ. Tebhūmakadhammārammaṇavasenāti pubbe vuttaṃ cakkhādivajjaṃ dhammārammaṇaṃ sandhāya vuttaṃ.
สปริปฺผนฺทกิริยาวเสน อีหนํ อีหาฯ จินฺตนวเสน พฺยาปารกรณํ พฺยาปาโรฯ ตตฺถ พฺยาปารํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘น หิ จกฺขุ รูปาทีนํ เอวํ โหตี’’ติฯ อีหํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘น จ ตานี’’ติอาทิฯ อุภยมฺปิ ปน อีหา จ โหติ พฺยาปาโร จาติ อุปฺปฎิปาฎิวจนํฯ ธมฺมตาวาติ สภาโวว, การณสมตฺถตา วาฯ อีหาพฺยาปารรหิตานํ ทฺวาราทิภาโว ธมฺมตาฯ อิมสฺมิญฺจ อเตฺถ ยนฺติ เอตสฺส ยสฺมาติ อโตฺถฯ ปุริมสฺมิํ สมฺภวนวิเสสนํ ยํ-สโทฺทฯ ‘‘สุโญฺญ คาโมติ โข, ภิกฺขเว, ฉเนฺนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วจนโต สุญฺญคาโม วิย ทฎฺฐพฺพานิฯ อนฺนปานสโมหิตนฺติ คหิเต สุญฺญคาเม ยญฺญเทว ภาชนํ ปรามสียติ, ตํ ตํ ริตฺตกํเยว ปรามสียติ, เอวํ ธุวาทิภาเวน คหิตานิ อุปปริกฺขิยมานานิ ริตฺตกาเนว เอตานิ ทิสฺสนฺตีติฯ จกฺขาทิทฺวาเรสุ อภิชฺฌาโทมนสฺสุปฺปาทกภาเวน รูปาทีนิ จกฺขาทีนํ อภิฆาตกานีติ วุตฺตานิฯ อหิสุสุมารปกฺขิกุกฺกุรสิงฺคาลมกฺกฎา ฉ ปาณกาฯ วิสมพิลากาสคามสุสานวนานิ เตสํ โคจราฯ ตตฺถ วิสมาทิอชฺฌาสเยหิ จกฺขาทีหิ วิสมภาวพิลากาสคามสุสานสนฺนิสฺสิตสทิสุปาทินฺนธมฺมวนภาเวหิ อภิรมิตตฺตา รูปาทีนมฺปิ วิสมาทิสทิสตา โยเชตพฺพาฯ
Saparipphandakiriyāvasena īhanaṃ īhā. Cintanavasena byāpārakaraṇaṃ byāpāro. Tattha byāpāraṃ dassento āha ‘‘na hi cakkhu rūpādīnaṃ evaṃ hotī’’ti. Īhaṃ dassento āha ‘‘na ca tānī’’tiādi. Ubhayampi pana īhā ca hoti byāpāro cāti uppaṭipāṭivacanaṃ. Dhammatāvāti sabhāvova, kāraṇasamatthatā vā. Īhābyāpārarahitānaṃ dvārādibhāvo dhammatā. Imasmiñca atthe yanti etassa yasmāti attho. Purimasmiṃ sambhavanavisesanaṃ yaṃ-saddo. ‘‘Suñño gāmoti kho, bhikkhave, channetaṃ ajjhattikānaṃ āyatanānaṃ adhivacana’’nti (saṃ. ni. 4.238) vacanato suññagāmo viya daṭṭhabbāni. Annapānasamohitanti gahite suññagāme yaññadeva bhājanaṃ parāmasīyati, taṃ taṃ rittakaṃyeva parāmasīyati, evaṃ dhuvādibhāvena gahitāni upaparikkhiyamānāni rittakāneva etāni dissantīti. Cakkhādidvāresu abhijjhādomanassuppādakabhāvena rūpādīni cakkhādīnaṃ abhighātakānīti vuttāni. Ahisusumārapakkhikukkurasiṅgālamakkaṭā cha pāṇakā. Visamabilākāsagāmasusānavanāni tesaṃ gocarā. Tattha visamādiajjhāsayehi cakkhādīhi visamabhāvabilākāsagāmasusānasannissitasadisupādinnadhammavanabhāvehi abhiramitattā rūpādīnampi visamādisadisatā yojetabbā.
