Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
๓. อายตนยมกํ
3. Āyatanayamakaṃ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
1. Paṇṇattivāro
อุเทฺทสวารวณฺณนา
Uddesavāravaṇṇanā
๑-๙. อายตนยมกาทีสุ จ ปณฺณตฺติวาเร ปทโสธนวาราทีนํ วจเน การณํ ขนฺธยมเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ‘‘เอกาทส เอกาทส กตฺวา เตตฺติํสสตํ ยมกานี’’ติอาทินา เกสุจิ โปตฺถเกสุ คณนา ลิขิตา, สา ตถา น โหติฯ ‘‘ทฺวตฺติํสสต’’นฺติอาทินา อญฺญตฺถ ลิขิตาฯ
1-9. Āyatanayamakādīsu ca paṇṇattivāre padasodhanavārādīnaṃ vacane kāraṇaṃ khandhayamake vuttanayeneva veditabbaṃ. ‘‘Ekādasa ekādasa katvā tettiṃsasataṃ yamakānī’’tiādinā kesuci potthakesu gaṇanā likhitā, sā tathā na hoti. ‘‘Dvattiṃsasata’’ntiādinā aññattha likhitā.
อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
นิเทฺทสวารวณฺณนา
Niddesavāravaṇṇanā
๑๐-๑๗. วายนเฎฺฐนาติ ปสารณเฎฺฐน, ปากฎภาวเฎฺฐน วาฯ ‘‘กาโย ธโมฺม’’ติ จ วุจฺจมานํ สพฺพํ สสภาวํ อายตนเมวาติ ‘‘กาโย อายตน’’นฺติ, ‘‘ธโมฺม อายตน’’นฺติ จ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํฯ กายวจเนน ปน ธมฺมวจเนน จ อวุจฺจมานํ กญฺจิ สสภาวํ นตฺถีติ ‘‘น กาโย นายตนํ, น ธโมฺม นายตน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ
10-17. Vāyanaṭṭhenāti pasāraṇaṭṭhena, pākaṭabhāvaṭṭhena vā. ‘‘Kāyo dhammo’’ti ca vuccamānaṃ sabbaṃ sasabhāvaṃ āyatanamevāti ‘‘kāyo āyatana’’nti, ‘‘dhammo āyatana’’nti ca ettha ‘‘āmantā’’ti vuttaṃ. Kāyavacanena pana dhammavacanena ca avuccamānaṃ kañci sasabhāvaṃ natthīti ‘‘na kāyo nāyatanaṃ, na dhammo nāyatana’’nti ettha ‘‘āmantā’’icceva vuttaṃ.
นิเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Niddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. ปวตฺติวาโร
2. Pavattivāro
๑. อุปฺปาทวารวณฺณนา
1. Uppādavāravaṇṇanā
๑๘-๒๑. ปวตฺติวาเร จกฺขายตนมูลกานิ เอกาทสาติ ปฎิสนฺธิจุติวเสน อุปาทินฺนปวตฺตสฺส อุปฺปาทนิโรธวจเน เอตสฺมิํ อลพฺภมานวิสฺสชฺชนมฺปิ สทฺทายตเนน สทฺธิํ ยมกํ ปุจฺฉามตฺตลาเภน สงฺคณฺหิตฺวา วทตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ ฉสฎฺฐิ ยมกานีติ เอตฺถ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายรูปายตนมูลเกสุ เอเกกํ สทฺทายตนมูลกานิ ปญฺจาติ เอกาทส ยมกานิ วิสฺสชฺชนวเสน หาเปตพฺพานิฯ วกฺขติ หิ ‘‘สทฺทายตนสฺส ปฎิสนฺธิกฺขเณ อนุปฺปตฺติโต เตน สทฺธิํ ยมกสฺส วิสฺสชฺชนเมว นตฺถี’’ติ (ยม. อฎฺฐ. อายตนยมก ๑๘-๒๑)ฯ
18-21. Pavattivāre cakkhāyatanamūlakāni ekādasāti paṭisandhicutivasena upādinnapavattassa uppādanirodhavacane etasmiṃ alabbhamānavissajjanampi saddāyatanena saddhiṃ yamakaṃ pucchāmattalābhena saṅgaṇhitvā vadatīti daṭṭhabbaṃ. Chasaṭṭhi yamakānīti ettha cakkhusotaghānajivhākāyarūpāyatanamūlakesu ekekaṃ saddāyatanamūlakāni pañcāti ekādasa yamakāni vissajjanavasena hāpetabbāni. Vakkhati hi ‘‘saddāyatanassa paṭisandhikkhaṇe anuppattito tena saddhiṃ yamakassa vissajjanameva natthī’’ti (yama. aṭṭha. āyatanayamaka 18-21).
ทุติยํ กิญฺจาปิ ปฐเมน สทิสวิสฺสชฺชนนฺติอาทิ ปุคฺคลวารเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ โอกาสวาเร ปน อสทิสวิสฺสชฺชนตฺตา วุตฺตํ, น ตํ สพฺพตฺถ สทิสวิสฺสชฺชนนฺติ ญาเปตุํ ปุคฺคลวาเรปิ วิสฺสชฺชิตนฺติฯ คนฺธรสโผฎฺฐพฺพายตเนหิ สทฺธิํ ตีณิ ยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานีติ รูปาวจรสเตฺต สนฺธาย ‘‘สจกฺขุกานํ อคนฺธกาน’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชิตพฺพตฺตา วุตฺตํฯ เตสญฺหิ วิรตฺตกามกมฺมนิพฺพตฺตสฺส ปฎิสนฺธิพีชสฺส เอวํสภาวตฺตา ฆานาทีนิ คนฺธาทโย จ น สนฺตีติฯ ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ จกฺขายตนมูลเกสุ ฆานายตนยมเกน สทฺธิํ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ อโตฺถฯ นนุ ตตฺถ ‘‘สจกฺขุกานํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชนํ ปวตฺตํ, อิธ ปน ฆานายตนมูลเกสุ ‘‘ยสฺส ฆานายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ชิวฺหายตนํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพนฺติ นตฺถิ สทิสวิสฺสชฺชนตาติ? สจฺจํ, ยถา ปน ตตฺถ ฆานายตนยมเกน ชิวฺหากายายตนยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานิ, เอวมิธาปิ ชิวฺหากอายายตนยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานิ, ตสฺมา ตตฺถ ตเตฺถว สทิสวิสฺสชฺชนตา ปาฬิยํ อนารุฬฺหตาย การณนฺติฯ นิทสฺสนภาเวน ปน คหิตํ จกฺขายตนมูลกานํ สทิสวิสฺสชฺชนกานํ สทิสวิสฺสชฺชนํ นิทสฺสนภาเวเนว การณนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตา’’ติ อาหฯ สทิสวิสฺสชฺชนตา เจตฺถ ฆานายตนมูลเกสุ เยภุยฺยตาย ทฎฺฐพฺพาฯ เตสุ หิ ชิวฺหากายายตนยมเกสุ ติณฺณํ ปุจฺฉานํ ‘‘อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพํ , ปจฺฉิมปุจฺฉาย ‘‘สกายกานํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทินาติฯ
Dutiyaṃ kiñcāpi paṭhamena sadisavissajjanantiādi puggalavārameva sandhāya vuttanti daṭṭhabbaṃ. Okāsavāre pana asadisavissajjanattā vuttaṃ, na taṃ sabbattha sadisavissajjananti ñāpetuṃ puggalavārepi vissajjitanti. Gandharasaphoṭṭhabbāyatanehi saddhiṃ tīṇi yamakāni sadisavissajjanānīti rūpāvacarasatte sandhāya ‘‘sacakkhukānaṃ agandhakāna’’ntiādinā vissajjitabbattā vuttaṃ. Tesañhi virattakāmakammanibbattassa paṭisandhibījassa evaṃsabhāvattā ghānādīni gandhādayo ca na santīti. Ghānāyatanayamakena sadisavissajjanattāti cakkhāyatanamūlakesu ghānāyatanayamakena saddhiṃ sadisavissajjanattāti attho. Nanu tattha ‘‘sacakkhukānaṃ aghānakānaṃ upapajjantāna’’ntiādinā vissajjanaṃ pavattaṃ, idha pana ghānāyatanamūlakesu ‘‘yassa ghānāyatanaṃ uppajjati, tassa jivhāyatanaṃ uppajjatīti? Āmantā’’ti vissajjanena bhavitabbanti natthi sadisavissajjanatāti? Saccaṃ, yathā pana tattha ghānāyatanayamakena jivhākāyāyatanayamakāni sadisavissajjanāni, evamidhāpi jivhākaāyāyatanayamakāni sadisavissajjanāni, tasmā tattha tattheva sadisavissajjanatā pāḷiyaṃ anāruḷhatāya kāraṇanti. Nidassanabhāvena pana gahitaṃ cakkhāyatanamūlakānaṃ sadisavissajjanakānaṃ sadisavissajjanaṃ nidassanabhāveneva kāraṇanti dassento ‘‘ghānāyatanayamakena sadisavissajjanattā’’ti āha. Sadisavissajjanatā cettha ghānāyatanamūlakesu yebhuyyatāya daṭṭhabbā. Tesu hi jivhākāyāyatanayamakesu tiṇṇaṃ pucchānaṃ ‘‘āmantā’’ti vissajjanena bhavitabbaṃ , pacchimapucchāya ‘‘sakāyakānaṃ aghānakānaṃ upapajjantāna’’ntiādināti.
