Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จริยาปิฎก-อฎฺฐกถา • Cariyāpiṭaka-aṭṭhakathā

    ๓. อโยฆรจริยาวณฺณนา

    3. Ayogharacariyāvaṇṇanā

    ๒๔. ตติเย อโยฆรมฺหิ สํวโฑฺฒติ อมนุสฺสอุปทฺทวปริวชฺชนตฺถํ จตุรสฺสสาลวเสน กเต มหติ สพฺพอโยมเย เคเห สํวโฑฺฒฯ นาเมนาสิ อโยฆโรติ อโยฆเร ชาตสํวฑฺฒภาเวเนว ‘‘อโยฆรกุมาโร’’ติ นาเมน ปากโฎ อโหสิฯ

    24. Tatiye ayogharamhi saṃvaḍḍhoti amanussaupaddavaparivajjanatthaṃ caturassasālavasena kate mahati sabbaayomaye gehe saṃvaḍḍho. Nāmenāsi ayogharoti ayoghare jātasaṃvaḍḍhabhāveneva ‘‘ayogharakumāro’’ti nāmena pākaṭo ahosi.

    ๒๕-๖. ตทา หิ กาสิรโญฺญ อคฺคมเหสิยา ปุริมตฺตภาเว สปตฺติ ‘‘ตว ชาตํ ชาตํ ปชํ ขาเทยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปตฺวา ยกฺขินิโยนิยํ นิพฺพตฺตา โอกาสํ ลภิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล เทฺว วาเร ปุเตฺต ขาทิฯ ตติยวาเร ปน โพธิสโตฺต ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ราชา ‘‘เทวิยา ชาตํ ชาตํ ปชํ เอกา ยกฺขินี ขาทติ, กิํ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ มนุเสฺสหิ สมฺมเนฺตตฺวา ‘‘อมนุสฺสา นาม อโยฆรสฺส ภายนฺติ, อโยฆรํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุเตฺต กมฺมาเร อาณาเปตฺวา ถเมฺภ อาทิํ กตฺวา อโยมเยเหว สพฺพเคหสมฺภาเรหิ จตุรสฺสสาลํ มหนฺตํ อโยฆรํ นิฎฺฐาเปตฺวา ปริปกฺกคพฺภํ เทวิํ ตตฺถ วาเสสิฯ สา ตตฺถ ธญฺญปุญฺญลกฺขณํ ปุตฺตํ วิชายิฯ ‘‘อโยฆรกุมาโร’’เตฺววสฺส นามํ กริํสุฯ ตํ ธาตีนํ ทตฺวา มหนฺตํ อารกฺขํ สํวิทหิตฺวา ราชา เทวิํ อเนฺตปุรํ อาเนสิฯ ยกฺขินีปิ อุทกวารํ คนฺตฺวา เวสฺสวณสฺส อุทกํ วหนฺตี ชีวิตกฺขยํ ปตฺตาฯ

    25-6. Tadā hi kāsirañño aggamahesiyā purimattabhāve sapatti ‘‘tava jātaṃ jātaṃ pajaṃ khādeyya’’nti patthanaṃ paṭṭhapetvā yakkhiniyoniyaṃ nibbattā okāsaṃ labhitvā tassā vijātakāle dve vāre putte khādi. Tatiyavāre pana bodhisatto tassā kucchiyaṃ paṭisandhiṃ gaṇhi. Rājā ‘‘deviyā jātaṃ jātaṃ pajaṃ ekā yakkhinī khādati, kiṃ nu kho kātabba’’nti manussehi sammantetvā ‘‘amanussā nāma ayogharassa bhāyanti, ayogharaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti vutte kammāre āṇāpetvā thambhe ādiṃ katvā ayomayeheva sabbagehasambhārehi caturassasālaṃ mahantaṃ ayogharaṃ niṭṭhāpetvā paripakkagabbhaṃ deviṃ tattha vāsesi. Sā tattha dhaññapuññalakkhaṇaṃ puttaṃ vijāyi. ‘‘Ayogharakumāro’’tvevassa nāmaṃ kariṃsu. Taṃ dhātīnaṃ datvā mahantaṃ ārakkhaṃ saṃvidahitvā rājā deviṃ antepuraṃ ānesi. Yakkhinīpi udakavāraṃ gantvā vessavaṇassa udakaṃ vahantī jīvitakkhayaṃ pattā.