หุตฺวา อภาวเฎฺฐนาติ อิทํ อิตเรสํ จตุนฺนํ อาการานํ สงฺคหกตฺตา วิสุํ วุตฺตํฯ หุตฺวา อภาวากาโร เอว หิ อุปฺปาทวยตฺตาการาทโยติฯ ตตฺถ หุตฺวาติ เอเตน ปุริมนฺตวิวิตฺตตาปุพฺพกํ มเชฺฌ วิชฺชมานตํ ทเสฺสติ, ตํ วตฺวา อภาววจเนน มเชฺฌ วิชฺชมานตาปุพฺพกํ, อปรเนฺต อวิชฺชมานตํ, อุภเยนปิ สทา อภาโว อนิจฺจลกฺขณนฺติ ทเสฺสติฯ สภาววิชหนํ วิปริณาโม, ชราภเงฺคหิ วา ปริวตฺตนํ, สนฺตานวิการาปตฺติ วาฯ สทา อภาเวปิ จิรฎฺฐานํ สิยาติ ตํนิวารณตฺถํ ‘‘ตาวกาลิกโต’’ติ อาหฯ อุปฺปาทวยญฺญถตฺตรหิตํ นิจฺจํ, น อิตรถาติ นิจฺจปฎิเกฺขปโต อนิจฺจํ, นิจฺจปฎิปกฺขโตติ อธิปฺปาโยฯ
Hutvā abhāvaṭṭhenāti idaṃ itaresaṃ catunnaṃ ākārānaṃ saṅgahakattā visuṃ vuttaṃ. Hutvā abhāvākāro eva hi uppādavayattākārādayoti. Tattha hutvāti etena purimantavivittatāpubbakaṃ majjhe vijjamānataṃ dasseti, taṃ vatvā abhāvavacanena majjhe vijjamānatāpubbakaṃ, aparante avijjamānataṃ, ubhayenapi sadā abhāvo aniccalakkhaṇanti dasseti. Sabhāvavijahanaṃ vipariṇāmo, jarābhaṅgehi vā parivattanaṃ, santānavikārāpatti vā. Sadā abhāvepi ciraṭṭhānaṃ siyāti taṃnivāraṇatthaṃ ‘‘tāvakālikato’’ti āha. Uppādavayaññathattarahitaṃ niccaṃ, na itarathāti niccapaṭikkhepato aniccaṃ, niccapaṭipakkhatoti adhippāyo.
ชาติธมฺมตาทีหิ อนิฎฺฐตา ปฎิปีฬนํฯ ปฎิปีฬนเฎฺฐนาติ จ ยสฺส ตํ ปวตฺตติ, ตํ ปุคฺคลํ ปฎิปีฬนโต, สยํ วา ชราทีหิ ปฎิปีฬนตฺตาติ อโตฺถฯ ปริตฺตฎฺฐิติกสฺสปิ อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณ อุปฺปาทาทีหิ อภิณฺหํ สมฺปฎิปีฬนตฺตา ‘‘อภิณฺหสมฺปฎิปีฬนโต’’ติ ปุริมํ สามญฺญลกฺขณํ วิเสเสตฺวา วทติ, ปุคฺคลสฺส ปีฬนโต ทุกฺขมํฯ สุขปฎิปกฺขภาวโต ทุกฺขํ สุขํ ปฎิกฺขิปติ นิวาเรติ, ทุกฺขวจนํ วา อตฺถโต สุขํ ปฎิกฺขิปตีติ อาห ‘‘สุขปฎิเกฺขปโต’’ติฯ
Jātidhammatādīhi aniṭṭhatā paṭipīḷanaṃ. Paṭipīḷanaṭṭhenāti ca yassa taṃ pavattati, taṃ puggalaṃ paṭipīḷanato, sayaṃ vā jarādīhi paṭipīḷanattāti attho. Parittaṭṭhitikassapi attano vijjamānakkhaṇe uppādādīhi abhiṇhaṃ sampaṭipīḷanattā ‘‘abhiṇhasampaṭipīḷanato’’ti purimaṃ sāmaññalakkhaṇaṃ visesetvā vadati, puggalassa pīḷanato dukkhamaṃ. Sukhapaṭipakkhabhāvato dukkhaṃ sukhaṃ paṭikkhipati nivāreti, dukkhavacanaṃ vā atthato sukhaṃ paṭikkhipatīti āha ‘‘sukhapaṭikkhepato’’ti.