อถ วา ยถา เวทนากฺขนฺธาทิมูลกานํ สญฺญากฺขนฺธาทิยมกานํ อมิสฺสกกาลเภเทสุ ตีสุ ‘‘อามนฺตา’’ติ ปฎิวจนวิสฺสชฺชเนน ยถาวุตฺตวจนสฺส วิสฺสชฺชนภาวานุชานนํ กตฺตพฺพนฺติ อปุพฺพสฺส วตฺตพฺพสฺส อภาวา วิสฺสชฺชนํ น กตํ, เอวมิธาปิ ฆานายตนมูลกํ ชิวฺหายตนยมกํ อปุพฺพสฺส วตฺตพฺพสฺส อภาวา ปาฬิํ อนารุฬฺหนฺติ ปากโฎยมโตฺถฯ กายายตนยมกํ ปน ทุติยปุจฺฉาย วเสน วิสฺสชฺชิตพฺพํ สิยา, สา จ จกฺขายตนมูลเกสุ ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนา, ตสฺมา ยสฺสา ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนา กาตพฺพา, ตสฺสา ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตา ตํเสสานิ ปาฬิํ อนารุฬฺหานีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ตถาติ อิทํ ปาฬิอนารุฬฺหตาสามเญฺญเนว วุตฺตํ, น การณสามเญฺญนฯ ฆานชิวฺหากายายตนานํ ปน อคพฺภเสยฺยเกสุ ปวตฺตมานานํ คพฺภเสยฺยเกสุ จ อายตนปาริปูริกาเล สหจาริตาย อวิเสสตฺตา จ อปฺปวิเสสตฺตา จ เอกสฺมิํ ฆานายตนยมเก วิสฺสชฺชิเต อิตรานิ เทฺว, ฆานายตนมูลเกสุ จ วิสฺสชฺชิเตสุ อิตรทฺวยมูลกานิ น วิสฺสชฺชียนฺตีติ เวทิตพฺพานิฯ รูปายตนมนายตเนหิ สทฺธินฺติ ‘‘ยสฺส รูปายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส มนายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอติสฺสา ปุจฺฉาย วุเตฺตหิ รูปายตนมนายตเนหิ สทฺธินฺติ อธิปฺปาโยฯ รูปายตนมูลเกสุ หิ มนายตนยมเก อาทิปุจฺฉาย คนฺธรสโผฎฺฐพฺพยมเกสุ อาทิปุจฺฉานํ สทิสวิสฺสชฺชนตา ยมกานํ อวิสฺสชฺชเน การณภาเวน วุตฺตาฯ ทุติยปุจฺฉานญฺหิ ปฎิวจนวิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพนฺติ ปุเพฺพ วุตฺตนเยน วิสฺสชฺชนํ น กาตพฺพํ, อาทิปุจฺฉานญฺจ น กาตพฺพนฺติฯ
Atha vā yathā vedanākkhandhādimūlakānaṃ saññākkhandhādiyamakānaṃ amissakakālabhedesu tīsu ‘‘āmantā’’ti paṭivacanavissajjanena yathāvuttavacanassa vissajjanabhāvānujānanaṃ kattabbanti apubbassa vattabbassa abhāvā vissajjanaṃ na kataṃ, evamidhāpi ghānāyatanamūlakaṃ jivhāyatanayamakaṃ apubbassa vattabbassa abhāvā pāḷiṃ anāruḷhanti pākaṭoyamattho. Kāyāyatanayamakaṃ pana dutiyapucchāya vasena vissajjitabbaṃ siyā, sā ca cakkhāyatanamūlakesu ghānāyatanayamakena sadisavissajjanā, tasmā yassā pucchāya vissajjanā kātabbā, tassā ghānāyatanayamakena sadisavissajjanattā taṃsesāni pāḷiṃ anāruḷhānīti evamettha attho daṭṭhabbo. Tathāti idaṃ pāḷianāruḷhatāsāmaññeneva vuttaṃ, na kāraṇasāmaññena. Ghānajivhākāyāyatanānaṃ pana agabbhaseyyakesu pavattamānānaṃ gabbhaseyyakesu ca āyatanapāripūrikāle sahacāritāya avisesattā ca appavisesattā ca ekasmiṃ ghānāyatanayamake vissajjite itarāni dve, ghānāyatanamūlakesu ca vissajjitesu itaradvayamūlakāni na vissajjīyantīti veditabbāni. Rūpāyatanamanāyatanehi saddhinti ‘‘yassa rūpāyatanaṃ uppajjati, tassa manāyatanaṃ uppajjatī’’ti etissā pucchāya vuttehi rūpāyatanamanāyatanehi saddhinti adhippāyo. Rūpāyatanamūlakesu hi manāyatanayamake ādipucchāya gandharasaphoṭṭhabbayamakesu ādipucchānaṃ sadisavissajjanatā yamakānaṃ avissajjane kāraṇabhāvena vuttā. Dutiyapucchānañhi paṭivacanavissajjanena bhavitabbanti pubbe vuttanayena vissajjanaṃ na kātabbaṃ, ādipucchānañca na kātabbanti.
เหฎฺฐิเมหิ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ เอตฺถ คนฺธายตนมูลกานํ รสโผฎฺฐพฺพยมกานํ รสายตนมูลกสฺส จ โผฎฺฐพฺพยมกสฺส ปฎิวจนวิสฺสชฺชเนเนว ภวิตพฺพนฺติ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว วิสฺสชฺชนํ น กาตพฺพนฺติ เยสํ กาตพฺพํ, เตสํ คนฺธรสโผฎฺฐพฺพมูลกานํ มนายตนธมฺมายตนยมกานํ จกฺขาทิปญฺจายตนมูลเกหิ มนายตนธมฺมายตนยมเกหิ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ อโตฺถฯ จกฺขายตนาทิมูลกานิ สทฺทายตนยมกานิ สทฺทายตนมูลกานิ สพฺพานิ อวิสฺสชฺชเนเนว อลพฺภมานวิสฺสชฺชนตาทสฺสเนน วิสฺสชฺชิตานิ นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘ฉสฎฺฐิ ยมกานิ วิสฺสชฺชิตานิ นาม โหนฺตี’’ติฯ
Heṭṭhimehi sadisavissajjanattāti ettha gandhāyatanamūlakānaṃ rasaphoṭṭhabbayamakānaṃ rasāyatanamūlakassa ca phoṭṭhabbayamakassa paṭivacanavissajjaneneva bhavitabbanti pubbe vuttanayeneva vissajjanaṃ na kātabbanti yesaṃ kātabbaṃ, tesaṃ gandharasaphoṭṭhabbamūlakānaṃ manāyatanadhammāyatanayamakānaṃ cakkhādipañcāyatanamūlakehi manāyatanadhammāyatanayamakehi sadisavissajjanattāti attho. Cakkhāyatanādimūlakāni saddāyatanayamakāni saddāyatanamūlakāni sabbāni avissajjaneneva alabbhamānavissajjanatādassanena vissajjitāni nāma hontīti āha ‘‘chasaṭṭhi yamakāni vissajjitāni nāma hontī’’ti.
ชจฺจนฺธมฺปิ ชจฺจพธิรมฺปีติ เอตฺถ จ ชจฺจพธิรคฺคหเณน ชจฺจนฺธพธิโร คหิโตติ เวทิตโพฺพฯ สฆานกานํ สจกฺขุกานนฺติ ปริปุณฺณายตนเมว โอปปาติกํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอตฺถ เอว-สทฺทํ วุตฺตนฺติ-เอตสฺส ปรโต โยเชตฺวา ยถา ‘‘สฆานกานํ อจกฺขุกาน’’นฺติ อิทํ อปริปุณฺณายตนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เอวํ ‘‘สฆานกานํ สจกฺขุกาน’’นฺติ เอตํฯ เอตํ ปน ปริปุณฺณายตนํ สนฺธาย วุตฺตเมวาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เตน ชจฺจพธิรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตตา น วาริตา โหตีติฯ
Jaccandhampi jaccabadhirampīti ettha ca jaccabadhiraggahaṇena jaccandhabadhiro gahitoti veditabbo. Saghānakānaṃ sacakkhukānanti paripuṇṇāyatanameva opapātikaṃ sandhāya vuttanti ettha eva-saddaṃ vuttanti-etassa parato yojetvā yathā ‘‘saghānakānaṃ acakkhukāna’’nti idaṃ aparipuṇṇāyatanaṃ sandhāya vuttaṃ, na evaṃ ‘‘saghānakānaṃ sacakkhukāna’’nti etaṃ. Etaṃ pana paripuṇṇāyatanaṃ sandhāya vuttamevāti attho daṭṭhabbo. Tena jaccabadhirampi sandhāya vuttatā na vāritā hotīti.
๒๒-๒๕๔. ยตฺถ จกฺขายตนนฺติ รูปีพฺรหฺมโลกํ ปุจฺฉตีติ นิยมโต ตตฺถ จกฺขุโสตานํ สหุปฺปตฺติมตฺตํ ปสฺสโนฺต วทติ, โอกาสวาเร ปน ตสฺมิํ ปุคฺคลสฺส อนามฎฺฐตฺตา ยตฺถ กามธาตุยํ รูปธาตุยญฺจ จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ โสตายตนมฺปิ เอกเนฺตน อุปฺปชฺชตีติ ‘‘อามนฺตา’’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๒๒) วุตฺตํฯ
22-254. Yattha cakkhāyatananti rūpībrahmalokaṃ pucchatīti niyamato tattha cakkhusotānaṃ sahuppattimattaṃ passanto vadati, okāsavāre pana tasmiṃ puggalassa anāmaṭṭhattā yattha kāmadhātuyaṃ rūpadhātuyañca cakkhāyatanaṃ uppajjati, tattha sotāyatanampi ekantena uppajjatīti ‘‘āmantā’’ti (yama. 1.āyatanayamaka.22) vuttaṃ.