    มหาสโตฺต อโยฆเรเยว วฑฺฒิตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต, ตเตฺถว สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิฯ ราชา ปุตฺตํ โสฬสวสฺสุเทฺทสิกํ วิทิตฺวา ‘‘รชฺชมสฺส ทสฺสามี’’ติ อมเจฺจ อาณาเปสิ – ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนถา’’ติฯ เต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ นครํ อลงฺการาเปตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ มงฺคลวารณํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา กุมารํ อลงฺกริตฺวา หตฺถิกฺขเนฺธ นิสีทาเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กาเรตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสุํฯ มหาสโตฺต ราชานํ วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ราชา ตสฺส สรีรโสภํ โอโลเกตฺวา พลวสิเนเหน ตํ อาลิงฺคิตฺวา ‘‘อเชฺชว เม ปุตฺตํ อภิสิญฺจถา’’ติ อมเจฺจ อาณาเปสิฯ มหาสโตฺต ปิตรํ วนฺทิตฺวา ‘‘น มยฺหํ รเชฺชน อโตฺถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาถา’’ติ อาหฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทุเกฺขน ชีวิโต ลโทฺธ’’ติอาทิฯ

    Mahāsatto ayoghareyeva vaḍḍhitvā viññutaṃ patto, tattheva sabbasippāni uggaṇhi. Rājā puttaṃ soḷasavassuddesikaṃ viditvā ‘‘rajjamassa dassāmī’’ti amacce āṇāpesi – ‘‘puttaṃ me ānethā’’ti. Te ‘‘sādhu, devā’’ti nagaraṃ alaṅkārāpetvā sabbālaṅkāravibhūsitaṃ maṅgalavāraṇaṃ ādāya tattha gantvā kumāraṃ alaṅkaritvā hatthikkhandhe nisīdāpetvā nagaraṃ padakkhiṇaṃ kāretvā rañño dassesuṃ. Mahāsatto rājānaṃ vanditvā aṭṭhāsi. Rājā tassa sarīrasobhaṃ oloketvā balavasinehena taṃ āliṅgitvā ‘‘ajjeva me puttaṃ abhisiñcathā’’ti amacce āṇāpesi. Mahāsatto pitaraṃ vanditvā ‘‘na mayhaṃ rajjena attho, ahaṃ pabbajissāmi, pabbajjaṃ me anujānāthā’’ti āha. Tena vuttaṃ ‘‘dukkhena jīvito laddho’’tiādi.

    ตตฺถ ทุเกฺขนาติ, ตาต, ตว ภาติกา เทฺว เอกาย ยกฺขินิยา ขาทิตา, ตุยฺหํ ปน ตโต อมนุสฺสภยโต นิวารณตฺถํ กเตน ทุเกฺขน มหตา อายาเสน ชีวิโต ลโทฺธฯ สํปีเฬ ปติโปสิโตติ นานาวิธาย อมนุสฺสรกฺขาย สมฺพาเธ อโยฆเร วิชายนกาลโต ปฎฺฐาย ยาว โสฬสวสฺสุปฺปตฺติยา สมฺพาเธ สํวฑฺฒิโตติ อโตฺถฯ อเชฺชว, ปุตฺต, ปฎิปชฺช, เกวลํ วสุธํ อิมนฺติ กญฺจนมาลาลงฺกตสฺส เสตจฺฉตฺตสฺส เหฎฺฐา รตนราสิมฺหิ ฐเปตฺวา ตีหิ สเงฺขหิ อภิสิญฺจิยมาโน อิมํ กุลสนฺตกํ เกวลํ สกลํ สมุทฺทปริยนฺตํ ตโตเยว สห รเฎฺฐหีติ สรฎฺฐกํ สห นิคเมหิ มหาคาเมหีติ สนิคมํ อปริมิเตน ปริวารชเนน สทฺธิํ สชนํ อิมํ วสุธํ มหาปถวิํ อเชฺชว, ปุตฺต, ปฎิปชฺช, รชฺชํ กาเรหีติ อโตฺถฯ วนฺทิตฺวา ขตฺติยํฯ อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวินฺติ ขตฺติยํ กาสิราชานํ มม ปิตรํ วนฺทิตฺวา ตสฺส อญฺชลิํ ปณาเมตฺวา อิทํ วจนํ อภาสิํฯ