นตฺถิ เอตสฺส วสวตฺตนโก, นาปิ อิทํ วสวตฺตนกนฺติ อวสวตฺตนกํ, อตฺตโน ปรสฺมิํ ปรสฺส จ อตฺตนิ วสวตฺตนภาโว วา วสวตฺตนกํ, ตํ เอตสฺส นตฺถีติ อวสวตฺตนกํ, อวสวตฺตนกสฺส อวสวตฺตนโก วา อโตฺถ สภาโว อวสวตฺตนกโฎฺฐ, อิทญฺจ สามญฺญลกฺขณํฯ เตนาติ ปรสฺส อตฺตนิ วสวตฺตนากาเรน สุญฺญํฯ อิมสฺมิญฺจ อเตฺถ สุญฺญโตติ เอตเสฺสว วิเสสนํ ‘‘อสฺสามิกโต’’ติฯ อถ วา ‘‘ยสฺมา วา เอตํ…เป.… มา ปาปุณาตู’’ติ เอวํ จินฺตยมานสฺส กสฺสจิ ตีสุ ฐาเนสุ วสวตฺตนภาโว นตฺถิ, สุญฺญํ ตํ เตน อตฺตโนเยว วสวตฺตนากาเรนาติ อโตฺถฯ น อิทํ กสฺสจิ กามการิยํ, นาปิ เอตสฺส กิญฺจิ กามการิยํ อตฺถีติ อกามการิยํฯ เอเตน อวสวตฺตนตฺถํ วิเสเสตฺวา ทเสฺสติฯ
Natthi etassa vasavattanako, nāpi idaṃ vasavattanakanti avasavattanakaṃ, attano parasmiṃ parassa ca attani vasavattanabhāvo vā vasavattanakaṃ, taṃ etassa natthīti avasavattanakaṃ, avasavattanakassa avasavattanako vā attho sabhāvo avasavattanakaṭṭho, idañca sāmaññalakkhaṇaṃ. Tenāti parassa attani vasavattanākārena suññaṃ. Imasmiñca atthe suññatoti etasseva visesanaṃ ‘‘assāmikato’’ti. Atha vā ‘‘yasmā vā etaṃ…pe… mā pāpuṇātū’’ti evaṃ cintayamānassa kassaci tīsu ṭhānesu vasavattanabhāvo natthi, suññaṃ taṃ tena attanoyeva vasavattanākārenāti attho. Na idaṃ kassaci kāmakāriyaṃ, nāpi etassa kiñci kāmakāriyaṃ atthīti akāmakāriyaṃ. Etena avasavattanatthaṃ visesetvā dasseti.
วิภวคติ วินาสคมนํฯ สนฺตติยํ ภวนฺตรุปฺปตฺติเยว ภวสงฺกนฺติคมนํฯ สนฺตติยา ยถาปวตฺตาการวิชหนํ ปกติภาววิชหนํฯ ‘‘จกฺขุ อนิจฺจ’’นฺติ วุเตฺต จกฺขุอนิจฺจ-สทฺทานํ เอกตฺถตฺตา อนิจฺจานํ เสสธมฺมานมฺปิ จกฺขุภาโว อาปชฺชตีติ เอติสฺสา โจทนาย นิวารณตฺถํ วิเสสสามญฺญลกฺขณวาจกานญฺจ สทฺทานํ เอกเทสสมุทายโพธนวิเสสํ ทีเปตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ
Vibhavagati vināsagamanaṃ. Santatiyaṃ bhavantaruppattiyeva bhavasaṅkantigamanaṃ. Santatiyā yathāpavattākāravijahanaṃ pakatibhāvavijahanaṃ. ‘‘Cakkhu anicca’’nti vutte cakkhuanicca-saddānaṃ ekatthattā aniccānaṃ sesadhammānampi cakkhubhāvo āpajjatīti etissā codanāya nivāraṇatthaṃ visesasāmaññalakkhaṇavācakānañca saddānaṃ ekadesasamudāyabodhanavisesaṃ dīpetuṃ ‘‘apicā’’tiādimāha.
กิํ ทสฺสิตนฺติ วิปสฺสนาจารํ กเถเนฺตน กิํ ลกฺขณํ ทสฺสิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘กตมา จานนฺท, อนตฺตสญฺญา? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ ‘จกฺขุ อนตฺตา’ติ…เป.… ‘ธมฺมา อนตฺตา’ติฯ อิติ อิเมสุ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ อนตฺตานุปสฺสี วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๐) อวิเสเสสุ อายตเนสุ อนตฺตานุปสฺสนา วุตฺตาติ การณภูตานํ จกฺขาทีนํ, ผลภูตานญฺจ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ การณผลมตฺตตาย อนตฺตตาย อนตฺตลกฺขณวิภาวนตฺถาย อายตนเทสนาติ อาห ‘‘ทฺวาทสนฺนํ…เป.… อนตฺตลกฺขณ’’นฺติฯ ยทิปิ อนิจฺจทุกฺขลกฺขณานิ เอตฺถ ทสฺสิตานิ, เตหิ จ อนตฺตลกฺขณเมว วิเสเสน ทสฺสิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ เวติ จาติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท สมาปนโตฺถฯ อิจฺจสฺสาติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท ยถาสมาปิตสฺส อาโรเปตพฺพโทสสฺส นิทสฺสนโตฺถฯ เอวนฺติ ‘‘จกฺขุ อตฺตา’’ติ เอวํ วาเท สตีติ อโตฺถฯ อิจฺจสฺสาติ วา อิติ-สโทฺท ‘‘อิติ วทนฺตสฺสา’’ติ ปรวาทิสฺส โทสลกฺขณาการนิทสฺสนโตฺถฯ เอวนฺติ โทสคมนปฺปการนิทสฺสนโตฺถฯ รูเป อตฺตนิ ‘‘เอวํ เม รูปํ โหตู’’ติ อตฺตนิเย วิย สามินิเทฺทสาปตฺตีติ เจ? น, ‘‘มม อตฺตา’’ติ คหิตตฺตาฯ ‘‘มม อตฺตา’’ติ หิ คหิตํ รูปํ วสวตฺติตาย ‘‘เอวํ เม โหตู’’ติ อิจฺฉิยมานญฺจ ตเถว ภเวยฺย, อิจฺฉโตปิ หิ ตสฺส รูปสงฺขาโต อตฺตา อวสวตฺติ จาติฯ อาพาธายาติ เอวํ ทุเกฺขนฯ ปญฺญาปนนฺติ ปเรสํ ญาปนํฯ อนตฺตลกฺขณปญฺญาปนสฺส อเญฺญสํ อวิสยตฺตา อนตฺตลกฺขณทีปกานํ อนิจฺจทุกฺขลกฺขณานญฺจ ปญฺญาปนสฺส อวิสยตา ทสฺสิตา โหติฯ
Kiṃ dassitanti vipassanācāraṃ kathentena kiṃ lakkhaṇaṃ dassitanti adhippāyo. ‘‘Katamā cānanda, anattasaññā? Idhānanda, bhikkhu araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā iti paṭisañcikkhati ‘cakkhu anattā’ti…pe… ‘dhammā anattā’ti. Iti imesu chasu ajjhattikabāhiresu āyatanesu anattānupassī viharatī’’ti (a. ni. 10.60) avisesesu āyatanesu anattānupassanā vuttāti kāraṇabhūtānaṃ cakkhādīnaṃ, phalabhūtānañca cakkhuviññāṇādīnaṃ kāraṇaphalamattatāya anattatāya anattalakkhaṇavibhāvanatthāya āyatanadesanāti āha ‘‘dvādasannaṃ…pe… anattalakkhaṇa’’nti. Yadipi aniccadukkhalakkhaṇāni ettha dassitāni, tehi ca anattalakkhaṇameva visesena dassitanti adhippāyo. Veti cāti ettha iti-saddo samāpanattho. Iccassāti ettha iti-saddo yathāsamāpitassa āropetabbadosassa nidassanattho. Evanti ‘‘cakkhu attā’’ti evaṃ vāde satīti attho. Iccassāti vā iti-saddo ‘‘iti vadantassā’’ti paravādissa dosalakkhaṇākāranidassanattho. Evanti dosagamanappakāranidassanattho. Rūpe attani ‘‘evaṃ me rūpaṃ hotū’’ti attaniye viya sāminiddesāpattīti ce? Na, ‘‘mama attā’’ti gahitattā. ‘‘Mama attā’’ti hi gahitaṃ rūpaṃ vasavattitāya ‘‘evaṃ me hotū’’ti icchiyamānañca tatheva bhaveyya, icchatopi hi tassa rūpasaṅkhāto attā avasavatti cāti. Ābādhāyāti evaṃ dukkhena. Paññāpananti paresaṃ ñāpanaṃ. Anattalakkhaṇapaññāpanassa aññesaṃ avisayattā anattalakkhaṇadīpakānaṃ aniccadukkhalakkhaṇānañca paññāpanassa avisayatā dassitā hoti.
เอวํ ปน ทุปฺปญฺญาปนตา เอเตสํ ทุรูปฎฺฐานตาย โหตีติ เตสํ อนุปฎฺฐหนการณํ ปุจฺฉโนฺต อาห ‘‘อิมานิ ปนา’’ติอาทิฯ ฐานาทีสุ นิรนฺตรํ ปวตฺตมานสฺส เหฎฺฐา วุตฺตสฺส อภิณฺหสมฺปฎิปีฬนสฺสฯ ธาตุมตฺตตาย จกฺขาทีนํ สมูหโต วินิพฺภุชฺชนํ นานาธาตุวินิโพฺภโคฯ ฆเนนาติ จตฺตาริปิ ฆนานิ ฆนภาเวน เอกตฺตํ อุปเนตฺวา วทติฯ ปญฺญาเยว สนฺตติวิโกปนาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยาถาวสรสโตติ อวิปรีตสภาวโตฯ สภาโว หิ รสิยมาโน อวิรทฺธปฎิเวเธน อสฺสาทิยมาโน ‘‘รโส’’ติ วุจฺจติฯ อนิจฺจาทีหิ อนิจฺจลกฺขณาทีนํ อญฺญตฺถ วจนํ รุปฺปนาทิวเสน ปวตฺตรูปาทิคฺคหณโต วิสิฎฺฐสฺส อนิจฺจาทิคฺคหณสฺส สพฺภาวาฯ น หิ นามรูปปริเจฺฉทมเตฺตน กิจฺจสิทฺธิ โหติ, อนิจฺจาทโย จ รูปาทีนํ อาการา ทฎฺฐพฺพาฯ เต ปนาการา ปรมตฺถโต อวิชฺชมานา รูปาทีนํ อาการมตฺตาเยวาติ กตฺวา อฎฺฐสาลินิยํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๓๕๐) ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย ขนฺธารมฺมณตา วุตฺตาติ อธิปฺปายมเตฺต ฐาตุํ ยุตฺตํ, นาติธาวิตุํฯ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ จ คณฺหโนฺต ‘‘ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ น คณฺหาติ, ตถา ทุกฺขาทิคฺคหเณ อิตรสฺสาคหณํฯ อนิจฺจาทิคฺคหณานิ จ นิจฺจสญฺญาทินิวตฺตนกานิ สทฺธาสมาธิปญฺญินฺทฺริยาธิกานิ ติวิธวิโมกฺขมุขภูตานิฯ ตสฺมา เอเตสํ อาการานํ ปริคฺคยฺหมานานํ อญฺญมญฺญํ วิเสโส จ อตฺถีติ ตีณิ ลกฺขณานิ วุตฺตานิฯ
Evaṃ pana duppaññāpanatā etesaṃ durūpaṭṭhānatāya hotīti tesaṃ anupaṭṭhahanakāraṇaṃ pucchanto āha ‘‘imāni panā’’tiādi. Ṭhānādīsu nirantaraṃ pavattamānassa heṭṭhā vuttassa abhiṇhasampaṭipīḷanassa. Dhātumattatāya cakkhādīnaṃ samūhato vinibbhujjanaṃ nānādhātuvinibbhogo. Ghanenāti cattāripi ghanāni ghanabhāvena ekattaṃ upanetvā vadati. Paññāyeva santativikopanāti daṭṭhabbaṃ. Yāthāvasarasatoti aviparītasabhāvato. Sabhāvo hi rasiyamāno aviraddhapaṭivedhena assādiyamāno ‘‘raso’’ti vuccati. Aniccādīhi aniccalakkhaṇādīnaṃ aññattha vacanaṃ ruppanādivasena pavattarūpādiggahaṇato visiṭṭhassa aniccādiggahaṇassa sabbhāvā. Na hi nāmarūpaparicchedamattena kiccasiddhi hoti, aniccādayo ca rūpādīnaṃ ākārā daṭṭhabbā. Te panākārā paramatthato avijjamānā rūpādīnaṃ ākāramattāyevāti katvā aṭṭhasāliniyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 350) lakkhaṇārammaṇikavipassanāya khandhārammaṇatā vuttāti adhippāyamatte ṭhātuṃ yuttaṃ, nātidhāvituṃ. ‘‘Anicca’’nti ca gaṇhanto ‘‘dukkhaṃ anattā’’ti na gaṇhāti, tathā dukkhādiggahaṇe itarassāgahaṇaṃ. Aniccādiggahaṇāni ca niccasaññādinivattanakāni saddhāsamādhipaññindriyādhikāni tividhavimokkhamukhabhūtāni. Tasmā etesaṃ ākārānaṃ pariggayhamānānaṃ aññamaññaṃ viseso ca atthīti tīṇi lakkhaṇāni vuttāni.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา
2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๑๖๗. นามรูปปริเจฺฉทกถา อภิธมฺมกถาติ สุตฺตเนฺต วิย ปจฺจยยุคฬวเสน อกเถตฺวา อชฺฌตฺติกพาหิรวเสน อภิเญฺญยฺยานิ อายตนานิ อโพฺพการโต อภิธมฺมภาชนีเย กถิตานิฯ อาคมฺมาติ สพฺพสงฺขาเรหิ นิพฺพินฺทสฺส วิสงฺขารนินฺนสฺส โคตฺรภุนา วิวฎฺฎิตมานสสฺส มเคฺคน สจฺฉิกรเณนาติ อโตฺถฯ สจฺฉิกิริยมานญฺหิ ตํ อธิคนฺตฺวา อารมฺมณปจฺจยภูตญฺจ ปฎิจฺจ อธิปติปจฺจยภูเต จ ตมฺหิ ปรมสฺสาสภาเวน วินิมุตฺตสงฺขารสฺส จ คติภาเวน ปติฎฺฐานภูเต ปติฎฺฐาย ขยสงฺขาโต มโคฺค ราคาทโย เขเปตีติ ตํสจฺฉิกรณาภาเว ราคาทีนํ อนุปฺปตฺตินิโรธคมนาภาวา ‘‘ตํ อาคมฺม ราคาทโย ขียนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ สุตฺตโต มุญฺจิตฺวาติ สุตฺตปทานิ มุญฺจิตฺวาฯ อโญฺญ สุตฺตสฺส อโตฺถ ‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๙๔-๒๙๕) วิย อาหริตโพฺพ, นตฺถิ สุตฺตปเทเหว นีโต อโตฺถติ อโตฺถฯ
167. Nāmarūpaparicchedakathā abhidhammakathāti suttante viya paccayayugaḷavasena akathetvā ajjhattikabāhiravasena abhiññeyyāni āyatanāni abbokārato abhidhammabhājanīye kathitāni. Āgammāti sabbasaṅkhārehi nibbindassa visaṅkhāraninnassa gotrabhunā vivaṭṭitamānasassa maggena sacchikaraṇenāti attho. Sacchikiriyamānañhi taṃ adhigantvā ārammaṇapaccayabhūtañca paṭicca adhipatipaccayabhūte ca tamhi paramassāsabhāvena vinimuttasaṅkhārassa ca gatibhāvena patiṭṭhānabhūte patiṭṭhāya khayasaṅkhāto maggo rāgādayo khepetīti taṃsacchikaraṇābhāve rāgādīnaṃ anuppattinirodhagamanābhāvā ‘‘taṃ āgamma rāgādayo khīyantī’’ti vuttaṃ. Suttato muñcitvāti suttapadāni muñcitvā. Añño suttassa attho ‘‘mātaraṃ pitaraṃ hantvā’’tiādīsu (dha. pa. 294-295) viya āharitabbo, natthi suttapadeheva nīto atthoti attho.
เอกํ นานนฺติ จุณฺณิตํ ขุทฺทกํ วา กรณํ, จุณฺณีกรณนฺติ อพหุมาเนน วทติฯ น ตฺวํ เอกํ นานํ ชานาสีติ กิํ เอตฺตกํ ตฺวเมว น ชานาสีติ อโตฺถฯ นนุ ญาเตติ ‘‘ยทิปิ ปุเพฺพ น ญาตํ, อธุนาปิ ญาเต นนุ สาธุ โหตี’’ติ อตฺตโน ชานนํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา วิเกฺขปํ กโรนฺตํ นิพนฺธติฯ วิภชิตฺวาติ อกฺขรตฺถมเตฺต อฎฺฐตฺวา ลีนํ อตฺถํ วิภชิตฺวา อุทฺธริตฺวา นีหริตฺวา กถิตนฺติ อโตฺถฯ ราคาทีนํ ขโย นาม อภาวมโตฺต, น จ อภาวสฺส พหุภาโว อตฺถิ อตฺตโน อภาวตฺตาติ วทนฺตสฺส วจนปจฺฉินฺทนตฺถํ ปุจฺฉติ ‘‘ราคกฺขโย นาม ราคเสฺสว ขโย’’ติอาทิฯ ยทิ หิ ราคกฺขโย โทสาทีนํ ขโย น โหติ, โทสกฺขยาทโย จ ราคาทีนํ ขยา, อญฺญมญฺญวิสิฎฺฐา ภินฺนา อาปนฺนา โหนฺตีติ พหุนิพฺพานตา อาปนฺนา เอว โหติ, อญฺญมญฺญวิเสโส จ นาม นิสฺสภาวสฺส นตฺถีติ สสภาวตา จ นิพฺพานสฺสฯ นว ตณฺหามูลกา ‘‘ตณฺหํ ปฎิจฺจ ปริเยสนา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๓; ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๙.๒๓; วิภ. ๙๖๓) อาทโย, เตสุ ปริเยสนาทโย จ ปริเยสนาทิกรกิเลสา ทฎฺฐพฺพาฯ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ นิทานกถายํ วุตฺตํฯ
Ekaṃ nānanti cuṇṇitaṃ khuddakaṃ vā karaṇaṃ, cuṇṇīkaraṇanti abahumānena vadati. Na tvaṃ ekaṃ nānaṃ jānāsīti kiṃ ettakaṃ tvameva na jānāsīti attho. Nanu ñāteti ‘‘yadipi pubbe na ñātaṃ, adhunāpi ñāte nanu sādhu hotī’’ti attano jānanaṃ paṭicchādetvā vikkhepaṃ karontaṃ nibandhati. Vibhajitvāti akkharatthamatte aṭṭhatvā līnaṃ atthaṃ vibhajitvā uddharitvā nīharitvā kathitanti attho. Rāgādīnaṃ khayo nāma abhāvamatto, na ca abhāvassa bahubhāvo atthi attano abhāvattāti vadantassa vacanapacchindanatthaṃ pucchati ‘‘rāgakkhayo nāma rāgasseva khayo’’tiādi. Yadi hi rāgakkhayo dosādīnaṃ khayo na hoti, dosakkhayādayo ca rāgādīnaṃ khayā, aññamaññavisiṭṭhā bhinnā āpannā hontīti bahunibbānatā āpannā eva hoti, aññamaññaviseso ca nāma nissabhāvassa natthīti sasabhāvatā ca nibbānassa. Nava taṇhāmūlakā ‘‘taṇhaṃ paṭicca pariyesanā’’ti (dī. ni. 2.103; 3.359; a. ni. 9.23; vibha. 963) ādayo, tesu pariyesanādayo ca pariyesanādikarakilesā daṭṭhabbā. Diyaḍḍhakilesasahassaṃ nidānakathāyaṃ vuttaṃ.
โอฬาริกตาย กาเรตโพฺพติ อติสุขุมสฺส นิพฺพานสฺส โอฬาริกภาวโทสาปตฺติยา โพเธตโพฺพ, นิคฺคเหตโพฺพ วาฯ วตฺถุนฺติ อุปาทินฺนกโผฎฺฐพฺพํ เมถุนํฯ อจฺฉาทีนมฺปิ นิพฺพานปฺปตฺติ กสฺมา วุตฺตา, นนุ ‘‘กิเลสานํ อจฺจนฺตํ อนุปฺปตฺตินิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ อิจฺฉนฺตสฺส กิเลสานํ วินาโส กญฺจิ กาลํ อปฺปวตฺติ นิพฺพานํ น โหตีติ? น, อภาวสามญฺญโตฯ อจฺจนฺตาปวตฺติ หิ กญฺจิ กาลญฺจ อปฺปวตฺติ อภาโวเยวาติ นตฺถิ วิเสโสฯ สวิเสสํ วา วทนฺตสฺส อภาวตา อาปชฺชตีติฯ ติรจฺฉานคเตหิปิ ปาปุณิตพฺพตฺตา เตสมฺปิ ปากฎํ ปิฬนฺธนํ วิย โอฬาริกํ ถูลํฯ เกวลํ ปน กเณฺณ ปิฬนฺธิตุํ น สโกฺกติ, ปิฬนฺธนโตปิ วา ถูลตฺตา น สกฺกาติ อุปฺปเณฺฑโนฺต วิย นิคฺคณฺหาติฯ
Oḷārikatāya kāretabboti atisukhumassa nibbānassa oḷārikabhāvadosāpattiyā bodhetabbo, niggahetabbo vā. Vatthunti upādinnakaphoṭṭhabbaṃ methunaṃ. Acchādīnampi nibbānappatti kasmā vuttā, nanu ‘‘kilesānaṃ accantaṃ anuppattinirodho nibbāna’’nti icchantassa kilesānaṃ vināso kañci kālaṃ appavatti nibbānaṃ na hotīti? Na, abhāvasāmaññato. Accantāpavatti hi kañci kālañca appavatti abhāvoyevāti natthi viseso. Savisesaṃ vā vadantassa abhāvatā āpajjatīti. Tiracchānagatehipi pāpuṇitabbattā tesampi pākaṭaṃ piḷandhanaṃ viya oḷārikaṃ thūlaṃ. Kevalaṃ pana kaṇṇe piḷandhituṃ na sakkoti, piḷandhanatopi vā thūlattā na sakkāti uppaṇḍento viya niggaṇhāti.
นิพฺพานารมฺมณกรเณน โคตฺรภุกฺขเณ กิเลสกฺขยปฺปตฺติ ปนสฺส อาปนฺนาติ มญฺญมาโน อาห ‘‘ตฺวํ อขีเณสุเยวา’’ติอาทิฯ นนุ อารมฺมณกรณมเตฺตน กิเลสกฺขโย อนุปฺปโตฺตติ น สกฺกา วตฺตุํฯ จิตฺตญฺหิ อตีตานาคตาทิสพฺพํ อาลเมฺพติ, น นิปฺผนฺนเมวาติ โคตฺรภุปิ มเคฺคน กิเลสานํ ยา อนุปฺปตฺติธมฺมตา กาตพฺพา, ตํ อารพฺภ ปวตฺติสฺสตีติ? น, อปฺปตฺตนิพฺพานสฺส นิพฺพานารมฺมณญาณาภาวโตฯ น หิ อญฺญธมฺมา วิย นิพฺพานํ, ตํ ปน อติคมฺภีรตฺตา อปฺปเตฺตน อาลมฺพิตุํ น สกฺกาฯ ตสฺมา เตน โคตฺรภุนา ปตฺตเพฺพน ติกาลิกสภาวาติกฺกนฺตคมฺภีรภาเวน ภวิตพฺพํ, กิเลสกฺขยมตฺตตํ วา อิจฺฉโต โคตฺรภุโต ปุเรตรํ นิปฺผเนฺนน กิเลสกฺขเยนฯ เตนาห ‘‘ตฺวํ อขีเณสุเยว กิเลเสสุ กิเลสกฺขยํ นิพฺพานํ ปญฺญเปสี’’ติฯ อปฺปตฺตกิเลสกฺขยารมฺมณกรเณ หิ สติ โคตฺรภุโต ปุเรตรจิตฺตานิปิ อาลเมฺพยฺยุนฺติฯ
Nibbānārammaṇakaraṇena gotrabhukkhaṇe kilesakkhayappatti panassa āpannāti maññamāno āha ‘‘tvaṃ akhīṇesuyevā’’tiādi. Nanu ārammaṇakaraṇamattena kilesakkhayo anuppattoti na sakkā vattuṃ. Cittañhi atītānāgatādisabbaṃ ālambeti, na nipphannamevāti gotrabhupi maggena kilesānaṃ yā anuppattidhammatā kātabbā, taṃ ārabbha pavattissatīti? Na, appattanibbānassa nibbānārammaṇañāṇābhāvato. Na hi aññadhammā viya nibbānaṃ, taṃ pana atigambhīrattā appattena ālambituṃ na sakkā. Tasmā tena gotrabhunā pattabbena tikālikasabhāvātikkantagambhīrabhāvena bhavitabbaṃ, kilesakkhayamattataṃ vā icchato gotrabhuto puretaraṃ nipphannena kilesakkhayena. Tenāha ‘‘tvaṃ akhīṇesuyeva kilesesu kilesakkhayaṃ nibbānaṃ paññapesī’’ti. Appattakilesakkhayārammaṇakaraṇe hi sati gotrabhuto puretaracittānipi ālambeyyunti.
มคฺคสฺส กิเลสกฺขยํ นิพฺพานนฺติ มคฺคสฺส อารมฺมณภูตํ นิพฺพานํ กตมนฺติ อโตฺถฯ มโคฺคติอาทินา ปุริมปุจฺฉาทฺวยเมว วิวรติฯ
Maggassa kilesakkhayaṃ nibbānanti maggassa ārammaṇabhūtaṃ nibbānaṃ katamanti attho. Maggotiādinā purimapucchādvayameva vivarati.
น จ กิญฺจีติ รูปาทีสุ นิพฺพานํ กิญฺจิ น โหติ, น จ กทาจิ โหติ, อตีตาทิภาเวน น วตฺตพฺพนฺติ วทนฺติ, ตํ อาคมฺม อวิชฺชาตณฺหานํ กิญฺจิ เอกเทสมตฺตมฺปิ น โหติ, ตเทว ตํ อาคมฺม กทาจิ น จ โหตีติ อโตฺถ ยุโตฺตฯ
Na ca kiñcīti rūpādīsu nibbānaṃ kiñci na hoti, na ca kadāci hoti, atītādibhāvena na vattabbanti vadanti, taṃ āgamma avijjātaṇhānaṃ kiñci ekadesamattampi na hoti, tadeva taṃ āgamma kadāci na ca hotīti attho yutto.
อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา
3. Pañhapucchakavaṇṇanā
๑๖๘. น…เป.… นวตฺตพฺพธมฺมารมฺมณตฺตาติ ยถา สารมฺมณา ปริตฺตาทิภาเวน นวตฺตพฺพํ กิญฺจิ อารมฺมณํ กโรนฺติ, เอวํ กิญฺจิ อาลมฺพนโต น นวตฺตพฺพโกฎฺฐาสํ ภชตีติ อโตฺถฯ
168. Na…pe… navattabbadhammārammaṇattāti yathā sārammaṇā parittādibhāvena navattabbaṃ kiñci ārammaṇaṃ karonti, evaṃ kiñci ālambanato na navattabbakoṭṭhāsaṃ bhajatīti attho.
ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.
อายตนวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āyatanavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi
๑. ขนฺธวิภโงฺค • 1. Khandhavibhaṅgo
๒. อายตนวิภโงฺค • 2. Āyatanavibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā
๒. อภิธมฺมภาชนียวณฺณนา • 2. Abhidhammabhājanīyavaṇṇanā
๓. ปญฺหาปุจฺฉกวณฺณนา • 3. Pañhāpucchakavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๒. อายตนวิภโงฺค • 2. Āyatanavibhaṅgo