Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā |
๓. อายตนยมกํ
3. Āyatanayamakaṃ
๑. ปณฺณตฺติอุเทฺทสวารวณฺณนา
1. Paṇṇattiuddesavāravaṇṇanā
๑-๙. อิทานิ มูลยมเก เทสิเตเยว กุสลาทิธเมฺม อายตนวเสนาปิ สงฺคณฺหิตฺวา ขนฺธยมกานนฺตรํ เทสิตสฺส อายตนยมกสฺส วณฺณนา โหติฯ ตตฺถ ขนฺธยมเก วุตฺตนเยเนว ปาฬิววตฺถานํ เวทิตพฺพํฯ ยเถว หิ ตตฺถ ปณฺณตฺติวาโร, ปวตฺติวาโร, ปริญฺญาวาโรติ ตโย มหาวารา โหนฺติ, ตถา อิธาปิฯ วจนโตฺถปิ เนสํ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อิธาปิ จ ปณฺณตฺติวาโร อุเทฺทสนิเทฺทสวเสน ทฺวิธา ววตฺถิโตฯ อิตเร นิเทฺทสวเสเนวฯ ‘ตตฺถ ทฺวาทสายตนานี’ติ ปทํ อาทิํ กตฺวา ยาว นายตนา น มโนติ, ตาว ปณฺณตฺติวารสฺส อุเทฺทสวาโร เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ทฺวาทสายตนานีติ อยํ ยมกวเสน ปุจฺฉิตพฺพานํ อายตนานํ อุเทฺทโสฯ จกฺขายตนํ…เป.… ธมฺมายตนนฺติ เตสเญฺญว ปเภทโต นามววตฺถานํฯ ยมกวเสน ปุจฺฉาสุขตฺถเญฺจตฺถ ปฐมํ ปฎิปาฎิยา อชฺฌตฺตรูปายตนานิ วุตฺตานิฯ ปจฺฉา พาหิรรูปายตนานิฯ ปริโยสาเน มนายตนธมฺมายตนานิฯ
1-9. Idāni mūlayamake desiteyeva kusalādidhamme āyatanavasenāpi saṅgaṇhitvā khandhayamakānantaraṃ desitassa āyatanayamakassa vaṇṇanā hoti. Tattha khandhayamake vuttanayeneva pāḷivavatthānaṃ veditabbaṃ. Yatheva hi tattha paṇṇattivāro, pavattivāro, pariññāvāroti tayo mahāvārā honti, tathā idhāpi. Vacanatthopi nesaṃ tattha vuttanayeneva veditabbo. Idhāpi ca paṇṇattivāro uddesaniddesavasena dvidhā vavatthito. Itare niddesavaseneva. ‘Tattha dvādasāyatanānī’ti padaṃ ādiṃ katvā yāva nāyatanā na manoti, tāva paṇṇattivārassa uddesavāro veditabbo. Tattha dvādasāyatanānīti ayaṃ yamakavasena pucchitabbānaṃ āyatanānaṃ uddeso. Cakkhāyatanaṃ…pe… dhammāyatananti tesaññeva pabhedato nāmavavatthānaṃ. Yamakavasena pucchāsukhatthañcettha paṭhamaṃ paṭipāṭiyā ajjhattarūpāyatanāni vuttāni. Pacchā bāhirarūpāyatanāni. Pariyosāne manāyatanadhammāyatanāni.
ยถา ปน เหฎฺฐา ขนฺธวเสน, เอวมิธ อิเมสํ อายตนานํ วเสน ปทโสธนวาโร, ปทโสธนมูลจกฺกวาโร, สุทฺธายตนวาโร, สุทฺธายตนมูลจกฺกวาโรติ, จตฺตาโรว นยวารา โหนฺติฯ เอเกโก เจตฺถ อนุโลมปฎิโลมวเสน ทุวิโธเยวฯ เตสมโตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ยถา ปน ขนฺธยมเก ปทโสธนวารสฺส อนุโลมวาเร ‘รูปํ รูปกฺขโนฺธ, รูปกฺขโนฺธ รูป’นฺติอาทีนิ ปญฺจ ยมกานิ, ตถา อิธ ‘จกฺขุ, จกฺขายตนํ; จกฺขายตนํ; จกฺขู’ติอาทีนิ ทฺวาทสฯ ปฎิโลมวาเรปิ ‘น จกฺขุ, น จกฺขายตนํ; น จกฺขายตนํ, น จกฺขู’ติอาทีนิ ทฺวาทส , ปทโสธนมูลจกฺกวารสฺส ปเนตฺถ อนุโลมวาเร เอเกกายตนมูลกานิ เอกาทส เอกาทส กตฺวา ทฺวตฺติํสสตํ ยมกานิฯ ปฎิโลมวาเรปิ ทฺวตฺติํสสตเมวฯ สุทฺธายตนวารสฺสาปิ อนุโลมวาเร ทฺวาทส, ปฎิโลมวาเร ทฺวาทส, สุทฺธายตนมูลจกฺกวารสฺสาปิ อนุโลมวาเร เอเกกายตนมูลกานิ เอกาทส เอกาทส กตฺวา ทฺวตฺติํสสตํ ยมกานิฯ ปฎิโลมวาเรปิ ทฺวตฺติํสสตเมวาติ เอวมิธ ฉสตฺตตาธิเกหิ ปญฺจหิ ยมกสเตหิ, ทฺวิปญฺญาสาธิเกหิ เอกาทสหิ ปุจฺฉาสเตหิ, จตุราธิเกหิ เตวีสาย อตฺถสเตหิ จ ปฎิมณฺฑิโต ปณฺณตฺติวารสฺส อุเทฺทสวาโร เวทิตโพฺพฯ
Yathā pana heṭṭhā khandhavasena, evamidha imesaṃ āyatanānaṃ vasena padasodhanavāro, padasodhanamūlacakkavāro, suddhāyatanavāro, suddhāyatanamūlacakkavāroti, cattārova nayavārā honti. Ekeko cettha anulomapaṭilomavasena duvidhoyeva. Tesamattho tattha vuttanayeneva veditabbo. Yathā pana khandhayamake padasodhanavārassa anulomavāre ‘rūpaṃ rūpakkhandho, rūpakkhandho rūpa’ntiādīni pañca yamakāni, tathā idha ‘cakkhu, cakkhāyatanaṃ; cakkhāyatanaṃ; cakkhū’tiādīni dvādasa. Paṭilomavārepi ‘na cakkhu, na cakkhāyatanaṃ; na cakkhāyatanaṃ, na cakkhū’tiādīni dvādasa , padasodhanamūlacakkavārassa panettha anulomavāre ekekāyatanamūlakāni ekādasa ekādasa katvā dvattiṃsasataṃ yamakāni. Paṭilomavārepi dvattiṃsasatameva. Suddhāyatanavārassāpi anulomavāre dvādasa, paṭilomavāre dvādasa, suddhāyatanamūlacakkavārassāpi anulomavāre ekekāyatanamūlakāni ekādasa ekādasa katvā dvattiṃsasataṃ yamakāni. Paṭilomavārepi dvattiṃsasatamevāti evamidha chasattatādhikehi pañcahi yamakasatehi, dvipaññāsādhikehi ekādasahi pucchāsatehi, caturādhikehi tevīsāya atthasatehi ca paṭimaṇḍito paṇṇattivārassa uddesavāro veditabbo.
ปณฺณตฺติอุเทฺทสวารวณฺณนาฯ
Paṇṇattiuddesavāravaṇṇanā.
๑. ปณฺณตฺตินิเทฺทสวารวณฺณนา
1. Paṇṇattiniddesavāravaṇṇanā
๑๐-๑๗. นิเทฺทสวาเร ปน เหฎฺฐา ขนฺธยมกสฺส ปณฺณตฺติวารนิเทฺทเส วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อญฺญตฺร วิเสสาฯ ตตฺรายํ วิเสโส – ทิพฺพจกฺขูติ ทุติยวิชฺชาญาณํฯ ปญฺญาจกฺขูติ ตติยวิชฺชาญาณํฯ ทิพฺพโสตนฺติ ทุติยอภิญฺญาญาณํฯ ตณฺหาโสตนฺติ ตณฺหาวฯ อวเสโส กาโยติ นามกาโย, รูปกาโย, หตฺถิกาโย, อสฺสกาโยติ เอวมาทิฯ อวเสสํ รูปนฺติ รูปายตนโต เสสํ ภูตุปาทายรูปเญฺจว ปิยรูปสาตรูปญฺจฯ สีลคโนฺธติอาทีนิ วายนเฎฺฐน สีลาทีนํเยว นามานิฯ อตฺถรโสติอาทีนิปิ สาธุมธุรเฎฺฐน อตฺถาทีนเญฺญว นามานิฯ อวเสโส ธโมฺมติ ปริยตฺติธมฺมาทิอเนกปฺปเภโทติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ
10-17. Niddesavāre pana heṭṭhā khandhayamakassa paṇṇattivāraniddese vuttanayeneva attho veditabbo. Aññatra visesā. Tatrāyaṃ viseso – dibbacakkhūti dutiyavijjāñāṇaṃ. Paññācakkhūti tatiyavijjāñāṇaṃ. Dibbasotanti dutiyaabhiññāñāṇaṃ. Taṇhāsotanti taṇhāva. Avaseso kāyoti nāmakāyo, rūpakāyo, hatthikāyo, assakāyoti evamādi. Avasesaṃ rūpanti rūpāyatanato sesaṃ bhūtupādāyarūpañceva piyarūpasātarūpañca. Sīlagandhotiādīni vāyanaṭṭhena sīlādīnaṃyeva nāmāni. Attharasotiādīnipi sādhumadhuraṭṭhena atthādīnaññeva nāmāni. Avaseso dhammoti pariyattidhammādianekappabhedoti ayamettha viseso.
ปณฺณตฺตินิเทฺทสวารวณฺณนาฯ
Paṇṇattiniddesavāravaṇṇanā.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
2. Pavattivāravaṇṇanā
๑๘-๒๑. อิธาปิ จ ปวตฺติวารสฺส อุปฺปาทวาราทีสุ ตีสุ อนฺตรวาเรสุ เอเกกสฺมิํ ฉเฬว กาลเภทาฯ เตสํ เอเกกสฺมิํ กาเล ปุคฺคลวาราทโย ตโย วาราฯ เต สเพฺพปิ อนุโลมปฎิโลมนยวเสน ทุวิธาว โหนฺติฯ ตตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ปุคฺคลวารสฺส อนุโลมนเย ยถา ขนฺธยมเก รูปกฺขนฺธมูลกานิ จตฺตาริ, เวทนากฺขนฺธมูลกานิ ตีณิ, สญฺญากฺขนฺธมูลกานิ เทฺว, สงฺขารกฺขนฺธมูลกํ เอกนฺติ อคฺคหิตคฺคหเณน ทส ยมกานิ โหนฺติฯ เอวํ ‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส โสตายตนํ อุปฺปชฺชติ; ยสฺส วา ปน โสตายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชติ; ยสฺส จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ฆาณายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, รูปายตนํ, สทฺทายตนํ, คนฺธายตนํ, รสายตนํ, โผฎฺฐพฺพายตนํ, มนายตนํ, ธมฺมายตนํ, อุปฺปชฺชติ; ยสฺส วา ปน ธมฺมายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ จกฺขายตนมูลกานิ เอกาทสฯ ‘‘ยสฺส โสตายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ฆานายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา นเยน โสตายตนมูลกานิ ทส; ฆานายตนมูลกานิ นว, ชิวฺหายตนมูลกานิ อฎฺฐ; กายายตนมูลกานิ สตฺต; รูปายตนมูลกานิ ฉ; สทฺทายตนมูลกานิ ปญฺจ; คนฺธายตนมูลกานิ จตฺตาริ; รสายตนมูลกานิ ตีณิ; โผฎฺฐพฺพายตนมูลกานิ เทฺว; มนายตนมูลกํ เอกนฺติ อคฺคหิตคฺคหเณน ฉสฎฺฐิ ยมกานิ โหนฺติฯ
18-21. Idhāpi ca pavattivārassa uppādavārādīsu tīsu antaravāresu ekekasmiṃ chaḷeva kālabhedā. Tesaṃ ekekasmiṃ kāle puggalavārādayo tayo vārā. Te sabbepi anulomapaṭilomanayavasena duvidhāva honti. Tattha paccuppannakāle puggalavārassa anulomanaye yathā khandhayamake rūpakkhandhamūlakāni cattāri, vedanākkhandhamūlakāni tīṇi, saññākkhandhamūlakāni dve, saṅkhārakkhandhamūlakaṃ ekanti aggahitaggahaṇena dasa yamakāni honti. Evaṃ ‘‘yassa cakkhāyatanaṃ uppajjati, tassa sotāyatanaṃ uppajjati; yassa vā pana sotāyatanaṃ uppajjati, tassa cakkhāyatanaṃ uppajjati; yassa cakkhāyatanaṃ uppajjati, tassa ghāṇāyatanaṃ, jivhāyatanaṃ, kāyāyatanaṃ, rūpāyatanaṃ, saddāyatanaṃ, gandhāyatanaṃ, rasāyatanaṃ, phoṭṭhabbāyatanaṃ, manāyatanaṃ, dhammāyatanaṃ, uppajjati; yassa vā pana dhammāyatanaṃ uppajjati, tassa cakkhāyatanaṃ uppajjatī’’ti evaṃ cakkhāyatanamūlakāni ekādasa. ‘‘Yassa sotāyatanaṃ uppajjati, tassa ghānāyatanaṃ uppajjatī’’tiādinā nayena sotāyatanamūlakāni dasa; ghānāyatanamūlakāni nava, jivhāyatanamūlakāni aṭṭha; kāyāyatanamūlakāni satta; rūpāyatanamūlakāni cha; saddāyatanamūlakāni pañca; gandhāyatanamūlakāni cattāri; rasāyatanamūlakāni tīṇi; phoṭṭhabbāyatanamūlakāni dve; manāyatanamūlakaṃ ekanti aggahitaggahaṇena chasaṭṭhi yamakāni honti.
ตตฺถ จกฺขายตนมูลเกสุ เอกาทสสุ ‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส โสตายตนํ, ฆานายตนํ, รูปายตนํ, มนายตนํ, ธมฺมายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติ อิมานิ ปเญฺจว วิสฺสชฺชิตานิฯ เตสุ ปฐมํ วิสฺสเชฺชตพฺพํ ตาว วิสฺสชฺชิตํฯ ทุติยํ กิญฺจาปิ ปฐเมน สทิสวิสฺสชฺชนํ, จกฺขุโสตายตนานํ ปวตฺติฎฺฐาเน ปน ฆานายตนสฺส น เอกเนฺตน ปวตฺติโต ‘‘กถํ นุ โข เอตํ วิสฺสเชฺชตพฺพ’’นฺติ วิมตินิวารณตฺถํ วิสฺสชฺชิตํฯ รูปายตนมนายตนธมฺมายตเนหิ สทฺธิํ ตีณิ ยมกานิ อสทิสวิสฺสชฺชนตฺตา วิสฺสชฺชิตานิฯ เสเสสุ ชิวฺหายตนกายายตเนหิ ตาว สทฺธิํ เทฺว ยมกานิ ปุริเมหิ ทฺวีหิ สทฺธิํ สทิสวิสฺสชฺชนานิฯ สทฺทายตนสฺส ปฎิสนฺธิกฺขเณ อนุปฺปตฺติโต เตน สทฺธิํ ยมกสฺส วิสฺสชฺชนเมว นตฺถิฯ คนฺธรสโผฎฺฐพฺพายตเนหิปิ สทฺธิํ ตีณิ ยมกานิ ปุริเมหิ ทฺวีหิ สทิสวิสฺสชฺชนาเนว โหนฺตีติ ตนฺติยา ลหุภาวตฺถํ สงฺขิตฺตานิฯ โสตายตนมูลเกสุ ยํ ลพฺภติ , ตํ ปุริเมหิ สทิสวิสฺสชฺชนเมวาติ เอกมฺปิ ปาฬิํ นารุฬฺหํฯ ฆานายตนมูลเกสุ รูปายตเนน สทฺธิํ เอกํ, มนายตนธมฺมายตเนหิ สทฺธิํ เทฺวติ ตีณิ ยมกานิ ปาฬิํ อารุฬฺหานิฯ เสสานิ ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตา นารุฬฺหานิฯ ตถา ชิวฺหายตนกายายตนมูลกานิฯ รูปายตนมูลเกสุ มนายตนธมฺมายตเนหิ สทฺธิํ เทฺวเยว วิสฺสชฺชิตานิฯ คนฺธรสโผฎฺฐเพฺพหิ ปน สทฺธิํ ตีณิ รูปายตนมนายตเนหิ สทฺธิํ สทิสวิสฺสชฺชนานิฯ ยเถว เหตฺถ ‘‘สรูปกานํ อจิตฺตกาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตถา อิธาปิ ‘‘สรูปกานํ อคนฺธกานํ, อรสกานํ อโผฎฺฐพฺพกาน’’นฺติ โยชนา เวทิตพฺพาฯ คนฺธาทีนิ เจตฺถ อายตนภูตาเนว อธิเปฺปตานิฯ ตสฺมา ‘‘สรูปกานํ สคนฺธายตนาน’’นฺติ อายตนวเสเนตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Tattha cakkhāyatanamūlakesu ekādasasu ‘‘yassa cakkhāyatanaṃ uppajjati, tassa sotāyatanaṃ, ghānāyatanaṃ, rūpāyatanaṃ, manāyatanaṃ, dhammāyatanaṃ uppajjatī’’ti imāni pañceva vissajjitāni. Tesu paṭhamaṃ vissajjetabbaṃ tāva vissajjitaṃ. Dutiyaṃ kiñcāpi paṭhamena sadisavissajjanaṃ, cakkhusotāyatanānaṃ pavattiṭṭhāne pana ghānāyatanassa na ekantena pavattito ‘‘kathaṃ nu kho etaṃ vissajjetabba’’nti vimatinivāraṇatthaṃ vissajjitaṃ. Rūpāyatanamanāyatanadhammāyatanehi saddhiṃ tīṇi yamakāni asadisavissajjanattā vissajjitāni. Sesesu jivhāyatanakāyāyatanehi tāva saddhiṃ dve yamakāni purimehi dvīhi saddhiṃ sadisavissajjanāni. Saddāyatanassa paṭisandhikkhaṇe anuppattito tena saddhiṃ yamakassa vissajjanameva natthi. Gandharasaphoṭṭhabbāyatanehipi saddhiṃ tīṇi yamakāni purimehi dvīhi sadisavissajjanāneva hontīti tantiyā lahubhāvatthaṃ saṅkhittāni. Sotāyatanamūlakesu yaṃ labbhati , taṃ purimehi sadisavissajjanamevāti ekampi pāḷiṃ nāruḷhaṃ. Ghānāyatanamūlakesu rūpāyatanena saddhiṃ ekaṃ, manāyatanadhammāyatanehi saddhiṃ dveti tīṇi yamakāni pāḷiṃ āruḷhāni. Sesāni ghānāyatanayamakena sadisavissajjanattā nāruḷhāni. Tathā jivhāyatanakāyāyatanamūlakāni. Rūpāyatanamūlakesu manāyatanadhammāyatanehi saddhiṃ dveyeva vissajjitāni. Gandharasaphoṭṭhabbehi pana saddhiṃ tīṇi rūpāyatanamanāyatanehi saddhiṃ sadisavissajjanāni. Yatheva hettha ‘‘sarūpakānaṃ acittakāna’’ntiādi vuttaṃ, tathā idhāpi ‘‘sarūpakānaṃ agandhakānaṃ, arasakānaṃ aphoṭṭhabbakāna’’nti yojanā veditabbā. Gandhādīni cettha āyatanabhūtāneva adhippetāni. Tasmā ‘‘sarūpakānaṃ sagandhāyatanāna’’nti āyatanavasenettha attho daṭṭhabbo.
สทฺทายตนมูลกานิ อตฺถาภาวโต ปาฬิํ นารุฬฺหาเนวฯ คนฺธรสโผฎฺฐพฺพมูลกานิ จตฺตาริ ตีณิ เทฺว จ เหฎฺฐิเมหิ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตา ปาฬิํ นารุฬฺหานิฯ มนายตนมูลกํ วิสฺสชฺชิตเมวาติ เอวเมตานิ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ปุคฺคลวารสฺส อนุโลมนเย กติปยยมกวิสฺสชฺชเนเนว ฉสฎฺฐิยมกานิ วิสฺสชฺชิตานิ นาม โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิฯ ยถา จ ปุคฺคลวาเร, เอวํ โอกาสวาเรปิ ปุคฺคโลกาสวาเรปิ ฉสฎฺฐีติ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ตีสุ วาเรสุ อนุโลมนเย อฎฺฐนวุติสตํ ยมกานิ โหนฺติฯ ยถา จ อนุโลมนเย, เอวํ ปฎิโลมนเยปีติ สพฺพานิปิ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล ฉนฺนวุตาธิกานิ ตีณิ ยมกสตานิ โหนฺติฯ เตสุ ทฺวานวุตาธิกานิ สตฺต ปุจฺฉาสตานิ, จตุราสีตาธิกานิ จ ปนฺนรส อตฺถสตานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิฯ เอวํ เสเสสุปิ ปญฺจสุ กาลเภเทสูติ สพฺพานิปิ ฉสตฺตตาธิกานิ เตวีสติ ยมกสตานิฯ ตโต ทิคุณา ปุจฺฉา, ตโต ทิคุณา อตฺถาติ อิทเมตฺถ อุปฺปาทวาเร ปาฬิววตฺถานํฯ นิโรธวารอุปฺปาทนิโรธวาเรสุปิ เอเสว นโยติฯ สพฺพสฺมิมฺปิ ปวตฺติวาเร อฎฺฐวีสานิ เอกสตฺตติ ยมกสตานิฯ ตโต ทิคุณา ปุจฺฉา, ตโต ทิคุณา อตฺถา เวทิตพฺพาฯ ปาฬิ ปน มนายตนํ ธมฺมายตนญฺจ เอกสทิสํ, นานํ นตฺถิฯ อุปริ ปน ‘‘วารสเงฺขโป โหตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สงฺขิตฺตาฯ ตสฺมา ยํ ตตฺถ ตตฺถ สงฺขิตฺตํ, ตํ สพฺพํ อสมฺมุยฺหเนฺตหิ สลฺลเกฺขตพฺพํฯ
Saddāyatanamūlakāni atthābhāvato pāḷiṃ nāruḷhāneva. Gandharasaphoṭṭhabbamūlakāni cattāri tīṇi dve ca heṭṭhimehi sadisavissajjanattā pāḷiṃ nāruḷhāni. Manāyatanamūlakaṃ vissajjitamevāti evametāni paccuppannakāle puggalavārassa anulomanaye katipayayamakavissajjaneneva chasaṭṭhiyamakāni vissajjitāni nāma hontīti veditabbāni. Yathā ca puggalavāre, evaṃ okāsavārepi puggalokāsavārepi chasaṭṭhīti paccuppannakāle tīsu vāresu anulomanaye aṭṭhanavutisataṃ yamakāni honti. Yathā ca anulomanaye, evaṃ paṭilomanayepīti sabbānipi paccuppannakāle channavutādhikāni tīṇi yamakasatāni honti. Tesu dvānavutādhikāni satta pucchāsatāni, caturāsītādhikāni ca pannarasa atthasatāni hontīti veditabbāni. Evaṃ sesesupi pañcasu kālabhedesūti sabbānipi chasattatādhikāni tevīsati yamakasatāni. Tato diguṇā pucchā, tato diguṇā atthāti idamettha uppādavāre pāḷivavatthānaṃ. Nirodhavārauppādanirodhavāresupi eseva nayoti. Sabbasmimpi pavattivāre aṭṭhavīsāni ekasattati yamakasatāni. Tato diguṇā pucchā, tato diguṇā atthā veditabbā. Pāḷi pana manāyatanaṃ dhammāyatanañca ekasadisaṃ, nānaṃ natthi. Upari pana ‘‘vārasaṅkhepo hotī’’tiādīni vatvā tattha tattha saṅkhittā. Tasmā yaṃ tattha tattha saṅkhittaṃ, taṃ sabbaṃ asammuyhantehi sallakkhetabbaṃ.
อตฺถวินิจฺฉเย ปเนตฺถ อิทํ นยมุขํฯ สจกฺขุกานํ อโสตกานนฺติ อปาเย ชาติพธิรโอปปาติกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ โส หิ สจกฺขุโก อโสตโก หุตฺวา อุปปชฺชติฯ ยถาห – ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ ปาตุภวนฺติฯ โอปปาติกานํ เปตานํ , โอปปาติกานํ อสุรานํ, โอปปาติกานํ ติรจฺฉานคตานํ, โอปปาติกานํ เนรยิกานํ; ชจฺจพธิรานํ อุปปตฺติกฺขเณ ทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, จกฺขายตนํ รูปฆานคนฺธชิวฺหารสกายโผฎฺฐพฺพายตนํ มนายตนํ ธมฺมายตน’’นฺติฯ สจกฺขุกานํ สโสตกานนฺติ สุคติทุคฺคตีสุ ปริปุณฺณายตเน จ โอปปาติเก รูปีพฺรหฺมาโน จ สนฺธาย วุตฺตํฯ เต หิ สจกฺขุกา สโสตกา หุตฺวา อุปปชฺชนฺติฯ ยถาห – ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ; กามาวจรานํ เทวานํ, ปฐมกปฺปิกานํ มนุสฺสานํ, โอปปาติกานํ เปตานํ, โอปปาติกานํ อสุรานํ, โอปปาติกานํ ติรจฺฉานคตานํ, โอปปาติกานํ เนรยิกานํ, ปริปุณฺณายตนานํฯ รูปธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ ปญฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติ, จกฺขายตนํ รูปโสตมนายตนํ ธมฺมายตน’’นฺติฯ
Atthavinicchaye panettha idaṃ nayamukhaṃ. Sacakkhukānaṃ asotakānanti apāye jātibadhiraopapātikaṃ sandhāya vuttaṃ. So hi sacakkhuko asotako hutvā upapajjati. Yathāha – ‘‘kāmadhātuyā upapattikkhaṇe kassaci aparāni dasāyatanāni pātubhavanti. Opapātikānaṃ petānaṃ , opapātikānaṃ asurānaṃ, opapātikānaṃ tiracchānagatānaṃ, opapātikānaṃ nerayikānaṃ; jaccabadhirānaṃ upapattikkhaṇe dasāyatanāni pātubhavanti, cakkhāyatanaṃ rūpaghānagandhajivhārasakāyaphoṭṭhabbāyatanaṃ manāyatanaṃ dhammāyatana’’nti. Sacakkhukānaṃ sasotakānanti sugatiduggatīsu paripuṇṇāyatane ca opapātike rūpībrahmāno ca sandhāya vuttaṃ. Te hi sacakkhukā sasotakā hutvā upapajjanti. Yathāha – ‘‘kāmadhātuyā upapattikkhaṇe kassaci ekādasāyatanāni pātubhavanti; kāmāvacarānaṃ devānaṃ, paṭhamakappikānaṃ manussānaṃ, opapātikānaṃ petānaṃ, opapātikānaṃ asurānaṃ, opapātikānaṃ tiracchānagatānaṃ, opapātikānaṃ nerayikānaṃ, paripuṇṇāyatanānaṃ. Rūpadhātuyā upapattikkhaṇe pañcāyatanāni pātubhavanti, cakkhāyatanaṃ rūpasotamanāyatanaṃ dhammāyatana’’nti.
อฆานกานนฺติ พฺรหฺมปาริสชฺชาทโย สนฺธาย วุตฺตํฯ เต หิ สจกฺขุกา อฆานกา หุตฺวา อุปปชฺชนฺติฯ กามธาตุยํ ปน อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิฯ ยทิ ภเวยฺย ‘‘กสฺสจิ อฎฺฐายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ เวทยฺยฯ โย คพฺภเสยฺยโก ปน อฆานโก สิยา, โส ‘‘สจกฺขุกาน’’นฺติ วจนโต อิธ อนธิเปฺปโตฯ สจกฺขุกานํ สฆานกานนฺติ ชจฺจพธิรมฺปิ ปริปุณฺณายตนมฺปิ โอปปาติกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สฆานกานํ อจกฺขุกานนฺติ ชจฺจนฺธมฺปิ ชจฺจพธิรมฺปิ โอปปาติกํ สนฺธาย วุตฺตเมวฯ สฆานกานํ สจกฺขุกานนฺติ ปริปุณฺณายตนเมว โอปปาติกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Aghānakānanti brahmapārisajjādayo sandhāya vuttaṃ. Te hi sacakkhukā aghānakā hutvā upapajjanti. Kāmadhātuyaṃ pana aghānako opapātiko natthi. Yadi bhaveyya ‘‘kassaci aṭṭhāyatanāni pātubhavantī’’ti vedayya. Yo gabbhaseyyako pana aghānako siyā, so ‘‘sacakkhukāna’’nti vacanato idha anadhippeto. Sacakkhukānaṃ saghānakānanti jaccabadhirampi paripuṇṇāyatanampi opapātikaṃ sandhāya vuttaṃ. Saghānakānaṃ acakkhukānanti jaccandhampi jaccabadhirampi opapātikaṃ sandhāya vuttameva. Saghānakānaṃ sacakkhukānanti paripuṇṇāyatanameva opapātikaṃ sandhāya vuttaṃ.
สรูปกานํ อจกฺขุกานนฺติ เอตฺถ ชจฺจนฺธชจฺจพธิรโอปปาติเกสุ อญฺญตโรปิ คพฺภเสยฺยโกปิ ลพฺภติเยวฯ สจิตฺตกานํ อจกฺขุกานนฺติ เอตฺถ เหฎฺฐา วุเตฺตหิ ชจฺจนฺธาทีหิ ตีหิ สทฺธิํ อรูปิโนปิ ลพฺภนฺติฯ อจกฺขุกานนฺติ เอตฺถ ปุริมปเท วุเตฺตหิ จตูหิ สทฺธิํ อสญฺญสตฺตาปิ ลพฺภนฺติฯ สรูปกานํ อฆานกานนฺติ เอตฺถ คพฺภเสยฺยกา จ อสญฺญสตฺตา จ เสสรูปีพฺรหฺมาโน จ ลพฺภนฺติฯ สจิตฺตกานํ อฆานกานนฺติ เอตฺถ คพฺภเสยฺยกา จ รูปารูปพฺรหฺมาโน จ ลพฺภนฺติฯ อจิตฺตกานํ อรูปกานนฺติปเทสุ ปน เอกโวการจตุโวการสตฺตาว ลพฺภนฺตีติ อิมินา นเยน สเพฺพสุ ปุคฺคลวาเรสุ ปุคฺคลวิภาโค เวทิตโพฺพฯ
Sarūpakānaṃ acakkhukānanti ettha jaccandhajaccabadhiraopapātikesu aññataropi gabbhaseyyakopi labbhatiyeva. Sacittakānaṃ acakkhukānanti ettha heṭṭhā vuttehi jaccandhādīhi tīhi saddhiṃ arūpinopi labbhanti. Acakkhukānanti ettha purimapade vuttehi catūhi saddhiṃ asaññasattāpi labbhanti. Sarūpakānaṃ aghānakānanti ettha gabbhaseyyakā ca asaññasattā ca sesarūpībrahmāno ca labbhanti. Sacittakānaṃ aghānakānanti ettha gabbhaseyyakā ca rūpārūpabrahmāno ca labbhanti. Acittakānaṃ arūpakānantipadesu pana ekavokāracatuvokārasattāva labbhantīti iminā nayena sabbesu puggalavāresu puggalavibhāgo veditabbo.
๒๒-๒๕๔. โอกาสวาเร ยตฺถ จกฺขายตนนฺติ รูปีพฺรหฺมโลกํ ปุจฺฉติฯ เตเนว อามนฺตาติ วุตฺตํ ฯ ตสฺมิญฺหิ ตเล นิยมโต ตานิ อายตนานิ ปฎิสนฺธิยํ อุปฺปชฺชนฺติฯ อิทเมตฺถ นยมุขํฯ อิมินา นยมุเขน สกเลปิ ปวตฺติวาเร อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปริญฺญาวาโร ขนฺธยมเก วุตฺตนโยเยวาติฯ
22-254. Okāsavāre yattha cakkhāyatananti rūpībrahmalokaṃ pucchati. Teneva āmantāti vuttaṃ . Tasmiñhi tale niyamato tāni āyatanāni paṭisandhiyaṃ uppajjanti. Idamettha nayamukhaṃ. Iminā nayamukhena sakalepi pavattivāre attho veditabbo. Pariññāvāro khandhayamake vuttanayoyevāti.
ปวตฺติวารวณฺณนาฯ
Pavattivāravaṇṇanā.
อายตนยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āyatanayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๓. อายตนยมกํ • 3. Āyatanayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๓. อายตนยมกํ • 3. Āyatanayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๓. อายตนยมกํ • 3. Āyatanayamakaṃ