    Tattha dukkhenāti, tāta, tava bhātikā dve ekāya yakkhiniyā khāditā, tuyhaṃ pana tato amanussabhayato nivāraṇatthaṃ katena dukkhena mahatā āyāsena jīvito laddho. Saṃpīḷe patipositoti nānāvidhāya amanussarakkhāya sambādhe ayoghare vijāyanakālato paṭṭhāya yāva soḷasavassuppattiyā sambādhe saṃvaḍḍhitoti attho. Ajjeva, putta, paṭipajja, kevalaṃ vasudhaṃ imanti kañcanamālālaṅkatassa setacchattassa heṭṭhā ratanarāsimhi ṭhapetvā tīhi saṅkhehi abhisiñciyamāno imaṃ kulasantakaṃ kevalaṃ sakalaṃ samuddapariyantaṃ tatoyeva saha raṭṭhehīti saraṭṭhakaṃ saha nigamehi mahāgāmehīti sanigamaṃ aparimitena parivārajanena saddhiṃ sajanaṃ imaṃ vasudhaṃ mahāpathaviṃ ajjeva, putta, paṭipajja, rajjaṃ kārehīti attho. Vanditvā khattiyaṃ. Añjaliṃ paggahetvāna, idaṃ vacanamabravinti khattiyaṃ kāsirājānaṃ mama pitaraṃ vanditvā tassa añjaliṃ paṇāmetvā idaṃ vacanaṃ abhāsiṃ.

    ๒๗. เย เกจิ มหิยา สตฺตาติ อิมิสฺสา มหาปถวิยา เย เกจิ สตฺตา นามฯ หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิมาติ ลามกา เจว อุตฺตมา จ, อุภินฺนํ เวมเชฺฌ ภวตฺตา มชฺฌิมา จฯ สเก เคเหติ สเพฺพ เต สเก เคเหฯ สกญาติภีติ สเกหิ ญาตีหิ สโมฺมทมานา วิสฺสฎฺฐา อนุกฺกณฺฐิตา ยถาวิภวํ วฑฺฒนฺติฯ

    27.Yekeci mahiyā sattāti imissā mahāpathaviyā ye keci sattā nāma. Hīnamukkaṭṭhamajjhimāti lāmakā ceva uttamā ca, ubhinnaṃ vemajjhe bhavattā majjhimā ca. Sake geheti sabbe te sake gehe. Sakañātibhīti sakehi ñātīhi sammodamānā vissaṭṭhā anukkaṇṭhitā yathāvibhavaṃ vaḍḍhanti.

    ๒๘. อิทํ โลเก อุตฺตริยนฺติ อิทํ ปน อิมสฺมิํ โลเก อสทิสํ, มยฺหํ เอว อาเวณิกํฯ กิํ ปน ตํ สํปีเฬ มม โปสนนฺติ สมฺพาเธ มม สํวฑฺฒนํฯ ตถา หิ อโยฆรมฺหิ สํวโฑฺฒ, อปฺปเภ จนฺทสูริเยติ จนฺทสูริยานํ ปภารหิเต อโยฆเร สํวโฑฺฒมฺหีติ สํวโฑฺฒ อมฺหิฯ

    28.Idaṃ loke uttariyanti idaṃ pana imasmiṃ loke asadisaṃ, mayhaṃ eva āveṇikaṃ. Kiṃ pana taṃ saṃpīḷe mama posananti sambādhe mama saṃvaḍḍhanaṃ. Tathā hi ayogharamhi saṃvaḍḍho, appabhe candasūriyeti candasūriyānaṃ pabhārahite ayoghare saṃvaḍḍhomhīti saṃvaḍḍho amhi.