‘‘ยสฺส วา ปน รูปายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ กสฺมา ปฎิญฺญาตํ, นนุ โย คพฺภเสยฺยกภาวํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, ตสฺส รูปายตนํ ปฎิสนฺธิยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, น ปน จกฺขายตนนฺติ? ยสฺส รูปายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส ตทวตฺถสฺส ปุคฺคลสฺส รูปายตนุปฺปาทโต อุทฺธํ จกฺขายตนสนฺตานุปฺปาทสฺส ปวตฺติยมฺปิ ภวิสฺสนฺตสฺส ปฎิญฺญาตพฺพตฺตาฯ อถ กสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน รูปายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ ปฎิญฺญาตํ, นนุ คพฺภเสยฺยกสฺส ปจฺฉิมภวิกสฺส อุปปชฺชนฺตสฺส เอกาทสมสตฺตาหา โอรโต ฐิตสฺส รูปายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ โน จ จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? ตสฺมิํ ภเว ภวิสฺสนฺตสฺส อุปฺปาทสฺส อนาคตภาเวน อวจนโตฯ ภวนฺตเร หิ ตสฺส ตสฺส อายตนสนฺตานสฺส โย อาทิอุปฺปาโท ปฎิสนฺธิยํ ปวเตฺต จ ภวิสฺสติ, โส อนาคตุปฺปาโท ตพฺภาเวน วุจฺจติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนานโนฺตคธตฺตาฯ น ปน โย ตสฺมิํเยว ภเว ปวเตฺต ภวิสฺสติ, โส อนาคตุปฺปาทภาเวน วุจฺจติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนโนฺตคธตฺตาฯ อทฺธาวเสน เหตฺถ กมฺมชปวตฺตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนาทิกาลเภโท อธิเปฺปโตฯ เอวญฺจ กตฺวา อินฺทฺริยยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๓๖๘) ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ , ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? ปจฺฉิมภวิกานํ อิตฺถีนํ อุปปชฺชนฺตีนํ, ยา จ อิตฺถิโย รูปาวจรํ อรูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, ยา จ อิตฺถิโย เอเตเนว ภาเวน กติจิ ภเว ทเสฺสตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, ตาสํ อุปปชฺชนฺตีนํ ตาสํ อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, โน จ ตาสํ ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ น หิ ตาสํ สพฺพาสํ ตสฺมิํ ภเว ปวเตฺต ปุริสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสติ ลิงฺคปริวตฺตนสพฺภาวา, ภวนฺตเร ปน อาทิอุปฺปาทสฺส อภาวํ สนฺธาย ‘‘โน จ ตาสํ ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ ภวนฺตเร หิ อาทิอุปฺปาทสฺส อนาคตตฺตํ อธิเปฺปตนฺติฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘กติจิ ภเว ทเสฺสตฺวา’’ติ ภวคฺคหณํ กตนฺติฯ
‘‘Yassa vā pana rūpāyatanaṃ uppajjissati, tassa cakkhāyatanaṃ uppajjissatīti? Āmantā’’ti kasmā paṭiññātaṃ, nanu yo gabbhaseyyakabhāvaṃ gantvā parinibbāyissati, tassa rūpāyatanaṃ paṭisandhiyaṃ uppajjissati, na pana cakkhāyatananti? Yassa rūpāyatanaṃ uppajjissati, tassa tadavatthassa puggalassa rūpāyatanuppādato uddhaṃ cakkhāyatanasantānuppādassa pavattiyampi bhavissantassa paṭiññātabbattā. Atha kasmā ‘‘yassa vā pana rūpāyatanaṃ nuppajjissati, tassa cakkhāyatanaṃ nuppajjissatīti? Āmantā’’ti paṭiññātaṃ, nanu gabbhaseyyakassa pacchimabhavikassa upapajjantassa ekādasamasattāhā orato ṭhitassa rūpāyatanaṃ nuppajjissati no ca cakkhāyatanaṃ nuppajjissatīti? Tasmiṃ bhave bhavissantassa uppādassa anāgatabhāvena avacanato. Bhavantare hi tassa tassa āyatanasantānassa yo ādiuppādo paṭisandhiyaṃ pavatte ca bhavissati, so anāgatuppādo tabbhāvena vuccati addhāpaccuppannānantogadhattā. Na pana yo tasmiṃyeva bhave pavatte bhavissati, so anāgatuppādabhāvena vuccati addhāpaccuppannantogadhattā. Addhāvasena hettha kammajapavattassa paccuppannādikālabhedo adhippeto. Evañca katvā indriyayamake (yama. 3.indriyayamaka.368) ‘‘yassa itthindriyaṃ uppajjati , tassa purisindriyaṃ uppajjissatīti? Pacchimabhavikānaṃ itthīnaṃ upapajjantīnaṃ, yā ca itthiyo rūpāvacaraṃ arūpāvacaraṃ upapajjitvā parinibbāyissanti, yā ca itthiyo eteneva bhāvena katici bhave dassetvā parinibbāyissanti, tāsaṃ upapajjantīnaṃ tāsaṃ itthindriyaṃ uppajjati, no ca tāsaṃ purisindriyaṃ uppajjissatī’’ti vuttaṃ. Na hi tāsaṃ sabbāsaṃ tasmiṃ bhave pavatte purisindriyaṃ na uppajjissati liṅgaparivattanasabbhāvā, bhavantare pana ādiuppādassa abhāvaṃ sandhāya ‘‘no ca tāsaṃ purisindriyaṃ uppajjissatī’’ti vuttaṃ. Bhavantare hi ādiuppādassa anāgatattaṃ adhippetanti. Evañca katvā ‘‘katici bhave dassetvā’’ti bhavaggahaṇaṃ katanti.
‘‘อายตนานํ ปฎิลาโภ ชาตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๘; วิภ. ๒๓๕) วจนโต ตํตํอายตนนิพฺพตฺตกกเมฺมน คหิตปฎิสนฺธิกสฺส อวสฺสํภาวีอายตนสฺส ยาว อายตนปาริปูริ, ตาว อุปฺปชฺชตีติ ปน อเตฺถ คยฺหมาเน ปุจฺฉาทฺวยวิสฺสชฺชนํ สูปปนฺนํ โหติฯ เอวญฺจ สติ ‘‘ยสฺส วา ปน โสตายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชตีติ? ปจฺฉิมภวิกานํ ปญฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานํ, เย จ อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ อุปปชฺชนฺตานํ เตสํ โสตายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, โน จ เตสํ จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอวมาทีสุ (ยม. ๑.อายตนยมก.๙๕) คพฺภเสยฺยกาปิ ปจฺฉิมภวิกาทโย อุปปชฺชนฺตา คหิตา โหนฺติฯ เอวญฺจ กตฺวา อินฺทฺริยยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๖) ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ อิทมฺปิ อุปปนฺนํ โหติฯ โสมนสฺสินฺทฺริยุปฺปาทกสฺส กมฺมสฺส เอกเนฺตน จกฺขุนฺทฺริยุปฺปาทนโต คเพฺภปิ ยาว จกฺขุนฺทฺริยุปฺปตฺติ, ตาว อุปฺปชฺชมานตาย ตสฺสา อภินนฺทิตพฺพตฺตาฯ
‘‘Āyatanānaṃ paṭilābho jātī’’ti (dī. ni. 2.388; vibha. 235) vacanato taṃtaṃāyatananibbattakakammena gahitapaṭisandhikassa avassaṃbhāvīāyatanassa yāva āyatanapāripūri, tāva uppajjatīti pana atthe gayhamāne pucchādvayavissajjanaṃ sūpapannaṃ hoti. Evañca sati ‘‘yassa vā pana sotāyatanaṃ nuppajjissati, tassa cakkhāyatanaṃ nuppajjatīti? Pacchimabhavikānaṃ pañcavokāraṃ upapajjantānaṃ, ye ca arūpaṃ upapajjitvā parinibbāyissanti, tesaṃ upapajjantānaṃ tesaṃ sotāyatanaṃ nuppajjissati, no ca tesaṃ cakkhāyatanaṃ nuppajjatī’’ti evamādīsu (yama. 1.āyatanayamaka.95) gabbhaseyyakāpi pacchimabhavikādayo upapajjantā gahitā honti. Evañca katvā indriyayamake (yama. 3.indriyayamaka.186) ‘‘yassa vā pana somanassindriyaṃ uppajjati, tassa cakkhundriyaṃ uppajjatīti? Āmantā’’ti idampi upapannaṃ hoti. Somanassindriyuppādakassa kammassa ekantena cakkhundriyuppādanato gabbhepi yāva cakkhundriyuppatti, tāva uppajjamānatāya tassā abhinanditabbattā.
ยํ ปน ‘‘ยสฺส วา ปน ยตฺถ รูปายตนํ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส ตตฺถ ฆานายตนํ อุปฺปชฺชตีติ? กามาวจรา จวนฺตานํ, อฆานกานํ กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตานํ, รูปาวจรานํ เตสํ ตตฺถ รูปายตนํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ เตสํ ตตฺถ ฆานายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ ‘‘อฆานกานํ กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๗๖) วุตฺตํ, ตํ เย เอกาทสมสตฺตาหา โอรโต กาลํ กริสฺสนฺติ, เตสํ ฆานายตนานิพฺพตฺตกกเมฺมน คหิตปฎิสนฺธิกานํ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘ยสฺส ยตฺถ ฆานายตนํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส ตตฺถ รูปายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตานํ, อฆานกานํ กามาวจรา จวนฺตานํ, รูปาวจรานํ เตสํ ตตฺถ ฆานายตนํ น นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ ตตฺถ รูปายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ หิ เอตฺถ ‘‘อฆานกานํ กามาวจรา จวนฺตาน’’นฺติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๘๑) วจนํ อนุปฺปเนฺนเยว ฆานายตเน คพฺภเสยฺยกานํ จุติ อตฺถีติ ทีเปติฯ น หิ กามาวจเร คพฺภเสยฺยกโต อโญฺญ อฆานโก อตฺถิ ธมฺมหทยวิภเงฺค (วิภ. ๙๗๘ อาทโย) ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ อฎฺฐายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ อวุตฺตตฺตาติฯ อถ กสฺมา โอปปาติเก เอว สนฺธาย อิธ, อินฺทฺริยยมเก จ ยถาทสฺสิตาสุ ปุจฺฉาสุ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ น วิญฺญายตีติ? ยมเก สนฺนิฎฺฐาเนน คหิตตฺถสฺส เอกเทเส สํสยตฺถสมฺภเวน ปฎิวจนสฺส อกรณโตฯ ภินฺทิตเพฺพ หิ น ปฎิวจนวิสฺสชฺชนํ โหติฯ ยทิ สิยา, ปริปุณฺณวิสฺสชฺชนเมว น สิยาติฯ อถ กสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๖) อิมินา ‘‘คพฺภเสยฺยกานํ โสมนสฺสปฎิสนฺธิ นตฺถี’’ติ น วิญฺญายตีติ? ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺส ทสินฺทฺริยานิ ปาตุภวนฺติ? คพฺภเสยฺยกานํ สตฺตานํ สเหตุกานํ ญาณสมฺปยุตฺตานํ อุปปตฺติกฺขเณ ทสินฺทฺริยานิ ปาตุภวนฺติ กายินฺทฺริยํ มนินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ วา ปุริสินฺทฺริยํ วา ชีวิตินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ วา อุเปกฺขินฺทฺริยํ วา สทฺธินฺทฺริย’’นฺติอาทิวจนโต (วิภ. ๑๐๑๒)ฯ
Yaṃ pana ‘‘yassa vā pana yattha rūpāyatanaṃ uppajjittha, tassa tattha ghānāyatanaṃ uppajjatīti? Kāmāvacarā cavantānaṃ, aghānakānaṃ kāmāvacaraṃ upapajjantānaṃ, rūpāvacarānaṃ tesaṃ tattha rūpāyatanaṃ uppajjittha, no ca tesaṃ tattha ghānāyatanaṃ uppajjatī’’ti ettha ‘‘aghānakānaṃ kāmāvacaraṃ upapajjantāna’’nti (yama. 1.āyatanayamaka.76) vuttaṃ, taṃ ye ekādasamasattāhā orato kālaṃ karissanti, tesaṃ ghānāyatanānibbattakakammena gahitapaṭisandhikānaṃ vasena vuttanti veditabbaṃ. ‘‘Yassa yattha ghānāyatanaṃ na nirujjhati, tassa tattha rūpāyatanaṃ na nirujjhissatīti? Kāmāvacaraṃ upapajjantānaṃ, aghānakānaṃ kāmāvacarā cavantānaṃ, rūpāvacarānaṃ tesaṃ tattha ghānāyatanaṃ na nirujjhati, no ca tesaṃ tattha rūpāyatanaṃ na nirujjhissatī’’ti hi ettha ‘‘aghānakānaṃ kāmāvacarā cavantāna’’nti (yama. 1.āyatanayamaka.181) vacanaṃ anuppanneyeva ghānāyatane gabbhaseyyakānaṃ cuti atthīti dīpeti. Na hi kāmāvacare gabbhaseyyakato añño aghānako atthi dhammahadayavibhaṅge (vibha. 978 ādayo) ‘‘kāmadhātuyā upapattikkhaṇe kassaci aṭṭhāyatanāni pātubhavantī’’ti avuttattāti. Atha kasmā opapātike eva sandhāya idha, indriyayamake ca yathādassitāsu pucchāsu ‘‘āmantā’’ti vuttanti na viññāyatīti? Yamake sanniṭṭhānena gahitatthassa ekadese saṃsayatthasambhavena paṭivacanassa akaraṇato. Bhinditabbe hi na paṭivacanavissajjanaṃ hoti. Yadi siyā, paripuṇṇavissajjanameva na siyāti. Atha kasmā ‘‘yassa vā pana somanassindriyaṃ uppajjati, tassa cakkhundriyaṃ uppajjatīti? Āmantā’’ti (yama. 3.indriyayamaka.186) iminā ‘‘gabbhaseyyakānaṃ somanassapaṭisandhi natthī’’ti na viññāyatīti? ‘‘Kāmadhātuyā upapattikkhaṇe kassa dasindriyāni pātubhavanti? Gabbhaseyyakānaṃ sattānaṃ sahetukānaṃ ñāṇasampayuttānaṃ upapattikkhaṇe dasindriyāni pātubhavanti kāyindriyaṃ manindriyaṃ itthindriyaṃ vā purisindriyaṃ vā jīvitindriyaṃ somanassindriyaṃ vā upekkhindriyaṃ vā saddhindriya’’ntiādivacanato (vibha. 1012).
นิโรธวาเร อนาคตกาลเภเท ยถา ตเสฺสว จิตฺตสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน ตสฺส อุปฺปตฺติกฺขเณ วุโตฺต, เอวํ ตเสฺสว กมฺมชสนฺตานสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน ตสฺส อุปฺปาเท วตฺตโพฺพติ สพฺพตฺถ อุปปชฺชนฺตานํ เอว โส ตถา วุโตฺต, น อุปฺปนฺนานํฯ อุปฺปนฺนานํ ปน อญฺญสฺส อนาคตสฺส สนฺตานสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน วตฺตโพฺพ, น ตเสฺสวฯ ตสฺส หิ อุปฺปาทานนฺตรํ นิโรโธ อารโทฺธ นาม โหตีติฯ ตสฺมา อรหตํ ปวเตฺต โสตสฺส จกฺขุสฺส จ เภเท สติปิ อนาคตกาลามสนวเสเนว ‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสตายตนํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตาฯ ยสฺส วา ปน โสตายตนํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชนทฺวยํ อุปปนฺนเมว โหตีติฯ ยสฺมา จ อุปปตฺติอนนฺตรํ นิโรโธ อารโทฺธ นาม โหติ, ตํนิฎฺฐานภาวโต ปน จุติยา นิโรธวจนํ, ตสฺมา ปวเตฺต นิรุเทฺธปิ สนฺตาเนกเทเส อนิรุทฺธํ อุปาทาย อนิฎฺฐิตนิโรโธติ จุติยาว ตสฺส นิโรโธติ วุจฺจติฯ วกฺขติ หิ ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌตีติ? อามนฺตา’’ติ, เตเนตฺถาปิ จุตินิโรเธ เอว จ อธิเปฺปเต ยญฺจ ปวเตฺต นิรุชฺฌิสฺสติ, ตญฺจ นิฎฺฐานวเสน จุติยา เอว นิรุชฺฌิสฺสตีติ วุตฺตนฺติ ‘‘อามนฺตา’’ติ ยุตฺตํ ปฎิวจนํฯ ‘‘สจกฺขุกาน’’นฺติอาทีสุ จ ‘‘ปฎิลทฺธจกฺขุกาน’’นฺติอาทินา อโตฺถ วิญฺญายตีติฯ
Nirodhavāre anāgatakālabhede yathā tasseva cittassa nirodho anāgatabhāvena tassa uppattikkhaṇe vutto, evaṃ tasseva kammajasantānassa nirodho anāgatabhāvena tassa uppāde vattabboti sabbattha upapajjantānaṃ eva so tathā vutto, na uppannānaṃ. Uppannānaṃ pana aññassa anāgatassa santānassa nirodho anāgatabhāvena vattabbo, na tasseva. Tassa hi uppādānantaraṃ nirodho āraddho nāma hotīti. Tasmā arahataṃ pavatte sotassa cakkhussa ca bhede satipi anāgatakālāmasanavaseneva ‘‘yassa cakkhāyatanaṃ nirujjhissati, tassa sotāyatanaṃ nirujjhissatīti? Āmantā. Yassa vā pana sotāyatanaṃ nirujjhissati, tassa cakkhāyatanaṃ nirujjhissatīti? Āmantā’’ti vissajjanadvayaṃ upapannameva hotīti. Yasmā ca upapattianantaraṃ nirodho āraddho nāma hoti, taṃniṭṭhānabhāvato pana cutiyā nirodhavacanaṃ, tasmā pavatte niruddhepi santānekadese aniruddhaṃ upādāya aniṭṭhitanirodhoti cutiyāva tassa nirodhoti vuccati. Vakkhati hi ‘‘yassa vā pana somanassindriyaṃ nirujjhati, tassa cakkhundriyaṃ nirujjhatīti? Āmantā’’ti, tenetthāpi cutinirodhe eva ca adhippete yañca pavatte nirujjhissati, tañca niṭṭhānavasena cutiyā eva nirujjhissatīti vuttanti ‘‘āmantā’’ti yuttaṃ paṭivacanaṃ. ‘‘Sacakkhukāna’’ntiādīsu ca ‘‘paṭiladdhacakkhukāna’’ntiādinā attho viññāyatīti.
‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส โสตายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? สเพฺพสํ อุปปชฺชนฺตานํ, อจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ จกฺขายตนํ น นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ โสตายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ เอตฺถ อารุเปฺป ปจฺฉิมภวิเก ฐเปตฺวา สเพฺพ อุปปชฺชนฺตา, อจกฺขุกา จวนฺตา จ คหิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ เต หิ ทุติยโกฎฺฐาเสน สงฺคยฺหนฺตีติ ตทเปกฺขตฺตา สาวเสสมิทํ สพฺพวจนํ อจกฺขุกวจนญฺจาติฯ ‘‘อารุเปฺป ปจฺฉิมภวิกาน’’นฺติ เอตฺถ จ อรูปโต ปญฺจโวการํ อคจฺฉนฺตา อนญฺญูปปตฺติกาปิ ‘‘อรูเป ปจฺฉิมภวิกา’’อิเจฺจว สงฺคยฺหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ เอส นโย อเญฺญสุปิ เอวรูเปสูติฯ
‘‘Yassa cakkhāyatanaṃ na nirujjhati, tassa sotāyatanaṃ na nirujjhissatīti? Sabbesaṃ upapajjantānaṃ, acakkhukānaṃ cavantānaṃ tesaṃ cakkhāyatanaṃ na nirujjhati, no ca tesaṃ sotāyatanaṃ na nirujjhissatī’’ti ettha āruppe pacchimabhavike ṭhapetvā sabbe upapajjantā, acakkhukā cavantā ca gahitāti daṭṭhabbā. Te hi dutiyakoṭṭhāsena saṅgayhantīti tadapekkhattā sāvasesamidaṃ sabbavacanaṃ acakkhukavacanañcāti. ‘‘Āruppe pacchimabhavikāna’’nti ettha ca arūpato pañcavokāraṃ agacchantā anaññūpapattikāpi ‘‘arūpe pacchimabhavikā’’icceva saṅgayhantīti veditabbā. Esa nayo aññesupi evarūpesūti.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pavattivāravaṇṇanā niṭṭhitā.
อายตนยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āyatanayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๓. อายตนยมกํ • 3. Āyatanayamakaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๓. อายตนยมกํ • 3. Āyatanayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๓. อายตนยมกํ • 3. Āyatanayamakaṃ