    ๒๙. ปูติกุณปสมฺปุณฺณาติ ปูติคนฺธนานปฺปการกุณปสมฺปุณฺณา คูถนิรยสทิสาฯ มาตุ กุจฺฉิโต ชีวิตสํสเย วตฺตมาเน กถํ มุจฺจิตฺวา นิกฺขมิตฺวาฯ ตโต โฆรตเรติ ตโตปิ คพฺภวาสโต ทารุณตเร, อวิสฺสฎฺฐวาเสน ทุเกฺขฯ ปกฺขิตฺตโยฆเรติ ปกฺขิโตฺต อโยฆเร, พนฺธนาคาเร ฐปิโต วิย อโหสินฺติ ทเสฺสติฯ

    29.Pūtikuṇapasampuṇṇāti pūtigandhanānappakārakuṇapasampuṇṇā gūthanirayasadisā. Mātu kucchito jīvitasaṃsaye vattamāne kathaṃ muccitvā nikkhamitvā. Tato ghoratareti tatopi gabbhavāsato dāruṇatare, avissaṭṭhavāsena dukkhe. Pakkhittayoghareti pakkhitto ayoghare, bandhanāgāre ṭhapito viya ahosinti dasseti.

    ๓๐. ยทิหนฺติ เอตฺถ ยทีติ นิปาตมตฺตํฯ ตาทิสนฺติ ยาทิสํ ปุเพฺพ วุตฺตํ, ตาทิสํ ปรมทารุณํ ทุกฺขํ ปตฺวา อหํ รเชฺชสุ ยทิ รชฺชามิ ยทิ รมิสฺสามิ, เอวํ สเนฺต ปาปานํ ลามกานํ นิหีนปุริสานํ อุตฺตโม นิหีนตโม สิยํ

    30.Yadihanti ettha yadīti nipātamattaṃ. Tādisanti yādisaṃ pubbe vuttaṃ, tādisaṃ paramadāruṇaṃ dukkhaṃ patvā ahaṃ rajjesu yadi rajjāmi yadi ramissāmi, evaṃ sante pāpānaṃ lāmakānaṃ nihīnapurisānaṃ uttamo nihīnatamo siyaṃ.

    ๓๑. อุกฺกณฺฐิโตมฺหิ กาเยนาติ อปริมุตฺตคพฺภวาสาทินา ปูติกาเยน อุกฺกณฺฐิโต นิพฺพิโนฺน อมฺหิฯ รเชฺชนมฺหิ อนตฺถิโกติ รเชฺชนปิ อนตฺถิโก อมฺหิฯ ยกฺขินิยา หตฺถโต มุโตฺตปิ หิ นาหํ อชรามโร, กิํ เม รเชฺชน, รชฺชญฺหิ นาม สเพฺพสํ อนตฺถานํ สนฺนิปาตฎฺฐานํ, ตตฺถ ฐิตกาลโต ปฎฺฐาย ทุนฺนิกฺขมํ โหติ, ตสฺมา ตํ อนุปคนฺตฺวา นิพฺพุติํ ปริเยสิสฺสํ, ยตฺถ มํ มจฺจุ น มทฺทิเยติ ยตฺถ ฐิตํ มํ มหาเสโน มจฺจุราชา น มทฺทิเย น โอตฺถเรยฺย น อภิภเวยฺย, ตํ นิพฺพุติํ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิสฺสามีติฯ

    31.Ukkaṇṭhitomhi kāyenāti aparimuttagabbhavāsādinā pūtikāyena ukkaṇṭhito nibbinno amhi. Rajjenamhi anatthikoti rajjenapi anatthiko amhi. Yakkhiniyā hatthato muttopi hi nāhaṃ ajarāmaro, kiṃ me rajjena, rajjañhi nāma sabbesaṃ anatthānaṃ sannipātaṭṭhānaṃ, tattha ṭhitakālato paṭṭhāya dunnikkhamaṃ hoti, tasmā taṃ anupagantvā nibbutiṃ pariyesissaṃ, yattha maṃ maccu na maddiyeti yattha ṭhitaṃ maṃ mahāseno maccurājā na maddiye na otthareyya na abhibhaveyya, taṃ nibbutiṃ amatamahānibbānaṃ pariyesissāmīti.

    ๓๒. เอวาหํ จินฺตยิตฺวานาติ เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน นานปฺปการํ สํสาเร อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขเณน นิพฺพาเน อานิสํสทสฺสเนน จ โยนิโส จิเนฺตตฺวาฯ วิรวเนฺต มหาชเนติ มยา วิปฺปโยคทุกฺขาสหเนน วิรวเนฺต ปริเทวเนฺต มาตาปิตุปฺปมุเข มหเนฺต ชเนฯ นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวาติ ยถา นาม มหาพโล หตฺถินาโค ทุพฺพลตรํ รชฺชุพนฺธนํ สุเขเนว ฉินฺทติ, เอวเมว ญาติสงฺคาทิเภทสฺส ตสฺมิํ ชเน ตณฺหาพนฺธนสฺส ฉินฺทเนน พนฺธนํ เฉตฺวา กานนสงฺขาตํ มหาวนํ ปพฺพชฺชูปคมนวเสน ปาวิสิํฯ โอสานคาถา วุตฺตตฺถา เอวฯ

    32.Evāhaṃ cintayitvānāti evaṃ iminā vuttappakārena nānappakāraṃ saṃsāre ādīnavaṃ paccavekkhaṇena nibbāne ānisaṃsadassanena ca yoniso cintetvā. Viravante mahājaneti mayā vippayogadukkhāsahanena viravante paridevante mātāpituppamukhe mahante jane. Nāgova bandhanaṃ chetvāti yathā nāma mahābalo hatthināgo dubbalataraṃ rajjubandhanaṃ sukheneva chindati, evameva ñātisaṅgādibhedassa tasmiṃ jane taṇhābandhanassa chindanena bandhanaṃ chetvā kānanasaṅkhātaṃ mahāvanaṃ pabbajjūpagamanavasena pāvisiṃ. Osānagāthā vuttatthā eva.

    ตตฺถ จ มหาสโตฺต อตฺตโน ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ ชานิตฺวา ‘‘ตาต, กิํการณา ปพฺพชสี’’ติ รญฺญา วุโตฺต ‘‘เทว, อหํ มาตุกุจฺฉิมฺหิ ทส มาเส คูถนิรเย วิย วสิตฺวา มาตุ กุจฺฉิโต นิกฺขโนฺต ยกฺขินิยา ภเยน โสฬสวสฺสานิ พนฺธนาคาเร วสโนฺต พหิ โอโลเกตุมฺปิ น ลภิํ, อุสฺสทนิรเย ปกฺขิโตฺต วิย อโหสิํ, ยกฺขินิโต มุโตฺตปิ อชรามโร น โหมิ, มจฺจุ นาเมส น สกฺกา เกนจิ ชินิตุํ, ภเว อุกฺกณฺฐิโตมฺหิ, ยาว เม พฺยาธิชรามรณานิ นาคจฺฉนฺติ, ตาวเทว ปพฺพชิตฺวา ธมฺมํ จริสฺสามิ, อลํ เม รเชฺชน, อนุชานาหิ มํ, เทว, ปพฺพชิตุ’’นฺติ วตฺวา –

    Tattha ca mahāsatto attano pabbajjādhippāyaṃ jānitvā ‘‘tāta, kiṃkāraṇā pabbajasī’’ti raññā vutto ‘‘deva, ahaṃ mātukucchimhi dasa māse gūthaniraye viya vasitvā mātu kucchito nikkhanto yakkhiniyā bhayena soḷasavassāni bandhanāgāre vasanto bahi oloketumpi na labhiṃ, ussadaniraye pakkhitto viya ahosiṃ, yakkhinito muttopi ajarāmaro na homi, maccu nāmesa na sakkā kenaci jinituṃ, bhave ukkaṇṭhitomhi, yāva me byādhijarāmaraṇāni nāgacchanti, tāvadeva pabbajitvā dhammaṃ carissāmi, alaṃ me rajjena, anujānāhi maṃ, deva, pabbajitu’’nti vatvā –

    ‘‘ยเมกรตฺติํ ปฐมํ, คเพฺภ วสติ มาณโว;

    ‘‘Yamekarattiṃ paṭhamaṃ, gabbhe vasati māṇavo;

    อพฺภุฎฺฐิโตว โส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตี’’ติฯ (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓) –

    Abbhuṭṭhitova so yāti, sa gacchaṃ na nivattatī’’ti. (jā. 1.15.363) –

    อาทินา จตุวีสติยา คาถาหิ ปิตุ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺหากเมว โหตุ, น มยฺหํ อิมินา อโตฺถ, ตุเมฺหหิ สทฺธิํ กเถเนฺตเยว พฺยาธิชรามรณานิ อาคเจฺฉยฺยุํ, ติฎฺฐถ ตุเมฺห’’ติ วตฺวา อยทามํ ฉินฺทิตฺวา มตฺตหตฺถี วิย, กญฺจนปญฺชรํ ภินฺทิตฺวา สีหโปตโก วิย, กาเม ปหาย มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา นิกฺขมิฯ อถสฺส ปิตา ‘‘อยํ นาม กุมาโร ปพฺพชิตุกาโม, กิมงฺคํ ปนาหํ, มมาปิ รเชฺชน อโตฺถ นตฺถี’’ติ รชฺชํ ปหาย เตน สทฺธิํ เอว นิกฺขมิฯ ตสฺมิํ นิกฺขมเนฺต เทวีปิ อมจฺจาปิ พฺราหฺมณคหปติกาทโยปีติ สกลนครวาสิโน โภเค ฉเฑฺฑตฺวา นิกฺขมิํสุฯ สมาคโม มหา อโหสิ, ปริสา ทฺวาทสโยชนิกา ชาตา, เต อาทาย มหาสโตฺต หิมวนฺตํ ปาวิสิฯ

    Ādinā catuvīsatiyā gāthāhi pitu dhammaṃ desetvā ‘‘mahārāja, tumhākaṃ rajjaṃ tumhākameva hotu, na mayhaṃ iminā attho, tumhehi saddhiṃ kathenteyeva byādhijarāmaraṇāni āgaccheyyuṃ, tiṭṭhatha tumhe’’ti vatvā ayadāmaṃ chinditvā mattahatthī viya, kañcanapañjaraṃ bhinditvā sīhapotako viya, kāme pahāya mātāpitaro vanditvā nikkhami. Athassa pitā ‘‘ayaṃ nāma kumāro pabbajitukāmo, kimaṅgaṃ panāhaṃ, mamāpi rajjena attho natthī’’ti rajjaṃ pahāya tena saddhiṃ eva nikkhami. Tasmiṃ nikkhamante devīpi amaccāpi brāhmaṇagahapatikādayopīti sakalanagaravāsino bhoge chaḍḍetvā nikkhamiṃsu. Samāgamo mahā ahosi, parisā dvādasayojanikā jātā, te ādāya mahāsatto himavantaṃ pāvisi.

    สโกฺก เทวราชา ตสฺส นิกฺขนฺตภาวํ ญตฺวา วิสฺสกมฺมํ เปเสตฺวา ทฺวาทสโยชนายามํ สตฺตโยชนวิตฺถารํ อสฺสมปทํ กาเรสิ, สเพฺพ จ ปพฺพชิตปริกฺขาเร ปฎิยาทาเปสิฯ อิธ มหาสตฺตสฺส ปพฺพชฺชา จ โอวาททานญฺจ พฺรหฺมโลกปรายนตา จ ปริสาย สมฺมา ปฎิปตฺติ จ สพฺพา มหาโควินฺทจริยายํ (จริยา. ๑.๓๗ อาทโย) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ

    Sakko devarājā tassa nikkhantabhāvaṃ ñatvā vissakammaṃ pesetvā dvādasayojanāyāmaṃ sattayojanavitthāraṃ assamapadaṃ kāresi, sabbe ca pabbajitaparikkhāre paṭiyādāpesi. Idha mahāsattassa pabbajjā ca ovādadānañca brahmalokaparāyanatā ca parisāya sammā paṭipatti ca sabbā mahāgovindacariyāyaṃ (cariyā. 1.37 ādayo) vuttanayeneva veditabbā.

    ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ปริสา พุทฺธปริสา, อโยฆรปณฺฑิโต โลกนาโถฯ

    Tadā mātāpitaro mahārājakulāni ahesuṃ, parisā buddhaparisā, ayogharapaṇḍito lokanātho.

    ตสฺส เสสปารมินิทฺธารณา อานุภาววิภาวนา จ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติฯ

    Tassa sesapāraminiddhāraṇā ānubhāvavibhāvanā ca heṭṭhā vuttanayeneva veditabbāti.

    อโยฆรจริยาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ayogharacariyāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / จริยาปิฎกปาฬิ • Cariyāpiṭakapāḷi / ๓. อโยฆรจริยา • 3. Ayogharacariyā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact